เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310


    วันอาทิตย์หลังจากตอบคำถามหัวหน้าห้องเรา ทำให้รู้ว่าหาสมุด 2 เล่ม และก็คนที่ให้ส่งการบ้าน ที่เหมือน thesis เจอแล้ว อิอิ

    เมื่อวานที่เล่าเรื่องฝันในคืนวันเสาร์ให้ฟัง

    ที่แท้ก็หัวหน้า mead เรานี่เองที่เป็นคนให้ส่ง thesis เพราะโกอานที่หัวหน้าห้องถามมานี่ เวลาตอบ เหมือนกับทำ thesis ส่งเลย อิอิ

    สมุด 2 เล่ม ที่หายังไม่เจอ และถ้าไม่มีก็ยังส่งไม่ได้ ก็คือ แนวคิดของคุณ sarissa และก็คุณเดรด

    ซึ่งเมื่อตอบมาแล้ว ข้อมูลทั้งหลายก็ได้มีการบันทึกในคอมพิวเตอร์เมมเฟรมเรียบร้อยแล้ว

    พอได้สมุด 2 เล่มนี้แล้ว ถึงคิดออกว่าจะตอบคำถามส่งหัวหน้าว่าอะไรดี

    น่าคิดว่าจิตวิญญาณทำงานเป็นระบบเครือข่ายอย่างนี้

    จึงต้องมีการสัมภาษณ์หน่อยว่า

    1.หัวหน้าที่เป็นคนต้นคิดคำถามนี้มาว่า ได้คิดคำถามนี้ขึ้นมาเมื่อไร มีมูลเหตุจากอะไร แล้วได้คาดหวังว่าให้ใครเป็นผู้ตอบบ้าง แล้วคำตอบที่ได้พอจะตอบคำถามได้หรือไม่ครับ มีข้อมูลยามตื่น และยามฝันอย่างไรบ้างครับ

    2.คุณ sarissa และคุณเดรด เอาสมุดไปซ่อนตั้งแต่เมื่อไร ถ้าไม่ได้ข้อมูลของทั้งสองท่านมา คำตอบก็ไม่ไหลออกมาเช่นกัน (ไม่ได้ลอกมานะจ๊ะ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกซักที พอคุณเดรดที่เป็นคนที่สองตอบมาแล้ว ถึงคิดออก) มีข้อมูลยามตื่น และยามฝันว่าอย่างไรบ้างครับ

    ถ้าเรามาช่วยกันค้น จากหลายๆทาง อาจจะได้คำตอบที่ไขความลับภาวะจิตภายในร่วมกันก็ได้นะครับ

    ถ้ามองในแง่ระบบความฝันเมื่อวันเสาร์ คำถามนี้มี 1 คำถาม จะตอบออกมาสามคำตอบ และวันจันทร์ที่มีมาตอบเพิ่มอีกสองท่าน คือ คุณธรรมจิตต์ และคุณ falkman มีแรงจูงใจจากอะไรบ้าง

    ทุกอย่างแม้แต่การถาม การตอบ ลำดับในการตอบ ช่วงเวลาในการตอบ ยังไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย ระบบจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ของเราๆท่านๆทั้งหลาย ไม่ธรรมดาจริงๆ

    โจทย์ของระบบจิตวิญญาณที่เกาะเกี่ยวกันเป็นเครือข่าย ต้องการตั้งคำถาม และนำคำตอบมาตอบ ได้ส่งคำถาม และคำตอบเป็นรูปแบบของแรงบันดาลใจ หน่วยย่อยๆ ได้มาตั้งคำถาม และตอบคำตอบ ด้วยความเต็มใจ ช่วยกันแปลงแรงบันดาลใจออกมาเป็นวัตถุธาตุ คือ ตัวอักษร

    ข้อมูลที่ระบบได้ไป ก็คือ คำถาม ที่มีหลากหลายทางเลือก ก่อนที่จะถาม คำตอบ ที่มีหลากหลายคำตอบ ก่อนที่จะตอบ

    อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ ทั้งหลายของผู้ถาม และผู้ตอบ

    สิ่งเหล่านี้ คือ ข้อมูลประสบการณ์ที่ระบบได้มีประสบการณ์เกิดขึ้นมา รวมทั้งประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ ความคิด จินตนาการ ที่ผู้อ่านได้อ่านไป และคิดคำตอบให้กับตนเองในหลายๆทางเลือก

    รวมถึงคำถาม คำตอบ ที่จะมีต่อไปอยู่เรื่อยๆ

    สิ่งเหล่านี้ ระบบจะมีประสบการณ์เกิดขึ้นมา จากการทำงานเป็นระบบเครือข่ายของหน่วยย่อยแต่ละหน่วย เป็นการขยายตัวของข้อมูลของจักรวาลออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับการเติบโตขึ้นของตัวตนภายนอกแต่ละหน่วย

    จิตวิญญาณช่าง amazing มากๆ (มุมมองจากตัวตนจำเพาะ ที่เฝ้ามองความยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณร่วมกันกับเพื่อนๆในชมรม )

    สรรพสิ่งทั้งปวงที่เป็นหนึ่งเดียว ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ แยกเพื่อดู ดูเพื่อรวม
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    พวกเรามีคำตอบที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยครับ คำถามเหมือนจะง่ายนะครับแต่ต้องคิดให้ครอบคลุมหมดจด และพวกเราก็หลงกลจนได้ล่ะครับ (อิอิ) เข้ามาตอบกันได้ยอดเยี่ยมมาก เก่งๆทุกคนเลยครับ ที่ชวนพวกเราให้ถามตัวเองบ่อยๆก็เพื่อระลึกความทรงจำดั้งเดิมของจิตวิญญาณและขยามมุมมองให้กันและกันครับ

    ที่คุณริสาบอกว่า"เราทุกคนทุกชีวิต ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน เป็น Sub-set ของกันและกันสัมพันธ์กันทุกสรรพสิ่ง" อันนี้จริงครับ เรื่องของความสัมพันธ์ไม่ว่าในมิติขั้นสูง จนถึงมิติขั้นหยาบๆ ล้วนเกิดจากสิ่งที่ให้กำเนิด-สิ่งที่ถือกำเนิด-และสิ่งที่เป็นอยู่ เลื่อนไหลจากสิ่งหนึ่งไปสู่อึกสิ่งหนึ่งเป็นวัฐจักรอันไม่สิ้นสุดนะครับ

    ส่วนคุณเดรดบอกว่า "เมื่อเรากลายเป็นทุกสิ่ง ทุกสิ่งก็จะเป็นเรา" คำนี้โดนใจแทบไม่ต้องอธีบายเลยครับ ปรมมือดังๆ

    ส่วนคำตอบของคุณเซลล์ขยายออกไปได้กว้างและชัดเจนขึ้นไปอีก..
    การดำรงอยู่ของสรรพสิ่งทั้งปวง จึงประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางการแบ่งแยก
    อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ไม่แบ่งดีแบ่งชั่ว ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา
    สิ่งต่างๆที่อยู่เหนือการแบ่งแยก แต่ก็มีการแบ่งแยกอยู่ภายใน
    สิ่งที่อยู่ระหว่างการแบ่งแยก คือ ความเข้าใจในประสบการณ์


    คำตอบนี้ก็โดนครับ เหมือนทึคุณ Falkman บอกว่า
    "ทุกอย่างคือธรรมชาติอันเดียวอยู่แล้ว ความคิดเราเองไปแบ่งแยก เป็นอย่างโน้นอย่างนี้"

    คุณธรรมจิตก็เข้าใจถูกค้องครับว่า "สรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก่อกำเนิดขึ้นมาจากจุดเดียวกัน"


    เรียกว่า สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน มาจากพลังงานต้นกำเนิดเดียวกัน
    สิ่งที่เป็นคู่ มีสองขั้วหรือตรงกันข้าม ก็ล้วนเกิดขึ้นจากความคิดในมิติหนึ่งๆเท่านั้น

    อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต แท้จริงก็ล้วนเป็นเวลาเดียวกัน
    รวมไปถึงสิ่งที่มองเห็น-มองไม่เห็น
    หน่วยของพลังงานอันละเอียดเล็กที่สุดก็ล้วน มีเบื้องหลังคือ"ความว่าง"(แต่จริงๆก็ไม่ใช่ว่างเปล่า)
    เป็นความว่างที่โอบอุ้มทุกๆสรรพสิ่งเอาไว้ทุกส่วนทุกเสี้ยว
    อุ้มแม้กระทั่งความไร้พื้นที่ เพื่อให้ทุกๆส่วนดำรงอยู่ได้

    ในมุมมองของศาสนาพุทธเรียก"สุญญตา"..ทางคริสต์ก็เรียกว่า"พระบิดา-พระจิต
    เราทุกๆคนก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานต้นกำเนิดนี้..และดำรงอยู่ในทุกๆสรรพสิ่ง
    ดำรงอยู่ในความคิดสูงสุด ที่เราเข้าถึงได้อย่าเป็นธรรมชาติ
    ดำรงอยู่ใน "จิตของผู้สังเกตการณ์" ที่พี่นักเขียนย้ำให้พวกเราฝึกฝนบ่อยๆนั่นไงครับ..
    ในที่สุดความลับมันอยู่ตรงนี้ล่ะครับ..ผมเพิ่งจะ Get ต่อจิกซอร์ตัวนี้ได้ไม่นานนี่เองครับ เพื่อนว่าไงครับ
    จิตของผู้สังเกตการณ์จึงมีนัยยะสำคัญมากๆถึงมากที่สุด หรือที่บางคนเรียนกว่า "เคล็ดลับวิชาดูจิต"คือสงบนิ่ง เพื่อให้โลกภายในนำความเข้าใจมาให้ หยั่งเข้าไปสู่ภายใน รำลีกให้ได้ แล้วความรักที่สมบูรณ์แบบ ศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดจะปรากฎออกมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    อ้าว..มีคำถามคุณเซลล์มาให้ตอบอีก..ยาวเลยครับทีนี้

    ก่อนตั้งคำถามนี้ ก็ฝันถึงวัตถุชิ้นหนี่งครับ..กำลังหมุนรอบตัวเองช้าๆ
    พอไปสวมวิญญาณรูปธรรมหนึ่ง มองจากด้านบนเห็นเป็น เลข 8
    พอไปสวมวิญญาณอีกรูปธรรมนึง มองจากด้านข้าง กลับกลายเป็น วงรี
    พอไปสวมวิญญาณอีกรูปธรรมนึง มองทะแยงมุมกับเห็นเป็น ตัว S

    เลยเห็นว่ามุมมองแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ตามประสบการณ์และความเชื่อครับ
    แต่วัตถุชิ้นนั้นก็ย่อมเป็นวัตถุขิ้นเดียวกันมาตั้งแต่แรกครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  4. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ก่อนตอบคำถามคุณเซลล์ สะดุดใจกับข้อความข้างบนนี้
    เลข 8 ถ้าจับตะแคง มันคือเครื่องหมายอะไรค่ะ???

    [​IMG] = infinity= ความเป็นอนันต์

    พอจะเข้าใจ คำถามคุณ Mead แล้วค่ะ ว่าอยากจะสื่ออะไร...
    ในโลกแห่งเส้นทางที่เป็นไปได้ ล้วนเป็นอนันต์ "สรรพสิ่งทั้งปวงย่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน"
     
  5. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    มาตอบคำถาม คุณเซลล์ต่อ
    ครั้งแรก ไม่มีคำตอบเลย (สงสัยระบบเอาไปซ่อน..อิอิ)
    พยายามคิด ทบทวน ข้อมูลไหลเข้ามามากมาย แต่ไม่รู้เรื่อง สรุปไม่ออก
    พอซักพัก ปล่อยมันไป ให้ว่างๆ โล่งๆ ....เกิดมีประโยคนึง ผุดขึ้นมา
    การกลายเป็นสิ่งหนึ่ง เดรดก็เลยเกทว่า เมื่อเรากลายเป็นอะไร
    เราจะเข้าใจในสิ่งนั้น...เรากลายเป็นคำถาม จากนั้นคำตอบก็มา

    คำตอบมันเลยออกมาแบบนี้...ดูงงๆ หน่อยๆ
    เพราะ ระหว่างพิมพ์คำตอบ ข้างในมันสั่ง...อิอิ แล้วส่งต่อมายังโลกภายนอก
    ไม่ได้มีความตีความ ขยายความใดๆ ถอดออกมาจากคลื่นสมอง เพียวๆ

    เดรดไม่ได้จะพยายามบอกว่า สิ่งที่ได้รับ ถูกต้องหรือไม่
    แต่สิ่งที่สื่อสารออกมา เกิดจากความเชื่อภายใน ที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกของเรามากกว่า มันเป็นเอกลักษณ์ ของจิตวิญญาณ ค่ะ

    ;aa23
    (อะ อะ ....ถ้าคิดตัดสิน ข้อความนี้ ท่านกำลังแบ่งแยก อยู่นะคะ อิอิ
    ....อย่าถือสานะคะ คุยกัน ไม่มีอะไรมากค่ะ)
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ใช่เลยครับคุณเดรด..infinity
    เห็นเป็นวงแหวน mobius แบบสามมิติ แบบนี้เลยครับ
    ถ้ามองจากมุมที่ต่างกันก็สามารถจินตนาการไปได้หลายแบบไม่มีที่สิ้นสุดด้วยครับ

    [​IMG][​IMG] [​IMG]
    จริงๆคำถามนี้คิดอยู่ว่าคุณเซลล์จะมาตอบเป็นคนแรกๆ
    เพิ่งทราบครับว่าวันเสาร์นั้นหาสมุดสองเล่มไม่เจอ จึงไม่ตอบในวันนั้น
    พอเจอสมุดเข้าก็ตอบลื่นไหลเหมือนสายน้ำล้นเชียวนะครับ
    สงสัยคุณเซลล์คงโดนระบบเครือข่ายของเราเล่นกลเข้าให้ครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สรรพสิ่งทั้งปวงล้วนเป็นหนึ่งเดียว ทุกอย่างทั้งจับต้องได้และไม่ได้ ทั้งภาวะทางกายภาพ จินตภาพ ทุกอย่างที่มีจุดกำเนิดและไม่มีจุดกำเนิด ทั้งภาวะและอภาวะ ทั้งที่เป็นและไม่ได้เป็น ทุกอย่างที่ยังเวียนว่ายตายเกิด หรือตรงกันข้าม ทั้งสองขั้วที่ตรงกันข้ามนั้นแหละที่สรรพสิ่งทั้งปวงเป็น แม้นขาดขั้วใดขั้วหนึ่ง สรรพสิ่งทั้งปวงก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้เช่นเดียวกัน
     
  8. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    แล้วความหมายของคำว่า "สุญญตา" คืออะไร เข้าใจว่าอย่างไร ปัจจุบันติดอยู่ในอัตตามากมายขนาดไหน รู้ตัวกันอยู่บ้างหรือเปล่า
     
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลย ถ้าจะมีก็มีแค่ความว่างเปล่า หรือ สรรพสิ่งทั้งปวง หรือ สุญญตา หรือรักอันปราศจากเงื่อนไข หรือ หลายอย่างที่จะเรียกกัน การจะเข้าใจถึงสรรพสิ่งทั้งปวงได้ ต้องแยกสติสัมปชัญญะให้ได้ เป็นสองส่วนตามที่คุณนักเขียนแนะนำไว้ คือสติที่สถิตอยู่กับภาวะทางกายภาพ กับสติสัมปชัญญะที่เป็นผู้ดูหรือผู้ติดตามคือ มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีสติระแวดระวังทั้งยามตื่นและยามหลับ (มีสติในความฝัน) ในแนวทางของพุทธศาสนา เราเรียกเป็น มหาสติปัฐฐาน ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบไว้ เมื่อไรที่เราปฏิบัติ เข้าใจเมื่อนั้นเราจะค้นพบว่า มันไม่มีอะไรเลย ร่างกายนี้ก้ไม่ใช่ของเราเป้นเพียงแค่ธาตุดินน้ำลมไฟเท่านั้น (หรือเป้นการควบแน่นของสสารเท่านั้น) อันตัวเราก็เป้นแค่ จิตวิญญาณ ที่เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งทั้งปวง หรือ ความรู้ความทรงจำเท่านั้น
     
  10. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    เอาบทเพลง อิสรภาพจากเวลา มาฝากกันครับ
    คุณทศพรเป็นคนแต่งครับ เป็นมือกลอนขั้นเซียนคนหนึ่งทีเดียว หาตัวจับยากเลยครับเพื่อนๆ

    เนื้อหา by cells&tossapornk
    ท่วงทำนอง by tossapornk


    เวลาเวียน เปลี่ยนผัน ทุกวันผ่าน
    อดีตกาล ปัจจุบัน แล้วฝันหา
    อนาคต จดจ้องดู อยู่เรื่อยมา
    แล้วเวลา มาเกี่ยวเข้า เราอย่างไร

    ตัวเรานั้น กับขันธ์ห้า มาบังเกิด
    ก่อกำเนิด เกิดอบรม บ่มนิสัย
    มีสัญญา เวทนา สังขาร์ใจ
    รูปมีไว้ ให้ตัวรู้ ได้คู่กัน

    กาลเวลา มาสัมพันธ์ กับขันธ์ห้า
    ดูเวลา ยามหมุนเวียน หรือเปลี่ยนผัน
    ขันธ์ทั้งห้า ก็พาเวียน เปลี่ยนพร้อมกัน
    ไม่เคยหัน เหพราก จากเวลา

    มองใจเรา เข้าไป ในอดีต
    เราต่างขีด เขียนเหตุการณ์ ประสานหา
    ทั้งสร้าง เป็นเหตุการณ์ ที่ผ่านมา
    จนนำพา ความจำรู้ สู่ใจเรา

    หากมองใจ เข้าไปหา อนาคต
    วาดสวยสด จรดฝัน ดั่งจันทร์เจ้า
    เหมือนถูกตรึง ขึงโซ่ตรวน คอยกวนเรา
    หรือรวนเร้า เข้าแทรกแอบ อันแยบยล

    กาลเวลา มีจริงฤา ใช่หรือไม่
    หรือเพียงให้ คำกล่าวไป ไร้เหตุผล
    ไร้เวลา พาจริงใจ ใช่ลวงตน
    ต่างสับสน ชนเวลา มาพอควร

    จุดอ้างอิง กาลเวลา นัดหมายแน่
    ความจริงแท้ ไร้เวลา น่าผันผวน
    ที่เรายึด เราถือมา พารัญจวน
    ที่แท้ทวน เวลาไซ้ร ไม่มีจริง

    มองดูเรา เข้าทะลุ ปัจจุบัน
    ไม่อาจฝัน วันก่อนเก่า เหมือนเตาผิง
    หรือฝันว่า อนาคต กำหนดพิง
    เพราะความจริง มันชี้ชัด ปัจจุบัน

    หากเข้าใจ ในสัมพันธ์ ของขันธ์ห้า
    กับเวลา ว่าชัดเจน ไม่เบนหัน
    ตัวตนจอง ของเรา เข้าผูกพัน
    ไม่เคยเว้น จากกัน ขันธ์เวลา

    จะเห็นตัวตน ทั้งหมด ทุกภพชาติ
    อดีตวาด ปัจจุบัน อนาคตหา
    ตัวอดีต ตัวปัจจะ ตัวอนา
    ต่างก็พา กันเดินกล่อม กันพร้อมเพรียง

    หากเห็นได้ เข้าใจแจ่ม แจ้งแดงแจ๋
    เวลาแค่ เดินคู่ขันธ์ อันเงียบเสียง
    ไร้ซึ่งสรรพ พะสัตว์สรรพ พะสำเนียง
    เราเป็นพียง ผู้คอยดู ผู้รู้ตาม

    ถึงตอนนี้ ใจเริ่มมี อิสระ
    ไม่เปะปะ ซะส่ายหา ผู้ล่าถาม
    ปล่อยผู้รู้ เฝ้าดูไป ทุกโมงยาม
    เห็นขันธ์นาม ตามเวลา พาโล่งใจ

    สติเกิด บรรเจิดแจ้ง อย่างแข็งขัน
    ใจกระจ่าง สว่างพลัน กว่าวันไหน
    แม้ยามฝัน ยังรู้เห็น ว่าเป็นอะไร
    คือที่หมาย ที่แท้ยิ่ง จริงไหมเอย
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ผลงานกลอนคู่ duo ชุดนี้แฝงสาระได้ยอดเยี่ยมจริงๆครับ
    ลองได้เริ่มแต่งกลอนแล้วคงหยุดไม่ได้ง่ายๆ ไหลรินมาเรื่อยๆเลยนะครับ คุณเซลล์คุณทศพร
    ขอปรมมือดังๆเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  12. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จิตวิญญารมีอิสระแห่งความปรารถนาที่จะเลือกเส้นเทางแห่งความเป็นไปได้ ไม่ว่าสิ่งใดที่จิตวิญญาณเลือกก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จิตวิญญาณได้ตั้งเป้าหมายมาเพื่อบรรลุ และเรียนรู้ คือเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ ฉะนั้นในมุมมองของจิตวิญญาณและสรรพสิ่งทั้งปวง ทุกสิ่งที่จิตวิญญาณเลือกที่จะเรียนรู้จึงไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่าถูกหรือผิด ดำหรือขาว เพราะสำหรับจิตวิญญาณและสรรพสิ่งทังปวงแล้ว ทุกอย่างมีค่าเท่ากัน สรรพสิ่งทั้งปวงส่งผ่านความรักและกำลังใจมาให้ตลอดเวลาผ่านทางธรรมชาติ และทุกอย่างรอบ ๆ ตัวเรา ดังนั้นเราจึงควรศรัทธาต่อการเลือกของทุกจิตวิญญาณเพราะนั่นเป็นเป้าหมายที่จิตวิญญาณเลือกลงมาเรียนรู้ภายใต้ภาวะทางกายภาพนี้ แม้จินตวดีเองจะป่วยหนักก็ตาม แต่จินตวดีเองก็ไม่เคยเสียใจเพราะนั่นเป็นสิ่งที่จิตวิญญาณได้เลือกไว้ก่อน แต่อย่างไรก้อตาม จินตวดีมีอิสระแห่งความปรารถนาในการเลือกเสมอ
     
  13. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก.. มาเกือบไม่ทันตอบคำถามเลยค่ะ ถึงว่าเมื่อคืนฝันว่าพี่นักเขียนโทรศัพท์มาพูดคุยเกี่ยวกับพลังงานกันยาวเลยจำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ดีจัยนะคะที่พี่นักเขียนโทรมาหาในความฝัน..อิอิ และรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแม้จะเผชิญกับประสบการณ์ทางจิตอย่างเข้มข้นในช่วงนี้ คิดว่าถ้าผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้คงจะทำให้จิตของขจรวรรณได้รับการพัฒนาไปได้อีกระดับนึงไม่มากก็น้อยล่ะค๊า.. รักพี่นักเขียนจัง..

    สำหรับขจรวรรณคิดว่า ( ความคิดเห็นส่วนตัว ) คำว่าสรรพสิ่งทั้งปวงก็คือพลังงานที่เต็มไปด้วยอารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด มีความปรารถนาที่จะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีขีดจำกัด และการเรียนรู้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีประสบการณ์สรรพสิ่งทั้งปวงจึงใช้อารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดกำหนดให้ทุกสรรพสิ่งก่อเกิดเป็นจิตวิญญาณรวมและจิตวิญญาณย่อย ๆ และเป็นได้ทั้งในรูปพลังงานและเป็นวัตถุธาตุ ภายใต้กฏของจักรวาลค่ะ..

    สงสัยคงต้องขอให้พี่นักเขียนมาขยายความเพิ่มเติมดีกว่าค่ะ ตอนนี้ขจรวรรณก็กำลังพยายามฝึกให้อยู่ในสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่เหมือนกันค่ะ จะว่าไปก็ยากเอาการอยู่เหมือนกันนะคะ ในเมื่อเรายังมีอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอยู่เช่นนี้ เอ.. การอยู่ในสภาวะของการเป็นผู้สังเกตการณ์นี่ในศาสนาพุทธเค้าเรียกว่าการถอดจิตรึปล่าวก็ไม่รู้นะคะ เพราะในสภาวะนี้น่าจะเป็นสภาวะของความไม่มีตัวตนไม่รับรู้ถึงภาวะทางกายภาพและภาวะทางจิตรึปล่าว? แล้วที่เค้ากล่าวกันว่าให้ปล่อยวางไม่มีตัวตนนี่เราจะยังไม่สติกันอยู่รึปล่าว? น่าคิดเหมือนกันนะคะ..
    ;aa43:z3:z3:z3
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จริงด้วยครับคุณขจรวรรณ ตอนนี้กำลังให้ความสำคัญกับ "จิตของผู้สังเกตการณ์"อยู่เหมือนกัน อ่านจากหนังสือสนทนากับพระเจ้า เขียนไว้ตอนนึงว่า "พระเจ้า" ก็คือผู้สังเกตการณ์ที่อยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือในการใช้ชีวิตของเราทุกคนครับ ในทางพุทธก็มี วิชาดูจิต สังเกตอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เรื่องนี้มีเงื่อนงำที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งครับ เพื่อนๆว่าไงครับ
     
  15. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คุณ mead เจอหนทางแล้ว มาเล่าให้เพื่อนๆฟังหน่อยครับ
     
  16. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    มาบอกว่า ชอบกลอนคุณเซลล์ค่ะ

    แล้วมารอฟังจิตผู้สังเกตุการณ์ของหัวหน้าค่ะ เรื่องสนทนากับพระเจ้า ในเล่มที่สามมีการพูดถึงเรื่องนี้เช่นกันนะคะ
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    แบบนี้ให้คุณริสามาเล่าดีกว่าครับคุณเซลล์ รู้สึกว่าจะพบหนทางชัดเจนกว่าผมอีก
    ตอนนี้เราทุกคนก็กำลังระลึกถึงความทรงจำดั้งเดิม..ที่หลงลืมไปนาน
    และกำลังนำชิ้นส่วนความทรงจำต่างๆมารวมกันอีกครั้ง เหมือนการประชุมใหญ่
    ทุกๆคนคือจิกซอร์ และห้องวิทย์ฯนี้ก็เป็นห้องประชุมใหญ่สำหรับทุกคนครับ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2008
  18. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    สิ่งใดถูกหรือผิดไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้ จิตวิญญาณของทุกคนล้วนมีอิสระที่จะคิดที่จะทำสิ่งใดได้ตามใจตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้มีสิ่งใดมาผูกมัดไม่ว่าโดยตำแน่งหรือชื่อเสียงที่จะได้มา ร่างกายนี้เป็นแค่ที่อาศัยของจิตวิญญาณเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามเรายังต้องอาศัยร่างกายนี้เพื่อพัฒนาจิตเราให้หลุดพ้นจากสิ่งที่เรายึดเป็นอัตตาอยู่ กรรมของใครก็ต้องแก้กรรมนั้นด้วยตัวเอง การจะสร้างบุญกุศลใดก็ยังต้องใช้ร่างกายนี้อยู่ดี ถ้ามีของดีอยู่กับตัวแล้ว ใยต้องขวนขวายแสวงหาสิ่งอื่นใดอีก หน้าที่ที่เรามีอยู่ใช่ว่าต้องให้ผู้ใดมาบงการ ปล่อยจิตให้เป็นอิสระไม่ใช่สิ่งที่เราท่านต้องการหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2008
  19. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    พักฟังเพลงนิดนึงครับ เพื่อนๆคิดกับเพลงนี้ยังไงครับ ก่อนจะไปตอบคำถามอันลุ่มลึกของหัวหน้าห้องกัน

    <EMBED src=http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=1&songID=V2AC4CCBPB0 width=315 height=80 type=application/x-shockwave-flash scale="noscale" wmode="transparent"></EMBED>
    ;aa22
     
  20. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ขออนุญาตินะครับพอดีข้าพเจ้า(มนุษย์ขี้สงกะสัย)มีขอสงสัยในสามประโยคข้างส่างนี้อยากจะขอรบกวนให้คุณ Triangle-W ช่วยอธิบายหรือขยายความเพิ่มเติมให้เข้าใจหน่อยอ่ะครับ

    "จิตวิญญาณของทุกคนล้วนมีอิสระที่จะคิดที่จะทำสิ่งใดได้ตามใจตัวเอง"
    "ร่างกายนี้เป็นแค่ที่อาศัยของจิตวิญญาณเท่านั้นเอง"
    "หน้าที่ที่เรามีอยู่ใช่ว่าต้องให้ผู้ใดมาบงการ"

    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...