เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    มีคนดื่มชาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย คุณ axzon ก็มาอีกสูตรแล้ว ไว้เดี๋ยวมีเวลาจะลองดูนะ ของคุณ axzon มาเป็นสูตรชาผสมเลย
     
  2. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เอ เรื่องอาจจะเก่าไป ไม่รู้จักเลยครับ ห่ะๆ

    "โลกของหุ่นยนต์ ถ้าทำออกมาเป็นแบบชีวกลไกได้นี่คงมีประโยชน์ไม่น้อยครับ
    เป็นชิ้นส่วนอะหลั่ยที่สมบูรณ์คล้ายมนุษย์ทดแทนร่างกายที่เสียไปจากอุบัติเหตุได้ด้วย
    จินตนาการแนวนี้ชอบซะด้วยสิครับ เชื่อว่ากำลังมีคนคิดทำอย่างจริงจังกันอยู่ครับ"
    คิดว่ามีแน่ๆ ครับ
     
  3. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ...เดรด เคยมีปัญหา กับเพื่อนสนิท คนหนึ่ง เราเข้าใจผิดกัน โดยไม่ได้มีการปรับความเข้าใจ ทำให้ ต้องเลิกคบหากันไป

    จริงแล้ว เรื่องนี้ ค่อนข้างรบกวนใจเรามาตลอด เหมือนกัน ทุกวันนี้ ยังฝันถึงเขาบ่อยๆ ในฝัน ไม่มีความขัดแย้งใด เหลืออยู่เลย แต่พอจะสรุบจบ คืนดีกัน จะติดปัญหา ตรงเรื่องโทรศัพท์ทุกที

    ...มีอยู่ครั้งนึง คุยกันอยู่ดีๆ(ในฝันนะค่ะ) แล้วเราไปทำธุระอะไรไม่รู้ บอกให้เค้ารออยู่ตรงนี้ พอเรากลับมา เห็นเขาเพิ่งขับรถออกไป เราจะโทรศัพท์ตาม มือถือ ก็ไม่มี ไม่รู้อยู่ไหน จะไปหยอดเหรียญ โทรที่ตู้ ก็ไม่มีเหรียญ มีแต่แบงค์
    ...อีก ครั้งนึง คุยกัน นัดกันว่า เดี๋ยวกลับไปเจอกันที่ทำงาน เสร็จแล้ว เราเปลี่ยนใจ จะเปลี่ยนที่ พอจะโทรหา มือถือ ก็แบท หมด..และมีอีกหลายครั้ง บางที ไม่มีมือถือ มีตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ แต่ พอหยอดไป เหรียญหล่นคืนทุกครั้ง...ติดเรื่อง โทรศัพท์ ทุกทีเลย..จำรายละเอียดได้ ประมาณนี้ค่ะ

    จบแบบไม่เคลียร์เลย (ในฝันนะ)

    ตอนนี้ ก็ยังไม่ได้ติดต่อเขาเลย...ใครถอด รหัสเก่งๆ ช่วยถอดหน่อยซิค่ะ หมายความว่าไงเนี่ย มีปัญหากับโทรศัพท์ ทั้งสองครั้งเลย ทั้งๆที่เป็น อุปกรณ์ที่หาง่ายมาก แทบจะเป็น ปัจจัยที่ 5 ของชีวิตไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2008
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Futurist Utopia-NOW

    จินตนาการของมนุษย์เราสัมพันธ์กันหมด ไม่ว่าเราจะจินตนาการอะไรขึ้นมา ณ ขณะจิตหนึ่งๆ หลายสิ่งหลายอย่างก็กำลังเป็นไปหรือได้เกิดขึ้นแล้ว จินตนาการของคุณ zip เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่เป็นชีวกลไก เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่วิศวกรหลายร้อยคน-ชาวอังกฤษกำลังร่วมกันค้นคว้าและได้ลงมือประดิษฐ์แล้ว หลักการของเขาคือ การสร้างหุ่นยนต์ที่มีชิ้นส่วนเล็กๆเหมือน legos แต่สามารถรวมตัวกันเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ได้ด้วยจิตใจ หรืออารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของมันเอง (Robots with a mind of their own!) เป้าหมายของสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวคือ การนำหุ่นยนต์เหล่านั้นไปใช้งานในเหตุการณ์ที่เสี่ยงภัยแทนมนุษย์ เช่น ในการค้นหาผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ หรือการเข้าไปซ่อมแซมอาคารที่กำลังจะพังทลาย และให้การปฐมพยายบาล (first aid) แก่ผู้บาดเจ็บ

    หุ่นยนต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบให้สามารถรวมตัวกันได้เป็นเครื่องจักรกลที่มีความสามารถแตกต่างกันไปเฉพาะกาล และสามารถซ่อมแซมตนเองได้เมื่อตัวของมันเกิดความเสียหาย

    วิศวกรชาวอังกฤษกลุ่มนี้เชื่อว่า สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาจะทำให้นวนิยายวิทยาศาสตร์กลายเป็นความเป็นจริงได้ในปี 2025

    ผู้สัมภาษณ์ตั้งคำถามว่า หากหุ่นยนต์เหล่านี้มีจิตใจของมันเอง มนุษย์จะเผชิญกับปัญหาในการควบคุมหุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ได้หรือไม่ วิศวกรผู้ที่ให้สัมภาษณ์ตอบว่า...ไม่ปัญหา

    <object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/SkvpEfAPXn4&hl=en"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/SkvpEfAPXn4&hl=en" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="344"></embed></object>

    จินตนาการเป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขตและปราศจากขีดจำกัด และเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหลาย เราแต่ละคนมีจินตนาการมากมายมาแต่กำเนิด แต่หลายสิ่งหลายอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ของเรา ก็ไม่เคยปรากฏเป็นความเป็นจริง

    จินตนาการทั้งหลายล้วนเป็นความคิดที่เป็นพลังงาน เมื่อถูกส่งออกไปแล้ว ไม่มีวันเรียกกลับคืนมาได้ มันก่อเกิดเป็นวัตถุธาตุและความเป็นจริง บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใดเส้นหนึ่งเสมอ และมันจะมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของบุคคลใดๆได้ก็ต่อเมื่อ บุคคลผู้นั้นจดจ่อด้วยเจตนาและความมุ่งมั่น และทุ่มเทด้วยชีวิตจิตใจที่ลงมือทำให้เป็นจริง

    นวนิยายวิทยาศาสตร์มากมาย กลายเป็นความเป็นจริงมาแล้วหลายต่อหลายเรื่องในโลกแห่งความเป็นจริงที่เรารู้จัก cellphone จาก Star Trek กลายมาเป็น cellphone ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ และยิ่งไปกว่านั้นด้วยซ้ำไป เพราะกลายเป็นทั้งเครื่องเสียง กล้องถ่ายรูปและ internet เบ็ดเสร็จในชิิ้นเดียว (iPhone) ทั้งที่เมื่อ 42 ปีที่แล้ว cellphone ใน Star Trek ดูเสมือนจะเป็นสิ่งที่เป็นเพียงจินตนาการของ Gene Roddenberry เท่านั้นเอง
    [​IMG]
    ส่วนหนังการ์ตูน George Jetson เมื่อ 45 ปีมาแล้ว Jane Jetson-ภรรยาของ George ใช้หุ่นยนต์ทำงานบ้านให้เธอ Judy และ Elroy ลูกของเขาส่งการบ้านในแผ่น disk เล็กๆโดยไม่ต้องเขียนลงในหน้ากระดาษไปส่งครู ฯลฯ
    [​IMG]
    แนวคิดทั้งหลายที่ปรากฏในนวนิยายวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่เรียกกันว่า Futurist Utopia หรือ อนาคตในอุดมคติ สำหรับ Bill Hanna and Joe Barbera ผู้สร้างสรรค์จินตนาการเกี่ยวกับ George Jetsons ขึ้นมา ณ จุดนั้นในช่องว่าง-และกาลเวลาาของเขา มันเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น แต่จินตนาการทั้งหมดล้วนเป็นความเป็นจริงของโลกในปัจจุบันท่ี่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่นี้ สำหรับเราทุกคนในวันนี้-อดีตเมื่อ 45 ปีที่แล้วที่สิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดเคยเป็นเพียงจินตนาการของ Bill Hanna and Joe Barbera อยู่ที่ไหน?

    เราทั้งหลายกำลังดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เกิดจากจินตนาการของ Bill Hanna and Joe Barbera - มีผู้ใดอีกบ้างที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เป็นโลกในจินตนาการของเรา ?

    แต่ละวันเราได้ใช้จินตนาการไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ด้วยสติพร้อม เพื่อสร้างโลกแห่งความเป็นจริงในอุดมคติที่สวยสดให้กับจิตวิญญาณอื่นๆ ที่ไปถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังในบุคลิกภาพตัวตนอื่นๆ ผู้จดจ่อกับโลกในจินตนาการของเราและได้นำมันไปสู่เส้นทางแห่งความเป็นจริงของเขา เช่นเดียวกับที่เขาสร้างโลกแห่งความเป็นจริงอันสดสวยนี้ให้เราแล้วหรือยัง?(rose)
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    โทรศัพท์เป็นเพียงสัญญลักษณ์ของการสื่อสารค่ะ

    ปัญหาของคุณน้อง Kindred ไม่ได้อยู่ที่ว่าเราติดต่อเขาไม่ได้ แต่อยู่ที่ว่าเราไม่ติดต่อเขา
    หากคุณน้อง Kindred ยังฝันถึงเขาบ่อยๆ สัมพันธภาพที่มีต่อกันยังไม่ได้ขาดสะบั้น ความฝันเป็นการสื่อสารสองทางเสมอ เราฝันถึงใคร บุคคลผู้นั้นก็มีความคิดถึงเรา และฝันถึงเราไม่น้อยไปกว่าที่เราฝันถึงเขา


    หากคุณน้อง Kindredพบว่าในความฝันไม่มีความขัดแย้งใดๆเหลืออยู่ ความเป็นไปในภาวะจิตของคุณน้อง Kindredก็เป็นเช่นนั้น เพราะความฝันสะท้อนให้เห็นภาวะจิตของตนเองสมอ สิ่งที่คุณน้อง Kindredจะทำได้เพื่อให้การคืนดีนั้นเป็นจริงขึ้นมา คือการเริ่มต้นสื่อสารกับเพื่อนคนนี้ เพราะยามตื่นเราตระหนักได้ว่าการโทรศัพท์ไปหาเขาเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก ความยากคงจะอยู่ที่ว่า เราปิดกั้นตนเองหรือเปล่าเท่านั้น

    ทิฐิ หรือ ความดื้อดึง ความอวดดีของคนจำนวนไม่น้อยที่ยึดติดกับความเชื่อในแง่ลบ มักทำให้การคืนดีหรือการสมานสัมพันธภาพที่บุบสลายกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากกว่าที่ควรจะเป็น หรือ กลายเป็นส่ิงที่เป็นไปไม่ได้

    พี่นักเขียนมีความเชื่อว่า สัมพันธภาพทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดสำหรับมนุษย์ เพราะการเกิดมาแล้วได้มีโอกาสรู้จักกัน ได้เป็นเพื่อน เป็นคนรัก คนใกล้ตัว หรือเป็นผู้ร่วมงานกัน เป็นนายจ้าง-ลูกจ้างกัน ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่เป็นไปด้วยประวัติศาสาตร์อันยาวนานของจิตวิญญาณ ที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อื่นๆ ชาติภพอื่นๆ มิติอื่นๆมาแล้วมากมาย ไม่ว่าเราจะมารู้จักหรือพบปะกันอีกด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันย่อมเป็นเหตุผลที่เกี่ยวพันกับการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้เสมอ

    เราแต่ละคนเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติในอดีตและอนาคต เป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบัน และเป็นจิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างแต่ต่างมิติในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ของกันและกันเสมอ

    ไม่มีบุคคลใดในชีวิตของเราที่ปราศจากความหมาย หรือเป็นส่วนที่ไม่สำคัญต่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ เพื่อเปลี่ยนความเชื่อของเราให้เป็นความรู้ หากเรามองไม่เห็นความสำคัญของเขา ปฏิเสธสัมพันธภาพที่บุบสลาย และปลิดบุคลิกภาพนั้นๆทิ้งไปจากชีวิต เพียงเพราะทิฐิ หรือ ความดื้อดึง ความอวดดี ของตนเอง เราจะสูญเสียโอกาสที่ทำให้ได้เปลี่ยนความเชื่อในแง่ลบให้เป็นความรู้ไปอย่างเสียดายที่สุด

    ผู้ที่เข้าใจผิดกัน แต่ปฏิเสธการคืนดี ปฏิเสธการสมานสัมพันธภาพที่บุบสลาย ไม่ว่าคู่กรณีจะสื่อสารกับเขาด้วยทิศทางใดก็ตาม เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างขาดทุนต่อพัฒนาการของจิตวิญญาณอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นความเชื่อในแง่ลบที่ทำให้จิตวิญญาณพัฒนาต่อไปได้ยากทุกทิศทาง เพราะการปฏิเสธสัมพันธภาพเป็นพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติของจิตวิญญาณที่ปรารถนาการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปรารถนาในการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข การปฏิเสธสัมพันธภาพและปฏิเสธการสมานสัมพันธภาพ ไม่ได้ส่งผลเสียให้กับคู่กรณีที่พยายามจะสมานสัมพันธภาพด้วย แต่ส่งผลตลอดชีวิตและส่งผลข้ามชาติภพ ต่อบุคคลผู้ปฏิเสธการสมานสัมพันธภาพนั้นๆ ความเกลียดและความรู้สึกผิดจะสถิตย์อยู่ในสติสัมปชัญญะของเขาไปอีกยาวนาน หลายเส้นทางแห่งความเป็นไปได้-หลายชาติภพ-หลายมิติ

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ตายไปด้วยความเกลียด เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยความขาดทุนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

    พี่นักเขียนเชื่อว่า คุณน้อง Kindredมีความปรารถนาที่จะสมานสัมพันธภาพกับเพื่อนคนนี้เสมอ จึงทำให้ฝันถึงเขาบ่อยๆ และทำให้ฝันเห็นสัมพันธภาพที่ปราศจากความขัดแย้ง ตื่นแล้ว-Hello ไปเลยค่ะ- วันนี้อาจจะกลายเป็นวันที่สดใสที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่ง(rose)(rose)(rose)(f)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบพระคุณมากๆค่ะ...เข้าใจแล้วค่ะ
    รักพี่นักเขียนที่สุดในโลก...(smile)
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ทั้งหลายไม่ได้ดำเนินชีวิตไปบนเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน มีจุดตัดมากมายที่ทำให้ตัวบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ทัั้งหลายเปลี่่ยนเส้นทางดำเนินชีวิต สลับเส้นทางเดินชีวิต หรือเปลี่ยนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ เราแต่ละคนไม่เคยดำเนินชีวิตบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใด เพียงเส้นเดียว ทุกเส้นทางตัดกันเป็นระบบเครือข่าย

    เมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่า พี่นักเขียนไม่ได้อยู่บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นที่พัฒนาจิตวิญญาณไปเป็นท่านอาจารย์อนาลัยโดยตรง ตัวตนบนอีกเส้นทางหนึ่งของพี่นักเขียนได้พัฒนาไปเป็นท่าน

    พวกเราอาจเข้าใจว่า ท่านอาจารย์อนาลัยเป็นบุคลิกภาพในอนาคต ของบุคคลตัวตนบนเส้นขนานที่ไม่เคยตัดกับเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ของพี่นักเขียน

    คำถามของคุณ zip เป็นคำถามที่พี่นักเขียนพยายามจะถ่ายทอดให้พวกเรา เพื่อทำให้พวกเราเข้าใจในธรรมชาติของเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงให้ได้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ พี่นักเขียนได้เล่าถึงความฝันเกี่ยวกับบุคลิกภาพบนเส้นทางอื่นๆอีกสามเส้นทาง ที่ปรากฏในความฝันเสมอๆ ซึ่งล้วนเป็นบุคลิกภาพของนักเขียนที่ติดต่อสื่อสารกับบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตนคล้ายคลึงกับพี่นักเขียน

    หากอธิบายตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก พี่นักเขียนตอบได้ว่า ตัวตนของพี่นักเขียน-อีกหลายคน ที่อยู่บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ รวมกันกับตัวตนของพี่นักเขียนที่พวกเรารู้จักนี้ ร่วมกันพัฒนาไปเป็นท่านอาจารย์อนาลัย พี่นักเขียนอาจจะไม่ได้เป็นตัวตนที่พัฒนาได้ทัดเทียมตัวตนอื่นๆอีกสามตัวตนที่พี่นักเขียนฝันถึงเสมอๆ และบางตัวตนก็ไม่ได้พัฒนาก้าวหน้าไปกว่าพี่นักเขียน แต่ทุกบุคคลตัวตนต่างก็พัฒนาร่วมกันเป็นระบบ

    คำตอบสำหรับคำถามสั้นๆของคุณ zip จำเป็นจะต้องยาวเหยียด..........ขอแบ่งออกเป็นหลาย post เพื่อไม่ให้ยาวเกินไปค่ะ (rose)
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    บุคคลตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นที่หนึ่ง

    บุคคลตัวตนแรก ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่ง เป็นชายชาวอเมริกัน ผิวขาวร่างสูง มีหนวดเครา เขาเกิดที่รัฐ Milwaukee เมื่อปีคศ 1943 เติบโตขึ้นมาภายใต้ศาสนาคริสต์นิกาย Roman Catholic แต่เขาก็เป็นผู้ที่แสวงหาความรู้มากมายจากศาสนาอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาฮินดู ซึ่งครอบคลุมศาสนาพราหมณ์ (Vedism or Vedic Brahmanism) ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ ไม่ว่าเขาจะสัมผัสกับบุคลิกภาพที่ปราศจากตัวตน ปราศจากชื่อ แต่ในที่สุดมุมมองและพื้นฐานของความเชื่อเดิมที่มีรากฐานมาจากศาสนาคริสต์ ก็ทำให้เขาเรียกบุคลิกภาพรวม หรือจิตวิญญาณรวมที่เขาสัมผัสและรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้มาว่า GOD

    เมื่อใดก็ตามที่พี่นักเขียนสวมจิตวิญญาณของชายผู้นี้ในความฝัน พี่นักเขียนรู้สึกถึงความเป็นคนหัวรุนแรงทางด้านการเมือง ซึ่งพี่นักเขียนไม่ค่อยชอบนัก และเป็นคุณสมบัติที่รู้สึกว่าอยากจะแก้ไข โดยมีความเชื่อว่า ความเชื่อของเราที่มีต่อการเมืองและนักการเมือง ทำให้เราเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นผลลัพธ์จากสภาะการเมืองที่เราเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ตัวตนของพี่นักเขียนจึงกลายเป็นคนที่ไม่ชอบใส่ใจในการเมือง เมื่อสมัยที่เรียนมัธยมปลาย ผู้ใหญ่ในครอบครัวแนะนำให้เรียนกฏหมายเพราะคุณพ่อเป็นนักกฏหมาย พี่นักเขียนก็พยายามเลี่ยงตลอด เพราะมีความรู้สึกลึกๆที่ไม่ทราบว่ามาจากไหนว่า ทางเลือกของเราคือเส้นทางที่จะไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมืองเลย

    พี่นักเขียนได้จดบันทึกความฝันเกี่ยวกับการรู้เห็นการสื่อสารที่เป็นเสมือนการสัมภาษณ์ของชายผู้นี้ไว้ และไม่เคยติดตามหรือค้นหาว่าเขาคือใคร และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จนกระทั่งคุณ Veggie Guy ได้เขียน e-mail มาคุยด้วยและขอให้อ่าน CWG

    เมื่อเปิดหนังสือหน้าแรก พี่นักเขียนขนหัวลุกและน้ำตาไหลหยุดไม่ได้ และระลึกถึงความฝันที่จดบันทึกไว้ได้ จนทำให้ต้องไปค้นหาภาพถ่ายของชายผู้นี้ใน web จนพบว่า เขาคือชายผิวขาวร่างสูง มีหนวดเคราในความฝัน

    จากความเชื่อและความเข้าใจส่วนบุคคล ตลอดจนประสบการณ์จากความฝัน แม้จะรู้เห็นเสมือนว่าเราเป็นเขา-เขาเป็นเรา แต่พี่นักเขียนก็ไม่สามารถจะกล่าวได้ว่า เราเป็นเขา-เขาเป็นเรา ได้อย่างเต็มปาก เพราะพี่นักเขียนได้เรียนรู้ว่า มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไม่เป็นความเป็นจริงตามธรรมชาติของจิตวิญญาณซึ่งปราศจากหน่วยนับ และไม่ได้เป็นกลุ่มก้อนที่ไปถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังหนึ่งๆ ด้วยการย้ายฐานทั้งกลุ่มก้อนไปถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังอีกร่างหนึ่งโดยตรง อย่างมากที่สุดที่พี่นักเขียนจะกล่าวได้ตามความเชื่อและความเข้าใจคือ ส่วนหนึ่งของเขา-มาเป็นเรา และส่วนหนึ่งของเรา-ไปเป็นเขา

    บุคคลตัวตนนี้ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ และเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนและวิทยากร (rose)(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    บุคคลตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นทีี่สอง

    บุคคลตัวตนที่สอง ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อีกเส้นหนึ่ง เป็นสตรีชาวอเมริกันร่างเล็กชื่อ Jane เธอเกิดในรัฐ New York เธอถือกำเนิดในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Protestant แม้เธอจะเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เคร่งศาสนา แต่เธอกลับเป็นผู้ที่ต่อต้านและไม่เชื่อถือและไม่ศรัทธาในคำสอนของผู้นำศาสนา ซึ่งเน้นถึงการลงโทษของพระเจ้าต่อบาป และการกระทำผิดของมนุษย์

    เธอดำเนินวิถีชีวิตเป็นนักเขียนที่ต่อต้านความคิดตามศาสนาคริสต์นิกายของเธอค่อนข้างรุนแรง และเธอก็มีความเชื่อว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาให้ข้อมูลความรู้ที่ใกล้เคียงโลกแห่งความเป็นจริงของจิตวิญญาณมากที่สุด หนังสือของเธอได้รับข้อมูลความรู้มากจากบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตน ซึ่งสื่อสารกับเธอในภวังค์สมาธิ โดยปรากฏเป็นเสียงภายในที่ทำให้เธอเป็นเสมือนร่างทรงที่พูดและถ่ายทอดข้อมูล ส่วนสามีของเธอทำหน้าที่จดชวเลข

    เมื่อใดก็ตามที่พี่นักเขียนสวมจิตวิญญาณของเธอในความฝัน จะพบความผิดของเธอที่รู้สึกเสมือนว่าเป็นความผิดของตนเองที่ปักใจเชื่อว่า ตนเองคือบุคคลพิเศษที่สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตนได้เพียงผู้เดียว เพราะตนเองคือผู้ที่-ถูกเลือก ชีวิตของบุคคลตัวตนที่สองนี้ ไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครง่ายๆแม้แต่กับผู้อ่านของเธอ ซึ่งปรารถนาที่จะติดต่อสื่อสารและเรียนรู้จากเธอ เธอไม่ชอบการปรากฏตัวในสถานที่สาธารณะ ใช้ชีวิตที่ค่อนข้างสันโดษกับสามีซึ่งเป็นศิลปิน ทั้งสองคนไม่มีบุตร

    เมื่อตื่นขึ้นจากความฝันที่สวมจิตวิญญาณของบุคคลตัวตนนี้ พี่นักเขียนจะมีความคิดเสมอๆว่า เป้าหมายของตนเองที่เลือกมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง-เป็นพี่นักเขียน คือการแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดนี้ให้ถูกต้อง ด้วยการเผยแพร่ความรู้ให้กับคนทั่วไป สนับสนุนทุกวิถีทางที่จะให้ผู้อื่นตระหนักได้ว่า การติดต่อสื่อสารและรับถ่ายทอดข้อมูลจากบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตน เป็นสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน และเป็นไปตลอดวันเวลาทั้งในยามฝันและยามตื่น

    บุคคลตัวตนในเส้นทางนี้ มีชีวิตอยู่ระหว่างปีคศ. 1929-1984
    เธอเสียชีวิตด้วยโรคที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งทำให้การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อล้มเหลว

    เมื่อพี่นักเขียนเผชิญกับประสบการณ์ใกล้ตาย ด้วยการถูกแมลงมุมมีพิษกัด 6 ปีมาแล้ว สภาพของร่างกายเวลานั้นไม่ต่างไปจากภาวะที่การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อล้มเหลว หากว่าไม่เคยเรียนสมาธิมาก่อนและไม่รู้จักการย้ายฐานสติสัมปชัญญะไปสู่การจดจ่อนอกเหนือภาวะทางกายภาพ พี่นักเขียนเชื่อว่าคงจะเอาชีวิตไม่รอด เพราะพิษของแมลงมุมเข้าสู่กระแสเลือด เข้าไปสู่ไขกระดูก และรู้สึกถึงการที่มันแผ่กระจายไปครอบงำระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้ทุกส่วนพร้อมที่จะบิดไปในทิศทางที่มันไม่ควรจะเป็น

    Jane เสียชีวิตด้วยลักษณะอาการดังกล่าว
    หมอดูรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่คุณพ่อของพี่นักเขียนนับถือ ได้เคยดูชะตากำเนิดของพี่นักเขียนและบอกกับคุณพ่อ (แต่พี่นักเขียนแอบได้ยิน)ว่า พี่นักเขียนจะเสียชีวิตด้วยโรคที่ทำให้การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อล้มเหลว เมื่อมีอายุได้ 55 ปี พี่นักเขียนเชื่อว่า หมอดูท่านนั้นมองเห็นเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น ซึ่งคือเส้นของ Jane

    บุคคลตัวตนนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถทางจิตเป็นพิเศษ ผู้อ่านจำนวนมากสนับสนุนเธอ แต่หนังสือของเธอก็ไม่ได้เผยแพร่กว้างขวางเท่าไรนัก มีกลุ่มผู้อ่านจำนวนน้อย และกลุ่มผู้อ่านที่เคยเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเธอก่อนที่เธอจะถึงแก่กรรม ต่างก็รับเอาความคิดความเชื่อของเธอมาสืบทอดว่า พวกเขาคือกลุ่มคนพิเศษที่ถูกเลือก หากพวกเขาบางคนจะพัฒนาสภาวะจิตไปจนสามารถติดต่อสื่อสาร หรือรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้จากบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตนได้เช่น Jane ก็เป็นเพราะเขาคือผู้ที่ถูกเลือกต่อจาก Jane หรือรับมอบหน้าที่่ต่อจาก Jane

    ในความฝัน... เมื่อพี่นักเขียนได้ยินเสียงจากภายในกล่าวว่า"Looking through the eyes of Jane..." พี่นักเขียนมองเห็นแสงตะวันลอดยอดต้น Elms สาดส่องลงมาบนใบหน้า รู้สึกได้ถึงแสงแดดยามเช้าอันอบอุ่น พี่นักเขียนมองดูแสงแดดที่กระทบกับขนอ่อนๆบนแขนของตนเอง และรู้สึกขำขันว่า มันช่างดูเสมือนผิวของลูก Peach สดๆ พี่นักเขียนรักสภาพแวดล้อมนั้นเป็นอันมาก มันเป็นมุมโปรดที่พี่นักเขียนชอบไปนอนจินตนาการเพื่อหาวัตถุดิบมาเขียนหนังสือสำหรับเด็กๆ

    เพื่อนรักของพี่นักเขียนชื่อ Rebecca และสามีของเธอชื่อ Eric ทั้งคู่มีอายุมากกว่าพี่นักเขียน 10-12 ปีตามลำดับ ทั้งคู่เป็นบุคคลที่อ่านหนังสือของ Roberts มายาวนานกว่า 17 ปีก่อนหน้าที่จะมารู้จักกับพี่นักเขียน และเขาได้คะยั้นคะยอให้พี่นักเขียนอ่านหนังสือของ Roberts โดยกล่าวว่า เขาสงสัยว่าพี่นักเขียนจะรับถ่ายทอดข้อมูลมาเช่นเดียวกับ Roberts ซึ่งเป็นนักเขียนที่เข้าทรงและรับข้อมูลมาจากจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกาย

    เมื่อพี่นักเขียนเล่าความฝันเกี่ยวกับ Jane ให้เขาฟัง เขามองตากันแล้วบอกกับพี่นักเขียนว่า นักเขียนชื่อ Roberts ที่เขากำลังพูดถึงนี้มีชื่อเต็มว่า Jane Roberts

    ในที่สุดเพื่อนทั้งสองก็หาหนังสือซึ่งไม่มีพิมพ์จำหน่ายแล้วมาให้อ่าน เขาช่วยพี่นักเขียนค้นหาข้อมูลต่างๆมากมายที่ปรากฏในความฝันของพี่นักเขียน และพบโคลงที่ Jane Roberts เขียนบรรยายไว้ว่า... ความสุขของเธอคือ การนอนใต้ต้น Elms ที่เธอรัก และมองดูแสงแดดยามเช้าที่ลอดยอดไม้ลงมากระทบกับผิวของเธอ เธอบรรยายว่า ขนอ่อนๆบนแขนของเธอราวกับขนบนลูก Peach (rose)(rose)(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    บุคคลตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นทีี่สาม

    บุคคลตัวตนที่สาม ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อีกเส้นหนึ่ง เป็นสตรีชาวอเมริกันร่างโปร่งบางชื่อ Myrtle เธอเกิดที่รัฐ Ohio มีอาชีพเป็นครู เมื่ออายุได้ 30 ปีป่วยเป็น Malaria และ วัณโรค จนแพทย์เชื่อว่าไม่อาจรักษาเธอได้อีกต่อไป แต่เธอมีความเชื่อว่า ร่างกายของคนเราสามารถรักษาตนเองได้ เธอจึงย้ายไปอยู่รัฐ Missouri ด้วยความเชื่อว่าอากาศแห้งจะช่วยให้เธอหายป่วยได้ ในที่สุดเธอก็รักษาตนเองให้หายจากโรคได้โดยเด็ดขาด

    พี่นักเขียนสวมจิตวิญญาณของ Myrtle ในความฝัน พบเห็นตนเองทำหน้าที่ตอบจดหมายผู้อ่านจำนวนมาก ที่ีอ่านหนังสือของเธอ ซึ่งเขียนเกี่่่่่่ยวกับการรักษาโรคด้วยตนเอง การมีความศรัทธาในความมั่งคั่งและสมบูรณ์พูนสุขของจักรวาล

    เธอผู้นี้จะติดต่อสื่อสารและรับข้อมูลความรู้จากภายใน แต่พื้นฐานตามศาสนาคริสต์ของเธอก็ทำให้เธอเรียกแหล่งข้อมูลความรู้จากภายในว่า LORD หรือ GOD แต่การตีความหมาย Bible ของเธอแตกต่างไปจากผู้นำศาสนาในยุคสมัยของเธอโดยสิ้นเชิง

    ในความฝัน พี่นักเขียนเผชิญกับเหตุการณ์ที่ตนเองต้องออกจากบ้านหลังใหญ่ที่เป็นเสมือนโรงเรียน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือแม้แต่หลบซ่อนจากการปะทะกับผู้นำศาสนามากหน้าหลายตาที่กล่าวหาว่า เธอตีความหมาย Bible ผิดเพี้ยนไป พี่นักเขียนเผชิญกับความฝันที่ตนเองก้าวเท้าอย่างรวดเร็วแทบจะเป็นการวิ่ง จากอาคารหลังใหญ่ ผ่านสวนอันสวยงามยามค่ำคืน ไปยังบ้านหลังเล็กที่อยู่ไกลออกไป มันเป็นเสมือนที่เก็บตัวที่สงบสุข ห่างไกลจากทุกสิ่งทุกอย่าง

    ในใจพี่นักเขียนบอกกับตนเองว่า สักวันหนึ่งคนจำนวนมากจะเข้าใจเรา และตระหนักได้ว่า การตีความหมาย Bible ในทิศทางดังกล่าวนี้ เป็นทิศทางที่ทำให้ศาสนาคริสต์ เข้ากันได้สนิทกับศาสนาอื่นๆในโลก หรือรวมศาสนาต่างๆเข้าด้วยกันได้สำเร็จ

    ในความฝัน-พี่นักเขียนกลับไปยังบ้านหรือโรงเรียนที่มีน้ำพุร้อยอันเสมอๆ มองเห็นตัวอาคารกว้างไกลออกไปทุกที และรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอันมาก มันอยู่ในความทรงจำอีกชุดหนึ่งที่แปลกแยกไปจากความทรงจำชุดของพี่นักเขียนโดยสิ้นเชิง พี่นักเขียนเห็นหลังคาสีแดงดินเผาทรง Spanish เห็นบานประตูบานคู่ที่คุ้นเคย มันมีทับหลังโค้ง ทุกครั้งที่พี่นักเขียนเอื้อมมือไปดึงบานประตูนี้เปิดออก จะได้ยินและรู้สึกถึงความเย็นฉ่ำของน้ำพุร้อยอันที่กระเซ็นซ่านอยู่เบื้องหลัง

    มุมโปรดของสถานที่แห่งนี้ของพี่นักเขียนคือ ใต้ซุ้มไม้ใหญ่ ที่มีช่องเปิดอยู่ตรงกลาง มันทำให้มองเห็นท้องฟัาได้เสมือนการมองผ่านหน้าต่าง ใต้ซุ้มไม้แห่งนี้ เป็นที่ที่บุคคลตัวตนนี้ หรือพี่นักเขียนในความฝัน ใช้เป็นสถานที่ที่สัมผัสกับบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตน เพื่อรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้มาเขียนหนังสือ และ lecture ให้นักเรียนฟังเสมอๆ

    หลังจากที่พี่นักเขียนได้รับการทาบทามจากบาทหลวงให้เปิด course สอนสมาธิที่ Unity Church มีสมาชิกจากโบสถ์ Unity ทั้งจากเมือง Lawrence และเมืองใกล้เคียงมาลงทะเบียนเรียน course ละ 35-50 คน จนระยะหลังๆมีคนลงทะเบียนเรียนกว่าร้อยคน ทำให้สถานที่ไม่พอรับ และต้องย้ายไปใช้สถานที่ของห้องสมุดกลาง down town

    พี่นักเขียนมักจะ lecture ก่อนหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นให้นักเรียนเดินจงกรม 30 นาที และนั่งสมาธิอีก 30 นาที ในตัวโบสถ์ Unity Church of Lawrence เป็นโถงหลังคาทรงสูง ซึ่งมีชั้นลอยอยู่เหนือทางเข้าโบสถ์ ทุกครั้งที่สอนสมาธิ พี่นักเขียนจะยืนอยู่ด้านหน้าเวที ซึ่งหันหน้าเข้าหาชั้นลอยที่อยู่ด้านตรงข้ามเสมอ บ่อยครั้งเมื่อลืมตาถอนออกจากการทำสมาธิ จะแลเห็นสตรีโบราณ นุ่งกระโปรงยาวรุ่มร่ามสีม่วงอ่อนๆยืนอยู่บนชั้นลอยนั้นเสมอๆ

    lecture ของพี่นักเขียนเป็นข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือ จิตวิญญาณประสานกาย และมีการแนะนำให้นักเรียนฝึกฝนเพื่อรักษาโรคด้วยตนเอง ด้วยการใช้สมาธิ โดยฝึกให้ผู้ป่วยจดจ่อ ณ จุดต่างๆของร่างกายที่เจ็บปวดบ้าง หรือฝึกให้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีสติในการเคี้ยวและกลืนอาหาร โดยกำหนดรู้ว่า-ความอิ่มที่พอดี และปริมาณที่สมควรนั้นอยู่ที่ไหน ฝึกให้ผู้ที่นอนหลับยากสามารถกำหนดจิตให้รวมลงเป็นสมาธิ เปลี่ยนนิสัยคิดวิตกวิจารณ์ด้วยการฝึกให้บริกรรม หรือนับแทนการคิดอย่างกระเจิดกระเจิง สมาชิกที่มาเรียนสมาธิกับพี่นักเขียนมักจะแปลกใจกับข้อมูลที่พี่นักเขียนนำมาเสนอ และบอกว่าหลักการของพี่นักเขียนช่างคล้องจองกับข้อมูลที่พวกเขาเรียนรู้จากหนังสือของ Unity Church เสียจริง

    พี่นักเขียนเล่าความฝันเกี่ยวกับบุคคลตนตนที่สามนี้ให้ Eric กับ Rebecca เพื่อนสนิทคู่นี้ฟังเสมอๆ จนกระทั่งวันหนึ่งพี่นักเขียนได้เล่าให้เขาฟังว่า พี่นักเขียนฝันว่าตนเองทำงานกับชายผู้หนึ่งซึ่งเขียนหนังสือเล่มจิ๋วๆ ที่มีการ์ตูนประกอบหลายหน้า และสตรีอีกคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เอาจดหมายผู้อ่านไปส่งไปรษณีย์วันละหลายร้อยฉบับทุกวัน

    Eric กับ Rebecca เพื่อนสนิทของพี่นักเขียนอ้าปากค้างมองตากัน แล้วเขาก็บอกกันเองว่า "That's it!" เขาบอกกับพี่นักเขียนและสามีว่า เขาจะพาเราทั้งสองเดินทางไป Kansas City ฝั่ง Missouri เพราะเขาไม่สามารถจะอธิบายเป็นคำพูดได้ว่า เรากำลังเผชิญกับอะไร? แต่เชื่อว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พี่นักเขียนจะได้คำตอบทั้งหมด และอาจจะบอกเขาได้ด้วยว่า เขาทั้งสองคนกำลังเผชิญกับอะไร?

    วันสุดสัปดาห์ต่อมา เราออกเดินทางจาก Lawrence แต่เช้าตรู่ ขับรถตามกันไปสองคันโดย Eric ขับนำคันหน้า พี่นักเขียนรู้สึกระทึกใจกับ trip นี้ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะพบกับอะไร เพราะรถของเรามุ่งหน้าไปทางตะวันออกของ Lawrence ... ตามความรู้สึกที่มีเสมอมาว่า บ้านเก่าของพี่นักเขียน พร้อมด้วยน้ำพุร้อยอัน อยู่ทางทิศนีิ้....(rose)(rose)(rose)(rose)
    (ยังมีต่อ...)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  11. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ของพี่นักเขียนทั้ง 3 เส้นทาง เป็นบุคคลตัวตนที่อยู่ทางซีกโลกตะวันตกทั้งหมดเลย แล้วจุดประสงค์ในการที่พี่นักเขียนมาเลือกเกิดที่ซึกโลกตะวันออก เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ทางด้านไหนบ้างครับ
     
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    บุคคลตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นทีี่สาม(ต่อ)


    สามีของพี่นักเขียนเลี้ยวรถตาม Eric ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็อุทานออกมาว่า "Oh my God..." เพราะกลุ่มอาคารที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเป็นอาคารทรง Spanish หลังคาดินเผาที่มองเห็นได้แต่ไกล หัวใจของพี่นักเขียนเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้น ต้องกะพริบตาถี่ๆเพราะรู้สึกว่าน้ำตาตื้นๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    พี่นักเขียนลงจากรถและตรงเข้าไปสวมกอด Rebecca โดยไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไร ต่างคนต่างก็น้ำตาคลอ ขนลุกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหยุดไม่ได้ไม่รู้ว่านานเท่าใด กว่าจะถอนหายใจลึกๆและ Rebecca พูดออกมาว่า ที่นี่คือ Unity Village

    Eric กับ Rebecca ล้อพี่นักเขียนว่า "Go... You know the place!" พี่นักเขียนออกเดินนำพวกเราไปด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ พลางบอกกับทุกคนว่า พี่นักเขียนเชื่อว่าน้ำพุร้อยอันจะอยู่ด้านหลังของอาคารหลังใหญ่นั้น แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ กลับใจแป้วเพราะไม่ได้ยินเสียงน้ำพุดังในฝัน หันหน้าไปทำปากเบ้ใส่สามีของพี่นักเขียน เขาก็ลูบหลังแล้วบอกว่าให้เดินต่อไป พี่นักเขียนเดินไปตามความรู้สึกว่า ในทีึ่สุดแล้วตนเองจะต้องไปยืนอยู่หน้าประตูบานคู่ที่คุ้นเคยในความฝัน ซึ่งมั่นใจว่าเป็นประตูทางเข้าใหญ่ของตัวอาคาร

    ในที่สุดเราก็เดินไปถึงจุดนั้น ภาพที่ปรากฏทำให้พี่นักเขียนใจแป้วอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะประตูใหญ่ของตัวอาคารกลับเป็นเพียงบานไม้-บานเดี่ยวเท่านั้น แม้จะมีซุ้มประตูโค้งเหมือนในความฝันก็ตาม เมื่อเอื้อมมือไปจับมือจับบนบานประตู พี่นักเขียนระลึกได้ถึงความฝันอย่างคมชัด และเอ่ยขึ้นว่า น้ำพุหายไปไหนล่ะ มันควรจะอยู่ด้านหลังของพี่นักเขียนนี่นา...

    ทุกคนหันกลับไปมองเป็นตาเดียวกัน ปรากฏว่าเราพบบ่อน้ำพุยาวเป็นไมล์........แต่มันถูกปิดและใช้งานไม่ได้เสียแล้ว มีเพียงน้ำพุที่อยู่สุดไปทางปลายอาคารอีกด้านหนึ่งที่ยังเปิดอยู่และใช้การได้อยู่เพียงจุดเดียว Rebecca เอ่ยขึ้นทันทีว่า หากน้ำพุทั้งหมดนี้เปิดพร้อมๆกันหมด มันคงจะดังเสมือนน้ำตกจริงๆดังเช่นความฝันของพี่นักเขียน และมันก็อยู่ด้านหลังของเราจริง ถ้าเราหันหน้าไปเปิดประตูทางเข้า

    เราพากันเดินต่อไปยังน้ำพุอีกด้านหนึ่งที่เปิดอยู่ ระหว่างทางก็พบป้ายที่เป็นภาพเขียนของน้ำพุที่เคยเปิดใช้งานได้ทั้งหมด ป้ายนี้บอกว่า น้ำพุกำลังอยู่ในโครงการหาทุนซ่อมบำรุงเพื่อให้ใช้งานได้ดังเดิม ทั้งหมดมี 100 อันด้วยกัน !

    เราพากันไปสำรวจสถานที่โดยแวะเข้าไปยัง gift shop และ bookstore ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อยู่ที่นั่นด้วย สามีของพี่นักเขียนค้นพบหนังสือซึ่งเป็นเรื่องราวประวัติการก่อตั้งสถานที่แห่งนี้ และในเล่มนี้มีภาพเขียนเป็นลายเส้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประตูทางเข้าใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นบ้านไม้เพียงบานเดียว แต่ในภาพวาดเป็นบานคู่เหมือนในความฝันของพี่นักเขียน เขาจึงถามกับเจ้าหน้าที่ว่า เหตุใดตัวอาคารจึงไม่เป็นบานคู่เหมือนในภาพวาด เจ้าหน้าที่สุภาพสตรีท่านนั้นพลิกหนังสืออย่างรวดเร็วราวกับจะหาคำตอบจากหน้าหนังสือ พลางตอบว่า เดิมแล้วประตูทางเข้าเป็นบานไม้ oak คู่ แต่มันถูกไฟไหม้ เมื่อมีการเปลี่ยนบานประตูใหม่ เขาไม่สามารถหาบานไม้ oak เหมือนเดิมมาติดตั้งได้ จึงต้องเปลี่ยนเป็นบานเดี่ยว

    เราทั้งสี่คนมองหน้ากัน และเจ้าหน้าที่พาเราเข้าไปในห้องฉายหนัง ซึ่งฉายภาพยนต์เกี่ยวกับประวัติการก่อตั้ง Unity Village ตั้้งแต่ยังเป็นที่ดินว่างเปล่า เป็นเต้นท์ที่มีผู้คนมาเรียนหนังสือ จนในที่สุดเติบโตได้ด้วยศรัทธาของสมาชิกผู้อ่านหนังสือ... และกลายเป็นโบสถ์ที่รวมทุกศาสนาเข้าด้วยกัน และมีสาขาทั่วประเทศ และ ประเทศอื่นๆทั่วโลก!

    พี่นักเขียนอดไม่ได้ที่จะถามถึงซุ้มไม้ และบ้านหลังย่อมที่ไม่มีครัว...
    ในที่สุดเราก็ได้พบซุ้มไม้แห่งนั้น ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Myrtle Grove ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ระหว่างกลุ่มอาคารทรง Spanish ใหญ่ที่เป็นอาคารเรียน และบ้านหลังย่อมปลายทุ่ง...

    พี่นักเขียนไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน จำได้ดีว่าห้องนอนของตนเองอยู่มุขด้านข้างซ้ายมือ และจำได้ถึงวันสุดท้ายที่ตนเองร่ำลาสามีและเพื่อนร่วมงานผู้ส่งจดหมายผู้อ่านรายวันให้พี่นักเขียน เธอผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย... Rebecca นั่นเอง Rebecca บอกกับพี่นักเขียนว่า แม้ชาติภพนี้เธอก็ยังทำหน้าที่เป็นเสมือนเลขาและ Big sis ของพี่นักเขียน ไม่ว่าพี่นักเขียนจะเปิดสอนสมาธิเมื่อใด Rebecca จะทำหน้าที่ผู้ช่วย จัดอาหาร จัดสถานที่ แจกหนังสือ และจัดให้นักเรียนลงทะเบียน ติดป้ายชื่อฯลฯ ส่วน Eric ก็มีความฝันประหลาดว่าเขาคือ ผู้ร่วมงานที่เขียนหนังสือการ์ตูนเล่มเล็กกับพี่นักเขียน เพื่อเป็นหนังสือสอนรายวัน ... daily instruction?

    หลังจากที่เราค้นพบอาคาร สถานที่และหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้เราต่างก็น้ำตาไหลกันหลายรอบ เจ้าหน้าที่ที่มาส่งเราก่อนกลับ ก็ยื่นหนังสือเล่มจิ๋วให้เราคนละเล่ม โดยกล่าวว่า " หากพวกคุณสนใจจะรับนิตยสารเล่มเล็กจากเรา ก็สมัครเป็นสมาชิกได้ ใบสมัครอยู่ในหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มเล็กนั้น " Eric มองหน้าพี่นักเขียนและอ่านชื่อบนหน้าปกหนังสือพร้อมๆกันว่า "Daily Word"

    เรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาและเป็นไปทั้งหมดคงจะต้องเขียนเป็นหนังสืออีกหลายเล่ม
    พี่นักเขียนขอสรุปให้ฟังว่า หน้าที่การงาน เป้าหมาย และการบรรลุเป้าหมาย ตลอดจนการตายของบุคคลบนเส้นทางเส้นที่สามนี้ เป็นจิตวิญญาณที่ก้าวหน้้าและพัฒนาไปไกลกว่าพี่นักเขียนมากมาย ด้วยการมีบุคลิกภาพที่ประกอบไปด้วยอารมณ์อันเต็มไปด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ จินตนาการอันสร้างสรรค์ยิ่งใหญ่ เธอเป็นเสมือนอีกก้าวหนึ่งของพี่นักเขียนที่ล้ำหน้าและไปไกลกว่าพี่นักเขียน หรือไปใกล้ท่านอาจารย์อนาลัยมากกว่าพี่นักเขียน


    แม้เธอจะไม่ได้เรียกบุคลิกภาพที่ปราศจากร่างกายตัวตนของเธอว่า ท่านอาจารย์อนาลัย แต่เรียกว่า LORD หรือ GOD แต่ข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหนังสือของเธอ ก็คล้ายคลึงกับข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือจิตวิญญาณประสานกาย แต่เขียนออกแนวคริสต์ คือเรียกพลังงานหรือจิตวิญญาณรวมว่า LORD หรือ GOD

    พี่นักเขียนไม่อาจจะบอกกับพวกเราได้ว่า ตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใดเป็นตัวตนที่พัฒนาไปเป็นท่านอาจารย์อนาลัย เพราะตัวตนทั้งหลาย-สำหรับพี่นักเขียนแล้ว ปราศจากขอบเขตที่แน่นอน ทุกบุคคลตัวตนมีความเป็นไปซับซ้อน ทับกัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน ไม่มีตัวตนใดที่เต็มเปี่ยมตามลำพัง และไม่มีตัวตนใดที่จะสามารถพัฒนาจากการเป็นตัวตนทางกายภาพไปสู่การเป็นตัวตนที่ปราศจากร่างกายได้ด้วยตนเอง โดยไม่ได้อาศัยพัฒนาการ หรือการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ของตัวตนอื่นๆ

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ยังมีตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อื่นๆอีกมากมายเป็นอนันต์ ที่พี่นักเขียนไม่รู้เห็น หรือรู้เห็นแต่ไม่ได้จดจำได้ดีเท่าตัวตนทั้งสามที่เล่าให้พวกเราฟังในความฝัน

    ไม่ว่าเราแต่ละคนจะค้นพบตัวตนในความฝัน บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆหรือไม่ก็ตาม ดังเช่นที่พี่นักเขียนค้นพบตัวตนทั้งสามนี้ พี่นักเขียนหวังว่าทุกคนจะตระหนักได้ว่า เรามีตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ยามตื่นอีกมากมาย ที่เราแต่ละคนรู้เห็นเสมอ

    Eric - Rebecca สามีของพี่นักเขียน ตลอดจนลูกของเขาและลูกของพี่นักเขียน ล้วนเป็นตัวตนบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่ยังมีชีวิตร่วมกาลเวลา-ร่วมยุคสมัย เราต่างก็เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของกันและกัน และช่วยกันเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ด้วยการมีประสบการณ์ชีวิตร่วมกัน ไม่น้อยไปกว่าคนแปลกหน้าทั้งหลายที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเราแต่ละวัน ไม่มีบุคคลตัวตนใดที่ปราศจากความสำคัญต่อเรา เพราะการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ของเขา คือการเติมเต็มที่พัฒนาจิตวิญญาณของเราด้วยเช่นกัน(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  13. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนได้ยินคำกล่าวเช่นที่คุณ zip ว่ามาตั้งแต่เด็กแล้วเหมือนกันค่ะ เช่นคำกล่าวที่ว่า ฝรั่งไม่มีคำว่า น้ำใจ ไม่มีคำว่า เกรงใจ ใน dictionary ของเขา เป็นต้น เมื่อเป็นเด็กก็พลอยเชื่อและสรุปโดยปริยายไปด้วยว่า เมื่อฝรั่งไม่มีคำศัพท์เหล่านั้น ก็หมายความว่าพวกเขาไม่มีน้ำใจ และไม่รู้จักเกรงใจ

    พี่นักเขียนพยายามหาคำทดแทนคำว่า น้ำใจ
    ในภาษาไทยของเรา น้ำใจ หมายถึง ความเอื้อเฟื้อเผิื่่อแผ่ การเห็นแก่ประโยชน์สุขของผู้อื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากจะพูดถึงประสาทสัมผัสก็คงต้องครอบคลุมไปถึงการร่วมรู้สึกกับผู้อื่นด้วย


    ในภาษาอังกฤษ น้ำใจ ก็น่าจะทดแทนได้ด้วยคำว่า generosity ซึ่งหมายถึง ความเต็มใจที่จะให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินทอง การช่วยเหลือ หรือให้เวลากับผู้อื่น และคำว่า kindness ซึ่งหมายถึงการมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมตตาปรานี การแสดงออกซึ่งความแคร์และใช้วิจารณญาณต่อผู้อื่น

    คำว่า care และคำว่า share เป็นคำทีี่พี่นักเขียนหาคำศัพท์ภาษาไทยมาทดแทนตรงๆไม่ได้ เพราะคนไทยเราก็ใช้ทับศัพท์กันมาตลอดว่า แคร์ หรือ แชร์ แต่คนไทยเราก็ care ซึ่งกันและกัน และรู้จัก share กันทุกโอกาส

    พี่นักเขียนได้ยินฝรั่งกล่าวยกย่องคนตะวันออกเสมอๆในทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงามอ่อนช้อย การปรุงอาหารที่ประณีต การแต่งกาย(ประจำชาติ)ที่แลดูนุ่มนวลอ่อนหวาน ตลอดจนศิลปะ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตครอบครัวที่เป็น extended family คืออยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่หลายรุ่น

    ในทางตรงกันข้ามก็ได้ยินชาวตะวันออก(โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเราน่ะค่ะ) กล่าวตำหนิฝรั่งมากมายเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิต ตลอดจนการนับถือศาสนาของพวกเขา เมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่พวกเขาแล้ว ไม่เห็นเขาเป็นอย่างที่ถูกตีตราไว้หลายๆอย่างเลยค่ะ ทำให้สงสัยว่ามุมมองและทัศนคติเหล่านั้นน่าจะมาจากความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งสมัยก่อนนี้มีคนเพียงจำนวนน้อยที่ได้สังคมกับชาวต่างชาติ หรือไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน คนจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสไปรู้เห็นด้วยตนเอง ก็ได้แต่รับเอาความคิดและความเชื่อของคนกลุ่มน้อยมาอีกต่อหนึ่ง นานวันเข้าเราก็ลืมสำรวจว่า มันเป็นความเป็นจริง หรือเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น ทำให้เราประเมินคุณค่าต่างๆผิดเพี้ยนไปตามความเชื่อ(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  14. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    อ่านเรื่องของพี่นักเขียนตอนนี้ แล้วรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตัน น้ำตาคลอเลยค่ะ
     
  15. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อ่านแล้วรู้สึกตื้นตันเหมือนกันครับคุณ soul

    ได้ไปเจอเวปไซต์ของ Unity Village ด้วย http://www.unityonline.org/

    และก็ Unity Village Chapel http://www.unityvillagechapel.org/

    ตามความคิดส่วนตัวนะครับ คนไทยเรามักจะรู้สึกว่าฝรั่งเหนือกว่าเสมอและลึกๆ แล้วก็มักจะรู้สึกว่าด้อยกว่าเสมอ ทำให้บางครั้งมีความรู้สึกว่าอยากจะหาอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองดีกว่าฝรั่ง สิ่งนั้นก็คือคำพูดที่ว่า "จิตใจเราสูงกว่าฝรั่ง, วิถีชีวิตเราเรียบง่ายกว่า/ดีกว่า" มันจะเป็นคำปลอบประโลมได้ว่า อย่างน้อยเรา(คนไทย) ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝรั่งไปซะทุกด้าน

    ความคิดนั้นมีมาเพราะพิจารณาจากเรื่องที่เคยได้ยินมาว่า คนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศมักจะทำตัวเหมือนชาวต่างชาติเสมอ เปลี่ยนใช้ชื่อฝรั่ง, บางคนก็เหยียดๆ คนไทยที่พูดอังกฤษไม่คล่อง, เมื่อพูดกับคนไทยด้วยกันบางทีก็ใช้อังกฤษคำไทยคำ

    ผมคิดว่าเป็นแค่บางคนนะครับ แต่ผมว่ามันก็สะท้อนอะไรในใจลึกๆ ได้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  16. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    Jane Roberts

    พี่นักเขียนพูดถึง Jane ก็เลยถือโอกาสขอนำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้จากการสนทนาหลังห้องมาให้อ่านเพิ่มเติมครับ
    ก่อนหน้านี้ก็ลังเลไม่กล้าเอามาลง เนื่องจากพี่นักเขียนค่อนข้างถ่อมตัว กลัวว่าจะเป็นการอวดอ้างเกินไป แต่ผมว่าทุกคนในห้องนี้ใจกว้างมากๆ ครับ
    -----------------------
    สวัสดีครับ
    ...........
    ผมว่าเป็นการดีเสียอีกนะครับ ที่พี่นักเขียนยังไม่เคยอ่าน CWG มาก่อน เพราะมันไม่มีข้อมูลเก่าของคนอื่นที่อาจจะมีผลต่อสาส์นต่างๆ ที่พี่ได้รับ นั่นเป็นสิ่งยืนยันถึงความน่าเชื่อถือของข้อความทั้งของ Walsh และพี่นักเขียนเอง(บางคนที่ไม่รู้ข้อมูลอาจคิดไปด้วยซ้ำว่า พี่นักเขียนได้ไอเดียมาจากหนังสือของ Walsh เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ผู้ซึ่งบอกว่าได้รับสาส์นจาก "พระบิดา" แต่ก็มีคนบางคนบอกว่าอาจารย์ไปขโมยมาจากกลุ่ม Kryon)

    ผมเคยอ่านหนังสือ ของ Hicks แล้ว 2 เรื่อง คือ Law of Attraction (กฏของการดึงดูด) และ Ask and it is Given (คัมภีร์สมใจนึก) เป็นภาษาไทย และเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ได้รับหนังสือจากคนที่คุยกันในเว็บบอร์ด ชื่อเรื่อง The Nature of Personal Reality (by Jane Roberts) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1974 เป็นของขวัญปีใหม่ ผู้ส่งมาให้ยืนยันว่าเป็นงานเขียนลักษณะเดียวกันกับ CWG และเนื้อหาคล้ายคลึงกับของอาจารย์อนาลัยด้วย เขาหามาให้ด้วยความยากลำบาก ต้องตระเวนไปตามร้านหนังสือเก่ากว่าจะได้มา สภาพนั้นดูไม่จืดเลยครับ แต่ก็รู้สึกเหมือนได้ค้นพบคัมภีร์โบราณอันทรงคุณค่ายังไงยังงั้น แค่พลิกหน้าไปก็จะหลุดออกมาแล้ว ตั้งใจว่าจะฝึกภาษาอังกฤษ จากการอ่านหนังสือที่สนใจเหล่านี้แหละครับ
    -------------------------------------------------------------
    ข้อความแนะนำหนังสือจากเว็บบอร์ด
    มีสุดยอดหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่อ่านด้วยความตื่นเต้น+ตื่นตะลึงกับความลึกซึ้ง (สมควรอ่านคู่กับ CwG 1,2,3 อย่างยิ่ง เพราะอ่านแล้วจะยิ่งเห็นคุณค่าของ CwG ขึ้นไปอีก) หนังสือชื่อว่า The Nature of Personal Reality ไม่ทราบว่าในที่นี้มีใครได้อ่านบ้างหรือยัง

    คนเขียนชื่อ Jane Roberts (ผู้หญิง) เป็นร่างทรงให้กับวิญญาณชั้นสูงตนหนึ่งที่เคยเวียนว่ายตายเกิดเป็นมนุษย์มาหลายภพชาตินับไม่ถ้วน แต่เกิดเป็นมนุษย์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 600 หรือ 400 ปีที่แล้วอะไรนี่แหละถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้ไม่กลับมาเกิดใหม่อีกแล้ว

    อริยะวิญญาณตนนี้ชื่อว่า Seth ประเด็นหลักของหนังสือเล่มนี้อธิบายว่า เราทุกคนเป็นสร้างโลกความจริงของตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร (You create your own reality.) ทั้งชีวิตในระดับปัจเจกและรวมหมู่ รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บ-ภัยพิบัติ-อุบัติภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนส่วนต่างๆของโลกด้วย เนื้อหาน่าทึ่งมากและลึกซึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ คนอ่านจะนึกภาพไม่ออกเลยว่าเนื้อหาในหนังสือจะพูดเรื่องอะไรและจะพูดอย่างไร อ่านแล้วขนลุกตลอดเวลา (ไม่ได้ขนลุกเพราะกลัวนะ แต่ลุกเพราะความน่าทึ่งของเนื้อหา)

    หลายช่วงอ่านแล้วอ้าปากค้างด้วยความตะลึง ใครที่มองว่าคำอธิบายเรื่อง "เวลา" "ความฝัน" "ชาติภพ" ฯลฯ ใน CwG 2 เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ และเอาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงไม่ได้ ถ้าได้อ่านเล่มนี้แล้วจะขนลุกและเข้าใจเนื้อหา "แฝงเร้น" ในส่วนต่างๆของ CwG มากขึ้นไปอีก อ่านแล้วทำให้เข้าใจเนื้อหาของ CwG ขึ้นไปอีกขั้นเลย

    หนังสือหนา 500 หน้าเล่มนี้เขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1978 ทั้งเล่มบันทึกจากการพูดขณะวิญญาณเข้าร่าง Jane Roberts โดยมีสามีของ Jane เป็นคนจดบันทึกคำพูดแล้วแปลงเป็นรูปเล่มหนังสือในท้ายที่สุด

    อยากให้ทุกคนได้อ่าน เป็นประโยชน์ต่อชีวิตมาก ใครที่ชอบ CwG / The Secret / Abraham-Hicks / โนวา อนาลัย ชีวิตนี้ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้เลย เป็นสุดยอดหนังสือที่ทำให้เข้าใจและปะติดปะต่อเรื่องราวชีวิต โลก และจิตวิญญาณได้มากมายเกินคิดฝันจริงๆ

    อาจได้เวลาที่ผมต้องหลับไปอ่านหนังสือเล่มนี้อีกรอบเพื่อตอกย้ำประเด็นที่ลืมเลือนไประหว่างการใช้ชีวิต เพราะรู้สึกว่าความคิดและห้วงอารมณ์จะติดบ่วงโลกสมมติมากไปหน่อยจากการทำงานในช่วงที่ผ่านมา

    ถ้าใครสนใจอยากอ่านThe Nature of Personal Reality แจ้งชื่อที่อยู่มาได้เลยที่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25 KB
      เปิดดู:
      59
    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.1 KB
      เปิดดู:
      51
  17. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ไม่ได้หายไปไหนค่ะพี่จินต์ ตามอ่านแทบจะไม่ทันแน่ะเพราะช่วงนี้มีเพื่อน ๆ เข้ามาพูดคุยให้ความรู้เยอะเลยค่ะ คุยก็ไม่ทันแร้วว.. ต้องรีบไปทำงานต่อเลยไม่ได้เข้ามาคุยสักเท่าไหร่?? เอาเป็นว่าคุยกันไปเรื่อย ๆ เลยนะคะไม่ต้องรอกัน พยายามมาอ่านทุกวันอยูแร้วว..

    เนื่องจากสัญญากับห้องวิทย์ฯ ไว้ว่าจะพยายามแต่งนวนิยายที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ที่ทำให้มาสนใจศึกษาข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัย เลยต้องค่อย ๆ เล่าไปเรื่อย ๆ หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะทนอ่านได้นะคะ ก็ไม่รู้จะเล่ายังงัยให้สั้นลงกว่านี้นี่นา..:cool:
    ....................................
    prissila 2
    พอเริ่มเรียนมัธยมต้น เธอก็ยังต้องใช้ชีวิตเหมือนเดิมนั่นก็คือ เป็นหัวโจกของเพื่อน ๆ คอยปกป้องดูแลเพื่อนหญิงด้วยการใช้กำลัง ขี้เกียจ การบ้านก็ไม่ทำถึงแม้ว่าเพื่อนจะให้ลอกก็ไม่เอา เอาแต่เล่น ผลการเรียนก็.. แฮ่แฮ่.. ไม่ต้องพูดถึง แต่สิ่งนึงที่เธอไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ก็คือเธอสามารถเดินเข้าออกแผนกไหนก็ได้ถ้าเธอพอใจ ไม่ว่าจะเป็นแผนกช่างยนต์, พละศึกษา, คหกรรม, เกษตร หรือแม้แต่ห้องเรียนคนเก่งที่ใคร ๆ ก็บอกว่ามีแต่ความเคร่งเครียด ต่างคนต่างเรียนไม่มีใครสนใจใคร แข่งขันกันเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง การที่เธอเดินเข้า ๆ ออก ๆ ห้องโน่นห้องนี้อยู่บ่อย ๆ ทำให้เธอมองเห็นความแตกต่างของบุคลิกภาพของแต่ละกลุ่มที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

    วันหนึ่งเพื่อนของ เธอ 3 - 4 คน เดินกระหืดกระหอบเข้ามาหาและบอกว่า
    " Prissila! ช่วยไปส่งเราที่สหกรณ์โรงเรียนทีเถอะ เราไม่กล้าเดินไป เพราะมีรุ่นพี่ผู้ชายตั้งกลุ่มกันแซวผู้หญิงอยู่ตรงหน้าสหกรณ์ เราจำเป็นต้องไปสหกรณ์จริง ๆ " แล้วเธอก็เดินไปกับเพื่อนของเธอ
    เมื่อไปถึงชายกลุ่มนั้นเพื่อนหญิงของเธอก็พากันเกาะแขนเธอไว้เพื่อความมั่นใจ
    แต่รุ่นพี่ที่กำลังกิ๊วก๊าว ๆ อยู่เมื่อกี้นี้สิ เงียบ! ไม่มีเสียงพูดหรือเสียงหัวเราะจากพวกเค้าเลยแม้แต่คนเดียว พวกเค้าได้แต่มอง ๆ และก็มอง Prissila อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ซะจริง ๆ เชียว ก็จะไม่ให้เธออยากหัวเราะได้ยังงัย ในเมื่อหัวโจกของรุ่นพี่กลุ่มนั้นเค้าคือพี่ชายของเธอเอง คงไม่ต้องสงสัยแล้วสินะว่าเธอซ่าแบบนี้เพราะใคร..

    วันหนึ่งขณะที่เธอนั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่าเลิกทำตัวไร้สาระได้แล้ว เธอเริ่มครุ่นคิดว่าทำไมเธอถึงเรียนได้ไม่ดีเหมือนเพื่อน ๆ และเห็นเพื่อนของเธอตั้งใจอ่านหนังสือกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อเตรียมตัวสอบเข้า ม.4 เธอเริ่มคิดได้ว่าเธอควรจะตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือซะที ผลการเรียนก็เริ่มเป็นที่น่าพอใจขึ้น

    เมื่อเรียนมัธยมปลาย เธอก็ขออนุมัติไปเรียนพิเศษกับเพื่อน ๆ ที่เชียงใหม่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ โดยไปพักอาศัยอยู่กับคุณป้าเพื่อนซึ่งเป็นผู้สนใจธรรมะอย่างจริงจังและเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรุงอาหารมังสวิรัติ นี่เป็นครั้งแรกที่ Prissila เริ่มเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตโดยลำพังโดยไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่เคียงข้าง ต้องหัดช่วยเหลือตัวเองในทุก ๆ เรื่อง วันหนึ่งคุณป้าชวนเธอและเพื่อนไปเดินธุดงค์กับพระที่ อ.ฝาง สัก 2 - 3 วัน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เธอตัดสินใจไปด้วยในครั้งนี้ก็เพียงเพราะปรารถนาจะไปเที่ยวเท่านั้น แต่กลับทำให้เธอซึมซับธรรมะและวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายในป่าใหญ่จากพระอาจารย์ท่านหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เธอเริ่มสัมผัสกับพลังธรรรมชาติที่ยิ่งใหญ่จนลืมโลกภายนอกที่เธอจากมา เธอรู้สึกแปลกใจมากที่เจอชาย 2 - 3 คน มาจากคนละทิศละทางเพื่อมาร้องขอให้พระอาจารย์ท่านนี้สอนวิธีการปฏิบัติธรรมให้ เธอครุ่นคิดต่อไปว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้เค้าทั้งหลายซึ่งอยู่ไกลกันคนละทิศละทางต่างดั้นด้นเดินทางมาไกลไปถึงที่นั่น เพียงเพื่อมาเดิน ๆ นั่ง ๆ ด้วยอิริยาบทเดิม ๆ เพียงแค่นั้น?(i)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    วันนี้เรื่องในกระทู้ยาวจริงๆครับ
    เรื่องราวจากหนังสือหลายๆเล่มตอนนี้กลับมีเนื้อหาเชื่อมต่อเข้าด้วยกันจากหลายมุมมองนะครับ
    อ่านแล้วก็อดทึ่งในฝันของพี่นักเขียนไม่ได้..เจอกับตัวเองแบบนี้ยากจะบอกใครจริงๆครับ ประสบการณ์ที่อ่านแล้วขนลุกแบบนี้ผมก็จะเพิ่งทราบเหมือนกัน มองเห็นจิกซอร์ของพี่นักเขียนฯค่อยๆเปิดเผยออกมาที่ละฉาก ตอกย้ำความเป็นจริงในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ที่เกิดขึ้นพร้อมกันหมดจนมองเห็นภาพที่เดียวครับ เป็นตัวอย่างนึงที่ปรากฎขึ้นมาสอดคล้องกับความรู้ของอาจารย์อนาลัยได้เป็นอย่างดีครับ

    เห็นรูป "Do I remember..." ที่พี่นักเขียนฯได้วาดเอาไว้จากความฝัน เหมือนใบหน้าของ Jane Roberts เอามากๆ เชื่อว่าเค้าน่าจะฝันเห็นพี่นักเขียนฯเหมือนกันครับ..(ผมยังไม่เคยอ่านเรื่องของ Jane Roberts เหมือนกัน อ่านแต่เรื่องของ Abraham-Hicks..)

    การวาดภาพบุคลิกใครสักคนจากความฝันนี่ไม่ง่ายเลยครับ ถ้าเป็นภาพสถานที่ดูจะง่ายกว่า..
    ต้องจดจ่อกับรายละเอียดสูงกว่ามาก และถ่ายทอดออกมาให้ใกล้เคียงอีกด้วย
    ขนาดให้จดจำใบหน้าใครสักคนเพื่อวาดในยามตื่น ก็ยังไม่เหมือนได้ง่ายๆครับ
    ต้องใช้สติสัมปชัญญะถอดรหัสหน่วยความจำออกมาเป็นภาพจากในฝันอีก..
    พี่นักเขียนทำได้สมบูรณ์แบบมาก...ต้องขอมือให้เลยครับ..ยอดจริงๆครับ..


    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    prissila 2 ปรากฎตัวแล้ว..
    เป็นหัวโจกเลยนะครับ..ปกป้องเพื่อนๆด้วย!
    เส้นทางแต่ละคนดูไม่ธรรมดาซะแล้วครับ..
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
     

แชร์หน้านี้

Loading...