หมดแล้ว ***$$$สมบัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำและพระเกจิอาจารย์ครับ บูชาเบาๆ$$$****

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Loungpor, 11 สิงหาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ~หัตถ์oBuddha~

    ~หัตถ์oBuddha~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +398
     
  2. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016
    รับทราบการจองครับผม ขอบคุณมากครับ
     
  3. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016

    รับทราบการจองครับผม ขอบคุณมากครับ
     
  4. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016
    เริ่มลงให้บูชากันเลยนะครับ

    9065.ลูกอมวาสนา ยกฐานะ ๙ รอบ 108 ปี (รุ่นสุดท้าย) หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม จ.ชลบุรี ปี2556 พร้อมรูปถ่ายครับ

    หลวงปู่ปัญญา ท่านเป็นศิษย์สำนักเดียวกับ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน อนาคตไม่ต้องพูดถึงน่ะครับ เก็บได้ตอนที่ราคายังเบาๆอยู่ครับ เรื่องประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงครับ ถ้าใครได้ใช้ลูกอมของท่านอารธนาขึ้นคอแล้วเรื่องการเงินไม่มีติดขัดครับ งานดี เงินเดิน (แต่อย่าเล่นการพนันทุกชนิดน่ะครับ)และที่สำคัญที่ด้านหลังของลูกอมยกฐานะ ๙ รอบ หลวงปู่ให้ลายมือที่มีเส้นสมบูรณ์ที่สุด ท่านเรียกว่า"ลายมือพระโพธิ์สัตว์" มีเส้นลายมือ 10 เส้น เป็นผูกอุดมไปด้วยเรื่องราวต่างๆ 8 เรื่อง 1.เส้นชีวิตยาวสุขภาพดี ราบรื่น ห่างไกลจากป่วยเจ็บไข้ไม่สบาย 2.เส้นสมองยาว ปัญญาดี ตัดสินใจถูก 3.เส้นหัวใจยาวสวย สมหวังในความรัก อารมณ์ดี 4.เส้นวาสนาสูง การลงทุน การงานสำเร็จ มีวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน 5.เส้นอาทิตย์ตำแหน่งสวย มีอำนาจ เกรียติยศชื่อเสียงมาก คนดังคนรู้จัก 6.เส้นพุธ ยาวสวย ฐานะการเงินดี มีเครดิต เงินเข้ามาก 7.เส้นคู่ครองเป็นคู่สวย สมหวัง ได้คู่ดี อยู่กันมีความสุข 8.เส้นพฤหัส ความสามารถสูง ชื่อเสียงผลงานเด่น ลูกอมวาสนา ๙ รอบนี้ หลวงปู่ท่านมีดำริให้สร้างเพื่อสมทบทุนสร้างวิหาร ๙ รอบ และที่สำคัญท่านต้องการให้ลูกศิษฐ์นำลูกอมนี้ไว้ใช้ในยามที่ดวงไม่ดี เพื่อเสริมเพื่อเติมให้ลายมือท่านดีอย่างนี้ หรือ เส้นไหน ขาดตกบกพร่องไป เสริมให้เส้นนั้นๆดีขึ้นเพราะลูกอมนี้อยู่กับตัวเราเสริมให้เส้นต่างๆในมือเราดีไปด้วย วิชาต่อเส้นลายมือ หลวงปู่ลงและเสกให้ทุกคน จากลายมือแย่ก็แก้เคล็ดใช้ลูกอมนี้เสริมลายมือให้ทุกเส้นดีสวย พอมีลูกอมนี้แล้วไม่ต้องมาต่อเสริมเส้นวาสนา ลูกอมนี้จะค่อยช่วยเติมให้ดีครบถ้วนทุกอย่าง 8 อย่าง ลองใช้ติดตัวด้วยใจที่เคารพศรัทธาจะได้ผล ลายมือท่านเปลี่ยนเองไปตามลายเส้นที่อยู่ในลูกอม สรุปแล้ว ลูกอมวาสนาต่อเสริมเส้นทุกเส้นของลายมือเรา ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นและยังใช้อารธนาครอบจักรวาลได้อีก

    ------------------------------------------------------------------------

    เปิดบูชาลูกละ 290 บาท มีให้บูชา 1 ลูกครับ

    ***จองแล้วครับ***





    150159841_1668440706669156_4932347553517497822_n_resize-jpg-jpg.jpg 150165121_422699792145413_7836395059154272605_n_resize-jpg-jpg.jpg 150280076_456500842145357_8511558849058066007_n_resize-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  5. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016

    9066.พญาเต่าสำลี ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน พญาเต่าสำลี องค์พระสหธรรมมิกกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง

    ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ท่านทำเองโดยใช้สำลีที่ท่านใช้เช็ดตา เช็ดน้ำหมากแล้วนำมาพันๆ ปั้นๆ กลายเป็นเต่า ..ต่อมาลูกศิษย์เป็นคนทำแล้วครูบาเป็นผู้เสก..
    ภายในจะบรรจุเกศาพระธาตุ พระธาตุข้าวบิณ และของสิทธิ์มงคลไว้ภายในตัวเต่า
    ท่านจัดทำเต่าขึ้นเพื่อไว้แจกจ่ายแก่ บรรดาลูกศิษย์ไว้บูชา ท่านทำเองและปลุกเสกเองทุกตัว
    สมดั่งกับคำที่ครูบาท่านบอกว่า "น้ำต๋า สั๊กเม็ด ก่อ บ่าหื้อได้เสี้ยง"
    ***พุทธคุณทางด้านเมตตามหาลาภ รักษาทรัพย์ มีไว้บูชาไม่มีอดไม่มีอยาก..เน้นทางด้านโชคลาภครอบคลุมไปทุกๆด้านด้วยกำลังของพระโพธิสัตว์เจ้า
    คาถาบูชา(ตั้งนะโม 3 จบ) นะเมตตา โมการุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู เมตตา การุณา มุทิตา อุเบกขา ไมตรี นานาจิตตัง ปิยังมะมะ..
    ครูบาท่านบอกว่า "น้ำต๋า สั๊กเม็ด ก่อ บ่าหื้อได้เสี้ยง"..
    ***หลังจากท่านละสังขาร ท่านได้เป็นพระโพธิสัตว์ โปรดสัตว์โลกในปัจจุบัน***
    ***ผู้มีไว้สักการะบูชา จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน ความไม่มีไม่ได้ จะไม่บังเกิดต่อผู้ที่มีไว้บูชา จะมีแต่ความเจริญ ความสุข สมหวัง ในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ
    ครูบาชัยวงศ์ฯได้ละสังขารไปเมื่อปี 2543 กายสังขารของท่าน ปัจจุบันยังบรรจุในโลงแก้วและเป็นที่เคารพสักการะของลูกศิษย์ทั่วประเทศ.. จัดเป็นของดีศักดิ์สิทธิ์พุทธคุณสูง
    เลี่ยมเดิมจากวัดรับประกันแท้ 100 %


    เปิดแบ่งปันบูชาตัวละ 350 บาท มีมาใหม่ 2 ตัว..แท้เลี่ยมเดิมๆจากวัดครับ



    ***ปิดรายการ***



    140855116_714061845977524_6564710549862995724_n_resize-jpg-jpg.jpg 140797013_800848743829342_5454719158482669931_n_resize-jpg-jpg.jpg 122778969_1576358372560156_1057226534862476649_n-jpg-jpg.jpg
    123047009_1576358592560134_4399939420884169740_n-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2022
  6. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9067.เต่าจีวรครูบาวงศ์ "พญาเต่าจีวร" ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ..สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่

    "พญาเต่าสำลี" ว่าหายากแล้ว..พญาเต่าจีวรและเต่าเทียนชัยยิ่งหายากมากกว่า
    ของแท้ๆของครูบาวงศ์ส่วนมากจะอยู่กับชาวเขาในอำเภอลี้จังหวัดลำพูนซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดและนับถือครูบาวงศ์เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเต่าสำลี/เต่าเทียนชัย/เต่าจีวร/เต่าไม้/สี่หูห้าตา/ปลาตะเพียนไม้/ประคำหวายหิน/ประคำไม้ตาล/ตะกรุดเก้ากุ่มฯ..บอกเลยคำเดียวไม่ง่ายนะที่จะได้วัตถุมงคลของครูบาวงศ์มา..

    ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ท่านทำเองโดยใช้ผ้าจีวรของท่านมาทำ..คล้ายๆกันกับการทำเต่าสำลีและเตาเทียนชัยที่ท่านใช้เช็ดตา เช็ดน้ำหมากแล้วนำมาพันๆ ปั้นๆ กลายเป็นเต่า ..ต่อมาลูกศิษย์เป็นคนทำแล้วครูบาเป็นผู้เสก..
    ใช้จีวรของครูบาวงศ์มาจัดสร้าง..ภายในจะบรรจุเกศาพระธาตุ พระธาตุข้าวบิณ และของสิทธิ์มงคลไว้ภายในตัวเต่า
    ท่านจัดทำเต่าขึ้นเพื่อไว้แจกจ่ายแก่ บรรดาลูกศิษย์ไว้บูชา ท่านทำเองและปลุกเสกเองทุกตัว
    สมดั่งกับคำที่ครูบาท่านบอกว่า "น้ำต๋า สั๊กเม็ด ก่อ บ่าหื้อได้เสี้ยง"
    ***พุทธคุณทางด้านเมตตามหาลาภ รักษาทรัพย์ มีไว้บูชาไม่มีอดไม่มีอยาก..เน้นทางด้านโชคลาภครอบคลุมไปทุกๆด้านด้วยกำลังของพระโพธิสัตว์เจ้า
    คาถาบูชา(ตั้งนะโม 3 จบ) นะเมตตา โมการุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู เมตตา การุณา มุทิตา อุเบกขา ไมตรี นานาจิตตัง ปิยังมะมะ..
    ครูบาท่านบอกว่า "น้ำต๋า สั๊กเม็ด ก่อ บ่าหื้อได้เสี้ยง"..
    ***หลังจากท่านละสังขาร ท่านได้เป็นพระโพธิสัตว์ โปรดสัตว์โลกในปัจจุบัน***
    ***ผู้มีไว้สักการะบูชา จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน ความไม่มีไม่ได้ จะไม่บังเกิดต่อผู้ที่มีไว้บูชา จะมีแต่ความเจริญ ความสุข สมหวัง ในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ
    ครูบาชัยวงศ์ฯได้ละสังขารไปเมื่อปี 2543 กายสังขารของท่าน ปัจจุบันยังบรรจุในโรงแก้วและเป็นที่เคารพสักการะของลูกศิษย์ทั่วประเทศ.. จัดเป็นของดีศักดิ์สิทธิ์พุทธคุณสูง
    เลี่ยมเดิมจากวัดรับประกันแท้ 100 %

    เปิดแบ่งปันองค์ละ 450 บาท
    มีให้บูชา 2 องค์..แท้ดูง่ายเลี่ยมเดิมจากวัดครับ


    ****จองแล้วครับ*******


    146642561_746307702672519_2779489499978538009_n_resize-jpg.jpg 146206542_1152443491840995_4699104584581955874_n_resize-jpg.jpg 126621770_1597663757096284_6462818553319281004_n-jpg.jpg 127222829_1597663557096304_8992690889839456699_n-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  7. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9068.ข้าวสารหิน วัดโพธิ์ลอย บรรจุในหลอดพร้อมตระกรุดโภคทรัพย์ พร้อมคาถาบูชาครับ

    พุทธคุณ

    ผู้ใดมีข้าวสารหินติดตัว ติดบ้านเรือนจะร่ำรวยมีกินมีใช้ ไม่อดไม่อยาก กันคุณไสย์ กันการกระทำจากมนต์ดำหรือของเขมร กะเหรี่ยงกันคุณผี คุณคน หรือ คนถูกผีอำ

    ผู้ใดมีข้าวสารหินศักดิ์สิทธิ์ จะมีเงินไม่ขาด ผู้ใดค้าขายให้ตักน้ำฝนมา 1 แก้ว แล้วเอาข้าวสารหินศักดิ์สิทธิ์แช่ลงไปแล้วอธิษฐาน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นำไปประพรมสินค้า จะขายดี เป็นเมตตามหานิยมแก่ชาย หญิง และเทวดาทั้งหลาย แม้แต่สัตว์ต่าง ๆ ก็ไม่กล้ารบกวน
    ผู้ใดเจ็บป่วย นำไปทำน้ำมนต์ดื่ม จะเห็นผลทันตา ด้วยบารมีแม่โพสพ

    บูชาชุดละ 190 บาท

    ***จองแล้วครับ***


    144869417_744633089811919_2897952888887609658_n_resize-jpg.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  8. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9069.เสือจิ๋ว หลวงพ่อเพี้ยน กฐินปี 2554 จัดสร้างเป็นที่ระลึกงานทอดกฐิน ปี2554 ตอกโค๊ด วฐ. ขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาสะดวก

    ประวัติหลวงพ่อเพี้ยน
    หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม หรือ พระครูวิมลสมณวัตร เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสของเมืองลพบุรี
    เจ้าตำรับสุดยอดเครื่องรางของขลัง ตะกรุดโทน และ ผ้ายันต์แดง ที่มีประสบการณ์พุทธคุณกล่าวขานเลื่องลือกันไปทั่ว
    ทั้งในด้านเมตตา ค้าขาย ปกป้องคุ้มภัย มหาอุด และคงกระพันชาตรี
    เรื่องราวชีวิตและบทบาทของท่านนับว่าน่าสนใจ เพราะเป็นพระของชาวบ้านโดยแท้
    อัตโนประวัติ หลวงพ่อเพี้ยน เกิดในสกุล ยอดวัด เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล
    พุทธศักราช 2470 ที่บ้านเกริ่นกฐิน ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
    ชีวิตในวัยเยาว์ หลังจบการศึกษาภาคบังคับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นก็ช่วยเหลือครอบครัวในการประกอบอาชีพทำนา จวบกระทั่งถึงวัยแห่งการครองเรือน แต่ภายหลังเกิดความเบื่อหน่าย จึงหันหน้าเข้าสู่เส้นทางธรรม
    ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2519 ณ พัทธสีมาวัดกำแพง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
    โดยมีหลวงพ่อเจือ เจ้าอาวาสวัดกำแพง เป็นพระอุปัชฌาย์
    ได้รับฉายา อคฺคธมฺโม มีความหมายว่า ผู้มีธรรมอันยอดเยี่ยม
    ภายหลังเข้ารับการอุปสมบท ได้ย้ายไปพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน เพื่อบำเพ็ญสมณกิจ สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา และได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนวิทยาคมจากหลวงพ่อปาน เจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน ในยุคนั้น รวมไปถึงการได้ทบทวนสรรพวิชาเข้มขลังจากแผ่นดินกัมพูชา ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากโยมบิดาของท่าน
    สำหรับหลวงพ่อปาน พระเกจิเรืองอาคม เป็นพระภิกษุที่สัญจรมาจากประเทศกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งหลวงพ่อปานได้กล่าวเน้นย้ำเป็นการเตือนสติอยู่เสมอว่า คนเราจะทำการใดๆ ต้องมีจิตที่มุ่งมั่น ตั้งใจในการศึกษา หัวใจของการศึกษาวิชาอาคมให้บังเกิดผล ถึงความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเริ่มที่สติ เมื่อสติมั่นคงก็จะบังเกิดเป็นสมาธิ สมาธิจะทำให้เกิดปัญญา สามารถทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียว และเมื่อถึงขั้นนั้น จะทำสิ่งใดๆ ย่อมได้ผล
    ดังนั้น เมื่อท่านได้ฝึกจิตตามแนวทางของหลวงพ่อปาน ทำให้การเรียนด้านวิชาอาคม บังเกิดความก้าวหน้า และได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านที่ประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่างๆ นานา โดยท่านได้ใช้อำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ รวมทั้งวิทยาคม ใครถูกคุณไสยมนต์ดำ อวิชชาชั้นต่ำ สรรพวิญญาณดุร้ายเข้าสิงร่าง ใช้มนต์คาถากำราบ ใครเจ็บป่วยเป็นไข้ป่า ใช้ยาสมุนไพรรักษา
    สามารถพลิกผันเปลี่ยนขาวเป็นดำ บำบัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ชื่อเสียงร่ำลือระบือไกล
    ต่อมาในปี พ.ศ.2521 วัดเกริ่นกฐิน ร้างเจ้าอาวาสปกครอง ญาติโยมได้พากันไปร้องต่อพระผู้ใหญ่จังหวัดลพบุรี ขอให้แต่งตั้งหลวงพ่อเพี้ยน เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับการตอบสนองตามคำร้องขอเป็นอย่างดี
    ภายใต้การปกครองดูแลวัดเกริ่นกฐิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521 จนถึงปัจจุบัน วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเพี้ยนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ดำรงตนอย่างสมถะ เป็นพระชาวบ้านธรรมดา แต่ว่าเข้าถึงจิตใจคนทุกระดับชั้น ไม่มีการเลือกชั้นวรรณะของผู้ที่ขอเข้าไปกราบนมัสการ
    หลวงพ่อเพี้ยน ได้ย้อนอดีตถึงปฐมเหตุแห่งการเป็นพระผู้เสก ว่า ในคราแรก เลือกมาพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา เพื่อปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อปาน ที่กำชับเอาไว้ สิ่งที่เริ่มต้น คือ การเจริญภาวนาทำให้เกิดจิตที่มั่นคง เป็นสมาธิ
    วันหนึ่ง ในราวพรรษาที่ 3 ท่านมีกิจนิมนต์ ต้องเดินทางจากวัดไปยัง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี โดยเส้นทางจากหมู่บ้านเกริ่นกฐิน สู่ถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ ห่างไกลพอสมควร จำต้องเดินผ่านทุ่งนา ในบางช่วงต้องเดินผ่านป่าละเมาะ สองฟากทางรกทึบมาก
    หลวงพ่อเพี้ยน เดินทางออกจากหมูบ้านเกริ่นกฐินเพียงเล็กน้อย ได้พบเห็นการกระทำของโจรร้ายกำลังปล้นชิงทรัพย์ของชาวบ้าน แต่เจ้าทรัพย์ ต่อสู้ขัดขืน จึงถูกคนร้ายใช้มีดแทงจนถึงแก่ความตาย ไปต่อหน้าต่อตา
    ท่านบังเกิดความเวทนาต่อชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายเป็นยิ่งนัก เมื่อเดินทางกลับวัด ได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ความคิดว่า หากชาวบ้านผู้นั้นมีวัตถุมงคลคุ้มครองป้องกันตัว อาจแคล้วคลาดภยันตรายได้อย่างแน่นอน
    ความคิดดังกล่าว ทำให้หลวงพ่อเพี้ยน มุมานะในการพลิกฟื้นตำรา ทั้งของโยมบิดาและหลวงพ่อปาน ที่ได้กำชับถึงหัวใจแห่งการร่ำเรียนวิชา โดยเฉพาะพระคาถาอาคม เมื่อรำลึกถึงคำสอน หลวงพ่อจึงเร่งในการภาวนาจิตอย่างจริงจัง และเริ่มทำการจัดสร้างของขลังเป็นครั้งแรก เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ใกล้ชิดเอาไว้เพื่อเป็นการป้องกันและคุ้มครองตัวเอง ได้แก่ "ตะกรุดโทน"
    กว่าจะสำเร็จเป็นตะกรุดโทน มิใช่เรื่องง่ายดาย แผ่นโลหะแต่ละแผ่น เมื่อได้จารอักขระเลขยันต์ตามตำรับ กว่าจะบรรลุเป้าหมายถึงขั้นนำไปใช้ได้ ต้องผ่านขั้นตอนพิธีกรรมอันสำคัญ คือ การจารตะกรุดใต้น้ำ หลวงพ่อเพี้ยนจะต้องดำลงใต้น้ำ เพื่อทำการจารอักขระ ซึ่งเป็นหัวใจของพระคาถาด้านมหาอุด และคงกระพันชาตรี
    ตะกรุดโทน หลวงพ่อเพี้ยน สร้างประสบการณ์ลือลั่นท้องทุ่งบ้านหมี่ รวมทั้งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ในหมู่นักนิยมสะสมวัตถุมงคลของขลัง แต่ปัจจัยจากการเช่าบูชาทุกบาททุกสตางค์ หลวงพ่อไม่เคยนำเข้าพกเข้าห่อใช้จ่ายส่วนตัว แต่ท่านจะนำปัจจัยไปใช้ในด้านการพัฒนาวัดวาอาราม
    วัดเกริ่นกฐิน ในยุคหลวงพ่อเพี้ยน ปกครองเป็นเจ้าอาวาส ได้เกิดสิ่งใหม่ๆ มากมาย เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก อวดสายตาแก่ญาติโยม อาทิ ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ 2 ชั้น หอฉัน หอสวดมนต์ หอระฆัง กุฏิสงฆ์ ศาลาอเนกประสงค์ อุโบสถ เมรุ เจดีย์พิพิธภัณฑ์ โดยตั้งกองทุนมาจากการสร้างพระกริ่งอัคคธัมโม และเหรียญบาตรน้ำมนต์
    หลวงพ่อเพี้ยน มิได้มุ่งเน้นการพัฒนาภายในวัดของท่านเพียงอย่างเดียว ยังมองไปถึงปัญหาของชุมชนอีกด้วย อาทิ ได้สร้างถนนลาดยางจากถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ เข้าสู่หมู่บ้าน
    นอกจากนี้ ในด้านการศึกษา ยังได้จัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนวัดสระกระเบื้อง ใช้งบประมาณกว่า 2 ล้านบาท อีกด้วย
    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2548 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
    หลวงพ่อเพี้ยน ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์
    เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนาม พระครูวิมลสมณวัตร
    เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ณ วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2548

    ******************************************************************************************

    เสือจิ๋วเมตตา รุ่นมีอำนาจวาสนา เนื้อทองเหลือง หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ปี 2554 ตอกโค้ด ว.ฐ ทุกตัว

    เสือที่หลวงพ่อปลุกเศก หลวงพ่อบอกเองว่าใช้ได้เหมือนกัน พุทธคุณเหมือนใช้คาถาปลุกเศกหัวใจเสือ ตอนปลุกเศกเสือในบาตรวิ่งกันให้พล่าน ของดีราคาถูก รับประกันแท้ตลอดชีพครับผม

    เรื่องเล่าประสบการณ์ (คัดลอกมาครับ)
    ปอเต็งตึ๊ง...งง!

    เมื่อคืนวันจันทร์ที่14 ธ.ค.52 เวลาประมานตีหนึ่งพี่ผมจะกลับแกร่งคอยสระบุรี ยางรถกระบะเกิดแตกรถเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนตีลังกาสภาพรถพังยับเยินช่อมไม่ได้ต้องเปลี่ยนหัวเก๋งอย่างเดียว แต่พี่ไม่เป็นอะไรเลยจนปอเต็งตึ๊งถาม ว่าแล้วคนขับไปไหนพี่ตอบว่า "ผมเองคนขับ" ปอเต็งตึ๊ง..งง! ถามต่อว่าพี่ออกมาจากรถได้ยังงัย ดูจากสภาพรถแล้วไม่น่ารอด และพี่แขวนหลวงพ่ออะไร "เสือจิ๋วหลวงพ่อเพี้ยนครับ" สาธุ .....บารมีหลวงพ่อคุ้มครองจริงๆครับ

    ### ท่านได้รับทราบพุทธคุณเสือจิ๋วของหลวงพ่อแล้วนะครับ ตัวนี้เป็นตัวที่ปลุกเสกล่าสุด (ปี 54) หลวงพ่อบอกว่า เสือทุกรุ่นเป็นของดีเหมือนกันครับ ตอนปลุกเศกเสือในบาตรวิ่งกันให้พล่าน ###
    ------------------------------------------------------------


    เปิดให้บูชาตัวละ 150 บาท มีให้บูชา 10 ตัวครับ (ชุดนี้เก่าเก็บ ได้มานานๆมากๆ ร่วม 10 ปีแล้วครับ)


    ***จองแล้วครับ 3 คงเหลือ 7 ตัว ***


    *****ปิดรายการ***


    94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%99-jpg.jpg

    20200903_123120_resize-jpg.jpg 20200903_123130_resize-jpg.jpg 20200903_123138_resize-jpg.jpg 143948209_322285319166645_5423151972431830928_n_resize_resize-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2022
  9. sumobaimon

    sumobaimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    1,260
    ค่าพลัง:
    +1,514
    จองครับ
     
  10. sumobaimon

    sumobaimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    1,260
    ค่าพลัง:
    +1,514
    จองครับ
     
  11. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9070.แมงสี่หูห้าตา ไม้ม่วงคำแกะ พิมพ์จิ๋ว เลี่ยมเดิมพร้อมเกศา จีวร พระธาตุข้าวบิณฑ์ ตะกรุด หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน
    เลี่ยมเดิมจากวัดรับประกันแท้ 100 %

    สี่หูห้าตาเป็นเครื่องรางในตำนานของภาคเหนือ
    เด่นทางโชคลาภ โภคทรัพย์ ทีเป็นที่นิยมมากในบรรดาเครื่องรางของล้านนาฯ สร้างจากไม้มงคล โดยช่างชาวกระเหรี่ยงลูกศิษย์ของท่าน ที่อยู่รอบๆวัด แกะสลัก เลี่ยมกรอบเก่าเดิมๆ ภายในบรรจุเครื่องรางอื่นๆ อาทิเช่นดอกไม้แจกันในโบสถ์ เม็ดพระธาตุข้าวบิณฑ์ สายสิญจน์ จีวร และชานหมาก สีผึ้งเสก เป็นต้น บางตนจะมีตะกรุดล้านนาและเกศาฯ ปัจจุบันหายากแล้วสร้างน้อยมาก สวยๆ เก็บกันหมด

    วิธีบูชา “แมงสี่หูห้าตา จุดธูป ๙ ดอกแล้วให้ถวายผลไม้ ดอกไม้ น้ำ และอาหาร ทุกวันพระ
    พระคาถา แมงสี่หูห้าตา ตั้งนะโมฯ ๓ จบ
    สาธุ อะหัง นะมามิ พระอินทร์ อากาเสจะ พุทธะทิปังกะโร นะโมพุทธายะอิอะระณัง อะระหัง กุสะลาธัมมา สัมมาสัมพุทโธ ทุสะนะโส นะโมพุทธายะ พระโสนามะ ยักโข เมตตามหาลาภา ปิยังมะมะ ทันตะ ปริวาสะโภ วาสุนี หะเต โหนตุ ชัยยะมังคะลานิ
    โบราณ ท่านว่า บุคคลหญิงชาย ผู้ใดได้สวดบูชาทุกค่ำเช้า จักห้ามเสียยังภัยทั้งหลาย กันฟ้าฝ่า กันไฟไหม้ อันตรายทั้งปวงจักมิบังเกิดมีมา อยู่เย็นเป็นสุข เป็นมหาโชคลาภ มีเงินทองไหลมาเทมา ใครดวงตก อาภัพโชคลาภ การงานไม่ดี ลองสวดบูชาดูนะครับ และถ้าจะดีเห็นผลเร็วควรสมาทานศีลห้าและเจริญพรหมวิหารสี่ มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไปด้วยจักเป็นการดียิ่ง แล้วขอพร ขอโชคลาภตามที่ปราถนาจะสำเร็จเสร็จสมทุกประการแล
    เปิดตำนาน!!สัตว์ประหลาด ”สี่หู ห้าตา” กินถ่านไฟอึเป็นทองคำที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    ตามตำนานของวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว จังหวัดเชียงรายเชื่อกันว่า
    แมงสี่หูห้าตามีลักษณะตัวอ้วนและเตี้ย มีกายภาพอย่างหมี และมีขนยาวสีดำปกคลุมร่างกาย นอกจากนี้ยังมีหูสองคู่และมีตาห้าดวง โดยที่ดวงตาของแมงสี่หูห้าตาเป็นสีเขียว รับประทานถ่านไฟร้อนเป็นอาหาร และมูลของแมงสี่หูห้าตานี้เป็นทองคำ อย่างไรก็ดี มิได้ปรากฏว่ามีอุปนิสัยดุร้ายหรืออย่างอื่นใด มีรูปปั้นของสัตว์นี้ปรากฏที่วัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย อีกความเชื่อหนึ่ง เช่น ตามตำนานแมงสี่หูห้าตาที่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาแห่งจังหวัดลำพูนเขียนขึ้น ว่าลักษณะของแมงสี่หูห้าตาไว้อีกแบบหนึ่ง โดยมีลักษณะคล้ายลิง และเรียก "พญาวานรสี่หูห้าตา" กับทั้งยังได้เชื่อมโยงสัตว์นี้เข้ากับหลักธรรมทางพุทธศาสนาด้วย โดยว่าจำนวนสี่หูและห้าตานั้นที่แสดงถึงหลักธรรมพรหมวิหาร 4 และศีล 5[4] มีรูปปั้นของพญาวานรนี้ในจังหวัดลำพูน[5] และเป็นความเชื่อที่แพร่หลายในจังหวัดเชียงใหม่• ตำนาน สี่หู ห้าตา เทพแห่งโชคลาภของทางล้านนา โดยครูบาชัยยะวงศา •
    ... กาลครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มกำพร้าผู้หนึ่งฐานะยากจนขัดสนมากแต่ก็ยังมีทำดินทำกินเพียงน้อยนิดไว้สำหรับปลูกข้าว มีอยู่ปีหนึ่งเหมือนว่าฝนฟ้าจะไม่เป็นใจกับชายหนุ่มมากนัก ต้นข้าวที่ปลูกไว้แห้งตายมากพอสมควรแต่ก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง
    มีพระอินทร์บนสวรรค์อีกท่านหนึ่งซึ่งมองเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชายหนุ่มผู้นี้ พระอินทร์ผู้มีศักดิ์คิดลงมาอยากจะช่วยเหลือชายหนุ่มกำพร้า ให้พ้นจากความทุกข์ยาก จึงแปลงร่างมาปรากฏเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งมี หู ๔ หู มีตาอีก ๕ ดวง ซึ่งในโลกมนุษย์ไม่มีสัตว์ประเภทแบบนี้เลยก็ว่าได้ และสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้มาทำลายต้นข้าวที่ยังเหลืออีกส่วน บังเอิญชายหนุ่มซึ่งได้มาพบเห็นต้นข้าวของตนที่ถูกทำลาย จึงเกิดความโมโหขึ้นมาทันที คิดจะฆ่าสัตว์ตัวนี้แต่ก็ไม่มีอาวุธใดและพยายามหาวิธีจะกำจัดให้พ้น ๆ ไปแต่ก็ไม่รู้จะทำวิธีการใดอีก ระยะเวลาผ่านไป
    จนกระทั่งชายหนุ่มจับสัตว์ประหลาดนั้นได้ จึงพามายังที่พักเป็นกระท่อมหลังเล็ก ๆ และได้ผูกติดกับต้นเสา พอตกเย็นใกล้ถึงหัวค่ำชายหนุ่มก็ได้นำอาหารที่มีอยู่ตามประสาคนจนพอมีพอกิน และให้สัตว์ประหลาดตัวนั้น มันไม่ยอมกินอาหารแต่อย่างใด
    แต่มันทำตัวดูเหมือนว่ากำลังหนาวจัด คงต้องการความอบอุ่นมาก ชายหนุ่มจึงหาฟืนมาก่อไฟให้มัน จนระยะเวลาผ่านไป ชายหนุ่มรู้สึกง่วงนอนมากจึงคิดจะกลับไปนอนพักผ่อน พอหันกลับมาอีกทีเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังจับถ่านไฟแดงร้อนจัดกินเข้าไปอย่างไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด จนกระทั่งชายหนุ่มเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างพอดีและยังรู้สึก งง อยู่มากที่ได้พบสัตว์ประหลาดตัวนี้ แต่ยังพบความแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นอีก
    ที่ชายหนุ่มนั้นต้องตกตะลึงมาก คือสัตว์ตัวนั้นกินถ่านไฟซึ่งไม่เคยพบเจอมาก่อนและยังขับถ่ายออกมาเป็น ทองคำแท้อีกด้วย ชายหนุ่มกำพร้าจึงร่ำรวยมาเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงกลับมาทบทวนความคิดอีกครั้ง...
    เออ...ดีนะที่เราไม่ได้ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น มิเช่นนั้นเราคงไม่มีทรัพย์สมบัติมากมายอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มกำพร้าผู้นี้ยังมีความเมตตาอยู่บ้างถึงแม้ต้นข้าวที่ถูกทำร้ายจนเกิดความเสียหายจนโมโหมาก แต่ก็ยังคิดจะละเว้นชีวิตให้สัตว์ตัวนั้น
    นิทานเรื่องนี้อ้างอิงมาจากเรื่องเล่าของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) อยากให้ทุกคนมั่นรักษาศีล ภาวนาให้มาก ๆ และมีพรหมวิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถ้าคนเรายึดถือสิ่งเหล่านี้ได้ชีวิตเราจะพบแต่ความสุขตลอดกาล
    • คาถาเทพสี่หูห้าตา •
    สาธุ อะหัง นะมามิ พระอินทร์ อากาเส จะ พุทธะทิปังกะโร
    นะโมพุทธายะ อิอะระณัง อะระหัง กุสะลาธัมมา สัมมาสัมพุทโธ
    ทุสะนะโส นะโมพุทธายะ พระโสนามะยักโข เมตตา มหาลาภา ปิยังมะมะ ทันตะ ปริวาสะโภ วาสุนี หะเต โหนตุ ชัยยะมังคลานิ
    *** สวดทุกวัน กันไฟไหม้ ฟ้าผ่า อันตรายต่าง ๆ ชนะภัยทั้งปวง บรรเทาทุกขเวทนาจากการเจ็บป่วย และเป็นมหาโชคมหาลาภแก่ผู้ที่บูชากราบไหว้ดีนักแล
    (จากวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน) ***


    บูชาองค์ละ 350 บาท มีมาใหม่แบ่งให้บูชา 2 องค์


    ***** จองแล้วครับ ******


    140558216_172824947509287_2003246030993483656_n_resize-jpg.jpg 141102276_945312336004448_3948229641297642223_n_resize-jpg.jpg 122879393_1576358282560165_8827739577566893230_n-jpg.jpg 122962755_1576358679226792_6339300016059784548_n-jpg.jpg 123115310_1576358525893474_884872962824233586_n-jpg.jpg 123359048_1576358629226797_6868475858362306765_n-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  12. sumobaimon

    sumobaimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    1,260
    ค่าพลัง:
    +1,514
    จอง 3 ตัวครับ
     
  13. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9071.ล็อกเก็ตโบโบอ่อง(พู่พู่อ่อง)รุ่นแรกด้านหลังเนื้อมวลสารฝังว่านยาแดงพม่าปิยะเมตตาฝังตะกรุดเงิน
    สร้างโดยพ่อครูศรีอ่องจอมขมังเวทย์แห่งเชียงดาว
    สร้างเพียง 399 องค์ออกเมื่อปีพ.ศ 2561
    ในราคาจองเมื่อสมัยนั้นองค์ละ 499 บาท
    ยอดวิชาแห่งเมืองม่าน สายยาแดง
    ..ไม่ต้องสักให้เจ็บตัว

    ถ้าจะกล่าวถึงตำนานเรื่องราวพ่อครูเมืองม่านหรือพม่านั้น ว่ากันแล้วเรื่องราวของพ่อครูพม่านั้นเริ่มต้นตั้งแต่ยุคพันกว่าปีมาแล้วก่อนมีพม่าเสียอีก คงเริ่มมาตั้งแต่ยุคมอญรุ่งเรือง เพราะพม่าเริ่มถูกรวมแผ่นดินครั้งแรกในยุคของบาเยงนองหรือผู้ชนะสิบทิศซึ่งมีระยะเวลา ๔๐๐ กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง
    อย่างเรื่องราวของพู่พู่อ่อง ก็น่าจะมีตำนานมากกว่าพันปี จากนั้นจึงสืบสายต่อ ๆ กันมาถึงในปัจจุบัน ตำนานพ่อครูทั้ง ๑๐ ของสายวิชายาแดงนั้นถูกปิดบังเปิดเผยออกมาน้อยมาก เพราะหาผู้รู้จริงยาก และผู้รู้ก็มักไม่พูด ที่จะนำมาเล่านั้น เพราะความเมตตาของครูหย่วน ลิ่งแสง ได้เมตตามอบตำราสำคัญทั้งยันต์ ทั้งตำนาน ทั้งนี้ท่านมอบให้ พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และทางคณะผมได้ขออนุญาตพ่อครูหย่วนนำเรื่องราวบางส่วนออกเผยแพร่ เพื่อให้ตำนานของพ่อครูทั้ง ๑๐ ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา และเพื่อเป็นการรักษาองค์ความรู้ที่บริสุทธิ์ ซึ่งมาจากการถ่ายทอดของคนในสายวิชาจริง ๆ อย่างเรื่องราวของพ่อครูโพมินข่องนั้น ปัจจุบันมีบางสำนักเล่าเรื่องออกมาอย่างพิสดาร ไม่มีเค้ามูลเรืองราวของท่านไว้เลย จึงทำให้เกิดความเข้าใจ หรือการเรียนรู้เรื่องราวแบบผิด ๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายชื่อเสียงของท่านทั้งที่ตั้งใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์
    ดังนั้นจึงตั้งใจจะเผยแพร่เรื่องราวของบรมครูและวิชาสายนี้ในบางส่วนที่พิจารณาว่าเปิดเผยได้ ยังไงก็ลองอ่านไว้เป็นวิทยาทานครับ ถือว่าอ่านนิทานสนุกๆก็ได้
    ยอดวิชาสุ่ยหยิ่นจ่อ
    วิชาในเมืองม่านนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับมรดกมาจากมอญ โดยมอญรับมาจากคติพราหมณ์จากประเทศแม่คืออินเดีย ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมดั่งเดิมของมอญจนก่อให้เกิดหลักวิชาอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมๆกับตำนานที่น่าอัศจรรย์ ต่อมาหงสาวดีได้รับเอาคติความเชื่ออารยะธรรมต่างๆสืบมาจากมอญ จนกระทั่งภายหลังรวมเป็นประเทสพม่าขึ้นมา วิชาในสายเมืองมอญอันเก่าแก่และตำนานอันยิ่งใหญ่ของพ่อครูทั้ง ๑๐ จึงเป็นสุดยอดมรดกสำคัญทางจิตวิญญาณ ที่ในปัจจุบันนี้ได้ฝังรากลึกลงไปในกลุ่มผู้ปฏิบัติทั้งชาวกระเหรี่ยง ไทยใหญ่ พม่า มอญและล้านนาของไทย
    บรรดาวิชาแห่งเมืองม่านทั้งหลายนั้นก็นับว่ามีมาก เช่น เช่นตำราของพู่พู่อ่องซึ่งท่านก็เป็นหนึ่งในบรมครูทั้ง ๑๐ แห่งเมืองม่าน ก็มีตำราที่เรียกว่า โลกหิตะอัคคะนียะศาสตร์ ว่าด้วยการทำปรอทสำเร็จ หรือวิชาสุ่ยหยิ่นจ่อ อันเป็นการสักยาแดง ตามวิชาของบรมครูสัจจะยามิน และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิชา เช่นการเข้าฌาน มโนยิทธิ และวิชาว่านยา เป็นต้น
    วิชาสายยาแดง หรือบางท่านก็เรียกว่าวิชาสายยาสัจจะ มีชื่อเต็มๆว่า สุ่ยหยิ่นจ่อ คำนี้มีความหมายในทางธรรมว่า “ชนะใจตนเอง” ซ่อนอยู่ในความหมาย ผู้ที่รับวิชาสายยาแดงหรือสายสัจจะนั้นแม้ไม่เคยเรียนพระเวทย์ ไม่ถือนั่งสมาธิแต่ก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ช่วยเหลือคนได้
    เพราะอะไร คำตอบคือเมื่อรับวิชาสายนี้แล้ว สิ่งที่ต้องรับภาระหน้าที่คือ คุณต้องมีสัจจะในการรักษาศีล โดยมีอธิศีลหรือข้อห้ามสามข้อนอกเหนือจากการเคร่งครัดในศีล ๕ นั่นคือ
    ห้ามดื่มเครื่องมึนเมา ห้ามทานเนื้อวัวเนื้อควาย ห้ามผิดลูกผิดเมียคนอื่น
    สามข้อนี้ให้รักษาตลอดชีวิต ทั้งศีล ๕ ก็อย่าได้พร่องได้ผิด
    วิชาสุ่ยจิ่นจ่อนั้น จะนับถือพ่อครูสัจจะยามินเป็นต้นเป็นเค้าเป็นบรมครู เรื่องความพิเศษของสายนี้ก็คือผู้รับวิชา คือผู้ได้รับการสักยาแดงลงบนตัว เมื่อสักแล้วจะได้รับทิพยอำนาจจากครูผู้วิเศษทั้ง ๑๐ สามารถใช้มือและพลังทิพย์ของครูหยิบพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยออกมาจากร่างผู้ป่วยได้ หยิบคุณไสยมนต์ดำไล่อำนาจจากภูติผีปีศาจ ขับสิ่งชั่วร้ายจากมนต์ดำออกจากตัวคนไข้ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเก่ง แต่เป็นพลังครูและเป็นผลจากการที่คนนั้นมีสัจจะมีศีล เป็นปัจจัยเป็นสาระสำคัญ หากไม่ถือศีลไม่มีสัจจะ วิชาที่ลงไว้ก็ไม่มีความขลังอะไรเลย จะนับถือบูชากราบไหว้พ่อครูอย่างใดก็ไม่เป็นผล เพราะไม่มีศีลไม่มีสัจจะนั่นเอง
    ทีนี้ผู้ที่รับของมงคลเป็นวัตถุมงคลแทนองค์ครูท่านก็ควรที่จะเว้นเรื่องเนื้อวัวเนื้อควาย ของมึนเมาทั้งหลายและเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เรียกว่าสามข้อนี้ระวังไว้อย่างให้พลาดพลั้งเลยทีเดียวก็รับรองผลได้ครับว่าวัตถุมงคลในสายพ่อครูทั้ง ๑๐ ทุกชิ้นทุกองค์จะทรงพลานุภาพดลบันดาลให้ท่านร่มเย็นเป็นสุขสิ่งร้ายทั้งหลายไม่กล้ากล้ำกราย มนต์ดำภูติผีจะไม่มีผลต่อตัวท่านได้เลย
    ด้านปฏิบัตินั้นเอาศีล สัจจะเป็นหลักและหมั่นทำสมาธิ ภาวนาขัดเกลาจิตใจให้สงบ มองเห็นทุกข์โทษของวัฏฏสงสาร ที่จะเน้นก็คือเน้นเรื่องการภาวนา ถือศีลสัจจะเป็นหลัก เท่านี้ก็เป็นสิริมงคลกับตัวอย่างยิ่งแล้ว
    ผู้ที่ร่ำเรียนวิชาสายนี้หรือสายไหนก็ตามให้ยึดหลักประการหนึ่งคือ เรายึดวิชาไหนให้ใช้วิชานั้นเป็นหลัก ถ้าจับหลายสายอาจไม่ขลังสักสายเลยก็ได้ เพราะหลักตัวเองหาไม่เจอ
    เรื่องการปฏิบัติและข้อห้ามสายวิชายาแดง สุ่ยหยิ่นจ่อ
    อนึ่งวิชาสายยาแดง สุ่ยหยิ่นจ่อ นั้นไม่ได้เน้นสักเพื่อหนังเหนียว แต่สักเพื่อให้ครูมาสถิตย์มีอำนาจในการถอดถอนอาถรรพ์ทุกชนิด การภาวนาสายนี้คล้ายหลวงปู่ดู่ เพราะท่านมีคำภาวนาว่า
    โอง พุทธัง สะระณังคัจฉามิ โอง ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ โอง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ข้อห้ามธรรมดามาก ๆ คือศีล 5 ประกอบกับห้ามกินเนื้อวัวควาย เหล้าและห้ามผิดกาเมสุมิจฉา ข้อเสียวิชานี้ไม่มีเว้นแต่ผิดศีลปุ๊ปหรือเสียสัจจะก็เสื่อมทันที วิชาที่ได้ไปจะไม่เป็นผล
    ในปัจจุบันสายวิชายาแดงก็แพร่หลายในไทยแถบภาคเหนือ และแถบตะวันตก แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักในส่วนน้อยยังไม่นับว่าเป็นที่รู้จักในวงกว้างสักเท่าใดนัก
    ยาแดงยาครูสายสุวรรณภูมิ ยาเสต่อกี ยาเสต่อ ยาเซด่อ ยาสัจจะ ยาปรมัติ ยาปฐมัง ยาสัจจามิน ยาสุ่ยหยิ่นจ่อ สรุปง่ายๆ ก็คือยาตัวเดียวกันมาจากที่เดียวกันคือสายสุ่ยหยิ่นจ่อแต่เรียกชื่อต่างกันตามความเข้าใจของแต่ละคนตามเหตุผลการตลาดของคน นับประสาอะไรกับชื่อยาที่จะเรียกต่างกันแม้แต่ประวัติของพ่อครูพม่าในสายสุ่ยหยิ่นจ่อมันยังแต่งเติมโกหกตอแหลกันได้เลย เอาอ่านและจำกันไว้นะต่อไปใครก็จะมาหลอกไม่ได้
    ประวัติและความเป็นมาของพ่อครูสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อที่ถูกต้องอย่างแท้จริง (สายยาพม่า)จากพ่อครูยวญ เจ้าสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อฝังไทย
    1.พ่อครูสย่าเอ ท่านเกิดในเศวตฉัตรแห่งราชวงศ์พม่า ตอนท่านเกิดมาที่ฝ่ามือขวามีเครื่องหมายสวัสดิกะและมีเม็ดยาสัจจะมาด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดเป็นแน่แท้ และต่อไปในภายภาคหน้าท่านต้องได้สืบทอดราชวงศ์เป็นที่แน่นอน จึงทำให้พระราชโอรสและพระสนมองค์อื่นๆ กลัวว่าต่อไปพระราชโอรสองค์นี้จะเป็นภัยแกตน จึงทำการติดสินบนกับโหรหลวงให้ใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นกาลกิณิและเป็นภัยต่อราชสำนักให้ขับไล่ออกไปเสีย กษัตริย์พม่าหลงเชื่อในคำพูดของโหรหลวงจึงทำการเนรเทศท่านเสียแต่พระสนมเอกไม่วางใจจึงติดสินบนกับผู้ที่นำพ่อครูสย่าไปทิ้ง ให้นำไปประหารชีวิตด้วยการถ่วงน้ำแทนร้อนถึงพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่องต้องเหาะมาช่วยท่านและนำท่านไปฝึกวิชาต่างๆ จนสำเร็จ จึงถือว่าพ่อครูสย่าเอเป็นพ่อครูองค์แรกในสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อ(สายยาพม่า) ซึ่งพ่อครูสย่าเอนั้นท่านมีหลายชื่อคือ สย่าเอ สย่ามิน สัจจะมิน สัจจะยามิน สัจจามิน โปต่อเอ โป๊ะต่อเอ ภูต่อเอ โป๊ะโต๊ะสัจจะมิน โป๊ะโต๊ะสัจจามิน และอีกหลายๆ ชื่อ
    2.พ่อครูสย่าปิ้ว ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครสย่าเอไปไหนมาไหนพร้อมกับพ่อครูสย่าเอตลอด เมื่อพ่อครูทั้งสองไปด้วยกันและเวลาหยุดพักจะมีฉัตร 5-7 ชั้น คอยบังร่มเงาให้เป็นอัศจรรย์นัก ซึ่งในสมัยนั้นชาวบ้านจะศรัทธาผู้วิเศษกันมากจนพากันมาหาและขอของดีกับพ่อครูทั้งสองเป็นอันมาก จนพ่อครูสย่าเอท่านเกิดความเบื่อหน่ายท่านจึงหักฉัตรทิ้งและมอบยาสัจจะพร้อมดอกมณฑาทิพย์ให้พ่อครูสย่าปิ้วเพื่อทำยาวิเศษส่วนตัวท่านก็ได้กลับไปหาพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง เมื่อพ่อครูสย่าเอท่านไปแล้ว พ่อครูสย่าปิ้วก็ได้รวบรวมของทั้งหมดแบกใส่บ่าเพื่อหาผู้ที่มีบุญญาบารมีมาเพื่ิอที่จะทำยาวิเศษเป็นเวลาหลายร้อยปีในที่สุดท่านก็พบผู้ที่จะทำยาได้
    3.พ่อครูสย่าปุ้ย ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าปิ้วและเป็นพ่อครูที่ทำยาวิเศษเป็นคนแรกในสายสายพม่า(สุ่ยหยิ่นจ่อ) เมื่อท่านทำยาวิเศษเสร็จแล้วก็ได้ไปอาราธนาอัญเชิญพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง พ่อครูโป๊ะมินข่อง พ่อครูสย่าเอ พ่อครูสย่าปิ้วตลอดจนผู้ที่มีบูญญาบารมี มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ทั้งพระ ฤาษี ผู้ถือศีล ฆราวาสทั่วทั้งพม่าให้มาปลุกเสกยาวิเศษและวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้เอาตัวยาวิเศษเหล่านั้นไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆ ทั่วพม่า หลังจากนั้นท่านก็ได้ทำการเปิดสำนักสายยาพม่า(สุ่ยหยิ่นจ่อ) ขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
    4.พ่อครูสย่าห่าน ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าปุ้ยไปคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อครูสย่าปุ้ยอยู่หลายปีทั้งหุงหาข้าวปลาอาหาร ปัดกวาดถูบ้านถูเรือน หาบน้ำ ผ่าฟื้น เพื่อหวังได้เรียนวิชาแต่พ่อครูสย่าปุ้ยก็ไม่สอนท่านสักที ไปสอนแต่คนอื่นจนท่านน้อยเนื้อต่ำใจคิดไปต่างๆนานา อีกอย่างท่านก็จากบ้านเรื่อนที่อยู่อาศัยและภรรยามาเป็นเวลานานจนเกิดความคิดถึงท่านก็ได้ไปลาพ่อครูสย่าปุ้ยเพื่อกลับไปเยื่อนภรรยาที่บ้าน เมื่อท่านกลับไปหาภรรยาท่านแล้ว ปรึกษากับภรรยาแล้วท่านก็ได้รวบรวมทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองของมีค่าทั้งหมดในบ้านของท่านแล้วนำมามอบให้พ่อครูสย่าปุ้ย เมื่อพ่อครูสย่าปุ้ยท่านรับของมีค่าเหล่านั้นแล้วท่านก็เริ่มทำการสอนวิชาความรู้ที่มีทั้งหมดให้กับพ่อครูสย่าห่านจนสำเร็จแล้วท่านก็เรียกพ่อครูสย่าห่านมาหาเพื่อมอบข้าวของมีค่าทั้งหมดคืนให้พ่อครูสย่าห่าน พ่อครูสย่าปุ้ยท่านบอกว่าท่านทดสอบและดูพ่อครูสย่าห่านมานานจนท่านไว้ใจและสอนวิชาให้จนหมดสิ้นโดยไม่ปิดบังหลังจากนั้นท่านก็ไปอยู่พ่อครูสย่าเอ ให้พ่อครูสย่าห่านเป็นเจ้าสำนักสืบต่อมา
    5.พ่อครูอะเพจี่อู่เมี้ยะขิ่น ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าห่านและเป็นเจ้าสำนักสืบต่อมาที่กรุงย่างกุ้งประเทศพม่า ท่านเป็นผู้ที่เผยแพร่วิชาของสำนักจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
    เมื่อได้ทราบประวัติของพ่อครูทั้ง 5 คนไปแล้ว ขอย้ำน่ะครับว่าพ่อครูสายสุ่ยหยิ่นจ่อมีแค่ 5 คนเท่านั้น ที่นี้จะพูดถึงว่ายาสัจจะทั้ง 9 ขั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้ารักษาดังนี้คือ
    ขั้นที่ 1.พ่อครูเฝ้ารักษาทั้งหมด
    ขั้นที่ 2.พระอินทร์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 3.พระเจ้า 4 พระองค์และองค์เทพทั้ง 4 เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 4. โป๊ะต่อเอเฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 5. พญางาสู่เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 6.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 7. คุณพระเจ้า 9 พระองค์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 8.พระอินทร์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 9.องค์เทพอะฉิ๋งอูอ๋อปาเต๊ะเฝ้ารักษา
    มือซ้าย ใช้ไล่พิษต่างๆ เช่นพิษตะขาบ แมงป่อง หมาบ้า ผดผื่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก มะเร็งไข่ปลา
    มือขวา ใช้ไล่วิญญาณ คุณผีคุณคน คุณเสน่ห์ยาแฝด ล้างอาถรรพณ์เมฆหมอกมนต์ดำ ทำลายวิชาอาคมต่างๆ ได้
    ไหล่ซ้าย กลางวัน ร้อน
    ไหล่ขวา กลางคืน เย็น
    เวลาที่เรารักษาคนต่างๆ เราสามารถเรียกกองทหารเอกของพ่อครูสย่าเอมาใช้งานได้ เรียกแผนกค้อน มีด หอก ดาบ ขวาน ธนู หน้าไม้ ไฟบรรลัยกัลป์ น้ำกรด ช้าง ม้า ครุฑ นาค มาช่วยเราได้
    การใช้ยาสัจจะแก้อาถรรพ์ต่างๆในสถานที่อยู่อาศัย สามารถแก้ได้โดย
    1.การหว่านทราย
    2.การหว่านข้าวสาร
    ทรายและข้าวสารต้องผ่านการเสกจากครูบาอาจารย์ในสายเท่านั้น
    สำหรับผู้ที่สักยาสัจจะ 5 ขั้น 9 ขั้น เรียบร้อยแล้วนั้นจะมีคุณประโยชน์ดังนี้คือ
    1.เมตตา
    2.รวย
    3.คงข่าม
    4.อำนาจ
    5.ดิน
    6.อายุ
    7.อาหาร
    8.ทิศ
    9.ยาแดง

    ผู้หญิงสักได้แค่ 5 ขั้น ผู้ชายสักได้ 9 ขั้น
    การสักยาสัจจะมีข้อห้ามคือ
    1.ห้ามผิดลูกผิดเมียโดยเด็ดขาด ข้อนี้ถ้าใครผิดไปแล้วไม่สามารถจะมาสักใหม่ได้ เพราะถึงสักไปก็ไม่มีประโยชน์
    2.ห้ามกินเนื้อวัวเนื้อควาย
    3.ห้ามกินเหล้า

    ผู้ที่ได้สักยาสัจจะไปแล้วนั้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตามขอให้รักษาไว้ให้ดีเพราะสามารถช่วยและแก้ไขให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ หลักสำคัญในการสักยาสัจจะคือให้หมั่นเติมยาบ่อยๆ จากครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและควรจะไปไหว้ครูทุกครั้งที่แม่สอด สายยาสัจจะดูง่ายๆ ครับ ผู้ที่จะสักหรือแต้มยาให้เรานั้นต้องประกอบไปด้วยตำราการสักที่ถูกต้อง ชุดเข็มสัก แยกถอดได้ 4 ชิ้นครับ(บางคนก็ทำเข็มเองแล้วไปให้พ่อครูมอบอำนาจให้ก็ได้ครับ) ชุดยาสัก เสต่อ หางแดง สะมาดยันต์คุม 9 ขั้น สะมาดยันต์ต่างๆ จำไว้ว่าผู้หญิงสักได้ 5 ขั้น ผู้ชายสักได้ 9 ขั้น จะสักที่เดียวครบเลยหรือสักที่ล่ะกี่ขั้นก็ได้ ถ้าใครสักครบ 5 ขั้น 9 ขั้นแล้ว ต่อไปก็ให้เติมยาแต้มยาบ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ครับบรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่อง มหาสิทธา( ผู้สำเร็จ หรือผู้ทรงพลังเหนือธรรมชาติ ) ที่ชาวพม่า มอญ ไทยใหญ่ และผู้ศรัทธาให้ความเคารพนับถือ
    ชาวพม่าเชื่อว่าผู้ที่บูชาและอธิษฐานถึงท่านทั้งสองเป็นประจำ จะได้รับความเมตตา จะได้รับพรอันวิเศษ จะมีโชคลาภ การค้าขายจะดี ร่ำรวย การงานเจริญรุ่งเรือง ชีวิตจะพบแต่สิ่งดีๆ
    ตำนานของบรมครูโบโบอ่องนั้นเล่าไว้ว่า
    แต่เดิมท่านออกปฏิบัติบำเพ็ญพรตคราวแรกบรรพชาเป็นพระภิกษุ ต่อมาเห็นว่ามีข้อศีลสิกขามากทำให้เกิดความกังวลจึงลาสิกขาออกมา แล้วออกบวชเป็นผ้าขาว บำเพ็ญตนเป็นนักพรตฝ่ายฤๅษีชีไพร ท่านได้รับคัมภีร์วิเศษเป็นพระเวทย์วิชาอาคมที่จารึกลงบนแผ่นทอง ท่านได้ศึกษาคัมภีร์เล่มนี้ และเดิน
    ธุดงค์รอนแรมไปเรื่อย จนพบยอดเขาโปปา ภูเขานี้อยู่ระหว่างเส้นทางจากพุกามจะไปมันฑะเลย์ มียอดภูเขาไฟเก่ามาก่อนอยู่ยอดหนึ่ง เมื่อบรมครูโบโบอ่องเห็นชัยภูมิดีเป็นที่สัปปายะจึงใช้เป็นที่บำเพ็ญพรตพร้อมๆ กับใช้เป็นสถานที่ศึกษาเรื่องปรอทสำเร็จ ท่านร่ำเรียนทางไตรเพทย์วิทยามาเจนจบ ศึกษาเรื่องว่านยาและกายสิทธิ์จนล่วงรู้ความเร้นลับของธรรมชาติอย่างเหล็กไหลและปรอทเป็นอย่างดี จึงทดลองดักปรอทหมอกจากยอดเขา แล้วนำมาฆ่าด้วยว่านยาอันมีฤทธิ์ จากนั้นหุงด้วยวิทยาอาคมผสมผสานพลังจิตขั้นฌานชั้นสูง ผลออกมาก็ได้ปรอทวิเศษ เมื่ออมแล้วสามารถเหาะลอยไปยังสถานที่ใดก็ได้ ท่านสำเร็จปรอทจนถึงขั้นสูงสุดสำเร็จเป็นแก้วจักรพรรดิ์เรียกว่า “สำเร็จปรอท” ท่านก็ได้ทำแผ่นทองจารึกชื่อตัวเอง พร้อมกับวันเดือนปีที่สำเร็จปรอท แล้วก็เอาไปถวายบูชาตามเจดีย์ต่าง ๆ การสำเร็จปรอทนั้นท่านคงบรรลุธรรมไปพร้อมๆกัน คือสำเร็จซึ่งสมาบัติสูงสุด ด้วยเหตุนี้ทำให้บรมครูโบโบอ่องกลายเป็น “นักสิทธิวิทยา” ผู้มีชีวิตเป็นอมตะ
    บรมครูโบโบอ่องนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สำเร็จวิชาจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ จนเป็นมหาสิทธาผู้มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด สำเร็จซึ่งวิชาปรอทวิชาเลขยันต์ วิชาการทำประคำ และวิชาการทำตัวยาวิเศษ ทั้งนี้ท่านทรงฌานสมาบัติสูงสุด ทั้งมีฤทธิ์อภิญญาอย่างเยี่ยมยอด กล่าวกันว่าท่านดำรงสังขารอยู่ได้ด้วยอำนาจจากฌานสมาบัติที่ท่านทรงไว้ เรียกว่าการทรงอิทธิบาท ๔ และประกอบกับท่านสำเร็จปรอทวิเศษและตัวยาวิเศษ จึงทำให้ท่านอยู่ได้ชั่วกัปล์ คำว่ากัปล์นี้ไม่ได้หมายถึงระยะเวลา ๑๒๐ ปีตามกำหนดอายุมนุษย์ทั่วไป แต่หมายถึงระยะเวลาที่ยาวนานมากๆอาจเป็นหมื่นปี แสนปี ล้านปี หรือยาวนานกว่านั้นก็ทำได้ดังใจของท่านปรารถนาทุกประการ ท่านทำหน้าที่โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายที่พึงจะสงเคราะห์ได้ตามวาสนาบารมี คอยดูว่าผู้ใดมีบุญวาสนามีใจสุจริตเหมาะสมที่จะรับเป็นศิษย์ ก็จะไปโปรดสอนวิชากรรมฐานและเล่นแร่แปรธาตุ
    ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านเดินจาริกแสวงหาความรู้นั้นท่านเคยจาริกไปถึงเมืองชมพูทวีปคืออินเดียในปัจจุบัน คราวที่ท่านไปถึงเมืองอินเดียนั้นได้พบกับพระเจ้าปุดอตอนนั้นยังเป็นเจ้าชายยังมิได้ทันขึ้นครองราชย์ คราวนั้นเมื่อพบกันจึงเกิดคำมั่นสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันซื่อสัตย์ต่อกันตลอดชั่วชีวิต ต่อมาไม่นานบรมครูโบโบอ่องสำเร็จซึ่งฌานสมาบัติและพระเวทย์วิเศษ สำเร็จปรอทธาตุอันวิเศษ ทำให้เป็นอมตะไม่มีวันแก่เฒ่า ไม่มีวันตาย ประกอบด้วยอิทธิฤทธิ์พิสดารยิ่งนัก ส่วนเจ้าชายปุดอก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปุดอแห่งพม่า พอกษัตริย์ปุดอรู้เข้าว่าเพื่อนของตนสำเร็จวิชาเป็นผู้วิเศษสมปรารถนา แล้วก็เกิดความระแวงว่าบรมครูโบโบอ่องจะมาชิงราชบัลลังค์ เลยประกาศจับตัวแล้วจะประหารโดยฝังทั้งเป็น ทหารยกกองทัพออกตามหาบรมครูโบโบอ่องจนเจอแล้วจับมัดตัวขึ้นเรือ เพื่อพากลับมายังวังของกษัตริย์ เมื่อเรือเริ่มออกจากท่า ทหารก็แทบหัวใจวาย เพราะบรมครูโบโบอ่องไปยืนยิ้มอยู่ที่ฝั่ง พวกทหารต้องกลับขึ้นฝั่งไปใหม่ เพื่อจับท่านอีกครั้ง คราวนี้พวกทหารขอวิงวอนว่า ถ้าท่านไม่ไปด้วย คนที่จะตายคือพวกเขาแน่นอน ท่านเกิดสงสารเลยบอกว่า "พวกเจ้าจงกลับไปหากษัตริย์ของเจ้าเถอะ เราสัญญาว่าจะให้เจ้าจับตัวส่งกษัตริย์ของเจ้าอย่างแน่นอน" ทันทีที่ทหารพาเข้าเฝ้ากษัตริย์ปุดอ ท่านก็ปรากฏขึ้นในรูปของผู้โดนพันธนาการด้วยการมัด แต่เมื่อกษัตริย์ปุดอสั่งให้ไปฝังทั้งเป็น ท่านก็เนรมิตรตนลอยขึ้นไปกลางอากาศ อะไรก็จับไม่อยู่โซ่ตรวน เชือกมัดต่างหลุดออกทั้งหมด บรมครูโบโบอ่องประกาศว่า "การจะประหารเรานั้นท่านต้องลบอักขระที่ปรากฏขึ้นบนพื้นของพระราชวังให้ได้" ทันใดนั้นอักขระวิเศษก็ปรากฏขึ้นบนพื้นของพระราชวัง ทหารทุกคนต่างช่วยกันลบ แต่ยิ่งลบอักขระนั้นกลับยิ่งเพิ่ม มากขึ้น มากขึ้น จนเต็มพระราชวังไปหมด สุดท้ายก็ไม่มีใครลบอักขระวิเศษออกได้ ท่านกล่าวกับกษัตริย์ปุดอว่า "ท่านตระบัดสัตย์ เพราะท่านเคยสัญญาว่าจะเป็นมิตรแก่เรา แต่บัดนี้ท่านกลับคำ คิดสังหารเราเสีย ด้วยอคติที่โง่เขลา ด้วยความสามารถของเรานั้นสามารถทำให้ท่านปกครองโลกทั้งโลก" บรมครูโบโบอ่องกล่าวก่อนที่จะจากไป ในขณะที่กษัตริย์ปุดอสำนึกผิด ได้แต่เพียงวิงวอนว่า ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองลูกหลานของท่านสืบไป จากนั้นบรมครูโบโบอ่องก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตากษัตริย์ปุดอและปวงทหารทั้งหลาย ทิ้งไว้แต่ความเสียดายที่ไม่สามารถนำผู้มีความสามารถอย่างท่านมาช่วยราชการบ้านเมืองเพื่อความผาสุกได้
    อีกครั้งสมัยพระเจ้าบุเรงนองปกครองแผ่นดินพม่าท่านมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งท่านประสงค์จะนำเพชรเม็ดใหญ่น้ำหนักหลายสิบกะรัตขึ้นไปประดิษฐานที่ยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ท่านมีรับสั่งว่า"ถ้าใครผู้ใดสามารถนำเพชรขึ้นไปประดิษฐานบนยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้ไดยไม่ใช้บันใดหรือนั่งร้าน ท่านจะมอบแผ่นดินให้ครองกึ่งหนึ่ง" บรมครูโบโบอ่องได้อาสาเป็นคนทำ เมื่อได้เพชรมาแล้วท่านสำแดงฤทธิ์เหาะลอยขึ้นไปยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง นำเพชรไปประดิษฐานพร้อมจารอักขระ “ สะ ตะ ปะ วะ “ สุดยอดพระคาถาเอกอุ เอาไว้กันภัยพิบัติทั้งปวง เมื่อกลับลงสู่พื้น พระเจ้าบุเรงนองทรงพอพระทัยรับสั่งว่าจะขอมอบแผ่นดินกึ่งหนึ่งให้ปกครอง แต่บรมครูโบโบอ่องถวายพระพรขอไม่รับ แต่ขอให้พระองค์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สถิตยสถาพร พระเจ้าบุเรงนองทรงยกย่องบรมครูโบโบอ่องเป็นราชครู หรือครูของพระราชา ราชการงานเมืองต่าง ๆ ที่สำคัญ ตลอดจนเรื่องพิธีกรรมของพระองค์จะปรึกษาบรมครูโบโบอ่องเสมอ
    บริเวณลานด้านทิศตะวันออกของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง มีเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่งดงามมากและมีอักษรจารึกว่าเป็นพระพุทธรูปที่บรมครูโบโบอ่องสร้างถวายไว้ ใกล้ๆกันมีเจดีย์สีขาว ที่ลานเจดีย์มีรูปเหมือนของท่านหันหน้าสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ประดิษฐานอยู่
    บรมครูโบโบอ่อง เคารพศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนามาก รูปของท่านถ้าอยู่เดี่ยวๆ จะสังเกตได้ว่าข้างบนมักจะต้องมีรูปพระพุทธเจ้าประทับไว้เสมอ ท่านจึงเปรียบได้กับนักพรตหรือฤๅษี ที่สูงด้วยคุณธรรม จริยธรรม ที่พิเศษเหนืออื่นใดคือเป็นผู้อยู่เหนือโลก อยู่เหนือกาลเวลา ท่านเป็นผู้วิเศษมีฤทธิ์มาก ปัจจุบันก็ยังดำรงสังขารอยู่อายุยาวนาน ไม่แก่ไม่เฒ่า ร่างกายเป็นหนุ่มอยู่เสมอ ไปไหนมาไหนก็ล่องหนหายตัวหรือเหิรฟ้านภากาศไป ชั่วขณะจิตเดียวหรือลัดนิ้วมือเดียวก็ถึง ไปไหนมาไหน ท่านจะแปลงร่างทำตนเป็นเด็กหนุ่ม หรือเป็นคนชรา หรือแกล้งทำเป็นคนพิการ คนขอทานก็มีเพื่อลองใจผู้ที่พบเห็นว่าจะมีน้ำใจเช่นไร
    ตำนานของพ่อครูโพมินข่องนั้นเล่าไว้ว่า
    แต่เดิมท่านบวชเป็นพระและไปปลีกวิเวกในป่าเขาเป็นเวลานานถึง ๒๐ ปีท่านได้ร่ำเรียนวิชากายสิทธิ์ปะฐะมะสิทธิ อันเป็นตำราเล่มเดียวกันกับบรมครูโบโบอ่อง แต่การร่ำเรียนวิชาของท่านพิสดารนัก คือท่านเรียนวิชาย้อนกลับ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่เรียนพิสดารเช่นนี้ได้ ย่อมเป็นผู้มีบุญวาสนาเป็นอัจฉริยะบุคคลลงมากำเนิด เป็นผู้บำเพ็ญบารมีทางพระโพธิญาณมานับไม่ถ้วน มิเช่นนั้นแล้วไฉนเลย จึงสามารถเรียนวิชาย้อนทวนได้
    พ่อครูโพมินข่อง อาศัยการทานว่านยาและการเรียนวิชาแบบย้อนกลับหรือย้อนทวนวิชา จนกระทั่ง จิตเป็นทิพย์ กายเป็นทิพย์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ บรรลุสมาบัติสูงสุดพร้อมด้วยอภิญญา ๕ ประการ สำเร็จวัชระกาย เนื้อตัวเป็นทิพย์ มีอำนาจวิเศษ บันดาลสิ่งต่างๆได้ตามปรารถนา ทั้งควบคุมธาตุทั้ง ๔ ได้อย่างพิสดารเด็ดขาดตายตัว อยู่บนโลกในฐานะคุรุเทพผู้วิเศษ ทำหน้าที่ประดุจพระโพธิสัตว์ท่องเที่ยวโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ
    เมื่อบรรลุแล้วท่านปล่อยตัวไม่ยึดติดกับสมมุติใดๆ บางครั้งปรากฏกายในรูปแบบคนผมยาว บางครั้งปรากฏกายคล้ายนักบวช บางครั้งก็นุ่งผ่าแบบฆราวาส บางครั้งก็แต่งตัวดุจพระ เอาแน่กับท่านไม่ได้ ท่านมีเมตตาสูงมากสามารถพูดคุยกับสัตว์ชนิดต่างๆได้ ความสามารถทางจิตทางอภิญญา เป็นสิ่งที่เหนือคำบรรยาย
    พ่อครูโพมินข่อง เป็นบุคคลที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์อังกฤษปกครองพม่า ตรงกับช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ ของไทยเรา ในเวลานั้นชื่อเสียงของพ่อครูโพมินข่องดังมากในพม่า เพราะท่านได้แสดงฤทธิ์ปราบทิฐิชั่วของพวกอังกฤษหลายครั้ง เช่นครั้งหนึ่งกองกำลังฝ่ายเจ้าอาณานิคมจะจับตัวท่าน ท่านตัวคนเดียวแต่ผู้ที่ใช้กำลังเข้าจับตัวท่านมี 30 คน ผลปรากฏว่าจับท่านไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นไล่จับกันเอง เพราะแต่ละคนมองเห็นหน้าตาคนอื่นเป็นพ่อครูโพมินข่องไปหมด คราวนึงท่านต้องการสั่งสอนพวกอังกฤษท่านก็สั่งให้พวกภรรยาของนายทหารอังกฤษ์ขี่ม้าก้านกล้วยวิ่งรอบสนาม ภรรยาของนายทหารอังกฤษทุกคนเหมือนโดนมนต์สะกด คว้าก้านกล้วยมาขี่เหมือนเด็ก วิ่งไปรอบๆสนาม เป็นที่ขบขันของชาวพม่ายิ่งนัก อีกคราวหนึ่งท่านถูกจับตัวไปที่โรงพัก นายตำรวจอังกฤษถามท่านว่า เขาว่าท่านมีฤทธิ์เป็นเรื่องจริงหรือ พ่อครูโพมินข่องไม่ตอบคำถามแต่กลับลุกขึ้น สะเดาะกุญแจมือแล้วค่อยๆเดินทะลุกำแพงปูนหายตัวไป ทิ้งไว้แต่ความตื่นตะลึงของนายตำรวจอังกฤษ นี่คือฤทธิ์เพียงบางส่วนของพ่อครูโพมินข่อง ท่านยังคงอยู่ในดวงใจของชาวพม่าทั้งหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    พ่อครูโพมินข่อง คือหนึ่งในผู้บรรลุอภิญญาฤทธิ์แห่งเมืองพุกาม มีผู้คนนับถือบูชาท่านมากมาย ตามศาสนสถานสำคัญแม้กระทั่งที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ก็ยังมีรูปเหมือนของท่านประดิษฐานอยู่
    ที่เขาโปปาแดนศักดิ์สิทธิ์ใกล้เมืองพุกามอันเป็นสิงสถิตของมหาคีรีนัต ยังได้จัดห้องแสดงข้าวของเครื่องใช้และรูปเคารพของท่านไว้บนเขาโปปา เพื่อให้คนได้มีโอกาสไปสักการะ ระลึกถึงท่านอยู่เป็นประจำ
    รูปของพ่อครูโพมินข่อง มักเห็นในรูปที่ปล่อยผมสยาย นั่งไขว้เท้าในท่าขัดสมาธิสบาย ๆ
    ตามตำนานนั้นกล่าวไว้ว่า บรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่องต่างเคยทดสอบฝีมือกัน ปรากฏว่าไม่มีใครแพ้ใครชนะ เป็นยอดฝีมือด้วยกันทั้งคู่ บรมครูโบโบอ่องผู้เป็นยอดวิชาจึงยกให้พ่อครูโพมินข่องเสมอด้วยกับตน เป็นสหายธรรมอันรักกันยิ่ง และเป็นที่มาที่ทำให้คนพม่าต่างวาดภาพหรือตั้งรูปเคารพของทั้งสององค์ไว้คู่กันเสมอ
    บรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่อง การสำเร็จวิชาของท่านทั้งสองนั้น คือสำเร็จทั้งด้านสมาธิจิต คือการเข้าฌานสมาบัติ กสิณ การเพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ จนเข้าอรูปฌานได้ การสำเร็จพระเวทย์คือการท่องมนตราและการตั้งพิธี การสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ทั้งปรอทสำเร็จและเหล็กไหลวิเศษ รวมทั้งการปรุงยาอมตะจากสมุนไพรที่หาได้จากเขาโปปา ด้วยความสามารถความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นคุณวิเศษเหนือโลก ที่ทำให้ท่านทั้งสองสมบูรณ์ด้วยฤทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใดในปฐพี มีชีวิตเป็นอมตะ ยืนยาวเป็นกัปล์
    เล่ากันว่าบรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่อง อธิษฐานรอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธพระศรีอาริยเมตไตรยมาอุบัติ เมื่อท่านได้ฟังธรรมจากพระศรีอาริยเมตไตรยแล้วท่านก็จะเข้านิพพาน ณ กาลบัดนั้นเลยทีเดียว ดังนั้นดวงจิตดวงใจของท่านนั้นเป็นดวงจิตที่พร้อมจะบรรลุธรรมขั้นสูง เพียงแต่ท่านอธิษฐานขอเข้าเฝ้าองค์พระศรีอาริยเมตไตรยไว้เท่านั้น จึงชะลอจิตยั้งจิตไว้ยังไม่เข้าสู่มรรคผลขั้นสูงสุด
    ทุกวันนี้ชาวพม่ายังเชื่อกันว่าท่านทั้งสองยังคงดำรงสังขาร พำนักอยู่ที่ บุพเพวิหทวีป อันเป็นทวีปมงคลเป็นแดนลับแล โดยมีเขาโปปาเป็นทางเชื่อมมิติ ในส่วนของแดนทิพย์อันเป็นภพภูมิที่เหลื่อมซ้อนกับตัวเขาอย่างลี้ลับ คนธรรมดามองไปจะเห็นเพียงแท่งหินทึบ แต่ผู้บรรลุจตุถฌานหรือได้ฌาน ๔ จะสามารถเห็นถ้ำลี้ลับซ้อนอยู่ภายใน อันเป็นที่สถิตย์ของท่านทั้งหลายผู้เป็นอมตะได้
    เรียบเรียงประวัติโดย Fิb โป่งข่าม แก้วขนเหล็ก คุณทิพย์

    ลองบูชาได้ไม่เสียหลายถูกกว่าราคาจองตั้งเยอะครับ
    รับประกันแท้ตลอดชีพ

    บูชาองค์ละ 300 บาท มีให้บูชา 3 องค์ครับ

    ****จองทางไลน์ 1 คงเหลือ 2 องค์ ******


    131301542_1614179758778017_447662566063830235_n-jpg.jpg

    131004068_1614179715444688_4840445492574752437_n-jpg.jpg

    130517054_1614180282111298_5130326973328495169_n-jpg.jpg

    130724181_1614179618778031_1484178504663599495_o-jpg.jpg

    130806813_1614179588778034_4155546101783655282_o-1-jpg.jpg

    131419081_1614179975444662_5893491221009380699_n-jpg.jpg

    131430841_1614179678778025_1933801259883560470_o-jpg.jpg
    130922687_1614179898778003_6139764093122046193_n-jpg.jpg

    130991324_1614179795444680_7928195830087981374_n-jpg.jpg

    130798361_1614180122111314_5666626243340481146_n-jpg.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  14. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9072.พระคำข้าวมหาลาภ พิมพ์มาตราฐาน สภาพสวยตามรูป เปิดบูชาเบาๆ สภาพนี้ปรกติต้องมีพันขึ้นครับ

    บูชา 950 บาท


    ***ปิดรายการ***


    120431405_1305404813139498_5902133234728240062_n_resize-jpg-jpg.jpg 120396973_980395442446474_9094903717619114187_n_resize-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2022
  15. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9073.พระผงรูปเหมือนหลังพระสิวลี เนื้อผงยา หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส ชลบุรี

    พระผงรูปเหมือนหลังพระสิวลี เนื้อผงยา หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาส ด้านหลังบรรจุเกษา หายาก ราคาไม่แพงครับ


    บูชา 150 บาท


    150935029_461806338282454_3640452402733537306_n_resize-jpg.jpg 150485277_811511792909624_9096128916606684408_n_resize-jpg.jpg 4593793-4d7cd-jpg.jpg
     
  16. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016

    9074.เหรียญพระชัยหลังช้าง(หลัง ภปร)สภาพคัดสวยๆกริบเลยตามรูป

    **ประวัติการสร้างพอสังเขป***

    คณะสงฆ์จัดสร้าง ในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธ.ค. ๒๕๓๐ หลวงปู่ฟื้น วัดสามพระยา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ร่วมปลุกเสก พิธีใหญ่ พร้อมพระเกจิอาจารย์ดังๆทั่วประเทศในสมัยนั้น สภาพสวย ๆ
    หลวงปู่ฟื้น เคยกล่าวกับลูกศิษย์ต่อหน้าหลวงพ่อฤาษีฯว่า ต่อไปจะแพงมาก ซึ่งหลวงพ่อฤาษีฯท่านก็ยืนยันว่าจะเป็นไปตามนั้น
    เหรียญพระชัยหลังช้าง นับเป็นเหรียญยอดนิยม-เหรียญดีที่น่าสะสม เป็นเนื้อกะไหล่ทอง ขนาด 2.2 X 3.7 c.m.พุทธคุณดีทางเมตตาคุ้มครอง โชคลาภก็เป็นเยี่ยม เพราะพระชัยเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะที่ในสมัยโบราณเวลาออกศึกจะอาราธนาท่านขึ้นบนหลังช้างเป็นเคล็ด และได้ชัยชนะทุกครั้ง...
    อาจารย์ที่พุทธาภิเษกหมู่ เจริญพระพุทธมนต์ เกือบ 80 รูป ขอเอ่ยชื่อเป็นตัวอย่างดังนี้
    1 สมเด็จพระสังฆราช(วาส) วัดราชบพิตรฯ
    2 สมเด็จพระญาณ สังวร วัดบรวนิเวศวิหาร ( พระสังฆราชองค์ปัจจุบัน)
    3 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพยา
    4 สมเด็จพระวันรัด วัดโสมนัสวีหาร
    5 สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปธุมคงคา
    6 พระพรหมคุณาภรณ์ (สมเด็จพุฒาจารย์เกี่ยว)วัดสระเกศ (รักษาการองค์พระสังฆราช)
    7 พระมหาวีระ ถาวะโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) พระของท่าน ท่านรับรองว่ากันรังสีต่างๆได้ ที่สำคัญ กระดูกกลายเป็นพระธาตุ
    8 พระอาจารย์ ชื้น พุทธสาโร วัดญาณเสน พระของท่าน ท่านรับรองว่ากันรังสีต่างๆได้ ที่สำคัญ กระดูกกลายเป็นพระธาตุ
    9 หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    10 พระครูสันติวรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั้น กระดูกกลายเป็นพระธาตุ
    11 พระอุดมสังวรเถร (ล.พ.อุตตะมะ) วัดวังค์วิเวการาม เทพเจ้าแห่งสังขระบุรี
    12 พระครูฐาปนกิจสุนทร (ล.พ.เปิ่น) วัดบางพระ
    13 พระครูปริมานุรักษ์ (ล.พ.พูล) วัดไผ่ล้อม
    14 หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
    15 พระครูเกษมธรรมนันท์ (ล.พ.แช่ม) วัดดอนยายหอม
    ฯลฯ

    เหรียญพระชัยหลังช้าง(หลัง ภปร) สภาพคัดสวยๆกริบเลยตามรูป จัดชุด 3 เหรียญ บูชาเบาๆพิเศษ ชุดละ 450 บาท

    ****ปิดรายการ***


    20200405_093725_resize-jpg-jpg.jpg 20200405_093736_resize-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2022
  17. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9075.ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ปี 57 ขนาด 7.5X10.5 นิ้ว


    ป้องกันภูตผีปีศาจและคุณไสย์ ทั้งของอาถรรพ์ต่างๆ มหานิยมและโชคลาภเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาติดบ้าน สภาพเก่าเก็บ เดิมเดิมจากวัดครับ


    บูชา 250 บาท

    ****ปิดรายการ***



    20220206_225549_resize.jpg

    20220206_225556_resize.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2022
  18. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016

    9076.เหรียญทำน้ำมนต์ พระพุทธนิรโรคันตราย ชัยวัฒน์จตุรทิศ มหาลาภ เนื้ออัลปาก้า ตอกโค๊ดกงจักร ตอกหมายเลข

    เหรียญทำน้ำมนต์ พระพุทธนิรโรคันตราย ชัยวัฒน์จตุรทิศ มหาลาภได้ผ่านการอธิษฐานจิตเข้าพิธีพุทธาภิเษกดังต่อไปนี้
    เข้าพิธีพุทธาภิเษกวัดท่าขนุนและวัดท่าชุง เสาร์5 20 มีนาคม 53
    สร้างพร้อม สมเด็จองค์ปฐม รุ่นพิเศษเสาร์ ๕

    รายชื่อพระอาจารย์ต่างๆ ที่ได้อธิษฐานจิต
    1. ครูบาแสงหล้า วัดพระธาตุสายเมือง พม่า
    2. ครูบาบุญชุ่ม ลำปาง
    3. หลวงพ่อไพบูลย์ วัดอนาลโย พะเยา
    4. หลวงพ่อวัดเจดีย์ซาวหลัง ลำปาง
    5. หลวงพ่อวัดคะตึกเชียงมั่น ลำปาง
    6. หลวงปู่ธรรมนันทะ ลำปาง
    7. หลวงปู่ครูบาตั๋น เชียงใหม่
    8. หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน เชียงใหม่
    9. หลวงปู่ครูบาอุ่น วัดโรงวัว เชียงใหม่
    10. หลวงปู่ครูบาศรีวัย ลำพูน

    พิธีเสาร์ ๕ วัดท่าขนุน หลวงพ่อเล็ก ตุ๊พ่อมหาสิงห์ ครูบาเหนือชัย ครูบาวิฑูรย์

    เข้าพิธีเสาร์ ๕ วัดท่าซุง วันที่ 20 มีนาคม 2553

    พิธีที่ 1
    พิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558 วันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 (ฤกษ์โสฬส) ในงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ครบ 78 ปี หลวงพ่อพระมหาสิงห์ วิสุทุโธ และทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุน สร้างอุโบสถ และพระ

    จุฬามณี ณ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
    ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดย
    1.พระเดชพระคุณ พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมมปุญโญ) วัดท่าขนุน ได้มาเป็นองค์ประธานในพิธี
    2.พระเดชพระคุณ พระครูภาวนาพิลาศ (หลวงตาวัชรชัย) วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์)
    3.หลวงพ่อพระมหาสิงห์ วิสุทุโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ (ตุ้ป้อมหาสิงห์)
    พุทธาภิเษกในฤกษ์โสฬส ขึ้นต้องเป็นวันเสาร์หรือวันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำเท่านั้น เรื่องของพิธีของโสฬส สมัยก่อนถือว่าสูงสุด เป็นพิธีสำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทั้งนั้น ครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีในสมัยก่อน ก็เห็นมีหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง

    (พระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมราคาเป็นล้าน ๆ) มีหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่วนใหญ่แล้วท่านจะทำเป็นเครื่องคาดราชศาสตรา สำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน อย่างตะกรุดโสฬส เป็นต้น

    พิธีที่ 2
    พิธีพุทธาภิเษก ในงานทำบุญประจำปี พิธีธาภิเษก พิธีสืบชะตาอายุและมุทิตาสักการะอายุวัฒนมงคล ๗๙ ปี
    ตุ๊พ่อพระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน
    วันที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
    รายนามครูบาอาจารย์ที่เมตตาพุทธาภิเษก
    ๑. พระครูภาวนาพิลาศ (หลวงตาวัชรชัย) วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) จังหวัดสระบุรี
    ๒. พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.(หลวงพ่อเล็ก) วัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี
    ๓. พระอาจารย์ปฤนทธว์ริษศร ธมฺมสรโณ (พระอาจารย์เอก) ที่พักสงฆ์เขาธัมมสรณ์ จังหวัดอุทัยธานี

    เครดิตข้อมูล : คุณวุฒิพงษ์ (ผู้จัดสร้าง)


    มีให้บูชา 3 องค์ พร้อมกล่องเดิมๆ ครับ บูชา องค์ละ 450 บาท (ตอกโค๊ต ตอกหมายเลข เลือกได้เลยครับ)


    ****** จองทางข้อความ ปิดรายการครับ*****

    20220206_225326_resize.jpg


    20220206_225335_resize.jpg

    20220206_225419_resize.jpg

    20220206_225431_resize.jpg

    20220206_225449_resize.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2022
  19. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    9077. เบี้ยแก้เหล็กไหล หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู อุบลราชธานี ปี 54


    ผงวิเศษธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล เบี้ยนี้เขาว่ากันเขี้ยวกันงาได้ด้วย สร้างน้อยมากคับ

    บูชา ลูกละ 450 บาท มีให้ บูชา 2 ลูกครับ ( ขอใช้รูปเจ้าของเดิมไปก่อนนะครับ)


    ****จองแล้วครับ***

    20220206_225556.jpg

    272998001_4966483703445151_5793217901888542364_n.jpg

    273026438_4966483910111797_7307686994533030437_n.jpg

    273038869_4966483696778485_7214849496338120948_n.jpg

    557000001718701.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  20. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,984
    ค่าพลัง:
    +9,016


    สำหรับวันนี้ก็ลงแค่นี้ก่อนนะครับ (ลงแค่ครั้งเดียว สำหรับอาทิตย์นี้) ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้เยี่ยมชมและเช่าบูชาด้วยครับ ทุกรายการจองได้ไม่เกิน 15 วัน ส่วนท่านที่โอนมาแล้วผมจะรีบจัดส่งให้โดยเร็วครับ..
    อีก 3-4 วัน จะมีลงรายการใหม่ให้บูชากันอีก ท่านที่สนใจติดตามชมได้ครับผม..:)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...