ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE border=1 borderColor=#f7f7f7 width="80%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#f7f7f7 vAlign=top borderColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#99cc00 height=23 align=middle>ความสุขคืออะไร ?</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=22>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 width="94%" bgColor=#f7f7f7 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ความสุข คือ ความสบาย หรือความสำราญ แยกออกได้เป็นสองฝ่าย คือ ความสุขทางกาย กับความสุขทางใจ ​
    ความสุขทางกาย ได้แก่ ความสุขที่สัมผัสได้จากประสาททั้ง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และผิวหนัง เรียกว่า "กามคุณ ๕" จัดว่าเป็นฝ่ายรูป หรือความสุขที่เกิดจากเนื้อหนังมังสา อันเป็นสิ่งสกปรก
    ความสุขทางใจ ได้แก่ ความสุขที่สัมผัสได้จากจิต คือ ความสบายใจ ความสุขใจ ความอิ่มใจ ความพอใจ อันเกิดจากจิตใจที่สงบและเย็น จัดว่าเป็นฝ่ายนาม อันเป็นความสุขที่สะอาด
    ความสุขทั้งทางกายและทางใจ ย่อมมีส่วนสัมพันธ์กัน ไม่อาจจะแยกให้ขาดจากกันได้ เพราะต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน จะขาดเสียอย่างใดอย่างหนึ่งหาได้ไม่
    การปฏิบัติได้เกิด "ความพอดี" ไม่มากและไม่น้อยเกินไป ไม่ว่าในส่วนกายหรือใจก็ตาม ก็ย่อมจะเกิดความสุขโดยปราศจากความทุกข์ ที่แอบแฝงตามมา
    ในความสุขทั้งสองฝ่ายนี้ ความสุขทางใจ นับว่าเป็น "ยอมแห่งความสุข" ทั้งหมด ถ้าเรากระทำสิ่งใดแล้วจิตใจไม่มีความสุข แม้ว่าเราจะมีวัตถุมากมายครบถ้วน คอยอำนวยความสุขทุกรูปแบบ ก็หาได้ก่อให้เกิดความสุขที่สมบูรณ์หรือแท้จริงไม่
    แต่ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าทางร่างกายจะขาดแคลนวัตถุ ที่จะอำนวยความสุข แต่ถ้าจิตใจมันมีปิติหล่อเลี้ยง มีความพอใจ มีความสงบใจ คนก็ย่อมจะประสบความสุขได้
    ในการมีเครื่องอำนวยความสุขมากเสียอีก กลับจะเป็นมารหรืออุปสรรค คอยขัดขวางหรือบั่นทอน ไม่ให้ผู้นั้นได้พบกับความสุขที่แท้จริงเสียด้วยซ้ำไป
    ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงพร่ำสอนพระ ทรงย้ำให้พระมีชีวิตอยู่อย่าง "สันโดษ" และ "มักน้อย" ให้มีอาหารหรือปัจจัย ๔ หล่อเลี้ยงชีวิต เหมือนน้ำมันหยอดเพลาเกวียนเท่านั้น !
    จากพุทธปฏิปทานี้ ชาวบ้านผู้ครองเรือน ก็สามารถประยุกต์เอามาใช้ ให้เกิดประโยชน์ได้ นั่นคือ อย่าให้ตึงจนถึงเดือนร้อน และอย่าให้หย่อนจนตัวนเป็นขน
    หลัก "มัชฌิมาปฏิปทา" คือ ทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อน จึงเป็นแนวทางที่ควรนำมาดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดความสุขในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าใช้เป็นและใช้ให้ถูกต้องกับกาล เทศะ บุคคลและอัตภาพของตน
    รวมความว่า ความสุขก็คือความสบายกาย และสบายใจ ในสองอย่างนี้ ความสุขใจ นับว่าเป็นยอดแห่งความสุขในโลก และทุกคนก็สามารถที่จะบรรลุความสุขใจนี้ได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้.

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=22> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา>>ClickHere<<
    โมทนาบุญกับทุกท่านครับ
    น้องโอ๊ต
     
  2. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#99cc00 height=23 align=middle>๒.ทำอย่างไรจึงจะพบความสุข</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=22>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 width="94%" bgColor=#f7f7f7 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top> พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงเหตุที่จะให้เกิดความสุขไว้มากมายหลายแห่ง และหลายระดับ ตั้งแต่ระด้บความสุขของผู้ครองเรือนจนถึงระดับความสุข ของผู้ไม่ครองเรือนคือนักบวชทั้งหลาย
    ในบรรดาคำสอนอันมากมาย ที่จะเป็นบันไดไปสู่ความสุขนั้น มีอยู่ข้อหนึ่ง ที่ผู้เขียนเห็นว่ารัดกุม และสามารถครอบคลุมความหมายของปัญหาข้างต้นได้ครบถ้วน ได้แก่พุทธวจนะที่มาในพระธรรมบท (๒๕/๕๐) ที่ว่า
    เว้นเหตุแห่งทุกข์ ย่อมมีสุขในที่ทั้งปวง
    เมื่อท่านได้อ่านพุทธภาษิตนี้แล้ว บางท่านอาจจะร้อง "ว้า...มันกว้างเกินไป จนจับหลักไม่ได้" ก็ถูกละ...ความทุกข์นั้นมีมากมาย เราก็ควรที่จะต้องหาทางเว้น "ต้นเหตุ" ที่จะให้เกิดความทุกข์ต่าง ๆ เหล่านั้นให้มากที่สุด"
    ถ้าเราสามารถเว้นเหตุแห่งความทุกข์ ได้มากเท่าไหร่ ? เราก็ย่อมจะได้รับความสุขมากขึ้นเท่านั้น
    นี่จัดวว่าเป็นหลักการ เหมือนกำปั้นทุบดิน แต่ปัญหามีต่อไปว่า เราจะรู้ได้อย่างไร ? ว่าต้นเหตุแห่งความทุกข์นั้นมีอย่างไรบ้าง ?
    การที่คนเราจะรู้ว่า อะไรจะเป็น "ต้นเหตุ" ของความทุกข์ และอะไรจะเป็น "ต้นเหตุ" ของความสุขนั้น ไม่มีเครื่องมืออะไร ที่จะไปวินิจฉัยได้เลย นอกจาก "ปัญญา" เพียงตัวเดียวเท่านั้น
    ในพระธรรมบท (๒๕/๕๐) ที่เดียวกัน พระพุทธองค์ จึงได้ตรัสไว้อีกว่า
    มีปัญญา พาให้บรรลุความสุข
    ก็เป็นอันว่า ทางพระพุทธศาสนา ท่านเน้นที่ตัวปัญญา ว่าสามารถใช้ได้ทั้งดับทุกข์ และใช้สร้างความสุขได้ด้วย หรือจะว่าให้ตรงก็ว่า เมื่อเว้นเหตุแห่งทุกข์แล้ว ก็ย่อมจะพบความสุขเอง ก็ไม่ผิดหรอก
    เอาละ, ที่นี้เราก็มีความจำเป็น ที่จะต้องมา "ปลูกปัญญา" กันละว่า ปัญญานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
    ในสังคีติสูตร (๑๑/๑๙๙) ท่านพระสารีบุตร ได้แสดงถึงเหตุที่จะให้เกิดปัญญาได้ ๓ ทางด้วยกัน คือ
    ๑. จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากความคิด การคิดหรือพิจารณาทบทวนเหตุผล เรียกว่าต้องใช้สมอง ปัญญาจึงจะเกิด
    ๒. สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการฟัง การอ่าน การเล่าเรียนศึกษา การค้นคว้าหาความรู้ การสอบถามท่านผู้รู้
    ๓. ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการฝึกฝนอบรม การลงมือกระทำหรือปฏิบัติ การทดลองปฏิบัติด้วยตนเองเนือง ๆ
    มีข้อที่ควรสังเกต ระหว่างคนที่มีความคิด กับคนที่มีปัญญานั้น อย่าได้เอาไปปะปนกัน มันจะแก้ปัญหาในการดับทุกข์ไม่ได้ หรือแม้จะใช้แก้ปัญหาเล็กน้อย ในชีวิตประจำวันก็ยังยาก

    จริงอยู่ แม้ว่าความคิดจะเป็นต้นเหตุ ให้เกิดปัญญาก็จริง แต่ถ้าคิดเพียงตื้น ๆ หรือผิวเผิน ก็ไม่เกิดปัญญา ก็เรียกได้เพียงว่า มีแต่ความคิด แต่ไม่มีปัญญา คือไม่อาจที่จะแก้ปัญหาในชีวิตได้ หรือใช้ดับทุกข์ไม่ได้
    คนมีความคิด คิดอะไรเก่ง ทำอะไรเก่ง แต่ขาดปัญญานั้น ยิ่งคิดอะไรมาก ทำอะไรมากขึ้นเท่าไร ? ก็ยิ่งก็จะเพิ่มปัญหา ก่อความทุกข์ให้เพิ่มมากขึ้นเพียงนั้น !
    ดังนั้น ความคิดกับปัญญาจึงไม่เหมือนกัน แต่ว่าความคิดนั้นอาจเป็นบ่อเกิดของปัญญาได้ ถ้าจะเกณฑ์ให้ความคิดเป็นปัญญาด้วย ก็ย่อมจะได้ โดยจะต้องแยกว่าเป็นปัญญาฝ่ายโลก ไม่ใช่ปัญญาฝ่ายธรรม เพราะปัญญาฝ่ายธรรมนั้น ใช้ดับทุกข์ได้
    เมื่อเรามีปัญญาแล้ว ก็เสมือนว่ามีดวงตา หรือมีแสงสว่างที่จะใช้ส่องนำทาง ให้ชีวิตเกิดความปลอดภัย และบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง คือความดับทุกข์ตามลำดับขั้นจนถึงพระนิพพาน อันเป็นจุดหมายปลายทางของทุกชีวิต.

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=22> </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา>>ClickHere<<
    โมทนาบุญกับทุกท่านครับ
    น้องโอ๊ต
     
  3. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886

    โมทนาครับน้องjirautes ทำบุญกับทุนนิธิฯในกระทู้นี้มีดีหลายอย่างนะครับ
    1 ได้บุญเต็มเปรี่ยม รักษาสงฆ์อาพาธโดยไม่เจาะจง เป็นทั้งบุญสังฆทาน และ บุญเหมือนอุปฐากพระพุทธองค์
    2 ได้พระเครื่องที่มีอิทธิคุณบริสุทธิ์ ไม่มีตั้งราคา ไม่มีขาย มีแต่แจก บุญมีบริสุทธิ์สาม พระเครื่องก็มีครับคือ ผู้ให้บริสุทธิ์ไม่คิดขาย ผู้เสกบริสุทธิ์ไม่ผิดศีล ผู้รับบริสุทธิ์ไม่ได้ซื้อพระแลกบุญ
    3 ได้ความรู้เกี่ยวกับ ธรรมะที่หลายท่านนำมาให้อ่าน และ ได้ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องรวมถึงกำลังใจเกี่ยวกับเรื่องอจินไตยในการทำบุญ ไม่มีเนื้อหาไร้สาระ ไร้แก่นสาร


     
  4. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    พระกรุโลกอุดร พิมพ์อรหันต์ใหญ่ เป็นพิมพ์ที่ดูเข้มขลัง ขนาดเหมาะกับท่านชายหรือท่านผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง
    [​IMG]
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    K.Tanya

    thanks very much, and happy for THAI NEW YEAR. "SONGKRAN DAY".

    Bhanvarit
    5/4/2008
     
  6. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ช่วนนี้เหตุการณ์บ้านเมืองที่ส่อไปในทาง จะเกิดความวุ่นวาย รุนแรง หรือ ไม่สงบ ทำให้หลายคนเป็นห่วงบ้านเมืองว่าจะเป็นอย่างไร ผมไปเจอบทความหนึ่ง จึงเข้าใจว่าเมืองไทยมีบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอดีตบูรพกษัตริย์ รวมถึงเหล่าเทวดารักษาแผ่นดินนี้อยู่มาก ถึงจะมีเหตุการณ์ไม่ดีก็เป็นไปตามวาระกรรม แต่จะไม่หนักหนาครับ

    เล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่2
    ในการทิ้งระเบิดมีสถานที่หลายแห่งในกรุงเทพมหานครถูกระเบิดเสียหาย
    แต่น่าแปลกที่พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมรูปทรงม้า
    รวมทั้งหลายที่ที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และยึดเหนี่ยวจิตใจของไทย
    กลับไม่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ เชื่อกันว่าเป็นเพราะบุญบารมีขององค์พระบูรพกษัตริยาธิราช
    และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้อง ที่สะพานพุทธก็เป็นอีกที่ที่ไม่ได้ความเสียหาย มีข่าวชึ้นหนึ่งเป็นที่ฮือฮาในสมัยนั้น
    คือ พบชายท่าทางลึกลับเดินอยู่คนเดียวบนสะพานในเวลากลางคืน เมื่อมีผู้ไปเข้าไปถาม ชายคนนั้นกลับบอกเวลา
    สถานที่ที่จะทิ้งระเบิดได้อย่างแม่นยำ และได้แลบลิ้นออกเป็นสีดำแล้วหายตัวไป บุคคลที่ได้พบเห็นถึงกับตกใจ
    เป็นลมล้มพับไป ชายลึกลับผู้นั้นถูกเรียกว่า พระเจ้าลิ้นดำ โดยประชาชนทั่วไปเชื่อกันว่า
    เป็นเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งหรือเป็นพระสยามเทวาธิราชที่ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาชาติ เป็นต้น


    http://www.gunsandgames.com/smf/ind...8225c4f57f3&topic=45176.msg1130240#msg1130240
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ข้างบนนี้คือรายละเอียดของการสร้างและขอบารมีเสกของพระกำลังใจ 2 ส่วนพระกำลังใจ 1 นั้นมีอยู่แล้ว สำหรับในเดือนนี้พระพิมพ์บรมครูเทพโลกอุดรที่จะแจกให้ฟรีสำหรับผู้ที่ทำบุญผ่านทุนนิธิฯ นี้ ตามเจตนาของผู้บริจาคพระนั้น อยากให้ผู้ที่ทำบุญแจ้งเจตนามาหลังสงกรานต์ วันอาทิตย์นี้หลังจากประชุมกรรมการแล้ว จะแจ้งอีกทีว่าให้เริ่มแจ้งรายชื่อกันเมื่อใด และจะแจ้งเลขที่บัญชีสำหรับค่าส่งพระให้ทราบด้วยเช่นกัน ซึ่งพระของบรมครูฯ นี้ ผมอยากให้ทุกท่านที่ทำบุญผ่านกระทู้นี้เก็บไว้จริงๆ พระที่อาจจะเหมือน หรือคล้ายกัน ท่านอาจไม่ทราบที่มา หรือท่านได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากทุนนิธิฯ พลังกฤติยาคมอาจไม่มีในองค์พระเนื่องจากเป็นพระที่ทำแค่คล้ายกัน หรือแหล่งที่ได้มาไม่ครบตามบุญกิริยาวัตถุ 10 แต่พระที่รับจากทุนนิธิฯ นี้ ท่านอ้างที่มาได้เพราะมีบัญชีรายชื่อท่านอยู่ที่ทุนนิธิฯ ผ่านการตรวจเช็ค จากต้นตำรับที่ถือได้ว่าเป็นฌาณลาภีบุคคลคือ ท่าน อ.ประถม อาจสาคร และ พี่ใหญ่ เรียบร้อย พลังกฤติยาคม ไม่เป็นรองใครในแผ่นดินคุ้มตัวได้สบายมากและรุนแรงกว่าพระเงินล้านทั้งหลาย บอกอีกครั้ง เก็บไว้เถอะ เก็บไว้ให้ดี หมดคือหมด ถ้าใครไป รพ.สงฆ์ในเดือนนี้ท่านอาจได้เลือกพระด้วยตัวเองก็ได้เพราะจะให้คุณโสระติดพระไปด้วย ท่านจะได้ประหยัดค่าส่งพระ เราเองก็จะได้ไม่เพิ่มภาระในการจัดส่งด้วยเช่นกัน

    สำหรับพระกำลังใจ 2 ข้างต้น คงต้องรอเวลาอีกนิด กระซิบดังๆ การเสก คือ "ฤกษ์" ถูกกำหนดโดย"ทิพย์"ทั้งหมด ส่วน "วัตถุดิบ" ที่ใช้ รวมถึงรายละเอียดที่ทำโดยมนุษย์นั้น สำเร็จได้ด้วย อ.ประถม พี่ใหญ่ และคุณโสระ ควรค่าแก่การโมทนาและกล่าวถึงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเป็น "ทิพย์" ในระหว่างการหล่อพระนั้น ถูกบันทึก โดยกล้องถ่ายรูป และวีดีโอ ที่ผมเห็นแล้วต้องสาธุ พุทธานุภาพ และบุญบาปนั้น มีจริงน้อ...ขอให้พวกเราพึงสังวรณ์ ในศีล 5 พยายามรักษาไว้ บุญกุศลรีบเก็บเกี่ยวไว้ อย่างน้อยถ้าชาติหน้า ภพหน้ามีจริง เราไม่ขาดทุนแน่นอน พระกำลังใจ 2 นี้ วันข้างหน้า อาจถูกตราไว้เช่นเดียวกับพระกริ่งที่ถือว่าสุดยอดของสายพระกริ่ง หรือพระรูปหล่อก็ได้ ใครจะรู้ เพราะกฤติยาคมรุนแรงทั้งบู้และบุ๋น ไม่เป็นรองใครในแผ่นดินเช่นกัน

    สำหรับงานบุญในเดือนนี้ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่คาดว่า จะเป็นช่วงอาทิตย์ก่อนสุดท้าย หรือสุดท้ายของเดือนนี้แน่นอน เพราะกลัวว่า หากเป็นอาทิตย์หลังสงกรานต์ กลัวท่านจะ "เพลียบุญ" หรือ "เบื่อบุญ" กันซะก่อน เพราะช่วงสงกรานต์หลายท่านคงทำบุญกันเยอะแม้แต่ตัวผมเองก็เช่นกัน งานบุญคราวนี้หากใครไปร่วมงานกับเรา จะพาไปกราบพระอริยเจ้าที่ยังคงเหลือที่ รพ.สงฆ์ด้วย อย่างน้อยที่เห็นๆ ก็ 2 องค์ล่ะ ไปกราบท่านจะได้เป็นบุญต่อบุญไปเรื่อยๆ ทั้งภพนี้ และภพหน้า ตามสายบุญของท่านองค์ใหญ่ต่อไป...

    พันวฤทธิ์
    5/4/51

    หมายเหตุ ครั้งแรกพิมพ์ซะยาว ข้อมูลละเอียดยิบ แต่พอกดส่งข้อความหายเกลี้ยง เลยขี้เกียจพิมพ์ซ้ำ ไม่ทราบใครเป็นอย่างผมบ้างล่ะ เซ็งเน๊อะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2008
  8. tanya123

    tanya123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +544
    Dear Kune Bhanvarit and friends:)
    very much welcome ka:) wish you and your family also friends have very good Songkhan Day too (||)

    Tanya klyne and family ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2008
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    มีรูปท่านหลวงปู่เสาร์มาฝากครับ

    <TABLE borderColor=#ffffff width=650 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>พระอาจารย์เสาร์ กันตสีลเถระ ชาติภูมิของท่านเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี ชาตะเมื่อ พ.ศ.2403 มรณะภาพเมื่อ พ.ศ. 2485 ท่านเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ และเป็นพระวิปัสสนาธุระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างยอดเยี่ยม บุคลิกลักษณะสมบูรณ์ สง่าผ่าเผย เกรงขาม พูดน้อย แต่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไรมักจะเป็นอย่างนั้น ดังสมัยท่านเดินธุดงค์ไปในท้องถิ่นขอนแก่น ซึ่งเป็นปฐมฤกษ์ที่พระกัมมัฏฐานรุ่นแรกเหยียบย่างเข้าไปสู่ถิ่นนั้น มีประชาชนแตกตื่นเลื่อมใสไปให้ทานทำบุญเป็นจำนวนมาก หลังจากให้ทานแล้วก็ใคร่อยากจะฟังธรรมเทศนาของท่านจึงกล่าวธรรมเป็นคติโดยย่อว่า " การให้ทานใครๆ ก็ให้ทานมามากแล้ว มีผลานิสงส์มากเหมือนกันกัน แค่สู้บวชเป็นขาวเป็นชีรักษาศีลอุโบสถไม่ได้ มีอานิสงส์มากกว่าให้ทานนั่นเสียอีก ถ้าใครอยากได้บุญมากขึ้นสวรรค์ไปนิพพานพ้นทุกข์ ก็ควรบวชเป็นขาวเป็นชีรักษาศีลอุโบสถเสียในวันนี้ " ปรากฏว่าในค่ำวันนั้นเอง มีญาติโยมชายหญิงบวชชีพร้อมกันร่วมร้อย อย่างน่าอัศจรรย์ ประการหนึ่ง สถานที่แห่งใด ที่ท่านเที่ยวธุดงค์ไปพักชั่วคราว สถานที่แห่งนั้นมักจะกลายเป็นวัดถาวรและเจริญรุ่งเรืองตามมาภายหลัง เช่น พระธาตุพนม ซึ่งแต่ก่อนรกร้างเป็นดง เมื่อท่านเดินรุกมูลเข้าไปพักอาศัยที่นั้นชั่วคราว ให้คนถากถางทำความสะอาดปัดกวาดอย่างดี ครั้นต่อมาภายหลัง ที่นั่นจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเจริญรุ่งเรืองเป็นที่เลื่อมใสของชาวพุทธทั่วประเทศมามาจนกระทั่งปัจจุบัน
    และในทำนองเดียวกัน ก็ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ท่านธุดงค์ผ่านไปพักชั่วคราวแล้วกลายมาเป็นวัดได้รับความเจริญรุ่งเรืองเหลือเป็นอนุสรณ์สำหนับอนุชนรุ่นหลังจนกระทั่งทุกวันนี้
    โดยพระครูสถิตบุญญารักษ์ ( จากหนังสือ " พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล " รวบรวมโดยคุณพิศิษฐ์ ไสยสมบัติ )
    ร่วมรำลึกถึงองค์หลวงปู่เสาร์ กันตสีลเถระด้วย " สังฆานุสติ " ภาพถ่ายหลวงปู่เสาร์ ที่ทางผู้ดูแลเว็บได้รวบรวมจากหนังสือต่าง จากเว็บไซต์อื่นๆ และมีผู้ scan ส่งมาให้จำนวนทั้งหมด 10 ภาพ พร้อมทั้งประวัติความเป็นมาของภาพถ่ายนั้นบางภาพเท่าที่สืบทราบอ้างอิงได้ ขอเชิญทุกท่านชมภาพเพื่อรำลึกถึงองค์หลวงปู่ท่าน ณ บัดนี้ครับ
    <TABLE width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>1. รูปถ่ายหลวงปู่เสาร์รูปนี้อนุเคราะห์โดยคุณจตุพล อินทรายุธ scan ส่งมาให้จากรูปต้นฉบับที่ตกทอดมาจากคุณปู่เป็นชาวนครพนมซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว คุณพ่อของคุณจตุพลได้ถ่ายทอดความเป็นมาของภาพนี้ว่า ถ่ายที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อคราวองค์ท่านมาเยี่ยมลูกศิษย์ของท่านคือหลวงปู่จันทร์ เขมิโยซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2479 แล้วจะเลยไปธุดงค์ยังฝั่งลาวต่อ ครั้งนี้มีหลวงปู่เทสก์ เทสรังสีติดตามหลวงปู่เสาร์ไปด้วย โอกาสนี้หลวงปู่เทสก์ได้กราบเรียนขอโอกาสหลวงปู่เสาร์ถ่ายรูปไว้เพื่อให้ลูกหลานในภายหลังได้เห็นรูปท่านเป็นสังฆนุสติ เมื่อองค์ท่านอนุญาตแล้วหลวงปู่เทสก์ได้นำช่างถ่ายรูปจากเมืองท่าแขก ประเทศลาว จัดแจงอาสนะ ตาลปัตร ให้หลวงปู่เสาร์ด้วยองค์ท่านเอง โดยที่ตาลปัตรมีการระบุปี พ.ศ. 2479 อีกด้วย แต่มีข้อมูลขัดแย้งกันเล็กน้อยคือ ในช่วงปี พ.ศ. 2479 หลวงปู่เทสก์ท่านธุดงค์ไปตามหลวงปู่มั่นในจังหวัดเชียงใหม่ จึงอาจไม่ใช่หลวงปู่เทสก์ก็เป็นได้ แต่ตามประวัติหลวงปู่เทสก์ท่านกราบขอหลวงปู่เสาร์ถ่ายในปี พ.ศ. 2472
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>2. รูปนี้พบเห็นบ่อยมาก ไม่ทราบความเป็นมา ได้จากซีดีหลวงพ่อชา สุภัทโธ จัดทำโดยวัดมาบจันทร์ จ.ระยอง</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>3. รูปนี้ยังไม่ค่อยพบเห็นที่ใด ไม่ทราบความเป็นมา scan โดยคุณผู้สังเกต จากหนังสือ " พระครูวิเวกพุทธกิจ หลวงปู่ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล พระปรมาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกรรมฐาน โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม 5 " รวบรวมโดย รศ.ดร.ปฐม นิคมานนท์ หน้าที่ 296
    ได้ลองสอบถามทาง อ.ปฐมแล้ว ท่านบอกว่าได้จากหนังสือประวัติหลวงปู่เสาร์ ที่คุณพิศิษฐ์ ไสยสมบัติเป็นผู้รวบรวม
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>4. รูปนี้เผยแพร่อย่างกว้างขวาง แต่ไม่ทราบความเป็นเช่นกัน</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>5. รูปนี้พบเห็นบ่อยเช่นกัน จากหนังสือ " พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล " รวบรวมโดยคุณพิศิษฐ์ ไสยสมบัติได้ระบุความเป็นมาของภาพนี้ว่า
    " รูปนี้ถ่ายเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ที่วัดป่าแสนสำราญ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ตอนองค์พระอาจารย์เสาร์ เดินทางจากบ้านข่าโขม มาพักที่ศาลาหลังเล็กของวัดป่านี้ก่อนที่จะเดินทางไปกรุงเทพฯ ทางรถไฟ ( สถานี้รถไฟอยู่ใกล้กับวัดนี้ )
    ภาพนี้คณะลูกศิษย์ได้อัดถวายให้พระอาจารย์เสาร์ แจกในคราวงานพิธีทอดผ้าป่าที่วัดป่าหนองอ้อ บ้านข่าโคม โดยคณะตัวแทนเจ้าจอมมารดาทับทิม เป็นเจ้าศรัทธาเมื่อกลางปี พ.ศ.๒๔๘๐ "
    ภาพนี้scanจากหนังสือ " พระปรามาจารย์สายพระกัมมัฏฐาน ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล " รวบรวมโดย คุณประกิต มหาแถลง
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>6. ภาพนี้ได้เผยแพร่ในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ ความเป็นมาของภาพนี้ข้าพเจ้าได้รับการถ่ายทอดมาโดย พระอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งท่านดำรงตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อคราวไปงานเปิดเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่เสาร์ ณ วัดแห่งนี้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2546 ( ชมภาพในพิธีคลิ๊กที่นี่ ) ท่านได้เล่าว่า ภาพนี้เป็นเอกลักษณ์ของวัดดอนธาตุ เพราะท่านถ่ายที่วัดนี้ตอนที่ท่านมาจำพรรษาที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2482 และท่านได้สร้างวัดแห่งนี้เป็นวัดสุดท้ายในชีวิตของท่าน ปัจจุบันผ้าพรมผินที่ปูนั่งถ่ายภาพนี้ยังจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นี้เอง
    ภาพนี้ scanจากหนังสือ " พระปรามาจารย์สายพระกัมมัฏฐาน ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล " รวบรวมโดย คุณประกิต มหาแถลง
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>7. รูปนี้เผยแพร่ครั้งแรกในหนังสือ " ฐานิยตฺเถรวตฺถุ " ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อพุธ ฐานิโย โดยในหนังสือได้กล่าวถึงภาพนี้ว่าเป็นภาพที่หลวงพ่อพุธวางไว้บูชาบนหัวที่นอน จากหนังสือ " พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล " รวบรวมโดยคุณพิศิษฐ์ ไสยสมบัติได้อธิบายว่าภาพนี้ได้รับมาจากหลวงพ่อพุธ ซึ่งองค์ท่านเล่าว่ามีญาติโยมทางแถบ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นำมาถวายให้ท่านเมื่อปี พ.ศ. 2541</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>8. ภาพนี้ยังเผยแพร่ไม่กว้างขวางนัก ไม่ทราบความเป็นมา ข้าพเจ้าพบครั้งแรกในหนังสือ " บูรพาจารย์ " ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2
    ภาพนี้ scan จากหนังสือ " พระปรามาจารย์สายพระกัมมัฏฐาน ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล " รวบรวมโดย คุณประกิต มหาแถลง
    </TD></TR><TR><TD height=120>[​IMG]</TD><TD height=120>9. ภาพนี้ยังเผยแพร่ไม่กว้างขวางนัก องค์ท่านอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวามือ คือ ท่านพระครูญาณโสภิตหรือหลวงปู่มี ญาณมุนี วัดถ้ำซับมือ จ.นครราชสีมา องค์ท่านเป็นครูบาอาจารย์ฝ่ายมหานิกายผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้เคยศึกษาปฏิบัติทั้งจากหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่น ดั่งที่หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้กล่าวถึงองค์ท่านว่า " ท่านอาจารย์มีน่ะ เรารักเคารพท่านมาก นั่นล่ะ ท่านเข้าในขั้นเพชรน้ำหนึ่งนะ..." ( จากหนังสือ " สังฆรัตนะ " หน้าที่ 12 หัวข้อ " เพชรน้ำหนึ่ง ฝ่ายมหานิกาย " )
    ภาพนี้ scan จากหนังสือ " ไก่เขี่ยแก้ว "
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    10.ภาพนี้ได้จากเว็บ " หลวงตาดอทคอม " องค์ท่านฉายร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์ ณ วัดป่าบ้านข่าโคม จ.อุบลราชธานี

    หากท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาส่งมาที่ ar1008@hotmail.com ครับ ขอบพระคุณอย่างสูง
    </TD></TR><TR><TD>

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เพิ่มข้อมูลเมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2547
    http://www.luangpumun.org
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ++พระท่านให้ของดีมา++
    <!-- Main -->ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสได้ไปนั่งวิปัสนากรรมฐาน

    ซึ่งเป็นคอร์สของพระวิสุทธิกวี ท่านเจ้าอาวาสวัดโสมนัสวรวิหาร

    ตามคำชวนของญาติผู้ใหญ่ที่อยากให้เราเข้าวัดเข้าวาบ้าง

    เราเองตอนแรกก็ไม่อยากเท่าไหร่

    กลัวจะกลายเป็นเข้ารกเข้าพงเสียมากกว่า คิดว่าน่าเบื่อด้วย

    แต่ผู้ใหญ่เค้าคะยั้นคะยอมาก จนเราต้องตกปากรับคำ

    แต่พอได้ลองนั่งสมาธิตามคำแนะนำของพระอาจารย์แล้ว

    รู้สึกดีแฮะ จิตใจสงบขึ้น ชีวิตไม่วุ่นวาย

    แถมยังได้ของดีมาจากพระอาจารย์อีก

    เป็นหลักพิจารณาโลกตามความเป็นจริง(สัจธรรมโลก) ได้แก่

    1.คนเรามีการเกิด.............เป็นธรรมดา

    2.คนเรามีความแก่............เป็นธรรมดา

    3.คนเรามีความตาย..........เป็นธรรมดา

    4.คนเรามีความเจ็บไข้ ความทุกข์ทรมานในสังขาร........เป็นธรรมดา

    5.คนเราย่อมพลัดพรากจากสิ่งที่รัก.......เป็นธรรมดา

    6.คนเราย่อมประสบกับสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง พลาดหวัง......เป็นธรรมดา


    พระท่านกล่าวว่า หากท่องทุกวัน และระลึกทุกวันก่อนนอน

    จะให้อานิสงส์ยิ่งกว่ามนต์วิเศษใดๆในโลกนี้

    เพราะช่วยให้เรามีความสุขขึ้นได้หากระลึกถึงอยู่เสมอ

    และเมื่อเกิดความทุกข์ขึ้นเมื่อใด ก็ให้ตั้งสติ แล้วระลึก

    ถึงหลักสัจธรรมของโลกเหล่านี้ แล้วชีวิตจะดีขึ้นได้

    อย่างน้อยก็คงพอช่วยคลายทุกข์ได้บ้าง หรือไม่ให้ทุกข์นานเกินไป





    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mixcreamy&month=04-04-2008&group=3&gblog=5
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ผมเพิ่งรู้เหมือนกันมีงี้ด้วย

    เลือกของใส่บาตรตามวันเกิด
    <!-- Main -->เ ลื อ ก ข อ ง ใส่ บ า ต ร ต า ม วัน เกิด

    วันอาทิตย์
    อาหารคาว : ประเภทไข่ ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ต้ม แกงกะทิ
    อาหารหวาน : ไข่หวาน มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก้ว ขนมใส่กะทิ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะพร้าว น้ำขิง เงาะ
    ของถวายพระ : หลอดไฟ ไฟฉาย เทียน ธูป อุปกรณ์แสงสว่าง แว่นตา หมากพลู
    ไหว้พระ : ปางถวายเนตร ( พระประจำวันเกิด) กำลังวันเท่ากับ 6 (สวดแบบย่อ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ)
    ทำทาน : เติมน้ำมันตะเกียงตามวัด คนตาบอด โรงพยาบาลโรคตา มูลนิธิคนตาบอด โรงพยาบาลโรคหัวใจ มูลนิธิโรคหัวใจ
    พฤติกรรม : ออกรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นๆ เพื่อให้เกิดพลัง อย่าใจร้อน เลิกทิฐิ ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

    วันจันทร์
    อาหารคาว : ประเภทสัตว์ปีก สัตว์น้ำ เช่นไก่ผัดขิง ไก่ย่าง ไก่ทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปูนึ่ง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดปู เต้าหูทอด แกงจืดเต้าหู้ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลาสลิดทอด
    อาหารหวาน : น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง น้ำอ้อย โดนัท นมสด นมกล่อง เผือก มันลางสาด ขนมเปี๊ยะ
    ของถวายพระ : แก้วน้ำ แจกัน ของโปร่งๆ ใสๆ
    ไหว้พระ : ปางห้ามญาติ ( พระประจำวันเกิด) กำลังวัน เท่ากับ 15 ( สวดแบบย่อ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา)
    ทำทาน : มูลนิธิช่วยเหลือสตรี
    พฤติกรรม : ทำจิตใจให้สดชื่น แจ่มใส อยู่เสมอ อย่าวิตกกังวลเกินเหตุ ให้ความช่วยเหลือสตรีเช่นลุก ให้สตรีนั่งบนรถเมล์บริหารกล้ามเนื้อหน้าอกให้แข็งแรง

    วันอังคาร
    อาหารคาว : อาหารประเภทเส้น ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื้อวัว ปลาช่อนตากแห้งทอด
    อาหารหวาน : ฝอยทอง สลิ่ม ลอดช่อง ทุเรียน ระกำ ขนุน น้ำสไปร์ท น้ำอัดลม
    ของถวายพระ : เหล็ก เครื่องมือประเภทเหล็ก กรรไกร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน พัดลม กรรไกรตัดเล็บ
    ไหว้พระ : ปางไสยาสน์ (พระนอน) มีกำลังเท่ากับ 8 (สวดแบบย่อ ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง)
    ทำทาน : คนพิการทางปาก ปากแหว่ง ผู้ป่วยโรคลมชัก
    พฤติกรรม : ทำตัวให้กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ขยันให้มากขึ้น ลดอารมณ์ร้อน การชิงดีชิงเด่น

    วันพุธ ( กลางวัน )
    อาหารคาว : เน้นสีเขียว-หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย
    อาหารหวาน : ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวยฝรั่ง ชามะนาว
    ของถวายพระ : สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา
    ไหว้พระ : ปางอุ้มบาตร (พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 17 (สวดแบบย่อ ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท )
    ทำทาน : คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก
    พฤติกรรม : อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง

    วันพุธ (กลางคืน)
    อาหารคาว : ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก
    อาหารหวาน : ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน
    ของถวายพระ : พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม
    ไหว้พระ : ปางป่าเลไลย์ ( พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 12 (สวดแบบย่อ คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ )
    ทำทาน : มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด
    พฤติกรรม : เลิก บุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด

    วันพฤหัสบดี
    อาหารคาว : ประเภทเถา แกงเลียง บวบผัดไข่ น้ำเต้า
    อาหารหวาน : แตงโม แตงไทย น้ำสมุนไพร ส้ม สาลี่ น้ำมะตูม น้ำว่านหางจระเข้
    ของถวายพระ : สบง จีวร หนังสือธรรมะ ตู้ยา โต๊ะหมู่บูชา
    ไหว้พระ : ปางสมาธิ ( พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 19 ( สวดแบบย่อ ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ)
    ทำทาน : โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคข้าวสาร เสื้อผ้า ผ้าห่มกันหนาว
    พฤติกรรม : นั่งสมาธิ สวดมนต์ ถือศีล 5 อย่าซื่อจนเกินไป

    วันศุกร์
    อาหารคาว : ประเภทของหอม หวาน ข้าวหอมมะลิ ผักกาดหอม ไข่เจียวหอมใหญ่ ยำหัวหอม
    อาหารหวาน : ขนมหวาน หอมทุกชนิด น้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่มีกลิ่นหอม กล้วยหอม เค้ก
    ของถวายพระ : นาฬิกา โต๊ะรับแขก ดอกไม้สวยหอม ระฆัง ย่าม
    ไหว้พระ : ปางรำพึง ( พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 21 ( สวดแบบย่อ วา โธ โน อะ มะ มะ วา)
    ทำทาน : เด็กด้อยโอกาส ให้เงิน ให้เสื้อผ้า อาหารที่หอมหวานชวนกิน เช่น ไอศกรีม
    พฤติกรรม : ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใส บำรุง ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอด จัดสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ สวยงาม เลิกการฟุ่มเฟือย

    วันเสาร์
    อาหารคาว : ประเภทของขม ของดำมะระยัดไส้ สะเดาน้ำปลาหวาน น้ำพริกปลาทู มะเขือยาว
    อาหารหวาน : ลูกตาลเชื่อม กาแฟ โอเลี้ยง
    ของถวายพระ : ร่มสีดำ กระเบื้องมุงหลังคา ไม้กวาด สร้างห้องน้ำถวายวัด
    ไหว้พระ : ปางนาคปรก ( พระประจำวันเกิด) มีกำลังเท่ากับ 10 ( สวดแบบย่อ โส มา ณะ กะ ระ ถา โธ)
    ทำทาน : โรงพยาบาลโรคจิต โรงพยาบาลโรคประสาท
    พฤติกรรม : กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำวัด ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ขยะในบ้านยกทิ้งทุกวัน อย่าหมักหมม




    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rungtiwa&month=04-04-2008&group=7&gblog=12
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    กระตุกความคิดดีแท้


    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ยากล่อมประสาทที่ดีทีุ่สุด คือ สติสัมปชัญญะนั่นเอง

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การฟังเพลงเบาๆ ในยามโศกเศร้านั้น ช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจให้เบาบางลงไปได้อย่างมากมาย

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... คุณหาเิงินได้มากขึ้น แต่ไม่สามารถหาเวลาเพิ่มได้

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... หากเราละเลยความผูกพันกับพ่อแม่แล้วไชร้ เราจะหวนไห้คิดถึงท่านเจียนตายยามเมื่อท่านจากไป

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... อย่ากอดรัดลูกให้แน่นเกินไป มันอาจจะกลายเป็นการทำร้ายลูกทางอ้อม

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ผู้หญิงทุกคนอยากได้รับดอกไม้กันทั้งนั้น โดยเฉพาะเวลาที่ไม่ใช่โอกาสพิเศษ

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การได้รักและถูกรัก เป็นความรื่นรมย์อันยิ่งใหญ่ทีสุดในโลก

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... คุณอาจรักใครบางคน ทั้งที่ไม่ได้ชอบเขามากมายก็ได้

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ยังมีสิ่งหนึ่งที่เจ็บปวดไปมากกว่าความเกลียดชัง นั่นคือ ความเมินเฉย

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... แม้ฉันจะต้องเจ็บปวด แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่อย่างเจ็บปวดเสมอไป

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ความเอื้ออาทรนั้น เพียบพร้อมสำคัญกว่าความบริบูรณ์เสียอีก

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การลืมสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วนั้น สำคัญพอกับการจดจำสิ่งที่ดีงามเอาไว้

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การคาดเดานั้น มักจะเลิศหรูกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเสมอ

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ฉันไม่อาจคาดหวังผู้อื่นให้แก้ปัญหาของฉันได้

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... เมื่อสิ่งเลวร้ายผ่านเข้ามา คุณจะปล่อยให้มันสร้างความขมขื่นใจให้คุณ หรือใช้มันเป็นพลังทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นได้

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ถึงเราจะเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่เราปล่อยให้มันผ่านไปได้

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... หากต้องการคำตอบที่ดี ก็ควรถามคำถามที่ดีด้วย

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ระดับความมั่นใจในตัวเองของคนๆ หนึ่ง จะเป็นตัวบอกของระดับความสำเร็จของเขาด้วย

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... อาจจะมีใครที่รักคุณอย่างจริงจังอยู่ก็ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกให้คุณรู้ได้อย่างไร

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... ในที่สุดแล้ว ผู้รับจะเป็นผู้แพ้ และผู้ให้นั่นแหละคือผู้ชนะ

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การเรียนรู้ที่จะให้อภัยนั้น ต้องการการฝึกฝน

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... คนไม่อาจเป็นวีรบุรุษได้ โดยไม่รู้จักลงมือทำ

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... เคล็ดลับของการเติบโตอย่างสง่าผ่าเผย คือ อย่าหมดความกระตือรือล้นที่จะพบหาผู้คนและสถานที่ใหม่ๆ

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การซื่อสัตย์ต่อสิ่งเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... สิ่งดีๆ นั้น มักเกิดขึ้นกับคนดีเสมอ

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การจากเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุดนั้น เป็นเรื่องยากกว่าที่ฉันเคยคิดเอาไว้มาก

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การเยียวยารักษามิตรภาพที่บอบช้ำนั้น ทำเมื่อไรก็ไม่สาย

    ฉันได้เรียนรู้ว่า... การที่จะรู้ค่าอะไรสักอย่างนั้น คุณจะต้องขาดมันไปสักพักก่อน

    ที่มา: ข้อคิดคำคม






    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=rungtiwa&month=12-2007&date=17&group=7&gblog=10
     
  13. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    ร่วมทำบุญกับพระภิกษุอาพาธด้วยค่ะ วันนี้โอนเงินให้แล้ว เวลา 14.22 น. จำนวน 500 บาท
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
     
  14. teerins

    teerins เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,796
    วันนี้เวลา 16.25 น. ผมโอนเงินเพื่อร่วมทำบุญพระสงฆ์อาพาธ
    เป็นจำนวนเงิน 309 บาท

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในกองบุญนี้ทุกท่านครับ
     
  15. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    พระกรุโลกอุดรพิมพ์ต่อไปที่จะทำการแจกให้หลังสงกรานต์ พิมพ์อรหันต์เล็ก ขนาดฐานประมาณ1ซ.ม สูงประมาณ2.5 ซ.ม

    [​IMG]
     
  16. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    พระกรุโลกอุดรนี้เราอาจเห็นกันมากในปัจจุบัน แต่พระกรุนี้เป็นกรุที่เก็บสะสมมาตั้งแต่แรก เป็นของแท้แน่นอน โดยจะแจกให้กับผู้ที่เคยทำบุญกับทุนนิธิฯตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป หรือ ท่านใดไปร่วมกิจกรรมของทุนนิธิฯ ในวันที่ 27 เมษายน 2551 จะได้รับแจกคนละองค์ครับ สำหรับท่านอื่นๆที่ต้องการ และเข้าข่ายได้รับแจก กรุณาpm มาหาผม โสระ เพื่อแจ้งที่อยู่ในการจัดส่ง ทั้งหมดนี้คงทำได้หลังสงกรานต์ครับ สำหรับค่าส่งคงประมาณ50บาทต่อหนึ่งท่านผมจะpmแจ้งเลขที่บัญชี ให้ทราบสำหรับท่านที่ได้รับแจกครับ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    วันนี้ไปประชุมทุนนิธิฯ ที่บ้านพี่ใหญ่ที่พัฒนาการ ไป-กลับ เกือบ 90 กม. อาศัยขับรถไปคนเดียวไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ปิดวิทยุ แล้วนั่งภาวนา พุทโธ ไปตลอดทั้งขาไปและขากลับ จิตสงบดี สบายใจ เลยขับรถแค่ 100 บนทางด่วนใหม่ ช่วงว่างจากพุทโธ จิตเลยคิดถึง ว่าคนเราหนอ ไม่มีใครเป็นในเรื่องภาวนามาตั้งแต่เกิด เช่นผมมาฝึกเอาเมื่อวัยเลย 30 มาแล้ว ก็ยังถือว่าโชคดีกว่าคนอื่น คือรู้สึกตัวเร็ว เมื่อเข้าสู่เส้นทางบุญ จิตดี เลยไพล่ถึงศีลดี สมาธิก็เลยดีตามไปด้วย ผลแห่งสมาธิจิต ก็เป็นขั้นตอน ตามกำลังของอิทธิบาท 4 คือขาดวิริยะมาก จิตก็ตก ก็เสื่อม คงเหมือนอย่างเราในช่วงนี้ที่ขาดนั่งสมาธิไปหลายวันเข้า รู้สึกเลยว่า จิตไม่เหมือนเดิม แต่ก็ยังดีกว่า พวกที่รู้แล้ว ว่าจิตเป็นอย่างไร แต่ไม่ยอมฝึกเป็นไหนๆ การฝึกจิต อ.ประถม เคยกรุณาสั่งสอนว่า อย่าไปเร่ง เหมือนปลูกต้นไม้ ต้องค่อยๆ รดน้ำพรวนดินไป ถึงเวลามันออกดอกผลของมันเอง ไปหยุดไปห้ามมันก็ไม่ได้ เช่นกัน การฝึกจิต ฝึกไปสักพัก ดอกผลของมันก็ออกมา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ถือว่าดีทั้งนั้น ยกตัวอย่าง เมื่อจิตดี จิตนิ่ง ก็ตรวจพระได้เป็นต้น เพราะฉะนั้น ใครอยากตรวจพระได้ ต้องผ่านกระบวนการปลูกต้นไม้ รดน้ำพรวนดินมาเรื่อย ๆ หากจิตยังรุ่มร้อน กระวนกระวาย มัวแต่มองคนอื่นในด้านลบ ขาดความพร้อมด้านทาน ศีล สมาธิแล้วไซร้ ทำอย่างไรๆ ก็ไม่มีความสามารถแห่งจิต หรือค้นพบจิตตานุภาพ ของตนเอง นั่นเอง เลยพาลทำให้ว่าคนอื่นว่าการตรวจพระนั้นไม่จริง เชื่อไม่ได้ ก็อย่างที่บอก ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝน และวางใจให้สงบ ไตรสิกขาต้องพร้อม อิทธิบาท 4 ต้องสม่ำเสมอ ซึ่งเชื่อได้ว่าทุกคนที่ทำบุญในกระทู้นี้ ท่านเองนั้นก็ได้ทำบุญในแหล่งอื่นๆ ตามที่โอกาสอำนวยอย่างแน่นอน ต้องถามตนเองว่า เมื่อท่านทำบุญหรือทานนั้นแล้ว ท่านฝึกจิตที่เป็นกุศลของท่านหรือยัง เพราะจิตท่านน่ะพร้อมแล้ว ขาดแต่เพียงการฝึกฝน แต่หากท่านที่ทำแล้วและทำอย่างสม่ำเสมอท่านก็คงจะพบกับความมหัศจรรย์ของจิตท่าน คือดอกผล ของการรดน้ำพรวนดิน แน่นอน ....ไม่วันใดก็วันหนึ่ง และเมื่อนั้น ท่านก็จะเห็นว่า พระที่แจกให้มีพลังจี๊ดจ๊าดขนาดไหน และหากพัฒนาถึงขั้น "ฌาณ" แล้ว หรือเข้าเขต "ฌาณ" แล้ว ท่านจะรู้ว่าการงานที่ท่านทำอะไรคือประโยชน์ และอะไรคือโทษ โดยที่ไม่มีใครบอกใครเตือน หรือทราบแม้กระทั่งพระที่อยู่ในมือท่านนั้นดีอย่างไร ความเป็นมิจฉาฯ ต่างๆ ก็จะไม่เกิดกับท่านอีกต่อไป....แล้ววันนี้ล่ะ ท่านลงมือปลูกต้นไม้ในดวงจิตท่านหรือยัง ขอโมทนากับท่านที่ลงมือปลูกแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ยังไม่ลงมือ ให้รีบลงมือซะ ฟอกจิต วันละ 3 นาที แค่นี้ก็บุญโขแล้ว ตรงกันข้าม หากกระวนกระวายวันละ 3 นาที นานเข้าจะหมักดองในสันดานท่านจนพัฒนากลายเป็นมิจฉาฯ ต่างๆ สุดท้ายจิตจะหยาบ ดอกผลของมิจฉาฯ นี้ คงเป็นที่สุดท้ายของท่านเท่านั้นเอง..


    พันวฤทธิ์
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    เอ้า...รีบแจ้งชื่อและที่อยู่จริงไปที่คุณโสระเลยน๊ะ วันนี้คุยกับผู้บริจาคพระแล้ว ท่านย้ำว่า คนละ 1 องค์ เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย บางพิมพ์มีพิมพ์เล็กของคุณผู้หญิง ส่วนพิมพ์ของคุณผู้ชายต้องเป็นพิมพ์ใหญ่ถึงน่าเกรงขาม อรหันต์ใหญ่ สังกัจจายใหญ่ เลือกเอาเองครับ เก็บไว้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ของดีนา หากท่านโอนมาเกิน 50.-ส่วนที่เกินจากที่กำหนด คณะกรรมการฯ ต้องขออนุญาตนำเข้าทุนนิธิฯ เลยน๊ะครับ เพราะหากโอนคืนคงไม่ไหวครับ
     
  19. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    พี่โสระครับผมขอรับพระอรหันต์ใหญ่ 1 องค์นะครับ
    ด.ช. จิรายุส สุดใจ เลขที่ 159/2 ซอย สุรนารายณ์ 11
     
  20. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    พี่โสระครับผมขอรับพระอรหันค์ใหญ่ 1 องค์นะครับ
    ด.ช. จิรายุส สุดใจ เลขที่ 159/2 ซอย สุรนารายณ์ 11
    ถ. สุรนารายณ์ ต. ในเมือง อ.เมือง
    จ. นครราชสีมา (30000) ขอเลขบัญชีด้วยครับ ขอบคุณครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...