มหันตภัยชำระโลกล้างระบบสู่ความสมดุลครั้งที่ 4..แน่หรือ!

ได้ตัดสินใจจะลงเรื่องนี้ มีเรื่องประหลาดอยู่นิดนึงค่ะ

จากท้องฟ้าที่ใส ๆ เกิดเมฆหมอกดำเฉพาะรอบตัวบ้าน
แล้วเกิดฝนตกลงมาเฉพาะในรัศนมีประมาณ 1 เมตร
แค่รอบบ้านเท่านั้นนะคะ แปลกดีค่ะ....
ประมาณสัก ครึ่งนาทีมั้ง ฝนก็หายไป

บางทีเราได้ยินและรับรู้เรื่องภัยพิบัติกันมามากมายหลายข้อมูล
หลายแห่ง หลายสถานที่ กันมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้วค่ะ

แต่สิ่งที่เราได้เห็นทีทุกคนกล่าวกันว่า..ไม่เห็นเกิดจากที่ทำนายเลย
มีการเลื่อนบ่อยครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ถ้าเราติดตามสถานการณ์
ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับต่างประเทศเสียมากกว่า
เมืองไทยของเราไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่นัก
แต่ผู้ประสบภัยต่างประเทศที่รับอยู่เรื่อย ๆ บ่อย ๆ
วนเวียนรับผลเคราะห์กรรมจากภัยพิบัตินั้น ๆ
บางคนอาจสาหัสสากรรจ์ กับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เพียงพอหรือยัง
แล้วผลสุดท้ายล่ะ..จะเป็นดั่งคำทำนายหรือไม่...

เราลองมาฟังคำจากรูปธรรมต่างมิติที่สูงกว่า...กล่าวไว้ว่าอย่างไร
ได้ฝากเตือนด้วยความรักและปราถนาดีต่อมนุษย์ทุกคน
ที่เขารู้และมองเห็นได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้

และทุกคนที่เป็นมนุษย์ส่วนใหญ่รับรู้สัมผัสได้แค่มิติโลกเท่านั้น
ถ้าหากมีสิ่งใดที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าเตือนหรือบอกกล่าวล่วงหน้ามาให้
หรือแจ้งข้อมูลข่าวสารมาให้ด้วยความปราถนาดี..เราจะเชื่อไหม
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราเชื่อ! หรือ..ไม่เชื่อ! นะค่ะ

ที่มา: คลื่นความคิดจากจิตจักรวาล อ.ปริญญา

 

ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งที่ผ่านมาดาวเคราะห์โลกได้เกิดขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว


ครั้งแรก เราคงจำได้ว่า "ไดโนเสาร์" ได้หายออกไปจากระบบโลกได้อย่างไร
การที่ไดโนเสาร์หายไปจากระบบโลก ก็เนื่องมาจากชำระระบบที่ว่าตอนนั้นโลกหยุดหมุนกระทันหันไปชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ไดโนเสาร์ที่เป็นสัตว์ประจำโลกที่สูญพันธ์ไปจากโลก

ครั้งที่ 2 ยุคแอตแลนติส

ครั่งที่ 3 ยุคโรมัน

และ ครัังที่ 4 ที่เราทราบกันและรู้รู้ข้อมูลข่าวสารตามคำทำนายต่าง ๆ ว่าจะเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่มีผลที่ชัดเจน มีแต่ภัยพิบัติรอบโลกที่เกิดขึ้นตามทวีปต่าง ๆ นั่้นเป็นสาเหตุหนึ่งใช่หรือไม่

จิตจักรวาลยืนยันว่า โลกยังไม่ถึงกาลแตกดับ....

จงอย่าเชื่อคำพยากรณ์ใด ๆ ในเรื่องโลกแตกอีกเลย เพราะถ้าหากโลกแตกดับเข้าจริง ๆ มันจะก่อให้เกิดการเสียสมดุลของระบบสุริยะนี้


แต่การชำระระบบอยู่นี้ มันเป็นเพียงแค่ก่อให้เกิดสภาวะวิกฤติทาธรรมชาติที่รุนแรงบนพื้นที่ ๆ ได้ถูกกำหนดเป้าหมายเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเท่านั้น เมื่อการกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นลง ทุกสรรพสิ่งในระบบโลกที่เหลืออยู่ก็จะได้รับโอกาสให้เคลื่อนไหลได้ต่อไป

แต่ว่า...ภัยธรรมชาติจะรุนแรงในระดับไหน...แค่นั้นเองค่ะ....

และมนุษย์บนโลกจะต้องเผชิญกับอะไรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นบ้าง...

เชื่อได้แน่หรือ....เราลองมาพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของเรา ณ ปัจจุบันกันค่ะ ว่าใช่ดั่งที่ผู้ที่มองอยู่ฟากฟ้าเบื้องบนที่เห็นอยู่นั้นเป็นจริงดั่งที่กล่าวหรือเปล่านะค่ะ

 

รออ่านจ้า

อันที่จริงทุกสรรพสิ่งล้วนทำหน้าที่ โลกขาดสมดุล ธรรมชาติย่อมต้องปรับสมดุล ขนาดเราป่วยยังต้องขวนขวายรักษาสมดุลจนหายป่วย แล้วโลกกำลังป่วย จะไม่ให้เขาปรับสมดุลเลยหรือ โลกเข้าสู่ยุคคนชั่วเสวยบุญ คนดีตกระกำ แล้วอย่างนี้ธรรมชาติย่อมต้องทำหน้าที่ไหม ชอบธรรมไหม
เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายก็มีหน้าที่ เตรียมตัวรอทำหน้าที่ ประคับประคองคนดีให้รอดพ้นเพื่อเข้าสู่อีกยุค ใช่ไหมหนอ

 

เอาสิ่งที่ตัวเองรู้มาเล่าดีกว่า ดีกว่าลอกเขาไปวันๆ โดยไม่แน่ว่าจะเกิดไม่เกิด มาทำให้คนอื่นคิดโดยที่ตัวยังไม่กล้าฟันธงเลย มันสุ่มเสี่ยงนะ.. ผิดถูก คนมันตอบด้วยใจของตัว ถ้าจะลอกเขามาลง ก็ต่อ Link อ.ปริญญาซะก็จบ จะมาเล่า 3-4 ต่อทำไม เปลืองน้ำลาย
ถ้าคุณรู้เหมือนคุณปริญญา โดยไม่ลอกมา ผมจะคิด เพราะหากมี2 คนพูดเรื่องเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย มันน่าคิด หากแต่คุณจะลอกเขามาเล่า มันก็ชวนคิด ..ชวนคิดว่า จะมาเสียเวลาไร้สาระทำไม มันต่างตรงไหน

 

จักรวาลมองเห็นอนาคตที่มนุษย์ต้องเผชิญ อันเกิดจากการทำลายความสมดุลของสรรพสิ่งในระบบโลก และ ทำลายระดับความสมดุลทางพลังงานในมิติคู่ขนาน ซึ่งจะนำมหันตภัร้ายแรงมาสู่ดาวเคราะห์โลก ระบบสุริยะจักรวาลและกาแล๊กซี่ทางช้างเผือกตามลำดับ

สังคมในยุคนี้คล้ายยุคแห่งเลมูเรียแอตแลนติสตอนปลายไม่ผิด ผู้คนส่วนใหญ่ ดำเนินชีวิตกันอย่างสับสน มีจิตสำนึกบกพร่อง ประชากรโลกขาดความเป็นหนึ่งเดียว แย่งชิงกันสร้างขยะเทคโนโลยี และแย่งชิงอำนาจกันอย่างก้าวร้าว มีการทำลายชีวิตเพื่อชีวิต ทำลายอำนาจเพื่ออำนาจ ลุ่มหลงมัวเมาในวัตถุ มีจิตใจต่ำทรามลงทุกวัน

จิตสำนึกที่ตกต่ำของมนุษย์โลก นอกจากจะนำไปสู่ความหายนะในสังคมที่เต็มไปด้วยขยะเทคโนโลยีแล้ว มันยังทำให้โลกขาดแคลนพลังงานหนักขึ้น ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลง เชื้อโรคร้ายวิวัฒนาการสายพันธ์ตนเองจนเป็นภัยแแก่ชีวิตมากขึ้น การก่อความรุนแรงด้วยอำนาจในสังคมมนุษย์หล่อแหลมต่อการเกิดศึกสงครามกระทำตนเป็นอุปสรรคต่อมุษย์ผู้อื่นบนผืนแผ่นดินในสังคมนั้น

แทนที่คุณธรรม มโนธรรม จะช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุลได้ กลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า ปล่อยให้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกลายเป็นลมหายใจของมนุษย์ทุกคนไปคล้ายศาสนาใหม่ที่ผู้คนคลั่งไคล้และยอมรับมันมากกว่าศานาแห่งจักรวาลที่แท้จริง โลกกับมนุษย์จึงไม่อาจหนีความวิบัติอันน่าพรั่นพรึงได้

ในกาลอดีต พระพุทธองค์ได้หยั่งรู้สถานการณ์โลกล่วงหน้าที่ตรัสกับพระอานนท์ซึ่งบันทึกเป็นหลักฐานไว้ เพื่อสร้างสติปัญญาทางวิญญาณ รหัสลับจากจักรวาล ซึ่งเป็นพุทธทำนายเป็นสิ่งที่ได้รับการเปิดมิติให้ถอดความหมาย เพื่อเป็นความรู้ใหม่ เพื่อให้โอกาสมนุษย์ได้เปลี่ยนจิตสำนึกที่ผิดพลาดของตนเสียใหม่ก่อนมหันตภัยธรรมชาติจากการชำระระบบโลกของจักรวาลขั้นตอนสุดท้ายมันจะเริ่มต้นขึ้น

นอกเหนือจากพุทธทำนายดังได้กล่าวแล้ว ยังมีคำพยากรณ์ของนอสตราดามุส ที่จักรวาลฉายให้เห็นภาพเงาของเหตุการณ์ในอนาคตบนผิวน้ำ ซึ่งเข้าได้จดบันทึกเอาไว้เพื่อลรรยายเหตุการณ์อนาคตโลกที่จะเกิดขึ้นเอาไว้มากมาย ที่หลายเหตุการณ์ได้ผ่านยืนยันความแม่นยำกันไปแล้ว มนุษย์จงรับรู้ไว้ด้วยว่า คำพยากรณ์ใดๆ ในอดีตของเขามันคือความแม่นยำแท้จริง เนื่องจากจักรวาลได้คัดเลือกให้เขารับหน้าที่อ่านภาพจากเงาแห่งอนาคตแล้วถอดความหมายเผยแพร่ให้มนุษย์โลกได้รู้ เพื่อจะช่วยเตือนสติให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงการคิดและการตัดสินใจเสียใหม่

ทว่าหลังการชำระระบบโลกคืนสู่ความสมดุลเสียใหม่ คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสมันจะไม่เป็นจริงและไม่แม่นยำอีกต่อไป เนื่องจากมนุษย์ในยุคพลังงานใหม่ทุกคนจะถูกเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกที่แตกต่างไปจากเดิม มนุษย์ที่มีจิตสำนึกบกพร่องแลเป็นภัยต่อผู้อื่นอย่างร้ายแรง จะถูกชำระออกไปจากมิติโลก

และก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับโลก ณ ปัจจุบันนี้อยู่ ...

เมื่อโลกขาดความสมดุล ซึ่งมีผลกับการแกว่งหมุนของโลก ทำไมจึงมีความสำคัญในระดับจักรวาล มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร

ที่ชำระระบบโลกเสียใหม่ แทนที่ที่จะค่อย ๆ จัดการแบบค่อยเป็นค่อยไปกันนะค่ะ

 

ท่านพูดถูกค่ะ แต่ลองพิจารณาไปเรื่อย ๆ ก่อนนะค่ะ ผลสรุปเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะมีคำตอบให้ค่ะ

 

เพราะสิ่งที่คิดว่าไร้สาระ บางทีมันก็มีสาระอยู่ในตัวเองนะค่ะ

ท่านคิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างค่ะ ในสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน

นำสิ่งที่คิดมาท่านรู้มาบอกกล่าวกันบ้างนะคะ

ถึงแม้ว่าเมืองไทยอาจจะยังไม่ได้เกิดขึ้น

แต่ถ้าเราติดตามสถานการณ์ต่างประเทศอยู่ขณะนี้

เราคิดกันว่าอย่างไรนะค่ะ......

และทุกสิ่งมันไม่ใช่พรหมลิขิต ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราลิขิตเอง

เห็นมีคนพูดแต่เรื่องภัยพิบัติเป็นเรื่องที่ดีค่ะ

แต่ทำอย่างไรเราจะเผชิญในเรื่องนั้นได้อย่างมีสติ

เรื่องที่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นหรือไม่ ...ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ให้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการได้

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัย...ล้วนเป็นตัวกำหนด

เมื่อใดที่สถานการณ์ภัยพิบัติเกิดความรุนแรง

เมื่อนั้นเราก็ได้รับรู้ว่าโลกกำลังปรับระบบเพื่อคืนสู่ความสมดุล

และภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้ เป็นภัยธรรมชาติที่ทุกคนคิดว่าเป็นภัยปรกติหรือไม่ค่ะ

ถ้าคิดว่าไม่ใช่...เป็นเพราะอะไรนะค่ะ

เนื่องจากอนาคตของมนุษย์ มันขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบันของมนุษย์เสมอ ถ้ามนุษย์ต้องการเปลี่ยนแปลงอนาคต มนุษย์ก็สามารถกระทำได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงการกระทำในปัจจุบันของตนที่ไม่ถูกต้องเสียให้ได้ เหตุการณ์อนาคตที่เลวร้าย มันจึงจะถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยมนุษย์เอง

ไม่ใช่ให้ตื่นกลัวค่ะ มันมีวิธีแก้ไขได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์ทุกคนค่ะ และข้อมูลที่มากพอก็สามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น...

นั้นคือการทำความดีตามคำสอนของพระบรมศาสดา....

ท่านมนุษย์835 ค่ะ ถ้าหากท่านใดติดต่อสื่อสารกับจักรวาลได้ด้วยการเปิดตาที่สาม สื่อจิตต่อจิต ด้วยภาษาจิต หรือภาษาที่สามที่เป็นภาษาสากลจักรวาลก็อาจได้คำตอบบางอย่างก็ได้ค่ะ

 

ที่จริงแล้วตัวเองไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้หรอกนะคะ
เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งแค่นัั้นเองค่ะ...
มีแต่ใจ...กับความมหัศจรรย์ใจ..กับสภาวะพิเศษต่าง ๆ
ที่จักรวาลมอบให้เห็นสภาวะธรรมอันสูงสุดหลายอย่าง
เพียงแค่มีแรงบันดาลใจที่อยากทำ...เพื่อต้องการทำแค่นั้นเองค่ะ

แต่เชื่อว่าทุกคนมีสติปัญญาที่จะพิจารณาเหตุผลได้ด้วยตนเองค่ะ

 

อ่านแล้วเจ๋งโครต.

 

ท่านใดมีพลังพิเศษ เปิดเผยตัวบ้างก็ดีนะคะ
การมีบางอย่างแล้วอมพนำมันดีหรือไม่อย่างไรบ้าง?

 

จักรวาลบอกว่าเกิดขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ตอบไปก็หยุดคิดก่อนสักนิดค่่ะ...เพราะคำตอบของเราอาจมีผลหลาย ๆ อย่าง ก็ตอบว่า...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมนุษย์เป็นสำคัญค่ะ จะมากหรือน้อย ไม่มีใครลิขิต มนุษย์ทุกคนในโลกนี้เป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตนเองค่ะ

สาเหตุที่ไม่ใช้คำพูดตนเอง หากเราพูดไปด้วยความคิดตนเองแล้วมันก็จะกลายเป็นข้อมูลขยะไปค่ะ

จึงต้องระมัดระวังใช้คำบอกของผู้ส่งที่อยู่มิติที่สูงกว่าเพื่อให้พิจารณาค่ะ

กฏของสากลจักรวาล หากสิ่งหนึ่งใดได้ถูกกระทำให้ระบบเสียสมดุลไป สิ่งเหล่านั้นจะได้รับพลังอำนาจในการการยกระดับให้มีความสมดุลกว่าที่เป็นอยู่เสมอ

เพราะกฎเกณ์ของจักรวาลทั้งระบบก็คือ ความสมดุล เป็นที่สุดนั่นเอง

มนุษย์แต่ละคนหากร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวได้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องเลวร้ายใด ๆ แม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ไม่ใช่การใช้อำนาจกระทำย่ำยี ไม่ใช่กลไกเทคโนโลยี แต่ต้องกระทำด้วยจิตสำนึกของตนเท่านั้น

 

ไม่มีค่ะ เป็นมนุษย์ที่แสนจะธรรมดาคนหนึ่งแค่นั้นเองค่ะ

สิ่งนี้ได้บอกไว้ตั้งแต่..กระทู้ทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรักแล้วค่ะ

 

ลองเข้าไปอ่าน กระทู้ กึ่งพุทธกาล เปิดธรรมโลกุตระ ไขความลับจักรวาล ไขปริศนาแห่งธรรมจักรหรือยังค่ะ มีแค่นั้นแหละค่ะ ปัญญา...ค่ะ

 

การชำระล้างนั้นไม่ต้องรอพระเจ้าหรอก มนุษย์ปัจจุบันนี้ก็ทำได้อยู่แล้ว
เสียแต่ว่าเขาไม่ทำ(คนชั่วก็กลัวตายด้วย)ตราบใดที่เขายังไม่สามารถหาบ้านหลังใหม่ที่จะอยู่แทนโลกใบนี้ได้ก็จะยังไม่มีใครคิดทำลายโลกนี้หรอก ยกเว้นแต่คนบ้า
ที่มีสักยภาพทำได้แค่จี้เครื่องบินพุ่งชนตึกหรือใช้ระเบิดพลีชีพตัวเอง แต่คนที่มีสักยภาพสามารถทำลายโลกได้จริงๆเขาไม่กล้าทำ
เพราะเขาก็กลัวตายเหมือนกัน

 

ให้ระวังไว้ ถ้าเมื่อใดที่มนุษย์สามารถหาบ้านหลังที่สอง ที่สามารถใช้อยู่อาศัยแทนโลกมนุษย์ใบนี้ได้ เมื่อนั้น สงครามทำลายล้างโลกก็อาจเกิดขึ้นได้

 

มีแล้วนี่ พวกริวจิตสัมผัส ตุ้ยเอ็กซเรย์ เจนญาณทิพย์ หมอปลายเสียงกระซิบพระยายม คนตาทิพย์(เสียชีวิตแล้ว)
หมอปลา มือปราบสัมภเวสี หนุ่มลามะ ชาวเนปาล ฯลฯ

ในเว็บพลังจิตนี้ก็มีหลายคน บ้างอ้างเป็นพระศรีอาริย์บ้าง อ้างมีพลังเศษบ้าง

 

มีช่วงนึงที่เขาฮิตปั่นจักรยาน ผมจึงไปซื้อจักรยานเก่ามาโมฯเอง..อิอิ ด้วยความที่ยังทำไม่เสร็จ จิตก็พะวักพะวงถึงแต่จักรยานว่า จะทำสไตลใหน ร้านอะหลั่ยอยู่แถวใหนฯ. สรุปว่า จิตพะวงอยู่แต่กับจักรยาน __จิต+จักรยาน พอจะอลุ่มอล่วยเข้าในกลุ่ม จิตจักรวาลได้ปะ. อะล้อเล่ง.

 

กรณีสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์นั้น ถ้าดูจากอายุของโครงกระดูก บางตัวมีอายุห่างกันเป็นสิบๆล้านปี แสดงว่าพวกมันค่อยๆทะยอยตาย ไม่ใช่ตายพร้อมกันพรึบเดียวภายในเวลาวินาทีเดียวดัน ชั่วโมงเดียวกัน
วันเดียวกัน หรือปีเดียวกัน เผลอๆไม่สตวรรษหรือสหัสวรรษเดียวกันเสียด้วยซ้ำ
พวกมันอาจเจอกับภัยธรรมชาติ หนาวจัด ร้อนจัด อากาศเป็นพิษ ขาดอาหาร
ทำให้ค่อยๆตายและสูญพันธ์ในที่สุด แต่ก็คงใช้เวลาหลายล้านปี
คงไม่ใช่ตายในวันเดียวกันเป็นแน่
ลองคิดดูช่วงเวลาครองโลกของได้โนเสาร์กินเวลาถึงเกือบสองร้อยล้านปี
แต่เวลาครองโลกของมนุษย์นั้นยังไม่ถึงหมื่นปีด้วยซ้ำ ช่วงเวลามันต่างกันลิบลับ

 

เขียน ๒๑.๑๓

แบบนี้พอไหวไม๊เนี่ย เพิ่งออกจากเตาร้อนๆ เลยอ่ะ จากกระทู้
http://palungjit.org/threads/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B3-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9B-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9B-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88.565011/page-11#post10044144

 

ยอมรับค่ะว่า กระทู้นี้ได้รับแรงกระแทกเยอะเหมือนกัน

แต่จะสู้ค่ะ....:VO

คำว่า ...แน่หรือ! หากจะนำความหมายนี้ หมายถึงสิ่งใด

แน่จริง ๆ หรือเปล่า! เกิดขึ้นจริงหรือ? ไม่น่าจะใช่น๊า! หรือว่า จะใช่จริง?

อะไรล่ะ...เป็นบทพิสูจน์....

เราก็พิสจน์ไปพร้อมกันไงค่ะ...เพื่อที่จะได้รู้ว่าจริงหรือไม่จริง

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วย....

ไม่ใช่ทำเพื่อหวังสิ่งใดค่ะ...

ถ้าเป็นจริงตามที่เบื้องบนสื่อมา

หวังเพียงอย่างเดียวว่า ทำอย่างไรจึงจะเป็นหนทางที่นำพาตนเองรอด

ไม่ใช่วิตกกังวล อย่างน้อยเราก็ได้รู้ไว้ก่อนบ้าง

ดีกว่าภัยมาถึงตัวแล้ว ... โดยไม่รู้อะไร...และถ้าไม่เกิดล่ะจะดีแค่ไหน

ก็ได้เข้าใจความเป็นไปเกี่ยวกับ มนุษย์ โลก และ จักรวาล บ้างก็ดีค่ะ