กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

พี่Max อาจารย์ไม่ได้ว่าพี่นะ เจนอ่านหลายรอบแล้ว
คล้ายๆกับว่า สมมุติว่า
เจนกำลังคุยกับพี่อยู่
บังเอิญมีคนประสงค์ไม่ดี มาแอบฟังเราเม้ามอย
เจนเลยพูดลอยๆขึ้นมา แซกกลางระหว่างที่เราเม้ามอยกัน
แบบ พูดให้คนที่มาแอบฟังเรา เขาได้ยิน
พูดเสียงดังๆ เหน็บใส่ 5555


นะ ประมาณนี้
เจนเข้าใจถูกมั้ยหว่า
แต่เจนอ่านสามสี่รอบเลย
ความเห็นตรงแบบนี้ละ

 

โห่ว
งวดต่อไป 10 อีกแล้วหรอคะอาจารย์
ต้องถาม อาจารย์นพ รถคันนี้
อาจารย์ตั้งให้เป็นลูกชายหรือลูกสาว
จะได้เพิ่ม หรือ ลด ตัวเลขถูกคะอาจารย์9
555555

 

ลืมถามอาจารย์9 ตรงข้อความนี้ 555
ไล่อ่านจนจบ
คือว่า ที่เป็น ปะการังกลายเป็นหิน
เจนไปขุดเอามา และให้กับโรงเรียนที่เจนเรียนตอนมอต้น
ส่วนก้อนอื่นๆ จำไม่ได้ว่าไว้ที่ไหนคะ
วางที่ตู้โชว์หลังบ้านแล้วลืมไปเลย
ปัจจุบันไม่มีแล้วคะ
ตาเจนเล่าว่า แต่ก่อนตรงนี้เปนทะเล
ก็คงจะใช่แน่ๆเลยคะ เพราะขุดตรงไหนก็เจอ

จุดจุดจุด ~~ ตอนนั้นเจนไปขุดเล่นของเฮียนน้อยคนเดียว
ไม่มีเพื่อนเล่น เล่นค่าเวลาตาคุยกับหลวงปู่
เจนก็ขุดดินทรายเล่น พอเจอหินสวยๆ ก็ยิ่งขุดใหญ่
ขุดแล้วเก็บเข้าเป๋ากางเกงเลย

แบบนี้เรียก ขโมยใช่มั้ยคะ 5555

 

เพิ่ม และ ลดไง .....

 

เปิดดูไฟล์ 4683333

บางที วิ่งไปสวดมนต์ไป 5555

ชอบบทนี้มากค่ะ
จริงๆ ชอบ บทพระมหาสมัยสูตร ด้วยล่ะค่ะ
ถ้าช่วงไหนขยันสวดได้หลายรอบ และทำสมาธิได้นาน ช่วงนั้น เงินเข้าดีค่ะ มลไม่เล่นล้อตเตอรรี่เท่าไรแต่จะได้ แบบเสน่หา 5555 เงินทิป อย่าคิดลึกค่ะ

 

เปิดดูไฟล์ 4683340

มลก็เข้าใจค่ะ มือแคปเจอร์หน้าจอ แอบฟัง เยอะ ค่ะคุณเจน 5555555555 บางคนมีการ พีเอม มาต่อว่า
ก็มีนะคะ แบบ มลก็เอ๋อ ไปทำไรให้ 5555

ส่วนตัว คือเป็น คนมีกาลเทศะค่ะ พูดคุยตามอรรถรส
(ถึงบางครั้งมลเหมือนไร้สติ แต่ความไร้สติ สติก็กำลังรู้ว่าพูดอะไรออกไปค่ะ คือ ฟุ้ง จงรู้ว่าฟุ้ง )


เรื่องนี้ก็รบกวนอาจารย์นพ คุณอาเก้า บอกหน่อยค่ะ
เพราะว่าที่กระแส Dark นี้ effect จริงๆ

เมื่อวานเต็มๆค่ะ คุณเจน
ระบบคอมร้าน รวน แบบไร้สาเหตุ อันนี้จริงค่ะ
รวน ไร้ที่มาที่ไป คือ ช่างเทคนิคมาดู ก็งงเพราะเมื่อวานไม่มีฝนตก ระบบไม่น่าขัดข้องได้ ไม่แค่ระบบแคชเชียร์ ที่รูดบัตรเงิน เจ้ง ท่อน้ำแตก เครื่องอัดลมเสีย บาร์เหล้ามีปัญหา แก้สเกือบระเบิด ขณะที่ลูกค้าเต็มร้าน... แต่ มล สวดมนต์ค่ะ
คิดในใจ “จะเอาใช่มะ”
สุดท้าย แม่ครัว จะตีกัน มลเป็นกรรมการ
พอมล จ้อง เขาเลยหยุด ตีกันโดยที่เราไม่ห้าม...

ก็เลยผ่านมาได้...แล้วนึกถึง กระแส Dark ที่ว่าอะค่ะ
เมื่อวานโมโห แต่สะกดอารมณ์ค่ะ วุ่นวายจริง

//อยู่ดีดี กันไม่ได้ใช่มะ ?????

ฮ่วย....

Edit:::

พิมพ์เสร็จ กล่องมันตกลงมา แบบ โครม!!! พร้อมเสียงหัวเราะ ...ดังข้างหู .... อืม....

งานงอกค่ะ นั่งเก็บไปสิ ...
-“-
เปิดดูไฟล์ 4683340

 

อันนี้
ในส่วนของ ขาแว้นซ์

อาจารย์นพเจ้าคะ
สมบัติผลัดกันชมค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ
อากาศดี้ดี ...
5 นาที บ้านกะร้าน จะเอามาเพื่อ ?????

 

เขาเรียกว่า....
"ขโมยธรรมชาติ"

อย่างธรรมชาติที่เราดูแล้วสวยๆ
ไม่ว่าจะตรงพื้นหญ้า ป่าเขา ในถ้ำ ชายหาด
ตี่ต่าง...ชายหาดมีหิน ปะการัง เปลือกหอย
ทุกคนไปหยิบมาคนละชิ้น คนละก้อน
ธรรมชาติสวยๆบนชายหาดย่อมขาดความสมดุล

เหมือนภาพวาดหนึ่งที่ขาดความสมดุล
...แม้คนทั่วไปจะมองว่า "สวย"
แต่คนที่มีศิลปะจากการเรียนรู้ จากพรสวรรค์
มองอย่างไง...ภาพสวยๆนั่น...ก็ขาดๆเกินๆ

เด็กๆ...ไม่บาปหรอก ด้วยความไร้เดียงสา

...คือขโมย...แต่ไม่ใช่ขโมย (งงไหม)
ขโมยธรรมชาติในวัยเด็กๆ
มันละเอียดเกินไปที่จะว่าเป็น"ขโมย"

ประสาเด็กๆ ควรเรียกว่า"ซนตามวัย"
...เป็นธรรมชาติที่สวยงามอีกอย่างเหมือนกัน
...เป็นความสมบูรณ์ของธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง
เพราะถ้าเด็กๆทั้งหลายอยู่เงียบอยู่เฉยๆเช่นตุ๊กตา
...ไร้ชีวิตชีวา...โลกใบนี้...เซ็งไหมละ
...พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เหงาเหมือนกันนะ
...พาลจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยซ้ำไป

ส่วนที่ว่า....
"ซากปะการัง หอย ให้คนไปหมดแล้ว"
นั่นแหละ *ดีแล้ว*
ไม่ต้องเสียดาย
...ยังดีที่ไม่เหลือเก็บไว้

เพราะไปขุดจากในถ้ำหรือรอบๆถ้ำ
เกรงว่าจะมีอาถรรพ์ซ่อนเร้นอยู่ในก้อนหิน
เร็วๆนี้คงเคยได้ยินคำว่า"อาถรรย์ถ้ำหลวง"
...จบแค่นี้ก่อนนะครับ
...ถ้ายาวๆไป แบบกระเป๋ารถชอบพูด"ยาวไปๆๆๆ"
...เกรงว่ากระทู้นี้จะมีอาถรรพ์แอบแฝงเข้ามาด้วย
...5555 (เข้าใจตรงกันนะ)



.....ที่พูดให้ฟัง
ทุกวัยเด็ก...ซุกซนไม่ต่างกันเลย
เปลือกหอย ปะการังชิ้นเล็กๆ ตามชายหาด
ผมเดินเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตุงเหมือนกัลล์
5555

 

"....สมมุติว่า
เจนกำลังคุยกับพี่อยู่
บังเอิญมีคนประสงค์ไม่ดี
มาแอบฟังเราเม้ามอย
เจนเลยพูดลอยๆขึ้นมา
แทรกกลางระหว่างที่เราเม้ามอยกัน
แบบ พูดให้คนที่มาแอบฟังเรา เขาได้ยิน...."


*เจน* อธิบายได้ชัดเจนและตรงประเด็นครับ

 

เลี้ยวไปตามป้ายที่เขียนว่า ทางไปเขาใหญ่ ใช่มั๊ยครับอาจารย์เก้า

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 16 ลำดับที่ #310

๒.ชื่อเรียกคงมีปกติที่ต่างกัน
แต่ที่ดังๆ นอกจากท่านปู่ศรี
ก็องค์ที่ส่วนตัวกล่าวถึงนั้นหละ
เดาว่าท่านอาจจะเป็นท่านแรกที่ทำได้

ปล.โบราณตั้ง ๔ ธาตุกลางอากาศ
ใช้หน้าอกบังคับดึงเข้ามา
หลังจากที่ปั่นรวมกันแล้ว
สายสมเด็จตั้ง ๑๒ จริงๆ๑๐ อีก ๒ มาเอง
ใช้เหนือสะดือดึงเข้ามา
หลังจากที่ปั่นรวมกันแล้วในดง
ใช้หน้าฝากดึงเข้ามา
ทริคคือใช้หน้าตั้งทุกวิธี แล้วค่อยย้ายจุดบังคับ
ควรมีพื้นฐานกสิณ ๑๐ ระดับพลังงานเป็นทุน

๓ เรียกพระธาตุ แต่วงการเรียกภูตอากาศ
ทั่วไปเข้าโหมดอรูปพลังงาน ๑๕ นาทีก็เกิดขึ้นได้
ที่เลิกเพราะกำลัง มันส่งผลกระทบกับร่างกายคนอื่นๆได้
๕ ปีก่อนเคยกำหนดบางอย่างผิดแบบไม่โดนตัว
พอดีเพื่อนที่โดนร้องเสียงหลง นั้นแค่ช่วงเริ่มต้นใหม่ๆ
ซึ่งอาจเผลอใช้ในทางไม่ดี และส่วนตัวยังสอบไม่ผ่าน
เรื่องการยกระดับใช้งานไปขั้นที่ตั้งปณิธานไว้
ตอนนี้มาได้อีก ๒ ระดับ
เพราะเปลี่ยนมาใช้ในทางที่มีประโยชน์
ซึ่งท่านที่ห้ามนั้นหละ
แนะเทคนิคคอลเทอมให้
ยังอยู่ในช่วงพัฒนาอีกเยอะ
และถือว่า เป็นเด็กน้อยอยู่สำหรับท่านที่เคยแนะต่างๆ
และตอนนี้เป็นคนธรรมดาทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ
ยังไม่ถึงปณิธานที่ตั้งไว้
มีภาระทางโลก ยังไม่เรียบร้อยอยู่

ปล.นิทาน พอขำๆ

 

สวยมากกกกกกกก
โดยเฉพาะปี๊บหลัง ^_^

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 16 ลำดับที่ #317(1)

ก็ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงาน
เรื่องสร้างบารมี เรื่องอยู่เบื้องหลัง อะไรทำนองนี้
ยังไงก็มีภูมินี้อยู่เบื้องหลังอยู่แล้วหละครับ
ส่วนพยานาคในยุคนี้กับยุคก่อน
ก็ต่างที่รูปทรงหน้าตา
ที่สมัยก่อนจะออกเหลี่ยมหน่อยเท่านั้นเอง
เห็นหน้าออกเหลี่ยมจะอยู่ในยุค
สมัยพระเจ้าวรมันทั้งนั้นหละครับ....

และก็พยานาคที่นครวัด
ก็มีไม่ต่ำกว่า ๗ เศียร
ส่วนยุคพระเจ้าวรมันที่ ๗ เหลือประมาณ ๕ เศียร..
...สงสัยไหมว่า ทำไมตามกำแพง
ถึงอาจจะไม่ค่อยเห็นพยานาค....
จริงๆนะมีอยุ่ แต่คนทั่วไปดูไม่ออกเอง
สัญลักษณ์ที่แสดงว่าเป็นพยานาค
หรือมีพยานาคอยู่เบื้องหลัง
ก็ทรงผมที่เป็นศรีษะเทวดาต่างๆนั่นหละ
ที่เป็นคล้ายยอดฉัตร หรือบางทีก็ทรงสูงๆนั้นหละ
ซึ่งการแยกว่า เป็น ช อีกวิธีการหนึ่ง
คือ ช ท่านจะมีเครื่องประดับที่เรียกว่า บ่า
แต่รูปร่างหน้าตาก็ออกเหลี่ยมกันหมด
(ลองยืนจ้องที่รูปดีๆ เพื่อจะเห็นอะไร)
จะยังไงก็ตาม
ทางนั้นเค้าจะมี พยานาค ๗ เศียรเป็นแบ๊ก
หรือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอยู่แล้วเป็นปกติ....
และถ้าไม่มีคลาดเคลื่อน
จะมีสัญลักษณ์ของพระศิวะ
อยู่ตรงบริเวณตรงกลางของพระนครด้วยครับ....

นั่นหละมันบอกว่า
ทางนั้นเค้าเกี่ยวข้องกับเรื่องทางนี้โดยตรง
ซึ่งสมัยก่อนในเมืองที่มีอำนาจ เจริญรุ่งเรื่อง
เค้าก็ประมาณนี้กันทั้งนั้นหละครับ......
ถ้าเรามองพระนครวัดนี้
เป็นสี่เหลี่ยมพื้นผ้านะ
พลังงานก็จะออกทางด้านยาวของสี่เหลี่ยมพื้นผ้า
ในขณะที่ตรงกลางก็จะมีก้อนกลมๆใหญ่ๆ
ซึ่งพลังงานที่ออกทางด้านยาวส่วนใหญ่
มันก็จะคล้ายกลีบดอกบัว
ในขณะที่ตรงกลาง
ก็จะเป็นคล้ายๆลูกแก้วกลมๆที่วางบนดอดบัวนั่นหละ
เพียงแต่ว่า หน้าตาก่อนที่จะปรากฏ
ในยุคนี้กับยุคก่อนไม่เหมือนกันเฉยๆ
แต่แนวๆวิถีพลังงานจะเหมือนๆกัน
แต่ต่อไปแล้วลูกกลมๆที่ว่านี้
ก็จะกลายเป็นท่อพลังงานที่วิ่งขึ้นไปข้านบนนั้นหละ
แล้วขึ้นตรงต่อแล้วมันอย่างไร
มันก็จะส่งผลให้บริเวณรอบนครวัดนั้น
เหมือนมีพลังงานที่ขึ้นตรงๆจากผิวดินขึ้นมา
ขยายอาณาเขตออกไปตามแต่ต้นกำลังนั้น
ไอ้พลังงานตรงๆที่ขึ้นมานี้ พอขึ้นไปข้างบน
มันก็จะกลายเป็นคล้ายๆครอบแก้ว
ที่คอยป้องกันอันตรายให้เมืองนั้นหละครับ
เคยดูหนังที่เค้ามีชั้นป้องกันเมือง
จากการโดมโจมตีจากทางอากาศไหม
ที่ทรงคล้ายๆโดมนั่นหละ
ที่นี้ ในการใช้งานทางด้านพลังงานทั่วไป
ปกติเค้าจะมีต้นกำลังสนับสนุนจากดิน
หรือบ้านเราเรียกง่ายๆว่ากำลังพระแม่ธรณีนั่นหละครับ
ซึ่งก็ถือว่า อยู่ในระดับที่โปรซีรีย์แล้ว...
แต่ว่า ในยุคนครวัดนั้น เค้าจะมีแต่ระดับโปรซีรีย์
ต้นกำลังของเค้านั้น
อยู่ยั่งลึกลงไปถึงในระดับใต้ท้องสมุทรเลย
เรียกว่ารวมแต่ที่สุดของที่สุดในแต่ละด้านนั้นหละ
...ถ้ามีต้นกำลังสนับสนุนอย่างนี้
มันจะง่ายๆมากในสายพลังงานที่จะบอกว่า
ต้องเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรื่องแบบสุดๆมาก่อนนั่นเองครับ

 

ใช่แล้ว

 

ขอบคุณครับ เดี๋ยวช่วงทอดกฐิน คงได้กลับบ้านอีกรอบครับ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 16 ลำดับที่ #317(2)

ย้อนอ่านวิธีพลังงานที่เป็นแท่งๆข้างบนก่อนนะถ้าลืม
สัญลักษณ์ที่เป็นรูปคล้ายสัตว์ต่างๆ
ก็เป็นลักษณะพลังงานอย่างหนึ่งที่จะมีทิศทางการหมุนเป็นเอกลักษณ์ในตัวมันเอง
ถามว่าทำไปต้องเรียงอย่างนั้น
เพราะถ้าสลับกันเอกลักษณ์ของพลังงานมันจะวิ่งตีกันเอง
(จะว่าไปมันคล้ายกับการตั้งธาตุโบราณ
ของสายอดีตสมเด็จพระสังฆราชจังเลยเนาะ อันนี้
พูดคนเดียวในใจนะ)
แล้วพอวางครบทุกเอกลักษณ์ พลังงานเหล่านั้น
ก็จะมาหมุนรวมกันเข้า เพื่อสนับสนุน พลังงาน
ที่เป็นท่อกลมๆ ให้มีความหนาแน่นมากขึ้น
เหมือนการคล้ายๆลูกแก้วที่อยู่ตรงดอกบัว
ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และสัญลักษณ์ที่มารวมๆกัน
ก็เลยทำให้ พลังงานที่ว่าเป็นท่อมีความหนาแน่น
มากยิ่งขึ้นและขนาดท่อใหญ่ขึ้นนั่นหละ...



ตรงนี้มันก็คือ วิถีในการ
ใช้งานทางด้านพลังงาน หรือ คนที่ใช้งานทางจิตได้
น่าจะเข้าใจกันได้ปกติทุกคน....เพียงแต่ว่า ที่นครวัด
มีต้นกำเนิด โดยรวมเอาระดับพรหมชั้นโปรซีรีย์
และยังมีแบ๊กระดับ ๗ เศียร์เป็นฐานกำลังครับ...
ในแต่ละยุคต่างๆกันที่ว่า ใครสนับสนุนบ้าง แต่ที่แน่ๆ
ยังไงก็มีภูมิพยานาค เปรียบเสมือนโยมอุปฐาก
ที่มีมาทุกยุคทุกสมัยเช่นกัน
เอาแค่นี้หละครับ

 

ให้ลองเดากันเล่นๆกันดูว่า
๑๒ นักษัตรในทางพุทธศาสนานั้น
ในทางด้านการปฏิบัติ นัยยะนั้น
สื่อให้เราปฎิบัติตัวอย่างไร.
ปล ไม่มีผิดและถูก แล้วแต่จะเข้าใจ

 

ขอเดาค่ะ

ชวด = หนู ชอบลักกินขโมยกิน น่าจะหมายถึง อย่าเอาอย่างหนู ที่ชอบขโมย
ฉลู = วัว ความอดทน
ขาน = เสือ มีความคมกริบ ในการตัดสินใจ
เถาะ =กระต่าย อ่อนนุ่ม อ่อนโยน
มะโรง =งูใหญ่ มุ่งมั่น เข้มแข็ง
มะสิง = งูเล็ก ขี้โกง มุ่งหมายมาดร้าย
มะเมีย = ม้า เปรียบดั่งความสง่างาม คือ ทำอะไร ไม่ผิดหักศีลธรรม
มะแม = แพะ เปรียบดั่งผู้สันโดน มัธยัด เมตตา
วอก = ลิง มีความว่องไว ปัญญาดี คิดแล้วทำ
ระกา= ไก่ ตื่นเช้า ทำงานหากิน ไม่นอนตื่นสาย
จอ = หมา มีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกง
กุน = หมู กินง่าย อยู่ง่าย

โดยรวมของ 12นักกษัตร คือการปฎิบัติตัว หลักการดำรงค์ชีวิตของฆารวาส
ปล.รอดู อ.นบ อธิบาย อีกทีค่ะ

 

จะบอกว่าส่วนตัวก็ไม่รู้
แต่อ่านมาจาก ท่านผู้พลิก
นามธรรมเป็นรูปธรรมที่ท่านได้บันทึกไว้
ดังนั้น จึงไม่ผิดไม่ถูก
แล้วแต่มุมมองเลย

 

รอท่านอื่นๆมาตอบ และท่าน อ.นบ นำสิ่งที่ได้อ่านมาถ่ายทอดต่อค่ะ