ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

wave เด็กลงครับจารโม่ กินแหลกลาน เอวขึ้น 2 นิ้ว
ต้องหากางเกงใหม่เอว 33 แล้วครับ
เมื่อวันเสาร์ ซื้อมาเอว 32 ยังเอาไม่อยู่

ตอนนี้ระบบ ให้กินมากๆ จะได้มีแรงทำงานเมื่อถึงเวลา
อยากดู ดู
อยากกิน กิน
อยากทำอะไร ที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น ทำ

แล้วดูเฉยๆ จะสุข จะทุกข์ ก็เรื่องของขันธ์ห้า 555+
เดินเตะมุมประตูมุ้งลวด ได้เลือดไม่น้อย ก็เรื่องของแก
อยากซุ่มซ่ามเอง เจ็บก็ไม่ต้องมาอ้อน ปล่อยให้เจ็บเสียให้เข็ด
ถึงเวลาแตะยาให้หน่อย ทุกข์จะได้น้อยลง








<TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY id=threadbits_forum_2><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_86674 title="-ขอขอบคุณ webmaster.palungjit.org ที่ตอบรับพี่สุดใจ จากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เป็นสมาชิกใหม่ในวันนี้

-และขอขอบคุณท่านที่สนใจติดตามข้อมูลข่าวสารของกลุ่มเขากะลา(เดิม) อย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งกลุ่มเขากะลา ได้เสร็จสิ้นการฝึกจิต และฝึกสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวแล้ว...">แนะนำ ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) (22 คน กำลังดูอยู่) ( 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... หน้าสุดท้าย)
สุดใจเขากะลา
</TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 6,366, จำนวนอ่าน: 303,000">

วันนี้ 11:56 AM
โดย Thepkanya ​

</TD><TD class=alt1 align=middle>6,366</TD><TD class=alt2 align=middle>303,000</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o>ขอเรียนเชิญ ...ร่วม กิจกรรม ที่ "สถานธรรม In house" ใน วันศุกร์ ที่ 30 มกราคม 2552<o></o>
พบ "พระ ดร. สิงห์ทน นราสโภ"

07.00 น. ถวายภัตตาหารเช้า (ท่านฉัน มื้อเดียว)
เสร็จแล้ว พวกเรา...รับประทานอาหารเช้า ร่วมกัน

08.00 น. เป็นต้นไป (คาดว่า เสร็จบ่าย 2 - 3)
- พระอาจารย์ เล่าเรื่องประสบการณ์ "พบมนุษย์ต่างดาว" (สถานปฎิบัติธรรม ใกล้กับ ถ้ำเชียงดาว เป็นสถานที่ ที่ผู้มาจากดาวต่าง ๆ ใช้ประชุมหารือกัน และที่นั่น เป็น "ปลาย" ของเทือกเขาหิมาลัย)
- ให้ความรู้ เรื่อง "พลังรังษีธรรม" (ไว้ใช้ดูแลสุขภาพ)<o></o>
- ให้ธรรมะ "สวดมนต์ ทำสมาธิ"<o></o>
</o>
หมายเหตุ เปลี่ยนจาก วันที่ 26 เป้น วันศุกร์ ที่ 30 ม.ค.52 น๊ะจ๊ะ

 

สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาพูดคุยอะไรเล็กๆ น้อยๆ หลังจากที่ซุ่มติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มเขากะลามาพอสมควร ได้อ่านข้อความที่คุณสุดใจเขียนแล้วรู้สึกว่าใช่เลย สิ่งที่เราสงสัยมาทั้งชีวิต ค่อยๆ คลี่คลายทีละนิดๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป
สงสัยอะไรนั้นวันหลังจะมาเล่าในบอร์ดนี้นะคะ ไม่รู้ว่าจะมีคนอยากอ่านรึปล่าว หุหุ

ช่วงนี้ข้าพเจ้าได้เห็นตัวอย่างคนรอบข้างที่มีความทุกข์ ความทะยานอยาก ได้นั่นได้นี่
แล้วไม่ได้ ตามที่หวัง พวกเขาเหล่านั้น
ร้อนใจ วุ่นวายใจ ดูท่าทางจะไม่ค่อยมีความสุขในชีวิตไม่ว่าจะเป็นพี่ป้าน้าอา หรือญาติ ๆ ต่างๆ แล้วบางทีรู้สึกสลด สังเวช แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง พวกเขาหลงเอาวัตถุภายนอกมาเป็นตัวชี้วัดความสุข ภายในใจเสียแล้ว
ข้าพเจ้าเองได้แต่มองดูแล้วพยายามวางเฉยเพราะไปช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้
ที่พอจะช่วยได้ก็แค่พูด เตือนสติ ให้ คนใกล้ตัวที่สุด ค่อยๆ ละความยึดมั่นถือมั่น ในทรัพย์สินเงินทอง พยายามพูด บอกพวกเขาว่า
" เงิน ซื้อความสะดวกสบาย ให้เราได้ แต่ซื้อความสุขให้เราไม่ได้"
ก็ได้ผลอยู่บ้างค่ะ
แล้วจะติดตามต่อไปค่ะ

 

ถ้าวันที่ 7 กุมภาพันธ์จัดงานที่กรุงเทพฯ คาดว่าคงได้ไปร่วมงานด้วยค่ะ
คิดถึงทุก ๆ คนนะคะ ได้แต่อ่านและกดอนุโมทนาในใจแทน
ไม่ได้หายไปไหนนะคะ ช่วงที่ผ่านมาระบบกำลังช่วยแงะแกะออกให้อยู่ค่ะ
เพิ่งโล่งไปได้ซักอาทิตย์แล้วค่ะ
คนเราต้องมีความเพียรนะคะ ถ้าไม่ทำเรื่อย ๆ บ่อย ๆ ให้ชำนาญ ก็จะหลุดจากอุปาทานยากนะคะ มีสติกำกับตัวตลอดเวลานะคะ
สู้ สู้ ค่ะ

 

อนุโมทนาครับ

" กล่องความต้องการที่เล็กลง ความสุขก็เต็มโดยง่าย "

;aa24

 

ขออนุญาตเอาข้อมูลจากบุคคลที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือมาเผยแพร่ในบอร์ดนี้ นะคะ


“ดร.อาจอง”เตือนซํ้าเรื่อง”สตอม เซอจ” อาจจะเกิดขึ้นจริง

“อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา” อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า แนะ ภายใน 6 ปีรัฐบาลต้องเริ่มคิดย้ายเมืองหลวงได้แล้ว คาดอีก 30 ปีข้างหน้า ภาคกลางของไทยจมใต้ทะเล ตรงกับข้อมูลนาซ่า ที่ระบุว่าระดับน้ำทะเลของไทยจะสูงขึ้น 7 เมตรจากภาวะโลกร้อน ชี้คนไทยต้องฟังคำเตือนของ “สมิทธ” เรื่องสตอร์ม เซิร์จ เพราะอาจเกิดขึ้นจริง ย้อนคำเตือนเขื่อนเมืองกาญจน์แตก ตามรอยแผ่นดินไหว น้ำจะบ่าถึงกรุงเทพฯ ย้ำใช้สติแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะโลกร้อน (Global Warming) กล่าวในงานสัมมนาของบริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น การเคลื่อนไหวของสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จะทำให้เกิดพายุมากขึ้น ดังนั้นประชาชนจึงควรฟังคำเตือนของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ได้ประกาศเตือนไว้ก่อนหน้านี้ ตนเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสตอมเซอจ (Storm Surge) หรือคลื่นพายุหมุน เพราะปัจจุบันธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น โลกของเราเต็มไปด้วยน้ำถึง 3 ใน 4 ส่วน ครึ่งหนึ่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่งผลให้น้ำหนักของโลกไม่เท่ากัน เปลือกโลกจะเริ่มเคลื่อนไหว จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวมากขึ้น โดยเฉพาะตามรอยต่อของเปลือกโลก ทะเลอันดามัน ประเทศอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง กล่าวต่อว่า ภายใน 6 ปี ประเทศไทยควรเริ่มย้ายเมืองหลวง เพราะ 30 ปีข้างหน้า ภาคกลางของประเทศไทยจะจมอยู่ใต้ทะเล ตรงกับแผนที่ขององค์การนาซา (The National Aeronautics and Space Administration-NASA) หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่าระดับน้ำทะเลในประเทศไทยจะสูงขึ้น 7 เมตร ดังนั้น เมืองหลวงควรอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 40-50 เมตร การที่เปลือกโลกร้าวจะทำให้ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และกาญจนบุรี เกิดแผ่นดินไหว ก่อนหน้านี้ตนเคยเตือนว่าเขื่อนที่ จ.กาญจนบุรี จะแตกเพราะอยู่ตามแนวที่จะเกิดแผ่นดินไหว แต่วิศวกรแย้งว่าการออกแบบก่อสร้างเขื่อนทนต่อแผ่นดินไหวได้ 8 ริคเตอร์ แต่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นคือการเคลื่อนที่ของดิน ซึ่งอาจเคลื่อนไปคนละทิศละทาง จึงอาจทำให้เขื่อนแตกได้ และจะส่งผลให้เมืองกาญจน์จมน้ำ แล้วน้ำจะไหลมาสู่ จ.นครปฐม และกรุงเทพฯ ในที่สุด
“ผมอยากฝากถึงรัฐบาลว่า ควรเริ่มคิดจะย้ายเมืองหลวงได้แล้ว เพราะการย้ายเมืองจะใช้ ระยะเวลายาว ผมไม่ได้บอกว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ภายใน 6 ปี แต่ควรจะเริ่มวางแผนย้ายเมืองหลวง และต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 40-50 เมตร สิ่งที่ ดร.สมิทธ ออกมาเตือนทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น เพราะโลกได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน สิ่งที่จะเตือนประชาชนคือ ต้องระมัดระวังเรื่องพายุต่าง ๆ จะรุนแรงมากขึ้น น้ำจะท่วมฉับพลัน แต่ทุกคนต้องมีสติ ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ สติที่ดีจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เราต้องฟังเหตุผลของทุกคน” ดร.อาจอง กล่าวตอนท้าย
สำหรับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นนักวิชาการ นักวิจัยที่มีผลงานมากมาย ผลงานสำคัญชิ้นหนึ่งคือ เคยเป็นหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ร่วมโครงการอวกาศไวกิ้ง ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ออกแบบและสร้างอุปกรณ์ควบคุมการร่อนลงของยานอวกาศไวกิ้ง 2 ลำ ลงสู่พื้นผิวดาวอังคารได้สำเร็จ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส จ.ลพบุรี.


แต่ทว่า…มีข่าวฟ้องร้องให้ยุติการให้ข่าว เพราะว่ามีผู้เสียประโยชน์

ปธ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติฯ ระบุ รองโฆษกชาติไทยทำหนังสือถึง ผวจ.พื้นที่ติดปากอ่าวไทย ขอให้ตนเองยุติให้ข่าว STORM SURGE
ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัย พิบัติแห่งชาติ ระบุ รองโฆษกพรรคชาติไทย ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ติดปากอ่าวไทย ขอให้ตนเองยุติการให้ ข่าวพายุซัดฝั่ง เนื่องจากข่าวดังกล่าวทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์จำนวนมาก
นาย สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมพลังทางสังคม เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดขึ้น ว่า การที่ตนเองออกมาเตือนว่าจะเกิดพายุซัดฝั่ง หรือ STORM SURGE บริเวณอ่าวไทยนั้น ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนตกใจ แต่อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ชี้แจงกับประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร แม้เปอร์เซ็นต์การเกิดภัยธรรมชาติจะมีน้อย แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะหากเกิดที่บริเวณอำเภอปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ จะอพยพผู้คนอย่างไรรวมถึงบ้านที่อยู่ริมฝั่ง ซึ่งคลื่นพายุจะสูงแค่ไหน ขึ้นกับความรุนแรงของพายุ
นอกจากนี้ นายสมิทธ ยังกล่าวด้วยว่า 2-3 วันที่ผ่านมาทราบว่ารองโฆษกพรรคชาติไทย ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดรอบปากอ่าวไทย ให้ตนเองยุติการให้ข่าวเรื่อง STORM SURGE เนื่องจาก หลังตนเองให้ข่าวทำให้ผู้ประกอบการจัดสรรที่ดิน คอนโดมิเนียมในละแวกนั้น ถูกคืนเงินมัดจำ ทำให้เสียผลประโยชน์และโทรมาต่อว่าตนเอง รวมถึงฟ้องนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะไม่หยุดให้ข้อมูลประชาชน ซึ่งหากใครต้องการให้หยุดพูดก็ขอให้ไปฟ้องร้องศาลปกครอง

ที่มา http://www.jedineko.com/?p=1460
​

 

ขออนุญาตเอาข้อมูลจากบุคคลที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือมาเผยแพร่ในบอร์ดนี้ นะคะ

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิศวกร...นักสร้างคน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ </TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 กรกฎาคม 2548 </TD></TR></TBODY></TABLE>
๐ วิศวกรคือคนสำคัญที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ชีวิตมนุษย์เป็นอยู่ได้อย่างสุขสบายขึ้น
๐ แต่สำหรับ​

 

ขออนุโมทนากับคุณkingkaewmath ด้วยครับ
มีเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันฟังนะครับ

สำหรับ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1812905", true); </SCRIPT>อาจารย์ ดร.อาจอง นั้น ผมศรัทธาท่านมานาน
เคยร่วมสวดภชันกับท่านที่อาคารมูลนิธิสัตยาไส ประมาณ 20 ปีมาแล้ว
ขอขอบคุณที่นำเรื่องราวของอาจารย์ ดร.อาจอง มาเผยแพร่ให้สมาชิกเขากะลาได้รับทราบครับ

 

<TABLE style="BORDER-RIGHT: #dddddd 1px solid; BORDER-TOP: #dddddd 1px solid; BORDER-LEFT: #dddddd 1px solid; BORDER-BOTTOM: #dddddd 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#eeeeee><TD class=text_style2 style="BORDER-BOTTOM: #ffff99 1px solid" vAlign=top align=left colSpan=2>
</TD></TR><TR bgColor=#dddddd><TD vAlign=center align=left> </TD></TR></TBODY></TABLE>

ต่างวัยแต่หัวใจเดียวกัน...ภาพนี้ดูอบอุ่นจริงๆ

 

กลับจากเขากะลาเที่ยวนี้ จารจุก ไม่ยักมาเล่านิทานเขากะลา ให้ฟังเหมือนเคย

 

ครั้งนี้ ไม่ได้รับแจ้งจากระบบให้มาเขียนหรือมาเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนๆฟัง เลยทำให้เขียนไม่ค่อยจะออกจำอะไรไม่ค่อยจะได้อะครับ....เลยไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆฟังเหมือนเคย

 

รออ่านครับ


อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ MOUNTAIN
กลับจากเขากะลาเที่ยวนี้ จารจุก ไม่ยักมาเล่านิทานเขากะลา ให้ฟังเหมือนเคย

นั่นสิครับ ได้แต่ดูรูปอย่างเดียว ไม่ได้รู้เรื่องราวอื่นๆเลย
คิดว่าคนอื่นๆที่ไม่ได้ไปร่วมก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ

 

พร้อมเมื่อไหร่ ก็เข้ามาเล่านะคะ รออ่านอยู่ค่ะ และขออนุโมทนากับประโยคนี้ค่ะ

"ได้อ่านข้อความที่คุณสุดใจเขียนแล้วรู้สึกว่าใช่เลย สิ่งที่เราสงสัยมาทั้งชีวิต ค่อยๆ คลี่คลายทีละนิดๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป"

และขอขอบคุณที่นำเรื่องราวของดร. อาจอง ชุมสาย มาลง ซึ่งเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ที่จะนำไปให้พี่น้องครอบครัวอ่าน เป็นประโยชน์มากค่ะ

 

สงสัยอาจารย์จุกตามรู้ขันธ์ ๕ จนแยก ดิน น้ำ ลม ไฟ บางส่วนไปได้แล้วมั๊งคะ คงจะ เบรอๆ ไม่อยากพูด ไม่อยากเขียน ไม่อยากเล่า

ขออนุโมทนาค่ะ

 

โอโฮ...อยู่ไกลถึงอเมริกา รู้ได้งัยเนี๊ยะ
ก็เพิ่งจะรับฟังการขยายระบบจาก อ.สุดใจ ในเรื่องนี้ทางโทรศัพท์เมื่อเย็นวันนี้เอง
ยังงัยก็ต้องขออนุโมทนากับคุณ Digital ในเรื่องนี้เช่นเดียวกันครับ.....

 

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=#cccccc border=2><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>

<CENTER></CENTER>



[FONT=ms Sans Serif,]<CENTER>นาทีสงบ [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]ความวาบไหวไหลผ่านการรู้เห็น [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]บังเกิดเป็นเรื่องราวให้กล่าวขวัญ [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]สิ่งดีร้ายที่เกิดในชีวัน [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]เพราะลวดลายกรรมผันให้พลิกแพลง [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]จากอารมณ์สู่ทวารสานสืบจิต [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ความนึกคิดวิปลาสเข้าเคลือบแฝง [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]เรียงร้อยเป็นเรื่องราวกล่าวสำแดง [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]แล้วตอบโต้ด้วยแรงชอบกับชัง [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]ความฟุ้งซ่านเข้าผสานสืบผสม [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]เชื่อมอารมณ์วกวนชนหน้าหลัง [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ขาดสติปัญญามาระวัง [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ปล่อยคลื่นพังเขื่อนใจไหลท่วมจินต์ [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]จึงเวียนว่ายไม่วางกลางกระแส [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]วุ่นวายแก้ปัญหาอันโหดหิน [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ที่ตนเองก่อไว้ในชีวิน [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]เพราะไม่สิ้นอัตตามาสั่งการ [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]หากเปลี่ยนใหม่ให้ใจใช้สติ [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]และดำริปัญญามาตอบสาร [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ความจำคิดเห็นผิดติดสันดาน [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]จะถึงกาลถูกรอนถอนจากใจ [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]ที่เคยหลงว่าดีมีตัวตน [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]หลงว่างามเหลือล้นสุขสดใส [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]จะปรับทิศตรงทางห่างเภทภัย [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]วิปลาสจางไปจากชีวา [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]แล้วเมื่อนั้นท่านจักมีนาทีสงบ [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]เพราะได้พบต้นตอก่อปัญหา [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]และตัดทิ้งด้วยอาวุธคือปัญญา [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ชีวิตที่หนักหนาก็เริ่มเบา [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]ความกลุ้มรุมสุมใจในวันก่อน [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]เริ่มถ่ายถอนเพราะใจไร้ความเขลา [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]การไขว่คว้ายึดไว้ได้บรรเทา [/FONT]
[FONT=ms Sans Serif,]ไร้ตัวเราให้ยึดถือมือปล่อยวาง [/FONT]

[FONT=ms Sans Serif,]<CENTER> </CENTER>[/FONT]

​

[FONT=ms Sans Serif,]</CENTER>[/FONT]


</TD></TR><TR><TD>[FONT=ms Sans Serif,]โดย พี่ดอกแก้ว [20 ม.ค. 2552 , 09:38:53 น.][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11773

 

ขอบคุณครับ คุณ mountain
แวะเข้ามาอ่านวันละ 5-6หน้า
อ่านไปเรื่อยๆครับ เยอะดีมากๆ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ

 

ขอบคุณครับ คุณ Digital

ยินดีครับ

ขอไปอ่านกระทู้ต่อล่ะครับ

 

สวัสดีค่ะ วันนี้เห็นสมาชิกในบอร์ดนี้รออ่านสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยสงสัยอยู่ก็เลยจะมาเล่าสู่กันฟัง
ที่บอกว่าสงสัยมาทั้งชีวิต ก็เนื่องจากว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าสงสัยนั้น
สงสัยมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล ตั้งแต่จำความได้เลยว่างั้น
เราเป็นเด็ก พอสงสัยอะไรก็ไปถามคุณพ่อกับคุณแม่ แต่!!
คำตอบที่ได้ไม่ได้คลายความสงสัยให้ข้าพเจ้า
กลับสร้างความขบขัน พิลึก ฉงน ให้พ่อกับแม่แทนว่า
เป็นเด็กเป็นเล็กสงสัยอะไรอย่างนั้น สิ่งที่สงสัยมีดังนี้

1.ข้าพเจ้าเกิดมาทำไม
2.เกิดความรู้สึกขึ้นมาเองว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่ โลกนี้มีแต่ความทุกข์ ไม่อยากเกิดเลย
(ข้อนี้บอกพ่อกับแม่แล้ว แต่ท่านขำมากกว่าเพราะคิดว่าเป็นเด็กเป็นเล็กมีความทุกข์อะไรนักหนา)
3.ความรู้สึกที่เป็นตัวตนของเรามันเริ่มมาจากตรงไหน แล้วมันไปสิ้นสุดที่ไหน(ข้อนี้เก็บไว้ในใจยังไม่เคยเอ่ยถามใคร)
4.ทำอย่างไรถึงไม่ต้องเกิดมา (ตอนเป็นเด็ก ยังไม่เคยได้รู้จักศาสนาพุทธ คิดว่าพอตายแล้วก็จบ ตัวตนเราก็ไม่มี จึงคิดตามประสาเด็กว่าน่าจะตายดีกว่า พอโตขึ้นมาศึกษาศาสนาพุทธ จึงรู้ว่าตายแล้วยังต้องเกิดอีกยังไม่จบแค่นั้นค่ะ)

พอเรามีความคิดเช่นนี้ แน่นอนความประพฤติก็ไม่เหมือนเด็กอนุบาลคนอื่นๆ
ข้าพเจ้าไปโรงเรียน ไม่เล่นกับเพื่อน ไม่ร่าเริง นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
จนครูที่สอนชั้นอนุบาลสงสัย ไปถามพ่อกับแม่ว่า ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
พ่อกับแม่ก็ตอบว่า ไม่มีปัญหา อะไรเลย ครอบครัวอบอุ่น

พออยู่ชั้นประถม ข้าพเจ้าก็เลิกนั่งคิด หันไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่นๆ
แต่!! ความสงสัยนั้นยังเก็บไว้ค่ะ ยังไม่หายไปไหน จนกระทั่ง
........โตขึ้นประมาณชั้นป.6 ได้ศึกษาพุทธประวัติ
เกิดความเลื่อมใสศรัทธาตั้งแต่นั้นมา
จึงศึกษามาเรื่อยๆ จนกระทั่งบัดนี้ค่ะ
ความสงสัยก็คลี่คลายลงทีละนิด แต่ !!!
เนื่องจากว่าชีวิตวัยเรียนยังไม่เจอปัญหา สิ่งที่ศึกษานั้นยังคงเป็นแค่ทฤษฎี....
จนกระทั่งเรามาทำงาน พบเจอปัญหาต่างๆ ความทุกข์ใจเริ่มเข้ามา เมือนแบบฝึกหัด
ให้เราฝึกให้เราแก้ เพื่อคลี่คลายความทุกข์ใจดังกล่าว ให้ได้
ข้อความที่คุณสุดใจได้เขียนเล่าไว้ เหมือน กับมีครูมาเฉลยแบบฝึกหัด
ให้เราทราบว่า การแก้ปัญหาที่เรากำลังดำเนินอยู่ ถูกทางแล้วหรือยัง
ผลลัพธ์ที่ได้มานั้น คือความทุกข์ใจ ลดน้อยลงหรือไม่
มันลดลงค่ะ มาถึงขณะนี้ รู้แล้วว่าความทุกข์ทั้งหมด ที่เกิดขึ้นนั้น
เกิดจาก
"เรายึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ในร่างกายของเรา และร่างกายของคนอื่นนั่นเอง"

และอีกเรื่องที่สงสัย สงสัยตอนเรียนชั้น มัธยมต้น สงสัยว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่

ความสงสัยนี้ได้รับการคลี่คลายลงแล้ว ตั้งแต่มารู้จักกับกลุ่มเขากะลา ค่ะ
ขออนุโมทนากับคุณสุดใจนะคะ

 

ทักทาย เจ้าของกระทู้ครับ
ขออนุญาติเรียก พี่สุดใจนะครับ