ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้น ก็มีคนถามจากข้างนอกว่าใครอยู่น่ะ เป็นเสียงชายหนุ่ม ไม่หนุ่มไม่รุ รุแต่ว่าจะบ้าตายอยู่แล้ว เครียด แล้วประตูก็เปิดออก พร้อมกับความโล่งอก ก็เจอพี่ปิรามิด และ และพี่จุกค่ะ สองท่านอายุบวกกันก้อเกือบร้อย

หนุ่มไม่หนุ่มคิดเอาดิ โธ่...คิดในใจ ทำไม้..ทำไม ไม่ใช่ชายหนุ่ม (แอบเสียใจเล็กน้อย)

น้อง Dalink เรียนวิชาดูอายุด้วยเหรือ....จารจุกครับ ถ้ารู้อย่างนี้ เราน่าจะไป ปีนห้องน้ำดูสาว...(แก็คำผิดเป็น...รอดูสาวปีนห้องน้ำ) ดีกว่านะ..ปล่อยให้ปีนซะให้เข็ด

 

มีภาพมากมาย มีประสบการณ์มากมาย มีเรื่องเล่ามากมายจากหลาย ๆ ท่าน เป็นเรื่องเล่า.... ที่เขากะลา ที่แต่ละท่าน....ยังจดจำได้อย่างมิรู้ลืม

เพราะ.... ได้สัมผัสกับอารมณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะ....ณ เขากะลาแห่งนี้

และได้เห็นถึงความเอื้ออาทร ความห่วงใย ความมีน้ำใจ ความสมัครสมานสามัคคีที่มีให้กันและกัน ยามเกิดวิกฤติแต่ละเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ขออนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

บรรยากาศยามเช้าที่เขากะลา







สมาชิกหลายท่านที่ตื่นแต่เช้า ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวทิวทัศน์ และบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก







หลังจากบันทึกภาพวิวทิวทัศน์แล้ว ก็หันมาบันทึกภาพกันเองไว้เป็น
หลักฐาน

 

ท่านใดที่มีหมายเลข และสนใจที่จะไปประมวลพลัง
ในวันและเวลาเดียวกับคุณ apichan ติดต่อคุณ apichan ได้เลยครับ
ส่วนรุ่น 1 ที่อยากไปประมวลพลังซ้ำ ก็สามารถไปได้ครับ
ไปรับ wave ที่แตกต่างกันจากที่เคยรับในครั้งแรก
ลองดูว่าจะมี wave อะไรเข้ามาใหม่ๆ

;welcome2

 

ท่านที่จะไปประมวลพลัง หากเป็นไปได้นัดไปกันเป็นกลุ่มจะดีมากครับ
ได้บรรยากาศ เหมือนแบบรุ่น 1 ไม่มีความเงียบเหงาวังเวงวิเวกวิโหวเหวเลย

 

เมื่อเช้าวันนี้ 4 พฤศจิกายน 2551 ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ sapa ซินแสบางใหญ่
ท่านได้ถามว่า ​

"เมื่อวานมีนาคเล่นน้ำที่นครสวรรค์เกิดขึ้นไหมครับ?"​

พี่สุดใจก็ตอบว่า
"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะยังไม่ได้ดูข่าวทางโทรทัศน์เลย หนังสือพิมพ์ก็ไม่มีเพราะที่สันคูไม่ได้รับหนังสือพิมพ์ มีอะไรหรือคะ?"​

อาจารย์ sapa ท่านกล่าวว่า
"ผมเห็นภาพในขณะนั่งสมาธิเมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 02.30 นาฬิกา มองเห็นภาพพายุงวงช้าง หรือที่เรียกว่า นาคเล่นน้ำ ในสมาธิ สูงมาก และมีข้อมูลเข้ามาว่า โกรกพระ นครสวรรค์ มีข้อมูลเพียงเท่านั้น ก็เลยไม่รู้จะถามใคร " ​

อาจารย์ sapa ก็คิดว่าจะโทรหาพี่สุดใจตั้งแต่ตอน 04.00 นาฬิกาแล้ว เพื่อสอบถามว่า มีพายุนาคเล่นน้ำเกิดขึ้นจริงไหม ?
แต่พอดูเวลา มันยังดึกมากก็เลยเกรงใจ กะว่ารอให้เช้าก่อนดีกว่า​

พอตอนเช้า ก็โทรหาพี่สุดใจ ถามว่าพี่สุดใจมีนาคเล่นน้ำเกิดที่นครสวรรค์ไหม
"ผมไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า เพราะผมเห็นตั้งแต่เมื่อคืน จะถามคนอื่นกลัวเขาจะหาว่าผมบ้า เลยถามพี่สุดใจดีกว่า?" ​

พี่สุดใจก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ยังไม่ได้ดูข่าวเลย แต่จะลองเช็คให้แล้วกันนะคะ​

พี่สุดใจก็เลยลองเปิดอินเตอร์เน็ต เช็คจาก google และพบว่า มีหนังสือพิมพ์ลงข้อมูลไว้ด้วย ดังข่าวที่นำมาแนบด้านล่างนี้​

จึงได้โทรไปบอกอาจารย์ sapa ว่า ได้มีนาคเล่นน้ำเกิดขึ้นจริงที่โกรกพระ นครสวรรค์ พี่สุดใจก็เพิ่งทราบเหมือนกัน

อาจารย์ sapa ก็กล่าวว่า "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขาให้เห็นในสมาธิ และก็น่าสังเกตุว่า มันจะเกี่ยวกับกลุ่มเราหรือเปล่า ? เพราะที่นครสวรรค์เกิดใกล้เคียงกันถึง 2 ครั้ง และแต่ละครั้งก็ใกล้จุดที่กลุ่มเขากะลาอยู่ทั้งนั้น

บึงบอระเพ็ด ก็ห่างจากเขากะลา 1 ประมาณ 10 กว่ากิโลเท่านั้น

อำเภอโกรกพระ ก็ห่างจากสันคู บ้านที่ผู้อาวุโสพักอยู่ประมาณ 15 กิโลเท่านั้น

.... มีอะไรเกี่ยวกันไหมครับ?"

ก็เป็นข้อสังเกตุที่น่าคิดเหมือนกัน...

อาจารย์ sapa ท่านจึงจะเดินทางมาประมวลพลังที่เขากะลา นครสวรรค์ ในภาคกลางวัน ในวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา 16.11 - 18.11 นาฬิกา

มากัน 2 ท่าน คืออาจารย์ sapa และภรรยา

ออกเดินทางจากบางใหญ่โดยรถตู้ ประมาณ 13.00 นาฬิกา มาถึงนครสวรรค์ ประมาณ 15.00 นาฬิกา

ผู้อาวุโสเขากะลา 1 จะเดินทางไปต้อนรับที่เขากะลา และนำประมวลพลัง 2 ชั่วโมง

เมื่อประมวลพลังเสร็จ อาจารย์ sapa และภรรยา จะเดินทางกลับหลังจากนั้น ถึงกรุงเทพฯก็ไม่ดึกเกินไปนัก ไม่น่าเกินสี่ทุ่ม

หากท่านใดที่มีการปรับหมายเลขแล้ว จะเดินทางมาเขากะลาเพื่อประมวลพลังพร้อมกับอาจารย์ sapa ก็ติดต่อกับอาจารย์ได้เลย
ท่านบอกว่า หากท่านใดจะเดินทางมาพร้อมกับท่านในวันดังกล่าว ก็ pm หรือโทรศัพท์หาท่านโดยตรงได้เลย

ขออนุโมทนากับอาจารย์ sapa เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารผ่านทางสมาธิ ผ่านทางจอภาพ ผ่านทางข้อความ จากอุปกรณ์ของระบบมากขึ้น

กติกาก็อย่างเดิมนะคะ การเห็นเหล่านั้น ภาพเหล่านั้น ข้อมูลเหล่านั้น ไม่ใช่ตัวเราผู้เห็น ไม่ใช่อัตตาตัวตนของเรา ผู้มีความสามารถในการเห็น ในการรู้ ในความสามารถต่าง ๆ เพราะทุกอย่างเป็นเพียงอุปกรณ์ ที่ระบบมุ่งหมายให้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือในเวลาที่เกิดภัยพิบัติเท่านั้น

ซึ่งก็ไม่ใช่ ตัวเรา ของเรา เช่นกัน

อ้างอิง ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ​

<TABLE id=table3 height=23 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=111 bgColor=#4a8c29></TD><TD style="PADDING-TOP: 5px" bgColor=#4a8c29>4 พฤศจิกายน 2551

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BORDER-RIGHT: #ae1414 1px solid; BORDER-TOP: #ae1414 1px solid; BORDER-LEFT: #ae1414 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ae1414 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle> </TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE id=table4 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ccffcc>นาคเล่นน้ำ</B>
พายุนาคเล่นน้ำขนาด ใหญ่ที่เกิดขึ้นบริเวณกลางนาข้าวหมู่บ้านหนองแพงพวย อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ เผยก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่กลางบึงบอระเพ็ด ชาวบ้านแตกตื่นเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></B>

หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เวลา 10:45 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุ นาคเล่นน้ำบริเวณกลางนาข้าว บ้านหนองแพงพวย อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ชาวบ้านต่างแตกตื่นวิ่งออกมาดูกันเป็นจำนวนมาก ส่วนการเกิดพายุนาคเล่นน้ำในครั้งนี้เป็นลักษณะทแยงมุมกับพื้นดิน 45 องศา สูงกว่าตึก 20 ชั้น เกิด ขึ้นนานกว่า 20 นาที ก่อนที่จะสลายตัวไปอย่างช้า ๆ โดยมีชาวบ้านใช้กล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกเหตุการณ์ของนาคเล่นน้ำในครั้งนี้ไว้ได้ และถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นในจังหวัด


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=661 border=0><TBODY><TR><TD class=textHeadBlue>
สำนักข่าว INN
พายุนาคเล่นน้ำรอบ2ที่นครสวรรค์

</TD></TR><TR><TD height=25></TD></TR><TR><TD><B><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=664 border=0><TBODY><TR><TD width=1></TD><TD vAlign=top width=660>

<!-- -->
​

</B>

<!-- Show Detail -->ชาวนครสวรรค์ ตื่น หลังเกิดปรากฎการณ์พายุนาคเล่นน้ำสูงเท่าตึก 20 ชั้น เป็นครั้งที่ 2 นานกว่า 20 นาที กลางนาข้าว ใน อ.โกรกพระ

ได้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทำให้ชาวบ้านต้องแตกตื่น หลังจากที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับบึงบอระเพ็ด อ.เมือง
ต้องตื่นตกใจกับพายุนาคเล่นน้ำขนาดใหญ่ เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งพายุนาคเล่นน้ำได้เกิดขึ้นกลางบึงบอระเพ็ด
ก่อนที่จะสลายตัวไปซึ่งทั้งนี้ได้เกิดพายุนาคเล่นน้ำ โดยชาวบ้านในหมู่บ้านหนองแพงพวย ต.หนองเต่า อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ได้กล้องมือถือถ่ายคลิปวีดีโอไว้ ซึ่งชาวบ้านบอกว่า เคยเห็นเป็นข่าวครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นบึงบอระเพ็ดเลยรู้ว่าเรียกกันว่า พายุนาคเล่นน้ำ ซึ่งพายุนาคเล่นน้ำนี้เกิดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา กลางนาข้าวทำให้ชาวบ้านแตกตื่นจากที่เห็นจะมีขนาดสูงกว่าตึก 20 ชั้น เกิดขึ้นอยู่นานกว่า 20 นาทีก่อนที่จะสลายตัวไปอย่างช้า ๆ ซึ่งชาวบ้านที่เห็นก็ตื่นตกใจและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา​

</TD></TR></TBODY></TABLE></B></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ในตอนนี้ หลายท่านกำลัง ฝึกแยกขันธ์ห้า ฝึกแยกอุปกรณ์ออกจากขันธ์ห้า ฝึกการใช้อุปกรณ์โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าอุปกรณ์นั้นเป็นของเรา เป็นตัวเรา

ความรู้สึก ลางสังหรณ์ ภาพ แสง สี เสียง ทุกอย่างที่ส่งเข้ามาให้ขันธ์ห้าของผู้ที่ทำงานกับระบบในขณะนี้ จะเริ่มมีมากขึ้น เหมือนรู้ เหมือนเห็น สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้มากขึ้น

แต่ให้สังเกตุว่า ระบบไม่ได้ให้รู้ ให้เห็นนานล่วงหน้าเป็นเดือน เป็นปี อย่างเช่นบุคคลอื่น ๆ แต่จะส่งข้อมูลล่วงหน้ามาไม่นานก่อนเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ หรือบางครั้งอาจแป๊บเดียว คือพอข้อมูลมาปุ๊บ ทำเสร็จปั๊บ แล้วเหตุการณ์ก็เป็นดังนั้นเลย

อย่างเช่นอาจารย์เม้าท์ รู้ว่าฝนจะตก ไปเก็บผ้าเสร็จปุ๊บ ฝนก็ตกลงมาปั๊บ หรือ ปิดเครื่องปุ๊บ มีข้อมูลว่ามีคนสำคัญมาโพส เปิดไปก็เจอปั๊บ เหล่านี้เป็นต้น หรืออาจารย์จักษวัชร์ ระบบให้มาโพส หรือคุณวิมานะ ระบบจะบอกก่อนว่าจะตกรถ จะตกรถ ถึง 2 ครั้ง ถึงระวังก็ยังตกอยู่ดี แต่ก็ได้มีการรู้ล่วงหน้ามาแล้ว เลยไม่ค่อยได้ตกใจเท่าไร

และมีอีกหลายท่าน ที่รู้ก่อนเกิดเหตุการณ์นิดเดียว

นั่นเป็นเพราะว่า ระบบไม่เคยบอกอะไรล่วงหน้านาน ๆ เพราะมันจะทำให้ผู้ที่ทำงานกับระบบไม่อยู่กับปัจจุบัน เพราะมนุษย์ชอบจะคิดวิตกกังวลไปในอนาคต ชอบจินตนาการล่วงหน้า และทุกข์ล่วงหน้า ถ้ารู้ ถ้าเห็นเหตุการณ์ในอนาคต

ดังนั้น การให้ทดลองรับข้อมูล แล้วเกิดเลยในระยะใกล้ ก็เป็นการฝึกให้รู้ว่า ไม่ต้องกังวล ระบบจะมีการแจ้งก่อน มีเวลาให้เตรียมตัวเสมอ

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ ผู้รับคลื่นหลายท่านที่เริ่มมีตัวอย่างการรับข้อมูล ก็กำลังอยู่ในช่วงฝึกแยกข้อมูลทั้งสิ้น ไม่ว่าอาจารย์เม้าท์ อาจารย์จักษวัชร์ อาจารย์เทพบุตรชาวดิน คุณวิมานะ หรืออาจารย์ sapa เป็นการทดสอบ ทดลองฝึกหัดแยกขันธ์ห้า แยกอุปกรณ์ และฝึกหัดใช้อุปกรณ์เหล่านั้นเพื่อให้เกิดความชำนาญ จะได้ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นว่าอุปกรณ์เหล่านั้น เป็นตัวเรา เป็นของเรา จะทำให้เกิดอัตตาตัวตนมากขึ้นไปอีก ว่าเรารู้ เราเห็น เราวิเศษ ซึ่งเป็นการสวนทางกับการปล่อยวาง

เมื่อมีการปล่อยวางในระดับที่เพียงพอกับการไม่ยึดมั่นถือมั่นในอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวแล้ว การติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคอื่น ๆ ในล็อตใหญ่ก็จะตามมา ตามภาวะจิตที่ปล่อยวางได้มากเท่าไร อุปกรณ์ก็จะมากขึ้นเท่านั้น การช่วยเหลือผู้อื่นก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

 

การได้เข้าไปสัมผัสเมืองลับแล ไปรู้ ไปเห็นบ้านเมืองของเขา ซึ่งไปพบเจอกันหลายท่าน ที่ได้เข้าไปนั่ง ณ จุดทางเข้าเมืองลับแลแห่งนั้น มีบางท่านได้รับการต้อนรับจากผู้ที่อยู่ในนั้น นั่นคืออาจารย์จักษวัชร์ ได้เห็นชาวเมืองลับแลด้วย

เมืองลับแล ที่ว่าเป็นปริศนา หาพบได้ยากเย็น ไปได้ยาก ถึงพบเจอสถานที่แล้ว ก็มิใช่ว่าใครจะเข้าไปได้ง่าย ๆ

แต่เพราะว่า เมืองลับแลที่เขากะลาแห่งนี้ เป็นสถานที่ ที่อยู่ในโครงการเดียวกันในการช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ ดังนั้นการเปิดให้ผู้ร่วมงานโครงการเดียวกันได้เห็น จึงเป็นเรื่องปกติของทีมเดียวกัน

ไม่ใช่เรามีอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่เราเป็นผู้วิเศษ จึงสามารถเข้าไปได้แต่อย่างใด

การที่หลายท่านไปนั่งที่ลานกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว แล้วมีการเปิดมิติให้เห็นการเตรียมการของมนุษย์ต่างดาว ให้เห็นร่างของมนุษย์ต่างดาว ให้เห็นยานอวกาศ ให้เห็นกองทัพของมนุษย์ต่างดาวจำนวนมาก จากหลายดวงดาว เป็นสหพันธ์แห่งดวงดาวนั้น ที่อาจารย์เม้าท์ อาจารย์เทพบุตรชาวดิน คุณศศะ หรือคุณ ดาลิ่ง ที่มองเห็นเหมือนกัน เห็นคล้ายกันนั้น ก็เป็นการเปิดให้เพื่อนร่วมงานในโครงการเดียวกันได้เห็น ได้ทำความคุ้นเคยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ไม่ใช่เรามีอิทธิฤทธิ์ ไม่ใช่เราเป็นผู้วิเศษ จึงสามารถเห็นได้แต่อย่างใด

ยังมีอีกมากมาย ที่เกินจะจินตนาการได้ที่...เขากะลา

 

<TABLE class=tborder id=post1631145 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 06:44 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #4809 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1631145", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม



วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 10,696
ได้ให้อนุโมทนา: 15,851
ได้รับอนุโมทนา 165,944 ครั้ง ใน 12,266 โพส
พลังการให้คะแนน: 12130


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1631145 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ MOUNTAIN
ผมได้นำข้อความของพี่สุดใจที่เขียนลงในเว็บพลังจิต เรื่อง

"รู้จักขันธ์ห้าตามความเป็นจริงของธรรมชาติ"
ในทรรศนะ อ.สุดใจ ชื่นสำนวน

ก็อบปี้ไปลงในเว็บพุทธามหาเวท
และ บ.ก.สุรศิลป์ (บ.ก.หนังสือพุทธามหาเวท)
ได้พิจารณา ขอนำลงในหนังสือพุทธามหาเวท
ซึ่งขณะนี้ได้ตีพิมพ์ออกจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับคนส่วนมาก
หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

หนังสือพุทธามหาเวท ปีที่ 4 ฉบับที่ 44 เดือนพฤศจิกายน 2551 หน้า 37

จึงขออนุญาต พี่สุดใจ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>






</FIELDSET>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขออนุโมทนาบุญกับคุณ MOUNTAIN ด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ ในการนำข้อความเหล่านี้ไปเผยแพร่ให้กับบุคคลอื่น ๆ ได้รับทราบด้วย

การเผยแพร่ข้อมูลนี้ นับว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บุคคลทั่วไปสามารถพบเจอข้อความนี้ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่บุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเวปไซด์พลังจิต ในกระทู้ข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) แห่งนี้

เมื่อวานนี้ เมื่อได้รับแจ้งจากอาจารย์เม้าท์ พี่สุดใจก็ไปหาซื้อที่แผงหนังสือ กะว่าจะซื้อมาเก็บไว้อ่านเองสักเล่ม แต่ปรากฏว่ายังไม่มีวางแผงหนังสือที่นครสวรรค์เลย

หากใครมานครสวรรค์ จะกรุณาซื้อมาฝากพี่สุดใจสักเล่ม ก็จะขอบพระคุณมากค่ะ

 

เขาลูกนี้ดูยังไงก็เหมือนจานบินมาก ไม่รู้ว่าใครขึ้นไปตัดต้นไม้บนเขานี้ให้มันดูเหมือนจานบิน

 

พี่สมจิตรผู้รับผิดชอบแผนกพื้นที่กำลังติดต่อประสานงานหาที่จอดรถให้พวกเราเพื่อเปลี่ยนถ่าย ขึ้นยานลำเลียง เพราะรถธรรมดาไม่สามารถที่จะขึ้นไปได้เลย ต้องใช้ยานลำเลียงเท่านั้น

 

คุณนีโม่...คุณเข้าใจผิดแล้ว MLM เป็นระบบการทำงานของ 0-99 ส่วนการ

ทำงานในระบบ 100-300 ของมนุษย์ต่างดาวนั้น เป็นการส่งตรงจากระบบ ถึง

ผู้ที่ระบบได้วางตัวไว้ 5000 คนทั่วโลก ผู้ที่จะต้องทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ระบบ

จะทำจุดนัดพบไว้ ดังที่เคยบอกไว้แล้ว แต่ story ของระบบ บางแง่มุมอาจดูคล้าย

การทำงานของ 0-99 ในบางส่วนตามความเข้าใจของหลายๆคน ระบบถึงต้องจัด

ให้มีการประมวลพลัง (แยกขันธ์ห้า) เพื่อที่จะทำให้เราเห็นในเชิงประจักษ์ว่าระบบ

ส่งข้อมูล เป็นความคิด ความรู้สึก ความสนใจในเรื่องต่างๆ มาให้เราได้อย่างไร

เพราะนั่นจะช่วยให้เราแยกอุปาทานขันธ์ห้า ออกว่านั่นไม่ใช่เป็นของเรา เราไม่ได้

เป็นผู้คิดผู้กระทำ และถ้าเชี่ยวชาญมากขึ้นจะสามารถย้อนความเข้าใจไปได้

ตั้งแต่ก่อนมีกลุ่มเขากะลาด้วยซ้ำ ท่านจะรู้ได้ด้วยตนเอง ต้องมาประมวลพลังบ่อย

ครั้งที่จะได้รู้ทันในปัจจุบันว่า นั่นไม่ใช่เรา เราไม่ได้เป็นผู้คิด เราไม่ได้เป็นผู้รู้ แล้ว

เราจะได้ประจักษ์ใน ทฤษฎีระบบที่ว่า " เหตุการณ์มันจะพาไปเอง / ทำงาน

เหมือนไม่ได้ทำ (เพราะระบบทำ) / ไปทำงานเหมือนไปเที่ยว (เพราะระบบทำงาน

ของเขาเอง)

 

นี่ครับยานลำเลียงโดยมีพี่เสื้อดำเป็นผู้ขับเคลื่อนยานต้องยอมรับว่าฝีมือในการขับพี่เค้าสุดยอดจริงๆ ซึ่งในระหว่างทาง แกก็จาหันหน้ามามองพวกเราเป็นระยะๆ ไม่แน่ใจว่าแกมองเพื่อที่จะให้กำลังใจเราว่าไม่ต้องกลัว หรือว่าแกมองเพื่อขอกำลังใจจากเรา ..

 

หลังจากที่ผมกับมาจากเขากะลา ผมได้รับเวทนาคืออาการคันอย่างรุนแรงจากยุงกัด ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน ทายาหม่องก็ไม่หาย สุดท้ายผมมานึกถึงเรื่องอุปทานขันธ์ห้า ที่ทางกะทู้เขากะลาโดย อ.สุดใจได้โพสไว้ซึ่งก็ได้นำไปปฏิบัติตลอดมา เช่น เรื่องของการเฝ้าดูอารมณ์โดยสติรู้ ซึ่งผมทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ต้องพยายามฝึกและปฏิบัติให้ได้ ผมก็เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เรื่องของอาการคัน ก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องของอารมณ์ที่ผมได้ฝึก มันเป็นเพียงขันธ์ห้า มันเป็นเพียงกลไกของมันที่คอยปรุงแต่งไปตามเหตุปัจจัย มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง เมื่อโดนยุงกัดก็ต้องคันเป็นธรรมดา ซึ่งผมกับเอาอุปทานไปยึดเหนี่ยวว่าเป็นอาการคันของผม ผมจึงทุกข์ หลังจากที่ผมมีสติรู้ เราก็แค่เฝ้าดูมันอย่างสะใจ อยากคันก็คันไปผมไม่สน ทุกสิ่งในโลกย่อม เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เป็นสัจธรรม
วันนี้ผมหายคันเป็นปลิดทิ้งเลยครับ ผมขออนุโมทนาบุญกับอ.สุดใจ ในเรื่องขันธ์ห้าด้วยครับ

 

ฝากหมอแผนอนาคตดูหน่อยครับ

เป็นพ่อของก้อจิ๋ม อ่ะครับ กล่าวคือเป็น พ่อของญาติข้างบ้าน แล้วเป็นพนักงานที office บ้านผมด้วย (งงเปล่าหว่า)
เพิ่งออกจากโรงพยาบาล วันนี้ ตรวจสแกนดูแล้วไม่พบอะไรผิดปกติ
อาการ - เป็นลม หมดสติไป หลังจาฟื้นขึ้นมา ก็เดินเหินแบบปกติไม่ได้ เหมือนเก่า ต้องใช้ไม้ค้ำ ดังที่เห็นในรูปแหล่ะครับ
เลยฝากให้ดูหน่อย ว่าเป็นอะไร ส่วนที่ถามมาก็ เมื่อก่อนเคย ฆ่าปลา ฆ่าไก่ อื่นๆ พอสมควร หมอไหนว่างก็ช่วยดให้หน่อยนะครับ

 

เหตุการณ์ของยานขนส่งในเที่ยวที่ ๑ ขากลับ

มีคุณหนุ่ย คุณปิรามิด ยืนคุมเก้าอี้ (เป็นพวกหวงเก้าอี้) ไม่ให้เทกระจาดลงมา ยืนทางด้านหน้า

อ.ไก่นั่งด้านหน้า ขวามือ ต่อจาก อ.ไก่ ก็คือ คุณธนิตศักดิ์ ทำให้น้ำหนักไปทางขวาเล็กน้อย

หลังคุณหนุ่ยก็คือคุณ ณ

เหตุการณ์ก็คือ คุณ ณ ไม่รู้จะจับยึดอะไร ก็อาศัยขาของคุณหนุ่ยเป็นเสา เมื่อรถเทไป เทมา คุณ ณ ยิ่งกอดขาคุณหนุ่ยแน่นมากขึ้น แต่รู้สึกจักกะเดียมขนหน้าแข้ง ก็เลยหันไปรั้งขอบกางเกงเป็นที่พึ่ง

เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ที่ทำให้รถเอียงไปเอียงมาอย่างแรง คุณ ณ รั้งขอบกางเกงจนเห็นร่องก้น ซึ่งมีสิวขึ้นปะปราย จนทำให้คุณหนุ่ยรู้สึกอับอาย ผีป่า นางฟ้าเป็นอย่างมาก บอกถ้าใส่กางเกงเลแบบ อ.จุก ละก็ หลุดตั้งแต่โค้งแรกไปแล้ว

คุณ ณ รีบไปเสียผี ให้คุณหนุ่ยเสียดีๆ

 

ไม่ได้ไปนะคะ แต่อยู่ข้าง ๆ อยู่อ.ท่าตะโกค่ะ
แต่ทำไม ที่ท่าตะโกช่วงสามทุ่มกว่าจนถึงสี่ทุ่มกว่าฝนตกหนักมาก ๆ
ทั้งฟ้าร้องฟ้าผ่า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะมีฝน
สงสัยจะหอบฝนจากเขากะลามาที่ท่าตะโกแน่ ๆ เลย
ก็เลยนอนเอาใจช่วยค่ะ

 

คุณนีโม่หมายความว่า จากการขึ้นเขากะลาในครั้งก่อนสี่ท่าน ทำให้เกิดการขึ้นเขากะลาครั้งนี้ของ ๒๐+ ท่าน โดยมาจากการได้พบปะคุณนีโม่ เหมือนเราเป็น downline ของคุณนีโม่ในการถูกแนะนำให้รู้จักระบบ ไม่ใช่ downline การรับข้อมูลจากระบบค่ะ

;aa20

 

หยอกนิด สะกิดหน่อย ตอนที่ 11

ไชโย.....ผมได้นอนเหมือนเพื่อนๆเขาแล้ว

ผ่านไปได้สักระยะ ผมจึงเริ่มพิจารณาตนเอง.......ไม่รู้ว่าสุขหรือทุกข์กันแน่ เพราะท่ามกลางความเงียบสงบของขุนเขา ยังมีพลังเสียงกรนอันยิ่งใหญ่ สะท้านไปทั่วขุนเขาอีก 3 เสียง ประสานสอดคล้องซึ่งกันและกัน........โอ้ ช่างเป็นอะไรทีสุดยอดมากเลย..........เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากเต้นท์ทางด้านขวามือ เป็นเต้นท์ของพี่ ufo.365 ดัง คร๊อก....คร๊อก ยาวๆ สิ้นเสียงที่หนึ่งก็มีเสียงที่สองดังขึ้นสอดรับ มาจากเต้นท์ทางด้านขวามือ เลยเต้นท์ของพี่ ufo.365 ไปอีกนิด มันเป็นเต้นท์ของ อ.นีโม่ นี่เอง ดัง คร๊อก.....คร๊อก แบบสั้นๆ........ทันทีที่เสียงที่สองสิ้นสุดลง ก็มีเสียงที่สามดัง ฟี้ด...ฟี้ด มาทางด้านซ้ายมือ โอ้ มันเป็นเสียงของ อ.ไก่ นี่เอง....... พอสิ้นเสียงที่สาม เสียงที่หนึ่งก็ดังสอดรับขึ้นมาทันที.......ช่างเป็นการประสานเสียงที่สอดคล้องและไพเราะอะไรเยี่ยงนี้ คร๊อก........คร๊อก.......ฟี้ด คร๊อก........คร๊อก.......ฟี้ด ดังต่อเนื่องกันไป .... ดีนะที่ไม่มีพลังเสียงกรนจากพี่เม้าท์อีกคน เพราะแกบอกว่าไม่ได้นอน .... ไม่ได้นอนหรือนอนไม่หลับกันแน่ แต่ที่แน่ๆกลัวน้องๆจะได้ยินเสียงกรนกระมัง........ช่างวิเศษเสียนี่กระไร.........นอกจากพวกเราจะได้รับพลังจากมนุษย์ต่างดาวกันแล้ว พวกเรายังได้รับพลังเสียงกรนจากมนุษย์โลกอีก..........ผมนอนทนรับพลังนี้ไปจนเกือบฟ้าแจ้ง เห็นพวกเราเริ่มทะยอยกันออกมาล้างหน้า ผมจึงเดินตามออกมา.....ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า พลังเสียงกรนนี้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ จนทำให้พวกเราหลายๆคน นอนรับพลังกันอย่างใจจดใจจ่อ.......พูดง่ายๆก็คือ........นอนไม่หลับกันทั้งคืน.........

 

อ.ไก่นอนลานดูดาว
จานจุกนอนแถวไหนคะ เอะอะก็บอกว่าเสียงมาจากทางขวา
คุณธนิตศักดิ์กับคุณนีโม่นอนในศาลา ถ้าจานจุกนอนในศาลา อ.ไก่คงอยู่ปลายเท้า
ถ้าจานจุกนอนลานดูดาว เสียงคุณธนิตศักดิ์กับคุณนีโม่คงมาจากด้านหลัง
ไขข้อข้องใจหน่อยค่ะ