เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ขอร่วมตั้งจิตด้วยคนค่ะ เมื่อเราได้เจอสิ่งที่ดี ๆ แล้ว..
เราก็ปรารถนาจะมอบสิ่งดี ๆ เหล่านี้ให้ผู้อื่นได้ร่วมเรียนรู้เหมือนพวกเราค่ะ(f)

 

ทุกวันนี้ก็ภัยพิบัติมีผลกระทบเกิดขึ้นให้เราเห็นกันทุกวันครับ ภัยจากมนุษย์ ภัยธรรมชาติที่ผิดธรรมชาติ หนักบ้าง-เบาบ้าง ล้วนเกิดจากการปรับของพลังงานที่ไม่สมดุลของโลกทั้งนั้นครับ เหมือนบุคลิกของโลกที่จะเปลื่ยนไปตามกฎของธรรมชาติ แล้ววันหนึ่งจะสงบสมดุลในที่สุด จิตสำนึกรวมหมู่ของมนุษย์และสรรพสิ่งในโลกอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมด อยู่ที่มนุษย์เราจะมองไปในทิศทางที่เป็นบวกหรือเป็นลบครับ

+ กลุ่มหนึ่งหลังจากรู้ข่าวสารแล้วก็หวาดระแวง หดหู่กลัวตัวเองจะต้องเดือดร้อน กลายเป็นการเร่งดึงดูดภัยธรรมชาติเข้ามาหาด้วยความวิตกกังวล แล้วก็โทษธรรมชาติ กล่าวหา God ว่าทำไมทำแบบนี้ ไม่ยุติธรรมกับมนุษย์ ไม่ได้แก้ไข ยกระดับจิตสำนึกใดๆทั้งสิ้น ผลก็กลับดึงดูดเหตุการณ์นั้นๆเข้ามาหาตนเองเร็วขึ้น

+ กลุ่มหนึ่งพอรู้แล้วก็กลับคิดให้เป็นบวก และไม่ต้องการให้เกิดภัยที่รุนแรงขึ้น ก็ช่วยเหลือกัน สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในชิวิต มีความรักมอบให้กันมากยิ่งขึ้น หยิบยื่นสิ่งดีๆให้กัน..สร้างพิมพ์เขียวให้กับโลกใหม่ให้งดงาม-น่าอยู่ พร้อมทั้งขยายการเรียนรู้เรืองจิตวิญญาณให้เข้าใจและก้าวหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน เราสามารถเรียนรู้ที่จะใช้เงื่อนไขหรือบทเรียนเหล่านี้ไปในทิศทางใด จดจ่ออย่างไรเราเลือกได้ครับ..ถ้าเราใช้ความเชื่ออย่างสร้างสรรค์ โลกเราก็จะน่าอยู่ขึ้นอีกมาก

​

ภัยพิบัติ ในยุคนี้จะไม่เกิดขึ้นหากมวลมนุษย์เข้าใจในกฎธรรมชาติ ประพฤติอย่างรู้หน้าที่เป็นภรรยาที่ดี เป็นสามีที่ดี เป็นชาวนาที่ดี เป็นผู้ปกครองที่ดีทำหน้าที่อย่างสุจริต มีความรักอันบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง จิตวิญญาณทั้งหลายเลือกมาเกิดในโลกแห่งนี้ซึ่งเป็นโลกที่จิตวิญญาณทั้งหลายปรารถนาที่จะเลือกมาเกิดมากที่สุด เป็นต้นไม้ใบหญ้า เป็นนก หรือสัตว์เล็กๆเช่นแมลงก็พอใจแล้ว เพราะเป็นโลกที่สดสวยงดงาม เป็นห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีบทเรียนและบททดสอบให้ทำมากมาย ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกเดินทางไปไหน เลือกที่จะเป็นอะไร มนุษย์มีหน้าที่สำคัญคือการเรียนรู้เพื่อขยายความรู้และ "เข้าใจกฎธรรมชาติ ให้มากที่สุด และขอให้อารมณ์ดีกันไว้ทุกเวลา ยิ้มไว้เสมอครับ

(deejai)(deejai)(deejai)

 

บางทีอาจเป็นเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เค้าเลือกที่จะเป็นเช่นนั้นก็ได้ค่ะ..
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นเพราะความปรารถนาของเค้าที่จะเผชิญกับวิถีชีวิตแบบนั้น..

จะสังเกตุได้ว่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์สินามิขึ้นในพื้นที่แถบภูมิภาคของเรา ถ้าดูตามสถิติจริง ๆ แล้วผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวต่างชาติ ทั้ง ๆ ที่วิถีชีวิตตามปกติของเค้าไม่ได้อยู่ตรงนี้ ต่างคนก็ต่างมาไม่ได้นัดหมายกัน และก็มาเผชิญกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นร่วมกัน

ตรงกันข้ามผู้ที่ใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่นั่นทุก ๆ วัน บางคนเค้ากลับไม่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์นั้นเลยก็มี เช่น พระรูปนึงที่ปกติท่านก็อยู่ที่วัดเป็นประจำแต่พอถึงเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ท่านกับติดนิมนต์ให้ไปอีกสถานที่นึง พอท่านกลับมาวัดของท่านก็แทบจะไม่เหลืออะไรเลย

หรือประสบการณ์ของขจรวรรณเองเมื่อครั้งที่เกิดเหตุพฤษภาทมิฬ ซึ่งขณะนั้นก็ยังเรียนที่รามคำแหงอยู่ พอเราเดินทางกลับบ้านเย็นวันนี้เมื่อเราไปถึงบ้านที่ต่างจังหวัดก็นอนดูเหตุการณ์ที่รุนแรงอยู่กับครอบครัวแล้ว ทั้ง ๆ ที่ถ้าเราอยู่ที่นั่นบริเวณนั้นก็จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน จำได้ว่าคุณแม่บอกว่าถ้าเราอยู่ที่นั่นท่านก็คงจะเป็นห่วงเรามากทีเดียว พอกลับจากบ้านมาเพื่อน ๆ ที่หอพักเล่าให้ฟังว่าช่วงระหว่างที่เกิดเหตุการณ์นี้ ( จำไม่ได้ว่าใช้เวลากี่วัน ) พวกเค้าไม่สามารถออกจากที่พักได้เลย ไม่มีอะไรทาน ต้องทานมาม่าและน้ำที่มีอยู่ให้พอประทังชีวิตไปแค่นั้นเองค่ะ..[Embarrass

จึงเชื่อว่ากฏเกณฑ์ที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้เป็นกฏที่เป็นจริงไม่สามารถขัดแย้งได้จริง ๆ ที่ว่า

จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ - เป็นอยู่ - ดำเนินไปเป็นภาวะนั้น

เราสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของเรา

เราเชื่อสิ่งได้สิ่งนั้นไม่มีกฏเกณฑ์อื่น
(ping) (ping) (ping)

 

ศรัทธาอันบริสุทธิ์ หมายถึง ความเชื่อที่ตั้งอยู่บนเจตนาที่มุ่งหวังประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น และ คนหมู่มาก

นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่นักเขียนขอเชิญชวนพวกเราที่ปรารถนาจะแนะนำหรือถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากหนังสือชุดนี้ให้ผู้อื่น ตั้งจิตและเปลี่ยนความเชื่อใหม่ว่า ข้อมูลความรู้เหล่านี้ - เป็นปัจจุบัน เป็นข้อมูลความรู้ที่เป็น - ของกลาง - สำหรับทุกท่าน ทุกชาติภาษา ทุกเพศ ทุกวัย และจิตวิญญาณทั้งหลายที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังเช่นเรา-ท่านทั้งหลาย สามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้เหล่านี้ได้เสมอเหมือนกันหมด ศรัทธาอันบริสุทธิ์ที่ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับข้อมูลความรู้ ที่เอื้อประโยชน์สุขให้กับเขา ย่อมเป็นปัจจัยที่จะเหนี่ยวนำและดึงดูดความเป็นไปได้ทั้งหลาย ให้เข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเราได้ในที่สุด



ส่งกองทัพมาช่วยกันทำลายกำแพงแห่งความเชื่อ เพื่อนำความรู้สู่ปัจจุบันครับ
ภาพนี้อาจรุนแรงไปหน่อย โปรดใช้วิจารญานในการรับชมคับ อิอิ

 

ดีครับช่วยกันคนละม้ายละมือ เมื่อมนุษย์สร้างความเชื่อขึ้นมาเอง
ด้วยความตั้งใจเหรอไม่ตั้งใจก็ตามไฉนเหล่าต้องยอมตกเป็นเหยื่อ
ของความเชื่อที่เราสร้างขึ้นเองแล้วยกอำนาจให้อำนาจสึกลับมา
บงการชีวิตของเรา ทำลายกำแพงนั้นให้ได้ สูตายๆ อิอิ
ตอนนี้อะไรๆก็รู้สึกว่าน่าตื่นเต้นน่าอพิรมณ์ไปหมดแม้แต่ความตายก็ดี
แต่ยังไม่อยากตายตอนนี้เพราะรู้สึกว่าความตื่นเต้นท้าทายในร่างกาย
มนุษย์นี้เพิ่งจะเริ่มต้น ตอนนี้เชื้อมนุษย์ต่างดาวคงจางๆไปแล้วละ 555(evil)

 

ศรัทธาอันบริสุทธิ์ หมายถึง ความเชื่อที่ตั้งอยู่บนเจตนาที่มุ่งหวังประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น และ คนหมู่มาก

นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่นักเขียนขอเชิญชวนพวกเราที่ปรารถนาจะแนะนำหรือถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากหนังสือชุดนี้ให้ผู้อื่น ตั้งจิตและเปลี่ยนความเชื่อใหม่ว่า ข้อมูลความรู้เหล่านี้ - เป็นปัจจุบัน เป็นข้อมูลความรู้ที่เป็น - ของกลาง - สำหรับทุกท่าน ทุกชาติภาษา ทุกเพศ ทุกวัย และจิตวิญญาณทั้งหลายที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังเช่นเรา-ท่านทั้งหลาย สามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้เหล่านี้ได้เสมอเหมือนกันหมด ศรัทธาอันบริสุทธิ์ที่ปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับข้อมูลความรู้ ที่เอื้อประโยชน์สุขให้กับเขา ย่อมเป็นปัจจัยที่จะเหนี่ยวนำและดึงดูดความเป็นไปได้ทั้งหลาย ให้เข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเราได้ในที่สุด



นั่นเป็นสิ่งที่จินตวดีต้องการ ด้วยมีความศรัทธา + ความเชื่ออันแรงกล้าในหนังสือชุดนี้ที่ปลุกจิตวิญญาณจินตวดีให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล จินตวดีเองมีความปรารถนาอันแรงกล้าอยากให้ผู้อื่นได้รับรู้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของจิตวิญญาณที่สามารถ มีได้ เป็นได้ เสมอเหมือนเท่ากันทุกคน อย่างที่เคยได้สัมผัส อยากให้ทุกคนค้นพบที่มา และหน้าที่ของจิตวิญญาณ เพราะเมื่อใดเมื่อจิตวิญญาณเข้าใจว่าคืออะไร มาจากที่ใด เมื่อนั้นการแบ่งแยก เรา เขาก็คงจะไม่มีในโลกใบนี้ ไม่ว่าจินตวดีจะไปที่ใด สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืมคือความรู้ที่ได้นี้มาจาก โนวาอนาลัย ผู้ที่จิตวิญญาณของจินตวดีเรียกร้อง และค้นหามานาน ในที่สุดก็ได้พบ จินตวดีขอแสดงความรักอย่างท่วมท้น หมดหัวใจ ให้กับหนังสือชุดนี้

ขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวห้องวิทย์ทั้งหลายที่เข้ามาแนะนำ และ เพิ่มพูนความรู้ซึ่งกันและกัน

 

คุณน้องวิหคดูไม่ออกจริง ๆหรือ ว่าพี่จินต์เข้าไปในห้องภัยพิบัติทำไม หุ หุ

 

สวัสดีครับ พี่นักเขียน
ถ้าองค์ความรู้ของท่านโนวา อนาลัย นี้จะเป็นความรู้สากลได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดียอดเยี่ยมมากๆ เพราะจะได้เป็นประโยชน์ต่อชาวโลกเลยครับ

ผมมีความคิดเห็นดังนี้ว่า ถ้าหากสืบไปในอนาคตนี้ หากหนังสือของท่านโนวา อนาลัยนี้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้นกว่านี้ คิดว่า น่าจะมีการ จัดตั้งเป็นชมรมไปเลยดีกว่าครับ อาจจะตั้งเป็น " ชมรม โนวา อนาลัย แห่งประเทศไทย " เพื่อจะเป็นที่เผยแผ่สัจธรรมที่สำคัญจากองค์ความรู้ใหม่นี้ และมีการจัดกิจกรรมสำหรับผู้เข้าร่วม เช่นทำสมาธิ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนะนำการปฎิบัติแก่ผู้ที่สนใจ

ผมคิดว่าหากลำพังแต่เพียงหนังสือเพื่อเผยแผ่อย่างเดียว อาจจะเข้าสู่กลุ่มชมไม่ทั่วถึงครับ เพราะว่าหนังสือของท่านโนวา อนาลัย เป็นสัจธรรมที่ค่อนข้างลึกซึ้ง และยังใหม่สำหรับองค์ความรู้เดิมที่ผู้คนยังยึดถือกันอยู่ และประกอบกับ เนื้อหาค่อนข้างจะเป็นหลักเป็นการอยุ่ และสำหรับผู้ที่มีความสนใจทางด้านนี้มาเป็นทุนเดิมอยุ่อาจไม่มีปัญหาในการทำความเข้าใจ แต่สำหรับบุคคลทั่วไปซึ่งไม่ได้มีพื้นความรู้ด้าน Metaphysics มาก่อน อาจจะไม่คุ้นเคย ซึ่งจะทำให้เข้าถึงแก่นแท้ได้ไม่ดวก เพราะเนื้อหาในหนังสือต้องทำความเข้าใจ และอาจต้องการขยายความจากผู้รู้ และนี่อาจจะต้องมีการตั้งเป้นกลุ่มชนผู้สนใจขึ้น ซึ่งต้อนนี้ก็มีอยู่ในทางเวบไซด์นี้ ที่มีผู้คนพอสมควรสนใจ และไต่ถามปัญหาต่างๆไปยังพี่นักเขียนโดยตรง หรือผ่านทางเมลล์ส่วนตัวก็ตาม คิดว่าคงไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ผมคิดว่าก็ยังเป็นกลุ่มที่ยังไม่กว้างมากครับ เมื่อเทียบกับผู้สนใจสัจธรรมที่ไม่ได้เล่นเนท

ผมเชื่อว่าหากมีการจัดตั้งเป็นชมรมกันจริงๆ โดยรวบรวมจากผู้ที่สนใจและศึกษาจากหนังสือของพี่นักเขียนนี้ เป็นแกนนำ ด้วยใจรัก และค่อยๆเป็นค่อยไป เชื่อว่าในที่สุดก็จะขยายเป็นวงกว้างได้
และที่สำคัญ หากพี่นักเขียนเอง จะมีแนวคิดจะกลับมาอยู่และทำงานเมืองไทยแล้ว ยิ่งทำให้ความคิดที่ผมเสนอนี้เป็นรูปร่างได้จริงได้ง่ายขึ้น

เพราะพี่นักเขียนเป็นผู้ที่เข้าใจหลักธรรมท่านโนวา อนาลัยมากที่สุด และได้สื่อสารกับท่านตลอดมา หากพี่นักเขียนเป็นแกนนำด้วยตัวเองแล้ว เชื่อว่าจะขยายวงกว้างได้มากเลยครับ

ผมขอเปรียบเทียบผู้ที่เคยเผยแผ่สัจธรรมอันเป็นองค์ความรู้ใหม่นี้ คือ สัจธรรมของท่าน อาจารย์ ปริญญา ตันสกุล จะคล้ายคลึงของพี่นักเขียนเลย คือ ทั้งอาจารย์และพี่นักเขียนต่างก็เป็นคนไทยเหมือนกัน และได้รับองค์ความรู้จากมหาปัญญาอันสูงส่ง และต่างก็ได้ขันอาสามาทำหน้าที่นี้ โดยเป็นนักเขียนหนังสือเผยแพร่เหมือนกัน

และ อ. ปริญญาก็ได้ตั้งชมรมขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า "ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก" โดยผู้อ่านหนังสือจิตจักรวาลและผู้พิมพ์ ที่มีความสนใจสัจธรรม และต้องการเผยแผ่เป็นวงกว้าง จึงร่วมกันจัดตั้งเป็นชมรม โดยเริ่มจากกลุ่มคนไม่กี่คน
และมาด้วยความสมัครใจ จากนั้นก็มีคนมาเข้าร่วมกันมากขึ้น และอ. ก็ได้จัดบรรยายธรรมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามที่ต่างๆในนามของชมรมนี้ เรื่อยมา และได้ขยายเป็นวงกว้าง เพราะการบรรยายนั้น เป็นการใช้คำพูดสื่อสอน และไม่ได้เน้นเป็นวิชาการมากนักเหมือนในหนังสือ จึงทำให้บุคคลทั่วไป เข้าถึงได้ง่าย

จากตอนนั้นคนที่สนใจธรรมของ อ. เป็นกลุ่มคนที่เป็นนักอ่าน และชนชั้นกลาง ปัญญาชน กลับได้ชยายวงกว้างสู่ชนชั้นรากหญ้า เข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้ เพราะการจัดตั้งชมรม และการสื่อแบบเป็นกันเอง ไม่ได้เน้นวิชาการ แต่ก็ได้รับเนื้อหาแก่นธรรมครบถ้วน

จากนั้นมีผู้สนใจกลุ่มต่างๆที่หลากหลายในสังคม ให้การสนับสนุน จนมีกลุ่มคนจากต่างจังหวัดได้จัดอีกชมรมหนึ่งขึ้นมา โดยให้ อ. ปริญญา ไปบรรยาย ชื่อ"ชมรมผู้ประพฤติธรรม จังหวัดขอนแก่น" จัดที่ศุนย์อนามัย ขอนแก่น

จากนั้นทางบริษัทใหญ่ๆ ได้เห็นถึงความสำคัญขององค์ความรุ้นี้ จึงได้ออกทุนจัดรายการวิทยุเพื่อเผยแผ่สัจธรรมนี้ ชื่อรายการ "เทพทิพย์มงคลธรรม" โดยใช้ภาษาง่ายๆ และจัดหลายรายการหลายวันเลยครับ

จะเห็นได้ว่าการเผยแพร่ ถ้าได้ต่อยอดไปยังสื่อต่างๆ โดยอาศัยผู้สนใจช่วยกัน ทำให้องค์ความรู้นี้ไม่หายไป ผมเชื่อว่าหาก อ. ปริญญา เผยแผ่ผ่านทางหนังสืออย่างเดียว อาจไม่เข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้างเหมือนทุกวันนี้เลย
เพราะส่วนใหญ่คนชอบเห่อของใหม่ นานๆไปก็ซาลง และชอบแบบรับความรู้โดยให้คนอื่นป้อนให้ และจะไม่ค่อยชอบคิดเอง ประยุกต์เอง
ซึ่งอ.ปริญญา ก็เข้าใจเรื่องนี้ดี จึงได้บรรยายแบบป้อนให้ เพราะการฟังง่ายกว่าการอ่าน

อ. ปริญญา ในตอนแรกๆ ก็ติดปัญหาอยุ่บ้างตรงที่ ต้องบรรยายไปด้วยต้องทำงานไปด้วย คือไปคนละทิศละทางระหว่างงานกับเผยผ่ธรรม ตอนนั้น อ. ทำธุรกิจด้านบันเทิงและทัวร์ ชื่อ บริษัท Dimplex entertainment แต่หลังจากนั้น อ. อยากจะให้การบรรยายธรรมควบคู่ไปกับการทำงานด้วย อ. จึงคิดค้น ทฤษฏี Psycho Show ซึ่งเป็นทฤษฏีว่าด้วยเรื่องการเข้าถึงจิตวิญญาณภายใน โดยการจำลองเหตุการณ์ให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าถึงตัวรู้ภายในและทำลายความเชื่อเดิม แบบฉับพลันหรือ ซาโตริ หรือ Sudden Enlightenment คล้ายๆกับ นิกายเซน ของญี่ปุ่นเลยครับ ผมก็เคยเข้าร่วม psycho show ยอมรับเลยครับ ว่าสุดยอด เข้าถึงตัวรู้ภายในแบบน่าทึ่งมากๆ เพราะชีวิตคนเราที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นภพเป็นฃาติ ก็เพื่อเรียนรุ้จากโลกสมมติ เพื่อให้ตัวรู้เกิดเท่านั้นเอง แต่ psycho show ใช้เวลาในคอรสไม่กี่ชั่วโมง จิตตื่นรู้สุ่ภายในได้เลยครับ
แต่ psycho show นี้ไม่ได้บรรยายฟรีครับ อ. เก็บตังค์นะครับ เปิดสำหรับองค์การธุรกิจ เอกชน และภาครัฐบาล และค่าใช้จ่ายแพงมากครับ ต้ององค์กรเงินหนาจึงจะใช้บริการ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคิวยาวเหยียดเลยครับ ต้องจองเป็นเดือนๆ แต่คิดว่าคุ้มค่ามากกับผลประโยขน์ที่จะได้ต่อองค์กรนั้น

นี่แหละครับ อ. มำธุรกิจไปพร้อมกับบรรยาธรรม หลังจากนั้น อ. ก็มาทำอย่างเต็มตัว และว่างๆก็จะไปบรรยายธรรมให้กับชมรม

ท่านอนาลัย เคยกล่าวว่า ความรู้ใดถ้าไม่ได้ถ่ายทอดแล้วจะเสื่อม ผมคิดว่าการถ่ายทอดนั้นให้ได้ประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มคนได้กว้าง น่าจะเป็นในหลายรูปแบบ ไม่น่าจะอยุ่แค่เพียงหนังสือนะครับ เพราะจะได้กระจายให้ทั่วถึง อย่างนักเขียนดังๆ ต่างประเทศ เช่น Wayne Dyer ที่เขียนหนังสื่อระดับ National bestseller อย่าง Real Magic หรือ Power of Intention ยังบรรยายตามที่ต่างๆ

ผมคิดว่าสัจธรรมที่จะเข้าถึงผู้คนในวงกว้างได้ ต้องมีกุศโลบายที่แยบยล คือต้องเป็นไปตามสิ่งผู้คนคุ้นเคยก่อน เช่น ผ่านการบรรยายในรูปของการพูดคุยเป็นกันเอง ใช้ศัพท์ไม่สูงมาก และแทรกมุขขำขัน
เช่น ธรรม Delivery ท่านมหาสมปอง ที่เป็นทอลค์โชว์สนุกสนานสอดแทรกธรรม ได้เข้าถึงชนทุกระดับและรวดเร็วด้วยครับ หรือ พระที่แหล่เพลงฉ่อยแล้วแสดงธรรมทีหลังได้เข้าถึงชาวบ้านรากหญ้าได้เร็วและติดกันงอมแงมเลย
หรือ ธรรมของท่าน อ. ชิงไห่ ที่อ. ก็ทำธุรกิจออกแบบสินค้า เป็นศิลปินนักวาด ขายรูปภาพ และบรรยายธรรมไปด้วย

ผมเชื่อว่าพี่นักเขียนก็ทำเช่นนั้นได้ครับ หากวันหน้าพี่นักเขียนจะย้ายกลับมาอยุ่เมืองไทย และทำงานที่เมืองไทยพร้อมกับการเผยแผ่สัจธรรมนี้ อาจจะเริ่มบรรยายตามที่ต่างๆ แล้วอัดเทป ทำหนังสือ ทำวีซีดีขาย ผมเชื่อว่ามีหลายคนต้องให้ความร่วมมือแน่ครับ เพราะตอนนี้พี่นักเขียนอยุ่เมืองนอก และธรรมของท่านโนวา อนาลัย เป็นภาษาไทย เผยแผ่ในเมืองไทย คือตอนนี้ยังแยกกันอยู่ระหว่างวิถีชีวิตกับการเผยแผ่ธรรม

ดูอย่างวิทยาศาตร์ เขาเข้าถึงวิถีชีวิตคนได้ จนคนส่วนใหญ่หลงอยุ่กับโลกวิทยศาสตร์ ไม่ใช่เพราะทฤษฎีหรอกครับ แต่เพราะวิทยาศาสตร์ประยุกต์นำเทคโนโลยีเข้าสุ่วิถีชีวิตประจำของคนได้ เช่น ตอมพิวเตอร์แต่ก่อนก็ใช้เฉพาะในหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้น หรือโทรศีทพ์มือถือ ก็ใช้แต่สื่อสารในการทหาร
แต่ต่อมานำมาประยุกต์เข้ากับชีวิคคน มีกันเกือบทุกบ้าน เพราะคนส่วนใหญ่ไม่สนใจในทฤษฎีหรือองค์ความรู้ แต่ชอบอะไรที่สะดวกไม่ต้องปรับตัว แค่รอให้อะไรที่เป็นสำเร็จรูปมาปรับให้เข้ากับชีวิตเราก็พอ

นั่นเป็นเหตุให้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจในทฤษฎีหลักการของสัจธรรม เพราะขี้เกียจมาประยุกต์กับชีวิต คนจึงศึกษาธรรมแบท่องๆจำๆ เขาว่าไงก็รับไว้ เลยเป็นยังไงก้เป็นยังงั้น จึงแก้ทุกข์ไม่ได้ซะที

แต่ผมเชื่อยุ่ลึกๆว่าในอนาคต องค์ความรู้ชองท่านโนวา อนาลัยจะเข้าถึงผู้คนได้ อาจจะไม่ใช่รูปแบบของการเป็นหนังสือ หรือหลักการทฤษฎีอักต่อไป เพราะนั่นจะตามพวกกระแสความเคยชินกับการยึดติดวัตถุของผู้คนไม่ทันที่ต้องการอะไรง่ายๆ แบบสำเร็จรูป

เราก็อาจใช้วิธีการสำเร็จรูป ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนแทน
ถ้าหาก technology เปลี่ยนวิถีชีวิตคนให้ห่างไกลจากจิตวิญญาณแก่นแท้ของตัวเองแล้ว เราก็ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง คือใช้องค์ความรู้นี้ประยุกต์เป็นรูปแบบต่างๆ คล้ายหลักการ psycho show ก็สามารถ เข้าไปเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ยึดติดวัตถุให้เข้าสู่วิถีชีวิตแห่งจิตวิญญาณแทน และเชื่อว่าคงจะเกิดparadigm shift ครั้งใหญ่ของสังคมเลยครับ

และหากพี่นักเขียนจะคิดค้นหลักสูตร ทำนองเดียวกับ Psycho Show ผมเชื่อว่าพี่นักเขียนทำได้แน่ครับ เพราะพี่มีท่านโนวา อนาลัยหนุนหลังอยู่ด้วยแล้ว คงทำได้แน่ เพราะทฤษฏี Psycho show อ. ปริญญาบอกว่าได้รับการสนับสนุนจากมหาปัญญาอันสูงที่อยู่เบื้องหลัง

ยังไงแล้วผมขอเอาใจช่วยพี่นักเขียนเพื่อให้ธรรมของท่านโนวา อนาลัยเป็นไปในวงกว้าง เพื่อการเข้าถึงสัจธรรมจากภายใน เพื่อเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ให้กับผู้คนได้ทั่วถึง และเพื่อสันติสุขของสังคมครับ

ผมเชื่อว่าการที่เราได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักนั้น คือความสุขของชีวิต แต่การได้ทำงานเพื่อความสุขของชีวิคมหาชน คือที่สุดแห่งความสุขของชีวิตเรา

 

Good Idea

ขออภัยที่ตัดข้อความบางส่วนของคุณรักไร้พ่ายนะครับ เพราะกลัวว่าจะทำให้ข้อความเดิมซ้ำบ่อยเกินไป

ที่จริงก็เห็นด้วยทุกประการกับข้อเสนอแนะของคุณรักไร้พ่าย พอดีเห็นพูดถึงบุคคล 2 ท่าน ซึ่งผมรู้จักดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ผู้หญิงท่านหลังก็เลยขอร่วมแสดงความคิดเห็น

การบรรยายายธรรมะ ของ อ.ปริญญา ที่ขอนแก่นก็เคยเข้าร่วมด้วยในครั้งหลังๆ ชอบครับ อาจารย์น่ารักดี (แต่อาจดูเหมือนคนปากจัดไปนิด แต่ไม่หยาบคายนะ คิดว่าเป็นบุคลิกส่วนตัว) แต่ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะคนที่เป็นหลักในการจัดงาน (ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยแม่และเด็ก) เพิ่งเกษียณอายุราชการไปไม่นานมานี้ ไม่ทราบว่ามีใครสานต่อหรือเปล่า

สำหรับอาจารย์ชิงไห่ ก็ได้มีการบรรยายธรรมะทั่วโลกไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน
เพื่อประกาศธรรมะให้คน (ที่รอคอย) ได้ทราบ แต่ตอนหลังๆ ก็มีเพียงกิจกรรมที่ต่อเนื่องกับลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งที่ได้รับเชิญในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ

ผมคิดว่าการเผยแผ่ธรรมะเป็นสิ่งที่อาจารย์ทุกท่านต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแต่ละท่านก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสม อาจารย์บางท่านอาจมีลูกศิษย์เพียงไม่กี่คน เพราะคนที่รู้แจ้งไม่จำเป็นต้องวิ่งไปหาคนมาเป็นลูกศิษย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกศิษย์พร้อม อาจารย์ก็จะปรากฏตัวเอง

ธรรมะตามแนวของอาจารย์ปริญญา อาจารย์โนวา อนาลัย หรือกระทั่งอาจารย์ชิงไห่ เป็นแนวที่ไม่คุ้นเคยสำหรับชาวพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธในประเทศไทย ที่สั่งสมแนวเชื่อตามแบบหินยานอย่างเหนียวแน่น การพูดอะไรบางอย่างอาจฟังดูเหมือนการจาบจ้วงหรือผิดรีตผิดธรรมไป คนที่จะเผยแผ่คำสอนที่ค่อนข้างหมิ่นเหม่ (ต่อการถูกต่อต้าน) ก็ย่อมต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก เหมือนทะเลที่สามารถรองรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ไหลลงไป ทั้งคำสรรเสริญเยินยอ การบูชากราบไหว้ รวมทั้งการใส่ร้ายต่อว่า อย่างไรก็ตามระยะหลังๆ นี้คนไทยเองก็เปิดใจกันมากขึ้น จะเห็นได้ว่าหนังสือ "The Secret" หรือหนังสือของคุณ ศุภวรรณ พ. พรรณวงศ์ กรีน (เช่น ใบไม้ในกำมือ, อวดอุตริมนุสสธรรมที่มีในตน, คู่มือชีวิต ฯลฯ) รวมทั้งหนังสือ "สนทนากับพระเจ้า" ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง

ส่วนหนังสือในนามปากกโนวา อนาลัย ผมก็เชื่อว่าได้รับความสนใจในระดับเดียวกัน แต่อาจไม่ค่อยเห็นมิติทางด้านการตลาดซึ่งอาจมีผลต่อยอดจำหน่าย (The Secret โฆษณาเยอะทีเดียว)

ผมเห็นว่า พี่นักเขียน มีหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ ท่านอาจารย์ชิงไห่ เพราะอาจารย์ชิงไห่ นอกจากจะบรรยายธรรมะสั่งสอนลูกศิษย์แล้ว ยังทำงานศิลปะเช่น วาดภาพ ออกแบบอัญมณี แต่งเพลง ออกแบบเสื้อผ้า โคมไฟ ฯลฯ และจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาใช้จ่ายในการเผยแผ่ธรรมะ ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายต่างๆ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลก ถามว่าอาจารย์จำเป็นต้องทำหรือไม่เพื่อให้ได้เงินเหล่านั้นมา คำตอบคือ ไม่ทำก็ได้ แค่เพียงเอ่ยปากขอจากลูกศิษย์คนละบาท ก็ได้หลายล้าน แต่สิ่งที่ท่านทำก็เพื่อเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตแบบที่ไม่ต้องขอเงินฟรีจากใคร และเป็นการใช้พรสวรรค์หรือความสามารถที่มาจากการบำเพ็ญพัฒนาจิตวิญญาณ มาใช้เพื่อการดำเนินชีวิต ทำให้โลกสวยงามด้วย

การถ่ายทอดธรรมะของอาจารย์ชิงไห่โดยวิธีประทับจิต "จากจิตสู่จิต" เพื่อการรู้แจ้งโดยฉับพลันตามแนวที่อาจเรียกได้ว่า "เซ็น" นั้น เป็นการให้เปล่าไม่คิดเงินใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ไม่ได้แปลว่าการเก็บเงินเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมนะครับ

สรุปคือ ถ้าพี่นักเขียนจะมีโครงการทำอะไรที่เป็นการเผยแผ่ให้ผู้คนได้รับรู้มากกว่านี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจครับ และผมคนหนึ่งล่ะที่จะสมัครเป็นสมาชิกชมรม แต่ผมเชื่อว่าพี่นักเขียน ภายใต้คำแนะนำของท่านอาจารย์โนวา อนาลัย คงมีแนวทางที่เหมาะสมตามสถานการณ์และเหตุปัจจัยครับ

เชิญชมผลงานบางส่วนของอาจารย์ครับ

 

ซีเคร็ตผมก็อ่านมาก่อนเจอหนังสือชุดนี้แต่ของอาจารย์โนวาอนาลัย เจ๋งกว่าเดอะซีเคร็ตเยอะอ่ะครับ แต่มันค่อนข้างจะลึกซึ้งกว่าน่ะครับ ประกอบกับ the secret ค่อนข้างจะคุยมาก และเล่มมีหนังสือแนวคล้ายๆแบบนี้ทยอยออกเพิ่มมาหลายเล่มบ้างแล้ว และผมก็คาดว่าจะมีหนังสือแนวนั้นออกมาเพิ่มอีกหลายเล่มแหละครับ
ก็อยู่ที่คุณพี่นักเขียนว่าจะทำยังไงต่อไปครับ แต่ไม่ว่าจะเยอะหรือน้อยก็จะให้การสนับสนุนเต็มที่ครับ แต่สิ่งที่เหมือนกันย่อมดึงดูดซึ่งกันและกันถ้าเกิดมีคนสงสัยหรือต้องการความรู้ในแบบนั้น ต่อให้ไม่มีการโฆษณาอะไร คนๆนั้นก็ย่อมวิ่งเข้าหาความรู้เหล่านั้นและความรู้เหล่านั้นก็จะดึงดูดคนเหล่านั้นเข้าไปอยู่ดีครับ

 

คิดถึงทุกคนค่ะ แว้บมาอ่านอยู่นะ (ping)

 

พี่นักเขียนขอขอบคุณ คุณรักไร้พ่าย คุณ VeggieGuy คุณเด็กโชว์พาว และคุณ axzon47 ที่นำเสนอข้อคิด และแนวทางในการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัย เพื่อการเผยแพร่ต่อไปในวงกว้าง พี่นักเขียนตระหนักดีว่า การเผยแพร่เป็นสิ่งที่จำเป็น และมีแนวทางมากมายดังที่เรา-ท่านทั้งหลายได้พบเห็นตัวอย่างมาแล้วทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

พี่นักเขียนเคยได้รับคำวินิจฉัยมากมาย เกี่ยวกับการทำหน้าที่ล่ามและเลขาของท่านอาจารย์อนาลัย โดยได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นหน้าที่ที่เรียกว่า ถูกเลือก และพี่นักเขียนก็ตระหนักว่าเป็นหน้าที่ที่ตนเองเลือกไม่น้อยไปกว่ากัน

"การเลือก"เป็นสิ่งที่เรา-ท่านต่างก็ตระหนักได้ว่าเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล ซึ่งขึ้นกับประสบการณ์ส่วนตัวโดยตรง ส่วน"การถูกเลิือก"เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากมักเข้าใจว่า เป็นการถูกกำหนดโดยบุคลิกภาพหรือตัวตนที่เหนือมนุษย์
พี่นักเขียนได้เคยตอบคำถามเกี่ยวกับการถูกเลือกไปทาง e-mail จำนวนไม่น้อย เมื่อหนังสือออกวางจำหน่ายใหม่ๆ และคิดเสมอว่าสักวันหนึ่งจะนำคำตอบมา post เมื่อมีคำถามต่อไปถึงการเผยแพร่หนังสือชุดนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันโดยตรง

พี่นักเขียนตระหนักดีว่า สักวันหนึ่งจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า เหตุใดพี่นักเขียนจึงไม่ลงมือเผยแพร่ในทิศทางที่มีอยู่มากมาย และเห็นได้ชัดว่ามีความเป็นไปได้ และจะมีผู้ถามว่า จะทำไหม? และจะเลือกทำอะไร? หรือจะเผยแพร่วิธีใดนอกเหนือไปจากรูปแบบของหนังสือ eBook และ ฺBlog ?

พี่นักเขียนขอตอบสั้นๆก่อนว่า การทำหน้าที่ล่ามและเลขาของท่านอาจารย์อนาลัยก็ดี และการนำข้อมูลความรู้ของท่านไปเผยแพร่ก็ดี ไม่ได้เกิดจากการเลือกของพี่นักเขียนแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจากการถูกเลิือกอีกด้วย วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มีโอกาสขยายความให้พวกเราฟังว่า การเลือก และ การถูกเลือก ที่แท้จริง-คืออะไร?

การเลือก
ประสบการณ์และความทรงจำของพี่นักเขียน เกี่ยวกับการรับและนำข้อมูลความรู้ชุดนี้มาเผยแพร่ เป็นประสบการณ์และความทรงจำที่พวกเราอาจเรียกว่า เป็นความทรงจำจาก-อดีตชาติ แต่สำหรับพี่นักเขียน-ขอเรียกตาม-ความรู้สึก-และความเข้าใจที่เรียนรู้จากท่านอาจารย์อนาลัยว่า เป็นประสบการณ์และความทรงจำจากจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ-ในอดีต-อนาคตชาติ จากจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์-ในปัจจุบันชาติ และ จากจิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างต่างมิติในอดึต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติ ซึ่งเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่อยู่ในจิตไร้สำนึก และปรากฏให้รู้เห็น ระลึกได้และจดจำได้เสมอๆในความฝัน เป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ตอกย้ำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า :

ทิศทางที่พี่นักเขียนเลือก-ในชาติภพนี้-ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้ เป็นทางเลือกเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ในทิศทางที่แตกต่างไปจากบุคคลตัวตนอื่นๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน หรือเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนรวม-ร่วมกัน เราแต่ละคนเป็นเสมือนชิ้นส่วนของภาพต่อเล็กๆเพียงช้ินหนึ่งของภาพรวมที่สมบูรณ์ เราแต่ละคนไม่อาจสร้างภาพรวมที่สมบูรณ์ได้โดยปราศจากผลงานของบุคคลตัวตนอืิ่นๆ

ข้อมูลความรู้ชุดนี้ไม่ใช่ของใหม่ หากแต่ว่าสูญหายหรือบิดเบือนไป ครั้งแล้วครั้งเล่า จากการก่อเกิดของลัทธิความเชื่อ จากการรวมตัวของคนหมู่มาก และจากการแตกแขนงของข้อมูลที่เป็นไปตามกระบวนการเผยแพร่ทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในทิศทางต่างๆ จากการแปลข้อมูลความรู้จากภาษาหนึ่งๆไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง ฯลฯ

แต่การรับข้อมูลต้นฉบับเพื่อนำไปถ่ายทอดใหม่อีกครั้ง ให้ตรงตามต้นฉบับ-หรือต้นกำเนิด กำลังดำเนินไปโดยบุคคลตัวตนทุกเชื้อชาติภาษา ทุกศาสนา ทุกเพศ ทุกวัย ด้วยวิธีการและสื่อทุกรูปแบบ บุคคลตัวตนทุกเชื้อชาติภาษา ทุกศาสนา ทุกเพศ ทุกวัย ที่พี่นักเขียนกำลังกล่าวถึงนี้ ล้วนเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ-ในอดีต-อนาคตชาติ จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์-ในปัจจุบันชาติ และ จิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างต่างมิติในอดึต-ปัจจุบัน-อนาคตชาติ ของกันและกัน รู้เห็นผลงาน รู้เห็นประสบการณ์ ของกันและกัน จากมุมมองของตัวตนภายใน ในความฝันที่แยกไม่ออกถึงการเป็นเรา-เขา

แต่การเลือก ในฐานะที่เป็นบุคคลตัวตน หรือเป็นจิตวิญญาณที่เป็นตัวตนย่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณรวมหรือตัวตนรวม เลือก ทำในสิ่งที่ยังเป็นช่องว่างแห่งประสบการณ์ที่ตัวตนย่อยอื่นๆยังไม่ได้เติมเต็มเสมอ ทางเลือกของพี่นักเขียนและของบุคคลตัวตนอื่นๆจึงย่อมเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างกันไป ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ข้อเสนอของคุณรักไร้พ่าย ที่เสนอให้พี่นักเขียนเผยแพร่ในลักษณะเดียวกับท่านอื่นๆ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ย่อมแตกต่างกันในที่สุด ตามทิศทางที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน

การถูกเลือก
ไม่ว่าบุคคลตัวตนเหล่านั้น รวมทั้งพี่นักเขียน จะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ในทิศทางใด การดำเนินการในทิศทางของเราแต่ละคน ล้วนเกิดขึ้นหรืออุบัติขึ้นจาก "ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของจิตวิญญาณจำนวนมากที่จดจ่อไปในทิศทางเดียวกัน

กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ตัวตนของพี่นักเขียน-ผู้เขียนหนังสือชุดนี้ด้วยการรับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้มาจากองค์ความรู้หมวดที่เรียกว่า โนวา อนาลัย หรือ หมวดเส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา อุบัติขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงของผู้อ่านทั้งหลาย จาก "ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ"ของผู้อ่านจำนวนมากโดยตรง

ดังนั้นไม่ว่าพี่นักเขียนจะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ชุดนี้ต่อไป-ในทิศทางใด ย่อมเป็นผลที่จะเกิดขึ้นจาก "ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของผู้อ่าน - ไม่ใช่ในทางกลับกัน คือไม่ใช่ว่าพี่นักเขียนลุกขึ้นเขียน แล้วจึงมีผู้ที่ต้องการอ่าน และไม่ใช่ว่าพี่นักเขียนลุกขึ้นจัดสัมมนาหรือบรรยาย แล้วจึงมีผู้ไปร่วมกันสัมมนาหรือฟังการบรรยาย

ในทางตรงกันข้าม"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของคนจำนวนมาก จะสร้างสรรค์หรือก่อเกิดความเป็นไปได้ทั้งหมดต่อไป พี่นักเขียนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่ตอบสนอง"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ด้วยการเลือกที่จะทำหน้าที่ผู้รับข้อมูลและนำมาถ่ายทอดให้แก่ผู้อ่านหรือผู้ฟังที่ ปรารถนา เรียกร้องหรือจดจ่อ ที่จะรับรู้และรับฟังข้อมูลความรู้เหล่านี้

การถูกเลิือก จึงเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการจดจ่อร่วมกันของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง จำนวนมาก

จิตวิญญาณของบุคคลจำนวนมากรวมกัน คือสิ่งที่มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์

พลังอำนาจเหนือมนุษย์-อยู่ในตัวมนุษย์โดยแท้



"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของผู้อ่านจำนวนมาก เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้นักเขียนทั้งหลายในโลกเขียนหนังสือ ไม่ว่าหนังสือนั้นๆจะเป็นหนังสือนวนิยาย หรือหนังสือประเภทใดก็ตาม

แต่"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของผู้อ่านหนังสือชุดนี้ ไม่ได้ปรากฎเป็นเพียงแรงบันดาลใจ หากแต่ปรากฏเป็นบุคลิกภาพของท่านอาจารย์อนาลัย ในความฝันของพี่นักเขียน โดยปรากฏเป็นบุคลิกภาพที่มีการเปลี่ยนแปลง แปลงสภาวะ และถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนยังคงต้องเรียนรู้ต่อไปอีกอย่างไม่มีวันจบสิ้น เพราะสิ่งที่ผู้อ่านปรารถนา เป็นองค์ความรู้ที่พี่นักเขียนไม่สามารถจะรวบรวมได้จากแหล่งใด นอกจากจากแหล่งความรู้ภายในเพียงแห่งเดียวเท่านั้น และ"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของผู้อ่าน ตรงกับ"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของพี่นักเขียน ซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำหน้าที่รับข้อมูลความรู้จากภายในมาถ่ายทอด

การปรากฏของท่านอาจารย์อนาลัย จำเป็นต้องปรากฏเป็นเสมือนบุคคลตัวตน เพราะไม่เช่นนั้นการสื่อสารและการรับ-ถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดมาสู่พี่นักเขียนจะเป็นไปไม่ได้

บุคคลทั้งหลายที่ทำหน้าที่สื่อสาร-รับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากภายในเช่นพี่นักเขียน ล้วนได้รับพลังสนับสนุนจากคนหมู่มาก ที่จะทำให้การรับและถ่ายทอดนั้นๆเป็นไปได้ หากปราศจาก"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของผู้อ่านจำนวนมาก ที่คล้องจองกับความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้ทำหน้าที่รับและถ่ายทอดข้อมูล การรับและถ่ายทอดทั้งหมดย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

ในนัยเดียวกันนี้ ผู้จัดสัมมนา หรือผู้บรรยาย ที่จะทำหน้าที่รับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้ ย่อมต้องได้รับพลังสนับสนุนจากคนหมู่มาก ที่จะทำให้การรับและถ่ายทอดนั้นๆเป็นไปได้

พี่นักเขียนได้เลือกแล้วที่จะทำหน้าที่ การเลือกของพี่นักเขียนย่อมเป็นไปตามความรู้ ความสามารถและทักษะส่วนบุคคล การเขียนหนังสือ การทำ eBook และการตอบคำถามทาง e-mail และ Blog ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ยาวนานตลอดชีวิตการทำงาน ที่เอื้ออำนวยให้การทำหน้าที่ตามทางเลือกนี้-เป็นไปได้

แต่อีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้ความเป็นไปได้ทั้งหลายกลายเป็นความเป็นจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการถูกเลือก หรือพลังของ"ความปรารถนา" "การเรียกร้อง" หรือ "การจดจ่อ" ของคนจำนวนมาก แม้แต่ Blog หรือ กระทู้ แห่งนี้ ก็เกิดขึ้นจาก-การถูกเลือก โดยหัวหน้าและหลายๆท่านที่มาปูเสืิ่อคอย (พร้อมเอาส้มตำจานเด็ดมาล่อ)

หากพี่นักเขียนยังรักที่จะอยู่ Kansas และเผยแพร่ข้อมูลความรู้ชุดนี้ต่อไปทาง Analai Virtual University จะมีใครบินมาหาบ้างไหมเอ่ย ? สัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารไทย ไวน์เทศ และเล่นโปงลางให้ฟังในสวนหลังบ้าน เพลงเก่งคือ-เดือนเพ็ญค่ะ(rose)

 

อ่านในท่อนนี้แล้วนึกถึงบทสนทนาหนึ่งในหนังสือ Conversation with God เล่ม 2 ที่ว่า ฮิตเลอร์นั้นก็เกิดจากจิตใต้สำนึก(ใช้คำนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ ถ้าผิดพลาดก็ขออภัย)รวมของมนุษยชาติ เพราะว่าส่วนลึกของมนุษย์มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ พอรวมกันมากๆ จึงทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง

 

สวนหลังบ้านของพี่นักเขียนเนรมิตออกมาสวยงามจริงๆครับ
เหมือนสวนเอเดนตอนที่พระเจ้าสร้างโลกใหม่ๆ งดงามสดใสไปหมด
แนวหินทรายก้อนใหญ่ๆเห็นแล้วนึกถึงไปถึงเมืองของไอยคุปต์
คืนนี้พวกเราจะหอบเอาเสื่อผืนใหญ่ๆไปปูนอนบนเนินหญ้า
แล้วเอาข้าวเหนียว+ส้มตำไปฝากพี่นักเขียนด้วยครับ
รอฟังเพลงเดือนเพ็ญและเพลง Resemble The Moon กันตาละห้อยแล้วล่ะครับ

 

ฮิตเลอร์หรือผู้นำที่เป็นมหาอำนาจหลายๆคน ก็คงมาจากที่คุณซิปบอกล่ะครับ
แม้แต่ผลการโหวตเลือกตั้งของคุณโอบาม่า หรือฮิลลารี่ คลินตัน ก็จะมีผลออกมาจากผลรวมของจิตสำนึกส่วนใหญ่ของคนในแต่ละเมืองที่เลือกกันมา และต้องได้รับผลจากการตัดสินใจนั้นด้วยจากผู้นำที่เป็นตัวแทนความคิดของเค้าซึ่งก่อให้เกิดตัวตน (ต้นแบบ) เช่นนั้นขึ้นมา อันนี้น่าจะเห็นชัดหน่อย..เอ..แล้วพี่นักเขียนจะเลือกใครครับ? โอบาม่าอยู่มลรัฐเคนซัสบ้านเดียวกับพี่นักเขียนซะด้วย..ผลโหวตคงจะออกมาแล้วในมิติของจิตวิญญาณ

 

<TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY id=threadbits_forum_2><TR><TD class=alt2></TD><TD class=alt1 id=td_threadtitle_86527 title="(f) แนะนำ เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer] (9 คน กำลังดูอยู่)


</TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 4,162, จำนวนอ่าน: 100,245">วันนี้ 12:17 PM





</TD><TD class=alt1 align=middle>4,162</TD><TD class=alt2 align=middle>100,245</TD></TR></TBODY></TABLE>

<!-- / message --><!-- sig -->

(||)(||)(||)
วันนี้ขอบันทึกไว้หน่อยว่ายอดกดเข้าชมทะลุ 100,000 ครั้งแล้วครับ
มาแสดงยินดีกับหมวดความรู้ของอาจารย์อนาลัยด้วยกันครับ​

 

<TABLE class=tborder id=post1085835 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1085835 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">สรรพสิ่งทั้งปวงล้วนเป็นหนึ่งเดียว

ทุกดวงจิต ล้วนร่วม กันค้นหา
ถึงที่มา ของตน อยู่หนไหน
คำตอบที่ เธอหา อยู่ไม่ไกล
แท้อยู่ที่ ภายใน ใจของตน

จงอย่าหา คำตอบ ที่นอกกาย
จงค้นหา จากภายใน ใฝ่ฝึกฝน
จงกลับสู่ ภายใน ใช่นอกตน
จงฝึกฝน จิตเถิด เกิดปัญญา

เรานั้นเกิด จากสิ่งนั้น คือความว่าง
เพื่อมาเสาะ แสวงทาง เร่งค้นหา
เพิ่มประสบการณ์ แห่งตัวตน ด้วยปัญญา
ให้ระลึกได้ ถึงที่มา แห่งตัวตน

ทุกประสบการณ์ เรานั้น คือผู้เลือก
เพื่อเรียนรู้ ความเป็นเหตุ และเป็นผล
เพื่อสรรสร้าง เรียนรู้ น้อมสู่ตน
เพื่อรู้แจ้ง ตัวตน เกิดปัญญา

ทุกทุกสาย ความรู้ สู่หลักใหญ่
วิถีทาง ต่างกันไป ใช่ปัญหา
สรรพสิ่งทั้งปวง คือความว่าง คือปัญญา
คือปรมัตถ์ คือสุญญตา คือนิพพาน


คือความรัก ที่ปราศ จากเงื่อนไข
คือจิตใจ ที่ปราศ จากถือมั่น
คือหยุดแบ่ง เรา-เขา เพราะเท่ากัน
คือเพราะเรา หนึ่งเดียวกัน สุญญตา

ทุกสรรพสิ่ง ในโลก มี 2 ขั้ว
รักและกลัว ตั้งให้เห็น เป็นปริศนา
ไขประตู สู่ภายใน ใช้ปัญญา
กาลเวลา ไม่มี อย่างที่เป็น

ภัยพิบัติ อาจเป็นการทำลาย ที่สร้างสรรค์
เพิ่มความรัก ให้แก่กัน ท่านคงเห็น
ต่างร่วมมือ ร่วมใจ ใฝ่ร่มเย็น
บังเกิดเป็น เมตตาธรรม มาค้ำจุน

จงชื่นชม ต่อทุก สภาวการณ์
จงขอบคุณ การรังสรรค์ ทุกเหตุผล
จงศรัทธา ต่อวิญญาณ ทุกตัวตน
เพราะทุกเหตุ ทุกผล มีที่มา
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1085835")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack --> <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack --> <!-- End Post Thank You Hack --> <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post 1085835 popup menu -->
<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>JINTAWADEE</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ JINTAWADEE</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ JINTAWADEE</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>เพิ่ม JINTAWADEE ในรายชื่อคู่หูของคุณ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- / post 1085835 popup menu --><!-- / close content container --><!-- / post #1085835 --><!-- Start Post Thank You Hack --><SCRIPT type=text/javascript><!--function post_thanks_give_1085835(){ fetch_object('post_thanks_button_1085835').style.display = 'none' do_thanks_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_thanks_add.onreadystatechange(thanks_add_Done_1085835) do_thanks_add.send('showthread.php?do=post_thanks_add_ajax&p=1085835')}function thanks_add_Done_1085835(){ if (do_thanks_add.handler.readyState == 4 && do_thanks_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_thanks_box_1085835').innerHTML = do_thanks_add.handler.responseText }}function post_thanks_remove_all_1085835(){ do_thanks_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_thanks_remove_all.onreadystatechange(thanks_remove_all_Done_1085835) do_thanks_remove_all.send('showthread.php?do=post_thanks_remove_all_ajax&p=1085835') fetch_object('post_thanks_button_1085835').style.display = '' }function thanks_remove_all_Done_1085835(){ if (do_thanks_remove_all.handler.readyState == 4 && do_thanks_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_thanks_box_1085835').innerHTML = do_thanks_remove_all.handler.responseText }}function post_thanks_remove_user_1085835(){ do_thanks_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_thanks_remove_user.onreadystatechange(thanks_remove_user_Done_1085835) do_thanks_remove_user.send('showthread.php?do=post_thanks_remove_user_ajax&p=1085835') fetch_object('post_thanks_button_1085835').style.display = '' }function thanks_remove_user_Done_1085835(){ if (do_thanks_remove_user.handler.readyState == 4 && do_thanks_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_thanks_box_1085835').innerHTML = do_thanks_remove_user.handler.responseText }}//--></SCRIPT>
<!-- End Post Thank You Hack --><!-- Start Post Groan Hack --><SCRIPT type=text/javascript><!--function post_groan_give_1085835(){ fetch_object('post_groan_button_1085835').style.display = 'none' do_groan_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_add.onreadystatechange(groan_add_Done_1085835) do_groan_add.send('showthread.php?do=post_groan_add_ajax&p=1085835')}function groan_add_Done_1085835(){ if (do_groan_add.handler.readyState == 4 && do_groan_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_1085835').innerHTML = do_groan_add.handler.responseText }}function post_groan_remove_all_1085835(){ do_groan_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_all.onreadystatechange(groan_remove_all_Done_1085835) do_groan_remove_all.send('showthread.php?do=post_groan_remove_all_ajax&p=1085835') fetch_object('post_groan_button_1085835').style.display = '' }function groan_remove_all_Done_1085835(){ if (do_groan_remove_all.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_1085835').innerHTML = do_groan_remove_all.handler.responseText }}function post_groan_remove_user_1085835(){ do_groan_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_user.onreadystatechange(groan_remove_user_Done_1085835) do_groan_remove_user.send('showthread.php?do=post_groan_remove_user_ajax&p=1085835') fetch_object('post_groan_button_1085835').style.display = '' }function groan_remove_user_Done_1085835(){ if (do_groan_remove_user.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_1085835').innerHTML = do_groan_remove_user.handler.responseText }}//--></SCRIPT>
<!-- End Post Groan Hack --><!-- start adv-->



<!-- / close content container --><!-- / post #1085835 -->

 

เพิ่งรู้ว่าคุณจินตวดีแต่งกลอนได้สุดยอดขนาดนี้ เนื้อหาเป็นสากล สื่อออกมาอ่านเข้าใจง่ายดีด้วยครับ ความสามารถแบบนี้ถูกส่งมาจาก จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ-ในอดีต-อนาคตชาติ ของคุณจินฯพร้อมกัน..รู้เห็นประสบการณ์ ของกันและกัน จากมุมมองของตัวตนภายในครับ

 

พอดีช่วงนี้กำลังอ่านอมตะของจิตวิญญาณอยู่ค่ะ เห็นท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงโลกแห่งความจริงสามมิติอยู่หลายครั้ง พี่นักเขียนช่วยขยายความหรือให้คำจำกัดความของโลกแห่งความจริงสามมิติให้เข้าใจได้บ้างมั้ยคะ? ขอบคุณค่ะ..[Embarrass