ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ถ่ายรูปร่วมกันหลังจากเสร็จสิ้นการประมวลพลัง

 

5.

ภาพของหญิงสาวเมืองลับแลที่เห็น
เป็นหญิงสาววัยประมาณสัก 30 ต้นๆ
มีผ้าคลุมโพกอยู่ที่ศีรษะ เหมือนชาวอาหรับ
เปิดแต่ใบหน้าไว้เท่านั้น
เสื้อผ้าที่สวมใส่ เป็นชุดลายดอกแขนยาว
คลุมลงมาถึงปลายเท้า
มีผ้าขาวบาง อ่อนพลิ้วไปตามลม พาดอยู่ที่คอลงมาบริเวณไหล่

หญิงสาวคนนั้นกำลังเดินตรงเข้ามาหา
ใกล้เข้ามาๆ
นึกในใจว่า ถ้าใกล้เข้ามาอีกนิด คงได้เห็นหน้าตาชัดเจนขึ้น
เมื่อใกล้เข้ามาในระยะที่พอจะเห็นหน้าได้
ผมก็ต้องตกใจ เพราะภายในผ้าคลุมที่เปิดหน้าไว้นั้น
มองเข้าไปแล้ว ไม่ยักจะเจอใบหน้าหญิงสาว
กลับเป็นที่ว่างเปล่า เหมือนเรามองมนุษย์ล่องหน ยังไงยังงั้น
มีแต่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ห่อหุ้มอากาศเท่านั้น

แล้วภาพก็ตัดมาให้เห็น กลุ่มคนทั้งชายหญิง
มีผ้าโพกที่หัว คล้ายชาวอียิปต์โบราณ
เดินกันมาเป็นกลุ่ม ประมาณ 6-7 คน
ดูแล้วไม่น่าจะเป็นชาวเมืองลับแล
หรือว่า กลุ่มคนที่เห็น เป็นกลุ่มคนจากอีกมิติหนึ่ง
ที่เข้าไปเยี่ยมเยือนเมืองลับแล
เหมือนอย่างที่พวกเรากำลังเข้าไปอยู่ขณะนี้
เขาก็คงเห็นเรา เหมือนอย่างที่เราเห็นเขา

จากนั้น จิตก็ถอนออกมาจากเมืองลับแล
กลับสู่มิติโลก บนภูกะลา ตามสภาวะความเป็นจริง
และไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณต่อท่านเจ้าเมือง เจ้าที่เจ้าทาง
เจ้าก๊อตซิลล่า ผู้เฝ้าประตู ในค่ำคืนนี้.

 

เมื่อเช้า 4 ธ.ค.51 เห็นเครื่องบินประหลาดบินไป 4 ลำ ในเวลา ไล่เลี่ยกัน แต่ที่น่าตื่นเต้น คือ ได้เห็นเครื่องบินในเวอชั่นใหม่ (สำหรับเรา) อีกชนิดหนึ่ง ที่หน้าตาไม่เหมือนที่เคยเห็นมาตลอดหลายเดือนนี้ (ถ้าวาดลงคอมเป็นก็อยากวาดให้ดู) แต่ที่รู้สึกชัดเจนในจิต คือ เขาเปิดเผยข้อมูลรูปภาพให้เห็นมากขึ้น ...อาจจะรู้ว่า เรายอมรับแล้ว..และเชื่อแล้วว่า เขามาในโลกธาตุนี้จริง เมื่อก่อน ยังไม่ปักใจ แต่การยึดสนามบินทั้งดอนเมือง และสุวรรณภูมิ จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนทั้งบินในเวลากลางวันและกลางคืน หวังว่าต่อไปเขาจะเปิดเผยข้อมูลให้เห็นมากยิ่งขึ้น

 

วาดใส่กระดาษ แล้วถ่ายรูปก็ได้ครับพี่เทพฯ

 

พี่สุดใจกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซด์พลังจิต ในกระทู้แห่งนี้ โดยระบบให้แยกเก็บข้อมูลเป็นหมวดหมู่ เช่นประวัติเขากะลา ธรรมะจากต่างดาว ประสบการณ์การฝึก UFO เรื่องของมิติ ประสบการณ์การพบเจอ UFO ในประเทศไทย และเรื่องอื่น ๆ แยกย่อยออกไป เพื่อสะดวกในการจัดเตรียมข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจ ต้องการนำไปทำเว็บไซด์ นำไปเขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ

ข้อมูลบางอย่าง หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ เพราะมีการเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2550 พี่สุดใจ จะนำข้อมูลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวกับการวางโครงการของระบบ มาให้รับทราบ เพื่อจะได้เปิดมุมมองออกไปในระดับสากล

และการ แจ้งเพื่อทราบ นี้ ได้มีการแจ้งไว้ล่วงหน้านับปีแล้ว คือในปี 2550 ก่อนที่จะมีการรับผู้เข้าร่วมทำงานในรุ่นที่ 2 นี้ ในปี 2551 และหลายท่านอาจจะยังไม่ได้อ่านย้อนกลับไป ก็จะขอนำข้อมูลสำคัญเหล่านี้ มานำเสนออีกครั้งหนึ่งค่ะ เพื่อให้เข้าใจการทำงานกับระบบให้มากยิ่งขึ้น

ขออนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

 

อ้างอิง # 276



ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ baker2007
ขอออกความเห็นเรื่องมิติหน่อย ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จะเป็นไปได้ไหมที่มันเกิดจากกฎของธรรมชาติ หรือกรรม เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล

โลกที่เราอยู่นี้มันก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวันตามกฎแห่งกรรมของคน เช่น ภายในเขตเดียวกัน โดนพายุหมุนในเวลาเดียวกัน บ้านหลังกลับไม่ได้รับความเสียหายอะไร แต่บ้านข้างๆ กลับพังซะไม่มีดี

หรือของหายหายังไงก็ไม่เจอ อาจจะเพราะเราอาจจะเคยไปแกล้งใครใว้แล้วตัวกฎของกรรม ก็เลยสร้างมิติให้ของมันหายไป เพราะนายเวรก็ไม่อยู่หรืออาจจะเกิดเป็นอะไรอยู่ในภพอื่น กรรมมันก็จัดสรรให้เสร็จ

อย่าง นรก สวรรค์ นิพพาน ก็คงจะทำนองเดียวกันมั้งนะ

แม้แต่จิตหรือวิญญาณ แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ หรือสัตว์ก็ตาม
แต่ไม่มีใครที่อยู่ในร่างมนุษย์จะแตะต้องวิญญาณ หรือจิต ที่อยู่ในตัวมนุษย์ได้

มันเหมือนกับมีการซ้อนกันอยู่ คิดว่าไหมนะ แต่อะไรนะที่มันทำให้เชื่อมกันกับตัวร่างกายที่เป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ละ ก็คงจะเป็นกรรม และการยึดติดของจิตละมั้งนะ

เหมือนกับโลกนี้ ร่างกายนี้ เป็นที่คุมขังวิญญาณ ชั่วคราว

ก็คงจริงนะที่มนุษย์ต่างดาวบอกว่าเราอาจจะเดินเข้าเดินออกผ่านมิติ แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะจิตยังไม่ละ โดนความโง่ครอบงำอยู่


แล้วจิตมันไม่มีเวลานะแต่ร่างกายหรือวัตถุทั้งหลายโดนเวลามันกำกับอยู่


...........................

ขอบคุณค่ะ สำหรับความเห็นของคุณ baker 2007

- และพี่สุดใจ ขออธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อย เพื่อเปิดมุมมองให้มากขึ้น
<O</O
- ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเข้าใจนั้น ก็ถูกต้องในกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ คือกรรม จะเป็นตัวกำหนด การที่กระทำสิ่งใด แล้วได้สิ่งนั้นตอบแทน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อปลูกเม็ดมะม่วง ก็ต้องได้ต้นมะม่วงเป็นเรื่องปกติ ตามเหตุ ตามผล<O</O
<O</O
- กฏแห่งกรรมก็เช่นกัน มีความยุติธรรม ไม่มีลำเอียง ใครทำอะไร ก็ได้อย่างนั้น ซึ่งเมื่อยังมีความเป็นตัวเราของเราอยู่ เมื่อนั้น การบันทึกของกรรม ก็ยังคงบันทึกไว้ตลอดเวลา เหมือนแถบแม่เหล็กเก็บข้อมูล เมื่อเรายังมีตัวบันทึกข้อมูลอยู่ มันก็ยังคงบันทึกข้อมูลเรื่อยไป ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะร่างกายที่เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ แตกสลายไป แต่เมื่อตัวเก็บข้อมูลยังอยู่ ก็ย่อมไปดึงดูด ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ มารวมกันใหม่ อาจเป็นในรูปแบบต่าง ๆ กันในแต่ละชาติ และมีอุปทาน เป็นตัวเชื่อมธาตุรู้ ให้ต้องตามเก็บข้อมูลนั้นต่อเนื่องเรื่อยไป เพราะอยู่กันคนละมิติ กับธาตุหยาบที่ต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา<O</O
<O</O
- แต่ผู้ที่เข้าใจในกฏธรรมชาติ ก็จะรู้ว่า จริง ๆ แล้ว ระหว่างดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และธาตุรู้นั้น มีตัวอวิชชา คืออุปทาน ว่า ยังมีตัวเรา ของเราอยู่ เป็นยางเหนียว คอยจับมารวมกันอยู่เรื่อย มันจึงยังคงเก็บข้อมูลเรื่อยไป ก็ตรงไป ตรงมา เช่นกัน
- ดังนั้น การที่ เกิดการทับซ้อนของมิติ มันก็มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ บางคนอาจเห็นบางสิ่งจากมิติที่เหลื่อมกัน บางคนอาจพลัดหลงเข้าไปในมิติอื่น หรืออาจเป็นการเชื่อมโยงมิติ ตามกลไกของธรรมชาติ ก็เกิดขึ้นได้มานานแล้ว<O</O
- แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง มิติทับซ้อนตามธรรมชาติ กับมิติที่ทับซ้อนเพราะถูกจัดวางนั้น ก็คือ
<O</O
- มิติที่เกิดจากกลไกธรรมชาติ ไม่มีการรู้ล่วงหน้า ไม่มีวัตถุประสงค์ ไม่มีช่วงเวลาการเกิด และเกิดเป็นบางครั้งบางคราว และผู้ที่ประสบกับเหตุการณ์นั้นไม่รู้ตัวมาก่อน อาจจะหลงเข้าไปในมิติ จะออกได้ หรือไม่ได้ ก็ไม่สามารถรู้ได้ หรือจะออกมาตอนไหน ก็ไม่สามารถกำหนดได้ ซึ่งมีให้เห็นมากมาย

- มิติที่เกิดจากการจัดสร้างขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน มีเวลาที่แน่นอน มีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะต้องพบเจอกับเรื่องมิติ และ มีการอธิบายแต่ละเรื่องที่เจอว่าเป็นมิติแบบใดบ้าง <O</O
<O</O
- นี่คือความแตกต่างระหว่าง มิติทับซ้อนโดยธรรมชาติ กับมิติทับซ้อนโดยการจงใจให้เกิด เพื่อการฝึกให้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงที่ถูกจัดสร้างขึ้นมา เมื่อมีการรับทราบข้อมูลจากการอธิบายเรื่องของมิติ ที่พบเจอในแต่ละครั้งแล้ว มีประสบการณ์มากขึ้น ก็จะเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องของมิติ และรู้ว่า การเข้า

 

ดังนั้น สิ่งที่พี่สุดใจได้เคยกล่าวไว้แล้วหลายครั้งในกระทู้นี้ ก็คือคำว่า

 

- ดังนั้น โครงการ

 

คุณสุดใจคะ ดิฉันอยู่นครสวรรค์ค่ะ แล้วก็เคยไปที่เขากะลาด้วยแต่ว่า เข้ามาอ่านแล้ว ก็ไม่เข้าใจพวกคุณค่ะ อยากถาม อยากได้รับความรู้ การปฏิบัติ การฝึกสมาธิขั้นต้น แต่ก็อาย เรายังโง่มากๆเลยค่ะ เหมือนว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขอเบอร์โทรได้มั๊ยคะ อนุโมทนาล่วงหน้าค่ะ

 

ขณะนี้ ผมได้รวบรวมข้อความของพี่สุดใจ ที่สำคัญๆ
นำมาสรุปรวมให้พวกเราหรือผู้ที่สนใจได้อ่านต่อเนื่องกันไป
ซึ่งจะสะดวกกว่าการไปเปิดไล่หาในกระทู้ ซึ่งมีอยู่มากกว่า
280 กระทู้แล้ว

เป็นการลงข้อความไล่ไปตามลำดับ
สามารถเซฟเก็บไว้อ่านได้เมื่อมีเวลาว่าง

ส่วนการจัดรวมเนื้อหาในแต่ละเรื่องนั้นเป็นหมวดหมู่นั้น
พี่สุดใจ กำลังดำเนินการอยู่ครับ

ตอนนี้อ่านที่ผมรวบรวมให้ไปก่อน ตามลิงค์นี้ได้เลยครับ

รวบรวมบทความ ที่เป็นประโยชน์กับชีวิต ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
http://palungjit.org/showthread.php?t=162475

 

เรื่องการนั่งสมาธิเพื่อขอเข้าไปชมเมืองลับแล ครั้งที่สอง ของผมนั้น
วัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันว่า เมืองลับแลนั้นมีจริง
ไม่ว่าเราจะกำหนดจิตเป็นสมาธิ ขอชมสักกี่ครั้ง

และเมืองลับแลนี้ จะเป็นอีกมิติหนึ่ง ที่จะต้องมาเกี่ยวข้องกับ
การช่วยเหลือผู้คนเมื่อเกิดภัยพิบัติ
เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า มิติเมืองลับแล มีอยู่จริง
พวกเราสามารถเข้าไปหลบภัยได้ เมื่อถึงเวลา

การที่ผมนำมาเล่าเป็นครั้งที่สอง นี้
ไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่น หรืออวดอุตริใดๆ
หากไปกระทบกระเทือน ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี ต่อท่านใด
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

แจ้งให้ทราบ ทาง PM แล้วนะครับ

 

เอาบุญมากฝากสมาชิกเขากะลาทุกๆท่าน
http://palungjit.org/showthread.php?t=111894&page=23
พระมหามณฑป ที่ทำถวายแด่องค์พระมหาอุปคุตต์ได้สำเร็จลุล่วงแล้วครับ
LUCKYFRIDAY

 

มีข้อมูลมาว่าวันนี้พี่สุดใจ จะไปงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ครั้งที่ 13
เลยได้พบกันแบบคณะใหญ่ โดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน

 

หน้าคุ้นๆกันทั้งนั้น

 

ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก/สนทนากับผู้มาใหม่

 

;aa36

 

<TABLE class=tborder id=post1703668 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1703668 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">


<!-- / message --><!-- sig -->__________________
รวบรวมบทความ ที่เป็นประโยชน์กับชีวิต ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
http://palungjit.org/showthread.php?t=162475
<!-- / sig --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1703668")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --> <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD background=images/gradients/bg_p.gif>สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ MOUNTAIN ที่เขียนไว้ทางด้านบน</TD></TR><TR><TD class=alt2 height=29>juksawat (03-12-2008)</TD></TR></TBODY></TABLE>


จารจุก "ไม่เห็นด้วย"เพราะว่า ก่อนขึ้นก็ทานไปก่อนแล้ว แล้วขึ้นบนเขายังทานรอเพื่อนๆ อีก 3 ชุด

 

ระบบจัดให้ได้นั่งโต๊ะหน้าบูธ มนุษย์ต่างดาว ของ ดร.เทพพนม สนทนากัน ไม่มีเสียงอื่นมารบกวน
อ.ยูคริน บอกว่า ก่อนหน้านี้คณะร้องเพลงของกฤษณะ มาร้องอยู่ข้างๆ
แต่แล้วต้องย้ายไปด้านหน้า โดยไม่รู้สาเหตุ

 

ภาพชุดสุดท้ายครับ