เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เพิ่งบ่นได้สองสามวันเองว่างานเข้า พอมาวันนี้งานไม่มีเสียแล้ว ไม่มีกรุ๊ปทัวร์เข้าเลย ฮ่าๆๆๆ ดี ๆ ได้พักผ่อนจริง ๆเสียที

    ธรรมดาชอบจดบันทึกความฝันไว้เป็นประจำ พอมาเข้าโรงพยาบาลก็หยุดไป พอออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ ก็คงยังไม่ได้บันทึก เพราะมันเมายามากสมองเบลอ ทำให้จำความฝันไม่ได้ พอมาตอนนี้ปรากฏว่าความจำกลับเหมือนเดิมจึงได้เริ่มบันทึกต่อ แต่คราวนี้แปลกเพราะพอจะตีความฝันตัวเองได้บ้างดีกว่าเดิม และเมื่อได้กลับไปดูของเก่าที่เราได้เคยบันทึกไว้ บางความฝันที่เราไม่เข้าใจและไม่สามารถตีความได้ เลยไม่ได้ตีความไว้พอมาดูคราวนี้กลับมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ทำให้รู้ว่าความฝันที่มาในรูปอุปมาอุปมัยนั้นมีความซับซ้อนในการตีความมาก และไม่สามารถให้ใครหรือหนังสือเล่มไหนตีความได้นอกจากตนเองเท่านั้น เพราะสัญลักษณ์ที่ปรากฏในฝันเป้นสัญลักษณ์เฉพาะคน ๆ หนึ่งเท่านั้นเพราะแต่ละคนย่อมมีชุดสัญลักษณ์ที่ใช้ทดแทนความรู้สึกแตกต่างกันไป ความฝันสั้น ๆ กลับสามารถสอนเราได้หลายชั้นทีเดียว ยิ่งอ่านความฝันที่เราเคยบันทึกไว้มากขึ้นกลับยิ่งมองเห็นอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดเราที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจนจากตัวหนังสือที่ได้แรเงาไว้ ทำให้รู้ว่าช่วงนั้นสภาวะจิตของเราเป้นอย่างไร และในบางความฝันยังบอกถึงปัญหาและการชี้แนะไว้ด้วย(ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ และคิดแต่ว่าฝันอะไร) ซึ่งถ้าคนที่ไม่ได้สังเกตุหรือมีความรู้เกี่ยวกับการตีความทางความฝัน จะดูหรือแปลไม่ออกทีเดียว เพราะคิดว่าฝันนั้น ๆ แปลกและไม่มีความหมาย

    อาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมาเกือบทุกวัน (เว้นวันเดียว) จินตวดีนั้นฝันเห็นแต่ตัวเองกำลังหนีอะไรสักอย่างด้วยความกลัว ยิ่งเราหนีเขาก็ยิ่งตามจนเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ จินตวดีก็มานั่งคิดว่า "เรานี่ติดอยู่แค่ความกลัว กลัวอะไร ถ้ายังกลัวอยู่เราก้จะก้าวข้ามมันไม่ได้สักที เราคงต้องทรมานกับความกลัว และคงต้องหนีตลอดไปอย่างความฝัน" พอคิดได้ ฝันล่าสุดคือ จินตวดีหยุดหลบที่บ้านหลังหนึ่ง เขาตามมาคุยกับคนที่อยู่ในบ้านจินตวดีตามออกมาในฝันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างคนต่างทำงานกันไป จิตเราต่างหากที่สร้างความกลัวขึ้นมาเองซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ใด ๆ กับตัวเราเลย คำของคุณนักเขียนผุดขึ้นมาในใจ "เรามีสิทธิที่จะเลือกเสื้อที่เหมาะสมกั้บตัวเราที่สุดได้เสมอ ถ้าในร้านไม่มีแบบที่เหมาะกับเรา แต่เราก็สามารถสั่งตัดชุดที่เราต้องการได้เสมอ"(คำใกล้เคียงกันที่คุณนักเขียนเคยฝันให้จินตวดีครั้งที่สอง) เลยถามตัวเองว่า ถ้าชุดที่เราเลือกเราลองแล้วมันไม่เหมาะสมกับตัวเรา เราย่อมมีสิทธิจะเปลี่ยนมันทุกเมื่อที่เราต้องการ เพราะตัวเราย่อมมีอิสระในการเลือกเสมอ ใช่ไหมค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2008
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จินตวดีหายไปนาน อาจารย์สามเหลี่ยมคงสบายดี จินตวดีความมั่นใจยังเหมือนเดิมค่ะ แต่ความคิดกับไม่คงที่เหมือนเดิมเพราะมันเปลี่ยนไปตามสภาพตามสภาวะเรื่อย ๆ ค่ะ หนูยังเป็นเด็กนักเรียน (ตัวน้อย ๆ จริงๆ นะเพราะตัวจริงตัวนิดเดียว) ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เพราะมันมีอะไรมากมายให้เรียนรู้อย่างไม่มีวันจบสิ้น คงได้ขอคำแนะนำจากอาจารย์บ้างแหละค่ะ

    ว่าแต่ปีใหม่นี้ไปฉลองปีใหม่ที่ไหนหรือคะ ฝากความระลึกถึงให้มาดามด้วยค่ะ ;aa14 ฮิฮิๆๆๆๆๆๆ
     
  3. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ขอย้อนกลับสู่ฮินามิซาว่าอีกครั้ง คืออยากจะแชร์สิ่งที่ได้หลังจากอ่านแล้วให้อ่านกัน สิ่งที่ได้คือความเชื่อของตนเองที่ส่งผลการรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว (มี spoil นะ)

    ในบทปีศาจลักซ่อนเมื่อตัวเอก เคอิจิ มาเอบาระ ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหมู่บ้าน เกี่ยวกับประวัติของเพื่อนแต่ละคน ความคิดความเชื่อที่มีต่อเพื่อนๆ ก็เปลี่ยนไป ระแวงมากขึ้น หวาดหวั่นมากขึ้น

    ทำให้เห็นภาพเพื่อนเป็นดังนี้

    [​IMG]

    ดูเห็นเพื่อนเป็นคนโหดๆ

    แต่ในบทไถ่บาปซึ่งเป็นบทเฉลยของบทปีศาจลักซ่อนนี้ เคอิจิ ได้สามารถระลึกรู้ถึงการกระทำของตัวเองในเส้นทางแห่งเป็นไปได้เส้นทางหนึ่ง(ยืมศัพท์นี้มาหน่อยเพื่อให้เห็นภาพขึ้น เพราะว่าบทแต่ละบทก็คือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้คนละเส้นทางกัน) ซึ่งก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในบทปีศาจลักซ่อน

    [​IMG]

    ทำให้เคอิจิ เห็นภาพความเป็นจริงของเส้นทางนั้นโดยไม่ถูกบิดเบือนจากความเชื่อของตัวเองในเส้นทางนั้น ในภาพแรกที่เห็นนั้น ในภาพแห่งความเป็นจริงที่ไม่ถูกบิดเบือนแล้วจะเป็นอย่างนี้

    [​IMG]

    จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลย เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนที่ปกติดีทุกอย่าง มีแต่ในใจเคอิจิที่บิดเบี้ยวไป ภาพที่เห็นในการ์ตูนเป็นภาพที่สะท้อนสิ่งที่เคอิจิเห็น เรา(คนอ่าน) จึงเห็นตามนั้นไปด้วย (จะเรียกว่าโดนหลอกจะดีหรือเปล่านะ)

    ลองมานึกดูแล้ว ที่เราเจอกันจริงๆ เราก็คงจะมีภาพคนอื่นในใจเหมือนอย่างนี้เหมือนกัน เราเห็นคนคนนึงทำพฤติกรรมซักอย่าง หรือรับรู้พฤติกรรมของใครซักคน เราก็จะนึกภาพของคนคนนั้นขึ้นมา และเอาภาพนั้นสวมทับเข้าไป เช่นเห็นหัวหน้าเราจู้จี้เรื่องงาน เราก็อาจจะสร้างภาพว่าหัวหน้าเป็นคนเรื่องมากก็ได้ หรืออาจจะอย่างอื่นแล้วแต่ว่าจะสร้างภาพไหนกันมา

    ทำให้เรามักเจอเหตุการณ์ที่ว่าเรานึกว่าเค้าเป็นอย่างนั้นต้องทำอย่างนั้นไม่ได้แน่ แต่พอเห็นว่าเค้าทำได้เราก็ประหลาดใจ ก็เพราะว่าเราเอาความเชื่อของเราไปสวมทับตัวเค้าไปแล้ว ทำให้เราเห็น/คิด ว่าเค้าเป็นอย่างที่เราเชื่อ

    นอกจากนั้นในบทไถ่บาป เราจะเห็นตัวละครนึงที่ชื่อว่าเรนะเป็นอย่างที่เคอิจิเป็นอย่างในบทปึศาจลักซ่อน เพื่อว่าเราจะได้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ความเชื่อที่ผิดๆ จะทำให้มองโลกผิดเพี้ยนไปอย่างไร และการพยายามจับโยงเรื่องต่างๆ เข้ากับความเชื่อที่ผิดๆ นั้นจะเป็นอย่างไร

    เช่นในตอนที่มีคนตามตัวเรนะอยู่ มิอง ก็ได้วางแผนไว้ว่าจะปล่อยข่าวลวงเพื่อหลอกล่อให้คนพวกนั้นไปทางอื่น

    [​IMG]

    แต่เมื่อเรนะที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินคนที่ตามตัวเรนะคุยกันว่ามีคนเห็นเรนะที่อื่นจึงพยายามเชื่อมโยงเรื่องนี้กับความเชื่อของตัวเอง

    [​IMG]

    เรนะที่เชื่อว่ามีคนวางแผนจะปล่อยปรสิตออกมา และตัวเองก็ติดปรสิตนั้น และจากหนังสือที่เรนะเชื่อเขียนไว้ว่าปรสิตนั้นมีความสามารถที่จะก๊อปปี้คนที่ติดเชื้อได้ และเมื่อได้ยินเรื่องที่ว่าเห็นตัวเองในที่อื่น ทำให้เชื่อเรื่องนี้ขึ้นไปอีก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใ่ช่ปรสิตอะไรหรอก เป็นแค่ข่าวล่วงที่มิองปล่อยออกมาเท่านั้น

    การที่เราพยายามโยงเรื่องราวต่างๆ ตามความเชื่อของเราเอง เราก็สร้างโลกขึ้นมาด้วยความเชื่อของเราเอง เรนะหวาดกลัวปรสิตด้วยความเชื่อของตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีปรสิตอะไรนั่นเลย หวาดระแวงว่าคนอื่นจะทำร้ายด้วยความเชื่อของตัวเอง

    ความรู้สึกนั้นเป็นของจริง แต่มันเกิดขึ้นด้วยความเชื่อของตัวเอง เธอจึงสร้างโลกแห่งความจริง(ทางอารมณ์ความรู้สึก) ด้วยความเชื่อของตัวเอง

    เราล่ะเคยเป็นอย่างนี้มั้ย?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    อืมม์...สะกิดใจตรงนี้เหมือนกัน

    บางที การที่เราคิดว่าเรารู้จักใคร สักคนหนึ่งเป็นอย่างดี เช่น เพื่อนสนิท คนรัก พี่น้อง
    กลุ่มคนเหล่านี้ ถือว่า ใกล้ชิดกับเราเป็นอย่างมาก แต่บางที เค้ากลับทำในสิ่งที่เรานึกไม่ถึง
    เพราะความเชื่อที่เราแปะ บุคคลิกภาพ นิสัยใจคอเค้าไว้ ทำให้เราเชื่อว่าเค้าต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้
    เค้าจะไม่มีทางทำแบบนั้น แบบนี้ได้ แต่พอเค้าผิดไปจากสิ่งที่เราคิดไว้ เราก็ได้แต่อึ้ง ไม่เข้าใจ
    แล้วถ้าคนที่เรารู้จักเพียงผิวเผินล่ะ โดยเฉพาะบางคนที่ยังไม่เคยพบตัวจริงกันเลย
    เรามีเพียงข้อมูลที่เคยได้รับมาเท่านั้น จะยิ่งไม่เพี้ยนไปกันใหญ่เหรอค่ะ

    เพราะแบบนี้หรือเปล่า การที่เราจะตัดสินว่าใครเป็นอย่างไรนั้น แทบจะทำไม่ได้เลย
    แต่ก็ด้วยความเชื่อของเราเองนี่แหล่ะ ที่มันชอบประมวลผล
    จากข้อมูลที่ได้รับมาจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 และบ่อยครั้งมันก็ตัดสินผิด
    สิ่งเหล่านี้ ส่งผลกระทบไปยังความรู้สึกเราด้วย แล้วบางทีมันคิดและตัดสินไปแล้วด้วย
    เช่น บางที พบเจอ คนๆหนึ่ง ดูแข็งๆ พูดจาแรงๆ ดุๆ ไม่นิ่มนวล
    เราก็เริ่มรู้สึกเชื่อตามสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน แต่จริงๆเค้าอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้

    เดรดเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้น่าจะเกิดกับทุกคน แล้วทำให้เราสับสน และตัดสินใจอะไรบางอย่าพลาดไป
    เป็นเพราะ เราไม่ยอมแสดงตัวตนที่แท้จริงของเราออกมาหรือเปล่า?
    เพราะเรา พยายามจะเป็นแบบใดแบบหนึ่ง จึงแสดงภาพลักษณ์แบบนั้นออกมา หรือเปล่า?
    และพอมันไม่ใช่ความรู้สึก อารมณ์ และจินตนาการจริงๆ ที่เราเป็น ผลลัพท์มันเลยเปลี่ยน
    หรือเป็นเพราะเรา ไม่มีสัจจะกับตัวเอง และ ไม่มีกับผู้อื่นด้วย หรือเปล่า...???

    คนบางคน มองเรื่องบางเรื่องต่างกัน
    คนบางคน เห็นสิ่งเดียวกัน แต่รู้สึกต่างกัน


    เพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรกันบ้างคะ...ในเรื่องนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2008
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ประเด็นนี้น่าสนใจดีค่ะ..
    เรื่องบางเรื่องสถานการณ์เดียวกันสถานที่เดียวกันแต่ทำไมความรู้สึกของแต่ละคนถึงไม่เหมือนกันก็ไม่รู้ เช่น บางคนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่บางคนกลับมีอาการทางกายเกิดขึ้น เช่น คลื่นไส้อาเจียน, ปวดแสบปวดร้อน, เจ็บแปล๊บตามร่างกาย, กล้ามเนื้อเต้น, ความรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกหรืออาการขนลุกขนพอง อาการเหล่านี้เกิดจากความเชื่อที่ผิดรึปล่าว? รึเกิดจากปัจจัยใดกันแน่คะพี่นักเขียน

    สองวันก่อนมีความรู้สึกคิดถึงพี่นักเขียนขึ้นมา แล้วก็รู้สึกหนัก ๆ ที่หน้าผากแต่ไม่สามารถแปลความหมายได้ค่ะ..
    :z8:z8:z8
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เกี่ยวกับเรื่องประมาณนี้ เคยมีเพื่อนบอกว่าเค้าอยากจะให้คนเห็นด้านไม่ดีของเค้าก่อน เพราะว่าคนเรานั้นมันก็มีด้านดีด้านไมดีอยู่แล้ว ถ้าเห็นด้านดีก่อนแล้วมาเห็นด้านไม่ดีทีหลัง จะรู้สึกผิดหวังในตัวเค้า แต่กลับกันถ้าเห็นด้านไม่ดีก่อนแล้วมาเห็นด้านดีทีหลัง จะทำให้รู้สึกประหลาดใจว่าเอ้อ ไอ้นี่มันก็เป็นคนดีกะเค้าเหมือนกัน

    ผลลัพธ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันต่างกัน


    ความรู้สึกของแต่ละคนเกี่ยวกับเรื่องๆ นึงที่ต่างกัน คงเป็นเพราะว่าเค้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากน้อยแค่ไหน ยังไงด้วย และจะประมวลเรื่องที่รับรู้นั้นไปทางด้านไหน
     
  7. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    พูดถึงเรื่องนี้แล้ว มันก็จริงที่เราไม่สามารถตัดสินใครได้จากลักษณะภายนอก อย่างของจินตวดีเองตั้งแต่เด็กมาแล้ว เวลาต้องย้ายห้องเรียนใหม่ก็พยายามนั่งใกล้ๆกับกลุ่มที่ดูเหมือนเด็กเรียน แถวหน้า ๆ แต่พอคบไปแล้วกลับคบว่า ทุกอย่างกลับไม่เป้นอย่างที่คิด แต่กับเพื่อนบางคนที่พอแรกเห็นก็คิดว่า แต่งตัวเปรี้ยวและดูเกเรขนาดนี้ต้องนิสัยไม่ดีแน่ แต่พอเวลาผ่านไปกลับประทับใจในความเอื้ออาทร ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนในที่สุดจินตวดีก็เปลี่ยนกลุ่มเพื่อนมาเป็นกลุ่มหลังแทน จนได้รับการประนามว่าเป็น "เด็กเกเร" แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังเด็กเกเรอย่างนี้ มีสิ่งดี ๆ หลบซ่อนอยู่มากมาย พอคิดถึงเรื่องในครั้งเยาวัยมันทำให้คิดได้ว่า "ทุกสรรพสิ่งในโลกย่อมมีสองขั้วที่แตกต่างกันให้เห็นเสมอ เพื่อความสมดุลย์ในการเรียนรู้นั้น ๆ"

    งานนี้ได้พักงานยาวเลย (นานเกินไปอ๊ะเป่าเนี่ย) ตอนนี้หมาห้าตัวที่บ้านเริ่มปรับสภาพได้ตามเจ้าของ เพราะมันเริ่มกินผัก (จินตวดีเพิ่งเริ่มทานมังสวิรัติ อาหารเพื่อสุขภาพโดยทานอาทิตย์ละสองวันฝึกเอาไว้ตอนนี้กำลังเริ่มปลูกผักกินได้ที่บ้านหลายอย่างทีเดียว ประหยัดดีด้วย) เหมือนเจ้าของ เราก็เลยเพิ่งจะรู้ หมามันกินผักได้หลายชนิดเหมือนกันแฮะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2008
  8. brotherpray

    brotherpray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +177
    หนังสือ ของอาจารย์ อนาลัย เปลี่ยนความเชื่อผมไปเป็นอย่างมาก

    แต่ผมขอสารภาพอย่างหนึ่ง ผม "กลัวผี" ถึงจะไม่เคยเห็น

    ไม่รู้ว่าถ้าเจอจริงๆ จะเป็นอย่างไร
     
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เรื่องจริงของความเชื่อ

    มีครอบครัวหนึ่งมีลูกสาว บิดาเสียชีวิต ผู้เป็นมารดาได้เลี้ยงลูกสาวด้วยความรักและใส่ใจ แม้ลูกสาวจะดื้อไปบ้างแต่มารดาก้ยังรักและห่วงใยเสมอ ต่อมาผู้เป็นมารดาได้แต่งงานใหม่กับนายทหารท่านหนึ่ง ซึ่งมีประวัติเจ้าชู้พอสมควร ไม่นานก็มีผู้หวังดีโทรมาแจ้งให้ทราบว่าสามีใหม่ของเธอไปติดผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอก็พยายามสืบหาผู้หญิงคนใหม่นั้นทุกวิถีทาง จนกระทั่งวันหนึ่งบรรดาญาติ ๆของเธอได้มาแนะนำให้เธอไปหาหมอเข้าทรงคนหนึ่งโดยบรรยายสรรพคุณซะดิบดีว่าเก่งอย่างนั้น อย่างนี้ จนน่าเชื่อถือ เธอจึงได้เดินทางไปกับญาติมิตรกลุ่มนั้นเพื่อไปขอคำแนะนำ หลังจากกลับมาจากสำนักเข้าทรงแล้วเธอได้เรียกลูกสาวเข้าไปในห้องนอนพร้อมเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า "แม่มีอะไรจะถามหนู หนูจะบอกความจริงกับแม่ได้ไหมสัญญาได้ไหมว่าจะพูดความจริง" ผู้เป็นลูกสาวเอ่ยว่า "ได้สิแม่" ผู้เป็นมารดาได้เล่าว่า ที่สำนักเข้าทรงแห่งนั้น ได้นั่งทางในแล้วบอกเธอว่า แฟนใหม่ของพ่อเลี้ยงนั้นไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็นคนที่อยู่ในบ้านอีกคนนั่นเอง ซึ่งก็ไม่มีใครนอกจากตัวลูกสาวที่ขณะนั้นอายุยี่สีบสามปี (ทำงานแล้ว) พร้อมกับเอ่ยอย่างหวาดระแวงว่าไม่น่าพ่อเลี้ยงของเธอจึงชอบกลับบ้านเร็ว จริง ๆแล้ว ตัวลูกสาวรู้อยู่แก่ใจว่าที่พ่อเลี้ยงตัวเองชอบกลับบ้านเร็วเป็นเพราะแอบมากินเหล้าน่ะเอง ไม่ใช่เรื่องอื่นใดเลย ตัวลูกสาวพยายามอธิบายพร้อมกับชวนแม่ให้พาไปที่สำนักแห่งนั้นอีกครั้ง (ลูกสาวต้องการไปพะบู๊คนทรง) แต่น่าเสียดายคนเป้นมารดาได้แต่ปฏิเสธพร้อมย้ำอย่างเดียวว่า "เจ้าที่นั่นเขาเก่งมาก ล่วงรู้ทุกอย่าง ไม่เคยทำนายผิด"
    แม้ลูกสาวจะร้องไห้ สาบานอย่างไรก็ไม่ได้ผล จนคนเป็นลูกสาวได้ตอกย้ำถึงคำว่าลูกไม่มีวันทำกับแม่แบบนี้ได้หรอก คนเป็นแม่ถึงกับหลุดปากออกมาว่า"เจ้าบอกว่าเธอไม่ใช่ลูก แต่มีคนเอามาให้ พร้อมกับเล่าความฝันตอนตั้งท้องว่า ฝันว่ามีพราห์มชุดขาวจูงเด็กหัวจุกมาให้พร้อมบอกว่าฝากเลี้ยงนะ" ในที่สุดเด็กสาวต้องเก้บกระเป๋าออกจากบ้านไปอยู่หอพักด้านนอกอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก้ตามในปัจจุบันแม่ลูกคู่นี้ก็กลับมารักกันเหมือนเดิม เพราะคนเป็นลูกซูเปอร์อดทน รอให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และก็ได้พิสูจน์แล้วว่า "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"

    เรื่องข้างบนนี้มิได้มีเจตนาจะก่อให้เกิดความสลดหดหู่แต่อย่างใด เพียงแต่นำมาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการเรียนรู้ บางครั้งความเชื่อทีผิดก็นำความทุกข์และความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตได้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  10. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เหตุการณ์อย่างเรื่องนั้น ผมให้คำนิยามว่าเป็นปรากฏการณ์ฮินามิซาว่าครับ อิอิ
     
  11. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สองขั้วที่แตกต่างในอู่ตะเภา

    ในสถานการณ์อย่างนี้มีเกร็ดเล็ก ๆน้อย ๆที่น่าชื่นใจมาเล่าให้ฟังกัน ท่ามกลางนักท่องเที่ยวมากมายที่อู่ตะเภาที่ต่างก็นั่งรอเครื่องกลับประเทศ หลายท่านเงินเริ่มร่อยหรอ จึงยึดพื่นที่บริเวณอู่ตะเภากินอยู่หลับนอน ร้านอาหารบริเวณนั้นถือโอกาสขายของกันอย่างราคาแพง โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนที่มีเงินจำกัด ในขณะที่เหลียวมองไปอีกฟากหนึ่ง กลับเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังแจกน้ำ และ อาหารฟรีให้กับนักท่องเทียวพร้อมนำการแสดงไปแสดงให้แขกชมฟรีเป็นการลดความเครียดในสภาวการ์ณแบบนี้ จินตวดีกำลังชื่นชม และซาบซึ้งกับคนกลุ่มนี้พอดี กลับเสียอารมณ์เพราะได้ยินคนข้างหลังกำลังคุยโทรศัพท์ ใจความว่า "เฮ้ย ตอนนี้นักท่องเที่ยวติดค้างที่อู่ตะเภาเต็มเลย โดยเฉพาะอาหารกับน้ำกำลังขาด รีบไปหาซื้อน้ำกับทำอาหารมาเยอะ ๆ เลย" ไอ้เราก็นึกว่าจะนำมาแจกนักท่องเที่ยวฟรี ที่ไหนได้เพราะคำพูดต่อมาว่า "ถ้าเอามาขายตอนนี้ต้องได้เงินดีแน่ ๆ เพราะแพงเท่าไร มันก็ต้องซื้อ ตอนนี้ยังไงก็ต้องโกยกันไว้ก่อน" ฟังแล้วเสียอารมณ์ไหมล่ะ

    จินตวดีเลยหันกลับไปมองกลุ่มที่เขาแจกน้ำอาหารฟรีกันอีกครั้ง (เชื่อไหม ว่าแย่งกันเอาจนหมดในพริบตา) พร้อมคิดว่าอยากจะช่วยหาของที่ทานได้โดยเฉพาะน้ำและอาหารไปช่วยพวกเขาเหมือนกันให้โลกรู้ว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สยามเมืองยิ้มอย่างไทยเรา ไม่ขาดไร้น้ำใจอย่างแน่นอน"

     
  12. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    อ่านเรื่องนี้แล้ว ทำให้เดรดนึกถึงเรื่องบางอย่าง

    เคยมีเพื่อนสนิทสองคน เค้ามีปัญหากัน ต่างฝ่ายต่างโทรมาปรึกษา เล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง
    เราฟังของคนแรกก่อน ก็เออออห่อหมก ไปกับเค้า พอคนที่สองโทรมาเราก็เออออไปอีก
    แต่พอเอาเรื่องมาเปรียบเทียบ โห...คนละเวอร์ชั่นเลยค่ะ เพื่อนเดรดทั้งสองคนไม่ได้โกหก หรือปรักปรำกันนะคะ
    แต่เค้าเล่าในส่วนที่เค้าเป็นฝ่ายถูก ที่ตัวผิดไม่เล่า ข้ามไปเลย

    ตอนแรกๆ เดรดก็ฟัง ก็พูดไกล่เกลี่ยไป หลังๆ ชักไม่แน่ใจว่า ทั้งสองคนก็อยู่ที่ทำงานเดียวกัน(เป็นแฟนเก่ากันด้วยล่ะ)
    ทำไมไม่หันหน้าเข้าหากันแล้วคุยกันแบบเปิดใจไปเลย เค้าไม่ยอมเผชิญหน้ากัน ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
    เหมือนมาถามผ่านเรา ตอนหลังเวลาเค้าโทรมาปรึกษาอีก แล้วมักจะถามว่าเดรดว่า ".......เธอว่าไง ?"
    เดรดเลยบอกไปตรงๆว่า เดรดไม่รู้จะบอกไงดี เพราะข้อมูลที่ให้มา ไม่ได้ตรงกันเลย ฟังคนไหนคนนั้นก็ถูกไปหมด

    เรื่องนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของ การแปะความเชื่อ ทั้งสองคนมีความเชื่อต่างกัน ความคิดเห็นต่างกัน
    เลยเกิดปัญหา แต่กลับมีความเชื่อส่วนตัวเหมือนกันคือ คิดเอาเอง แล้วพิจารณาจากการกระทำของอีกฝ่าย
    ว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วสรุปเอาเอง โดยให้เหตุผลอ้างว่า คนๆนั้นเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

    ถ้าเราสงสัยอะไร เราควรถาม ควรหาข้อมูลก่อน ไม่ใช่วิเคราะห์และตัดสินไปเลยว่าคนๆนั้น เป็นแบบนี้
    แล้วด้วยอคติที่มีอยู่แล้วเป็นทุน ก็จะทำให้เราจ้องจับผิดอีกฝ่าย เพื่อจะมายืนยัน ความเชื่อของเรานั้น ว่าถูกต้อง

    เดรดในฐานะคนกลาง ไม่สามารถตัดสินอะไร หรือเข้าข้างใครได้ เพราะด้วยความเป็นเพื่อนด้วย
    และข้อมูลก็ต่างเวอร์ชั่นกัน เหมือนคนละเรื่อง เหมือนกับเวลาเรารับฟังอะไรมา แล้วไม่พิจารณาให้ดี อคตินำหน้า
    เราพลาดแล้วละค่ะ พลาดข้อมูลที่แท้จริง แถมทำตัวให้แคบด้วย โดยไม่เปิดใจรับฟัง
    แล้วตัดสินทุกอย่างไปตามความเชื่อส่วนตัว ก่อให้เกิดผลเสียหาย อย่างกรณีเพื่อนๆของเดรดนี่แหล่ะค่ะ
    ผลลัพท์ ออกมา ไม่สวยเลย

    ดีนะที่ไม่เข้าข้างใคร ถ้าเอนไปข้างใดข้างหนึ่งละก็
    จะโดนว่าเป็นคนหูเบา ได้ไหมค่ะเพื่อนๆ...

    เห็นกระทู้เงียบๆ เลยมาบ่นให้ฟัง....นึกเสียว่า คั่นโฆษณา แล้วกันนะคะ..อิอิ
     
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]
    ;aa36
    ปรากฎการณ์พระจันทร์ยิ้มเมื่อคืนนี้ได้สร้างรอยยิ้มให้กับคนทั่วโลกเลยนะครับ
    เหมือนกับธรรมชาติมาปลอบใจแสดงความรู้สึกที่ดีและให้กำลังใจหลายๆคนที่เผชิญกับปัญหาในขณะนี้
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองที่กำลังเข้มข้น-ตลอดจนถึงภัยหนาวหรือน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่
    หลายๆคนเห็นแล้วพากันอมยิ้มชื่นใจ โทรศัพท์มาบอกและพากันออกมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

    ภาพที่ปรากฎก็ยังทำให้หลายๆคนคิดไปถึงความหมายที่เห็นและตีความไปต่างๆนานาครับ
    บางคนก็บอกว่าพระจันทร์กำลังหัวเราะเยาะเย้ย บางคนก็บอกว่าพระจันทร์ส่งยิ้มซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีมาก
    หลายคนพากันอฐิษฐานขอพรเรื่องการงาน-ความรัก โหรฯก็บอกว่าดาวพฤหัสอยู่ใกล้โลกทำให้น้ำท่วมสูง
    ก็ว่ากันไปหลายมุมมองอันสะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์และความเชื่อของมนุษย์หลากหลายมิติมาก
    แต่ยังไงความรู้สึกที่ดีย่อม ก็ทำให้เรายิ้มออกมาได้เสมอนะครับ ยิ้มให้กันเอาไว้

    ตัวพระจันทร์เองถ้าเข้าไปดูใกล้ๆก็มีหลุมบ่อขรุขระไปหมด..
    แต่จากบทกวีมักมองพระจันทร์อย่างสวยงามและเป็นอมตะอยู่เสมอ..
    จะเห็นได้เลยว่าทุกเรื่องราวเหตุการณ์มันอยู่ที่เราสะท้อนภาพออกมาอย่างไรมากกว่านะครับ

    [​IMG]

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.458058/[/music]
    <LEGEND></LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><LEGEND></LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD> XYZ - ฝากดาว.mp3 (2.88 MB, 181 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณเดรดแต่งกลอนมาด้วย..เข้าเรื่องพอดี

    ***************************
    ดาวพฤหัสเจิดจำรัสบนท้องฟ้า
    ดาวพระศุกร์โคจรหาแข่งรัศมี
    ทั้งสองดาวรวมกันความหมายมี
    มอบโชคดีใต้แผ่นฟ้ามหาจักรวาล

    พระจันทร์งามแช่มช้อยลอยไหลเลื่อน
    มาหยุดเคลื่อนน้อมรับกับทั้งสอง
    แอบแย้มยิ้มเอียงอายคล้ายรับรอง
    นภาผ่องสุกสกาวดาวเคียงกัน

    รหัสฟ้าส่งมาเหมือนจะเตือน
    ว่าดาวเดือนโคจรมาเวลานี้
    ถ้าจะร่วมแก้ปัญหาอย่ารอรี
    จังหวะนี้ฟ้าเป็นใจ..ไฉนเมิน...

    *****************************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  14. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    ลงทุนสมัครเป็นสมาชิกแล้ว ฝากตัว,ด้วยแนะนำด้วย,ช่วยเหลือกันด้วยนะจ๊ะ อิๆ
     
  15. Mila

    Mila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +184
    Earth shine

    :)
    พระจันทร์อุตส่าห์ยิ้มให้เพื่อไม่ให้พระจันทร์น้อยใจก็<WBR>เลยถ่ายภาพ พระจันทร์ยิ้มแฉ่ง กับเขาด้วยค่ะ
    กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ดีๆต้องทิ้งสายยางรีบไปขว้ากล้องมาเลยเชียว
    พระจันทร์ยิ้ม หรือ Earth shine [​IMG] ที่มีดาวพฤหัสคู่กับดาวศุกร์<WBR>และมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่ระหว่<WBR>างกลาง ในภาพที่เกดถ่ายดวงดาวด้<WBR>านขวาของภาพพอขยายดูแล้วเห็นเป็<WBR>นรูปคล้ายๆ ลูกกุญแจ เลยนะคะ ไม่รู้ว่าพระจันทร์กับดวงดาวส่<WBR>งรหัสอะไรมารึเปล่า เหมือนคนขยิบตาให้(แล้วรู้กันนะ อิๆ)
    เมื่อคืนนั่งมองพระจันทร์อมยิ้<WBR>มตามไปด้วย แล้วคิดถึงเรื่องราวของพระจั<WBR>นทร์มากมาย ประหลาดนะคะดวงจันทร์นี่ดูมี<WBR>มนต์ขลังมาก ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยสิ่งใหม่เข้<WBR>ามาแทนสิ่งเก่ามากมาย แต่คนก็ยัง...มองพระจันทร์บนท้<WBR>องฟ้า
    เกดเห็นพระจันทร์ยิ้มอยู่ริ<WBR>มทะเลค่ะ เห็นปรากฏการณ์ น้ำขึ้น-น้ำลง ของทะเลที่มีตามธรรมชาติ ผันแปรตามดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ที่<WBR>ผลัดกันทำหน้าที่ นึกถีงคนเราที่ก็มีอาการที่ขึ<WBR>้นๆลงๆ บางทีสุข บางทีเศร้า บางคราวเหงา แต่อาจเห็นตัวเองได้ไม่ชัดเท่<WBR>ายามที่เห็นน้ำขึ้นน้ำลงที่ท้<WBR>องทะเล
    มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระจันทร์<WBR>มากมาย และเรื่องหนึ่งที่เกดนึกถึงคื<WBR>อวรรณกรรมเด็กที่เกดชอบตั้งแต่<WBR>เด็กที่ชื่อว่า Little King December ไม่ได้เป็นเรื่องของพระจันทร์โดยตรงหรอกค่ะ เป็นเรื่องของราชาตัวเล็กๆสู<WBR>งแค่สามนิ้วแต่มีตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่างที่ราชาแหงนมองดวงดาว
    ตอนนึงในหนังสือเล่าว่า

    [​IMG]

    ในคืนฤดูร้อนที่แสนงามคืนหนึ่ง ราชาดีเซ็มเบอร์กับผมออกไปที่<WBR>ระเบียงกัน เรานอนหงายมองดาว หรือถ้าจะพูดให้ถูก ผมนอนหงายบนพื้น ส่วนพระราชานอนอยู่บนท้<WBR>องผมตรงระหว่างกระดุมเสื้อเม็<WBR>ดที่ห้าและที่หกจากด้านบน ผมรู้สึกได้ว่าร่างเบาๆเล็กๆนั้<WBR>นเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆตามจั<WBR>งหวะหายใจของผมเอง

    "เวลามองดูดาวเจ้ารู้สึกอย่<WBR>างไรรึ" พระราชาถาม
    "ผมรู้สึกตัวเล็กและไร้ค่า" ผมตอบ
    "ผมรู้สึกว่าตัวเล็กพอๆกับท่าน เล็กกว่าด้วยซ้ำ และโลกดูจะยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิ<WBR>น ในขณะที่ผมเป็นแค่เศษฝุ่นเล็กๆ"
    "ตอนอยู่ข้างล่างนี่เจ้าตัวใหญ่<WBR>มาก แต่ในทันทีที่มองขึ้<WBR>นไปบนดวงดาวนู่นเจ้ารู้สึกตั<WBR>วเล็กนิดเดียวเลยรึ"
    "ครับ" ผมพูด

    "เหมือนกับล้อเล็กๆที่ไม่มี<WBR>ใครนึกถึงเวลาที่มันกลิ้งไปอยู่<WBR>ในมุมมืดๆอย่างนั้นแหละ"
    "แล้วเจ้ารู้รึเปล่าว่าเรารู้สึ<WBR>กอย่างไร" พระราชาว่า
    "เรารู้สึกใหญ่โตมาก รู้สึกตัวโตเท่ากับทั้งจั<WBR>กรวาลนี้ แต่ ไม่เหมือนลูกโป่งเป่าลมซึ่งในที<WBR>่สุดจะต้องแตกระเบิดออกนะ มันรู้สึกเป็นธรรมชาติและนุ่<WBR>มนวลมาก เราไม่รู้สึกว่าถูกดึงยืดออก มันเหมือนกับว่า เราเป็นดั่งอากาศ ซึ่งในท้ายที่สุดเราจะไม่ได้เป็<WBR>นแค่เพียงส่วนหนึ่งของทุกสิ่งทุ<WBR>กอย่าง แต่เรา คือ ทุกอย่างเลย และดวงดาวต่างๆก็เป็นส่วนหนึ่<WBR>งของเรา เจ้านึกออกไหมว่ามันเป็นความรู้<WBR>สึกอย่างไร"
    ผมนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่<WBR>อนจะตอบว่า "ไม่ครับ"
    "เอาหล่ะ แล้วอย่างไหนถึงจะเป็นความจริ<WBR>งกันหล่ะ เจ้าตัวใหญ่อย่างที่มองเห็น หรือตัวเล็กอย่างที่เจ้ารู้สึก"


    เกดชอบที่ราชาดีเซมเบอร์บอกว่<WBR>าเราไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่<WBR>งของทุกสิ่ง เพราะเราคือทุกอย่างเลย และที่ราชาดีเซ็มเบอร์บอกว่าเขาไม่<WBR>รู้สึกเหมือนลูกโป่งนะ แต่เกดชอบคิดเล่นๆว่าคนเราเหมือนลู<WBR>กโป่ง เหมือนอากาศที่อยู่ในนั้นที่มีสิ่งที่แยกออกจากอากาศภายนอก เมื่อลูกโป่งแตกออกก็ผสมกลมกลืนเป็นสิ่งเดียวกัน

    มนุษย์จะแบ่งฝ่ายเพียงไร จะมีสีแดง สีเหลือง หรืออีกกี่สี จะประเทศไทยหรือในทุกที่ ทุกคนเมื่อมองไปบนฟ้าแห่งจักรวาลนี้ก็เห็นพระจันทร์ดวงเดียวกัน พระจันทร์ที่ยิ้มแฉ่งให้เราเสมอ :-D


    อ้อที่คุณมี้ดบอกว่า
    ตัวพระจันทร์เองถ้าเข้าไปดูใกล้ๆก็มีหลุมบ่อขรุขระไปหมด..
    แต่จากบทกวีมักมองพระจันทร์อย่างสวยงามและเป็นอมตะอยู่เสมอ..
    จะเห็นได้เลยว่าทุกเรื่องราวเหตุการณ์มันอยู่ที่เราสะท้อนภาพออกมาอย่างไรมากกว่านะครับ

    เลยเอาบทกวีนี้มาฝากค่ะ


    the sun give us light
    but the moon provides inspiration
    if you look at the sun
    without shielding your eyes
    you'll go blind
    if you look at the moon
    whihout covering your eyes
    you'll become a poet

    -Serge Bouchard



    ------------------------------

    ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาอเมกามี Thanksgiving คุณนักเขียนอร่อยกับไก่งวงไปกี่ตัวแล้วคะ ^-^ [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    พอดีว่าเมื่อคืนฝันเกี่ยวกับเพื่อนต่างดาวแต่ไม่ทันได้ถามว่ามาจากไหน?
    อ่านแล้วก็กรองเอาสาระไปนะครับ สะท้อนเป็นภาพเอามาเล่าให้ฟังครับ

    ก่อนนอนทำสมาธิประมาณ 20 นาทีเพื่อขอฝันด้วยเทคนิคของพี่นักเขียนฯ..
    พอเคลิ้มหลับไปก็อยู่ในความมืดมองเห็นลำแสงขนาดใหญ่เส้นหนึ่งส่องลงมา
    พุ่งลงมาจากฟ้าเคลื่อนตัวไปมารอบๆจุดที่เรายืนอยู่
    จึงตัดสินใจเอื้อมมือเข้าไปจับที่ลำแสงนั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ
    พอแตะโดนเข้าลำแสงนั้นแตกกระจายออก ปรากฎเป็นบุคลิกภาพใหม่ขึ้นมา
    เหมือนเป็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนกันหมด ใส่ชุดสีเงินใส่แว่นตา ray-ban ตัวสูงยาวหัวโตแต่ไม่มีปาก
    แต่นิ้วมือยาวมาก มีขาเหมือนคน มีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้ว
    ด้วยความสงสัยจึงถามไปว่า..พวกเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวใช่มั๊ย?
    เค้าตอบว่า..แล้วเธอล่ะ เธอก็เป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
    จึงถามไปอีกว่าแล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้..เค้าตอบกลับว่า..แล้วเธอล่ะมาทำอะไรที่นี่รู้รึเปล่า?
    การพูดคุยดำเนินไปโดยไม่มีการขยับปากพูด..เหมือนเราคิดแล้วเค้าก็รับรู้..โต้ตอบไป-มาได้

    จึงถามเค้าอีกว่า..พวกคุณดูเหมือนกันไปหมดแล้วคุณแยกแยะได้อย่างไรว่าใครเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือใครเป็นใคร?
    เค้าบอกว่า เราไม่ได้ดูที่รูปร่างหน้าตาภายนอกเหมือนมนุษย์..
    พวกเรามีมาตรฐานเดียวกันหมด จะต่างกันเพียงแค่ผู้ชายตัวสูงกว่าเท่านั้นเอง
    พวกเราใช้รหัส (code) ในการระบุว่าใครเป็นใคร ทุกคนมีแถบข้อมูลเฉพาะ

    ถามไปว่า..ทำไมมนุษย์ถึงต้องแบ่งรูปแบบด้วยนะ?

    ก็เพราะมนุษย์เป็นแบบนี้ ต้องสัมผัสรับรู้ด้วยการมองเห็น ฟังเสียง ดมกลิ่นหรือลิ้มรส จึงจะเข้าใจ
    และมนุษย์ก็มักยอมรับเชื่อถือในสิ่งที่มองเห็นและจำต้องได้เสมอ
    ซึ่งเป็นไปเช่นนั้นเพื่อทำหน้าที่ขยายรายละเอียดอันเป็นรหัสเฉพาะของมัน

    พูดคุยสื่อสารกันด้วยความคิดน่าจะครึ่งชั่วโมงได้ เค้าก็บอกว่าจะกลับแล้วนะ
    มิติกำลังเปลื่ยนเดี๋ยวไม่สะดวก..เค้าก็เดินถอยออกไป หดตัวเล็กลงและเปล่งแสงสว่าง
    กลับกลายไปเป็นลำแสงอีกครั้งหนึ่งพุ่งกลับขึ้นสู่ท้องฟ้า..หายไป


    จริงๆก่อนจะฝันเรื่องนี้ไปวิ่งออกกำลังริมแม่น้ำตอนทุ่มกว่าๆ กำลังมืดแล้ว
    เห็นเงาคล้ายต้นไม้หลายต้นตะคุ่มๆอยู่กลางแม่น้ำ เหมือนแท่งดินสอหัวโตๆ
    แต่ตรงกลางเหมือนเรืองแสงแดงๆมีเส้นยาวๆกระจายออกมารอบๆ
    ก็สงสัยว่าคืออะไร..พอหันหลังออกมาก็รู้สึกว่าเค้าขยับตัวได้ (รู้สึกขนลุกทันทีครับ)
    เสียดายว่าไม่ได้พกกล้องไปด้วย..วันนี้จะไปดูใหม่ว่ายังมีอยู่รึเปล่า?

    เลยถามออกไปเล่นๆว่า...รู้นะว่าพวกเธอไม่ใช่ต้นไม้..ถ้าจะสื่อสารอะไรก็มาบอกในฝัน
    กลับมาเลยเป็นเรื่อง ฝันเรื่องนี้เลยครับ เพื่อนๆก่อนนอนทำสมาธิดูนะครับ
    ฝันจะชัดเจนและเราควบคุมอะไรในฝันได้ดีที่เดียวครับ อิๆ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ;aa36

    มาต้อนรับคุณ สงบระงับ สู่ห้องวิทย์ฯครับ
    ชื่อน่าคิดครับ..เชิญมาพูดคุยกันตามสะดวกเลยนะครับ


    เอ่อ..เรื่อง พระราชาดีแซมเบอร์ ของลูกเกดนั้นก็น่าอ่านดีเหมือนกันนะครับ
    ที่ว่า ตัวเราเป็นดั่งอากาศ ซึ่งในท้ายที่สุดเราจะไม่ได้เป็<WBR>นแค่เพียงส่วนหนึ่งของทุกสิ่งทุ<WBR>กอย่าง
    แต่เรา คือ ทุกอย่างเลย และดวงดาวต่างๆก็เป็นส่วนหนึ่<WBR>งของเรา

    ;welcome3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สวัสดีครับคุณดุษณี คอมฯพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้ซะแล้วนะครับ
    ก็หวังว่าคุณดุษณีได้พบกับความหมายของม้ายูนิคอนเข้าให้แล้ว
    อันเป็นความหมายเฉพาะตัวที่ดูเหมือนว่าได้อยู่ภายใต้หน่วยควบคุมของพลังงานพิเศษจำนวนหนึ่ง..
    มีความรู้สึกเป็นยังไงมาเล่าต่อให้ฟังต่อด้วยนะครับ เพื่อนๆจะได้มาช่วยกันถอดรหัสและแปลความหมายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  19. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    แหม..สมัครสมาชิกยากจังค่ะ ฮือ ๆ .... แทบแย่เรย สมัครได้แล้ว เช้ามาก็เข้าไม่ได้อีก มีอาถรรพ์ หรือปล่าวเนี่ย แต่ก็เอานะ พยายามจนสำเร็จ ไม่มีอะไรค่ะ เล่าให้ฟัง อิๆ
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจครับ
    จิตวิญญาณเราผ่านภพชาติเกิดและกลับสู่ธรรมชาติกันมายาวนานหลายหมื่นปี สะสมประสบการณ์มาก็เยอะ..ถึงคราวจะต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติที่แท้จริงกันในรอบนี้ได้แล้วนะครับ..โมทนาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...