ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

เก็บตกภาพบรรยากาศวันประมวลพลังที่เขากะลา เมื่อวันที่ 29/11/51

 

เก็บตกภาพบรรยากาศวันประมวลพลังที่เขากะลา เมื่อวันที่ 29/11/51 (2)

 

เก็บตกภาพบรรยากาศวันประมวลพลังที่เขากะลาเมื่อวันที่ 29/11/51 (3)

 

BIG MOUNTAIN & UFO
UFO/BIGMOUNTAIN
Permalink : http://www.oknation.net/blog/BIGMOUNTAIN

<!--check entry comment -->วันศุกร์ ที่ 12 ธันวาคม 2551
บันทึก..ประสบการณ์.มนุษย์ต่างดาวเขากะลา กับธรรมะ ละวางอัตตาตัวตน..1
Posted by BIGMOUNTAIN , ผู้อ่าน : 3 , 09:29:11 น. | หมวดหมู่ : เขากะลารุ่น 2
พิมพ์หน้านี้

<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>

​

[1]ได้ยินชื่อ กลุ่มเขากะลา ครั้งแรกที่งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 11ตอนนั้นได้แต่เรียบๆเคียงๆ เข้าไปดู ที่บูธ แสดงภาพยานบิน และมนุษย์ต่างดาว ของกลุ่มเขากะลา มีความสงสัยอยู่เหมือนกันว่า กลุ่มเขากะลามาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวได้อย่างไร ตอนที่กลุ่มเขากะลา ขึ้นเวทีบรรยาย เรื่องราวความเป็นมา ของกลุ่มเขากะลา กับมนุษย์ต่างดาวผมก็ได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพื่อใช้อ้างอิงว่า เคยเจอกับ.... </TD></TR></TBODY></TABLE>
Permalink : http://www.oknation.net/blog/BIGMOUNTAIN/2008/12/12/entry-8
อ่านต่อ


<!---->

 

เก็บตกภาพบรรยากาศวันประมวลพลังที่เขากะลาเมื่อวันที่ 29/11/51 (4)

 

เก็บตกภาพบรรยากาศวันประมวลพลังที่เขากะลาเมื่อวันที่ 29/11/51 (5)

 

เหมือนจานบินเลยมั๊ยครับ

แต่จริงๆ แล้ว ผมว่ามันคงเป็นแสงที่สะท้อนกับฝุ่นบนเลนส์นั่นแหละครับ เพราะเมื่อลองไปตรวจสอบภาพบางภาพ ก็มีเจ้าวัตถุลึกลับอันนี้โผล่มาด้วย พอสรุปได้ว่า มันไม่จริง

แต่ที่ผมคิดเป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่เห็น UFO แรก ๆ ก็เห็นแสงแบบนี้ในภาพถ่ายนี่แหละ ถึงได้เอามาจินตนาการว่า UFO มีรูปร่างแบบนี้ เพราะในภาพที่ผมถ่ายมานี่รูปร่างมันเหมือนในหนังฝรั่งที่เราดูเลยนะครับ <!--MsgFile=3-->

<CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

จากคุณ : <!--MsgFrom=3-->zedth - [ <!--MsgTime=3-->2 ธ.ค. 51 00:46:41 <!--MsgIP=3-->]

 

อีกรูป อันนี้ชัดเลย <!--MsgFile=4-->

<CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

จากคุณ : <!--MsgFrom=4-->zedth - [ <!--MsgTime=4-->2 ธ.ค. 51 00:48:28 <!--MsgIP=4-->]

 

ขอออกความเห็นบ้างน๊ะจ๊ะ รูปแรกที่มีองค์พระ แสดงความเป็นแก่นแท้ของเขากะลาดีมาก โดยเฉพาะ แสงพระอาทิตย์ที่ส่งพลัง ออกมาอย่างชัดเจน เหมือนส่งให้บัวสี่เหล่า ที่รอรับแสงอรุณ อยากให้ภาพ"องค์พระนาคปรก" โดดเด่นกว่านี้ โดยสลับไว้บนแทนภาพมนุษย์ต่างดาว
..และถ้าจะให้สื่อความเป็นเขากะลา 1 จริง ๆ น่า จะใช้รูปที่ถ่ายไว้ ปี 41 หรือปีอื่น ๆ (จำไม่ได้ว่าปีใดบ้าง) ที่เป็นภาพมนุษย์ต่างดาวและยานบิน ที่เกิดขึ้นที่เขากะลา หรือที่ท่านจ่าเชิด เชิญมาที่สิงห์บุรี ก็ได้ และควรมีภาพ "ท่านจ่าเชิด" ด้วย (จำเป็นมาก เพราะเป็นที่มาของ เขากะลา 1) จะอยู่ ปกหน้าหรือปกหลัง ก็ได้ น่าจะต้องมี
ส่วนเวอร์ชั่น เขากะลา 2 ก็ค่อยทำปกทำภาพใหม่ ให้สื่อเวอร์ชั่น 2 จริง ๆ เหมือน เวอร์ชั่น 1 ก็ต้องสื่อ กลุ่มของเวอร์ชั่น 1 จริง ๆ (โดยใช้ภาพเก่า ๆ ที่เกิดขึ้นจริง)
ตอนนี้เขาคงอยากให้เปิดเผย...ให้ ชาวโลกเริ่มคุ้นเคย กับเขา....แล้ว เพราะใกล้เวลาที่จะเปิดงานช่วยเหลือมนุษย์เข้ามาทุกขณะ บินกันเป็นว่าเล่น ดูชักไม่น่ากลัวแล้วภัยพิบัติเมืองไทย แต่ชักจะน่าตื่นเต้นที่เรากับเขาใกล้เวลาที่จะมาพบกัน (...จัง ๆ มากกว่า)
รูป คุณ Mead หนุ่ม ๆ ที่สิงห์บุรี ตอนถ่ายภาพยานบิน อย่าลืมเอาใส่ในเล่ม 1 ด้วยน่ะ เพราะแสดงว่า ยังคงเป็นแฟนพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาว จริงๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม

 

เล่ม 2 (เขากะลา2) ถ้าลงพิมพ์รูปจานบินที่พี่เทพฯ วาดได้ก็จะดีครับ (หรืออาจจะต้องร่วมเขียนเสริมด้วย)

 

เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์

ตอน เล่าเรื่องเมืองลับแล(ต่อ)

ขออภัยครับที่หายไปหลายวัน มีเพื่อนๆโทรมาต่อว่าหลายคน ตอนนี้กลับมาแล้ว มาเล่าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ

วันก่อนเล่าเรื่องสภาพบ้านเรือนและการแต่งกายของชาวเมืองลับแลไปแล้ว คราวนี้เราไปดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวเมืองลับแลกันดีกว่า.....ผมได้กำหนดจิตขอทราบความเป็นอยู่ของคนที่นี่...แล้วผมก็ได้รับคำตอบทางจิตว่า ...เมืองลับแลที่เห็นอยู่นี้เป็นเมืองลับแลเมืองหนึ่งในหลายๆเมือง ที่อยู่คนละมิติกับเมืองมนุษย์ คนที่นี่มีสภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย อยู่ในศีลในธรรมอย่างเคร่งครัด ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง และไม่ฟุ้งเฟ้อเหมือนในเมืองมนุษย์ ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ปลูกพืชผักผลไม้ไว้ทานและแบ่งปันซึ่งกันและกัน ผลไม้ก็เหมือนกับเมืองมนุษย์ แต่จะมีผลไม้ชนิดหนึ่งที่เป็นผลไม้ทิพย์ ผู้ที่ทานผลไม้นี้จะทำให้ร่างกายมีสภาพอิ่มทิพย์ แต่จะต้องถือสัจจะตลอดชีวิต และห้ามพูดปดโดยเด็ดขาด สภาพอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาว และมีฤดูกาลเดียวตลอดปี การพาหนะใช้เทียมเกวียนเหมือนเมืองมนุษย์ในสมัยโบราณ แต่ผู้ที่ได้อภิญญาจะใช้วิธีกำหนดจิต การสื่อสารจะน้อยเพราะเกรงว่าจะพูดปด แต่ใช้วิธีการรับรู้ด้วยวาระจิต.........

 

เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์

ตอน เล่าเรื่องเมืองลับแล(ต่อ)

คนเมืองลับแลนั้น มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นเดียวกันกับเมืองมนุษย์ แต่จะมีอายุยืนยาวกว่า คนที่นี่จะทานผลไม้เป็นหลัก มีการปลูกข้าวเช่นเดียวกันกับเมืองมนุษย์ แต่ไม่มากนัก ใช้วิธีการหุงด้วยการกำหนดจิต มีสีขาวนวลและมีกลิ่นหอม ส่วนใหญ่จะปลูกไว้สำหรับเป็นอาหารถวายพระภิกษุสงฆ์จากเมืองมนุษย์ที่เข้ามาบิณฑบาต หรือไม่ก็นำไปถวายให้กับพระภิกษุสงฆ์ในเมืองมนุษย์ นอกจากนี้ในเมืองลับแลทุกๆหมู่บ้านจะต้องมีลานธรรม ไว้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา และทุกวันพระขึ้น 15 ค่ำ จะมีพระผู้ทรงอภิญญาจากเมืองมนุษย์ มาเทศนาสั่งสอนธรรมให้กับชาวเมืองลับแลอยู่เป็นประจำ....

เมื่อได้รับทราบสภาพความเป็นอยู่ของชาวเมืองลับแลแล้ว ผมเห็นว่าผมใช้เวลามากพอสมควรแล้ว จึงขออนุญาตกราบลาและกำหนดจิตกลับ........ผมลืมตาขึ้นดูเพื่อนๆ ปรากฎว่ายังไม่มีใครลุกออกจากลานปากประตูเมืองลับแลสักคนเดียว สักพักพี่เม้าท์ก็กำหนดจิตกลับพร้อมกับลืมตา ผมกับพี่เม้าท์จึงเดินออกจากลานพร้อมๆกัน...........

 

เรียบๆ....ง่ายๆ....สไตล์ จักษวัชร์

ตอน ลูกไฟประหลาดสีส้ม

ทันทีที่ลุกออกจากลานปากประตูเมืองลับแล พี่เม้าท์เดินไปที่ลานหน้ากองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ข้างๆเพื่อรับพลัง ส่วนผมเดินลงไปสมทบกับเพื่อนๆที่ลานดูดาว ขณะนั้นเพื่อนๆกำลังเพลิดเพลินกับลูกไฟประหลาดสีส้มที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับชี้มือให้ผมดูตาม ผมหันไปมองตาม ก็เป็นจริงดังที่เพื่อนๆว่า ภาพที่ปรากฎตรงหน้าที่มองออกไปจากลานดูดาว เป็นดวงไฟประหลาดสีส้มจำนวนหลายดวง ที่วิ่งขึ้น วิ่งลง สลับกันไปมา เดี๋ยวขึ้นตรงโน้นที ขึ้นตรงนี้ที ดูสนุกสนานเพลิดเพลิน ผมไม่รู้จริงๆว่าเป็นอะไร บางคนว่าเป็นจานบิน บางคนว่าเป็นลูกไฟที่มนุษย์ต่างดาวทำให้พวกเราเห็นเพื่อเป็นการยืนยันว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ..... ผมนั่งดูอยู่สักพัก ก็ขอตัวเดินขึ้นไปที่ลานหน้าองค์พระอีกครั้ง เพราะเป็นห่วงเพื่อนๆอีก 7 คนที่กำลังนั่งสมาธิกันอยู่ที่ลานปากประตูเมืองลับแล ผมมองไปที่เพื่อนพี่เทพกัญญาที่นั่งอยู่ข้างๆผม ขณะนี้แกกำลังนั่งสมาธิแต่ศีรษะแกก้มติดพื้นตรงหน้า ผมเฝ้าดูอยู่ห่างๆ สักพักพี่เทพกัญญากับเพื่อนก็ลุกเดินออกจากลาน ผมจึงเดินเข้าไปถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมถึงนั่งในท่านั้น แกตอบผมว่าแกไมรู้ว่าแกนั่งในท่าไหน รู้แต่ว่าแกไปเมืองลับแลไม่ได้ แต่แกก็เอาชนะเวทนาในตัวแกได้ ผมก็ได้แต่อนุโมทนากับแกในครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้นผมจึงชวนพี่เทพกัญญากับเพื่อนไปนั่งรับพลังกันต่อที่ลานหน้ากองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว..........

 

ต้องขอประทานโทษ คุณ vijit_j เพราะยังไม่เคยเห็นแบบเป็นจานเลย แต่เมื่อกลางเดือน พ.ย. 51 ลูกน้องคนหนื่ง เห็นที่หน้าอาคาร 7 โรงเรียนช่างฯ เป็นแบบทรงจานกลมรี บินอยู่ในท้องฟ้า ไปทางกองโรงงาน แต่ที่เห็นเอง ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 51 เป็นต้นมา มีแต่หน้าตาคล้ายเครื่องบิน เพราะมีปีก มีหาง เคยค้นใน Internet จึงรู้ว่า เครื่องบินจากต่างพิภพ มีมาก่อนที่มนุษย์จะรู้จักเครื่องบินอีก แต่ไม่อยากเชื่อว่า สิ่งที่เห็นเป็น UFO ทั้ง ๆ ที่เจอมากมาย ทั้งกลางวันกลางคืน เช่น กำลังจะเลี้ยวเข้าซอยที่บ้านตอนค่ำ (ในหมู่บ้าน) ทุกคนในรถก็เห็น ..เครื่องบิน ลำใหญ่บินต่ำ(ประมาณไม่เกิน ตึก 10 ชั้น) มาพอถึงปากซอยเข้าบ้านก็หักเลี้ยว แบบ 90 องศา ไปในทิศทางที่สวนกับรถเราพอดี ลูกชาย (12 ปี) บอกว่า "บี 52 เขามาตรวจความเรียบร้อยในหมู่บ้านเรา" คนอื่น ๆ ในบ้านยังปักใจว่าเป็น เครื่องบิน ไม่ใช่ UFO เพราะ ไม่ใช่ทรงจานเหมือนในหนัง และยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เจออีก เป็นต้น (มาเริ่มสงสัยว่า UFO ก็ตอนยึดดอนเมืองและสุวรรณภูมิ นั่นแหละ เพราะทั้งกลางวันกลางคืนก็ยังคงบินอยู่ แต่บางทีก็ปิดเสียง บางทีก็แฝงเข้าไปในเมฆบาง ๆ ให้เห็นไม่ชัด และจะเป็น เครื่องบินหน้าตาประหลาดที่เคยเห็นมาทั้งหมด แบบที่เหมือนการบินไทย เหมือนนกแอร์ เหมือน... ไม่มีบินเลย เพราะ ท่านผู้ยิ่งใหญ่พากันไปยึดสนามบินอยู่หลายวัน)
วันนี้พอมีเวลาว่าง..จะเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ฟัง เมื่อเช้าตื่นตามเวลาที่ตั้งไว้ (ตั้งนาฬิกาชีวภาพ 07.00 แต่กิเลสยังเยอะอยู่ เลยกลายเป็น 07.10 ...มันเป็นเช่นนี้เอง) ก็ไปเดินออกกำลัง ที่สนามกีฬาใกล้บ้าน ระหว่างที่เดิน ก็ได้ยินเหมือนเสียงเหมือนแมลงปอที่ค่อนดัง บินอยู่เหนือศรีษะ แหงนหน้ามอง ก็นึกขำว่า นอกจากเสียงเหมือนแล้ว ยังรูปร่างเหมือนอีก คงได้วาดเก็บไว้อีกรูปแบบหนึ่ง ก่อนจะกลับก็เห็น..ทรงซีการ์บินมาอีก (เห็น 4 รอบ แล้วใน ธ.ค.51)
พอกลับถึงบ้านสักพัก ก็เห็นอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกันทั้ง 3 ลำ บินมาในเวลาที่ห่างกัน ประมาณ 5-10 นาที เป็นทรงคล้ายการบินไทยแต่ผอมกว่า และไม่มีหน้าต่างด้านข้าง ทั้งซ้ายขวา ปลายลำตรงหาง ยกกระดกขึ้นแล้วมีชิ้นหนึ่งเป็นแผ่น ปิดบนหางที่กระดกขึ้น...คล้ายหางปลาโลมา เวลาเล่นบอลในสระ แบบนี้เห็นเมื่อหลายวันก่อน 2 ครั้งไม่ค่อยสนใจ คิดว่าเป็นสายการบินอะไรสักอย่าง แต่ก็งงที่ ไม่มีหน้าต่าง ก็นึกว่า ..ตาฝาด พอเห็นหางก็งงว่า..ทำไมปลายลำยกงอขึ้นไป ช่วงนั้นไม่สนใจเพราะขนาดของลำ ใกล้เคียงเครื่องบินโดยสาร แต่วันนี้ ชักมึน..เพราะ เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เป็นเครื่องบินโดยสาร เหมือนกันเดะทั้ง 3 ลำ บินมาในเวลา ที่เกือบจะไม่ต่างกัน แม้แต่ลายเส้นสีเทาเข้มตรงท้าย ๆ ลำ ก็เหมือนกัน ยังกะจะยืนยันว่า พวกเขา ทั้ง 3 ลำ มาจากสายการบินเดียวกันน๊ะจ๊ะ และขอ confirm ว่า ไม่มีหน้าต่างด้านข้างจริง ๆ สงสัยต้องวาดเก็บไว้อีก โอ๊ะ ./. ช่างมีหลากหลายรูปแบบจริง รวมตอนนี้ 10-15 แบบแล้ว แต่บางแบบ ก็คล้ายกันมาก ต่างกันที่จำนวนหลอดที่ปีก มี 1 บ้าง 3 บ้างก็มี คิดว่าคงวาดแบบหลัก ๆ ก็แล้วกัน เพราะ ท่าทางจะเยอะ เดี๋ยวได้ย้ายที่ทำงานไปอยู่ สนามบินกันพอดี
อีกเรื่อง คือ เมื่อต้น พ.ย.51 ระหว่างที่เครื่องบินไป อุดรฯ เริ่มบินขึ้นจาก รันเวย์ที่ดอนเมือง มองจากหน้าต่าง ก็เห็นเครื่องบินประหลาดบินโฉบลงมาเหมือน จะลงจอดแบบปกติ มองตามไปก็งง เพราะ หัวเครื่องก็ ไม่หันกลับมาทางสนามบินดอนเหมืองแบบทั่วไป(ทิศทางไปทาง ทอ.) และพอใกล้ถึงพื้น ก็บินชะแวบขึ้นไปทาง ทอ. (ทางทิศเหนือเฉียงไปทางตะวันออก)แล้วหายไปในท้องฟ้า ตอนนั้น ได้แต่เก็บข้อสงสัยต่าง ๆ ไว้ ดังนั้น การที่กล้าสรุปว่า ไม่ใช่เครื่องบินปกติ และหันมาศึกษาเรื่อง UFO ส่วนหนึ่งเพราะศึกษาและเก็บทั้งข้อมูล ข้อสงสัย ไว้หลายอย่าง
ระหว่างที่นั่งพิมพ์ ก็ได้ยินเสียงบินอยู่เรื่อย ๆ (ช่วงนี้บินกันเป็นที่สนุกสนานเลย เมื่อคืนไปราชวัตร ก็เห็นไปบินสำรวจ ชาวกทม. ที่ราชวัตร หรือ ไปบินชมนกชมไม้ ก็ไม่ทราบ) ... เสียงเครื่องเขาจะฟังนุ่มกว่าเสียงเครื่องบินทั่วไป จะไม่ดังแสบแก้วหู เสียงเหมื่อนเคลื่อนไปมากกว่าบินไป ..แบบวัตถุเขาไม่เสียดสีกับอากาศมาก จึงดังไม่น่ารำคาญ แม้จะบินค่อนข้างต่ำ เอ๊ะ /. เข้าข้างกันนี่หว่า " ซาวัดดีชาวโลก....ที่ชักจะเพี้ยน ๆ "

 

วันนี้คงต้องมีอะไรพิเศษแน่เลย เพราะเมื่อสักครู่ลงไปที่สนามเห็น เครื่องบิน ทรงหางกระดกแบบปลาโลมา บินไป 2 ลำ ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่คงเกิน 2 เพราะ ก่อนหน้านี้ ก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้ออกไปดู (กำลังโพส # 5814) ...ถ้ารวม ที่เห็นตอนเช้าที่บ้านวันนี้ 3 ลำ บินไปในเวลาใกล้เคียงกัน ก็น่าจะเกิน 5 แน่นอน สรุปว่าวันนี้คงมีอะไรที่ต่างจากปกติ เพราะ เครื่องหางกระดก บินไปในทิศทางเดียวกันในเวลาที่ต่อเนื่องกัน หลาย ๆ ลำ เข้าใจว่าวันนี้ทั้งวัน เป็นวันของเครื่องหางกระดก
......อยากให้ คุณ Juksawat ถอดจิตไปดูจัง ว่า เขามีกิจกกรรมอะไรพิเศษ จะได้ส่งพรรคพวกเขากะลา ไปช่วยบ้าง ส่วนพี่ Thep ขอรอฟังข่าวอยู่บ้านแล้วกัน ถ้าไปด้วยเดี๋ยวเขานึกว่าพวกเดียวกัน จะไม่ได้กลับ ...สงสารลูกน้อย อีก 4 คน กับสามีอีก 1คน ที่รออยู่บ้าน

 

มาคิดเขียนก่อนเข้านอนคืนนี้

มาหวนคิดถึงอดีตกาลที่ผ่านมา(เป็นสัญญานบ่งบอกว่าแก่แล้ว)
เคยแสวงหาศึกษาสารพัดศาสตร์
โดยเฉพาะศาสตร์เกี่ยวกับจิตวิญญาณ พลังทางจิต
หวังเป็นคน ที่มีความสามารถเหนือคน
หวังนำพลังที่ได้เรียนมา เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย
หวังพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่ง
และอีกสารพัดที่จะหวัง

แต่ไม่เคยคิดหวังที่จะค้นหาความหลุดพ้นจากทุกข์ อย่างแท้จริง
เพราะยังหลงติดอยู่ในตัวตน
เหมือนราชสีห์ ติดบ่วงแร้ว
ยิ่งดิ้นยิ่งติดแน่น..ทุกข์ท่วมท้นทวีคูณ

มีเพียงหนูตัวเล็กๆ ที่เคยถูกราชสีห์ดูถูก
สามารถกัดแกะแทะปมบ่วงที่ผูกมัดพันธนาการราชสีห์ไว้
เพียงปมเดียว ก็สามารถทำให้ราชสีห์เป็นอิสระพ้นจากทุกข์ได้

เราจึงไม่ควรดูถูกหนูตัวเล็กๆ
หนูตัวเล็กๆนี่แหละ
จะแก้มัดปมทุกข์ของเราได้
เอวังก็มีนิทานมาเล่าด้วยประการละฉะนี้

หลับฝันดีกันทุกคนนะครับ

 

ขออนุโมทนาอย่างแรงเลยครับ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ สุขสันต์วันเกิดกับจารเม้าท์ด้วยคนนะครับHBDs

 

ท่านั่งของหนุ่มจีน............. ท่านั่งของหนุ่มไทย

 

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย

สุขสันต์วันเกิดด้วยคนครับพี่เม้าท์ ว่าแต่วันคล้ายวันเกิดพี่วันไหนครับ

HBDs dencee

 

ปุ่มอนุโมทนากลับมาแล้ว...
แต่ไม่อยากย้อนกด..
อนุโมทนาบุญกับทุกข้อความที่เป็นสัมมาทิษฐิตรงนี้เลยนะคะ