เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก จะมองเห็นดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เนื่องจากแสงจากดวงอาทิตย์ถูกหักเหโดยบรรยากาศโลก
ผิด !ไม่เชื่อลองดูก็ได้
ลองทดสอบกับดวงจันทร์ดู ในคืนที่ฟ้าใส เดือนเพ็ญ หรือใกล้ ๆ เพ็ญ เตรียมกล้องถ่ายรูปพร้อมกับเลนส์เทเลโฟโต้ขนาดเหมาะมือสักอันหนึ่ง เมื่อดวงจันทร์ขึ้นจากขอบฟ้าตอนหัวค่ำ เราจะเห็นว่าดวงจันทร์มีขนาดใหญ่โตกว่าปกติ ถ่ายรูปดวงจันทร์ตอนนี้เอาไว้ภาพหนึ่ง หลังจากนั้นประมาณ 4-5 ชั่วโมง ดวงจันทร์จะขึ้นมาสูงถึงเกือบกลางศีรษระและแลดูขนาดเล็กกว่าตอนที่เห็นเมื่อ หัวค่ำมากมาย ให้ถ่ายภาพดวงจันทร์ตอนนี้อีกภาพหนึ่ง ด้วยเลนส์ตัวเดิม หลังจากล้างฟิล์มออกมาแล้วลองเปรียบเทียบขนาดของดวงจันทร์ของทั้งสองภาพดู
ภาพดวงจันทร์ทั้งสองภาพมีขนาดเท่ากันทุกประการ
เหตใดจึงเป็นเช่นนั้น?
เกิดจากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณขอบฟ้าเช่นหลังคาบ้าน ต้นไม้ ช่วยเสริมให้ภาพของดวงจันทร์ที่ขอบฟ้าดูมีขนาดใหญ่เกินจริง ในขณะที่ดวงจันทร์ที่อยู่มุมเงยสูง ๆ จะไม่มีอะไรอยู่เคียงข้างจึงดูเหมือนกับดวงเล็กลง คนที่เคยดูเครื่องบินโดยสารที่รันเวย์ของสนามบินก็จะรู้สึกว่าเครื่องบิน นั่นมีขนาดเล็ก ประมาณขนาดราว ๆ รถบัสสักคันเห็นจะได้ แต่เมื่อเห็นรถบันไดเข้าไปเทียบและมีคนเดินออกมาจึงได้ทราบว่าเครื่องบินลำ นั้นช่างใหญ่โตมโหฬารเสียจริง ๆ ในกรณีนี้ก็สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน ประสาทสัมผัสของคนเรามักถูกสิ่งแวดล้อมหลอกเอาอยู่เสมอ แต่กล้องถ่ายรูปที่เราใช้ทดลองมีความแม่นยำและซื่อตรงกว่าจึงเป็นสิ่งที่ พิสูจน์ข้อเท็จจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี
ที่กล่าวว่าบรรยากาศของโลกหักเหแสงของดวงอาทิตย์นั้นก็มีส่วนจริง แต่ผลของการหักเหคือทำให้ตำแหน่งและสีของดวงอาทิตย์คลาดเคลื่อนจากความเป็น จริงเท่านั้น
หมายเหตุ
เหตุที่แนะนำให้ทำการทดลองกับดวงจันทร์แทนเนื่องจากปลอดภัยต่อสายตาและ กล้องมากกว่า หากทดลองกับดวงอาทิตย์ก็จะให้ผลเช่นเดียวกัน แต่จะต้องใช้อุปกรณ์กรองแสงที่เหมาะสมด้วย
ไม่ไปวันนี้ จะต้องรออีกกี่ปีแสง?
นี่ก็ไม่มี !คำว่า "ปีแสง" เป็นหน่วยของระยะทาง ไม่ใช่หน่วยของเวลา เท่ากับระยะทางที่แสงเดินทางในเวลาหนึ่งปี ดังนั้นจึงมีแต่คำว่า "ไกลหลายปีแสง" หรือ "นายหลายปี" เท่านั้น ด้วยเหตุที่มีคำว่า "ปี" อยู่ด้วยจึงมักมีผู้เข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นหน่วยของเวลา
จะดูอาทิตย์เที่ยงคืนก็ต้องไปนอร์เวย์
ไม่จำเป็น !ขอเพียงพื้นที่นั้นอยู่ที่ละติจูดสูงกว่า 66.5 หรือต่ำกว่า -66.5 องศาก็มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนในกลางฤดูร้อนได้ทั้งนั้น
ทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์
มีซะที่ไหนกัน !ไอน์สไตน์ไม่เคยเขียนทฤษฎีอย่างว่านี้หรอก ทฤษฎีที่ชื่อ Theory of Relativity ของเขาน่ะเรียกว่า ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ต่างหาก
สุริยุปราคาคือปรากฏการณ์ที่เงาดวงจันทร์ไปบังดวงอาทิตย์
ผิด !คนมักพูดกันแบบนี้ จริง ๆ แล้วสิ่งกลม ๆ ดำ ๆ ที่ไปบังดวงอาทิตย์เวลาเกิดสุริยุปราคานั่นคือดวงจันทร์จริง ๆ ไม่ใช่เงาดวงจันทร์ เงาดวงจันทร์คือสิ่งที่มาพาดบนผิวโลก ทำให้บริเวณที่ถูกเงาพาดเกิดความมืดชั่วขณะ และคนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวก็สามารถมองเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง ได้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจถูกต้องดีอยู่แล้วว่าอะไรบังอะไร แต่คงเพราะเห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับความมืดกระมัง พอพูดหรือเขียนออกมาทีไรมักมีคำว่าเงาออกมาอยู่บ่อย ๆ เรียกว่าผิดเพราะลมปากพาไปแท้ ๆ
![]() |
วงกลมสีดำที่บังดวงอาทิตย์ในปรากฏการณ์สุริยุปราคาคือดวงจันทร์ ไม่ใช่เงาดวงจันทร์ |
สู่สหัสวรรษใหม่ ปี 2000
ยังสหัสวรรษที่ 3 จะเริ่มเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2001 ไม่ใช่ปี 2000 เนื่องจากปี ค.ศ.เริ่มต้นที่ ค.ศ.1 ไม่ใช่ ค.ศ. 0 ดังนั้น การขึ้นสหัสวรรษใหม่จึงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ของปี 1001, 2001, 3001...
ในทำนองเดียวกัน การขึ้นศตวรรษใหม่จึงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ของปี 101, 201, 301... ด้วย
ผมใช้กล้องชมิดท์
ใช่เหรอ?กล้องโทรทรรศน์ชนิดที่เป็นที่นิยมมากชนิดหนึ่งในหมู่นักดูดาวทั่วโลกคือ กล้องแบบชมิดท์แคสสิเกรน (Schmidt-Cassigrain) แต่เราจะเรียกกล้องชนิดนี้ย่อ ๆ ว่า "กล้องชมิดท์" ไม่ได้ เพราะหากพูดว่า "กล้องชมิดท์" จะหมายถึงกล้องอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งรูปร่างคล้าย ๆ กับกล้องแบบแคสสิเกรน ไม่มีเลนส์ตาสำหรับมอง แต่มีช่องด้านข้างกล้องสำหรับติดและถอดแผ่นเพลตแทน หรือไม่ก็มีสายไฟออกมาสำหรับให้ต่อเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ กล้องชมิดท์นี้เป็นกล้องสำหรับถ่ายภาพโดยเฉพาะ มีราคาแพงมาก เนื่องจากกล้องแบบชมิดท์แคสสิเกรนกับกล้องแบบชมิดท์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากจะเรียกกล้องแบบชมิดท์แคสสิเกรน ควรเรียกตรง ๆ ว่า "ชมิดท์แคสสิเกรน" หรือถ้าจะเรียกย่อ ๆ ก็ควรเรียกว่า "กล้องเอสซีที" (SCT) มากกว่า
คืนเดือนหงายคือคืนที่ดวงจันทร์เป็นรูปเสี้ยวหงาย คืนเดือนคว่ำคือคืนที่ดวงจันทร์เป็นรูปเสี้ยวคว่ำ
มั่วแล้วเดือนหงายหมายถึงคืนที่เห็นดวงจันทร์ คำที่ตรงข้ามกันคือคำว่าเดือนมืด หมายถึงคืนที่มองไม่เห็นดวงจันทร์ ส่วนเดือนคว่ำไม่มี
ดาวประจำเมืองคือดาวที่อยู่กับที่ อยู่ทางทิศเหนือ เรียกอีกชื่อว่าดาวเหนือ
นี่ก็มั่วดาวประจำเมืองคือดาวศุกร์ที่เห็นในช่วงหัวค่ำ ปรากฏอยู่บริเวณทิศตะวันตก อาจเฉียงเหนือหรือใต้ได้บ้าง แต่ไม่ใช่ทิศเหนือ และไม่ใช่ดาวเหนือ ดาวเหนือก็คือดาวเหนือ คนละดวงกัน
เข้าใจว่าคงเพราะดาวประจำเมืองมีคำว่า "ประจำ" อยู่นี่เอง ทำให้คนมักคิดไปว่าเป็นดาวที่ประจำอะไรสักอย่าง จึงไพล่ไปนึกถึงดาวเหนือซึ่งมีตำแหน่งประจำขั้วฟ้าเหนือ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด
ฝนดาวตกเกิดจากการที่ธารสะเก็ดดาวจากดาวหางเคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลก แรงดึงดูดของโลกจึงดึงดูดสะเก็ดดาวเข้ามาสู่โลกกลายเป็นดาวตก
ผิดแล้วเคยเห็นข้อความนี้จากสื่อเผยแพร่ความรู้หรือบทความจากหน่วยงานไหนสักแห่ง ดู ๆ ไม่น่าจะผิดแต่ก็ผิด ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สะเก็ดดาวจากดาวหางตกลงสู่โลกจำกลายเป็นฝนดาวตก เกิดจากการที่เส้นทางการโคจรของโลกไปตัดกับธารสะเก็ดดาวเอง เมื่อโลกเคลื่อนที่ฝ่าเข้าไปในธารสะเก็ดดาว สะเก็ดดาวจึงเข้ามาสู่บรรยากาศโลกกลายเป็นดาวตก แรงดึงดูดของโลกแม้จะมีอยู่จริง แต่มีผลต่อการทิศทางการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาวน้อยมากจนแทบจะตัดออกไปได้เลย
ขอขอบคุณ
สมาคมดาราศาสตร์ไทย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น