เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ขอบคุณคุณพี่นักเขียนมากๆครับ ถึงแม้จะมีอุปสรรคอย่างไรคุณพี่นักเขียนก็พยายามสื่อสารและนำข้อมูลความรู้ดีๆมาให้พวกเราได้อ่านและรับรู้กัน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    อ่านข้อความของคุณพี่นักเขียนแล้วได้ทั้งความรู้ ข้อคิดดีๆ และเข้าใจอะไรมากขึ้นจริงๆครับ <o:p></o:p>
    ;aa14
     
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สิ่งที่คุณนักเขียนพูดถึงทำให้นึกถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่หลายท่านในเว็บคงรู้จักดี เพื่อนคนนี้สื่อกับจิตวิญญาณต่างมิติได้ คือมีจิตวิญญาณหนึ่งคอยมาชี้แนะให้ เพื่อนได้ถามถึงขบวนการบางอย่างที่ดูเหมือนกำลังฮอตฮิตขณะนี้ (ไม่อาจกล่าวถึงได้เพราะไม่ต้องการก่อให้เกิดการกระทบกระเทือน) จิตวิญญาณต่างมิตินั้นกล่าวว่า สิ่งนั้นไม่มีจริง เพื่อนจึงถามต่อว่า แล้วทำไมหลังจากเข้าพิธีกรรมนั้นแล้วทำไมคนจึงเห็นนู่นเห็นนี่มากมาย จิตวิญญาณต่างมิตินั้นกล่าวว่า "เมื่อเขาอยากเห็นอะไร (จินตวดีคิดว่าเหมือนคำว่า จดจ่ออะไร) ก็จะได้เห็นอย่างนั้น" ซึ่งมันสอดคล้องกับที่อาจารย์อนาลัยกล่าวว่า "โลกแห่งความเป็นจริงของเธอมักจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับความเชื่อของเธอเสมอ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2008
  3. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จินตวดีตั้งใจแล้วว่าตัวตนนี้เกิดมาเจอ RIGHT BOOKS AND RIGHT PERSONS แล้ว จึงตั้งใจว่าจะตั้งใจศึกษารายละเอียดในหนังสือชุดนี้ให้เกิดความเข้าใจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมสัญญากับตัวเองก่อนที่กายนี้จะดับจะพยายามทำความเข้าใจ เรื่องเกี่ยวกับมิติและจักรวาลให้มาที่สุด สมกับที่โชคดีได้เจอหนังสือชุดนี้และเพื่อนที่มีความคิดคล้ายกัน โดยเฉพาะเพื่อนในอีกมิติหนึ่งที่อุตส่าห์มาช่วยแนะนำให้ตลอด

     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ว่าจะมาตอบพี่นักเขียนฯ
    แต่เวลาทางโลกหมดพอดี เดี๋ยวมาตอบพรุ่งนี้ครับ เพื่อนๆช่วยกันขบคิดไปก่อนนะครับ

    การที่โลกผกผันไปเช่นนี้ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2008
  5. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    การที่โลกผกผันไปเช่นนี้ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?

    สำหรับความเห็นของkindred เอง คิดว่า...

    อารมณ์ ความคิด และ จินตนาการต่างๆ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันไม่ได้แสดงผลในปัจจุบันกับโลกกายภาพที่เราดำเนินไป เป็นไป แต่มันกลับ ไปสร้างเรื่องราวให้เกิดขึ้น ในเส้นทางที่เป็นไปได้อื่นๆ และเมื่อเราจดจ่อกับสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ มันก็สามารถกลายเป็นโลกแห่งความเป็นจริง ที่เราเป็นไป ดำเนินไปได้

    การเจริญทางเทคโนโลยี่ จากอดีต มาสู่ปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึง การจดจ่อ ของนักประดิษฐคิดค้น เหล่านี้ที่พยายามจะสร้างโลก จากจินตนาการของพวกเขา แต่ด้วยเครื่องพรางต่างๆในโลกแห่งความเป็นจริงนี้ ทำให้เกิด ช่องว่าง และระยะทางขึ้น จึงเสมือนว่าเกิดการเดินทางของเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น จากอดีต มาสู่ ปัจจุบัน

    ถ้าเรายิ่งย้อนมองกลับไปในอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นสื่งต่างๆที่ ไม่น่าจะเป็นไปได้เกิดขึ้นมาบนโลกมากมาย แล้วต่อไปในอนาคต มันจะไม่ยิ่งเกิดสิ่งที่เราคาดไม่ถึงได้อย่างไร ทำให้ kindred รู้สึกว่า ความคิดและจินตนาการของเรา ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะยังไม่เกิดในโลกแห่งความเป็นจริง ในปัจจุบันขณะ ที่เราดำเนินอยู่ แต่มันก็เกิดไปแล้วในเส้นทางอื่น และ เมื่อถึงเวลาของมันทางโลกแห่งความเป็นจริง มันก็จะเป็นจริงขึ้นมาเอง

    เอ่อ...ต้องขอประทานโทษค่ะ เขียนวกวน ยังไงไม่ทราบค่ะ kindred เข้าใจถูกต้องมั๊ยค่ะ

    คือ จะแค่สรุปว่า ความคิด อารมณ์ และจินตนาการ ของเรา มีพลังนะค่ะ เพราะฉะนั้น ควรมีสติไตร่ตรอง โดยเฉพาะ มันจะก่อรูปก่อร่าง และมีผล เมื่อเราแสดงออกมาทาง คำพูด และการกระทำ ค่ะ แล้วมันก็แสดงให้เห็นถึงว่า ที่เราจะพัฒนาจิตวิญญาณ และเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ได้นั้น เราทำได้หรือเปล่า และแค่ไหนค่ะ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    hello4​


    สวัสดีค่ะทุกคน และคุณนักเขียนที่รัก

    เข้าหน้าหนาวอีกหนแล้วแต่ข้างในห้องวิทย์ยังอบอุ่นเหมือนเดิมเลยนะคะ เกดยังคงวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนี้(แอบอ่าน) เข้ามาทีไรก็ได้อะไรกลับไปทุกที และอยากขอบคุณคุณนักเขียนที่สุดเลยที่ลมหนาวจะพัดมากี่ครั้งแต่ท่านยังคงสม่ำเสมอในการ ตอบคำถาม-ให้ความรู้ น่ารักที่สุดเลยค่ะ
    ;aa40​

    ที่ผ่านมาเกดเองมีดื้อหายไปจากการนั่งสมาธิและอ่านหนังสือ ของ อ.อนาลัย เหมือนชีวิตขาดสิ่งสำคัญไปเลย เมื่อกลับมาอ่านหนังสือและทำสมาธิอีก เฮ้อ...มันทำให้เห็นความต่างชัดเจนและเห็นคุณค่าของการปฏิสัมพันธ์กับตัวเองขึ้นเยอะเลย เหมือนกับว่า
    "ถ้าข้างในเราขาด ข้างนอกก็จะขาดไปด้วย"

    โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงผกผันไปเร็วอย่างที่คุณนักเขียนตั้งข้อสังเกตไว้จริงๆค่ะ ชุมชนห้องวิทย์เล็กๆนี้ก็ก่อเกิดมาจากการมี อินเตอร์เน็ต ที่ทำให้โลกเล็กลงทุุุกวัน นอกจากนี้สังคมออนไลน์ที่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็มีเพิ่มมากขึ้น เช่น Nabuur ที่ก่อตั้งโดยคนเนเธอแลนด์คนหนึ่งวิธีการของเขาคือให้ ให้หมู่บ้านประสบปัญหาลงทะเบียนกับเว็บไซด์ และให้ผู้ที่ต้องการช่วยเหลือเข้ามาเลือก ช่วย ได้ง่ายๆเหมือนชอปปิ้งเลยค่ะ
    ในเมื่อโลกอินเตอร์เน็ตกว้างไกลปราศจากขอบรั้ว การช่วยเหลือ การติดต่อสื่อสาร ข้อมูลข่าวสารก็ไม่จำกัด
    นี่ไงคะเป็นอีกอย่างที่เกดคิดได้จากคำชวนให้มาแสดงความคิดเห็นที่ว่า

    "การที่โลกผกผันไปเช่นนี้ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?"


    อืม แล้วมีอะไรอีกบ้างนะ
    เกดคิดว่าในยุคของเรามีหลายอย่างที่แสดงสิ่งที่เรามองไม่เห็นแต่มีอยู่จริงให้เราเชื่อมากขึ้น จากวิทยุ ทีวี โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และยิ่งปัจจุบันนี้ที่เมื่อคิดถึงก็เห็นอีกฝ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหวและได้ยินเสียงด้วยได้ ต่างจากอดีตมากที่กว่าจะรอให้จดหมายแต่ละฉบับมาถึงก็แสนยาวนาน เรียกได้ว่า แค่คิดก็เกิดได้ทันที ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อัศจรรย์อย่างที่คุณนักเขียนบอกเลยค่ะ ในเรื่องนี้เกดคิดว่า มันจะช่วยให้เราเรียนรู้ถึงกลไกของความปราถนามากขึ้นเรื่อยๆ


    เราแต่ละคนต่างมีช่องทางในการรู้จักกัน-รวมกลุ่มกันมากยิ่งขึ้น ได้รับข่าวสารจากทุกมุมโลกอย่างรวบเร็ว-ฉับพลัน ทำให้มุมมองของเราขยายรวดเร็วตามไปด้วย เรามีเทคโนโลยีที่ช่วยย่นเวลาในการทำหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อที่เราจะได้มีเวลาไปทำอีกหลายสิ่งและหลายอย่างมากขึ้น(และเพิ่มความยาวของสันหลังอีกด้วย:)

    เกดคิดว่าความปราถนาของมนุษย์ในอดีตมากมายที่ผลิดอกออกผลเป็นรูปเป็นร่างในปัจจุบันจริงๆ แต่ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เป็นกลไกโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ดูจะใกล้ชิดกับเราๆเป็นอันดับต้นๆ

    แล้วเรื่องอื่นๆหล่ะคะ?

    ยุคนี้ผู้หญิงสวยขึ้นได้ดั่งใจฝัน สมัยก่อนผู้หญิงคงเฝ้าคิดถึงการมีไซส์หน้าอกที่เพิ่มขึ้น จมูกโด่งอีกนิด ตาอีกสักชั้นน่า และอื่นๆ เดี๋ยวนี้มีหมดแค่เดินตรงไปที่คลีนิคศัลยกรรม จะหมวยแค่ไหนเดี๋ยวนี้ก็มีคอนแทคเลนส์ บิ๊กอาย ตาใสแป๋วๆเลยค่ะ(อ๊ะ..รู้สึกใกล้ตัว) อยากผมยาวเหรอคะ ต่อผม ช่วยได้(เอ..เหมือนเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังยังไงก็ไม่รุค่ะ) ก็สมัยก่อน น.ม.ส เคยเขียนไว้ว่า "นางทุกนางงามสรรพเมื่อดับไฟ" :-x

    อย่างตอนเกดเด็กๆชอบอ่านหนังสือมาก แต่ตอนเด็กแขนก็เล็กแล้วหนังสือก็หนักนั่งอ่านก็เมื่อยพอจะนอนอ่านก็ยกไม่ค่อยไหวจินตนาการบ่อยๆว่ามันน่าจะมีนะ เครื่องที่ช่วยจับหนังสือ เดี๋ยวนี้พอเห็นมีขายก็อมยิ้มเลยคิดถึงตอนเด็กทุกที
    แล้วพืชหล่ะคะจะมีความปราถนาด้วยรึเปล่า เดี๋ยวนี้เขาถึงได้มีพืช GMO ใครจะรู้บางทีพืชอาจกำลังคิดการใหญ่ ถ้าอย่างนั้นต้องระวังไม่ให้พวกพืชดูหนังเรื่อง เดอะลอด ออฟ เดอะ ริง นะคะเดี๋ยวจะจินตนาการเป็นต้นไม้สุดบู๊
    ส่วนหิมะก็คงอยากท่องเที่ยวต่างถิ่น เดี๋ยวนี้หิมะจึงตก แม้กระทั่งเคนยาที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรขนาดนั้น หรือใกล้ๆบ้านเราอย่าง ลาว!

    เปรียบเทียบสนุกๆค่ะ แต่ก็สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้จริงๆ เปลี่ยนไปมากแล้ว เมื่อโลกนี้เป็นภาพสะท้อนความคิดของเรา โลกที่ผกผันมนุษย์ก็คงผกผันไม่น้อย


    นอกจากนี้เกดมีข้อสังเกตหนึ่งในอีกแง่มุมของเทคโนโลยีต่างๆ
    โลกวันนี้ก้าวเร็วพรวดพราด จนนาทีกลายเป็นช้านาน "เนตช้า" "รถติด" และอีกสารพันคำบ่น
    เวลาเราทำงานบนคอมพิวเตอร์ หากทำผิดเราก็แค่คลิ๊ก อันดู อันดู
    เกดสนับสนุนที่ความสะดวกของเราพัฒนาก้าวไกลขึ้นทุกวัน แต่โลกที่ก้าวเร็ว จะกลายเป็นเร็วเกินไปมั้ยนะ หากเราปล่อยให้ใจเราไหลตามไปอย่างรุนแรงจนมันเต้นผิดจังหวะ มันทำให้บางสิ่งของเราขาดหายเช่น การเห็นคุณค่าต่อทุกสิ่งตรงหน้า การจดจ่อกับปัจจุบัน ยกตัวอย่าง ตัวเกดเอง บางทีก็บอกตัวเองว่า"เราใช้เวลาเพื่อวินาทีต่อๆไปอยู่รึเปล่า?" ใช่แล้วเกดก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ก็เคยบ่นว่า "เนตช้า" "รถติด"
    โปรแกรมในคอมพิวเตอร์ ที่เรา อันดู เมื่อไหร่ ก็ลบเลือนความผิดพลาดได้เมื่อนั้น
    แต่ในชีวิตจริงของเรา อันดู ไม่ได้
    นี่อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เกดคิดได้ของการตามใจไม่ทันโลกที่ก้าวเร็วพรวดพราดใบนี้



    และทางกายภาพมีหลายสิ่งที่เทคโนโลยีได้ทิ้งไว้ให้ เช่น ขยะอิเลทรอนิกส์เอย หรืออภิมหาก๊าซที่ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่างๆ

    มีนิยายเรื่องหนึ่งชื่อว่า Nightfall
    เขาเล่าเรื่องโลกใบหนึ่งที่ไม่รู้จักความมืด โลกนี้มีดวงอาทิตย์หกดวง ไม่มีกลางคืนไมีมีไนท์คลับ ไม่จำเป็นต้องมีดวงไฟเพราะทุกที่สว่างไสวอย่างทั่งถึง
    ไม่มีแสงดาว...
    ไม่มีเพลง Fly Me to the Moon ที่เกดชอบอีกด้วย

    ไม่มีแสงดาว...
    หมายความว่าผู้คนที่อยู่ที่นั่นไม่สามารถเห็นดาวดวงอื่นๆด้วยเพราะฟ้าที่สว่างตลอดเวลา พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวคิดว่ามีโลกของเขาเพียงหนึ่งเดียว และไม่รู้ว่าโลกเขาเขาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอันกว้างใหญ่ และมีดาวมากมายเกินกว่าจะนึกถึง พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการเห็นตัวเองด้านเดียว
    แล้ววันหนึ่งดวงอาทิตย์ก็เกิดสุริยุปราคา โลกทั้งโลกมืดสนิทผู้คนต่างหวาดกลัวด้วยเพราะไม่คุ้นเคยกับควมมืด แต่ในที่สุดก็พบความจริงว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งของจักรวาล อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน

    [​IMG]

    ในโลกของเรา ถ้าหากว่าเทคโนโลยีหยุดลงสักพัก หลายคนจะแยกตัวเองออกมามองรอบข้างมากขึ้นมั้ยนะ(แค่ ไฟดับ แม้จะไม่นานเราก็กระสับกระส่ายกันแล้วเหมือนเป็นตัวเราเองเลยที่กระแสไฟฟ้าไม่ไหลผ่าน ) และเห็นว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอย่างที่ชาวโลกอาทิตย์หกดวงเห็น
    สงบจากความร้อนรนของชีวิตดั่งอาทิตย์หกดวงนั้น
    และร้องเพลง Fly Me to the Moon ให้ไพเราะที่สุดสำหรับดวงจันทร์



    อ้อมีอีเรื่องรู้แล้วเหยียบไว้เลยนะคะ
    พรุ่งนี้หิมะจะตกในกรุงเทพ!


    -------------------------------------------------

    มาแสดงความคิดเห็นตามที่คุณนักเขียนชวนค่ะ
    สรุปว่าสำหรับเกด เกดเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยี

    เดี๋ยวจะเข้ามาถามปัญหาร้อยแปดวันหลังนะคะ
    ขอให้ทุกๆคนฝันดีนะคะคืนนี้
    และมีความสุขมากๆ




    ด้วยรักและคิดถึง
    สุขสันต์หน้าหนาวค้า
    ;aa51

    ลูกเกด

     
  7. bassate

    bassate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +601
    หวัดดีคับ พี่ mead พี่นักเขียน ผมพึ่งอ่านจบเล่มแรกก็ทำเอาอึ้งไปเหมือนกันคับ พึ่งมีเวลาคับ เวลาอ่านผมมักจะมองย้อนไปหาเหตุการ์ณทั้งหมดที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นกับตัวผม อาจารย์อนาลัยได้ตอบคำถามที่ค้างคาได้อย่างชัดเจนและเสริมคำตอบที่เป็นช่องว่างเล็กๆมากมายได้ทั้งหมด ต้องอ่านให้หมดคับ
    ร่วมด้วยคิดด้วยคนคับ การที่โลกผกผันไปเช่นนี้ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง? ผมคิดว่า ถ้าเรากำลังหมายถึงการผกผันและเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีแบบปัจจุบันนี้ โลกที่กำลังใช้เทคโนโลยีนำหน้าอยู่นี้ต้องถึงทางตันในไม่ช้านี้ เพราะแหล่งพลังงานหลักมาจากวัตถุดิบที่ใช้แล้วหมดไป บ้างก็ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงด้วยสารเคมีหรือวิธีการอื่นๆก็ตาม ไม่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาจิตวิญญาณนัยตรงเลยแม้แต่น้อย เทคโนโลยีปัจจุบันนี้เป็นแบบแผนที่ว่าด้วยการบรรเทาความยุ่งยากและขั้นตอนการทำงานเป็นหลัก ผมว่ายิ่งนับวันคนเราไม่หยุดยั้งตัวเองที่พยายามตามโลกแห่งเทคโนโลยีให้ทัน แล้วใช้จิตวิญญาณวิเคาระห์ที่ไปสุดท้ายของตัวเราพร้อมๆกับเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปอย่างแข็งทื่อและรวดเร็วแล้วหล่ะก็ จิตเราก็จะถูกนำพาไปสู่ทางตันและยิ่งพาเราออกห่างจากสัจธรรมความเป็นจริงของพลังงานที่แท้จริง อย่างปัญหารุนแรงที่เกิดขึ้นมากขึ้นทุกวันเป็นเงาตามเทคโนโลยีปัจจุบันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2008
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    หนาวเลยนะครับ... (กำลังอยากเห็นหิมะตกแถวบ้าน อิอิ)
    สงสัยลูกเกดได้ยินหิมะพูดกันว่า "อยากมาเที่ยวเมืองไทย"
    ขอบคุณหลายๆครับ เอาความคิดที่น่าทึ่งมาฝากบ่อยๆนะอ่านแล้วตาสว่างครับ
    นิยายเรื่องนั้น ที่พูดถึงโลกที่มีดวงอาทิตย์ 6 ดวง เป็นโลกของคนที่ไม่เคยเห็นความมืดมาก่อน..กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลก็ต่อเมื่อได้เห็นปราฎการณ์อันน่าตื่นเต้นปรากฎขึ้น จึงหยุดคิดกันได้นะครับ..หากวันหนึ่งที่ระบบดาวเทียม-การสื่อสารในโลกล่ม หรือใช้การไม่ได้เกิดขึ้น วันนั้นอาจจะรู้สึกว่ามนุษย์ได้ตกเป็นเครื่องมือของระบบเหล่านั้นไปแล้วอย่างไม่ทันรู้ตัวนะครับ

    [​IMG]

    ใน animation เรื่อง Wall -E (น่าจะได้ดูกันแล้ว ถ้ายังก็ลองไปหามาดูกันครับ เรื่องนี้ประทับใจมากๆ)
    พูดถึงโลกอนาคตที่ผู้คนหลงไหลยึดติดอยู่กับเทคโนโลยี่ที่คอยอำนวยความสะดวกมายาวนาน จนคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญยิ่งกว่าจิตใจมนุษย์..มนุษย์ก็ยกพลังอำนาจของตัวเองให้เครื่องจักรกลไปหมด..

    แต่ในมุมกลับกันก็มีหุ่นยนต์ที่อยากเป็นมนุษย์..หลงไหลความเป็นมนุษย์ มีอารมณ์-ความรู้สึกและความรักแบบมนุษย์ รักธรรมชาติ-รักต้นไม้..และก้าวไปสู่ความเป็นจริงที่มนุษย์กำลังหลงลืม..สะท้อนมุมกลับถึงหลายเรื่องที่ไม่ได้เดินควบคู่กันไป จนบางสิ่งค่อยๆขาดหายไปโดยไม่รู้ตัว..

    จินตนาการสร้างสรรค์อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ครับ
    โลกยุคนี้กำลังเชื่อมต่อกันเร็วขึ้นตัวเพื่อขยายประสบการณ์ในการเรียนรู้ของพวกเราให้กว้างไกลยิ่งขึ้นนะครับ ส่วนตัวชอบเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าแปลกใหม่อยู่แล้ว ซึ่งจะต้องรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ช่วยเปิดมุมมองเราออกไปได้เป็นอย่างดี แต่จะต้องเป็นอิสระภาพกับจิตใจของเราครับ

    ศิลปิน+นักออกแบบ+วิศวกร+นักเขียน+นักคิด+นักฝัน ฯลฯ ก็จะสร้างพิมพ์เขียว ขับเคลื่อนพลังแห่งจินตนาการ สร้างแรงบันดาลใจต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จากหนึ่งความคิด..จากภาพหนึ่งภาพ.. ก็จะมีผู้สานต่อและผสมผสานความคิดพัฒนาให้เหมาะสมตอบสนองชิวิตของผู้คนในยุคสมัยนั้นๆต่อไปอย่างต่อเนื่อง จินตนาการเป็นสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ แต่ควรต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการแทนที่ลงไปอย่างสมดุลย์ครับ

    [​IMG]

    สวัสดีคุณ Bassate ด้วยครับ อ่านจบไป 1 เล่มแล้ว คงได้แว่นขยายมาหลายอันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2008
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/1rAsoLm1Ges&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always">


    Fly Me to the Moon...............................
    </EMBED>
     
  10. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    การที่โลกผกผันไปเช่นนี้ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?

    ผมมองว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับโลกได้มากขึ้น และจะมากกว่านี้ไปอีกเรื่อยๆ ช่องว่าง ระยะทาง และกาลเวลา จะลดน้อยลง

    รูปแบบการสื่อสาร ก็จะมีตั้งแต่ การตะโกนพูดคุยกัน นกพิราบสื่อสาร การส่งจดหมายโดยใช้คนวิ่ง การส่งจดหมายโดยการขี่ม้า การส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์ จนถึงการส่งผ่านอีเมล์ ต่อไปก็อาจจะมีรูปแบบใหม่ๆ เช่น การส่งภาพ และเสียง ผ่านความคิด ที่ส่งผ่านกันแบบ real-time หรือ ติดแถบข้อมูลเอาไว้ที่สินค้าทุกรายการ กับโบราณสถาน สถานที่ต่างๆ พอแตะปุ๊บ ข้อมูลก็ไหลเข้าสู่ระบบประมวลผลในสมองทันทีเพื่อลดข้อผิดพลาดในการส่งผ่านข้อมูลแบบอื่น เป็นต้น

    แค่เทคโนโลยีการสื่อสารนั้น ก็อยู่ที่เราจะเลือกมาใช้ ไม่มีสิ่งใดล้าสมัย หรือนำสมัย
    เทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่กำลังก้าวไปอนาคต ก็มีความเป็นจริงเท่ากับการก้าวไปให้ทันกับการสื่อสารในอดีตเช่นกัน

    แค่การเลือกรูปแบบในการสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยี ก็จะส่งผลกระทบโดยรวมเป็นวงกว้างไปสู่การพัฒนาจิตวิญญาณเช่นกัน

    ถ้าในที่ๆการติดต่อสื่อสารยังไม่รวดเร็ว การส่งถ่ายข้อมูลไปให้กันและกัน ก็จะเกิดความล่าช้า ไม่รวดเร็ว การส่งข้อมูลข่าวสารให้กันก็จะเป็นแค่วงแคบๆ รู้กันเฉพาะกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีความรู้ ความเชื่อ เฉพาะกลุ่ม ปริมาณข้อมูลที่แต่ละคนจะได้รับ และส่งถ่ายต่อกัน ก็จะไม่มากมายเท่าไหร่ ส่งผลให้ทางเลือกต่างๆ มีไม่มาก
    ภาพต่างๆ เช่น ภาพของความกลมเกลียว ความสามัคคี ภาพของความรุนแรง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่งผ่านต่อกัน ก็จะไม่มากมาย
    ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เกิดจากความรู้ ความเชื่อ ก็จะเป็นไปด้วยความล่าช้าเช่นกัน

    แต่ในทางกลับกัน การสื่อสารที่เราเลือกรูปแบบที่รวดเร็วมาใช้ ภาพเหตุการณ์ทั้งหลาย ก็จะมีมากมาย และส่งผลกระทบต่อความรู้ และความเชื่อในวงกว้างเช่นกัน ทุกอย่างจึงสามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็ว และเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน

    ดังนั้นการพัฒนาของจิตวิญญาณนั้น จะต้องล้ำหน้ากว่าเทคโนโลยี เพื่อที่เราจะใช้คำว่า เราคือผู้ใช้เทคโนโลยี ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเทคโนโลยีใช้ครับ
     
  11. bassate

    bassate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +601
    Wall-e เป็น animation ที่แสดงถึงอารมณ์ลุ่มลึกโดยแสดงผ่านทางหุ่นยนต์ 2 ชนิดที่ถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีสูงสุด กับ ต่ำสุด มันสะท้อนให้คนเราหันกลับมาใช้วิจารณญาณในการใช้ชีวิตได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะในเรื่องการแสดงความรักต่อกัน การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีอย่างลงตัวไม่หนักข้างใดข้างนึง จนกระทั่งทำอะไรไม่เป็นต้องพึ่งแต่เทคโนโลยีอย่างเดียว เรื่องนี้ดีมากๆเลยคับ ผมดูแล้วดูอีกหลายรอบมากๆ
     
  12. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    Wall-e จะไปหามาดูค่ะคุณมี้ด ;aa8
     
  13. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    สวัสดีค่ะ พี่นักเขียนและเพื่อนๆ

    ไม่ได้เข้ามาทักทายแต่ไม่ได้แปลว่าห่างหาย ยังคงอ่านและแอบนั่งหลังห้องอยู่เสมอมา ทึ่งกับข่าวที่พี่นักเขียนเอามาเล่า โดยเฉพาะเรื่อง CNN เหมือนในดลกภาพยนตร์ที่เราดูแล้วส่ายหน้า โม้อิบเลย แต่ดูเอาเถอะ ใช่อย่างในหนังทั้งนั้น

    มาตอบคำถามพี่นักเขียน
    การที่โลกผกผันไปเช่นนี้ มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?

    มันทำให้เราเชื่อนะคะ nothing impossible
    ทำให้ยิ่งเชื่อมั่นลึกลงไปอีกว่า ขณะที่เราดำเนินชีวิตตรงนี้ อนาคตก็ดำเนินไปพร้อมๆกันประหนึ่งคลื่นผ้าที่คลี่ตัวเลื่อนไหลไปในจังหวะเดียวกัน

    เมื่อคืนนี้ขณะที่กำลังจะหลับ นึกถึงเราในอีกมิติอนาคตที่กำลังดำเนินท่วงทำนองชีวิตเราไปก็อมยิ้มกับตัวเองว่า ไม่ว่าเราจะมีใครหรือไม่มีใคร เรายังคงมีเราที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสุข ความรักกับเราเสมอ นี่ละมังที่เขาเรียกว่า เราในเรา

    พูดถึงเรื่อง Wall E ตอนที่ดูก็บอกตัวเองว่ามันเป็นหนังที่ตลก มุ่งเน้นโชว์ความสามารถการสร้างภาพยนตร์อนิเมฯ
    แต่พอดูๆไป กลับพบว่าพล็อตเรื่องสนุกและมีความหมายเหลือเกิน เป็นการตอบคำถามเราว่า เราเกิดมาทำไม มีจุดมุ่งหมายอะไร มีความฝันอะไร แล้วในบรรดาความฝันมากมาย เราได้ทำไปกี่ชิ้นกี่อันแล้ว พอย้อนกลับมาดูตัวเอง เรายังไม่เคยทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เลยเพราะชีวิตต้องติดแหง็กกับสิ่งเดิมๆ เราก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณเราหายไป

    Wall E เป็นตัวแทนของการทำสิ่งเดิมๆซ้ำซาก ที่เรามักจะบ่นกับตัวเองเสมอว่า ชีวิตมีความหมายแค่นี้นะหรือ ทำงานเดิมๆ อยู่แบบเดิมๆ มีชีวิตเดิมๆ แต่เจ้าหุ่นตัวนี้กลับทำสิ่งเดิมๆเหล่านี้ให้ดีที่สุดในทุกวัน อย่างน้อยก็เท่าที่มันคิด แล้วในที่สุดสิ่งที่ใฝ่ฝันมีค่าก็มาถึงแม้จะ700ปีก็ตาม แต่นั่นก็แปลว่า ชีวิตมิได้สูยเปล่า หากมันจะสูญเปล่าก็ต่อเมื่อเราไม่ให้คุณค่าของมันต่างหาก

    ความหมายที่อยู่กับไร้ความหมาย
    คุณค่าที่อยู่กับการไร้คุณค่า
    ทั้งหมดอยู่ที่มุมมองชีวิตต่างหากละ
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    จินตนาการโลกอนาคตของคุณเซลล์อันนี้น่าสนใจนะครับ เรื่องการผสมผสานข้อมูลกับกลไกสมอง หรือไม่ทิ้งการควบคุมสิ่งของด้วยจิตแบบนี้ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างความล้ำหน้าของเทคโนโลยี่กับจิตวิญญาณลงไปเยอะครับ ยิ่งนำธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเข้ามาผสมผสานให้เกิดความสมดุลย์ควบคู่กันไป แบบนี้โลกอนาคตอาจล้ำไปด้วยการสื่อสารรูปแบบพิเศษ เช่น อาจมีการสื่อสารข้อมูลข้ามมิติเกิดขึ้น ทำให้จักรวาลนี้เล็กลงเรื่อยๆ คล้ายกับโลกใบนี้ที่กำลังเล็กลงจากการเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2008
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เรื่อง Wall-E มีแง่คิดและมุมมองที่ลึกซึ้งมีความหมายจริงๆครับ เห็นหลายคนถูกใจ
    เจ้าหุ่นตัวเอกนั้นได้แนวออกแบบมาจากหุ่น Johnny 5 (Short Circuit)
    ซึ่งเป็นภาพยนต์เก่าเรื่องหนึ่งครับ ซึ่งมีการต่อเนื่องของการออกแบบจากยุคแรกๆ
    จินตนาการของผู้ออกแบบคนแรกถ่ายทอดสู่นักออกแบบรุ่นต่อมาได้แนบเนียนน่าเอ็นดูจริงๆ
    เป็นตัวอย่างหนึ่งของข้อมูลความประทับใจที่ถ่ายทอดไปมาระหว่างเครือข่ายจิตวิญญาณด้วยกันครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    <IMG class=reflect title="" height=316 alt="Wall-e >> Johnny 5 by nuclear_sky." src="http://farm4.static.flickr.com/3292/2749372826_d79ebb5b67.jpg?v=0" width=500 onload=show_notes_initially();>[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2008
  16. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนได้ทิ้งคำถามไว้ว่า:
    การที่โลกผกผันไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งทำให้สิ่งที่เคยเป็นเพียงความฝันกลายเป็นความเป็นจริง มีความหมายและส่งผลกระทบต่อเรา ในนัยของการพัฒนาจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?

    พวกเราได้แสดงทัศนะ ที่มีความหมายหลากทิศทาง และให้ข้อคิดต่างมุมมากมาย
    พี่นักเขียนขอร่วมแสดงทัศนะด้วยอีกคนค่ะว่า
    พี่นักเขียนมีความเชื่ออย่างหมดใจตามคำสอนของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า

    เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง

    ความเชื่อนี้ทำให้พี่นักเขียนเชื่อต่อไปว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ปรากฏในชีวิตส่วนบุคคล สังคมและประเทศที่บุคคลนั้นๆดำเนินชีวิตอยู่ ล้วนเป็นภาพสะท้อนความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนกลุ่ม ส่วนสังคมทั้งสิ้น ไม่ว่าบุคคลหรือสังคมดังกล่าวจะ
    เผชิญกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี หรือ เผชิญกับปัญหาขยะมลพิษที่เกิดจากเทคโนโลยี
    เผชิญกับความก้าวหน้าของสังคม หรือ เผชิญกับความเสื่อมของสังคม
    เผชิญกับการผลิตและสร้างสรรค์พลังงานรูปแบบใหม่ๆ หรือ เผชิญกับความขาดแคลนของพลังงานและมลพิษของพลังงาน
    เผชิญกับความสามัคคีเพื่อสร้างสรรค์ประเทศไปในทิศทางใหม่ หรือ เผชิญกับ การแตกร้าวและการกล่าวโทษที่ทำให้ประเทศล่มสลาย
    เผชิญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ หรือ เผชิญกับการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
    เผชิญกับการนำเอาพลังงานมาใช้ในทางสร้างสรรค์ หรือเผชิญกับการนำเอาพลังงานมาใช้ในการทำลายล้าง ฯลฯ

    ทั้งหมดเป็นไปตามความเชื่อของเรา ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล
    แม้ว่าภาพและเหตุการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในโลก จะมีสองด้านเสมอ คือ มี แง่บวก-แง่ลบ
    แต่ทุกสิ่งที่ปรากฏก็ล้วนปรากฏตามความเชื่อของเราทั้งสิ้น

    เมื่อเราต้องดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ภาวะและเหตุการณ์ในแง่ลบทั้งหลายเหล่านั้น มันมักจะเป็นการยากที่เราจะตระหนักได้อย่างหมดใจว่า เราคือผู้สร้างประสบการณ์เหล่านั้นขึ้นมาด้วยความเชื่อของตนเอง เราจึงมักกล่าวโทษสิ่งอื่นๆที่อยู่นอกตัวตนของเรา และสิ่งเรามักกล่าวโทษมักเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด อันได้แก่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับภาวะที่เรากำลังเผชิญหรือเป็นไปเสมอ

    หากเรากำลังตกอยู่ในสังคมที่เผชิญกับขยะและมลพิษทางเทคโนโลยี
    เราก็มักจะกล่าวโทษสังคมผู้ผลิตเทคโนโลยี ซึ่งกำลังเพลิดเพลินและสนุกสนานกับการใช้เทคโนโลยีอย่างรุดหน้าว่า เป็นผู้สร้างผลิตผลที่กลายเป็นมลพิษ

    หากเรากำลังตกอยู่ในภาวะของสังคมที่เต็มไปด้วยความเสื่อม
    เราก็มักจะกล่าวโทษความก้าวหน้าของสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็วว่าเป็นต้นเหตุของความเสื่อมเหล่านั้น


    หากเรากำลังเผชิญความขาดแคลนของพลังงานและมลพิษของพลังงาน
    เราก็มักจะกล่าวโทษผู้ผลิตและสร้างสรรค์พลังงาน ผู้ใช้ทรัพยากรของโลกว่าเป็นผู้ที่ทำลายทรัพยากรของโลก หรือนำเอาทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้เกินควร

    ความเชื่อในแง่ลบที่ว่า: โลกจะถึงจุดจบ โลกจะหมดพลังงาน สังคมโลกจะถึงจุดที่ล่มสลาย เทคโนโลยีจะถึงทางตัน
    ความเชื่อในแง่บวกที่ว่า: โลกจะถึงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ก้าวไกลกว่าเดิม โลกจะมีพลังงานชนิดใหม่เกิดขึ้น สังคมโลกจะถึงจุดที่รุ่งโรจน์ เทคโนโลยีจะรุดหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

    ทั้งสองแง่ต่างก็เป็น"ความเชื่อ" ซึ่งจากจุดยืนและมุมมองหนึ่งๆ ในช่วงเวลาหนึ่งๆในชีวิตของเรา จะดูเสมือนว่า มันคือ "ความเป็นจริง" แต่ความเชื่อนั้นๆก็เป็นบันไดให้เราได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างได้ต่อไปไม่ มากก็น้อย

    หากเราเชื่อในความเป็นไปของโลกในแง่บวก
    เราก็จะเพียงรู้เห็นความเป็นไปของโลกในแง่ลบ
    เราจะไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความเป็นไปในแง่ลบเหล่านั้น

    แต่เราจะดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความเป็นไปในแง่บวก

    หากเราเชื่อในความเป็นไปของโลกในแง่ลบ
    เราก็จะเพียงรู้เห็นความเป็นไปของโลกในแง่บวก
    เราจะไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความเป็นไปในแง่บวกเหล่านั้น
    แต่เราจะดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความเป็นไปในแง่ลบ

    ความเชื่อทั้งสองแง่มุมปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริงตามความเชื่อของเราเสมอ ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่าโลกแห่งความเป็นจริง หรือโลกบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ มันก็คือโลกแห่งความเป็นจริง อันเป็นโลกส่วนรวมใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกปรากฏตามความเชื่อ - หรือถูกสร้างสรรค์ขึ้นตามความเชื่อ อันเป็นพลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณเสมอ ต่างกันตรงที่ว่า มันจะปรากฏให้เราเพียงได้รู้เห็น หรือ ปรากฏให้เราต้องดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางความเป็นไปเหล่านั้น

    สาระสำคัญสำหรับเราแต่ละคนคือ เมื่อเราเพียงแต่รู้เห็น เราได้เรียนรู้สิ่งใด และ
    เมื่อเราเผชิญกับมัน ดำเนินชีวิตท่ามกลางความเป็นไปนั้นๆ เราได้เรียนรู้สิ่งใด


    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า
    เราจะมีสุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์ ปลอดโรคได้ก็ต่อเมื่อเรามีความเชื่อในการมีสุขภาพดี
    แต่ถ้าหากเราเชื่อในโรคภัยไข้เจ็บ เชื่อในการรุกรานของเชื้อโรค เชื่อในพันธุกรรมที่ส่งทอดโรคภัยไข้เจ็บมาสู่ลูกหลาน เชื่อในความเสื่อม เชื่อในความไร้ความสามารถของร่างกายที่จะรักษาตนเอง เราก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ไม่ได้


    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปในระดับโลก ระดับประเทศ ระดับสังคม และระดับส่วนบุคคล
    ล้วนเกิดขึ้น ผันแปรและเป็นไป ด้วยความเชื่ออันเริ่มต้นจากความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งก่อตัวเป็นความเชื่อของสังคม ของประเทศ ของโลกในภาพรวม

    ภาวะทางกายภาพทั้งหลาย ทั้งแง่บวกและลบ ทั้งความเจริญและความเสื่อม
    ล้วนเป็นภาพสะท้อนของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ


    ภาวะทางกายภาพทั้งหลาย จึงเป็นภาพสะท้อนของจิตวิญญาณที่ขาดข้อมูล-ความรู้ที่แท้จริง
    หากเราตระหนักได้ในพลังอำนาจแห่งความเชื่อของตนเอง เราจะตระหนักได้ว่า
    การที่โลกผกผันไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
    ซึ่งทำให้สิ่งที่เคยเป็นเพียงความฝันกลายเป็นความเป็นจริง
    คือความหมายและผลกระทบอันเกิดจากการพัฒนาจิตวิญญาณโดยตรง -ไม่ใช่ในทางกลับกัน

    ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า การรุดหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี
    คือการพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็วของจิตวิญญาณ

    แต่หมายถึงว่า จิตวิญญาณจะพัฒนาต่อไปอย่างปราศจากจุดจบที่แท้จริง
    จิตวิญญาณจะแสวงหาประสบการณ์และเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
    (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2008
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Undo vs NEW

    พี่นักเขียนได้สัญญากับพวกเราไว้ว่าจะถ่ายภาพ FALL มาให้ชมกัน
    ปีนี้อากาศอุ่นและมีฝนตกมาตลอดจนกระทั่งเข้าฤดูใบไม้ร่วง
    ทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีช้า และพอเปลี่ยนสีได้เพียงสัปดาห์เดียว
    อากาศก็เย็นลงอย่างกระทันหัน อุณหภูมิลดลงข้ามคืนจากกลางวัน 20C เป็น -5C ในวันถัดไป ทำให้ใบไม้ร่วงอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีโอกาสถ่ายรูปเลยค่ะ

    บางวันที่ได้มีโอกาสขับรถผ่านถนนสายที่ต้นไม้สีสวยๆ ก็ลืมเอากล้องถ่ายรูปติดมือไป ทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า หากเราไม่ได้จดจ่อหรือมีสติพร้อมที่จะรู้เห็นบางสิ่งบางอย่างในชีวิต มันก็อาจจะผ่านไปอย่างรวดเร็วชั่วพริบตา ทำให้เราพลาดที่จะรู้เห็น เช่นเดียวกับใบไม้ที่ร่วงไปพร้อมกับสายลมทุกเสี้ยววินาที

    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในชั่วชีวิตของเรา ก็ไม่ได้ต่างไปจากฤดูกาลต่างๆ
    มันมาถึง-แล้วก็จากไป หากชั่วชีวิตหนึ่งๆของเราสั้นเพียงแค่ 4 ฤดู และฤดูสุดท้ายที่เราได้มีโอกาสมองดูโลกคือฤดูใบไม้ร่วงต่อฤดูหนาว เราก็อาจจะสรุปด้วยความเชื่อว่า โลกได้ก้าวขึ้นไปสู่ความเจริญสูงสุด(จากฤดูใบไม้ผลิไปสู่ฤดูร้อน)แล้วก็ก้าวลงไปสู่จุดจบในฤดูใบไม้ร่วง แต่ถ้าหากเรามีโอกาสดำเนินชีวิตต่อไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าและปีต่อๆไป เราก็จะพบว่า โลกไม่ได้หมดพลังงานหรือมุ่งไปสู่จุดจบ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีพลังงานใหม่ๆมาสู่โลกอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

    แม้ว่าเราจะไม่สามารถแก้ไขสิ่งต่างๆที่ดูเสมือนจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและ ผ่านพ้นไปแล้วในอดึต เช่นเดียวกับที่เราไม่อาจหยุด หรือย้อนเวลากลับไปก่อนหน้าที่ใบไม้จะร่วงในปีนี้ได้ ดังเช่นที่ลูกเกดกล่าวว่าเราไม่สามารถ Undo สิ่งต่างๆได้เช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถใช้เทคโนโลยีแก้ไขสิ่งที่เราทำผิดได้ แต่เราทุกคนเริ่มต้นใหม่หมดได้เสมอ เราสามารถ create New file ได้เสมอ ตามทางเลือกของเราแต่ละคน เช่นเดียวกับฤดูใบไม้ผลิ อันเป็นโอกาสที่ต้นไม้จะแตกใบ ผลิดอกออกผล และเบ่งบานในฤดูใหม่ปีใหม่ได้ดีไม่น้อยไปกว่าเดิม หรือดีขึ้น เจริญวัยขึ้นยิ่งไปกว่าเดิม

    หากต้นไม้พูดได้ มันคงจะบอกกับลูกเกดและพวกเราทุกคนว่า ให้ศรัทธาในธรรมชาติ ศรัทธาในชีวิตอันเป็นธรรมชาติ แม้บางช่วงของชีวิตอาจจะดูเหี่ยวเฉาเช่นเดียวกับ FALL แต่ชีวิตก็จะดำเนินต่อไป ผ่านฤดูหนาวอันแสนนาน แม้มันอาจจะหนาวเหน็บ แต่มันก็เต็มไปด้วยความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของฤดูหนาว และในที่ทสุด เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่วงโรยเหี่ยวเฉา จะกลับมาเบ่งบานและเขียวขจี สดชื่นมีชีวิตชีวาอีกครัั้งหนึ่ง และจะเบ่งบานต่อไปอีกยาวนานจนตลอดฤดูร้อน เราเพียงแต่จะต้องไม่ลืมที่จะจับตาดูและมองหาความสุขสดชื่นเหล่านั้นให้พบ เพราะมันจะปรากฏเป็นปัจจุบัน และอาจจะหายวับไปเพียงชั่วพริบตา แต่ถ้าหากเราจดจ่อกับมันได้นานพอ ปัจจุบันที่ดูเสมือนจะรวดเร็วเสมือนชั่วพริบตานั้น อาจจะยาวนานชั่วกัลปาวสาน(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_6034.jpg
      IMG_6034.jpg
      ขนาดไฟล์:
      257.9 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMG_6039.jpg
      IMG_6039.jpg
      ขนาดไฟล์:
      213.5 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMG_6045.jpg
      IMG_6045.jpg
      ขนาดไฟล์:
      250.3 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMG_6053.jpg
      IMG_6053.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.3 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_6058.jpg
      IMG_6058.jpg
      ขนาดไฟล์:
      296.7 KB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_6075.jpg
      IMG_6075.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180.5 KB
      เปิดดู:
      503
    • IMG_6133.jpg
      IMG_6133.jpg
      ขนาดไฟล์:
      136.8 KB
      เปิดดู:
      60
    • IMG_6106.jpg
      IMG_6106.jpg
      ขนาดไฟล์:
      253.6 KB
      เปิดดู:
      42
    • IMG_6068.jpg
      IMG_6068.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.5 KB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_6074.jpg
      IMG_6074.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.2 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_6079.jpg
      IMG_6079.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.7 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_6035.jpg
      IMG_6035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      193.1 KB
      เปิดดู:
      63
    • writer_s_heaven.jpg
      writer_s_heaven.jpg
      ขนาดไฟล์:
      388.3 KB
      เปิดดู:
      41
    • bk_yd.jpg
      bk_yd.jpg
      ขนาดไฟล์:
      519.5 KB
      เปิดดู:
      55
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2008
  18. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณข้อความดีๆจากพี่นักเขียนนะครับ

    อ่านแล้ว ได้กลิ่นไอความสดชื่นจากธรรมชาติเลยนะครับ

    สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากไหนไกลเลย แต่เป็นสิ่งที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากภายในจิตใจของเราเอง ที่สื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเราจดจ่อกับสิ่งใด

    คำว่าปริมาณ ความจำกัด การหมดไป ไม่ได้มีความหมายกับความจริงแท้ของจักรวาลเลยนะครับ

    ชอบประโยคนี้จังครับ

    เราเพียงแต่จะต้องไม่ลืมที่จะจับตาดูและมองหาความสุขสดชื่นเหล่านั้นให้พบ เพราะมันจะปรากฏเป็นปัจจุบัน และอาจจะหายวับไปเพียงชั่วพริบตา แต่ถ้าหากเราจดจ่อกับมันได้นานพอ ปัจจุบันที่ดูเสมือนจะรวดเร็วเสมือนชั่วพริบตานั้น อาจจะยาวนานชั่วกัลปาวสาน(rose)<!-- / message --><!-- attachments -->
     
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบพระคุณพี่นักเขียนมากๆค่ะ

    อ่านเรื่องราวที่พี่นักเขียนถ่ายทอดทีไร ได้แง่คิดอะไรใหม่ๆทุกครั้ง
    ขีวิตเรา undo ไม่ได้ แต่ restart ใหม่ได้ เมื่อระบบเริ่มรวน เหมือนคอมฯเหมือนกันนะคะ
    เหมือนกับที่ kindred เคยบอก เด็กๆลูกน้องว่า การทำงานที่ผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องแปลก
    ผิดได้ผิดไป จะพลาดซักกี่หนก็ได้ แต่ขออย่าให้ผิดซ้ำๆ ในเรื่องเดิมๆ
    เพราะมันแสดงถึงการไม่พัฒนาและย่ำอยู่บนเส้นทางเดิมๆที่วกวน ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆขึ้นมา

    และขอให้มองสิ่งที่ผิดพลาดนั้นๆว่ามันเป็นข้อมูล ที่เราจะนำมาใช้ ในการแก้ไขสิ่งต่างๆ
    มากกว่าที่จะจมอยู่กับการสำนึกผิด แล้วโทษตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนท้อถอยและดูถูกตัวเองไปเลย

    การดำเนินชีวิตก็น่าจะใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน ว่าไหมค่ะ
    เพราะเราต่างก็มีภาระและหน้าที่ ในการมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนี้
    และจะสร้างสรรค์ให้ชีวิตเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่เราเพียงผู้เดียว หาใช่สิ่งอื่นไม่
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    ขอบคุณพี่นักเขียนฯที่ถ่ายรูปมาฝากด้วยครับ (เจ้าลูกสีแดงๆนี่สดใสมากๆ)
    ภาพแต่ละภาพสะท้อนความสดชื่น มีชีวิตชีวา ผลิดอกออกผลอย่างไม่มีวันสิ้นสุดนะครับ
    เค้าสร้างสรรค์ดอกผลได้ทุกๆฤดู มีเมล็ดพันธ์ใหม่เกิดขึ้นทุกๆขณะเหมือนที่พี่นักเขียนฯพูดถึงพัฒนาการของจิตวิญญาณไว้เลยครับ..

    จิตวิญญาณจะพัฒนาต่อไปอย่างปราศจากจุดจบที่แท้จริง
    จิตวิญญาณจะแสวงหาประสบการณ์และเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด(rose)

    เป็นความจริงแท้ของจิตวิญญาณอันเป็นธรรมชาตินะครับ ทุกๆเซลล์รู้หน้าที่ในตนเอง..ไม่ว่าความเชื่อจะสร้างสรรค์ไปในทิศทางใด เซลล์ก็ตอบสนองความเชื่อนั้นอย่างเต็มที่ แรงดึงดูดจะนำสภาวะนั้นๆมาให้เราอยู่เสมอ..ถ้าเราเข้าใจและรู้จักการใช้กฎของจักรวาลข้อนี้อย่างถูกต้อง ชีวิตเราจะสร้างสรรค์ทิศทางใหม่ได้เสมอจริงๆครับ
    + create New file ได้เสมอ +
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...