เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

พอจะเข้าใจที่คุณสามเหลื่ยมอธิบายครับ..น่าจะหมายถึงการละวางตัวตนอย่างอิสระแท้จริง
และพี่นักเขียนเพิ่งจะ post ไปว่า พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
และจากพระคัมภีร์ Bible - Jesus ได้ทรงสอนว่า God helps only those who help themselves.
ดังนั้นทางเลือกต่างๆจึงเป็นเพียงบันไดก้าวไปสู่ความเป็นอิสระของจิตวิญญาณในที่สุดครับ

 

สงสัยเพลงจะล่องหน?
เพื่อนๆรอ คำถามลับสมองจากคุณเซลล์อยู่เหมือนกันครับ

อ้อ...เพลงมาแล้วครับ..สงสัยถูกซ่อนชั่วคราว
"เพลงโลกนี้คือละคร" เป็นคำถามรึเปล่าครับ?

 

คุณซิปเปอร์สิคะ ดูน่าจะช่วยแนะแนวพวกเราได้เพราะคุณซิปเปอร์มีความลุ่มลึกในการวิเคราะห์ อย่าง conversation with god เล่ม 3 ก็เอามาให้อ่านเป็นน้ำจิ้มจนไม่อาจทนรอหนังสือแปลได้ จึงซื้อต้นฉบับมาอ่านงูๆปลาๆ

คุณซิปเปอร์ว่างก็เล่าเรื่องนี้บ้างนะคะ เอามาแชร์มาถกกัน
คุณธรรมจิตต์ช่างสงสัยดีค่ะ เคยอ่าน CWG ไหมคะ เล่ม 2 น่าจะให้คำตอบได้

 

มาแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักคุณสามเหลี่ยมค่ะ คุณสามเหลี่ยมเป็นรุ่นพี่ระดับซีเนียร์ในวิชาพลังจักรวาลและมีความรู้ความสามารถในศาสตร์ด้านพลังงานสูงท่านหนึ่งทีเดียว จนเห็นว่าความสามารถทางจิตวิญญาณนั้นเป็นเพียงของเล่นของจิตวิญญาณเท่านั้น หลัง ๆ นี่ได้มีโอกาสพูดคุยสนทนากันบ่อย จึงทราบว่าท่านก็ติดตามข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัยด้วยเหมือนกัน และยอมรับว่าข้อมูลความรู้นี้เป็นจริงแต่การจะเข้าถึงข้อมูลความรู้นี้ได้จิตของเราจะต้องมีพลังก่อนจึงจะถึงภาวะที่เป็นอิสระแห่งความปรารถนา คือไม่ว่าเราปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สิ่งที่เราต้องการทันทีแต่ต้องเป็นไปเพื่อสนับสนุนหรือช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น รวมทั้งเน้นย้ำให้ขจรวรรณหมั่นอธิษฐานจิตและฝึกจินตนาการให้มากเพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่เราจินตนาการเสมอค่ะ

เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้เจอประสบการณ์ทางจิตค่อนข้างเยอะ 2 - 3 วันนี้ก่อนนอนจึงตั้งจิตขอให้เรามีพลังอำนาจเสมอเหมือนต้นกำเนิด คืนก่อนกลับฝันเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนว่า nova_analai ค่ะ ก็เลยคิดว่าการรู้และเข้าใจในข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัยจะเป็นแนวทางในการเข้าถึงพลังงานต้นกำเนิดรึปล่าวน้า?
;aa16;aa21

 

เราพูดถึงอยู่เสมอถึงคำว่า " สติปัญญา "
เราใช้ปัญญาอยู่เสมอก็จริง
แต่สตินั้นแท้จริงแล้วเรานำออกมาใช้น้อยมาก
ทั้งที่สตินั้นมีคุณค่าต่อชีวิตและจำเป็นแก่ชีวิต
มีคุณค่าเหลือที่จะประมาณได้..

พระธรรมสิงหบุราจารย์ www.jarun.org

 

คุณ mead ได้ตอบคำถามเพลงโลกคือละครแล้วครับ
ที่ต้องการสื่อ ไม่ได้หมายถึง เนื้อหาเพลงทั้งหมด
แต่ความหมายของชื่อเพลง นี้สื่ออะไรได้หลายอย่างครับ
แม้รูปแบบภายนอก แสดงออกมา เป็นกลุ่ม เป็นความเชื่อ ที่ไม่เหมือนกัน แต่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ สิ่งที่เชื่อมโยงกันไว้ได้ คือ ความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ การให้อิสระในการคิด ในการตัดสินใจ
ความแตกต่างทางรูปแบบ จึงทำให้โลกแห่งนี้ เป็นบทละครที่มีสีสรรงดงามเสมอครับ ;aa22

 

กล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ ยินดีด้วยที่ยังมีผู้ที่เข้าใจในความหมายที่ผมต้องการอธิบายครับ แต่อย่าลืมต้องใช้ปัญญาพิจารณาด้วยนะ ถึงจะสามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้

 

ยังไม่ได้ซื้อเล่ม 3 มาอ่านเลยครับ ที่อ่านล่าสุดก็ที่เอามาเล่าให้ฟังกันนั่นแหล่ะครับ

และขอบคุณที่ชมนะครับ แหม n_n

วันก่อนฟังที่รุ่นพี่มาพูด เค้าบอกว่าปีใหม่ถ้าใครมีจองจะไปเที่ยวไหนเนี่ย ให้แคนเซิลไปได้เลยเพราะว่างาน,รายงานตอนเรียนจะเยอะมาก วันหยุดก็มาทำแต่รายงาน ฟังแล้วสงสัยจะรายงานจะหนักเหมือนกันนะเนี่ย

 

<TABLE class=tborder id=post1559731 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>greenseason<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1559731", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 11:52 AM
วันที่สมัคร: Jul 2008
ข้อความ: 6
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 134 ครั้ง ใน 7 โพส
พลังการให้คะแนน: 0






</TD><TD class=alt1 id=td_post_1559731 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขอขอบคุณ ทุกท่านที่อยู่ในเวปพลังจิตและกลุ่มประสานงานเขากะลา ที่ได้แผ่เมตตา แก่เพื่อนร่วมชาติของเราที่ถูกเข่นฆ่า และกำลังอยู่ในความทุกข์อยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ตามที่หลายท่านแสดงความคิดเห็นว่า เรื่องนี้เป็นไปด้วยเหตุแห่งกรรม ก็จริงอยู่

แต่ในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ในชาติภพ และเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน แล้วเห็นประชาชนที่มีเพียงมือเปล่า ถูกรัฐบาลโจรปราบปรามด้วย อาวุธสงคราม จนบาดเจ็บ ล้มตาย จำนวนมาก
แล้วกล่าวแต่เพียงคำ "สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" ท่านมิใยจะกลายเป็นผู้แล้งน้ำใจ ไร้หัวใจ เกินไปหรือเปล่า

คำกล่าวที่ว่า " Whatever befall the Earth befalls the son of Earth .
Man did not weave the web of life ; he is merely a stand in it. Whatever he does to web he does to himself "

มนุษย์ชาติทุกผู้ทุกนาม ตลอดจนสรรพชีวิต ทั้งมวลในโลกจึงมีความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การกระทำใดใดของคนในสังคม โดยเฉพาะความดี ความชั่ว จึงส่งผลสะเทือนกับคนอื่นๆ ในสังคมเช่นกัน

สำหรับท่านทั้งหลายที่อยู่ในเวปพลังจิต -ศูนย์ประสานเขากะลา แห่งนี้ ผู้ซึ่งดิฉันมีความเชื่อโดยส่วนตัวว่า

มีมาตราฐานทางจริยธรรม และศีลธรรมสูง มีธรรมะเป็นเครื่องนำทาง มีความคิดอ่านลึกซึ้ง และไวกว่ากลุ่มอื่นๆ บางท่านมีโพธิจิต เเม้กระทั่งบางท่านยังมีจิตแบบ โพธิสัตว์ ที่ต้องการช่วยสรรพสัตว์ ที่อยู่ในความทุกข์

แต่หากท่าน เพียงมีทัศนคติ เป็นกลาง และดูดาย เพิกเฉย สังคมชาติเรานี้ คงกลายเป็นสังคม ตัวใคร ตัวมัน และคงเหลือความน่าอยู่น้อยลงทุกที

หากเป็นเช่นนั้นจริง ดิฉันก็คงได้แต่ ร่ำไห้ ให้กับสังคมชาติไทยของเรา

ดิฉันเคยอ่าน หนังสือของท่านโนวา อนาลัย"ธรรมชาติของชาติภพ" และตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า


" เธอสามารถแก้ไขอดีตและสร้างสรรค์อนาคตได้จากปัจจุบัน .

ความรู้เกี่ยวกับอดีตชาติซึ่งปราศจากความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติแท้จริงของปัจจุบัน เป็นความรู้ที่เปล่าประโยชน์ เธอไม่สามารถให้เหตุผลและสนับสนุนปัจจุบันได้ด้วยการกล่าวว่า
"ฉันเป็นอย่างที่ฉันเป็นอยู่ทุกวันนี้เพราะการกระทำของฉันในอดีตชาติ"
เพราะปัจจุบัน คืออำนาจที่สามารถ ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงอิทธิพลทางลบได้ทั้งหมด

ดิฉันใคร่ขอร้องวิงวอน ระบบ , ท่านที่อยู่ในระบบ เเละท่านที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ทั้งหลาย
ได้โปรดคิดอ่าน ทำสิ่งใดก็ตามตามที่ท่านเห็นสมควร ไม่ว่าจะเป็นการแผ่เมตตา รวมพลังงานความรัก พลังงานเชิงบวกใดๆ หรือปฏิบัติการ เพื่อมนุษยธรรมใดๆ
เพื่อช่วยเพื่อนร่วมชาติ เพื่อช่วยสังคมชาติ ซึ่งก็ดุจดังการช่วยตัวท่านนั่นเอง

ท่านทั้งหลายเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ ความเมตตาสูงต่อเพื่อนมนุษย์ มีความคิดอ่านลึกซึ้ง และจิตอิสระพอ ที่จะพิจารณาเองได้ว่าท่านในฐานะหน่วยหนึ่งของสังคมนี้ และจะช่วยสังคมชาติได้อย่างไร




</TD></TR></TBODY></TABLE>
เป็นความคิดเห็นจากสมาชิกท่านหนึ่ง+เห็นด้วยครับกับเรื่องที่โพสไว้
เราช่วยกันส่งมอบพลังความรักนำทางให้จิตวิญญาณเหล่านั้นด้วยกันเป็นระบบเครือข่าย
จะช่วยได้มากยิ่งขึ้นครับ

http://palungjit.org/showthread.php?t=86674&page=198

 

เอาใจช่วยครับคุณซิปฯ แค่เราคิดไปในอนาคตก็เห็นภาพแล้วนะเนี่ย
วาดพิมพ์เขียวไว้ล่วงหน้าแบบนี้จะมีเวลาเที่ยวรึเปล่าครับ อิอิ
ถ้าคิดว่าช่วงปีใหม่ได้ไปนั่งทำรายงานอยู่ริมทะเลคงจะดีนะคุณซิปฯ

 

ขอบคุณครับคุณMead

จริงๆแล้วก็พอจะเข้าใจความหมายของคุณสามเหลี่ยมอยู่หรอกครับ แต่พอดีข้าพเจ้ากำลังอินกับประโยคที่ว่า"สรรพสิ่งทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียวกัน"น่ะครับ ก็เลยอยากลงรายละเอียดของคุณสามเหลี่ยมเพื่อให้ชัดเจนขึ้นอ่ะครับ

สวัสดีคุณสามเหลี่ยมด้วยครับ

 

0 = 1 = 2 = 4 = 8 = 16 = 32 = 64 = ?

? = 64 = 32 = 16 = 8 = 4 = 2 = 1 =0

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมาจาก 0 แต่จะกลับไปเป็น 0 ต้องทำอย่างไร = ความหมายว่า "สรรพสิ่งทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียวกัน" ให้กลับไปถึง 1 ได้ก้นับว่าสุดยอดแล้ว

 

ช่วยขยายความคำถามของคุณ mead ครับ

-เคยบ้างไม๊ที่กำลังตัดสินใจเรื่องที่สำคัญๆ แต่มีเสียงภายในบอกว่า ควรทำ หรือ อย่าทำ
-จิตผู้กระทำ กับจิตผู้สังเกตการณ์ ยามตื่น กับยามฝัน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
-จิตผู้สังเกตการณ์ คือจิตผู้รู้ ใช่หรือไม่
-การเฝ้าดูอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกภายใน ช่วยให้เปลี่ยนจากความไม่รู้ เป็นความรู้ได้อย่างไร
-การฝึกสติ โดยแยกออกเป็นจิตผุ้สังเกตการณ์ กับจิตกระทำ ช่วยละวางตัวตนได้อย่างไร
-การละวางตัวตน ช่วยแก้ไขปัญหาให้สังคม และโลกได้อย่างไร ;welcome2

 

เมื่อคืนอ่านหนังสือ อมตะแห่งจิตวิญญาณ part I

ถึงตอนที่ให้แบ่งช่วงนอน ก็เลยซันโวเลย ว่าจะนอนรอบแรกกี่ชั่วโมง
จะดูดิ๊ว่าจะเพลียรึเปล่า

รอบแรกตั้งใจไว้ว่า 4 ชั่วโมง รอบสอง 2 ชั่วโมง

รอบแรกตื่นมาตอน 7 โมงเช้า กำลังจะจดความฝันอยู่ ด้วยความที่ยังไม่ชิน และก็งุ่มง่าม รีบร้อนจด เลยทำความฝันตรงกลางตกหายหมด เหลือแต่หัวเรื่อง กับปลายเรื่อง เฟอะฟะจริงๆเลยเรา

จดเสร็จ ก็นอนต่ออีก 2 ชั่วโมง ตอนนี้จะหลับเหมือนไม่หลับ เหมือนนอนดูละครมากกว่า

และก็ตื่นมาครบ 6 ชั่วโมงพอดี ลองดูแล้วไม่เพลียจริงๆ ปกติเป็นเด็กอนามัยต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงครับ อิอิ

เพื่อนๆมีประสบกาณ์แบ่งตารางนอนยังไง และช่วยให้จดจำได้ดีขึ้นมั๊ย ลองมาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ

 

เรื่องนอนยังไม่มีโอกาสได้ลองเลยครับ
ช่วงนี้ถ้ามีจังหวะ ก็จะหัดจับสติเฝ้าดูตัวเองเหมือนกันครับ

มันรู้สึกเหมือนว่ากายเนื้อกับจิตวิญญาณเราเนี่ย เหมือนเม็ดทรายที่แทรกอยู่ในกองกรวด และทั้งกองนั้นก็คือตัวเรา(ร่ายกาย+จิตวิญญาณ) ร่างกายก็เหมือนกรวดก้อนใหญ่ๆ จิตวิญญาณก็เหมือนเม็ดทรายเล็กๆ ที่แทรกอยู่ด้านในระหว่างเม็ดกรวด ในการดำเนินชีวิตทั่วๆ ไป เราจะรู้สึกถึงแต่เม็ดกรวด รู้สึกว่าเป็นเม็ดกรวด แต่ในการทำจับสติดูตัวเอง ก็เหมือนว่าตัวเองเป็นเม็ดทรายและเฝ้าดูการกระทำของกรวด

ที่เขียนมานี่ก็ใช่ว่าจะฝึกจับสติ แยกสติได้อะไรมากมายนะครับ ถ้าเทียบแล้วอยู่ในขั้นเริ่มๆ ฝึกมากกว่า แต่ที่เขียนมานั่นเป็นไอเดียที่คิดได้

ส่วนเรื่องสนทนากับพระเจ้า ไม่มีเนื้อหาเล่มที่ 3 มาฝาก แต่ขอเอาตัวอย่างหนังและบางส่วนของหนังมาฝากล่ะกันครับ

อันนี้ตัวอย่างโฆษณา

<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/uMXaaWVzmKo&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/uMXaaWVzmKo&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>


อันนี้เนื้อหาบางส่วนในหนัง

<object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/f-rKdZQq5Nk&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/f-rKdZQq5Nk&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>

ในท่อนนี้ก็มีเนื้อหาประมาณว่า มีผู้หญิงคนนึงมา complain กับนีลว่า ไหนว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่เป็นมิตรไง แล้วทำไมถึงทำให้ลูกเค้าตายไปจากอุบัติเหตุด้วย นีลก็ตอบกลับไปว่า...... อะไรซักอย่างฟังไม่ค่อยออก เหอะๆๆ

 

การฝึกสติแบบคุณ zip เป็นวิธีที่น่าสนใจนะครับ
เม็ดทราย กับเม็ดกรวด เปรียบเทียบแล้วเห็นภาพเลยครับ

หนังเรื่องสนทนากับพระเจ้านี้ น่าดูมากๆเลยนะครับ
หนังสือบางเล่ม หนังบางเรื่อง ก็อาจสะกิดให้เปลี่ยนแนวคิดของเราไปเลยก็ได้นะครับ

 

เมื่อวานมีโอกาสได้ลองไปยืนอ่าน หนังสือสนทนากับพระเจ้าเล่มที่ 3 อีกครั้ง คราวนี้เปิดไปอ่านบทที่ 19 ไปเจอเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวพอดี โป๊ะเชะ พระเจ้าบอกว่ามนุษย์ต่างดาวในบางที่นั้นมีวิทยาการล้ำหน้ากว่าโลกมาก การขับเคลื่อนยนต์ไม่ต้องใช้พลังงานฟอสซิล(พวกน้ำมัน) และก็เครื่องยนต์ก็ไม่ใหญ่เทอะทะเหมือนโลกเรา และด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า สามารถทำให้เคลื่อนย้ายร่างกายได้โดยการแยกร่างออกมาแล้วไปประกอบยังจุดหมายปลายทาง ทำให้การเคลื่อนที่ไปยังที่ไกลๆ ทำได้ในเวลาแป๊ปเดียว

แต่ก็ยังมีบทสนทนาที่เกี่ยวกับเรื่องสังคมบ้าง ตามสไตล์ของนีล เช่นเรื่องการทำงาน, สังคม พระเจ้าบอกว่าที่นั่นไม่มีงานเพราะผู้คนทำแต่สิ่งที่รักที่จะทำ(คอนเซปเรื่องงานนี้มีเขียนถึงในเล่ม 2 เหมือนกัน) และก็สังคมจะแยกเป็นเมืองเล็กๆ น้อยๆ ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละที่ โดยมองว่ามุมมองเรื่องเมืองของโลกเรามันทำให้เกิดปัญหาเมืองยิ่งใหญ่ยิ่งมีปัญหาเยอะ พระเจ้าบอกว่ามุมมองเรื่องเมืองของโลกเรานี่เป็นการมองการถดถอยเป็นความก้าวหน้า

เนื่องจากอ่านไปก็หิวไปก็เลยอ่านมาได้ประมาณนี้แหล่ะ

 

ก่อนตื่น ชะโงกมาดูในบอรด์หน่อยนึง คุณ zip ต้องเอาอะไรดีๆมาฝากอีกเป็นแน่แท้ คุณ zip มาพร้อมกับสัญลักษณ์เป็นบทเพลง และคำทักทาย

เดี๋ยวช่วยกันลงขันให้คุณ zip ไปซื้อมา และมาอ่านให้ฟังกันดีมั๊ยครับเพื่อนๆ 555 จะได้ไม่ต้องไปยืนเมื่อยขา และทนหิว

ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ - เป็นคำกล่าวที่คลาสสิคตลอดเลยนะครับ

ถ้าเราแยกว่างานคืองาน เราก็ไม่ได้กำลังทำงานจริงๆ

 

แหม คุณเซลล์ล่ะก็ เงินก็มีนะครับ แต่ว่าเวลาอ่านนี่สิ ไม่รู้ว่าถ้าซื้อไปจนถึงตอนที่ภาคภาษาไทยออกจะอ่านจบก่อนหรือยังก็ไม่รู้ ช่วงที่ว่างได้ก็ช่วงประมาณนี้แหล่ะ เดี๋ยวเปิดเรียนแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาว่างขนาดไหนก็ไม่รู้

 

แซวเล่นครับคุณ zip อิอิ
ตอนนี้ก็โล่ง สอบเสร็จแล้วซิครับ
จะติดตามการแปลของคุณ zip ไปเรื่อยๆนะครับ
เหมือนนักอ่าน ที่กำลังลุ้นว่า ตอนต่อไปจะเป็นยังไงบ้าง อิอิ

เมื่อคืนอ่านอมตะจิตวิญญาณเล่ม 1 ต่อ และก็ลองเปลี่ยนตารางการนอนเป็นช่วงๆ เป็นวันที่ 2 ผลออกมา ช่วยลดการนอนลงได้หลายชั่วโมง โดยไม่เพลีย เหมือนเรารู้ว่า เราจะตื่นเมื่อไร ทำให้ไม่รู้สึกว่าต้องฝืนตื่น

ในหนังสือมีประโยคที่น่าคิด และมีประโยชน์มากๆที่ว่า

หากตื่นมานานเกินไป กับนอนนานเกินไป เป็นการแบ่งแยกตัวตนออกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมือนเราแยกจดจ่อกันทีละโลก (คัดลอกมาบางส่วนครับ)

เพื่อนๆคิดยังไงกับประโยคดังกล่าวข้างต้นบ้างครับ