ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ก่อนอื่นขอโมทนากับคุณ ukrin ที่ได้รับพระญาณการรักษาด้วยครับ

และขอโมทนากับข้อความของพี่สุดใจ ที่มุ่งเน้นให้เข้าใจประเด็นสำคัญในการเข้าร่วมทำงานกับมนุษย์ต่างดาว ตลอดจนความหมายของการละวางอัตตาตัวตน ได้อย่างชัดเจน

ไม่มีเราเป็นผู้กระทำ ระบบเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น
เมื่อไม่มีเราเป็นผู้กระทำ อะไรที่จะมากระทบให้เกิดทุกข์ ก็ไม่ใช่ทุกข์ของเรา...

กำหนดรู้ให้ทัน แล้วเราจะรู้ว่า มันเป็นอย่างนั้นเองจริงๆ

 

ดังนั้นจำนวนบุคคลที่ระบบได้วางไว้ทั่วโลก 5,000 คน<O</O
<O</O

ถ้าเทียบกับมนุษย์บนโลกนี้ที่มีมากกว่า 6,000 ล้านคน <O</O
<O</O

ท่านก็คือผู้ที่ได้รับเลือกจาก 1 ในล้านกว่าคน<O</O
<O</O

ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่บังเอิญเป็นผู้ถูกเลือกให้ทำงานกับระบบและต้องเป็นผู้ช่วยเหลือบุคคลอื่น<O</O
<O</O

นั่นเพราะทุกคนมีทุนเก่ามาก่อนแล้วอย่างมากมาย

ทุนเก่า ก็คือ กุศลกรรมทั้งหลายที่มีการสร้างสมกันมาในหลายๆ ชาติจนมีความเบื่อหน่ายในวัฎฎะสงสาร ไม่ปราถนาที่จะเวียนว่ายตายเกิดกันแล้ว ทั้งนั้นจึงอธิฐานมาทำงานเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้<O</O
<O</O

จนพร้อมที่จะได้ประโยชน์ตนในขั้นลึก คือขั้นปล่อยวางอัตตาตัวตน ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปปาทานขันธ์ห้า ในอวิชชาที่ครอบงำอยู่ว่ามีตัวเราของเรานั่นเอง<O</O
<O</O

ผู้ที่ทำงานแบบไม่รู้ตัวว่าทำงาน ก็จะมีในจำนวนมากมายทั่วโลก แต่ท่านนั้น ๆ ก็จะได้ใน 30 เปอร์เซ็นในประโยชน์ตน<O</O
<O</O

ส่วนผู้ที่รู้ตัวว่ากำลังมาทำงาน มาเพื่อที่จะออกจากวัฏฏะสงสาร เมื่อถึงเวลาได้มาพบเจอระบบ ซึ่งต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองอย่างมากกว่าที่จะเชื่อถือได้
<O
เมื่อมีความไว้วางใจในระบบได้ในระดับหนึ่ง จึงได้มาเรียนรู้วิธีการปล่อยวางอัตตาตัวตน ตามทฤษฎีระบบ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง ปฏิบัติตามแล้วพบว่า ปฏิบัติแล้วสามารถเบาบางจากทุกข์ได้จริง เบาบางจากการยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราได้จริง ก็จะมีการได้ประโยชน์ตนในระดับลึก คือการลดภพชาติตามเจตนาในการอธิฐานจิตลงมานั่นเอง<O</O
<O</O

ดังนั้นผู้ที่ได้เข้ามาสัมผัส ได้เข้ามาทดสอบทดลอง ได้มีการไตร่ตรองแล้วเป็นอย่างดี ได้มีการฟังการขยายระบบมาแล้วหลาย ๆครั้ง และเมื่อนำไปเทียบเคียงกับธรรมะของพระพุทธองค์ที่ได้เรียนรู้กันมาแล้วอย่างมากมายนั้น พบว่าทฤษฏีระบบ หรือกฏธรรมชาติที่ระบบนำมาบอกกล่าวนั้น มิได้มีการเบี่ยงเบนไปจากแก่นพุทธศาสตร์เลย<O</O
<O</O

และแนวทางการปฏิบัติก็ยังมิได้ยากจนเกินไปนัก สามารถทำตามได้ และเห็นผลได้จริง เบาบางจากทุกข์ได้จริง เบาบางจากการอุปปาทานการยึดมั่นได้จริง ซึ่งบุคคลเหล่านั้นพบเจอด้วยตนเองเห็นผลได้ด้วยตนเอง นั่นคือได้พัฒนายกระดับจิตซึ่งเป็นประโยชน์ตนไปแล้ว จึงพร้อมที่จะร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ท่าน คือช่วยเหลือบุคคลอื่นต่อไปใครงการนี้<O</O
<O</O

 

การมารับหมายเลข ก็หมายถึง การพร้อมมารับภาระหน้าที่ ที่สำคัญนั่นเอง<O</O
<O</O

ดังนั้นผู้ที่มีหมายเลข มิได้หมายความว่า ต้องเป็นผู้ที่ยึดติดกับหมายเลขนั้นๆ เพราะบุคคลนั้น ท่านมีความเข้าใจในกลไกของระบบ เป็นผู้ที่พร้อมเสียสละ พร้อมที่จะเสียชื่อเสียง เกียรติยศ ที่จะถูกนินทาว่าร้ายว่ามาเชื่อเรื่องไร้สาระได้อย่างไร พร้อมทั้งเสียสละเวลาที่ต้องออกไปทำภาระกิจที่ไม่มีใครเชื่อถือนี้<O</O
<O</O

จึงเป็นการสวนกระแสอย่างยิ่ง ในสังคมปัจจุบัน ที่จะเสียสละเวลาการได้อยู่กับครอบครัว กลับมาเตรียมการเพื่อช่วยเหลือใครก็ไม่รู้โครงการมนุษย์ต่างดาวนี้ เชื่อได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ ต้องเดินทางมาไกลเพื่อมารับฟังข้อมูล มาเชื่อมระบบ มาติดตั้งอุปกรณ์ จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?<O</O
<O</O

ดังนั้นผู้ที่ได้มาเชื่อมระบบแล้ว ได้มาสัมผัสกับกลุ่มนี้หลาย ๆ ครั้ง ได้รับฟังการขยายระบบหลายครั้ง ได้มีการนำไปพิจารณาและปฏิบัติตาม ได้เห็นการยกระดับจิตอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ย่อมมีความมั่นใจในระบบ และมนุษย์ต่างดาวที่จะมาทำงานร่วมกัน<O</O
<O</O

การมุ่งมั่นที่จะมาเข้ามาเป็นผู้ที่ทำงานกับระบบ จึงเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญ ในความเสียสละเหล่านั้น<O</O
<O</O

การรับรองท่านเข้าทำงาน ก็คือการรับรองในเจตนาที่เสียสละของท่าน<O</O
<O</O

การรับหมายเลข นั่นหมายถึงการมารับ ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ภารกิจที่หนักหนาสาหัสในความคิดของมนุษย์<O</O
<O</O

แต่ระบบได้ให้ประโยชน์ตน ในการสอนให้ปล่อยวางไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นผู้ทำงานก็มีการปล่อยวางการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนเป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว ดังนั้นตัวเราก็ยังไม่ใช่ แล้วหมายเลข ซึ่งเป็นของภายนอกจะใช่ได้อย่างไร<O</O
<O</O

พี่สุดใจ หมายเลข 6 มา 10 ปีแล้ว ยังไม่เคยได้สนใจเลยว่าตนเองหมายเลขอะไร และเชื่อแน่ว่าหลายคนที่อ่านกระทู้แห่งนี้ก็คงยังไม่ทราบเช่นกัน

เพราะมิได้มีความจำเป็นต้องกล่าวอ้างถึงหมายเลขเหล่านั้น<O</O
<O</O

แต่ภาระหน้าที่ที่สำคัญ ก็คือต้องมาเผยแพร่ข้อมูล มาให้ข่าวสาร มาบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ มาทำหน้าที่ผู้รับผิดชอบแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต มีหน้าที่ทำการขยายระบบให้กับบุคคลอื่น ๆ จนทำให้มีบุคคลได้รับทราบ ปฏิบัติ และเห็นผล จนมีแรงบันดาลใจที่จะสานต่องานของระบบ จนเกิดเขากะลา 2 ขึ้นมา

นั่นต่างหากที่เป็น ภาระหน้าที่ <O</O<O</O
<O</O

เป็นภาระหน้าที่ที่ต้องดำเนินการโดยไม่ได้คิดสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ โดยไม่ได้มีหมายเลข 6 มาผลักดันใด ๆ ภาระหน้าที่ ที่ได้รับทราบว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ในการจรรโลงไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอน ต้องช่วยเหลือมวลมนุษย์ที่ต้องประสบกับความหายนะข้างหน้านี้ต่างหาก ที่เป็นแรงผลักดันให้ต้องทำภาระกิจนี้ <O</O
<O</O

ซึ่งพี่สุดใจก็ยังคงคิดว่า หลายท่านที่มีความมุ่งหมายจะเข้าร่วมทีมกับมนุษย์ต่างดาวนี้ ก็มิได้มุ่งหมายมาเพียงเพื่อที่จะได้รับหมายเลขนั้น ๆ
<O</O
<O</O

แต่เพราะต้องการที่จะมารับภาระหน้าที่ ซึ่งเป็นงานของแต่ละท่านโดยตรงนั่นเอง<O</O
<O</O

 

อย่างเช่นวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ให้ไปออกรายการ "จักรพงษ์"

พี่สุดใจในฐานะผู้มีประสบการณ์มาก่อนก็ต้องไปให้ข้อมูลเบื้องต้นอยู่แล้ว<O

อาจารย์นีโม่ในฐานะ ผู้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาก่อนและเป็นส่งต่ออุปกรณ์นั้น ๆ ให้กับบุคคลอื่นต้องมีภาระหน้าที่ต้องไปอธิบายอุปกรณ์เหล่านั้น<O</O

ได้มีการแจ้งไปยังแพทย์แผนอนาคต 2 ท่าน <O</O
<O</O

คือ คุณจักษวัชร์ (juksawat) และคุณอลงกต(เทพบุตรชาวดิน) ว่าจะออกรายการเกี่ยวกับอุปกรณ์รักษาผู้ป่วยที่ได้รับมาจากมนุษย์ต่างดาว เพราะทั้งสองท่านได้รับมอบหมายหน้าที่ในการรักษาและติดตั้งอุปกรณ์ไปแล้ว<O</O
<O</O

ทั้งสองท่านก็รับรู้ว่า ต้องมีภาระหน้าที่ไปออกรายการทีวีเพื่อเผยแพร่เครื่องมือนั้น <O</O
<O</O

ทั้งสองท่านก็ไปตามหน้าที่ในตอนนั้น คงไม่ได้คิดถึงด้วยซ้ำว่าเราหมายเลขอะไร?


รวมถึงคุณ ukrin ซึ่งเดินทางไปด้วยในฐานะไปเป็นช่างภาพในตอนแรก เพื่อทำหน้าที่เก็บภาพการออกรายการของทุกท่าน แต่เมื่อมีข้อมูลจากระบบแจ้งด่วนลงมา ทำการแต่งตั้งให้รับหน้าที่เป็นแพทย์แผนอนาคต ก่อนการออกรายการเพียง 15 นาที

ดังนั้น คุณ ukrin แทนที่จะอยู่เบื้องหลัง กลับต้องออกไปอยู่เบื้องหน้ากล้องในทันที ด้วยภาระหน้าที่ ที่รับมาในขณะนั้น นั่นเอง

หรือ<O</O
<O</O

หากมีผู้ที่จะขอเข้ารับการเชื่อมระบบ อาจารย์บรรพต (คุณ MOUNTAIN) ท่านก็ต้องรับภาระหน้าที่ในการสอบอารมณ์ก่อนในระดับต้น เพราะท่านทำหน้าที่เป็นวิปัสสนาจารย์ ซึ่งในส่วนนี้หากใครที่ต้องการเชื่อมระบบเดินทางมาฝักข้าวโพดก่อน ทางเราก็ต้องให้ไปผ่านผู้รับผิดชอบงานนี้ คือผ่านวิปัสสนาจารย์ประจำเขากะลา 2 ก่อน เมื่อท่านรับรองแล้วจึงสามารถเชื่อมระบบได้<O</O
<O</O

ดังนั้น อาจารย์บรรพต (คุณ MOUNTAIN) ก็ต้องทำตามภาระหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจากระบบ ให้เป็นผู้คัดกรองและให้การรับรองมาก่อน ก่อนที่เขากะลา 2 จะทำการเชื่อมระบบให้ต่อไป
<O</O
แม้ตอนนี้อาจารย์บรรพต (คุณ MOUNTAIN) อาจจำไม่ได้ หรือไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าท่านหมายเลขอะไร แต่ท่านจะจำได้ว่าภาระหน้าที่ ของท่านคืออะไร?<O</O
<O</O

60 บุคคลที่เขากะลา 1 ผ่านมา 10 ปีแล้ว บางท่านยังจำไม่ได้เลยว่าตนมีหมายเลข และหมายเลขอะไรด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้มีใครสนใจตรงนั้น สนใจแต่ว่าเราจะช่วยอะไรใครได้เท่านั้น<O</O
<O</O

ดังนั้น ท่านที่มีหมายเลข หรือไม่มีหมายเลข ก็ย่อมเท่าเทียมกันในการทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว เพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นตามที่ได้รับสื่อสารมาโดยตรงไม่ต้องไปรวมกับใคร

<Oแต่ผู้ที่ได้รับภาระหน้าที่ หรือจำเป็นต้องมีหมายเลขนั้น ก็คือผู้ที่พร้อมรับภาระหน้าที่ โดยรู้ตัวว่ากำลังทำหน้าที่นี้อยู่
จะเป็นที่รับทราบโดยทั่วกันเรียกว่า ชี้ได้ถูกตัว<O</O
<O</O

เหมือนเมื่อวานนี้ มีผู้ป่วยโทรมาจากจังหวัดแพร่ ได้ติดตามอ่านจากเวปไซด์พลังจิต กระทู้นี้มาตลอด ได้ติดตามมานานอยากจะให้ช่วยรักษาอาการป่วยให้<O</O
<O</O

พี่สุดใจก็เลยต้องส่งมอบให้ คุณจักษวัชร์ ผู้ทำหน้าที่แพทย์แผนอนาคต ที่อยู่จังหวัดอุตรดิตถ์ รับหน้าที่นี้ไป เพราะอยู่ใกล้ที่สุดกับจังหวัดแพร่<O</O
<O</O

นั่นคือการ ชี้ถูกตัว ของผู้ที่ทำหน้าที่แพทย์แผนอนาคตในภาคเหนือ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของท่านนั่นเอง<O</O
<O</O
<O</O

 

แนบอ่านมานานแล้วแต่ไม่ได้โพส แต่สงสัย และข้องใจมานานว่าทำไมอะไรๆต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ถ้าเป็นอย่างที่พี่สุดใจโพสไว้จริงๆ การที่เราต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้เป็นเพราะระบบจัดสรรให้ใช่มั้ยค่ะ

 

สวัสดีค่ะ
เข้ามาทักค่ะ

 

ขอจอง 1 เส้นครับ อิอิ

 

ขอบคุณค่ะ ที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง ซึ่งเชื่อแน่ว่าหลายท่านก็คงเคยพบเจอมาบ้างเช่นกัน

เป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อหายเงินปุ๊บ ก็ต้องวุ่นวายในการหาแล้ว หาอีก เมื่อหาไม่เจอก็ยิ่งกังวล และคิดว่าต้องหายแน่นอน เพราะจะคิดเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ อาจเสียใจ และเป็นทุกข์เลยในขณะนั้นก็ได้

แต่เพราะได้มีการติดตามอ่านกระทู้นี้อย่างต่อเนื่อง ได้รับทราบการทดสอบอารมณ์หลาย ๆ อย่างจากระบบ ที่ทดสอบผู้ฝึกและผู้ทำงานกับระบบ เพื่อให้มีกระบวนการปล่อยวาง โดยมีการทำให้เห็นในหลายรูปแบบ

เมื่อของหาย ของเกินบ่อย ๆ เข้า ผู้ที่ถูกเอาสิ่งของไปซ่อนในมิติ แรก ๆ ก็กังวล ก็ทุกข์ พอหลาย ๆ ครั้งเข้า ก็ไม่รู้จะทุกข์ไปทำไม ถ้าหายจริงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทุกข์ไปก็ไม่ได้คืน ถ้าเอาไปซ่อนเดี๋ยวก็เอามาคืนเองแหละ

จึงยังไม่ทุกข์ไปเลยในขณะที่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะไม่ได้ฟันธงลงไปว่าหายแน่ ๆ หรือระบบเอาไปซ่อนแน่ ๆ จึงยังแบ่งรับแบ่งสู้ โดยยังไม่ทุกข์ในทันที หรือจะทุกข์ก็ทุกข์ครึ่งเดียว กังวลครึ่งเดียว โดยแบ่งอีกครึ่งไว้เผื่อระบบแกล้ง

ก็คือการคิดแบบปล่อยวางโดยไม่รู้ตัว

แต่หากนานไปยังไม่ได้กลับคืนมา ก็ค่อยนึกได้ว่า สงสัยหายแน่ ความทุกข์ที่มันจะเกิดในตอนหลังนั้น ก็จะเบาบางกว่า ความเสียดายจะไม่รุนแรงเหมือนตอนที่เงินหายใหม่ๆ หรือบางครั้งลืมไปแล้ว เลิกเสียดายไปแล้วก็ยังมี

นี่คือสิ่งที่ระบบมุ่งสอนประโยชน์ตนให้มีการปล่อยวางแบบแนบเนียน ให้คลายความยึดมั่นถือมั่นในทุกสิ่งอย่างไม่รู้ตัว จะมีการสร้างสถานะการณ์ให้เกิดทุกข์ ให้เสียใจ แล้วก็ทำให้หายทุกข์ ให้ดีใจ แล้วจะทำให้เกิดทุกข์ ให้เสียใจ แล้วก็ทำให้หายทุกข์ ให้ดีใจ สลับสับเปลี่ยนกันไปอยู่อย่างนี้เรื่อย ๆ จนเกิดปัญญาว่า จะไปขึ้นไปลงกับการดีใจ เสียใจทำไม เพราะยังไง มันก็เป็นยังงั้นอยู่แล้ว

เงินหายก็ถูกต้อง เพราะถึงไม่ใช่ระบบซ่อน มันก็หายของมันเองได้

ได้คืนมาก็ถูกต้อง ไม่ว่าจะจากอะไร หรือวิธีไหน ก็ยังงั้นแหละ

นี่คือ ประโยชน์ตนใน 30 เปอร์เซ็นต์ ที่ระบบมุ่งหมายสอนการปล่อยวางให้กับคนในระบบ ใน 5,000 คนทั่วโลก

เพราะเป็นบุคคลที่ต้องรับการดูแลจากระบบอยู่แล้ว ผู้ที่ทำการทดสอบท่าน ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็คือเพื่อนร่วมงานจากต่างดาวที่ทำงานร่วมกับท่าน ซึ่งจะทำงานร่วมกันในระบบ 1 ต่อ 1

เขาทำหน้าที่ให้ประโยชน์ตนกับคุณ คือให้ความทุกข์ และบอกวิธีการดับทุกข์ให้

และคุณก็ทำงานร่วมกับเขา ในการให้ประโยชน์กับบุคคลอื่น ช่วยเหลือบุคคลอื่นพร้อมกันไปด้วย ในเวลาที่เกิดภัยพิบัติในครั้งนี้

อนุโมทนาค่ะ

 

เก็บตก หลังกล้อง 2

 

การที่ คุณ Mrs.Kimได้สนใจอ่านข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) อย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่อย่างใด

เพราะคุณจะได้รับทราบข้อมูล ความเป็นมาเป็นไป รับทราบตัวอย่าง รับทราบกลไก รับทราบจุดมุ่งหมายในการมาดำเนินการบนโลกมนุษย์เพื่อสิ่งใด

การรับทราบ นำไปไตร่ตรอง พร้อมทั้งเริ่มมีประสบการณ์แปลก ๆ รวมทั้งการที่ต้องพบเจอกับปัญหา หรือสถานะการณ์ที่กำลังจะทำให้เกิดทุกข์ และก็ได้มีการถูกคลี่คลายให้โดยไม่น่าเชื่อนั้น

ถ้าทุกข์ล่วงหน้าไปก่อนเพราะความคิด ก็จะถือว่าเป็นการ ทุกข์ฟรี กับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง เพราะสุดท้ายสถานการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่กังวลล่วงหน้า

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ให้มองเหตุการณ์นั้นด้วยสติ อย่าเพิ่งเร่งตัดสินว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ ให้อยู่กับปัจจุบัน แก้ไขไปตามเหตุสมควร และคอยเฝ้าดูความคิดที่จะพาไปกังวล ความคิดที่พาไปวุ่นวายเกินเหตุ ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวเหล่านั้นยังไม่รู้เลยว่าจะออกมาในรูปแบบใด

หากลงเอยด้วยดี สิ่งที่กังวลมาทั้งหมด ก็คือการ ทุกข์ฟรี ล่วงหน้านั่นเอง

ถ้าคุณรู้เท่าทันความคิด ก็จะเกิดปัญญาในการมองเห็นปัญหาต่าง ๆ และจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยไม่มีใครเป็นผู้ทุกข์

ระบบจะจัดสรร สิ่งที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาจิตให้กับแต่ละบุคคลที่อยู่ในระบบเสมอค่ะ

อนุโมทนา

 

เหลือบไปเห็นเลยเก็บมาฝากครับ

 

การเรียน 1 ต่อ 1 เริ่มขึ้นแล้ว

เรื่องการเข้าออกมิติ เรื่องการย้ายมวลสาร เรื่องการส่งคลื่นพลังงาน เริ่มนำมาใช้ทดสอบอารมณ์อย่างเข้มข้นแล้วในตอนนี้

ตอนแรกก็ออกจะงง ๆ อย่างนี้ทุกคนแหละค่ะ แต่อีกหน่อยก็จะเริ่มเห็น ว่ามันก็เป็น อย่างนั้นเอง มากขึ้นเรื่อย ๆ

มันจะมา มันจะไป มันจะหาย มันจะคืน มันก็เป็นของมันอย่างนั้น บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะแม้แต่ขันธ์ห้าที่เคยคิดว่าเป็นของเราก็ยังไม่ใช่เลย ยังบังคับบัญชาไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับสิ่งของที่ไม่ได้อยู่ในการบังคับบัญชาของเรา

ความรู้สึกสุข ทุกข์ ที่เคยเกาะกับสิ่งของเหล่านั้น จากเคยดีใจ เสียใจ ทุกครั้งที่กระทบอารมณ์เหล่านั้น ก็ย่อมมีการเคลื่อนไหวน้อยลง น้อยลง จนสุดท้ายก็นิ่งดูเฉย ๆ เบื่อที่จะเคลื่อนไหว ไม่ดีใจ เสียใจไปกับอารมณ์เหล่านั้น

เพราะเริ่มเห็นว่า ไม่รู้จะไปกังวลทำไม กันสิ่งที่ไม่ใช่เรา

 

ถ้าคุณรู้เท่าทันความคิด ก็จะเกิดปัญญาในการมองเห็นปัญหาต่าง ๆ และจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยไม่มีใครเป็นผู้ทุกข์
.........................................................................................

ชอบประโยคนี้ของพี่สุดใจมากค่ะ อ่านแล้วหมดคำถาม ความสงสัยใดๆปล่อยวาง ทันทีเลยค่ะ ขอบพระคุณที่พูดให้สติค่ะ​

 

<TABLE class=tborder id=post1556989 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">07-10-2008, 01:33 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#3903 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ไอย<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1556989", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 05:03 PM
วันที่สมัคร: Dec 2007
ข้อความ: 365
ได้ให้อนุโมทนา: 3,988
ได้รับอนุโมทนา 5,310 ครั้ง ใน 363 โพส
พลังการให้คะแนน: 188




</TD><TD class=alt1 id=td_post_1556989 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Astro Neemo

ประกาศโดยระบบ ​

เรื่อง การมอบหมายหน้าที่งานด้านบุคคลประจำเขากะลา2ด้านปฎิบัติการ​

เนื่องจากคุณบรรพต โรจน์รุ่งสัตย์ ที่ได้ปฎิบัติหน้าที่รักษาการณ์งานบุคคลมาระยะหนึ่ง และได้มีการมอบหมายภาระหน้าที่ใหม่คือทำหน้าที่เป็นวิปัสนาจารย์ ประจำเขากะลา 2 ดังนั้นระบบจึงได้รับมอบหมายหน้าที่งานด้านบุคคลประจำเขากะลา2ด้านปฎิบัติการให้กับ​

คุณ คุณไอยอรอินทุ์ อดุลวิบูล (ไอย)72 ปฎิบัติหน้าที่แทน​

แจ้งเพื่อทราบ

ประกาศเมื่อ 5 ตุลาคม 2551 เวลา 20.19 น.​

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

รับทราบและรายงานตัวในการปฏิบัติงานค่ะ
ขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เพื่อจัดทำแฟ้มประวัติ
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดประวัติส่วนตัว กรุณาส่งมาทาง pm
หรือติดต่อมาที่ โทร. 086-3513950 ตั้งแต่เวลา 9.00 - 20.00 น.
หลัง 2 ทุ่มไปแล้วขอเป็นเวลาสวดมนต์กับปฏิบัติภารกิจส่วนตัวก็แล้วกัน
ขอแสดงความยินดีกับทุก ๆ ท่านเช่นกันค่ะ







</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ กับคุณอ้อ ผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบงานด้านบุคคลประจำเขากะลา2 ด้านปฎิบัติการ


ขอให้ผู้รับผิดชอบงานด้านบุคคล ช่วยดำเนินการดังนี้

1. สรุปรายชื่อผู้ที่ได้รับการปรับหมายเลข และได้รับการรับรองแล้ว จำนวน 37 ท่าน โดยลงหมายเลขไล่ตามลำดับ ตั้งแต่หมายเลข 61 - 120

2. หมายเลขใดที่ยังว่างอยู่ ขอให้เว้นว่างไว้ ใส่เฉพาะหมายเลขที่มีรายชื่อบุคคลที่มาทำการปรับหมายเลขใหม่แล้วเท่านั้น

3. สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ในการปรับหมายเลข แต่ไม่ได้มาปรับหมายเลขในครั้งนี้ ให้จัดทำทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิ์ เรียงลำดับ 1 2 3 ไปเรื่อย ๆ โดยนำข้อมูลรายชื่อจากมาจาก ลำดับเก่าที่ยังไม่ได้ปรับ เช่นรหัส 103 หากยังไม่ได้ปรับ ให้เป็นลำดับที่ 1 ของผู้มีสิทธิ์ รหัส 104 ที่ยังไม่ได้ปรับ ให้เป็นลำดับที่ 2 ของผู้มีสิทธิ์ ไล่เรียงลงมาเป็นลำดับ 1 2 3 ไปจนครบผู้มีสิทธิ์ เพื่อว่าหากมีการเปิดรับการปรับหมายเลขที่ยังเหลืออีก 23 หมายเลข บุคคลใดที่มีสิทธิ์ จะสามารถมารับการปรับหมายเลขได้

4. ผู้ที่รับการขยายระบบยังไม่ครบ 3 ครั้ง ก็สามารถมารับการขยายระบบเพิ่มเติมให้ครบ 3 ครั้งได้ ในทุกวันเสาร์ ที่จะมีการสวดมนต์ร่วมกัน เพื่อที่จะสำรองรายชื่อไว้ในการเป็นผู้มีสิทธิ์รับการปรับหมายเลข โดยเมื่อครบ 3 ครั้งแล้ว จะแจ้งให้ผู้รับผิดชอบงานด้านบุคคล จัดลงทะเบียนของผู้มีสิทธิ์รับการปรับหมายเลขให้กับท่าน

5. ผู้ที่ยังไม่ได้มารับการเชื่อมระบบ ขอให้แจ้งความประสงค์ไปยังวิปัสสนาจารย์ก่อน เพื่อให้การรับรองว่าให้เชื่อมระบบได้ และเมื่อเชื่อมระบบแล้ว จะแจ้งรายชื่อไปยังงานด้านบุคคล เพื่อบันทึกข้อมูลต่อไป

จึงแจ้งผู้รับผิดชอบงานด้านบุคคลเพื่อทราบ และดำเนินการต่อไป

อนุโมทนาค่ะ

 

ผู้อาวุโส....ทำไม ..... ไม่อาวุโส​

มีหลายคนสงสัย และอยากถามแต่ไม่กล้า ว่าทำไมผู้อาวุโสแห่งเขากะลา 1 จึงไม่เป็นผู้ที่มีวัยอาวุโสอย่างที่น่าจะเป็น​

ดูลักษณะท่าทาง หน้าตา เป็นผู้อ่อนวัยกันทั้งนั้น แล้วเป็นผู้อาวุโสได้ยังไง ?​

คำตอบก็คือ .... มนุษย์ไม่ได้เป็นผู้อาวุโส แต่ .... ระบบอาวุโส​

เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจากระบบ โดยมีการรับรองว่า ​

คุณวาสนา ชื่นสำนวน ​

เป็นผู้เหมาะสมในการทำหน้าที่รับผิดชอบแผนกขับเคลื่อนระบบ และmaintenance ระบบ

ซึ่งเป็นผู้ที่รับการติดตั้งอุปกรณ์ในการรับข้อมูลจากระบบมาก่อนเป็นท่านแรก ​

นั่นคือ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผ่านข้อความจากระบบ เรียกว่า อาวุโสโดยระบบ หรือ ระบบ ... อาวุโส​

เพราะระบบอาวุโส ไม่ใช่มนุษย์อาวุโส​

จึงไม่ใช่มนุษย์ผู้ผ่านข้อความจากระบบ เป็นผู้อาวุโสแต่อย่างใด​

เพราะมนุษย์เป็นเพียงผู้ทำหน้าที่แทนระบบ ในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ของระบบ ให้ดำเนินไปได้ตามแผนงานเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติตามที่ระบบได้วางไว้​

นั่นคือ ก่อนเกิดภัยพิบัติ ขณะเกิดภัยพิบัติ .... และหลังเกิดภัยพิบัติแล้ว มนุษย์ต่างดาวก็ยังอยู่ช่วยฟื้นฟู และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ต่อไป​

ดังนั้น หากระบบเลือกผู้ที่อาวุโสทางโลกมาทำหน้าที่นี้ ก่อนเกิดก็ยังพอทำได้ ขณะเกิดก็แทบพยุงร่างกายไม่ไหว หลังเกิดต้องหามกันไปฟื้นฟู คงทุลักทุเลน่าดู​

การเลือกบุคคลในวัยที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสม ตั้งแต่ก่อนเกิด ก็ยังแข็งแรง ขณะเกิดก็ยังแข็งแรง แม้จะหลังเกิด ยุคฟื้นฟู ก็ยังแข็งแรงพอที่จะดำเนินงานให้ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง​

เพราะมนุษย์ไม่ได้เป็นผู้ทำ แต่ผู้ที่ทำการคัดเลือก จัดสรร บุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่นั้น ๆ ก็คือระบบ และมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง​

​

 

ดังนั้น มนุษย์เป็นเพียงเครื่องมือในการถ่ายทอดข้อความ ในการผ่านอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาว เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น​

ถ้าสังเกตุให้ดี รุ่นถัดมา คือรุ่นเขากะลา 2 รุ่นปฏิบัติการ ก็จะมีแต่บุคคลที่อายุน้อย ๆ เสียเป็นส่วนมาก ที่จะทำงานได้ใน 3 รุ่น ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

ดังนั้น บุคคลต่าง ๆ เมื่อเข้ามาแล้วพบเห็นว่า ผู้อาวุโสของเขากะลา 1 มีแต่คนอายุน้อย ๆ ไม่น่าศรัทธา ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าจะมีความสามารถจะเป็นผู้นำในการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือภัยพิบัติ ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้ ​

นั่นเป็นการมองในมุมของมนุษย์ และเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่คัดกรองผู้ที่ยังยึดถือแค่ในรูปแบบของมนุษย์ ในจำนวนหนึ่งออกไปก่อน​

เพราะคิดว่า มองแล้วไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าศรัทธา ​

หากเป็นผู้อาวุโสที่อายุมากหน่อย มาดเข้ม คงด้วยวิชาอาคม ความรู้ และพลังต่าง ๆ น่าจะพอเชื่อถือได้​

นี่คือการมองแบบมนุษย์ที่มองตามรูปแบบทั่ว ๆ ไป​

มีแต่ผู้ที่มองด้วยปัญญาเท่านั้น ที่รู้เท่าทันระบบ ว่าที่มองเห็นอยู่นี้ก็ไม่ใช่ผู้นำระบบ แต่เป็นเพียง เครื่องมือของระบบ ที่ทำหน้าที่ในการผ่านข้อความ ผ่านแผนงาน ผ่านขั้นตอนการดำเนินการ ผ่านรูปแบบการปฏิบัติการ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการทำงานให้กับระบบเท่านั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ ก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น อุปปาทานว่าเป็นเรา มีอัตตาตัวตนของเรา เราเป็นผู้ทำ เราเก่ง เราเป็นผู้ดำเนินการทั้งสิ้น​

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดข้อมูลจากระบบ ก็ทำหน้าที่รักษาประโยชน์ตนไปด้วยในขณะทำหน้าที่นั้น คือการปล่อยวาง เห็นความว่างจากตัวตนของตน เห็นการทำงานของระบบโดยไม่มีเราอยู่ในขันธ์ห้า ขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวเรา ของเรา ก็ได้ประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านไปพร้อม ๆ กัน​

ก็เปรียบเสมือนเป็นเครื่องเล่นเทป ที่ใช้สำหรับเปิดเทป ​

ม้วนเทป และข้อความในเนื้อม้วนเทป ก็ยังเป็นข้อความจากในม้วนเทปเช่นเดิน ข้อความมาอย่างไร เสียงก็ออกไปอย่างนั้น​

ตัวเครื่องเสียงและลำโพง ย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อความจากม้วนเทปนั้นเลย​

เพียงแต่ เครื่องเสียงทำหน้าที่ให้เสียงจากม้วนเทป ดังออกมาจากลำโพงเท่านั้น​

แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ และมองทะลุตัวบุคคลนั้นไปยังข้อความที่ผ่านออกมา แล้วพิจารณาในเนื้อหาของข้อความเหล่านั้น​

ดังนั้น ความลังเลสงสัย ความไม่มั่นใจ ยังมีให้เห็นตลอดมากับหลายบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ๆ และก็ยังคงใช้เป็นตัวคัดกรองในชั้นหนึ่งเรื่อยมา สำหรับผู้ที่ยังยึดติดในรูปแบบต่าง ๆ นั่นเอง​

 

อนุโมทนาด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ อาจารย์

เมื่อมีสติเป็นผู้ดู มีการรู้เท่าทันขันธ์ห้าแล้ว จะมีความเข้าใจในกลไกเพื่อการทดสอบเหล่านั้น

... รู้... เข้าใจ.....ปล่อยวาง

การทดสอบใด ๆ ก็ไม่มีความหมาย

เพราะไม่มีใคร.... เป็นผู้ถูกทดสอบ...นั่นเอง

อนุโมทนาค่ะ

 

ขอยกตัวอย่างเรื่อง ระบบอาวุโส เพื่อให้เกิดความเข้าใจสักเล็กน้อย

อย่างเช่น อาจารย์จักษวัชร์ ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ และรับการถ่ายทอดญาณการรักษาผู้ป่วยจากระบบ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา

ใน 7 วันแรก ยังไม่ได้รับพลังงานอะไรเลย

หลังจาก 7 วันต่อมา เริ่มสัมผัสพลังงานในการรักษาได้ และเริ่มทำการรักษาโดยระบบ ซึ่งระบบเป็นผู้ทำการรักษา ไม่ใช่อาจารย์จักษวัชร์

พอการรักษาเริ่มเชี่ยวชาญ รับข้อมูลในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ถือว่าระบบเชี่ยวชาญในการรักษาในระดับหนึ่ง

ต่อมาอีกไม่นานก็ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม คือติดตั้งเครื่องสแกน ติดตั้งอุปกรณ์ในการสแกนผู้ป่วยก่อน ว่าเป็นอะไรตรงจุดไหน สามารถมองเห็นผ่านเครื่องสแกนนั้น แล้วนำมาใช้ประกอบ ก่อนการรักษาผู้ป่วย

เมื่อใช้ไปในระยะหนึ่งเริ่มมีความเชี่ยวชาญ เรียกว่า ระบบเชี่ยวชาญ มิใช่อาจารย์จักษวัชร์เชี่ยวชาญ

จากนั้นไม่นาน ก็ได้รับการติดตั้งเครื่องมือที่สามารถเปิดตาที่ 3 ให้กับบุคคลอื่น ได้รับอุปกรณ์ในการเห็นบุพกรรมของบุคคลอื่นได้ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค ว่ามาจากสาเหตุใด มีกรรมใดที่ทำไว้ก่อนหรือไม่

ดังนั้น เมื่อใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไปสักระยะหนึ่ง ก็ถือว่า ระบบมีความเชี่ยวชาญในอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่เกี่ยวกับอาจารย์จักษวัชร์

ในระยะเวลาแค่เพียง 2 เดือน ถือว่าระบบ ที่ผ่านอาจารย์จักษวัชร์นั้น เป็นระบบที่เชี่ยวชาญ หรือ เป็นระบบอาวุโส เมื่อเทียบกับบุคคลที่เพิ่งได้รับอุปกรณ์ใหม่ ๆ

แต่ถ้าระบบที่ผ่านอาจารย์จักษวัชร์ให้ทำการรักษาสัก 5 ปี โดยมีการเพิ่มอุปกรณ์การรักษาแบบอื่น ๆ เพิ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อความมีประสิทธิภาพ

แล้วถ้ามีคนใหม่เพิ่งเข้ามารับอุปกรณ์ชิ้นแรก แบบที่อาจารย์จักษวัชร์ได้เคยรับมาชิ้นแรกเหมือนกันเมื่อ 5 ปีก่อน

อุปกรณ์เหมือนกัน การใช้เหมือนกัน แต่ผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ก็จะยังไม่เชี่ยวชาญ

ดังนั้น อาจารย์จักษวัชร์ จะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มากกว่าบุคคลที่เพิ่งได้รับอุปกรณ์ใหม่อย่างแน่นอน

นั่นหมายความว่า ในทางโลก อาจารย์จักษวัชร์ย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในระดับเป็นผู้อาวุโสทางแพทย์แผนอนาคต

ซึ่งโดยความจริง อาจารย์จักษวัชร์ มิได้อาวุโส ... แต่ระบบ...อาวุโส นั่นเอง

ขณะรักษาทางไกล ไปยังประเทศฮังการี







พี่สุดใจ ที่มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดข้อมูลทฤษฎีระบบ ที่ได้ทำมานับ 10 ปีแล้ว

แต่นั่นก็ไม่ใช่พี่สุดใจอีก แต่เป็นผู้อาวุโสโดยระบบ หรือ ระบบ...อาวุโส นั่นเอง.


.......

 

วันนี้รับไปเต็มๆ พี่สุดใจขยายระบบให้อีกแล้ว

เห็นมาเล่ากันเรื่องเงินหาย เมื่อเดือนที่แล้วลูกสาว(ชื่อเล่นเหมือนลูกสาวคุณ Digital)นั่งดู TV กำเงินอยู่ในมือ 23 บาท แบ๊ง 20 กับเหรียญบาท 3 เหรียญ แบ๊ง 20 หายไปคามือ

และวันนี้ลูกสาวตื่นนอนมา เวลา 10:10 วันที่ 10-10-08 (ปิดเทอมน่ะ จะขายออกไหมเนี่ย)

 

เก็บตกภาพ ผู้อาวุโสแห่งเขากะลา 1 เมื่อวันที่ 4 และ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา