เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    เห็นด้วยครับ คุณธรรมจิตต์ ภาษาผมก็ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนกัน พูดได้แค่ yes no ok pepsi cola อิอิ

    บางคำถามที่ต้องการถาม ถ้าเขียนเป็นไทยจะสื่อความได้ง่ายกว่า ก็เขียนเป็นไทยมาก็ได้ครับ

    เพราะในห้องนี้เพื่อนๆที่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษมีเยอะแยะครับ จะได้ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษให้อีกทีนึง

    หรืออาจจะใช้ภาษาคาราโอเกะก็ได้ครับ (อย่าเพิ่งขำนะ นี่ภาษาโบราณย้อนยุคเลยนะครับ โปรแกรมแช็ตสมัยแรกๆของเมืองไทย ที่ไม่มีภาษาไทย ก็ใช้สื่อสารกันอย่างแพร่หลายเลยนะครับ อิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2008
  2. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ภาษาอังกฤษผมก็ไม่ค่อยคล่องมากเหมือนกัน ถ้าข้อความไหนจะส่งถึงพี่นักเขียนค่อยเขียนอังกฤษน่าจะดีกว่า เขียนเป็นอังกฤษคุยกันทุกข้อความตลอด บางทีคนเขียนก็เขียนไม่คล่อง คนอ่านแปลไปผิดๆ ก็มี ก็เลยพลอยทำให้เข้าใจผิดพลาดกัน

    บางที zipp ก็มีคิดอะไรไปเรื่อยนะ แต่ไม่ค่อยได้เอามาเขียนเท่าไหร่ อย่างเรื่องสนทนากับพระเจ้าเล่ม 1 ที่พรเจ้าอธิบายว่า

    ไม่หรอกลูกเอ๋ย ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ได้ถูกหรอก ฉันสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นภายในพริบตา ภายในหนึ่งห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์ ดังที่ฝ่ายทฤษฎีพระผู้สร้าง (Creationist) บอก และ…ก็ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการที่ใช้เวลานับหลายๆ พันล้านปี…ดังที่ฝ่ายทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าว

    ต่างฝ่ายต่าง “ถูก” ด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะ เหมือนที่นักบินอวกาศได้เข้าใจนั่นเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าเธอมองมันอย่างไร


    ถ้าจิตในตัวเราต่างก็เป็นจิตพระเจ้าด้วยกันทั้งนั้น การสร้างสรรใดๆ ให้กับร่างกายเราก็ถือว่าเป็นการสรรสร้างของพระเจ้าด้วย ยกตัวอย่างเช่น เราจะทำให้ร่างกาย สูงหรือต่ำ แข็งแรงหรืออ่อนแอ นอกจากจะเป็นการดูแลร่างกายของเราแล้ว นั่นก็เป็นการสรรสร้างด้วย เราอยากให้่ร่างกายมนุษย์เราเป็นอย่างไร เราก็ต้องดูแลร่างกายเราให้เป็นอย่างนั้น

    ดังนั้น คำที่ว่า "ฉันสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นภายในพริบตา ภายในหนึ่งห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์" ก็คือการกระทำของเราในช่วงขณะปัจจุบัน {หนึ่งห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์ = ช่วงเวลาปัจจุบัน} ที่ทำให้กับร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การออกกำลังกาย

    และคุณลักษณะของร่างกายเราก็จะส่งผ่านต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานด้วย นั่นแหล่ะก็เป็นกระบวนการวิวัฒนาการ

    พระเจ้าถึงได้บอกว่า "ต่างฝ่ายต่าง “ถูก” ด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะ"

    Edit: แต่ลองอ่านดูอีกทีที่พระเจ้าบอกว่าสร้างภายในพริบตา อาจจะหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ คือมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นทันทีเลย ตามที่เขียนไว้ว่า "ทั้งหมดนี้ทำผ่านกระบวนการลดความเร็วสุดหยั่งของทุกการสั่นสะเทือน(รูปความคิด) เพื่อก่อให้เกิดสะสารขึ้น รวมทั้งสสารที่เธอเรียกว่าร่างกายด้วย" อิอิ ผมก็งี้แหล่ะ คิดไปๆ มาๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2008
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เอาเลยครับลองฝึกใช้ภาษาอังกฤษกันก็ดีครับ
    ข้างบนนั่นก็อ่านพอเข้าใจ แต่ใช้โปรแกรมแปลภาษารุ่น Falkman ช่วยอีกนิดครับ อิอิ
    งานนี้ได้โอกาสใช้ภาษาด้วยครับ เอ่อ rao chai pasa karaoke kan kao dai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2008
  4. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419

    ของข้าพเจ้าจะเป็นประเภท snake snake fish fish น่ะครับ

    555...ไม่ได้ขำนะ...คาราโอเกะก็ดีเหมือนกันครับ
     
  5. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    โอ้ เพิ่งทราบว่า คุณเซลล์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ Chat
    ตั้งกะ สมัยนู้นเชียวหรือ ท่าน...
    Kha noi kor karawa duay pasa Karaoke....ei ei
     
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
     
  7. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    Ma lao rueng dee tee kerd kurn hai fung ka
    แหะ เขียนยากจัง เอาเล่าแบบนี้ไปก่อนนะคะ
    ก่อนหน้านี้ที่เราสนใจฝึกพลังจิต ฝึกวิถีการจดจ่อก็เริ่มจากการฝันเลยเข้ามาหาข้อมูล คงจะเป็นช่วงเวลาที่จิตวิญญาณถึงจุดเปลี่ยนแปลงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบนะคะ แต่มันเป็นเรื่องดีๆที่เกิดจากการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อ เลยอยากนำมาแบ่งปัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มสนใจฝึกและเปลี่ยนตัวเองอย่างแบพลันรวมๆน่าจะเป็นปีได้นะคะ

    เรื่องที่ 1 การงาน
    ก่อนหน้านี้สองปี เราล้มละลายจากธุรกิจที่ทำมากว่า 10 ปี ตอนนั้นเข้าใจสัจจธรรมที่ว่า มีได้ย่อมหมดได้จริงๆค่ะ ตอนที่หมดตัวนั้นไม่ขอโทษใคร โทษตัวเองคนเดียว โชคดีที่ไม่ใช่คนมองโลกแง่ร้ายหรือโกรธอาฆาต เลยยอมรับโดยสดุดี ตอนนั้นก็ฝึกกำลังใจไม่ให้ท้อแท้ด้วยการนั่งสมาธิ นั่งวันละเยอะๆเพราะตกงาน หุหุ
    จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนแนะนำส่งงานเขียนส่งไป สนพ. และได้ตีพิมพ์ นั่นก็คือการเริ่มเส้นทางใหม่ของชีวิต เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน เงินเพียงเท่านี้ไม่อาจพอใช้เพียงเดือนเดียวด้วยซ้ำ ตอนนั้นรู้ค่าของเงิน ของมิตรภาพ และค่าของครอบครัวอย่างที่หากยังดำรงชีวิตแบบเดิมจะไม่เคยสนใจเลย หยิ่งทนงตนในความเก่งมั่งมีของตนเสียเหลือเกิน

    ถัดมาจากงานเขียน ยังมีงานที่เราถนัดอีกงานเพียงแต่ไม่เคยแปรมันเป็นเงินเท่านั้น หลังจากเปลี่ยนวิถีแห่งการจดจ่อตามคำแนะนำของพี่นักเขียน อาจารย์โนวาอนาลัย และคุณอวตารบอย ก็ฝึกตัวเองอย่างเคร่งครัด นั่งสมาธิให้นานขึ้น จดจ่อกับการเปลี่ยนเส้นทางแห่งชีวิตมากขึ้น จนกระทั่งเมื่อวานมีคนติดต่อขอให้เราเขียนข้อมูลให้เขามูลค่าเดือนละ กว่าแสนบาท ทั้งที่สำหรับเรา เราไม่เคยเห็นว่ามันจะสร้างรายได้ให้อย่างมากเราก็ทำเล่นๆไว้ดูของตัวเอง

    วินาทีที่เขาโทรมาติดต่อและส่งสัญญามาให้ดุ ใจเราแวบบอกนี่คือ การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของเรานี่เอง เวลาสองปีไม่ใช่เวลาแห่งความทุกข์ หากเป็นเวลาสองปีแห่งการรับรู้ดื่มด่ำกับความรัก มิตรภาพของครอบครัว การเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กน้อยที่ผู้อื่นมอบให้เรา เป็นปีแห่งประสบการณ์และคุณค่าที่มากมายสำหรับเราจริงๆ

    2.เรื่องสุขภาพ
    ตัวเราเป็นภูมิแพ้มานานหลายปี และจะมีอาการปวดท้องยามมีประจำเดือน ปวดอย่างหนัก หากพอเริ่มเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนการจดจ่อและความเชื่อ ความรักที่มีต่อร่างกายของตน เยียวยาตัวเองจนบัดนี้ กล้าที่จะพูดได้ว่าอาการทั้งหลายไม่ได้เกิดขึ้นอีก
    ยังจำวันที่ดิ้นทุรนทุรายกับอาการปวดท้องโดยไม่ยอมกินยาเช่นทุกครา เพียงใช้ฝ่ามือลูบบริเวณที่เจ็บปวด หลับตาและทำตัวเหมือนเรดาร์ลงไปสำรวจบริเวณที่เจ็บปวด

    ไม่นานความปวดก็ทุเลาลงอย่างมาก ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ จนต่อมาดิฉันเจ็บปวดเพียงบางเบาขนาดพอทนได้ชิลๆ และมาถึงตอนนี้ ไม่มีความเจ็บปวดจากอาการที่เป็นมาตั้งแต่เริ่มเมโนพรอส

    อยากจะย้ำกับทุกท่านที่อาจเพียงอ่านเฉยๆ อาจคิดว่าน่าสนใจแต่ยังไม่ปฏิบัติ ลองดูเถอะค่ะ อ่านของพี่นักเขียน อ่านช้าๆให้ดื่มด่ำ จากนั้นอ่านที่คุณอวตารบอยเขียน อ่านสนทนากับพระเจ้า เราโชคดีมากนะคะที่เราสามารถพูดคุยกับนักเขียนเช่นพี่นักเขียน เราแลกเปลี่ยนความคิดได้กับคุณอวตารบอย และเรายังมีเพื่อนในนี้ที่ไว้คอยถกกันถึงข้อมูลที่ต่างฝ่ายต่างได้รับรู้มา ขอขอบคุณทุกท่านในห้องนี้ ขอเป็นกำลังใจให้คุณจินตวดีที่ปรารถนาเปลี่ยนแปลงเส้นทางวิถีแห่งจิตวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2008
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    คุณเซลล์คงเป็นนักแชทมาตั้งแต่รุ่นกาลก่อนเลยนะครับเนี่ย เล่น ICQ ด้วยหรือเปล่าเนี่ย เอ๊ะหรือเล่นตั้งแต่ Pirch หนอ

    I think k'Cell've chated for a long time since ICQ or Pirch was popular chat program.

    พอจะเข้าใจคุณเดรดเหมือนกัน คือคุณเดรดอยากจะรู้ว่าทำยังไงความคิดถึงจะแปลงเป็นวัตถุธาตุได้ใช่ไหม รู้สึกว่ากระทู้ที่คุณอวตารบอยมาเีขียนไว้ในเวปก็มีอธิบายถึงเรื่องนี้เหมือนกันนะ

    คุณ sarissa ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันนะครับ วิธีการรักษาอย่างที่พี่นักเขียนเขียนไว้ผมก็ได้ลองใช้ดูเหมือนกัน ก็มีอาการดีขึ้นเหมือนกันนะ แต่พอเราทำน้อยลง, ใช้เวลาเพ่งความคิดนั้นน้อยลง อาการมันก็เลยเหมือนว่ายังไม่หายขาด
     
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ในปี 2019 โลกเกิดภัยพิบัติคุณจะทำอะไร??

    ก่อนหน้านี้กะว่าจะมาโพสเรื่องนี้แต่ก็ลืมไปเลย เผอิญว่าไปเจอเกมๆ นึงมา ประมาณว่าให้เราจินตนาการว่าเราอยู่ในปี 2019 ในสมัยนั้นก็มีปัญหาเกิดขึ้นหลายๆ อย่าง ความอดอยากขาดแคลนอาหาร , โรคระบาด , สภาวะบ้านป่าเมืองเถื่อน , การต่อสู้แย่งชิงอำนาจ , การอพยพลี้ภัย แล้วเราจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์เหล่านี้

    เกมที่ว่าคือเวปนี้ครับ >> http://superstructgame.org

    จากที่ไปดูที่เวปมาคร่าวๆ วิธีการเล่นก็คงประมาณว่าให้เรามาเล่าว่าเราในช่วงปีนั้น เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจะทำอย่างไร จะแก้ปัญหาได้อย่างไร แล้วก็จะมีคนอื่นมาแชร์ไอเดีย อย่างเช่นอันนึงที่อ่านอยู่ ก็คือตั้งถามว่า

    What caused you to migrate away from your hometown? (อะไรทำให้คุณอพยพหนีออกมาจากบ้านเกิด?)

    บางคนก็บอกว่าเกิดแผ่นดินไหว ท่อแก็ซรั่ว บ้างก็บอกว่าแถวนั้นเต็มไปด้วยสารพิษและขาดน้ำก็เลยต้องอพยพออกมา

    บางคนก็บอกว่าย้ายไปเท็กซัสเพราะว่าที่ Houston นั้นถูกพายุถล่ม เมื่อเห็นข้างบ้านถูกน้ำท่วม ก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องอพยพหนีแล้ว

    ..
    อ่านแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องเป็นราวดี ยังกะว่าพยายามช่วยกันแต่งนิยายมาเรื่องนึงเลย แต่เป็นนิยายที่มีพื้นสมมติฐานความจริงที่ว่า เมื่อถึงปี 2019 นั้น เราจะทำอาชีพอะไร อยู่ที่ไหน ตอนนั้นจะมีลูกหรือยัง ลูกโตขนาดไหนแล้ว หรือว่ากำลังเรียนอยู่ที่ไหน

    โลกความจริงสร้างมาจากจินตนการ ความติดจากคนที่เล่นในเวปนี้จะดึดดูดเส้นทางที่เค้าจินตนาการมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงหรือเปล่าหนอ
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ ที่ได้ประสบผลสำเร็จในการฝึกฝนแล้ว

    อือ..นี่ก็รอดูอะไรดีๆอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ยังไม่เห้นวี่แววเลยนะเนี่ย

    555
     
  11. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    จริงๆแล้ว เคยเล่น chat ตอนช่วงแรกๆ ตั้งแต่สมัยเรียน แต่เล่นไม่ค่อยเป็น ก็เลยเลิกไป มาเล่นอีกทีก็ msn ตอนหลังๆนี้ อิอิ

    อ่านประสบการณ์ที่คุณ sarissa มาแชร์ อ่านไป ขนลุกไปเลยนะครับ

    สนับสนุนเต็มที่เลยนะครับ ว่าอ่านแล้ว ต้องลองดูด้วย แล้วเราจะเข้าใจด้วยตนเองครับ ว่าการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อ การเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิต สามารถเลือกได้เองทั้งหมด จากภายในจิตใจเราเอง
    อย่างเรื่องสุขภาพ ตอนนั้นที่ไม่สบายหลายวันเหมือนกัน ทำงัยก็ไม่หาย ก็เลยหยิบหนังสือจิตวิญญาณประสานกายมาอ่าน และทำตาม ไม่กินยากดประสาท เช่น ยาแก้แพ้ อาการต่างๆก็จะดีขึ้น จนหายในที่สุด ตอนแรกที่กินยา ก็เพราะความเคยชินที่เรามีต่อยา ว่ายาจะช่วยให้ระงับอาการ และทำให้หายขาดได้ ถ้ามีคนสลับเอายาหลอกมาให้กิน ก็น่าจะดีขึ้นเหมือนกัน ว่ามั๊ยครับ
    แต่พอไม่กิน และเราเหนี่ยวนำเส้นทางใหม่มา เซลล์ในร่างกายจะแข็งแรงขึ้น เหมือนเราเลือกรูปแบบของสุขภาพดีมาใช้
    พอเจอเหตุการณ์ที่จะทำให้ป่วยเหมือนเมื่อก่อน เช่น อากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว อาการเตือนว่าจะป่วย ก็มีมา แต่ทำอะไรไม่ได้ เหมือนจ้องๆกันอยู่ ซักพักก็หายไป

    อ่านของคุณ zip และคุณเดรด ทำให้นึกถึงว่า การสร้างโลกโดยฉับพลันในความเป็นปัจจุบัน

    ตามความเข้าใจเหมือนกับว่า ทุกความถี่เกิดขึ้นพร้อมกันหมด ความถี่สูง จนถึงความถี่ต่ำ
    ความถี่ต่ำๆจะมีความหนาแน่นของสสารสูง

    การแปลงสภาวะมาเป็นวัตถุธาตุ ก็ต้องเริ่มจากความถี่สูงๆ ค่อยๆลดความเร็วลงเรื่อยๆ จนหยุดนิ่ง กลายเป็นวัตถุธาตุที่ดูเหมือนจะไม่เคลื่อนไหว ในความรู้สึกของประสาทสัมผัสทั้ง 5 แต่มีการเปลี่ยนแปลงภายในอยู่เรื่อยๆ

    การดึงดูด เหนี่ยวนำ เช่น เรื่องเงิน สุขภาพ ต้องมีเจตนา แต่ไม่มีความอยาก และไม่อยาก ให้ท่อมันใหญ่ๆ อย่าเอาอะไรไปขวาง เดี๋ยวเดินไม่สะดวก

    โลกในเกมส์ กับโลกในชีวิตประจำวัน ผมว่าก็ไม่ต่างกันนะครับ ต่างกันแค่ความซับซ้อนที่เล่น

    การเหนี่ยวนำจากในเกมส์ออกมา ก็เช่น ที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ ที่เด็กนั่งเล่น จนเริ่มเหนี่ยวนำเส้นทางในเกมส์ออกมาเป็นวัตถุธาตุ

    แต่ก่อนชอบเล่นเกมส์มากๆ ติดจนงอมแงมเลย พวกเกมส์วางแผน ซิมซิตี้ dune warcraft แต่เกมส์เดี๋ยวนี้เล่นกันเป็นปีๆก็ไม่จบซักทีนะครับ อิอิ
     
  12. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ช่วย ขะ-หยาย ความหน่อยได้มั๊ยค่ะ แสดงว่าความความคิด จินตนาการ อารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ เป็นคลื่นความถี่สูง ถ้าจะทำให้มันแปลงสภาวะเป็น สสารได้ ต้องแปลงความถี่ ให้ต่ำก่อน กระนั้นฤา แล้วจะแปลงอย่างไรค่ะ( ม่ะด้ายลองของน้า อยากทราบจริงๆค่ะ)

    กฎของการเหนี่ยวนำและดึงดูด ก็เช่นเดียวกัน ที่บอกว่าเปิดท่อ ให้ใหญ่ๆ กว้างๆ หมายความว่า ตั้งใจเด็ดเดี่ยว เพียวๆ เลยใช่มั๊ย แต่จะควบคุมความอยากไม่อยาก นี่ซิค่ะ มันคุมลำบากน่ะค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ นะคะ...Please!!!;aa28
     
  13. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    อึ๊กๆๆ ท่านเดรดถามมาอย่างนี้ จะตอบว่ากระไรดี ผิดถูกประการใด ช่วยเสริมกันด้วยนะครับ

    ความถี่สูงๆ ก็เหมือนกับเบาๆ โล่งๆ โปร่งๆ สบายๆ หมายถึง จิตที่ไม่แบกอะไรไว้มาก ปล่อยวางได้ง่าย ประมาณนี้ครับ

    เมื่อเบาๆ ความหนาแน่นก็ต่ำ ไม่ทึบตัน

    ท่อใหญ่ๆในที่นี้ หมายถึงว่า ปล่อยวางได้ง่าย สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็จะมาได้ง่าย
    ลองสังเกตดูครับว่า เวลาเราคาดหวังอะไร และกังวลมากๆ ไม่ปล่อย ก็จะมีทั้งความคิดต่างๆมากมาย จะสำเร็จมั๊ยหว่า แล้วถ้าอย่างโน้น แล้วถ้าอย่างนี้ จะเป็นยังไง เท่ากับว่าเราเอาองค์ประกอบหลายๆอย่างมาอุดไว้ ทำให้พลังงานเดินไม่สะดวก เพราะเราเป็นผู้อุดเอาไว้ด้วยตัวเราเอง เป็นความทุกข์ใจต่างๆนาๆ ที่เรานำมาแบกไว้

    ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำอะไรนะครับ แต่ถ้าทำไปอย่างดีที่สุดแล้ว อย่างมุ่งมั่น พิมพ์เขียวก็ได้เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่คิด แต่เรามักไปคาดหวังทับซ้อนไปอีกชั้น เป็นความอยากได้เร็วๆ ความไม่อยากผิดหวัง และก็อื่นๆอีกสารพัด

    ถ้าตั้งใจ เหนี่ยวนำ กระทำ ปล่อยวาง พิมพ์เขียวเค้าก็จะทำงานของเค้าได้สะดวก และก็แปลงมาเป็นวัตถุธาตุได้ง่ายขึ้น

    ดังนั้นจึงต้องสำรวจความคิด อารมณ์ เราอยู่เสมอ ว่าไปในทิศทางไหน

    ไม่รู้ว่าจะตรงใจคุณเดรดรึเปล่า หากยังไม่ตรง และชัดเจน ก็...ช่วยตัวเอง เอ๊ย...ให้เพื่อนๆช่วยๆกันตอบครับ อิอิ

     
  14. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยให้ความกระจ่าง
    เอาละ...เมื่อสร้างพิมพ์เขียวได้แล้ว จากวิธีที่คุณเซลล์บอก ซึ่งเหตุการณ์ สิ่งของ บุคคล เกิดขึ้นแล้ว ทันทีที่คิด ในเส้นทางที่เป็นไปได้เส้นทางหนึ่ง การเหนี่ยวนำและการดึงดูด เพื่อสร้างให้จินตภาพเหล่านี้ แปลงมาเป็นวัตถุธาตุได้ หมายถึง เหนี่ยวนำเข้ามาสู๋ เส้นทางของโลกกายภาพ คือการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อ ใช่หรือไม่...ค่ะ

    ซึ่งอันนี้ เดรดพอจะทำความเข้าใจได้ แต่ แต่ แต่ นี่เป็นทฤษฎี อยากทราบภาคปฏิบัติค่ะ ท่านเซลล์ อีก นิดส์ ได้มั๊ยคะ อีกนิดส์นึง นะ นะ นะ ...นิดส์เดียว แล้วจะไม่ถามแระ สาบาน;aa14
     
  15. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    คือ จริงๆมันเสร็จสิ้นไปตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่เราเริ่มคิด หรือเกิดจินตภาพขึ้นทั้งยามตื่น และยามฝัน มันจะเป็นเพียงพิมพ์เขียว ที่เหมือนกับความทรงจำบางๆและหายไป หากเราไม่เหนี่ยวนำมา

    การจดจ่อ ก็คือ ความเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว เป็นความเข้าใจภายในที่ว่า สิ่งที่เราตั้งใจ และที่เราพบเจอจินตภาพ มันเสร็จสิ้นไปนานแล้ว การเหนี่ยวนำก็คือ เราเห็นภาพรวมของเหตุการณ์ที่เราตั้งใจนั้นอย่างชัดเจน จนสิ่งที่เกิดนี้ไม่แตกต่างจากความทรงจำภายในของเรา

    จากประสบการณ์ตอนนี้ ก็เช่น เรื่องสร้างบ้าน ครับ

    คือ ทุกอย่างมันเสร็จสิ้นตั้งนานแล้วในความทรงจำของผม
    พบเจอพิมพ์เขียวที่เสร็จสิ้นแล้วในยามหลับ เหนี่ยวนำมายามตื่น เมื่อเราเข้าใจกระบวนการดังกล่าว เราก็จะเกิดความเชื่อมั่นเองว่า มันเสร็จแล้ว
    ความกังวลว่า จะหาเงินจากไหนทั้งๆที่เงินก็ยังไม่พอ จะต้องทำยังไง อันไหนก่อน อันไหนหลัง สิ่งเหล่านี้มาทีหลัง

    แต่ถ้าเราคิดตามหลักเหตุผลอันจำเพาะ เราก็จะวางแผนว่าจะทำยังไง เงินก็ยังไม่พอ จะทำที่ไหนดี ผู้รับเหมาจะเลือกยังไง หรือจะจ้างบริษัทดี แล้วถ้า....สารพัด

    เมื่อเราเข้าใจว่าพิมพ์เขียวที่ต้องการให้เกิด คือ ความทรงจำ
    ชีวิตเราก็จะดำเนินไปตามความทรงจำภายในจิต เหมือนกับเวลาตื่นนอนตอนเช้า ต้องล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว และอื่นๆ เราไม่เคยมีคำถามว่า ตื่นนอนต้องทำอะไรก่อน เราไม่เคยกังวลว่าตื่นเช้า เราจะแปรงฟันได้มั๊ย จะล้างหน้าได้มั๊ย จะมีอุปสรรคต่อการล้างหน้ามั๊ย เป็นต้น

    เมื่อเราเข้าใจว่า พิมพ์เขียวที่ต้องการเหนี่ยวนำ คือ ความทรงจำ คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามกฎ
    เราย่อมไม่เกิดความกังวล ไม่เกิดความอยาก หรือไม่อยาก

    และฟังเสียงของสัญชาติญาณภายในที่จะคอยบอกกล่าวเรื่อยๆ เส้นทางนี้ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างสะดวกราบรื่น ไร้อุปสรรค

    เหมือนจะมีทีมงานที่คอยสนับสนุนทุกอย่าง ตั้งแต่ได้ผู้รับเหมาที่ดี ได้ผู้ออกแบบให้ฟรี ได้สินค้าที่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ทุกอย่างเสร็จสิ้นตามกำหนด ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้การสนับสนุนอย่างดี สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำภายในของจิตวิญญาณ ที่สนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดเวลาครับ









     
  16. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    แนะนำหนังสือการ์ตูนเรื่องนึงครับชื่อเรื่อง สึบาสะ สงครามเทพข้ามมิติ ตอนนี้ถึงเล่ม12
    ในเรื่องนี้สอดแทรกเนื้อหาบางเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับของอาจารย์โนวา อนาลัยครับ เรื่องก็สนุก
     
  17. Nefertiti

    Nefertiti Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +98
    แล้วจะเปลี่ยนวิถีการจดจ่ออย่างไร
    หั้ยเป็นไปตามที่ต้องการ
     
  18. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ถ้าจะให้พูดถึงความต้องการ หรือ ความฝันตอนนี้ เดรดคิดว่า เดรดค่อนข้างพอใจกับชีวิต ในทุกวันนี้แล้วค่ะ เดรดไม่เจ็บไข้ได้ป่วยมานานมากแล้ว ไม่มีหนี้สิน ไม่มีภาระมากมายที่ต้องแบก ส่วนบ้านที่อยู่ก็มีความสุขดี ไม่มีอะไรต้องการเพิ่ม บ้านเดรดสีขาวเกือบทั้งหมด เดรดมีสวนข้างๆบ้าน ต้นไม้เพียบ ดอกไม้ก็สีขาวแทบทั้งนั้น(แต่ตอนนี้รกไปหน่อย จาเป็นเขาใหญ่แระ...อิอิ)

    ตอนนี้สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ อาจเป็นการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เรียนรู้และพัฒนา จิตวิญญาณไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่เคยได้พบ

    เดรดเปลี่ยนวิถีจดจ่อ อยู่ตลอดแหล่ะค่ะ แล้วมักจะไม่ค่อยผิดหวังด้วย ตอนนี้ที่ยังไม่สำเร็จมากมายนัก คือการฝึกฝันให้คมชัด ยังไม่สม่ำเสมอนัก อันนี้กระมังค่ะ ที่ยังต้องฝึกฝนอีกมากๆ และคงเป็นหนทางสู่การเรียนรู้ที่ยังคิดว่า ยังไม่จบ อะค่ะ;aa16
     
  20. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    มาสวัสดีรอบห้องอีกครั้ง ดีใจจังที่คุณชยุตก็มา แอบกรี้ด เจอคนที่ปลื้ม อิอิ
    จากตอนที่ทำมาแรกๆก็เครียดนะคะ ใช้ความเป็นตัวเรากำหนดอยากให้ได้อย่างใจเช่น อยากได้วันนี้วันพรุ่ง อยากได้แบบนั้นแบบนี้ไม่เอา สุดท้ายไม่เห็นเป็นแบบที่เราอยากได้สักอย่างเลยปล่อยวางค่ะ

    ช่างเถอะ ไม่ได้อย่างที่ฝันก็ยังมีความสุขที่จะคิดถึงมัน ตอนนั้นแอบคิดฝันว่าชีวิตจะกลับไปรุ่งโรจน์อย่างเดิม หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนเดิม มีคนขับรถมีคนรับใช้อำนวยความสะดวกเหมือนเดิมแต่ ชีวิตยังต้องดำเนินไปแบบที่มันเป็นนี่ละ

    ดิฉันจึงค้นพบว่าหากย้อนกลับไปได้ในช่วงที่ทำสมาธิจดจ่ออย่างเคร่งเครียดนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้ตามมาคือความสุขดื่มด่ำจากการทำสมาธิ ทุกครั้งจะเพ่งอย่างมากจนปวดหัวก็ปรึกษากับคุณอวตารบอย เขาก็บอกว่า ริสา ถ้ายูอยากจะรู้ยูย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งช้าๆอย่างที่ไม่ใช่ความอยากยูอ่านประมาณนี้นะคะ จำไม่ได้มาก

    ก็เลยย้อนกลับไปอ่านใหม่แล้วสิ่งที่คิดคือ ไม่ว่าจะกำหนดชีวิตใหม่ได้หรือไม่ได้ตามที่เขาสอนแต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ เราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร อยากได้อะไร
    เมื่อก่อนคิดว่ามีเงินมากๆแล้วเราจะได้ทุกสิ่ง เปล่าเลย เราได้เพียงความเครียด จึงเริ่มช่างเถอะ กำหนดเอาเพียงเราอยากจะเป็นอะไร ตอนนั้นเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนเองชอบทำอะไร มีงานที่เสนอมาให้เดือนละหลายพันเหรียญแต่ต้องอยู่ใต้อำนาจคน เรารู้สึกว่าไม่ใช่ เราไม่ต้องการแบบนั้นอีกแล้วเลยปฏิเสธไป สิ่งหนึ่งที่เราเห็นในว่าที่คนเกือบจะเป็นเจ้านายเราคือ ความหยิ่งยโส ความก้าวร้าวความถือดี แต่นั่นคือภาพสท้อนตัวตนตัวเองเมื่อก่อนที่คิดว่า โลกอยู่ในกำมือเรา เราเหนือกว่าคนอื่นเสมอ หยิ่งยโสและก้าวร้าว จึงได้คิดและตัดใจที่ปฏิเสธงานนั้นแม้ใครๆหลายคนบอกเราโง่ มีคนอีกนับพันที่อยากได้งานแบบเรา แต่เราไม่เพราะเราเชื่อคุณอวตารบอยว่า เรากำหนดวิถีชีวิตตัวเองได้ เป็นอะไรก็ได้

    เราจึงเริ่มกลับมากำหนดใหม่ กำหนดด้วยว่าเราอยากจะเป็นอะไร นั่นสอดคล้องกับสนทนากับพระเจ้าเล่ม 1 ที่บอกว่า I am... ฉันเป็น
    เราจึงกำหนดว่า เราเป็นนักเขียนและต้องเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง นักเขียนที่ผู้อ่านยอมรับ เอาละงานเขียนแม้ยังออกไม่มากแต่เราก็ได้ตีพิมพ์ สนพ.ใหญ่ที่ผู้คนวงน้ำหมึกยอมรับ นั่นเท่ากับเราบรรลุวัตถุประสงค์ไป I am a novel writer

    สิ่งต่อมาเราอยากกลับเข้าสู่แทร็คแห่งความร่ำรวยอีกครั้งแม้จะไม่เท่าเดิมแต่ให้อยู่ได้สบายๆเพราะเราต้องเขียนงานดีๆไง แต่กว่าหนังสือเล่มหนึ่งจะตีพิมพ์ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสี่ห้าเดือน เราอยู่ไม่ได้ เราจึงกำหนดตามที่คุณอวตารบอยสอนคือกำหนดสัญลักษณ์ เราติดสัญลักษณ์ไว้ทั่วบ้านเป็นร้อยๆอันได้มั้ง ดูทุกวัน ทุกเวลาด้วยซ้ำ
    ค้นหาวิธีจดจำสัญลักษณ์ในกูเกิ้ลพบว่า โยคีเองก็มีการเพ่งสัญลักษณ์เช่นกัน คงเหมือนกับเพ่งกสิณแบบทางพุทธ เราจึงลองใช้วิธีโยคีดู ใครจะลองเอาไปใช้ก็ได้นะคะ แต่ไม่มีสิ่งใดใช่หรือไม่ใช่หรอกค่ะ มันคือแค่หนทางในการเดินเข้าสู่เป้าหมายเดียวกัน

    โยคีจะใช้วิธีเพ่งดูแบบไม่กระพริบตา เล่าคร่าวๆนะคะจะต้องทำสมาธิก่อนสักครู่แล้วเพ่งที่สัญลักษณ์นั้น เพ่งจนน้ำตาไหล ไม่เคลื่อนจุดโฟกัส ไม่กระพริบตา แรกๆก็ออกจะยากสักหน่อย พอทำหลายๆทีก็โอ..

    เอาละเราเพ่งสัญลักษณ์นอกเหนือจากที่คุณพี่อวตารบอยสอนนิดหน่อย แต่การเพ่งจดจ่อเวลาทำสมาธิครั้งหลังนี้ชิลๆ ไม่มีความเครียดและไม่มีความกังวล เราดื่มด่ำกับความรู้สึกจดจ่ออย่างที่คุณพี่แกบอกไว้จริงๆค่ะ ไม่มีเวลา ไม่มีกำหนดว่าจะมาอย่างไร ไม่ชี้นำเราเพียงเพ่งจดจ่อไปที่สัญลักษณ์เท่านั้น ทำแบบนี้สักสองสามเดือนมังคะ จำเวลาไม่ค่อยแน่ จากนั้นเราก็ใช้วิธีเดียวกันนี้จดจ่อกับความฝัน ก่อนนอนถ้าไม่ได้ตั้งจิตจะอยากรู้อะไร เช่นอยากได้พล็อต อยากได้คำตอบ ก็จะตั้งจิตว่าขอให้เราจดจ่อสัญลักษณ์ในโลกยามหลับเป็นโลกที่เชื่อมโยงกับโลกยามตื่น ไม่รู้ได้ผลไหมนะคะแต่ก็มีฝันเรื่องอื่นบ้าง แต่ส่วนมากฝันที่คล้ายคลึงกับสัญลักษณ์ที่จดจ่อค่ะ

    ต่อมาก็มีคนมาติดต่องาน เราพูดคุยกันอยู่สักเดือน เขาก็เงียบหายไปก็คิดว่าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างไรชีวิตช่วงนี้ยังลั้ลลาได้อยู่เพราะเริ่มมีผลงานบ้างแล้ว ปรากฏว่างานที่คุยกันไว้ก็เป็นจริงเป็นจัง เรายังเป็นอิสระแห่งตัวเองตามที่เขียนไว้ด้วยลิปสติคสีโปรดหน้ากระจกแต่งตัว

    ก็มีตามมาอีกงานทั้งหมดง่ายๆแบบเหลือเชื่อ ใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวในการทำงานแต่รายได้มากกว่าเงินเดือนผู้บริหารบางที่เสียอีกและข้อมูลนั้นก็เป็นลิขสิทธิ์ที่เรายังนำกลับมาขายได้อีก มันเหลือเชื่อใช่ไหมคะ ทุกๆเดือนเราจะมีรายได้จากข้อมูลเดิมๆนั้น

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างานอดิเรกที่ทำสนุกๆด้วยใจรัก กลับย้อนส่งผลมาให้ในวันที่ต้องการแบบชิลๆ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงเป็น นักเขียนอยู่ดี

    เล่ามายืดยาวเพียงอยากแชร์ประสบการณ์ว่า หากยึดติดเวลาและรูปแบบ นั่นไม่ใช่หนทางแห่งการจดจ่อของจิตวิญญาณอันอิสระ เราทุกคนมี free will คิดว่า มันน่าจะเริ่มจากว่า เราเป็นอะไรมากกว่าค่ะ

    หากใครสนใจบทความของคุณพี่อวตารบอยทั้งส่วนที่ลงแล้วบางส่วนนับตั้งแต่แย่งงานคุณชยุตมาแปล และส่วนที่ยังไม่ได้ลงบล้อคก็บอกมาจะส่งให้ค่ะ พี่เขากลับมาคงมีเรื่องเล่าอีกเยอะ คงแปลอีกยาวเหยียดแน่ๆ

    ปล.คิดถึงคุณชยุตนะเจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...