เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

แฟนๆโดเรมอนน่าจะชอบตอนจบแบบแรกมากกว่านะครับ ดูจะสร้างกำลังใจและเปลื่ยนแปลงบุคลิกของโนบิตะไปในทางบวกมากกว่า ตอนสองมันเศร้าไปหน่อย การ์ตูนแบบนี้ก็ช่วยสะท้อนเรื่องราวสร้างภาพในหัวของผู้คนอีกมากมายให้เกิดจินตนาการและสร้างฝันให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่เดียวครับ

อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งไปหาการ์ตูนของ Hayao Miyazaki มาดูอีกเรื่อง Nausicaa เนาซิกะแห่งหุบผาสายลม (1983) จริงๆก่อนหน้านั้นเคยดูจาก TV ช่อง 5 เรื่อง จอมโจรลูแปง Lupin ,เจ้าหนูล้ำยุค Future Boy Conan ซึ่งชอบผลงานเค้ามานานแล้ว แต่เพิ่งมารู้จักผลงานเด่นเรื่องอื่นๆของ Hayao เมื่อสัก 2 ปีก่อนนี่เอง ทำให้ตามเก็บสะสมมาเรื่อยๆ และแต่ละเรื่องเค้าจะมีจุดเด่นไม่ซ้ำกัน แต่จะมีฉากบิน,ผู้หญิงแกร่ง,โจรกลับใจเกือบทุกเรื่อง แต่ตัวละครเอกจะมีบุคลิคคล้ายกันมาก (คงเป็นบุคลิกของ Hayao เอง) แนะนำว่าหามาดูกันนะครับ ดูแล้วเบิกบานใจกว่าหนังที่ใช้คนเล่นซะอีกครับ มาดูลายเส้นการ์ตูนของเค้ากันครับ เห็นหลายคนในห้องนี้เป็นแฟนการ์ตูนของนักฝันท่านนี้กันไปหมดแล้วครับ





ไปอ่านประวัติของเค้าที่นี่ได้ครับ
เพิ่งรู้ว่าตอนเด็กๆ ครอบครัวเค้าผลิตปีกเครื่องบินในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
แต่เค้ากลับมีมุมมองด้านบวกกับของเหล่านี้
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3162142/A3162142.html

 

โดเรม่อนตอนจบแบบแรก ถ้าอยากอ่านที่เป็นหนังสือการ์ตูนตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ http://www.dek-d.com/board/view.php?id=616104

แต่อันนี้ไม่ใช่อันที่ผู้เขียนแต่งนะเพราะว่าเป็นโดจินชิ โดจินชิคือการ์ตูนที่เขียนขึ้นโดยคนที่ไม่ใช่เจ้าของเรื่อง อาจจะเป็นคนที่ชอบการ์ตูนเรื่องนั้น หรือจะเขียนล้อ หรืออยากจะแต่งเนื้อเรื่องขึ้นเอง คิดว่าตอนจบอีกแบบที่โนบิตะป่วยก็คงเป็นโดจินชิเหมือนกัน

จริงๆ แล้วตอนจบจริงๆ เค้าว่าคือตอนสุดท้ายของเล่ม 6 ที่ชื่อตอนว่า ลาก่อน..โดเรม่อน แต่ว่าก็มีคนไม่อยากให้จบกัน เลยเขียนตอนใหม่ให้โดเรม่อนกลับมา โดยให้โนบิตะกินน้ำยาโกหกแล้วก็พูดว่า โดเรม่อนไม่กลับมาแล้ว เนื่องจากผลของน้ำยาโกหกโดเรม่อนก็เลยกลับมาอยู่กับโนบิตะต่อ

เมื่อราวๆ ต้นเดือนนี้พึ่งได้ดู สุสานหิ่งห้อยเองเศร้าดีเหมือนกัน ดูไปก็คิดไปว่าถ้าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นบ้างจะทำยังไงดี

 

good question

ระหว่างรอคำอธิบายจากพี่นักเขียน มีข้อมูลในเรื่องเดียวกันมาให้พิจารณาครับ:
...In the Kingdom of God, there is no male, no female.
I feel like a female when I want to feel like a female.
I feel like a male when I want to feel like a male, according to the situation, and the necessity of the moment.
Otherwise, I'm neither male nor female. If I'm a male, I couldn't be a Buddha; if I'm a female, I couldn't be a Buddha either.
Because if you are fixed in a frame, you couldn't be Buddha, you have to be flexible.

ในอาณาจักรของพระเจ้า ไม่มีชาย ไม่มีหญิง ฉันรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงเมื่อฉันอยากรู้สึกเหมือนผู้หญิง
ฉันรู้สึกเหมือนผู้ชายเมื่อฉันอยากรู้สึกเหมือนผู้ชาย แล้วแต่สถานการณ์และความจำเป็นในขณะนั้น
มิเช่นนั้นแล้ว ฉันก็ไม่ได้เป็นทั้งชายและหญิง ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันไม่สามารถเป็นพุทธะได้ ถ้าฉันเป็นผู้หญิง ฉันก็เป็นพุทธะไม่ได้เช่นกัน
ถ้าเธอถูกยึดติดอยู่ในกรอบ เธอไม่สามารถเป็นพุทธะได้ เธอจะต้องยืดหยุ่น
source: SUMA Ching Hai

 

วันนี้น้องจีนคงได้หนังสือแล้ว อีกสองวันคงได้ชีวิตนอกเหนือชาติภพตาม ซึ่งคงพร้อมกับน้องขจรวรรณ และ คุณมี้ด ซึ่งคงถึงวันพุทธนี้พรอมกัน

ชอบโนบิตะจบแบบแรกนะ รู้สึกเหมือนชีวิตจริง ความพยายามที่ตัวตนในอนาคตพยายามติดต่อกับตัวตนในอดีตเพื่อเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้ดีขึ้น

 

เมื่อวานมีสมาชิกท่านหนึ่ง จะเตรียมจัดงาน Re: สัมนา ด้านจิตวิญญาณ
ซึ่งเค้าให้ความสนใจความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัยครับ ฝากบอกพี่นักเขียนฯไว้ด้วยนะครับ เผื่อพวกเราโชคดี มีโอกาสได้ฟังความรู้จากพี่นักเขียนในงานสัมนาแบบนี้บ้างสักครั้ง:-

เรียน พี่ mead
พอดีผมได้คุยกับหลายๆ ท่านที่มีความรู้ด้านจิตวิญญาณ เมื่อนำข้อมูลแต่ละท่านมาเปรียบเทียบกันแล้วก็ทำให้เข้าใจได้ยิ่งขึ้น (ส่วนตัว)
แต่สำหรับคนที่ไม่เคยรู้เรื่องและไม่เคยสนใจเรื่องจิตวิญญาณเลย ก็งงกัน หากว่ามีการจัดสัมนาด้านจิตวิญญาณในไทย พี่สนใจจะเข้าร่วมเป็นวิทยากรด้วยใหมครับ คือเราอยากจะเชิญผู้ที่มีความรู้และ มีความต้องการเผยแผ่ให้ผู้อื่นรู้เพื่อมนุษยชาติที่แท้จริงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ซึ่งกลุ่มที่น่าสนใจและเข้าใจหลักๆ คือ
1.Nova Analai
2.อนุตตรธรรม
3.กลุ่ม ufo ของไทย
4.กลุ่ม พลังจิต(web snow)
5.กลุ่ม ของวิทยาลัย รัชต์ภาค (เป็นผู้จัด)
เพราะที่นี่จัดบ่อยครับ แต่ยังไม่โดน(คือไม่ถูกจุดสำคัญ) ครั้งนี้ผมว่าน่าจะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ ที่จะบอกว่าทุกกลุ่มที่มีหน้าที่ของตัวเองเมื่อมารวมตัวกันแล้วจะเกิดประโยชน์ในการฟื้นฟู ศิลธรรม ให้มนุษยชาติได้มากขนาดใหน เพราะกลุ่มอนุตตรธรรมในไทยมีสมาชิกประมาณ 7 ล้านคนแล้วครับ
ถ้าพี่สนใจติดต่อมาได้นะครับ ผมว่าไม่เกิน 2 เดือนนี้คงนัดรวมตัวกันได้ครับ

หัวข้อ: ปัญญากับจิตวิญญาณ (หรืออาจจะตกลงกันอีกครั้งครับ)


<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- / icon and title --><!-- message -->

ดีใจมากครับที่พี่ตอบมา
ผมได้โทรคุยกับกลุ่มเขากะลาแล้วตกลงครับ(พี่สุดใจบอก) อาจจะให้ ท่านดร.เทพพนมเป็นวิทยากรร่วม
ส่วนทางพี่ผู้เขียนโนวาฯ ผมอยากให้เป็นวิทยากรมากแต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ อย่างกลุ่มอนุตรธรรมผมก็ไม่รู้จะติดต่อใครเป็นตัวแทนมาดีครับ และทางกลุ่มพลังจิตผมไม่รู้ติดต่อคุณคณานันท์อย่างไรดีถ้าพี่จะช่วยกรุณาอนุเคราะห์ช่วยประสานงานจักเป็นพระคุณแด่มนุษยชาติยิ่ง

เพราะถ้าทุกกลุ่มตกลง ถึงจะนัดเตรียมวันเวลาและสถานที่ ครับ เพราะแต่ละกลุ่มก็มีสมาชิกไม่น้อยเหมือนกัน ครับ

ผมจะรอข่าวดีนะครับ ขอบคุณพี่ล่วงหน้าครับ

ด้วยความนับถือ
นักรบธรรม
085 9111464
satal01@hotmail.com

 

ยิ่งเรียนก็ยิ่งรู้ ยิ่งศึกษายิ่งฝึกฝนก็ยิ่งเข้าใจ ทุกสายวิชาความรู้ล้วนเชื่อมต่อกันทั้งสิ้น ยิ่งจดบันทึกความฝันก็ยิ่งเข้าใจดี เมื่อเช้าตื่นมาจำความฝันไม่ได้เลย แต่รู้ว่าไปไหนมาแน่ ๆ เลยคิดว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้มีความสามารถพิเศษเหนือบุคคลอื่น แต่จิตวิญญาณของเรามีคุณสมบัติทุกประการของต้นกำเนิด ฉะนั้นเราจะต้องจำความฝันได้ คิดแค่นี้ ความทรงจำเกี่ยวกับความฝันไหลมาเลย 4 เรื่อง 4 เส้นทางความเป็นไปได้ทั้งอดีตและปัจจุบัน ทุกวันนี้อยากใช้คำว่าชอบตอนนอนที่สุด เพราะเหมือนได้ไปเที่ยว เห็นอะไรมากมาย สนุก ที่สำคัญเหมือนรู้เยอะขึ้นเลย

 

เป็นเหมือนกันเลยครับ ตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว ปัจจุบันฝันอะไร จำไม่ได้เลยสักอย่าง ผู้น้อยก็เครียดน่ะ

 

(good)(good)(good)

มาต้อนรับลุงชาลึครับ
ปกติแล้วเราจำความฝันกันไม่ค่อยได้น่ะครับ
ถ้าเป็นเรื่องนามธรรมมากๆสมองไม่ค่อยชินที่จะบันทึก
แต่ถ้าข้อมูลนั้นถูกแปลงให้เป็นสัญลักษณ์ (ที่จับต้องได้) ก็จะจำได้ง่ายขึ้น

หลายคนจะระลึกขึ้นมาได้ภายหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วที่ละเรื่องๆ
หรือก่อนลุกตื่นขึ้นมาลองค่อยๆทบทวนสักนิดก่อนก็ดีครับ
อาจฝันไปสัก 6 เรื่องจำได้สัก 1-2 เรื่องถือว่าก็ใช้ได้แล้ว
ถือเป็นข้อมูลหรือพิมพ์เขียวในมิติต่างๆที่เรานำมาเป็นความรู้ได้มากมายครับ
เหมือนที่คุณจินตวดี (นักฝันคนเก่งของเรา) สามารถจดจ่อและทำได้อย่างสนุกสนานแทบทุกวันครับ..

 

ปัญญากับจิตวิญญาณ

ปัญญากับจิตวิญญาณ

พี่นักเขียนได้ยินคำนี้ผุดขึ้นในจิตหลายวันติดต่อกัน และมีข้อมูลผุดขึ้นตามมาเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะนำข้อมูลที่ได้รับมา post ที่ห้องวิทย์ แต่ยังไม่ทันจะ post ก็ได้รับ e-mail จากคุณ Mead ว่าทางเมืองไทยจะมีการจัดสัมมนาหัวข้อว่า ปัญญากับจิตวิญญาณ จึงตระหนักว่าที่ได้ยินติดต่อกันมาหลายวันนั้น ได้รับสัญญาณวิ๊งๆมาจากสถานี Mead นี่เอง

การสัมมนาเป็นโอกาสที่น่ายินดีสำหรับทุกคนผู้ใฝ่หาความรู้ เพราะเป็นโอกาสที่เราทุกคนจะได้รับถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ได้มากมาย พี่นักเขียนเชื่อว่า หากผู้ฟังจำนวนมากมีความต้องการข้อมูลความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณ และหากข้อมูลความรู้ที่พี่นักเขียนรับและสามารถจะถ่ายทอดให้ได้ คล้องจองกับความต้องการของผู้รับ ย่อมดึงดูดความเป็นไปได้ทั้งหลายให้มาสู่ความเป็นจริงได้ในที่สุด

พี่นักเขียนพำนักอยู่ที่ Kansas การเดินทางไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพี่นักเขียนหรอกค่ะ เพราะเดินทางไกลมาตลอดชีวิต การเดินทางกลับไปเมืองไทยเป็นเรื่องง่ายที่สุดก็ว่าได้ เพราะเป็นการกลับบ้านเกิดที่เต็มไปด้วยญาติมิตร และการกลับไปคราวนี้คงจะเป็นที่น่ายินดีเป็นพิเศษ เพราะมีญาติมิตร(ทางจิตวิญญาณ)เพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน

พวกเราห้องวิทย์ฯไม่ต้องคอยนานหรอกค่ะ คุณ Mead ส่งสัญญาณมารับสารเรื่อง ปัญญากับจิตวิญญาณ วันนี้พี่นักเขียนขอนำ บทนำของสารเรื่อง ปัญญากับจิตวิญญาณ มาส่งล่วงหน้าก่อนชุดหนึ่ง หากเป็นไปได้-จะนำสารทั้งหมดไปส่งด้วยตนเอง

ความรู้ทั้งหลาย ล้วนเป็นของกลางของจักรวาล
ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ หรือ ความรู้ในแก่นแท้ของสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล ล้วนสถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณ

จิต คือ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
วิญญาณ คือ ข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ

จิต และ วิญญาณ ไม่เคยแยกกันอยู่
จิตวิญญาณ คิือ ข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

ข้อมูล-ความรู้ เป็นปัจจัยที่ทำให้สรรพสิ่งทั้งหลายมี-แนวโน้มและความพร้อม-ที่จะเป็นไปได้
แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้-แนวโน้มและความพร้อม-ที่จะเป็นไปได้นั้นๆ-เป็นจริง หรือสัมฤทธิ์ผลในทิศทางที่สร้างสรรค์และพึงปรารถนาได้ คือ ปัญญา

ปัญญา หมายถึง การนำข้อมูลความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการเลือก การตัดสินใจ ใช้ในการตรวจสอบ วินิจฉัย แสดงความคิดเห็น หรือ แสดงออกซึ่งการกระทำในทิศทางที่สร้างสรรค์ด้วยความเข้าใจอันถูกต้อง ด้วยความรู้แจ้ง ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างย่ิงต่อคนหมู่มาก

ในทางตรงกันข้าม ปัจจัยหลักท่ี่ทำให้แนวโน้มและความพร้อมที่จะเป็นไปได้นั้นๆ-ไม่เป็นจริง หรือไม่สัมฤทธิ์ผลในทิศทางที่สร้างสรรค์และพึงปรารถนา คือ ความไม่รู้ หรือการขาดปัญญา เพราะความไม่รู้หรือการขาดปัญญา ทำให้บุคคลนำข้อมูลความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการเลือก การตัดสินใจ ใช้ในการตรวจสอบ วินิจฉัย แสดงความคิดเห็น หรือ แสดงออกซึ่งการกระทำในทิศทางที่ไม่สร้างสรรค์ด้วยความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ด้วยความเชื่อในทางที่ผิด หรือความเชื่อในแง่ลบ ซึ่งก่อให้เกิดทุกข์ต่อตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างย่ิงต่อคนหมู่มาก

หากเปรียบเทียบว่าปัญญาก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ก็กล่าวได้ว่า การปราศจากปัญญาไม่ได้ทำให้เกิดการหยุดนิ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่พึงปรารถนา ความคิดทุกความคิดมีอานุภาพในการก่อเกิดประสบการณ์ชีวิตและสรรพสิ่งทั้งหลาย ความคิดทุกความคิด เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะถูกส่งออกไปเป็นกระแสหรือประจุแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งจะก่อเกิดเป็นสสารหรือวัตถุธาตุ และเรียกกลับคืนไม่ได้ ดังนั้นความคิดที่ปราศจากปัญญาก็มีอานุภาพในการก่อเกิดประสบการณ์ทั้งหลายในชีวิต ไม่น้อยไปกว่าความคิดที่เต็มไปด้วยปัญญา

การพัฒนาสติสัมปชัญญะของตนเพื่อให้เกิดปัญญา จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อพัฒนาการของจิตวิญญาณ เพราะหากปราศจากปัญญาแล้ว จิตวิญญาณจะยังคงก่อเกิดสรรพสิ่งทั้งหลายต่อไปตามธรรมชาติเสมอ หากแต่ว่าการก่อเกิดด้วยความไม่รู้ ย่อมเป็นการก่อเกิดที่นอกจากจะนำความทุกข์มาสู่ตนเองและผู้อื่นแล้ว ยังเป็นการก่อเกิดที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว บุคคลผู้ไร้ปัญญามักหาทางออกหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้

ปัญญา เกิดได้สามทางด้วยกันคือ เกิดจาก:
1. การนำข้อมูลความรู้ที่ได้รับ-จากภายใน อันเกิดจากสัญชาติญาณตามธรรมชาติ จากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสภายใน หรือรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ ไปขบคิด และก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้-แตกฉาน เกิดความรู้ใหม่ เปลี่ยนความเชื่อเก่าๆในแง่ลบเป็นความเชื่อใหม่ๆที่สร้างสรรค์หรือเป็นความเชื่อในแง่บวก หรือเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

2. การนำข้อมูลความรู้ที่ได้รับ-จากภายนอก จากการเรียนรู้ทางโลก จากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ไปขบคิด ทดลอง และก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้-แตกฉาน เกิดความรู้ใหม่ เปลี่ยนความเชื่อเก่าๆในแง่ลบเป็นความเชื่อใหม่ๆที่สร้างสรรค์หรือเป็นความเชื่อในแง่บวก หรือเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

3. การนำข้อมูลความรู้ที่ได้รับ-จากภายใน อันเกิดจากการอบรมฝึกฝนตนเอง ไม่ว่าจะเป็นยามตื่นหรือยามหลับ ไปขบคิด และก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้-แตกฉาน เกิดความรู้ใหม่ เปลี่ยนความเชื่อเก่าๆในแง่ลบเป็นความเชื่อใหม่ๆที่สร้างสรรค์หรือเป็นความเชื่อในแง่บวก หรือเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

แม้จิตวิญญาณจะเต็มไปด้วยความรู้ และความรู้สถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณ แต่ความรู้ทั้งหลายที่อยู่ในจิตวิญญาณก็ไม่ได้แปลงสภาวะหรือก่อให้เกิดปัญญาได้โดยอัตโนมัติ-โดยปราศจากการใช้ความคิด ปราศจากการแสวงหา ปราศจากความพยายาม ปราศจากความมุ่งมั่น ปราศจากเจตนา หรือปราศจากความเคลื่อนไหวในแง่บวก อันได้แก่ การใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดไปในทิศทางที่สร้างสรรค์

ปัญญา เป็นภาวะจิตหรือภาวะของจิตวิญญาณ ซึ่งสามารถนำความข้อมูลความรู้ที่สถิตย์อยู่ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกของจิตวิญญาณ มาใช้ได้อย่างมีสติ เพื่อเลือก ตัดสินใจ ตรวจสอบ วินิจฉัย แสดงความคิดเห็น หรือ แสดงออกซึ่งการกระทำในทิศทางที่สร้างสรรค์ดังปรารถนาได้ในระดับจิตสำนึก

จิตวิญญาณทั้งหลายมีธรรมชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์รัก จินตนาการอันสร้างสรรค์ และความรู้สึกนึกคิดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ซึ่งเกิดจากการตระหนักในความเป็นหนึ่งเดียวกัน แก่นแท้ของจิตวิญญาณปราศจากการแบ่งแยกตัวตนเรา-เขา ปราศจากการแบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติภาษา ปราศจากการแบ่งแยกเพศ ปราศจากการแบ่งแยกวัยวุฒิ-คุณวุฒิ ปราศจากการแบ่งแยกชั้นวรรณะ

ปัญญาอันแท้จริงเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ จิตวิญญาณตระหนักได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวอันปราศจากการแบ่งแยก ทำให้จิตวิญญาณที่ถือกำเนิดเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนนั้น เลือก ตัดสินใจ ตรวจสอบ วินิจฉัย แสดงความคิดเห็น หรือแสดงออกซึ่งการกระทำที่สร้างสรรค์ ในทิศทางที่ดีที่สุด เป็นคุณ เที่ยงธรรม และให้ผลกำไรต่อผู้อื่นเสมอเหมือนกับตนเอง โดยปราศจากการเหลื่อมล้ำแบ่งแยก ปัญญาจึงส่งผลให้เกิดประโยชน์สุขต่อส่วนรวมเสมอเหมือนส่วนตน ไม่ใช่เล็งผลประโยชน์สุขส่วนตนก่อน ซึ่งอาจจะไม่สามารถยังผลให้เกิดประโยชน์สุขต่อส่วนรวมได้เลยในที่สุด และประโยชน์สุขส่วนตนก็พลอยมีอายุสั้นไปด้วย

ปัญญา ก่อให้เกิด การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

ปัญญาไม่เกิด-ความเชื่อไม่เปลี่ยน
ประสบการณ์ในแง่ลบที่ไม่พึงปรารถนาจะกลายเป็นวงจรที่ควบคุมไม่ได้
ไม่มีวันสิ้นสุด ยุติไม่ได้ เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ดังปรารถนา

ปัญญาเกิด-ความเชื่อเปลี่ยน
ประสบการณ์ทั้งหลายจะกลายเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ เปลี่ยนวิถี เปลี่ยนวงจรได้
สิ้นสุดได้ ยุติได้ เริ่มต้นใหม่หมดได้ดังปรารถนา

ปัญญาจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากบุคคลคล้อยตามความเชื่อของสังคม หรือความเชื่อของคนหมู่มากอย่างตาบอด โดยปราศจากการตรวจสอบ ปราศจากการวินิจฉัยและใช้ความคิดของตนเอง-อย่างเป็นกลาง

โดยธรรมชาติแล้ว อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดมักจะคล้อยตามความเชื่อเสมอ
หากปราศจากปัญญา อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดก็จะคล้อยตามความเชื่ออย่างตาบอด ทำให้บุคคลไม่สามารถเปลี่ยยความเชื่อในทางที่ผิดหรือความเชื่อในแง่ลบที่ให้โทษแก่ตนเองและผู้อื่น เป็นความเชื่อที่ถูกต้องหรือความเชื่อในแง่บวกที่ให้ประโยชน์สุขต่อตนเองและผู้อื่นได้


หนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัย บรรจุไปด้วยข้อมูลความรู้ แต่ข้อมูลความรู้เหล่านี้จะเกิดประโยชน์ไม่ได้หากปราศจากการถ่ายทอด การรับ ตลอดจนการนำไปขบคิดให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จนกระทั่งข้อมูลความรู้เหล่านี้สถิตย์อยู่ในสติสัมปชัญญะ อยู่ในระดับจิตสำนึก ซึ่งทำให้ผู้รู้-มีสติและความพร้อมเสมอ และมีความสามารถที่จะนำข้อมูลความรู้ที่ตนเข้าใจอย่างถ่องแท้ไปใช้ในการเลือก ตัดสินใจ ตรวจสอบ วินิจฉัย และสร้างสรรค์ประสบการณ์ชีวิตได้อย่างมีสติ - ทุกขณะจิต (rose)

 

ชาติภพกับเพศ

คำตอบอยู่ในหนังสือ อมตะแห่งจิตวิญญาณภาคปลาย บทที่ 11 หน้า 266 ค่ะ
ฉันได้กล่าวมาแล้วว่าเธอแต่ละคนได้ใช้ชีวิตเป็นทั้งเพศชายและหญิงในชาติภพต่างๆ แต่ตามกฎของธรรมชาติแล้ว เธอจะปราศจากความทรงจำเกี่ยวกับสาระเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอยึดติดกับการเป็นบุคลิกภาพหรือบุคคลตัวตนด้วยเพศที่เธอเป็นอยู่ในปัจจุบัน เธอแต่ละคนจะมีบุคลิกภาพภายในของเพศตรงข้ามซ่อนเร้นอยู่ด้วย เธอแต่ละคนมีความรู้ความทรงจำของตัวตนภายในซึ่งมีเพศตรงกันข้ามกับตัวตนภายนอก

บุรุษเพศจะมีความรู้และความทรงจำของตัวตนภายในเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเป็นเพศหญิงของตนเองในชาติภพก่อนๆ พรัอมด้วยความเข้าใจในคุณสมบัติของสตรีเพศในอดีตชาติ ซึ่งบุคลิกภาพเคยได้รับมอบมาแต่กำเนิด

ส่วนสตรีเพศก็จะมีความรู้และความทรงจำของตัวตนภายในเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเป็นบุรุษเพศของตนเองในชาติภพก่อนๆ พร้อมด้วยความเข้าใจในคุณสมบัติของบุรุษเพศในอดีตชาติซึ่งบุคลิกภาพเคยได้รับมอบมาแต่กำเนิดเช่นกัน

ความรู้ความทรงจำของตัวตนภายในเกี่ยวกับการเป็นเพศตรงข้ามเป็นปัจจัยคุ้มภัยที่สำคัญ เพราะมันปกป้องบุคลิกภาพหรืิอบุคคลตัวตนไม่ให้ยึดติดกับคุณลักษณะของเพศปัจจุบันของตนจนเกินเหตุ ซึ่งอาจถูกปลูกฝังด้วยพื้นฐาน สภาพแวดล้อมและการศึกษา

ความรู้และความทรงจำของตัวตภายในเกี่ยวกับการเป็นเพศตรงข้ามไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลเท่านั้น แต่เอื้อประโยชน์ต่อส่วนรวมและอิทธิพลของอารยธรรมด้วย มันทำให้แนวโน้มของความก้าวร้าวเป็นไปอย่างสุขุม และเป็นสะพานเชื่อมการติดต่อสื่อสารระหว่างเพศและบุคคลในครอบครัว และมีผลต่อการติดต่อสื่อสารผ่านงานศิลปะและการใช้คำพูด

 

Wow!!!

พี่นักเขียนจะมาได้จริงๆ หรือครับนี่
โอ้...แบบนี้ผมก็ต้องจัดเวลาให้ตัวเองไปร่วมงานนี้เสียแล้ว
ขนาดพี่นักเขียนอยู่อเมริกายังมาได้ แล้วนับประสาอะไรกับขอนแก่นใช่มั้ยครับ

มีความคิดเห็นเสนอเล็กน้อยสำหรับกลุ่มที่จะมาร่วมงานผ่านไปถึงคุณ Mead ครับ
คือผมมีความเห็นต่างอยู่นิดหน่อยเรื่องกลุ่มอนุตตรธรรม
เพราะเท่าที่ทราบมา แนวทางของเขาค่อนข้างจะต่างไปจากกลุ่มอื่นๆ
ในเรื่องของแนวคิดและแนวปฏิบัติ (ไม่เกี่ยบกับดีหรือไม่ดีนะครับ) ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ
ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่น่าจะมาร่วมด้วยก็คือกลุ่มอาจารย์ปริญญา ตันสกุล กลุ่มของ ดร.สุวินัย ภรณวลัย
แล้วก็ยังมีกลุ่มอนุตราจารย์ชิงไห่ครับ

 

ขอบคุณพี่นักเขียนที่ช่วยส่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับปัญญากับจิตวิญญาณมาให้พวกเราได้อ่าน ข้อความนี้ขจรวรรณอ่านแล้วอ่านอีก แล้วก็ Print เก็บไว้เพื่อเอาไปทำความเข้าใจ เพราะขณะนี้ตัวเองกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ - จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดอยู่ ความคิดตอนนี้เหมือนใยแมงมุมเลยค่ะ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำงานเพื่อเกษตรกรไทยอย่างแท้จริงไม่ได้คิดจะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเลย เพราะตัวเองเติบโตมาจากครอบครัวเกษตรกรจึงรู้เห็นความยากลำบากและความเจ็บปวดของเค้าอย่างลึกซึ้ง และคิดอยู่เสมอว่าเราจะสามารถช่วยเหลือพวกเค้าได้อย่างไรน้า..

และดีใจมาก ๆ เลยค่ะที่พี่พี่นักเขียนตอบรับหัวหน้าห้อง ว่ามีความเป็นไปได้ที่พี่นักเขียนจะสามารถเดินทางมาเข้าร่วมสัมมนาทางจิตวิญญาณในกรุงเทพฯ ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลสักแค่ไหนหรือมีภาระกิจอะไร ก็จะหาทางไปเจอพี่นักเขียนให้ได้ค่ะ.. รักพี่นักเขียนที่สุดในโลกเล้ยยย..
(||) (||) (||) (f) (f) (f) ({) ({) ({)

 

ดีใจสุดๆเช่นกันครับ หากพี่นักเขียนมีโอกาสเดินทางมาได้ ความฝันของหลายๆคนจะเป็นจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ได้พบปะพี่นักเขียนฯตัวจริง+เสียงจริงกันครับ...งั้นขอเชิญชวนเพื่อนๆมาช่วยกันเตรียมจัดงานต้อนรับล่วงหน้าใครถนัดจัดห้อง โต๊ะรับแขก จัดดอกไม้ เชิญได้นะครับ ผมจองที่นั่งเครื่องบินไว้แล้วคับ+


<TABLE class=tborder id=post1159285 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1159285 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">(||) (||) (||)
<!-- / message -->





</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

จริงผมเห็นว่าไม่แตกต่างกันนะครับ สายปฎิบัติเค้ามีกลยุทธ์ วิธีการแตกต่างกันไป แต่เนื้อหาแก่นแท้ล้วนเหมือนกัน กลุ่มอนุตรธรรมที่ผมได้ไปสัมผัสใกล้ชิดมานี่ก็ทำให้ผมเข้าใจที่มาที่ไปและเรื่องสำคัญที่สุดที่เราพากันหลงลืมไป และยังสอดคล้องกับความรู้ของอาจารย์ปริญญาเอามากๆด้วยครับ ส่วนของอนุตรจารย์ชิงไห่ผมก็ชอบอ่าน แนวคิดเกี่ยวกับความรู้ด้านจิตวิญญาญ ซึ่งความรู้ทั้งหมดล้วนสัมพันธ์กันไปหมดครับ
ยิ่งมาได้ความรู้จากพี่นักเขียนก็ยิ่งประจ่างลึกเข้าไปอีก ในงานสัมนานี่ถ้าให้เป็นเวลาของพี่นักเขียนฯสักครึ่งวันคงจะดีครับ เพราะถ้ามาหลายท่านเกินไปจะฟังกันไม่เต็มอิ่ม เห็นว่าเค้าอาจจะจัดกันที่อิมแพค เมืองทองธานี (ส่วนพวกเราอาจมีนอกรอบหรือจัด meeting แบบกันเองก็ดีครับ)

โชคดีที่ได้คำตอบเรื่อง "ปัญญากับจิตวิญญาณ" มาถูกเวลาพอดี
กำลังเจอปัญหาให้ต้องคิดแก้ไขอยู่เหมือนกัน ขอบคุณจริงๆครับ

 

ตั้งตารอคอยวันนี้มานาน วันที่นักเขียนหนังสือชุดนี้จะเปิดเผยตัวจริง และมาอธิบายอยู่ตรงหน้าเรา งานนี้จินตวดีไม่พลาดเช่นกัน ก็เป็นนักเรียนจิตวิญญาณ พร้อมกับบทเรียนเข้มข้นปานนี้ โดยเฉพาะหัวข้อ "ปัญญากับจิตวิญญาณ" โดนใจเข้าอย่างจัง เพราะบทเรียนนี้เข้ากับชีวิตจริงตอนนี้ ชีวิตจินตวดีนี่ก็จริง ๆ มันต้องลองผิดก่อน แล้วจึงลองถูกทุกครั้งไป พอลองผิดแล้วข้างในมันจะมาบอกมาสอนให้รู้ว่า "อ๋อ มันต้องเป็นเช่นนี้เอง" แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าไม่ได้รู้ เห็นทั้งสองแง่ จินตวดีย่อมไม่มีทางเข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้งของแต่ละอย่างได้เลย

ฉากหนึ่งของความฝันเมื่อคืน ได้เดินไปเจอป้ายโปสเตอร์แจ้งการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินผู้หนึ่ง ซึ่งภาพเป็นเงาดำมืด เขียนเวลาแสดงว่า 3 ทุ่มตรง เราอยากฟังมาก มีผู้คนผ่านมาดูแล้วผ่านไป จิตเราคิดว่าเขาแสดงคอนเสิร์ตอะไร พลันมีเสียงไวโอลินดังขึ้น เพราะมากแต่เป็นเพลงเศร้านะ เราคิดต่อเลยว่าเราก็เล่นเป็น พลันเสียงไวโอลินดังขึ้นเป็นเพลง ได้ยินไหม ของน้องดา เอ็นโดฟิน เรารู้เลยตอนนั้นว่าเสียงนี้เราเล่นมันเอง แต่มองไม่เห็นตัวของเราเลย แล้วก็แปลกใจว่ามันเพราะดี
ตื่นขึ้นมานึกถึงในหนังสือชุดนี้ที่บอกว่า ความรู้สึกในความฝันเป็นสิ่งสำคัญ ตัวตนในเส้นทางปัจจุบันกำลังรับรู้ประสบการณ์เรื่องเศร้า เส้นทางความเป็นไปได้ในความฝันก็กำลังบรรเลงไวโอลินเป็นเพลงเศร้าเช่นเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจไว้คือ การเล่นไวโอลินเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จินตวดีฝันกลางวันบ่อย ๆ ว่ากำลังสีไวโอลินอย่างมีความสุข ฉะนั้น จะหาเวลาไปเวิ้งนครเกษม หาซื้อ ไวโอลินมาหัดดู ถึงเพลงในฝันจะเศร้า แต่จินตวดีจะดึงดูดความเป็นไปได้ในการเล่นไวโอลินมาสู่เส้นทางความเป็นไปได้ในปัจจุบันของตัวตนนี้ให้ได้ (ขอหากำไรจากความฝันหน่อย หุ หุ) ถ้าเล่นเป็นเมื่อไร จะมาสีเพลงวอลท์นาวีให้ฟังละกัน

 

เพิ่งได้รับของฝากจากคุณจินตวดีเป็นปฎิทินสวนนงนุช มีรูปดอกไม้สารพัดแบบสวยงามมาก ได้ข่าวว่าคุณขจรวรรณก็ได้รับแล้ว ขอขอบคุณตรงนี้อีกครั้งนะครับ ถ้าได้ meeting กันที่สวนนงนุชคงจะดีไม่ใช่น้อยครับ อาจได้ฟังคุณจินตวดีสีไวโอลิน น้องนกมาร้องเพลง พี่นักเขียนเล่นเปียโน คุณวิกกี้กายมาเล่นกีต้าร์ ส่วนผมจะวาดรูปบันทึกเอาไว้ซะเลยครับ

 

ช่วงหลังๆนี้หลับงีบไปสักแค่2-3 นาทีก็ตกภวังค์แล้วล่ะครับ รู้สึกว่าสนุกกับการมองมิติอันหลากหลายมากๆเลย
ผมนอนหลับครั้งนึงจำความฝันได้มากที่สุดก็ 5-6 ความฝันครับ(นอนทิศตะวันตก) ก่อนนอนจับความรู้สึกตรงหว่างคิ้วแล้วนี่จะทำให้ฝันชัดขึ้นเยอะเลย วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆนะครับ พอนั่งสมาธิก่อนนอนแล้วอย่าลืมจับความรู้สึกตรงนั้นกันมันใช้ได้ผลจริงๆนะ รึถ้าบางวันนอนน้อยหรือไม่ได้นอนก่อนจะงีบระหว่างอยู่บนรถก็ดีหรือนั่งเฉยๆจะงีบอยู่ก็ดีพอจับความรู้สึกไว้ตรงกลางหน้าผากนี่ก็จะทำให้ฝันชัดเลยแม้จะหลับไปแค่ นาทีสองนาทีก็ตาม หลับแป้บๆก็ไปโผล่ที่นู่นที่นี่สนุกจริงๆ
ปัญญากับจิตวิญญาณ นี่คงจะเป็นข้อความใหม่อีกชุดนึงที่เพิ่งดาวน์โลหดมาใช่มั้ยครับ และจะรออ่านต่อๆไปนะครับ เพราะที่อ่านมาชื่อไม่คุ้นเลยไม่น่ามีในหนังสือ
ถ้าพี่นักเขียนจะกลับมาเมืองไทยผมก็ยินดีเช่นกันครับ ถึงจะไม่เคยเจอกันแต่เราเจอกันเสมอๆในความฝัน
ชอบบทกลอนของจินตวดีมากๆเลยครับ อ่านหลายรอบแล้ว ชอบตรงประโยคที่บอกว่า "คือหยุดแบ่งเราเขาเพราะเท่ากัน"

 

ดีใจมากๆเลยครับที่จะได้มีโอกาสพบพี่นักเขียน
เครื่องบินบรรทุกน้ำหนักเกิน
เพราะหลายคนพร้อมใจกันขึ้นเครื่องไปรับพี่นักเขียน
บนเครื่องบินลำนี้มีผมร่วมอยู่ด้วยครับ...ตื่นเต้นๆมากๆครับ(||)


เตรียมกระเช้าดอกไม้และกาแฟ คอยต้อนรับพี่นักเขียนไว้แล้วครับ

 

คุณ mead อย่าลืมกลุ่มพลังยูเรอัส ของอาจารย์กิติชัย อีกกลุ่มนะครับ

 

มาต้อนรับลุงชาลี ด้วยเหมือนกันครับ
มีเวลาชวนนางฟ้า มาร่วมสนทนากันนะครับ