เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ถ้าคุณ IVORY มีปัญหาเรื่อง password โพสบอกได้ที่ห้องนี้เลยครับ http://palungjit.org/forumdisplay.php?f=34 ที่ห้องนี้ guest สามารถเข้ามาโพสกระทู้ได้

ผมก็เคยคิดอยากจะลองทำ animation เล่นๆ มั่งเหมือนกันครับ เคยแตะ flash นิดๆ หน่อยๆ ก็เลยพอเป็นแค่ นิดๆ หน่อยๆ อิอิ

หน้าคนในรูปวาดของพี่นักเขียน ดูแล้วรู้สึก ลึกลับๆ ไง ก็ไม่รู้นะครับ

วันก่อนอ่านอมตะแห่งจิตวิญญาณภาคปลายจบแล้ว ตอนอ่านนี่ต้องจินตนาการตามไปด้วยเลย อ่านไปก็นึกรูปไปเพื่อทำความเข้าใจกับเนื้อหาในหนังสือ

เรื่องที่อ. โนวา อนาลัยบอกว่ามีบางชาติที่เคยเกิดเป็นคนอ้วนเพราะชาติก่อนหน้านั้นเคยอดตายมาก่อน อันนี้ก็เคยอ่านเจอในหนังสือของ ดร.ไบรอัน เหมือนกันว่า คนที่อ้วนในปัจจุบันนั้น เพราะชาติก่อนหน้านั้นเคยประสบเหตุการณ์การอดอยากมาก่อน ชาตินี้ก็คงจะกินไปเยอะ ตุนไขมันไว้เยอะๆ กันอดตายอีกละมั๊ง

เอ ความเข้าใจของคุณเดรคกับข้อความนั้นในหนังสือ คือเราต้องละทุกข์ของตัวเอง หรือว่าเราต้องมีสติสัมปะชัญญะกับตัวเราให้ได้ ถึงจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อได้ล่ะเนี่ย

 

คือ แบบว่า เดรดพิจารณาจากตัวเองว่า ความทุกข์สำหรับเดรด ก็คือความไม่สบายใจ ความลังเล สงสัย หรือ ประมาณว่า ฟุ้งซ่านนะค่ะ ที่เกิดจากจิตปรุงแต่ง ไม่ได้มีสติ ระลึก ในปัจจุบันขณะ แบบ คิดไปข้างหน้า คิดไปข้างหลัง

มันก็เลยจะทำให้ เราไม่มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด พอ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร เราจะพิจารณาเห็น สิ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วบอกได้ว่า มันได้คิดไปเอง เราจะแยกสิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็น สิ่งที่รู้ ได้อย่างไร คือเดรดอธิบายไม่ค่อยถูกค่ะ อธิบายตามที่คิด

ง่ายๆ คือ ถ้าสิ่งแวดล้อม ณ ปัจจุบัน ในโลกที่เราดำเนินชีวิตอยู่ ยังติดข้อง อยู่กับสิ่งที่ ไม่ชัดเจน ยังมีคำถาม ก็ต้องหาก่อน โลกปัจจุบันยังหลงทาง แล้วถ้าไปโลกอื่น จะไปถูกเหรอค่ะ...เข้าใจเดรด กันมั๊ยเนี่ย พยายามอธิบายซะยาวเลย มันเป็นความเห็นส่วนตัวนะค่ะ เลยอยากทราบของคนอื่นๆบ้าง เพื่อขยายความเข้าใจที่มีนะค่ะ...

 

ช่วยขยายความสั้นๆนะครับ
บางครั้งเราใช้ภาษาสื่อสารกัน ก็ลำบากเหมือนกันนะครับ

สงสัยต่อไปต้องทำเป็น animation แบบคุณซิปซะแล้ว
หรือไม่ก็ต้องหัววาดภาพเหมือนให้ได้ จะได้สื่อสารได้ตรงใจกับที่คิด ที่รู้สึก

อ่านคำถามแล้ว พอจะเข้าใจความรู้สึกของคุณเดรดนะครับ
ขอกินวุ้นแปลภาษาก่อน
แปลจากภาษาความรู้สึก เป็นภาษาเขียนได้ว่า

ภายในจิตตัวเราเอง และในโลกกายภาพ เรายังรู้ไม่ชัดเลย แล้วเราจะไปเรียนรู้โลกอื่นแล้วเหรอ แล้วจะหลงทางมั๊ยเนี่ย มีวิธีแยกแยะยังไง เพื่อให้เข้าใจได้ว่า สิ่งที่เราพบ เราเจอ สิ่งไหนจริง ไม่จริง

อย่างนั้นรึเปล่าครับ ซุปเปอร์เดรด ;aa21

 

ทำไมจินตวดีดูภาพ background แล้ว รู้สึกถึงอีกตัวตนที่ดูอบอุ่น ใจดีนะ โดยเฉพาะ รอยยิ้ม เบื้องหลังคือ ความรัก

 

แวะมาทักทาย

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ
ไม่ได้หายไปไหนนะครับ แต่ไม่ค่อยได้โพสต์ ได้แต่เข้ามาอ่านแบบเร็วๆ
เห็นพูดถึงเรื่องบ้านและสวน (ไม่ใช่ชื่อนิตยสารนะ) ก็เลยอยากแจมด้วยครับ
ช่วงนี้กำลังยุ่งเรื่องบ้านที่กำลังสร้างพอดี ยังไม่มีไอเดียเรื่องการแต่งสวนเลยครับ
มีใครพอจะแนะนำได้บ้างมั้ยครับ เผื่อจะเชิญมาดูถึงที่ 555
เพิ่งกลับจากไป retreat ที่เขาใหญ่ครับ ได้เข้าไปพักที่แค้มป์ของฟาร์มโชคชัย 1 คืน สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ ห้องน้ำครับ ด้านหลังเปิดโล่งชมธรรมชาติ ดูภาพประกอบแล้วกัน สุดบรรยาย (นางแบบกล้ามากเลยเนาะ 555) อยากเอาไอเดียนี้มาใช้ที่บ้านบ้างจัง (เพื่อนบ้านจะได้แตกกระเจิงย้ายหนีกันไปหมด 555)

 

​

คุณ veggieguy กำลังประสพชะตากรรมเดียวกันเลย 5555

ที่โชคชัย ด้านหลังเปิดโล่ง ท่าทางลมจะเย็นดีนะครับ ที่นั่นอากาศดีมากๆนะครับ มีทั้งลำธาร ภูเขา ทุ่งหญ้า ไปทีไรก็สดชื่นทุกที

ถ้าข้างมีพื้นที่กว้างขวาง ปลูกเป็นป่าอเมซอนเลย ท่าจะเวิร์ค ใช้หินกาบทำน้ำตกและทำระบบไหลเวียนน้ำ จากน้ำตก และมีแนวท่อฉีดให้ความชุ่มชื้นต้นไม้ไปในตัว (คิดเอาไว้แต่ยังทำไม่ได้ เพราะพื้นที่ไม่พอ)

เอาไอเดียแต่งห้องน้ำมาฝากครับ
ถ้าสร้างสวนเป็นพื้นที่จำกัด ต้องมีอากาศถ่ายเท มีแสงถึง และทำรางน้ำแยกเอาไว้ครับ
เลือกต้นไม้ที่เหมาะกับไว้ในห้องน้ำครับ

ได้ tip อย่างนึงมาฝาก คุณ veggie guy น่าจะรู้แล้วครับ
จุดประสงค์ของการใช้หินทรายมาประดับผนัง ไม่ได้ช่วยแค่ความสวยงามอย่างเดียว แต่คุณสมบัติของหินทรายจะช่วยให้บ้านไม่ร้อน เพราะจะเป็นตัวดูดซับความเย็นไว้
หากบ้านไหนมีผนังหันไปทางทิศตะวันออก หรือทิศตะวันตก นำหินทรายแท้มาประดับจะช่วยได้เยอะเลยครับ

เอาต้นไม้มาลงครับ เพื่อนๆมาช่วยกันปลูกหน่อย คนละไม้คนละมือ อิอิ ;aa21

 

เห็นด้วยกับคุณเด็กโชว์พาวอย่างแรงเลยค่ะ การตัดสินใจเลือกเส้นทางการเรียนรู้ของแต่ละคนอย่างมีสติล้วนเป็นการเส้นทางการเรียนรู้ของจิตวิญญาณแต่ละคนเพื่อบรรลุเป้าหมายของจิตวิญญาณบางอย่าง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์จำเพาะของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดในร่างกายเนื้อหนังของแต่ละตัวตน ไม่ว่าเส้นทางที่เราเลือกจะถูกหรือผิดก็เป็นไปเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยกันทั้งสิ้น ขณะนี้ขจรวรรณก็รับรู้ว่าประสบการณ์การเรียนรู้ทางจิตวิญญาณของตัวเองตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนั้นและกำลังจะเรียนรู้ต่อไปในอนาคต ต่างก็สนับสนุนการเรียนรู้ของเราให้ขยายออกไปอย่างไม่มีขอบเขตจำกัดค่ะ.. ความรู้ที่แท้จริงของจิตวิญญาณไม่เพียงได้จากการอ่านหรือฟังจากผู้อื่นเท่านั้นแต่ต้องเกิดจากประสบการณ์ของเราเองด้วยจึงจะเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งและลุ่มลึกเข้าไปในจิตวิญญาอย่างแท้จริง และเชื่อว่าความกลัว ความลังเลสงสัยเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้จริง ๆ ค่ะ..

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ zipper
เอ ความเข้าใจของคุณเดรคกับข้อความนั้นในหนังสือ คือเราต้องละทุกข์ของตัวเอง หรือว่าเราต้องมีสติสัมปะชัญญะกับตัวเราให้ได้ ถึงจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่อได้ล่ะเนี่ย

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kindred
คือ แบบว่า เดรดพิจารณาจากตัวเองว่า ความทุกข์สำหรับเดรด ก็คือความไม่สบายใจ ความลังเล สงสัย หรือ ประมาณว่า ฟุ้งซ่านนะค่ะ ที่เกิดจากจิตปรุงแต่ง ไม่ได้มีสติ ระลึก ในปัจจุบันขณะ แบบ คิดไปข้างหน้า คิดไปข้างหลัง

มันก็เลยจะทำให้ เราไม่มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด พอ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร เราจะพิจารณาเห็น สิ่งที่มันเกิดขึ้น แล้วบอกได้ว่า มันได้คิดไปเอง เราจะแยกสิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็น สิ่งที่รู้ ได้อย่างไร คือเดรดอธิบายไม่ค่อยถูกค่ะ อธิบายตามที่คิด

ง่ายๆ คือ ถ้าสิ่งแวดล้อม ณ ปัจจุบัน ในโลกที่เราดำเนินชีวิตอยู่ ยังติดข้อง อยู่กับสิ่งที่ ไม่ชัดเจน ยังมีคำถาม ก็ต้องหาก่อน โลกปัจจุบันยังหลงทาง แล้วถ้าไปโลกอื่น จะไปถูกเหรอค่ะ...เข้าใจเดรด กันมั๊ยเนี่ย พยายามอธิบายซะยาวเลย มันเป็นความเห็นส่วนตัวนะค่ะ เลยอยากทราบของคนอื่นๆบ้าง เพื่อขยายความเข้าใจที่มีนะค่ะ...

</TD></TR></TBODY></TABLE>ความรู้สึกของคุณเดรตนี้ขจรวรรณก็พึ่งผ่านมาได้ไม่นานนี้เองค่ะคุณเดรต ตอนแรกขจรวรรณก็เข้าใจว่าสติสัมปะชัญญะของตัวเองไม่คมชัดพอ แต่เมื่อมาพิจารณาดูแล้วก็พบว่าขจรวรรณนั้นหลังจากได้ฝึกสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4 มาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วมานั้น เราก็มีสติรู้ภาวะทางกายและอารมณ์ภายในอยู่เสมอแต่ไม่สามารถดับอารมณ์ให้หายขาดไปได้ ช่วงวัน 2 วันนี้ก็ได้มีโอกาสเจอครูบาอาจารย์หลายท่านช่วยขยายความส่วนที่เรายังไม่เข้าใจให้เข้าใจได้มากขึ้น และพบว่าความรู้ต่าง ๆ ที่ท่านให้มานั้นมีความสอดคล้องกับความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัยและพี่นักเขียนเป็นอย่างมากแต่เราความเข้าใจของเราตกหล่นไป นั่นก็คือเราต้องฝึกแยกจิต ( ตัวตน ) ของเราอันเป็นออกมาจากอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่อยู่กับภาวะทางกายภาพของเราออกมาอีกตัวตนหนึ่งเพื่อเป็นผู้สังเกตุการณ์ เพราะตัวตนนี้จะไม่นำอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดมาพิจารณาตัดสินแต่จะพิจารณาด้วยความเป็นกลางมากว่าตัวตนที่อยู่กับรูปกายทางกายภาพ เพราะเป็นตัวตนที่ปราศจากการปรุงแต่งจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 เนื่องจากเราคงไม่สามารถดับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดนั้นไปได้

ตอนนี้ขจรวรรณเหมือนกำลังมองดูตัวเองขยับกายไปมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุกที่สามารถทรงตัวอยู่ได้เองโดยที่เราไม่ได้มีความอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดร่วมไปด้วยค่ะ..

จิตวิญญาณ คือข้อมูลความรู้ ความทรงจำข้ามชาติ ซึ่งถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์ จินตนาการ และความรู้สึกนึกคิด
_ sweet Home __ sweet Home __ sweet Home _

 

รูป background นั้นเหมือนมีอีกตัวตนนึงที่เป็นผู้สังเกตการณ์นะครับ

เมื่อคืนเพิ่งทานวุ้นรสส้มไปสองชิ้น คุณเซลล์รู้อีก
ขอทานวุ้นแปลภาษาเพิ่มด้วยครับ (คงเป็นของโดเรมอน?)

จากข้อความข้างบนของอาจารย์อนาลัย น่าจะหมายถึงการที่เรามาเกิดเป็นมนุษย์แบบนี้
เราควรต้องเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ให้กระจ่างแจ้งควบคู่กันไปด้วย
เพื่อจะรู้ให้ได้ว่ามนุษย์นั้นแท้จริงเป็นยังไง โลกทางกายภาพนี้เป็นยังไง..
ถ้ารู้จักแต่ด้านจิตวิญญาณแบบสุดโต่งแต่เพียงด้านเดียว โดยไม่สนใจโลกทางกายภาพเลย
ก็จะไม่เข้าใจและไม่เรียกว่าเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ได้อย่างถ่องแท้
เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการขยายความขอบเขตความเข้าใจความรู้ไปสู่มิติอื่นๆได้กว้างไกล
ละเอียดยิ่งขึ้นด้วยความถูกต้อง+ไม่สับสนลังเลครับ

ถ้ายกตัวอย่างก็ดังเช่น พระศาสดาทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู พระโมอัมหมัด..
ท่านเองก็ต้องเรียนรู้ การมีเลือดเนื้อแบบมนุษย์ว่าเป็นเช่นใด..ความเจ็บปวดเป็นยังไง
การอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของมิติโลกต้องปฎิบัติเช่นไร ธรรมชาติเป็นอย่างไร
การหลุดพ้นของมนุษย์จะต้องทำอย่างไร เป็นมนุษย์อย่างไรจึงจะสมบูรณ์ได้ในที่สุดครับ
การมาแชร์ทำความเข้าใจกันแบบนี้ผมว่าขยายมุมมองออกไปได้เยอะดีนะครับ..

 

ขอบคุณค่ะ คุณ mead และคุณเซลล์ ที่มาช่วยขยายความเข้าใจ เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น

คำว่าการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ อาจไม่มีมาตรฐานใดมาวัดได้ เพราะแต่ละจิตวิญญาณต่างเลือกมาถือกำเนิด ในร่างกายเนื้อหนังที่มีจุดมุ่งหมายต่างกัน ตามเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล

ความสุข หรือ ความสำเร็จ ความร่ำรวย ของคนๆหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่า จะถือเป็นความสมบูรณ์ ของอีกคนหนึ่ง ทั้งนี้และทั้งนั้น การเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณ จึงไม่มีสิ่งสูงสุด หรือต่ำสุด มีแต่จะขยายออกไปเรื่อยๆ อย่างเดียว

การเปิดมิติอื่นๆ จึงเป็นการขยายความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ในมิติที่เราต้องรับผิดชอบ คือมิติของโลกทางกายภาพของเรา ที่เราเลือกมาถือกำเนิดพร้อมเป้าหมายนั้นๆ ได้ดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์ และบรรลุวัตถุประสงค์แล้วหรือยัง..

 

ขอ ขอบคุณ คุณขจรวรรณมากค่ะ ที่มาเปิดมุมมองทางด้าน การปฏิบัติทางศาสนาให้ทราบ
เดรดเองไม่ได้ ศึกษา และเป็นนักปฏิบัติจริงจัง เหมือนคุณขจรวรรณ จึงอาจมองไม่เห็นแง่คิดด้านนี้ เท่ากับมาช่วยขยายมุมมองที่เดรดอาจ มองข้ามไป เดรดจะพยายามทำความเข้าใจ ให้มากกว่านี้ค่ะ

 

เอาของเล่นใหม่มาฝาก
เวปนี้เค้าให้สร้าง avatar หน้าคล้ายๆตัวเองได้ด้วย
โดดเข้าไปสร้างหน้าตาตัวเองเป็นการ์ตูนได้ที่นี่เลยครับ

รูปนี้ลองทำตัวเองดู ลองทำกันดูตามขั้นตอนนะครับ...

 

ขอบคุณมากค่ะ...สร้างสรรค์จริงๆเลย
สุดยอด...อิอิ

 

ขอร่วมสนุกด้วยคนนะครับ

ภาพบน: ข้าพเจ้ารู้สึกว่าแววตาของบุคคลในภาพนั้นแสดงให้เห็นถึงพลังของความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการที่คมชัด เมื่อมองแล้วทำให้เรารู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกเพ่งหรือจ้องแต่ถ้าดูนานๆ เราจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและมีเมตตาแฝงอยู่ในแววตานั้น ส่วนbackgroundเปรียบเสมือนมิติหรือชาติภพ และจินตนาการกับความฝัน

ภาพล่าง: ตามความรู้สึกของข้าพเจ้า ภาพนี้บ่งบอกถึงความมืดและความสว่างหรือความดีกับความชั่ว ซึ่งความดีจะอยู่ทางด้านที่สว่างจะเห็นว่าดอกไม้ที่อยู่ทางด้วนสว่างจะสวยสดงดงามและกลีบดอกจะอุดมสมบูรณ์ดูแล้วสบายตายสบายใจให้ความรู้สึกถึงความสุข ส่วนทางด้านมืดจะเห็นว่ากลีบดอกจะไม่สมบูรณ์บางกลีบก็มีตำหนิดูแล้วหดหู่และไม่เบิกบานใจ กลุ่มก้อนของดอกไม้เปรียบเหมือนสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี ผู้ที่ทำดีย่อมมีแต่ความสุข ส่วนส่วนผู้ที่ทำไม่ดีหรือทำชั่วย่อมพบแต่ความทุกข์

 

avatar ครับ...เสร็จซะที

 

เห็นคุณเซลล์กับคุณเวกกี้กำลังร่วมชะตากรรมคล้ายๆกันเลย ขอแนะนำเทคนิคการแต่งบ้าน-จัดสวนให้เล็กๆน้อยๆ จะได้ใส่จินตนาการได้เต็มที่และประหยัดงบด้วยครับ หากต้องการทำแผงน้ำตก sculpture หรืออุปกรณ์จัดสวนแปลกๆตาล่ะก็ นี่เลยครับ ..."โฟม"...

ใช้ โฟม เป็นวัสดุภายในจะขึ้นรูปทรงอะไรก็ได้ครับ เมื่อมีโครงสร้างแล้วก็เอาโฟมประกอบเป็นรูปทรงที่ต้องการเข้าไปครับ ใช้กาวตะปูทาโฟมให้ติดกัน เสียบเหล็กเสริมยิ่งดี ติดตะแกรงเหล็กกรงไก่ลงไปบนโฟม จากนั้นใช้ปูนซิเมนต์ผสมน้ำยาประสานคอนกรีตชนิดน้ำ (bonding agent) ผสมลงในซีเมนต์ฉาบได้เลย จะผสมสีลงไปตรงนี้ก็ได้ครับ..แต่จะสวยและเหมือนจริงขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับการแกะโฟมด้วยครับ..เผื่อว่าเพื่อนๆเอาเทคนิคนี้ไปลองทำกันดูครับ

จริงๆแล้วโฟมเอามาทำผนังบ้านก็ได้อีก คือฉาบซีเมนต์ประกบ 2 ด้านแบบแซนวิช ก็แข็งแรงเหลือเชื่อ แต่"ความเชื่อ"ที่คิดว่าโฟมไม่แข็งแรงหรือกันไฟไม่ได้ก็ยังมีอยู่ ในต่างประเทศใช้กันแพร่หลายมาก เค้าเอาไปทำตอหม้อหรือบันไดยังได้เลยครับ สำหรับข้อดีมีเยอะกว่ามาก เป็นฉนวนทำให้อุณหภูมิคงที่ช่วยประหยัดพลังงาน แมลงไม่ยุ่ง น้ำหนักก็เบา ประหยัดค่าก่อสร้างลงไป 30-50% จึงขอเอามาแนะนำเพื่อนๆครับ

 

ขอบคุณครับคุณ mead น่าสนใจมากๆ
ว่าแต่ในเมืองไทย มีการนำมาทำเป็นผนัง และสร้างรึยังครับ
เห็นเค้านำโฟมมาติดใต้หลังคา ทำเป็นฉนวนกันร้อน-เย็น และก็กันเสียงได้ด้วย
แต่ที่นำมาฉาบซีเมนต์ ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน
แล้วอย่างนี้ บ้านโฟมจะทำหลายๆชั้นได้รึเปล่าครับ น่าคิดๆๆ

 

อ้าว คุณเซลล์ไม่หลงกลแฮะ..ถอดหน้ากากซะดีๆครับ อิอิ

 

ตะหงิดๆๆ เลยใส่หน้ากากไว้ก่อน
คุณ mead เนี่ย ร้ายจริงๆ อิอิ
ไป search ข้อมูลมา มีคนสร้างบ้านด้วยบ้านโฟมในไทย
แต่ไม่รู้รายละเอียดว่า เค้ามีลงเสา ลงคานรับไว้ด้วยรึเปล่าครับ
ถ้าไม่มีเนี่ย ลมโชยมา ได้เป็นบ้านเหาะแหงมๆ อิอิ

 

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นทำกันสนุกมากเลยครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=146971


ส่วนเมืองไทยก็มีอ.สำเริง ฤทธิ์พริ้ง วิศวะกรของบ้านซีคอนครับ
เพิ่งไปเจอท่านมาเมื่อวันก่อนครับ ท่านก็เลยบอกสูตรลับมาให้..
ว่าใช้เทคนิคอะไรบ้างลองไปดูที่นี่ครับ อาจารย์รับประกันความแข็งแรงนำมาแทนอิฐได้ทุกด้าน
แถมบอกว่าความเชื่อคนเรานี่เปลื่ยนแปลงยากหน่อยครับ ไม่ลองไม่รู้

http://www.planban.net/index.php?view=article&catid=23%3A2008-06-05-18-54-19&id=305%3A---1-&option=com_content&Itemid=20
http://www.oknation.net/blog/civil/2008/08/07/entry-1
http://www.oknation.net/blog/civil/2008/08/30/entry-1

ส่วนอันนี้เป็นความรู้ทั่วไปสำหรับคนสร้างบ้านครับ มีแทบทุกเรื่อง
http://www.oknation.net/blog/search_blog.php?page=1&keyword=&cate_id=18

 

บ้านสำเร็จรูปที่สร้างขาย ที่ต่อกันเหมือนจิ๊กซอว์
อย่างเร็วๆก็ประมาณ 2 เดือน
แต่บ้านโฟม 7 วันเท่านั้น
ความเร็วนี้สุดยอดเลย ถ้าทำเป็นแคมป์ เป็นบู๊ธ ร้านค้าต่างๆ รวดเร็วทันใจ แถมดีไซน์ได้หลากหลายเลยนะครับ
แต่ถ้าหลายๆชั้น ต้องมีการตอกเสาเข็ม และวางคานรึเปล่าครับ
ว่าแต่ราคาก่อสร้าง 70 ตร.เมตร 1 ล้านบาท เหรอครับ
แล้วเมื่อต้องการแต่งเติม ทุบทิ้ง จะเอาโฟมไปรีไซเคิลกลับมาทำอีกได้มั๊ยครับ