เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณพี่นักเขียนมากครับที่ช่วยไขข้อข้องใจและให้ความกระจ่างในเรื่องนี้แก่ข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าก็รู้สึกเหมือนกันว่าเป็นผู้รับเอามากไป ต่อไปคงจะต้องเรียนรู้ในการปรับเปลี่ยนมาเป็นผู้สังเกตุการณ์หรือผู้รับรู้ดูบ้าง ;aa20

    ขอบคุณอีกครั้งครับ
     
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อหลายวันก่อนฝันเห็นคุณนักเขียนหันหลังเขียนวันเดือนปี แปลกๆ คุณนักเขียนเดินเข้าไปหาคุณรีเบคก้า เธอนอนอยู่บนเดียง ทำไมจินตวดีรู้สึกเหมือนเป็นคนไปยืนมองเธอเอง เธอมองตอบไม่พูดอะไร เธอมองเงียบ ๆ น่าแปลกตรงที่ว่า เคยเห็นคุณรีเบคก้าแต่ในรูปเท่านั้น
    ยังคิดถึงทุกคนเหมือนเดิม ช่วงนี้งานเยอะ ไม่ได้เข้ามาอ่านเลย
     
  3. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณคำแนะนำที่ชัดเจน และดีมากๆครับ
    ผมลองฝึกตามที่พี่นักเขียนบอก คือ ประคองความรู้สึก และอารมณ์เอาไว้ ข้อมูลที่ฝันไปจะผุดขึ้นมาจริงๆ แต่มีปัญหาอยู่ที่ว่า พอประคองเอาไว้ และมั่นใจว่าจำได้หมดแล้ว แต่จังหวะที่จะมาจดลงสมุด กลับหล่นหายไปดื้อๆ ตรงนี้จะแก้ไขยังไงดีครับพี่นักเขียน ;welcome2

    เวลาอ่านหนังสือ อ.อนาลัย ก่อนนอน จะง่วงมาก จนทนไม่ไหว ต้องหลับตาไปซักครู่ เหมือนพักไปครู่นึง แล้วมาอ่านใหม่

    กระบวนการของสมองซีกซ้ายถูกปิด และเคลื่อนตัวมายังสมองซีกขวา
    เพราะการทำความเข้าใจกับหนังสือ ไม่ใช่ความถนัดของสมองซีกซ้าย เลยต้องปิดทำการชั่วคราว

    เช่นเดียวกับเวลาหลับ สมองซีกขวาเปิดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อจะเปลี่ยนการจดจ่อมายังสมองซีกซ้ายที่สัมพันธ์กับภาวะทางกายภาพ เหมือนการเคลื่อนผ่านรอยต่อนี้กลับมา (รอยต่อเป็นคำที่ใช้แทนจุดอ้างอิงครับ) ภาวะรอยต่อการเปลี่ยนแปลงจากสมองซีกขวา มาซีกซ้าย และซีกซ้ายไปซีกขวานั้น จะเทียบได้กับภาวะกายหลับ จิตตื่นได้หรือไม่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2008
  4. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    คุณพี่นักเขียนครับข้าพเจ้าขอรบกวนถามคุณพี่นักเขียนอีกสักเรื่องนะครับว่าทำไมเมื่อไม่กี่วันมานี้ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าผู้บังคับบัญชาในที่ทำงานของข้าพเจ้าคือตัวของข้าพเจ้า เวลาประชุมอยู่ด้วยกันมีความรู้สึกว่าเขาคือเราและเราคือเขา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน บางครั้งยิ่งมองนานๆยิ่งรู้สึกว่าเป็นเราทั้งสองร่างเลย เวลาเขาพูดในที่ประชุมรู้สึกเหมือนเราพูดเอง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ ตอนนี้รู้สึกงงกับตัวเองจริงๆ

    ขอบคุณครับ
     
  5. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ก่อนที่คุณพี่นักเขียนจะตอบ...ข้าพเจ้าเข้าใจว่าน่าจะเป็นการจดจ่ดและดึงดูดหรือรับเอาอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเขามาคล้ายกับกรณีของเรื่องที่แล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเพิ่งมาเป็นในช่วงนี้ และเริ่มจะไม่ใช่แค่รู้สึกแบบนี้กับคนๆเดียวเดียว

    ขอรบกวนพี่นักเขียนด้วยนะครับ
     
  6. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    ในเรื่องที่เราสามารถสร้างโลกแห่งความจริงจากความเชื่อนี่อ่ะครับ สิ่งพื้นฐานที่ผมเชื่อต่างก็ผุดขึ้นมาในโลกแห่งความจริงและผมมองเห็นมันมากมาย แต่สิ่งที่ตัวของผมในปัจจุบันเชื่อว่ามันเป็นสิ่งสำคัญบางอย่าง และในช่วงเวลาที่มีความท้าทายมากถึงที่สุด ผมก็ยังไม่สามารถเอาชนะความรู้สึกตรงนั้นได้จริงๆ คงต้องพยายามกันต่อไปอ่ะครับ
     
  7. cottonn

    cottonn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    อยากจาทราบว่า ตอนนี้หนังสือมีขายที่ร้านขายหนังสืออะไรบ้างอ่ะค่ะ อยากซื้อเก็บเป็นเล่ม อ่ะค่ะ แล้วก็อยากอ่านสองเล่มสุดท้ายมากๆๆๆๆๆ แหะๆ ช่วยตอบหนูหน่อยนะค๊า
     
  8. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ตอนนี้มีให้ดาวน์โหลด ที่ลิงค์ของพี่นักเขียนครับ ;aa21
     
  9. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419

    สวัสดีครับคุณcottonn

    ถ้าต้องการเป็นหนังสือลองไปถามที่ร้านซีเอ็ดดูสิครับ ข้าพเจ้าก็ซื้อมาจากที่นั่นแต่ว่านานแล้วไม่ทราบว่าจะยังมีอยู่หรือเปล่า ตอนที่ข้าพเจ้าซื้อก็ตัดสินใจซื้อทั้งสิบเล่มเลยเพราะสนใจมากและรู้สึกว่ามีคุณค่าควรแก่การเก็บสะสมเอาไว้

    ลองดูนะครับ ถ้าข้าพเจ้าผ่านไปที่ร้านแถวๆอาศรม (...บ้าน) ของข้าพเจ้า จะลองถามให้ด้วยครับ

     
  10. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    ขอบคุณพี่นักเขียนค่ะ ริศาลองทำแบบที่พี่นักเขียนสอน ทั่งขาเข้า ขาออก ประคองจิตก่อนกาย ตอนแรกคิดว่าคงยากน่าดูเลย แต่เอาคำพูดพี่นักเขียนมาอ่านซ้ำช้าๆ อ่านแล้วอ่านอีก จนเปรียบเสมือนคำพูดพี่นักเขียนก้องอยู่ในหัว

    ลองทำดูแบบที่จิตว่าง ปล่อยร่างกายให้สบาย ปรากฏว่า ทำได้ดีทีเดียวค่ะ ก่อนตื่นก็ประคองจิตให้ดี จดจำความฝันได้ดีทีเดียว ตอนนี้ก็ได้พล็อตที่จะเขียนแล้ว เหมือนอยุ่ๆมันก็ผุดขึ้นมา ทั้งฉาก ทั้งคำพูดผุดขึ้นมาราวมันอยู่มานาน รอเรามาหยิบไปเท่านั้นเองค่ะ

    นึกถึงเรื่องที่เขียนผ่านๆมา เสียดายว่าไม่ได้จดไว้ว่า ทำไมอยุ่ๆเขียนเรื่องนั้นขึ้นมา มีวิธีหาพล็อตยังไง ต่อไปทุกนาทีทุกรายละเอียดของชีวิต คงต้องจดเอาไว้แล้ว

    ขอบคุณกับคำแนะนำของพี่นักเขียนและความอดทนที่จะตอบคำถามที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่เบื่อหน่าย

    ทุกคำตอบเป็นไปเช่นน้ำตกที่ไหลรินให้คนอ่านได้เย็นใจจริงค่ะ ตอนอ่านคำตอบริศารู้สึกเหมือนนั่งอยู่น้ำตก เป็นน้ำตกที่เชียงใหม่ค่ะ น้ำตกไหลลงเอื่อยๆเย็นและใส นึกถึงความรู้สึกแบบนั้น นั่นคือน้ำตกที่เล่นอย่างสบายใจที่สุดครั้งสุดท้าย ต่อมาไม่เคยเล่นน้ำตกที่ไหนสบายใจเลยค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร
     
  11. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    สุดสัปดาห์นี้ขอให้เพื่อนๆทุกคนรวมทั้งคุณพี่นักเขียนมีความสุขและสนุกกับการฝันนะครับ...แล้วอย่าลืมทำสมาธิด้วยล่ะ
    ;aa22
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    บางทีความฝันนี้อาจมีความหมายอะไรบางอย่างนะคะพี่จินต์ ขจรวรรณเองก็มีความฝันหนึ่งที่ฝันตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วแต่คิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติ แต่พึ่งจะเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วเป็นความฝันที่จิตวิญญาณพยายามสื่อสารกับตัวตนทางกายภาพให้เข้าใจถึงสัญชาติญาณแต่ก็ไม่เข้าใจ ความฝันบางความฝันก็มีความหมายลึกซึ้งจนยากที่สมองทางกายภาพจะเข้าใจเหมือนกันค่ะ..
    .........................................
    ฝันว่ามีกลุ่มคนอยู่ 2 กลุ่ม
    กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มใหญ่มาก มีคนนั่งอยู่บนต้นไผ่สูงมากลักษณะการนั่งจะเป็นลำดับขึ้นไปคล้ายแสตนเชียร์กีฬากำลังดูละครเวทีอยู่ ที่นั่งนั้นมีอยู่เต็มไปหมดทั้งหน้าเวทีและด้านข้างทั้งสอง

    กลุ่มที่ 2 เป็นคนกลุ่มน้อยที่กำลังยืนมองผู้คนทั้งหมด ซึ่งขจรวรรณก็ยืนรวมกับคนกลุ่มนี้อยู่ แต่ในความรู้สึกของตัวเองนั้นเรารู้จักและสนิทสนมกับคนกลุ่ม 1 มากพอสมควร ก็คิดออกไปจากกลุ่มเพื่อไปทักทายกับพวกเค้า ขณะที่เราเดินไปหาพวกเค้า เราต้องตะแคงข้างเพื่อเดินเข้าไประหว่างต้นไผ่หรือที่พวกเค้านั่งกันอยู่ข้างบนสูงเสียดฟ้า พอเราเดินเข้าไปได้ครึ่งทางกลับพบว่าที่นั่งของคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมดล้มลงไประเนระนาดไปหมด แล้วสติข้างในก็สั่งให้วิ่งให้เร็วที่สุดเราก็วิ่งออกมาจนสุดชีวิต แต่พอหันกลับไปข้างหลังกลับเห็นทุกสิ่งทุกอย่างราบเป็นหน้ากองเหมือนถูกน้ำซัดพาออกไปหมด แล้วเพื่อน ๆ ที่ยืนดูอยู่เค้าก็ยื่นมือออกมาให้เราจับด้วยความดีใจ

    ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันค่ะเพราะปกติเวลาฝันเห็นน้ำจะฝันว่าตัวเองอยู่บนสะพานหรืออยู่ในที่สูง ๆ เหมือนเป็นเพียงผู้ที่ยืนดูอยู่ แต่ครั้งนี้จะฝันว่าตัวเองต้องวิ่งหนีสุดชีวิตค่ะ..
    ;welcome2
     
  13. cottonn

    cottonn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณ คุณธรรมจิตต์ กับคุณเซลล์นะค๊า จากไปเดินหาดูที่ซีเอ็ดก่อนแล้วกันค่ะ เพราะอยากได้เป็นเล่มสวยๆ อิอิ
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จะรออ่านผลงานเขียนนะครับคุณริสา เสร็จเมื่อไหร่แจ้งข่าวพวกเราบ้างก็ดีครับ
    คำตอบของพี่นักเขียนเปรียบเหมือนน้ำตกที่เย็นชุ่มฉ่ำจริงๆ มีหลายๆคนพูดถึงครับ
    ทว่าลำพังความรู้ความเข้าใจคงยังไม่พอครับ จิตวิญญาณยังต้องแสวงหาประสบการณ์จริงอย่างถึงที่สุดอีกด้ว


    คุณ Cottonn ครับ หนังสือที่ร้านซีเอ็ดตอนนี้คงหาไม่เจอแล้วครับ
    คงต้องอ่านหรือโหลดจากเวปของพี่นักเขียนก่อนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2008
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    การที่พวกเราหลายคนและผู้อ่านจำนวนมากที่ติดตามอ่านเพื่อค้นหาความรู้จากห้องวิทย์ฯด้วยแรงดึงดูดใดๆก็ตามที่ทำให้มาพบกันตรงนี้ เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ ที่มองเห็นง่ายที่สุดก็คือ ทุกคนเปิดใจกว้างเพื่อเรียนรู้มุมมองใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ทางเลือกที่เราคัดสรรครับ ความรู้แนวนี้ทางตะวันตกเรียกว่า New Age ครับ เป็นกระแสความเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณที่แสวงหาคำตอบและความเข้าใจโดยที่ไม่อิงกับศาสนา มีอิสระภาพ เป็นสากลและเป็นธรรมชาตินะครับ

    ไม่ทราบเพื่อนๆเข้าใจกับคำว่า "สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน"คิดว่ายังไงบ้างครับ ลองอธิบายตามที่เข้าใจดูหน่อยนะครับ รู้สึกว่าคำนี้มีอะไรที่ลึกล้ำจริงๆครับ คุณเซลล์ คุณเดรดถ้าอยู่แถวนี้ มาก่อนเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2008
  16. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    มาสวัสดีคุณมีด หัวหน้าห้อง เรื่องที่เขียนคงอีกสักสองเดือนน่าจะเสร็จค่ะแต่คุณมีดคงไม่อ่านนิยายรักมังคะ มาตอบคำถามหัวหน้าห้องดีกว่า

    สรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียว
    คำกล่าวนี้หากฟังเผินๆอาจเป็นคำพูดที่ฟังดูง่ายๆ คืออะไรทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวไงละ แต่หากนึกถึงความเป็นจริงแห่งชีวิตนับแต่ลืมตามาดูโลก เราต่างถูกแบ่งแยกออกมานับแต่วินาทีนั้น ลูกใครลูกคนนั้น ครอบครัวใครก็ครอบครัวใคร แม่ฉันแม่เธอ อันนี้ว่ากันระดับครอบครัว หากกล่าวถึงระดับประเทศ มันเป็นความอุกอาจของมนุษย์ที่แบ่งธรรมชาติออกมาเพื่อบ่งบอกเขตแดนของตน แม่น้ำสายหนึ่งถูกแยกเป็นสอง ฝั่งฉันฝั่งเธอ ดูอย่างแม่น้ำโขงหรือดูแม่น้ำสาละวินนั่นปะไร รบรากันเพียงเพราะล่วงล้ำเขตแม่น้ำของกระเหรี่ยงสองกลุ่ม ผู้คนมากมายตายจากไปนับหลายสิบปีจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ การแบ่งแยกยังไม่เคยจบลง

    ธรรมชาติไม่เคยแบ่งแยก ต้นไม้ไม่เคยมีสองในหนึ่งเดียว หากจะมีกาฝากสักต้นหล่นปุลงไปอาศัยเกาะกิ่งก้านไม้ใหญ่สักต้นหวังได้เติบโต ไม้ใหญ่ไม่เคยสลัดกิ่งก้านที่ถูกเกาะ กลับรวมกันอยู่ร่วมเพื่อเติบโต แม่น้ำแม้แยกสายหากเมื่อไหลบรรจบก็พบว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน

    โลกสีน้ำเงินนี้จะเกิดจากหนึ่งเดียวแล้วขยายหรือเกิดจากสิ่งใดก็แล้วแต่เถอะ แต่ทุกสิ่งล้วนอาศัยอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน เราต่างต้องการที่เฉพาะตนเท่านั้น เราล้วนอาศัยอยู่ในที่ว่าง เช่นเราเข้าไปนั่งในห้องๆหนึ่งหากห้องไม่ว่างเราก็คงไม่อาจเข้าไปนั่งได้ เมื่อเข้าไปเราแลกเปลี่ยนส่วนหนึ่งของเรากับอากาศข้างใน รวมกันแยกกันและกลับมารวมกันอีกครั้ง เป็นจังหวะตามลมหายใจ และแลกเปลี่ยนกับลมหายใจของสิ่งอื่นๆคนอื่นๆ

    คงเป็นแบบนั้นละค่ะ เราทุกคนทุกชีวิต ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน แลกเปลี่ยนลมหายใจ แลกเปลี่ยนความรู้สึกการรับรู้ของสิ่งต่างๆ เรากินอาหารที่เป็นซับเซ็ทของสรรพสิ่ง เซลล์ในตัวเราที่เป็นซัพเซ็ทของสรรพสิ่งก็ตายลงทุกวัน เกิดขึ้นใหม่ทุกวันด้วยอาหารที่กินเข้าไปและกลับเป็นส่วนหนึ่งของโลก อันเป็นซัพเซ็ทของสรรพสิ่งเช่นกัน ดังนั้นสรุปว่าเราและสิ่งอื่นๆก็คงเป็นซัพเซ็ทของสรรพสิ่ง
    พูดวนไปวนมา คงจะพอแค่นี้ละค่ะ คนอื่นว่าไงคะ
     
  17. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    "สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน"
    โห หัวหน้าตั้งคำถามยากมากเลยค่ะ ยากมาก ที่จะอธิบายออกมา เป็นตัวอักษร แต่ก็จะลองพยายามอธิบายดูนะคะ ...อ่านแล้ว งง อย่าถือสานะคะ

    เดรดคิดว่า ในโลกกายภาพที่เราสัมผัสกันอยู่ ในภาวะของเครื่องพรางทั้งหลาย การทำความเข้าใจ ในเรื่องการเป็นหนึ่งเดียว ค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจาก เรามีสัมผัสทั้ง 5 ที่คอยแยกแยะ สกรีนสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ทั้ง หู ตา จมูก ปาก การสัมผัส ในการ เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รับรส

    แค่ถ้าเราลองหลับตา นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ แล้วใช้สัมผัสภายใน เราจะเข้าใจได้มากกว่า เนื่องจาก ไม่มีเครื่องพรางใดๆมากระทบ ให้เกิดการตัดสิน แยกสิ่งต่างๆ ออกจากกัน ในโลกของการสื่อสารกับตัวตนภายใน เราใช้เพี่ยงอารมณ์ จินตนาการ และความรู้สึกล้วนๆ แล้วเราก็จะรับรู้ได้ว่า ไม่มีอะไรแปลกแยก

    ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนึกถึงใคร หรืออะไร เราก็จะกลายป็นคนคนนั้น หรือสิ่งนั้น เพราะในจินตนาการ จะปรากฏภาพของบุคคลที่เรานึกถึง หรือ เรื่องราวสิ่งของที่เรานึกถึง แต่ในโลกทางกายภาพ เราจะเห็นคนๆนั้น หรือสิ่งของนั้นๆ จริงๆ ซึ่งมันแปลกแยกไปจากตัวเรา

    เพราะฉะนั้น คำว่า"สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน" จะเกิดภาวะที่ทำให้เราเข้าใจ ขึ้นได้ จากการจินตนาการของเราเอง โดยละประสาทสัมผัสทั้ง5 เสียก่อน เพราะเมื่อเรากลายเป็นทุกสิ่ง ทุกสิ่งก็จะเป็นเรา และเป็นหนึ่งเดียวกัน

    เดรพยายามอธิบายตามความรู้สึก มันอาจจะฟังดูเข้าใจยาก หรือ ไม่เข้าใจเลย ต้องขออภัย เพื่อนๆ ด้วยนะค่ะ ถ้าเขียนกำกวม เด๊ยวลองฟังความเห็นของท่านอื่นๆอีก น่าจะมีมุมมองที่ขยายอะไรได้มากกว่านี้

    เพื่อนๆ มาช่วยกันแสดงความเห็นหน่อยนะคะ....;aa21
     
  18. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    หัวหน้าเรา ชอบเอาโกอานมาให้ตอบกันอยู่เรื่อยเชียว รู้มั๊ยว่าตอบยากมาก อิอิ


    คำว่า สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นคำที่ง่ายที่จะใช้สื่อสารนะครับ เป็นศัพท์ที่ทำให้เราสื่อสารกันได้ แต่พออธิบายแล้ว จะไม่เหมือนกัน เพราะอธิบายตามความเชื่อที่มีอยู่ในแต่ละคน เป็นเสน่ห์อย่างนึงของสรรพสิ่งทั้งปวงเช่นเดียวกัน


    พอจะอธิบายออกมา ตามความเข้าใจภายในของตน กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องตอบคำถามให้กับตนเอง ซึ่งบางคำถามเราอาจจะไม่เคยถามตนเองอย่างจริงจังจากภายในก็เป็นได้

    เกริ่นมาซะเยอะ ยังไม่เข้าเรื่องซักที อิอิ


    ตามความเข้าใจของผม


    สรรพสิ่ง แปลว่า หลายๆสิ่งที่เป็นองค์ประกอบร่วม

    เป็นหนึ่งเดียวกัน แปลว่า อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ไม่แบ่งดีแบ่งชั่ว ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา

    สรรพสิ่งที่เป็นหนึ่งเดียวกัน คือ สิ่งต่างๆที่อยู่เหนือการแบ่งแยก แต่ก็มีการแบ่งแยกอยู่ภายใน

    สิ่งที่อยู่ระหว่างการแบ่งแยก คือ ความเข้าใจในประสบการณ์


    การให้ การรับ การให้อภัย การไม่ให้อภัย ความรัก ความกลัว ความสุข ความทุกข์ ความผิดหวัง ความสมหวัง สติ ไร้สติ ฯลฯ จะเกิดไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการแบ่งแยก เป็นผู้สังเกตการณ์ และผู้กระทำ


    การให้ การรับ การให้อภัย การไม่ให้อภัย ความรัก ความกลัว ความสุข ความทุกข์ ความผิดหวัง ความสมหวัง สติ ไร้สติ ฯลฯ ไม่เกิดขึ้นถ้าผู้สังเกตการณ์ และผู้กระทำ รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

    เมื่อไม่มีคำถาม ก็ไม่มีคำตอบเช่นกัน


    ละครต่างๆในจิตของสรรพสิ่ง ฉายภาพออกมาทางละครแห่งโลก จักรวาล และเอกภพ
    ละครต่างๆเกิดขึ้นมาได้ จากการแบ่งแยกสรรพสิ่งออกเป็นส่วนๆ เป็นเขา เป็นเรา เป็นสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุ เป็นสิ่งที่เป็นวัตถุ เป็นสิ่งที่นอกเหนือประสาทสัมผัส เป็นประสาทสัมผัส เป็นยามฝัน เป็นยามตื่น เป็นมีเวลา เป็นไร้กาลเวลา


    ในภาวะจิตของสรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงเป็นทั้งผู้กำกับบทละคร ผุ้ดูละคร ตัวละครต่างๆ เป็นวัตถุสิ่งของ เป็นสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ เป็นพลังงาน เป็นอนุภาค


    การดำรงอยู่ของสรรพสิ่งทั้งปวง จึงประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางการแบ่งแยก เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าภายในของภาวะจิต

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนเป็นภาวะจิตของสรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งก็คือ ภาวะจิตภายในของเราแต่ละคน ที่เป็นทั้งสรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และก็เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  19. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    "สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน"

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า สรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก่อกำเนิดขึ้นมาจากจุดเดียวกันคือจินตนาการ ความฝันและจิตวิญญาณ แต่อาจจะแปลกแยกไปบ้างก็เพียงแต่ทางกายภาพ แต่สิ่งที่ทำให้เราไม่รู้หรือเข้าใจไปในทิศทางอื่นๆเป็นเพราะว่าเราถูกครอบงำด้วยความเชื่อทางกายภาพและประสาทสัมผัสทั้งห้า หากเราสามารถเรียนรู้และเข้าใจถึงธรรมชาติและโลกของจิตวิญญาณหรือตัวตนภายใน เราก็เข้าใจได้ว่า "สรรพสิ่งทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียวกัน" ข้าพเจ้าจะขอยกตัวอย่างต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งต้นไม้ที่เราเรียกจะประกอบไปด้วยหลายๆส่วนเช่นราก ลำต้น ดอก ใบ และผล ซึ่งถ้ามองส่วนย่อยลงไปอีกก็จะเห็นเซลล์ต่างๆเล็กๆจำนวนมากที่มาประกอบรวมกัน โดยเซลล์ต่างๆนั้นก็มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และเซลล์ต่างๆก็ถือกำเนิดมาจากที่เดียวกัน ดังนั้นการที่เราเรียกต้นไม้ว่าต้นไม้ก็ย่อมหมายรวมถึงเซลล์หรือส่วนประกอบต่างของมันด้วย

    ขอสรุปตามความเข้าใจของข้าพเจ้าเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ เพราะกลัวพูดไปพูดมาจะงงเองอ่ะครับ
    ;aa22
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    "สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน" อิอิ (ขออิอิ ก่อนนะ)

    เอาตามความเข้าใจแระกัน
    คือว่า จริงๆ ทุกอย่างในธรรมชาติ มันเป็นสิ่งเดียวกันอยู่แล้ว แต่คนเราเองแหล่ะไปแบ่งแยก เช่น รูปร่างอย่างนี้ เหลี่ยมๆ มีแผ่นๆ หลายอันรวมกัน เรียกหนังสือ

    มีสองขา สองมือ มีผม มีตา อะไรเงี๊ยะ เรียกคน

    ความแปล๊ปๆ ที่เกิดในจิต เวลามีอะไรมากระทบ เรียก โกรธ

    โกรธไม่ดี ทำให้จิตใจเราขุ่นมัว อะไรไม่ดีหล่ะ (คิดเอาเองแหล่ะ)

    ใส่กางเกงขาสั้นเข้าวัด ไ่ม่ดี ใส่ไปชายหาดดี (คิดแบ่งแยกดีไม่ดี)

    ทุกอย่างคือธรรมชาติอันเดียวอยู่แล้ว ความคิดเราเองไปแบ่งแยก เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จริงๆ ถ้าไม่คิดปรุงแต่งแบ่งแยก จะไม่ทำให้สร้างตัวตนขึ้นมา เป็นโน่นเป็นนี่ อย่างโน้นคือนี่ อย่างนี้คือโน่น จริงๆ ทุกอย่างเป็นสิ่งเดียวกันแหล่ะ

    จบแระ
     

แชร์หน้านี้

Loading...