ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ปีใหม่ของประเทศไหนๆ ก็มีปัญหาเรื่องรถไฟเหมือนกัน​

​

รถไฟประเทศอินเดีย​

​

รถไฟฟ้าประเทศไทย​

รถไฟประเทศจีน​

คนจีนเผยประสบการณ์อันเลวร้าย ในการโดยสารรถไฟกลับบ้านช่วงตรุษจีน

เจิ้งโจว 22 ม.ค.- การโดยสารรถไฟเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นฝันร้ายของคนจีนจำนวนมาก เพราะรถไฟแต่ละขบวนต่างแน่นขนัดไปด้วยฝูงชน มีบางคนต้องทนยืนอยู่บนรถไฟนานถึง 28 ชั่วโมง กว่าจะถึงที่หมาย

นาย สี่ เยี่ยเฟิง วิศวกรโยธาชาวจีน วัย 24 ปี เผยถึงช่วงเวลาอันสุดแสนทรมานในการโดยสารรถไฟช่วงตรุษจีนว่า ต้องทนยืนอยู่บนรถไฟท่ามกลางฝูงคนแน่นขนัดนานถึง 28 ชั่วโมง โดยไม่มีอาหารหรือน้ำตกถึงท้อง ตู้รถไฟที่เขาโดยสารอยู่เต็มไปด้วยผู้คนหลายร้อยคน

นายสี่บอกว่า เขาเสียค่าตั๋วรถไฟเป็นเงินประมาณ 100 หยวน หรือประมาณ 500 บาท แต่บริการที่ได้รับกลับไม่คุ้มค่าตั๋วที่เสียไป เพราะนอกจากจะไม่ได้นั่งแล้ว บนรถไฟยังไม่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศอีกด้วย ครั้นจะเข้าห้องน้ำก็ทำไม่ได้ เพราะในห้องน้ำมีคนเมาเหล้านอนสลบไสลอยู่

รัฐบาลจีนคาดว่า จะมีชาวจีน 188 ล้านคน เดินทางโดยรถไฟ และอีก 24 ล้านคน เดินทางโดยเครื่องบินกลับไปเยี่ยมครอบครัว ในช่วง 40 วัน ทั้งก่อนและหลังเทศกาลตรุษจีนนี้ และแม้จีนจะติดอันดับประเทศหนึ่งที่มีเครือข่ายรถไฟใหญ่ที่สุดในโลก แต่จีนก็ยังไม่สามารถรับมือกับคลื่นมหาชนที่แห่กลับบ้านพร้อมกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน

อีกปัญหาหนึ่งที่พบกันมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็คือ การโก่งราคาค่าตั๋วรถไฟ ส่งผลให้บางคนต้องจ่ายค่าตั๋วรถไฟแพงขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 20 แต่ผู้โดยสารหลายคนก็ยอมจ่าย เพราะต้องการเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลหยุดยาวนี้ ส่วนการใช้บริการห้องน้ำบนรถไฟซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีผู้คนเข้าคิวยาวหน้าห้องน้ำ ก็ทำให้ผู้โดยสารหลายคนใช้วิธีใส่ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าห้องน้ำขณะโดยสารรถไฟ บริษัทผลิตผ้าอ้อมในจีน จึงมียอดขายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลตรุษจีน

รัฐบาลจีนคาดว่า จะแก้ปัญหาความแออัดคับคั่งบนรถไฟให้สำเร็จก่อนปี 2555 ด้วยการขยายเส้นทางรถไฟออกไปจาก 79,000 กิโลเมตร เมื่อปี 2551 ให้เป็น 110,000 กิโลเมตร.-สำนักข่าวไทย

2009-01-22 12:25:41

ที่มา http://news.mcot.net

 

ไหนๆ หลานคนไหน? มาดูผิดปู่ k. ว่าปู่บ่อลัก ( ไม่มีแรง) จะพาคนไปได้สักกี่คน ถ้าเป็นหลานชายปู่จะจับมาตีก้น เป็นหญิงจะตีน่องให้เข็ด
<O</O
<O</O
อย่างน้อยปู่ก็เป็นเด็กเส้นมีสี พ่อปู่เป็นคนเขียนบท ท่านปู่ก็ลงมากำกับเอง เพียงแต่ปู่ k. เล่นไปตามบท
<O</O
<O</O
อย่างน้อยก็ 5 คนที่รอด ครอบครัวปู่ k. ไง หลาน ฮา.....
<O</O
<O</O
12 ม.ค. 52<O</O
<O</O
ยายกับตา แห่งทุ่งหมาเมิน<O</O
<O</O
ตา: ยายเมื่อวานนี้ข้าเดินผ่านบ้าน ผู้ใหญ่ลี แกเห็นข้า <O</O
เข้า ก็กวักมือเรียก ข้าเลยเข้าไป แกบอกกับข้าว่า <O</O
ทางการเขามีโครงการ แจกยาชูกำลัง กินแล้ว ซู่ซ่าๆ <O</O
ข้าก็ไม่เข้าใจว่าเป็นยาอะไร?<O</O
ยาย: อ๋อ เขาเรียกว่า ยาวิโพ อะไรดี ดีนี่แหละ ข้าเคยเห็น<O</O
ในโทรภาพ<O</O
ตา: เอ ข้าว่าไม่ใช่ชื่อนี้นะยาย ชื่อมันไม่คุ้นหูข้าเลย<O</O
ยาย: ถ้าเป็นสมัยนี้ เขาเรียก เอ็มร้ง เอ็มร้อย อะไรนี่แหละ<O</O
ข้าก็ไม่สันทัด ภาษาฝรั่งหลอก ตา<O</O
ตา: เออ...เออ ข้านึกออกแล้วยาย แต่ไม่ถึงร้อยหรอก <O</O
แค่ เอ็มสิบกว่าๆนี่เอง
<O</O
<O</O
22 ม.ค. 52
<O</O
<O</O
ถนนที่ว่างกับน้ำแดง
<O</O
<O</O
วันนี้ ผมได้ขับรถออกสู่ท้องถนน เอ...? แปลกจัง ทำไม? วันนี้ไม่มีผู้คนออกมาเดินเลยสักคน แต่...ทำไม? บนถนนกลับมีน้ำสีแดงเรี่ยราดเต็มไปตลอดทางที่ผมขับรถผ่าน
<O</O
<O</O
ภาพถูกตัดไปที่ห้างสรรพสินค้า ผมเห็นคนรู้จัก หิ้วของพะรุงพะรังเต็มไปหมด จนผมต้องเข้าไปช่วยหิ้ว ส่วนผมก็ซื้อนิดหน่อย <O</O

 

วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6629 ข่าวสดรายวัน


นักวิทยาศาสตร์คอนเฟิร์ม-สีส่งผลต่ออารมณ์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>สีส่งผลต่ออารมณ์มนุษย์ ทั้งสร้างความมั่นใจ ก่อให้เกิดความเครียด ลดความเครียด สร้างความสุข ดร.ดันแคน สมิธ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซัสเส็กซ์ ประเทศอังกฤษ จึงทดลองด้วยการให้อาสาสมัครเข้าไปอยู่ในห้องครั้งละ 1 คน จากนั้นเปิดแสงไฟครั้งละ 1 สี แล้วบันทึกการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับของเหงื่อที่ไหลออกมา พบว่า

"สีน้ำเงิน" เป็นสีที่ทั้งชายและหญิงรู้สึกผ่อนคลาย

"สีม่วง" เป็นสีที่เฉพาะผู้หญิงรู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น

"สีน้ำเงิน" และ "สีเขียว" ทำให้ผู้ชายมีความสุข

"สีน้ำเงิน" "สีส้ม" และ "สีม่วง" เป็นสีที่สร้างฮึกเหิมให้กับผู้หญิง

"สีน้ำเงิน" และ "สีแดง" เป็นสีที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ชาย

"สีน้ำเงิน" และ "สีม่วง" เป็นสีที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิง

"สีแดง" เพิ่มระดับความหลงตัวเองในผู้ชาย และเป็นสีที่ทำให้ทั้งชายและหญิงรู้สึกผ่อนคลายน้อยที่สุด

ดร.สมิธ กล่าวว่า "เรามีความเชื่อมานานแล้วว่า สีส่งผลต่ออารมณ์ ซึ่งการทดลองนี้เป็นหลักฐานยืนยันความเชื่อดังกล่าวในทางวิทยาศาสตร์"

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 313 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6629 ข่าวสดรายวัน[/FONT]


[FONT=Tahoma,]หมอกจัด[/FONT]



[FONT=Tahoma,]<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[/FONT]
[FONT=Tahoma,][/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE>อากาศหนาวเย็นที่มหาสมุทรอาร์กติก ก่อให้เกิดหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น ภาพนี้เป็นเรือที่แล่นผ่านกลุ่มหมอกที่ร็อกแลนด์ รัฐเมน สหรัฐอเมริกา ขณะที่อุณหภูมิลดต่ำถึง -24.5 องศาเซลเซียส หมอกนี้เกิดจากอากาศหนาวพัดผ่านน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงกว่า

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเช้าแถวบ้านก็มีหมอกครับ ผมขอพร 27ประการให้คุณปู่ k isara มีสุขภาพแข็งแรงมีอายุยืน 300 ปีเห็นในเว็บบอกจะอายุยืน 300 ปีครับ มีแรงช่วยคนในภัยกึ่งพุทธกาลครับ อย่าลืมยาดมด้วยนะครับเดี๋ยวจะว่าไม่เตือนนะจะบอกให้

วิฑูรย์เบรกขรก.ห้ามปูดปลาป๋องเน่า

แฉเสี่ยวิเชนคนบริจาคที่แท้สนิทคนใกล้ชิดรมต.

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. นายทรงชัย โรหิตะชาติ ผอ.สำนักช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามปกติปภ.มีหน้าที่ในการจัดถุงยังชีพหรือผ้าห่มแจกประชาชนผู้ประสบภัยในแต่ละจังหวัด โดยจะใช้วิธีการจัดซื้อของตามประกาศกรมปภ. ซึ่งจะมีการกำหนดสเป็คไว้ชัดเจน เช่น ถุงยังชีพ ต้องมีของ 12 อย่าง มีข้าวสารกี่กก.หรือเป็นข้าวเหนียวก็แล้วแต่พื้นที่และความต้องการของชาวบ้าน มีปลากระป๋อง น้ำพริก บะหมี่ เป็นต้น แต่ละจังหวัดจะปรับให้เหมาะสมความเดือดร้อนชาวบ้าน ซึ่งต้องตรวจสอบเรื่องวันหมดอายุ ตั้งแต่ได้รับสินค้าจนถึงมือประชาชนอย่างน้อย 3 รอบ เพราะอาจมีของแตกและเน่าเสียทั้งถุงได้ แต่ที่ผ่านมาปภ.ไม่เคยจัดซื้อปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอยมาแจกประชาชนเลย เพราะเป็นของที่ไม่ได้ขายตามท้องตลาด
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภายในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ว่า นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมฯ ได้ส่งหนังสือเวียนถึงข้าราชการทุกระดับ สั่งงดให้ข้อมูลและให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชนกรณีปลากระป๋องเน่า ยกเว้นผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น ขณะเดียวกันนายวิฑูรย์ ยังงดให้สัมภาษณ์ใด ๆ ผ่านโทรศัพท์ โดยให้ผู้ติดตามตอบผู้สื่อข่าวที่โทรศัพท์ขอสัมภาษณ์ว่า นายวิฑูรย์ ไม่ขอพูดเรื่องปลากระป๋องเน่าอีก จะขอชี้แจงผ่านสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น นอกจากนี้นายวิฑูรย์ยังงดเดินทางไปเป็นประธานเปิดสัมมนาตามหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งที่ตอบรับไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในวันที่ 23 ม.ค.ซึ่งมีกำหนดการไปเป็นประธานเปิดสัมมนาวิชาการเนื่องในวันสถาปนาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ครบรอบ 55 ปีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการกะทันหันโดยมอบหมายให้นายชาญยุทธ โฆศิรินนท์ ที่ปรึกษารมว.การพัฒนาสังคมฯ ไปเป็นประธานเปิดงานแทน เพื่อหลบเลี่ยงที่จะพบสื่อมวลชน ขณะที่นายวิเชน สมมาต เสี่ยธุรกิจก่อสร้างที่ถูกโบ้ยเป็น “แพะ” เจ้าของปลากระป๋องเน่า ก็ปิดโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้
นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯนำถุงยังชีพไปแจกประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และปรากฎว่ามีการนำปลากระป๋องเน่าไปแจกจนประชาชนเจ็บป่วยนั้น ที่นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมฯ อ้างว่าแจกถุงยังชีพ1500ถุงนั้น ความจริงแล้วมีการเตรียมไว้ถึง 2 หมื่นถุง โดยขณะนี้นำไปจัดเก็บที่ บ้านราชวิถี นอกจากนี้ นายวิเชน สมมาตร นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่อ้างว่าไม่รู้จักนักการเมืองนั้น จริงๆแล้วนายวิเชนคือคนทำถุงยังชีพที่ตนขอเรียกว่าคือถุงปลิดชีพ และนายวิเชนนั้นมักป่วนเปี้ยนอยู่แถวๆนี้ โดยทำหน้าที่เป็นนายหน้ารับเหมาหลายเรื่องผ่านนายอ.และนายช.คนใกล้ชิดรัฐมนตรี
“วันนี้รัฐบาลโยนบาปให้นายวิเชน ซึ่งชาวจ.พัทลุงก็รู้ดีว่าคนๆนี้ทำอาชีพอะไรและใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ ผมขอเรียกร้องข้าราชการให้ออกมาเรียกศักดิ์ศรีคืน เพราะตอนนี้มีข่าวว่ามีการรวบรวมชื่อผู้เสียหายผ่านองค์กรเอ็นจีโอเพื่อฟ้องร้องคดีอาญาและคดีแพ่งด้วย ดังนั้นนักการเมืองจะใช้ข้าราชการเป็นแพะตัวสุดท้าย ผมจะรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความเอาผิดกับรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย”โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ขอให้กระทรวงสาธารณสุขและผู้ว่าฯทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบด้วย เนื่องจากเมื่อเช้านี้ วันที่ 22 ม.ค.ที่ซอยจรัลสนิทวงศ์ 57 ตนพบปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอยบรรจุไว้ในสังฆภัณฑ์ด้วย จึงขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้ด้วย
ด้านน.ส.ฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เพียง 10 กว่าวันที่เป็นรัฐมนตรี ก็มีเรื่องฉาวโฉวเหม็นเน่าแล้ว ดังนั้นต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าโรงงานดังกล่าวมีจริงหรือไม่ และได้รับอย.อย่างถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งอยากรู้ว่าการดูแลประชาชนของรัฐบาลชุดนี้นั้นมีความจริงใจหรือไม่ นอกจากนี้ หากมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลขึ้นเมื่อไหร่ รมว.พัฒนาสังคมฯนั้นจะเป็นคนหนึ่งที่โดนถล่มอย่างแน่นอน

<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>เฉินก้วนซีโผล่โฆษณาเสื้อลายโอบามา

มีนัดโปรโมตหนังที่ไทยเดือนมีนา

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เมื่อ 22 ม.ค. ไชน่านิวส์รายงานว่า เอดิสัน เฉินก้วนซี ซูเปอร์สตาร์ฮ่องกงผู้อื้อฉาวจากกรณีภาพลับสวาทกับดาราสาวมากหน้าหลายตา หลุดแพร่สะพัดทางอินเตอร์เน็ต เมื่อปีก่อน ส่งสัญญาณคืนวงการ ด้วยผลงานถ่ายโฆษณาล่าสุด เปิดตัวอยู่ในขณะนี้ เป็นภาพโฆษณาแฟชั่นของแบรนด์ยี่ห้อ Clot ซึ่งตัวหนึ่งมีลายเป็นรูปนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ

ด้านผู้จัดการส่วนตัวของเฉินก้วนซี กล่าวว่า พระเอกคนดังจะหวนคืนวงการอีกครั้ง ในช่วงที่ภาพยนตร์ล่าสุดเรื่อง "Snipers" ออกฉายในเดือนมีนาคม มีแนวโน้มว่า พระเอกเฉินจะร่วมเดินสายกับนักแสดงอื่นๆ ไปที่ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทยและเกาหลีใต้ ส่วนเรื่องคดีฟ้องบุคคลที่เผยแพร่ภาพลับ ได้แก่ นายเซียะ โหชุน ช่างคอมพิวเตอร์วัย 23 ปี ทางเฉินปฏิเสธที่จะไปให้การต่อศาลในฮ่องกงอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเลือกส่งหลักฐานให้แทน

ดูข่าวนี้แล้วเสียวจังกลัวคลิบ ตัวเองระบาด

สึนามิ"โบราณ จุฬาฯตามรอย600ปีก่อน

ราชภัฏวันนี้

คัคนานต์ ดลประสิทธิ์ รายงาน



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ดร.เครือวัลย์
</TD></TR></TBODY></TABLE>เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 นับว่าเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความรุนแรง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มากกว่า 220,000 คน ใน 11 ประเทศ

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มากที่สุด และเป็นประเทศที่มีจารึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสึนามิยาวนานถึง 400 ปี แต่ไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงเท่าเหตุการณ์เมื่อปี 2457

สำหรับในประเทศไทยก็ไม่มีจารึกทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงสึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันสำหรับคนไทย

ดังนั้น คณาจารย์จากภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดทำงานวิจัย Paleotsunami หรือ สึนามิโบราณ ขึ้น

เพื่อเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าเคยเกิด สึนามิในมหาสมุทรอินเดียมาแล้วหลายครั้งในอดีต และมีส่วนช่วยในการประ เมินความเสี่ยงของพื้นที่ เพื่อที่ชาวบ้านหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งนั้นๆ จะได้เตรียมรับมือกับมหันตภัย ตลอดจนลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น

รวมทั้งยังเป็นกรณีศึกษาให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น อีกด้วย

ทั้งนี้ งานวิจัยสึนามิโบราณ ถูกตีพิมพ์เป็นบทความวิจัยเรื่อง "Medieval forewarning of the 2004 Indian Ocean tsunami in Thailand" ในวารสาร Nature ฉบับประจำรายสัปดาห์ของวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลา คม พ.ศ.2551 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nature.com)

สำหรับวารสาร Nature เป็นวารสารของประเทศอังกฤษที่เผยแพร่ผลงานวิจัยทางวิชาการที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับหนึ่งของโลก

นอกจากนี้ ยังได้รับการเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ BBC News ไปทั่วโลกอีกด้วย <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นรายงานการศึกษาชิ้นแรกที่ยืนยันว่าเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เคยมี สึนามิขนาดใหญ่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดียมาแล้วหลายครั้ง

ดร.เครือวัลย์ จันทร์แก้ว อาจารย์ ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยา ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า งานวิจัยเรื่องนี้เริ่มศึกษามาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 โดยเริ่มจากการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสึนามิ บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง และสตูล เพื่อหาหลักฐานตะกอนที่ถูกพามาสะสมโดยสึนามิ

ทั้งนี้ คณะทำงานได้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ของ จ.ภูเก็ต และพังงา โดยขุดและเจาะลงไปในพื้นดินลึกประมาณ 1 เมตร

การลงพื้นที่นั้น ได้ค้นพบหลักฐานทางธรณีวิทยาที่สามารถยืนยันได้ว่า ในอดีตประเทศไทยเคยเกิดสึนามิขึ้นมาแล้ว และเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 600-700 ปีที่แล้ว

โดยหลักฐานที่ค้นพบอยู่บริเวณเกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา สำหรับหลักฐานที่ค้นพบนั้น คือ ตะกอนทราย 3 ชั้น แทรกอยู่ระหว่างชั้นดินสีดำ ซึ่งทั้งหมดถูกปิดทับด้วยชั้นตะกอนสึนามิ เมื่อปี 2547 มีความหนาอยู่ที่ 5-20 เซนติเมตร

"เหตุผลที่นักวิจัยศึกษาวิจัยเรืองนี้ เนื่องจากเมื่อปี 2547 คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าสึนามิจะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 จึงเกิดคำถามมากมายในวงวิชาการว่าจะมีโอกาสเกิดซ้ำได้อีกหรือไม่

ดังนั้น ถ้าสามารถหาหลักฐานได้ว่าประเทศไทยเคยเกิดภัยพิบัติสึนามิมาแล้วในอดีต ก็จะมีส่วนช่วยในการประเมินความเสี่ยงของพื้นที่ เพื่อที่ชาวบ้านหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งนั้นๆ จะได้เตรียมรับมือกับมหันตภัยดังกล่าว ตลอดจนลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้" ดร.เครือวัลย์ กล่าว <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

ดร.เครือวัลย์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างจากเปลือกไม้จำนวนหลายตัวอย่างที่อยู่ระหว่างรอยต่อของชั้นดินกับชั้นทรายสึนามิโบราณชั้นบนสุดและส่งตัวอย่างนี้ไปตรวจหาอายุที่ประเทศสหรัฐ อเมริกา ด้วยวิธีคาร์บอน 14 ผลปรากฏว่าได้อายุที่ใกล้เคียงกันมาก คือ 600 ปี

ทำให้ทราบว่าเหตุการณ์สึนามิครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 600 ปีที่แล้ว

ส่วนตะกอนทรายสึนามิโบราณอีก 2 ชั้น ที่อยู่ลึกลงไปยังไม่สามารถหาอายุได้อย่างแน่ชัด แต่จากอายุของตัวอย่างหอยที่อยู่ลึกลงไป ทำให้คาดว่าชั้นทรายสึนามิ โบราณอีก 2 ชั้นนี้มีอายุน้อยกว่า 2,800 ปี

อย่างไรก็ตาม อายุของเหตุการณ์ สึนามิที่ได้จากการศึกษาในประเทศไทยนั้น สอดคล้องกับข้อมูลการศึกษาที่บริเวณเมืองอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย โดยทีมวิจัยจากสหรัฐอเมริกา ที่พบตะกอนสึนามิโบราณที่มีอายุใกล้เคียงกันในสองประเทศ ซึ่งต่างก็ได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547

ทำให้เชื่อว่าเหตุการณ์สึนามิเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก และไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะเกิดเป็นครั้งสุดท้าย

ดร.เครือวัลย์ กล่าวด้วยว่า หากค้นพบบันทึกทางประวัติศาสตร์หรือหลักฐานทางธรณีวิทยาของสึนามิโบราณเหล่านี้ก่อนปี พ.ศ. 2547 จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คงไม่สูงอย่างที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยและนักท่องเที่ยวถึงวิธีปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ การที่ประชาชนรู้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดสึนามิ และรู้ถึงวิธีปฏิบัติตน จะช่วยลดการสูญเสียที่อาจเกิดจากเหตุการณ์สึนามิทั้งขนาดเล็กและที่มีความรุนแรงคล้ายกับปี 2547 ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องสึนามิมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้คนตื่นตัวและรู้วิธีปฏิบัติตน เพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้

หากรัฐบาลไทยร่วมกับกระทรวงศึกษา ธิการ ให้การศึกษาเกี่ยวกับสึนามิอย่างจริงจัง เพื่อถ่ายทอดข้อมูลและความรู้ไปยังคนรุ่นหลังได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ดร.เครือวัลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับงานวิจัยครั้งนี้ใช้งบประมาณเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหลายแหล่ง ทั้งจากจุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (ซีแอตเติล) โดยใช้เวลาในการทำงานวิจัยกว่า 2 ปี

ถึงแม้เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 600 ปีก่อน แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่ควรชะล่าใจ

ดังนั้น ควรนำมาเป็นอุทาหรณ์ พร้อมทั้งหาทางป้องกันหรือเตรียมตัว รวมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำ

เพราะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 อาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และอาจจะเกิดขึ้นซ้ำได้อีก





ชั้นตะกอนทราย

ชั้นตะกอนทราย (สีจาง) แทรกสลับกับชั้นดินเหนียว (สีดำ) พบที่เกาะพระทอง จ.พังงา ชั้นทรายบนสุด (ชั้น A) เป็นชั้นตะกอนทรายที่ถูกพัดพามาสะสมโดยสึนามิปี 2547 ชั้นทรายที่อยู่ถัดลงไป (ชั้น B) มีอายุ 600-700 ปี ส่วนชั้นทรายที่อยู่ด้านล่างอีก 2 ชั้น (ชั้นC และ D) ยังหาอายุไม่ได้แน่ชัด แต่คาดว่ามีอายุน้อยกว่า 2,800 ปี ซึ่งชั้นตะกอนทราย B, C และ D นี้ สันนิษฐานว่าถูกพัดเข้ามาสะสมโดยสึนามิโบราณ (หมายเหตุ : แถบสีขาวบนไม้มีความยาว 10 เซนติเมตร)

[FONT=Tahoma,]หน้า 21[/FONT]

ยิวถอนทหารพ้นกาซ่า



เมื่อ 21 ม.ค. โฆษกกองทัพยิวอิสราเอลแถลงว่า ทหารอิสราเอลถอนกำลังทั้งหมดออกจากเขตฉนวนกาซ่าแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ยังคงคอยตรึงกำลังอยู่รอบนอกเอาไว้รับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐบาลอิสรา เอลตัดสินใจยุติปฏิบัติการถล่มเป้าหมายกองกำลังติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซ่าเพื่อแสดงให้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรสำคัญเห็นว่า อิสราเอลจะ ไม่สร้างปัญหาให้โอบามาเพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ทั้งนี้ อิสราเอลโจมตีกาซ่ามานาน 22 วัน ทำให้ชาวบ้านปาเลสไตน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส เสียชีวิต 1,300 ราย

หน้า 7



</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรือขุดแมนฮัตตัน​

​

<!-- / message --><!-- edit note -->กบฎแมนฮัตตัน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กบฏแมนฮัตตัน ชื่อเรียกเหตุการณ์การกบฏในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2494 เมื่อทหารเรือกลุ่มหนึ่ง นำโดย น.ต.มนัส จารุภา รน. ทำการกบฏจี้ตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม ระหว่างเป็นประธานในพิธีรับมอบเรือขุดสันดอน สัญชาติอเมริกัน ชื่อ แมนฮัตตัน ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่กรุงเทพมหานคร โดยนำไปกักขังไว้ในเรือหลวงชื่อ "ศรีอยุธยา" ที่จอดรออยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

หัวหน้าคณะก่อการ คือ น.อ.อานนท์ บุญฑริกธาดา รน.สั่งการให้ทหารเรือกลุ่มที่สนับสนุนการก่อการ มุ่งหน้าและตรึงกำลังไว้ที่พระนคร และประกาศตั้ง พระยาสารสาสน์ประพันธ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม กระจายเสียงในฐานะนายกรัฐมนตรีจากในเรือ แต่ทางฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม ได้กระจายเสียงตอบโต้ไปโดยใช้วิทยุของกรมการรักษาดินแดน (ร.ด.)

โดยได้ให้นายวรการบัญชา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีแทน และตั้งกองบัญชาการขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล (ในขณะนั้นคือ พระที่นั่งอนันตสมาคม) จึงเกิดการต่อสู้ยิงกันอย่างหนักระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลและทหารฝ่ายก่อการ มีการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินแบบ Spirt fire และ T6 ใส่เรือหลวงศรีอยุธยา ที่อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เรือก็จม จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกทหารเรือที่อยู่บนเรือนำว่ายน้ำหลบหนีออกมาได้ โดยการกบฏครั้งนี้นับว่าเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เพราะสถานที่ต่าง ๆ เสียหาย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับร้อยทั้งทหารของทั้ง 2 ฝ่าย และประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ภายหลังเหตุการณ์ผู้ก่อการได้แยกย้ายกันหลบหนีไปพม่าและสิงคโปร์

ในส่วนของ น.ต.มนัส จารุภา รน. ผู้ทำการจี้จอมพล ป. ได้หลบหนีไปพม่าได้สำเร็จ แต่ถูกจับกุมได้หลังจากเล็ดลอบกลับเข้าประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2495 เหตุการณ์สิ้นสุดลงด้วยการจับกุมผู้ต้องหาร่วม 1,000 คน ปล่อยตัวเพราะหาหลักฐานไม่เพียงพอ จนเหลือฟ้องศาลประมาณ 100 คน ภายหลังนักโทษคดีนี้ส่วนใหญ่ได้รับการนิรโทษกรรมเมื่อปี พ.ศ.2500 เนื่องในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ

ที่มา http://th.wikipedia.org

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“โอบามา” ทำพิธีสาบานตนซ้ำอีกหน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 มกราคม 2552 21:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

โอบามา ต้องทำพิธีสาบานตนรอบ 2 ในทำเนียบขาว​

เอเอฟพี - บารัค โอบามา ต้องกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 44 ซ้ำเป็นครั้งที่สองในวันพุธ (21) สืบเนื่องจาก จอห์น รอเบิร์ต ประธานศาลสูงสุด ได้กล่าวนำคำสาบานผิดพลาดไปเล็กน้อย ในระหว่างพิธีซึ่งจัดขึ้นที่เชิงบันไดอาคารรัฐสภาท่ามกลางผู้คนเป็นล้านๆ เมื่อวันอังคาร (20)​

การกล่าวสาบานตนครั้งที่สองนี้ จัดขึ้นที่ห้องแผนที่ในทำเนียบขาว และมีพวกผู้ช่วยด้านการเมืองที่ใกล้ชิด ตลอดจนบรรดาผู้สื่อข่าวเป็นพยาน โดยประธานศาลสูงสุดรอเบิร์ต ซึ่งสวมเสื้อคลุมยาวสีดำเพื่อประกอบพิธี เป็นผู้กล่าวนำเช่นเดิม​

“ท่านพร้อมที่จะกล่าวสาบานตนแล้วหรือยัง” รอเบิร์ต เอ่ยถามโอบามา​

“ผมพร้อม และเราจะกล่าวอย่างช้าๆ” โอบามา ตอบ จากนั้นเขาก็เริ่มกล่าวคำสาบานตามโดยไม่มีคำใดผิดพลาด โดยใช้เวลาทั้งหมด 25 วินาที​

เกรก เครก ที่ปรึกษากฎหมายประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า “เราคิดว่าพิธีสาบานตนเป็นไปอย่างเรียบร้อย และท่านประธานาธิบดี กล่าวคำสาบานถูกต้องแล้วเมื่อวานนี้ แต่ข้อความในคำสาบานนี้มีระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เพื่อความระมัดระวังรอบคอบอย่างเต็มที่ เนื่องจากได้มีการกล่าวคำๆ หนึ่งผิดลำดับไป ท่านประธานศาลสูงสุดรอเบิร์ต จึงดำเนินการทำพิธีสาบานตนเป็นครั้งที่สอง”​

ในการกล่าวคำสาบานตนเมื่อวันอังคาร (20) นั้น โอบามา วางมือซ้ายบนคัมภีร์ไบเบิลเล่มเดิมของประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น และยกมือขวาขึ้นเพื่อสาบาน โดยถือเป็นพิธีการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสืบต่อจาก จอร์จ ดับเบิลยู บุช อย่างเป็นทางการ ทว่า เหตุการณ์ไม่ได้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง โดยในระหว่างที่ประชาชนกว่าสองล้านคนในบริเวณลานเนชันแนล มอลล์ และผู้คนอีกหลายล้านคนทั่วโลกเฝ้าดูพิธีสาบานตนในวันอังคารอยู่นั้น โอบามา กล่าวว่า​

“ข้าพเจ้า บารัค ฮุสเซน โอบามา ขอให้คำสาบานว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ด้วยความซื่อสัตย์ และจะตั้งใจอย่างสุดความสามารถในอันที่จะดูแลรักษา คุ้มครอง และปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา"​

“ขอพระเจ้าทรงเมตตา”​

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐฯ คำว่า “ซื่อสัตย์” นั้นจะวางอยู่หน้าวลี “ปฏิบัติหน้าที่” แต่เนื่องจากหัวหน้าผู้พิพากษากล่าวนำคำสาบานผิดลำดับไป ทำให้โอบามาหยุดชะงัก เพราะรู้ว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่เมื่อ รอเบิร์ต กล่าวย้ำคำสาบานนั้นผิดอีกครั้ง โอบามา จึงต้องกล่าวตามคำพูดของรอเบิร์ต​

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องกล่าวคำสาบานตนซ้ำเพราะกล่าวผิดพลาดไปเช่นกัน คือ เชสเตอร์ อาร์เธอร์ (ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างปี 1881-1885) และคัลวิน คูลิดจ์ (ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างปี 1923-1929)​

เจฟฟรีย์ โรเซน ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน กล่าวว่า การกล่าวคำสาบานผิดพลาดไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ เพราะถึงอย่างไรโอบามาก็ยังเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ​

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000007841

 

*** สงสาร ****

หาคนดีทำงานบ้านไม่ได้
ไว้ใจใครไม่ได้
ข้าไม่เอาสัตย์
ทหารจะมีอำนาจ
บ้านเมืองรุกเป็นไฟ
ที่ดิ้นอยู่สะดุดจากตาย
วันหนึ่งจะไหลจะเผาไหม้
ตายถมทั้งกายทั้งใจ ความหมายไม่มี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ความหมายของคำถวายสัตย์ปฏิญาณ และพระบรมราโชวาท

​

โดย วสิษฐ เดชกุญชร มติชนรายวัน วันที่ 09 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 10013

การเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซึ่งเพิ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่ 17 คน ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันพุธที่ 3 สิงหาคม ปีนี้นั้น เป็นการเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่ และเป็นไปตามบทบัญญัติในมาตรา 205 แห่งรัฐธรรมนูญ

คำถวายสัตย์ปฏิญาณนั้น มีดังนี้

"ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"

คำว่า "สัตย์ปฏิญาณ" นั้นประกอบด้วยสองคำ คือ "สัตย์" คำหนึ่ง และ "ปฏิญาณ" อีกคำหนึ่ง "สัตย์" นั้นเป็นคำนาม สะกดแบบสันสกฤต ถ้าสะกดแบบบาลีก็เป็น "สัจ" หรือ "สัจจ" แปลอย่างเดียวกันว่าความจริง ส่วน "ปฏิญาณ" นั้นเป็นคำกริยา สะกดแบบบาลี แบบสันสกฤตสะกดเป็น ปรติชญาน) แปลว่าให้คำมั่นสัญญา

"ถวายสัตย์ปฏิญาณ" จึงแปลว่า ถวาย(ให้) คำมั่นสัญญาณอันเป็นความจริงแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ผมดูข่าวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเฝ้าฯ ในวันนั้นทางวิทยุโทรทัศน์ จึงมีโอกาสได้ยินพระบรมราโชวาทที่พระราชทานโดยตลอด ใครที่ไม่ได้ดูจึงอาจจะไม่รู้ว่า พระบรมราโชวาทที่พระราชทานในวันนั้น พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานจากพระโอษฐ์(ปาก) มิได้ทรงอ่านจากพระราชหัตถเลขาที่ทรงเตรียมไว้ล่วงหน้า จึงเป็นพระราชดำรัสที่มาจากพระราชหฤทัย (พูดจากใจ) โดยแท้ และเป็นคำตอบที่พระราชทานแก่ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณโดยตรงด้วย

พระบรมราโชวาทองค์นั้นไม่ยืดยาวเยิ่นเย้อ แต่กะทัดรัดและชัดเจน ตรัสว่าคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญนั้น "เป็นคำที่ไม่ยาก แต่มีความสำคัญ" ทรงขอให้ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณพิจารณาว่า "คำพูดของท่านมีความหมายอะไรบ้าง" เฉพาะส่วนนี้ ใครได้ฟังก็ต้องเข้าใจว่า ทรงหมายความถึงสาระสำคัญของคำถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นเอง และหากจะย้อนกลับไปดูคำถวายสัตย์ปฏิญาณที่ผมคัดมาเขียนแล้วข้างต้นก็จะเห็นว่า มีสาระสำคัญสามประการ คือ

. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์

. การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และ

. การรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ทรงกำชับว่าขอให้ผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณ "ไปพิจารณา ระลึกถึงความหมาย ถึงคำที่พูดมา" และว่า "ถ้าปฏิบัติตามคำที่พูดมานี้โดยเคร่งครัด ก็ถือเป็นมงคลกับท่านเอง" ตรงนี้ แม้จะมิได้รับสั่ง แต่ผู้ฟังก็ควรจะเข้าใจได้เองว่า ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำพูด (คือคำถวายสัตย์ปฏิญาณ) โดยเคร่งครัด ก็เป็นอัปมงคล

ตรัสต่อไปด้วยว่า การปฏิบัติตามคำพูด(คือคำถวายสัตย์ปฏิญาณ) นั้น "เป็นความดีของประเทศชาติที่จะรักษาความมั่นคงได้" และ "ถ้ารักษาความมั่นคงของประเทศไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี และจะทำให้ประเทศชาติล่มจมได้"

พึงสังเกตว่า ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงท้ายพระบรมราโชวาทองค์นั้น ทรงเน้นการรักษาสัตย์โดยตลอด ทรงเตือนให้คิดพิจารณาโดยรอบคอบว่าได้พูดอะไรออกไป และจะทำอะไรต่อไป(ตามที่พูด) ถ้าทำถูกต้อง(ตามที่พูด) ก็จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและต่อตัวเองด้วย

ในตอนจบ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทานพร ขอให้ผู้เฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ "มีความสำเร็จในการรักษาสัตย์นี้" และตรัสด้วยว่า "ถ้าท่านมีความสำเร็จในการรักษาสัตย์นี้ ถ้าท่านมีความสำเร็จแล้ว ท่านจะประสบความสุขความเจริญ" ไม่ได้รับสั่งว่าหากไม่รักษาสัตย์ หรือรักษาสัตย์ไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรกับผู้ถวายสัตย์ปฏิญาณ

ที่มา http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q3/article2005aug09p1.htm

 

พักนี้แผ่นดินไหวต่างประเทศบ่อย ดูแปลกๆ แมกนิจูดสูงด้วย ทั้งอลาสก้าและอินโดนีเซีย แจ้งเพื่อทราบนะคะ

 

โรงงานพลุที่พิจิตรระเบิดมีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ​

​

พิจิตร 22 ม.ค.- พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าที่เกิดเหตุโรงงานผลิตพลุ ประทัดดอกไม้ไฟ หมู่ 4 บ้านวังกร่าง ต.เนินมะกอก อ.บางมูลนาก หลังเกิดระเบิดช่วงเที่ยงที่ผ่านมา (22 ม.ค.)

พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านไม่มีเลขที่และประกอบกิจการผลิตพลุ แรงระเบิดทำให้ได้รับความเสียหายทั้งหมด และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายวีระนิจ ฤทธิ์เดช อายุ 43 ปี เจ้าของโรงงาน ส่วนนางสมหมาย ฤทธิ์เดช อายุ 40 ปี ภรรยานายวีระนิจ ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอบางมูลนาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะพบว่ามีการใช้ถังน้ำยาดับเพลิงฉีดระงับเหตุ แต่ไม่สำเร็จ ทำให้ประกายไฟลามไปติดพลุที่มีอยู่ภายในบ้านจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

2009-01-22 16:24:04

ไฟไหม้อู่ซ่อมรถกลางชุมชนนครศรีฯ เผาวอด 5 คัน​

​

นครศรีธรรมราช 22 ม.ค.- เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (22 ม.ค.) พ.ต.ท.ประทิน เขียวฤทธิ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมหน่วยดับเพลิงเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้อู่ซ่อมรถ 111 เซอร์วิส 2006 ซอยศรีธรรมโศก 4 ต.ในเมือง อ.เมือง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างสงบ และพบว่ารถยนต์ภายในอู่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด 5 คัน เป็นรถตู้ 3 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 2 คัน

เบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุลูกจ้างของอู่ประมาณ 4-5 คน กำลังซ่อมเชื่อมเหล็กตัวถังรถตู้คันหนึ่ง คาดว่าประกายไฟจากหัวเชื่อมไปโดนกับแก๊สที่รั่วอยู่ ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เคราะห์ดีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนมูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย

2009-01-22 13:32:38

ระเบิดทหารลาดตระเวนนราฯ สาหัส 4 นาย​

​

นราธิวาส 23 ม.ค. - เกิดระเบิด 3 ลูกซ้อน ขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตามเส้นทางถนนเลียบทางรถไฟ บ้านเจาะเกาะ จ.นราธิวาส ส่งผลให้ทหารบาดเจ็บสาหัส 4 นาย

แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เร่งลำเลียงทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 31 ทั้ง 4 นาย ประกอบด้วย สิบตรีเอกชัย ทองซุบ พลทหารมูซอฟา มะยูโซะ พลทหารธวัชชัย หลงจิ ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิด และถูกยิงที่บริเวณขา ส่วนพลทหารมะเซาะดี ซง ถูกยิงมือเกือบขาด เข้ารักษาอาการ

เหตุระเบิดเกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่ทหารนำรถจักรยานยนต์ออกลาดตระเวนตามเส้นทางถนนเลียบทางรถไฟ เมื่อมาถึงบ้านเจาะเกาะ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง คนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้ริมถนน และจุดชนวนจนเกิดระเบิดขึ้น 3 ลูกซ้อน ก่อนเปิดฉากใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่เจ้าหน้าที่ จึงเกิดการยิงโต้ตอบกันนานกว่า 10 นาที ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 4 นาย ส่วนอีก 4 นาย ปลอดภัย. - สำนักข่าวไทย

2009-01-23 01:25:58

อุตรดิตถ์บุกจับท่าเถื่อนริมแม่น้ำน่านลอบดูดทรายขาย​

​

อุตรดิตถ์ 22 ม.ค.- เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (22 ม.ค.) พ.ต.ท.โสภณ ช้างลอย สว.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.อุตรดิตถ์ นำกำลังกว่า 20 นาย และเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจสอบบริเวณลำแม่น้ำน่าน หมู่ 4 ต.บ้านดารา อ.พิชัย หลังมีผู้ร้องเรียนการลักลอบดูดทรายเพื่อจำหน่าย

พบรถแบ็คโฮ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ในการดูดทราย รวมทั้งร่องรอยการตักทรายลำเลียงใส่รถบรรทุก และสภาพดินริมฝั่งน้ำพังทลายเป็นทางยาว โดยนายอรุณ แจ้งเอี่ยม อ้างว่าเป็นเจ้าของสถานที่ดูดทรายแห่งนี้ เจ้าหน้าที่จึงเรียกขอตรวจใบอนุญาต แต่นายอรุณ ไม่สามารถนำมาแสดงได้ จึงถูกควบคุมตัวส่ง สภ.พิชัย ดำเนินคดีก่อสร้างหรือเผาป่า หรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมเสีย สภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย

โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน (มาตรา 9) และประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 และตั้งโรงงานโดยมิได้รับอนุญาต และบุกรุกขุดลอก แก้ไข เปลี่ยนแปลงร่องน้ำ หรือทางเดินเรือ แม่น้ำลำคลอง ทะเล ภายในน่านน้ำไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต. -สำนักข่าวไทย

2009-01-22 18:46:17

สระแก้วค้นหมู่บ้านชายแดนอรัญฯ จับ 289 แรงงานเถื่อน​

​

สระแก้ว 22 ม.ค. - พ.ท.เอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา นำกำลังกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมาย 2 ตำบล อ.อรัญประเทศ หลังมีผู้ร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนจากแรงงานลักลอบเข้าเมืองชาวกัมพูชาขโมยทรัพย์สิน

โดยเจ้าหน้าที่ตรวจค้น 4 หมู่บ้าน คือ บ้านภูน้ำเกลี้ยง บ้านหนองหญ้าปล้อง บ้านไทยสามารถ และบ้านหนองสังข์ สามารถจับกุมแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานรับจ้างและปลูกกระต๊อบตามท้ายหมู่บ้านทั้งหมด 289 คน เป็นชาย 128 คน หญิง 107 คน รวมทั้งเด็กหญิงและเด็กชายอีก พร้อมคุมตัวมาไว้ที่จุดตรวจด่านหนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ เพื่อสอบสวนและถ่ายรูปทำประวัติก่อนส่งตัวให้ด่าน ตม.อรัญประเทศ นำไปดำเนินการตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศ. - สำนักข่าวไทย

2009-01-22 13:50:32

รวบสองสามีภรรยาตระเวนจับสุนัขตามบ้านส่งร้านอาหาร​

​

เชียงใหม่ 21 ม.ค.- เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (21 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุมนายแก้ว ปัญญาอ้าย อายุ 64 ปี และนางอรพิน คำภีระ อายุ 40 ปี ภรรยา ภายในบ้านพักพื้นที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

พร้อมยึดของกลางรถกระบะ สีขาว ทะเบียน ผค 7195 เชียงใหม่ ใช้ก่อเหตุขโมยสุนัขตามบ้านเรือนย่านตำบลดอนแก้ว อ.สารภี เมื่อ 4 วันก่อน รวมทั้งเชือกไนร่อนที่ใช้มัดคอสุนัขลากขึ้นรถ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า จะขับรถตระเวนตามหมู่บ้านทั่วทั้งจังหวัดช่วงกลางดึก

หากพบสุนัขจะลงมือนำขึ้นรถทันที เพื่อส่งขายให้กับแหล่งรับซื้อทำเป็นอาหาร หากเป็นสุนัขสีดำล้วนมีราคาสูง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ.-สำนักข่าวไทย

2009-01-21 16:35:16

ที่มา http://news.mcot.net

 

เหยียบกันตายเพราะแย่งกันซื้อสินค้าลดราคา!!!​

​

เกิดเหตุเหยียบกันตาย ในวันแรกของเทศกาลจับจ่ายซื้อของ ก่อนจะถึงช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในสหรัฐ

ชาวอเมริกันจำนวนมากแห่กันไปตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลจับจ่ายช่วงวันหยุด ก่อนจะถึงช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขณะที่ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งส่งเสริการขายด้วยการลดแลกแจกแถมเพื่อเรียกลูกค้า รวมถึงขยายเวลาเปิดทำการให้เร็วขึ้น

ซึ่งบางแห่งเปิดห้างตั้งแต่หลังเที่ยงคืน ถึงแม้บรรยากาศจะดูคึกคักเหมือนทุกปี แต่คาดว่ายอดขายของห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในปีนี้จะต่ำที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากผู้บริโภคจะเลือกจับจ่ายอย่างระมัดระวัง ซื้อหาสินค้าเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ท่ามกลางวิกฤติการเงินในประเทศ ทั้งนี้มีรายงานว่า ที่ห้างวอลมาร์ท ในลองไอแลนด์ ผู้คนแออัดยัดเยียตเข้าไปภายในห้างจำนวนมาก จนเหยียบกัน ทำให้พนักงานของห้างเสียชีวิต 1 คน

ที่มา http://news.buddyjob.com/world/show_news-29055-12.html

สลด!แย่งซื้อของเหยียบกันตาย ลดราคา วันครบรอบ 10 ปีห้างดัง

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน ข่าว วันนี้ ว่า เกิดเหตุเหยีบกันตายที่ห้างสรรพสินค้า คาร์ฟูร์ ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจีน หลังมีการ ลดราคา สินค้า ในวันครบรอบ 10 ปีของการเปิดห้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีก 31 คน หลังแย่งซื้อของ ลดราคา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (11 พ.ย.50) อ้างสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เกิดเหตุเหยียบกันตายที่ห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.50) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีก 31 คน

ทั้งนี้รายงานระบุว่า โศกนาฎกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่มีการแย่งชิงกันเข้าไปซื้อน้ำมันปรุงอาหาร ที่มีการลดราคา เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 10 ของการเปิดห้างดังกล่าวในเขตชาปิงปา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ระงับการจำหน่าย พร้อมกับสั่งการให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/17192

ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่าทำไมเขาถึงเหยียบกันตาย?

คำตอบก็คือ "เพียงเพราะแย่งกันซื้อน้ำมันพืชลดราคา!"

เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ครับ... เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 10 พ.ย.50 ในห้างคาร์ฟูร์ ห้างดิสเคาท์สโตร์สัญชาติ ฝรั่งเศส สาขาซาผิงป้า ที่ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่ง เนื่องจากทางห้างประกาศ ลดราคาน้ำมันพืชขวดขนาด 5 ลิตรลงร้อยละ 20 จากขวดละ 51.4 หยวนเหลือ 39.9 หยวน เพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 10 ปีของการเปิดสาขาโดยมีเงื่อนไขว่าลูกค้าแต่ละคนสามารถที่จะซื้อน้ำมันดังกล่าวได้เพียง 2 ขวดเท่านั้นเนื่องจากสินค้ามีจำนวนจำกัด

การออกประกาศลดราคาดังกล่าวของห้างคาร์ฟูร์ ส่งให้ฝูงชนชาวจีนรุดไปรอคิวกันล่วงหน้าก่อนที่ห้างจะเปิดนานหลายชั่วโมง โดยมีบางคนไปรออยู่ที่หน้าห้างตั้งแต่เวลา 4 นาฬิกา

ทั้งนี้ด้วยเงื่อนไขของทางห้างที่อนุญาตให้ลูกค้าแต่ละคนสามารถซื้อน้ำมันลดราคาดังกล่าวได้เพียง 2 ขวดก็ทำให้บางครอบครัวถึงกับระดมสรรพกำลังยกพลกันไปทั้งบ้านเพื่อทำให้ครอบครัวตนสามารถซื้อน้ำมันลดราคากลับมาให้ได้มากที่สุด โดยรายงานข่าวจากสื่อมวลชนจีนระบุว่า ในเช้าวันเสาร์ที่เกิดเหตุมีประชาชนชาวฉงชิ่งมารอคิวซื้อน้ำมันพืชลดราคารวมแล้วมากถึง 2,000 คนเลยทีเดียว

สุดท้ายในเวลา 8 นาฬิกากว่าๆ เมื่อห้าง เปิดทำการ ผู้คนราว 2,000 คนก็แห่กันเข้าไปในห้าง ยื้อยุดฉุดกระชากกันอย่างไม่เกรงใจกันและกัน เมื่อมีคนลื่นก็ใช้กำลังเหยียบย่ำกันอย่างไร้สติ จนในที่สุดเกิดเหตุผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 31 ราย โดยในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ 7 ราย

หลังเกิดเหตุการณ์ห้างคาร์ฟูร์สาขาดังกล่าวถูกปิดลงชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐของจีนเข้าตรวจค้นหาสาเหตุของการเสียชีวิตและการบาดเจ็บ

โศกนาฏกรรมครั้งดังกล่าวถูกเรียกขานในหมู่สื่อมวลชนจีนว่า 'เหตุการณ์ 11-10 การเหยียบกันที่ห้างคาร์ฟูร์' โดยสองวันให้หลังกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกประกาศห้ามบริษัทและห้างร้านต่างๆ ทั่วประเทศจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายแบบจำกัดเวลา โดยใจความหลักของประกาศระบุว่า

"ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย นับ แต่นี้ไปบริษัทต่างๆ ห้ามจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบจำกัดเวลาที่อาจก่อให้เกิดการติดขัด ของการจราจร อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และจัดการอย่างไร้ระเบียบ"

ซึ่งในเวลาต่อมาประกาศดังกล่าวได้รับการตอบรับจากคณะกรรมการด้านการค้าของเทศบาลเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศจีนที่ออกประกาศไม่อนุญาตให้ร้านค้าต่างๆ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบจำกัดเวลาและจำกัดจำนวน โดยเฉพาะประเภทสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง เช่น ข้าวและธัญพืช, น้ำมัน, เกลือ, เนื้อสัตว์, ไข่ เป็นต้น

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ก็เคยเกือบที่จะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมคล้ายๆ กันนี้ ณ เมืองใหญ่อื่นๆ ของจีนมาก่อนแล้ว เช่น เมื่อสองปีก่อนเกิดเหตุลูกค้าเหยียบกันเพื่อแย่งซื้อสินค้าลดราคาในห้าง แห่งหนึ่งของเมืองเฉิงตู จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็เกิดเหตุ มีผู้บาดเจ็บกว่า 15 คนจากการแย่งซื้อน้ำมันพืช ลดราคาในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้

จากเหตุการณ์ที่เมืองฉงชิ่งได้ก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่สื่อมวลชนจีนทั่วประเทศและประชาชนจีนทั่วไปที่เข้ามาแสดง ความเห็นในอินเทอร์เน็ตที่ต่างก็ให้ความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า โศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดจากความเห็นแก่ได้ของบริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่ต้องการเพียงแต่จะดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบฉวยโอกาสโดยไม่มีการเตรียมการ และดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับลูกค้า

จากเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าว นอกจากในแง่มุมที่ภาครัฐของจีนละเลยและขาดมาตรการ การดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนแล้ว โดย ส่วนตัวผมคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ยังบ่งชี้ให้เห็นถึง ปัญหาทางภาวะสังคมเศรษฐกิจจีนอีกประการหนึ่ง ที่ปัญหาถูกปล่อยปละจนทำให้สถานการณ์ ไหลลึกลงไปสู่ภาวะวิกฤติอีกระดับหนึ่งแล้วซึ่งปัญหาดังกล่าวคือ 'ปัญหาเงินเฟ้อ'

จากบทความ "เงินเฟ้อที่ฆ่าคนได้" โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

ที่มา http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=65180

 

*** แก้ไขคนไทย ****

โลก...กำลังจะวิกฤต
คนไทย....ไม่น่าจะต้องมาทะเลาะ ฆ่าฟันยิงแทงกันตาย
ถ้า... ไม่แกะเอาสิ่งไม่ดี ออกจากคนไทย
บ้านเมือง....ก็จะไหลไปกับเจ้าพระยา

*** การหลงอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว ****
ชอบขุดคุ้นอดีต มาขยายเป็นอารมณ์
หลงอดีตข้ามภพข้ามชาติ อาฆาตถึงปัจจุบัน

*** ขาดความเมตตา ****
จงเกลียดจงชัง ไม่รู้จักให้อภัย
คอยแต่มองเรื่องผิดๆ

เรื่องนิสัย จำเป็นต้องแก้
ถ้าไม่แก้ ก็ต้องทนรับกรรม
หากจะแก้ ให้แก้ด้วย สัจจะทำ
สัจจะนั้นต้องทำ ทำแทนกันไม่ได้
๑. ไม่เอาอดีตมาขยายให้เป็นอารมณ์ วันละชั่วโมง
๒. ไม่เห็นผู้อื่นผิด ไม่เห็นว่าตนดีแล้ว วันละชั่วโมง

เมื่อคนไทย มีสัจจะทำ
คนไทย จะได้พิจารณานิสัยตนเอง
คนไทย จะได้ทำความจริงให้กับตนเอง ทุกวันเป็นประจำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เป็นสัจจะธรรม ****

ชนใด มีสัจจะทำ
ชนนั้น ก็ครองโลกได้ร่มเย็น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สุริยคราสกับดวงเมืองไทย​

​

​

ทำนายโดย นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ​

สุริยุปราคาครั้งที่ 1 ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2552 เวลา 14.57 น. เป็นแบบวงแหวน รัศมีคราสพาดในราศีมังกร ยังความก่อกวนให้กับต่างประเทศ และนำความยุ่งยากให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล ตลอดจนประชาชน พืชผล และในบางกรณีทำให้เกิดความผันแปรสำคัญทางการเมืองหรือการค้าได้รับผลกระทบ กระเทือน ให้ระมัดระวังเรื่องดิน เกิดแผ่นดินไหว การสูญเสียที่ดิน ดินแดนอาณาเขตมีปัญหา

โลกธุรกิจถูกก่อกวนหรือถูกกระทบกระเทือน รัฐบุรุษ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอับโชค มีคะแนนนิยมตกต่ำลง เพราะเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น และจะเกิดความยุ่งยากในวงการทหาร กิจการของกองทัพและกระทรวงกลาโหมมีปัญหาถูกโจมตี ทางการทหารมีการเคลื่อนไหว จะมีการขัดขืนต่อต้านหลายครั้ง การเมืองการปกครองผันแปร การบริหารราชการแผ่นดินมีปัญหาเกิดความสับสนระส่ำระสาย เหตุการณ์ทางชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบลงง่ายๆ

สุริยุปราคาครั้งที่ 2 ในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2552 เวลา 09.36 น. พาดในราศีกรกฎ ให้ระมัดระวังเรื่อง ประชาชนจะมีความเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล มีเรื่องการเมืองระหว่างพรรค ฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายรัฐบาลขัดแย้งกันอย่างรุนแรง คณะพรรคฝ่ายค้านมีกำลังเข้มแข็งขึ้นและกระทำการบางอย่างเพื่อบีบบังคับ รัฐบาลให้เปลี่ยนแปลง เช่น การยุบสภา เป็นต้น

​

ดวงนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ​

เกิดวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2507 แรม 10 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 44 ปี 4 เดือน ​

ดาว ประจำตัวเป็นดาวพระจันทร์ เป็นดาวที่ทำให้มีชื่อเสียง เป็นมหาอุต สูงส่ง ลาภะ วาสนาสูง พระอาทิตย์เล็งพระจันทร์ ยิ่งเป็นการส่งมากยิ่งขึ้น ที่หน้าตาหล่อเหลา ก็เพราะดาวประจำตัว พระจันทร์เด่น ​

ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวที่ส่งผลในจุดดี ทำให้มาเป็นนายกฯ เพราะโคจรยกเข้าสู่ราศีมังกร เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2551 ดาวคู่มิตร พฤหัสบดี เล็ง อาทิตย์ ได้รับโชคใหญ่ ผู้ใหญ่จะเมตตาให้การสนับสนุน ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ที่ได้มาเป็นนายกฯก็ด้วยการสนับสนุนของผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยส่วนหนึ่ง​

ใน การทำหน้าที่นายกฯ หลังวันที่ 20 เมษายน 2552 ดาวพฤหัสบดีจะย้ายเข้าราศีกุมภ์ ซึ่งเป็นภพมรณะของดวงนายกฯ ดาวพฤหัสบดีจะไม่ให้คุณอีก คนที่ให้การสนับสนุนจะรู้สึกเหนื่อย ท้อใจ ตอนนั้นจึงต้องระวังและเข้มแข็ง อย่าเพิ่งถอดใจเสียก่อน ​

แต่ก่อนหน้านั้น ช่วงตั้งแต่ 26 มกราคม 2552 หลังเกิดสุริยุปราคาวงแหวนที่ราศีมังกร ทั้งสองเหตุการณ์จะรวมกัน สถานการณ์ทางการเมืองจะไม่ดี จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ความรุนแรงจะเกิด

ประการสำคัญ การเกิดคลาสในราศีมังกร ซึ่งเป็นภพที่ 7 เป็นภพหุ้นส่วนทางการเมืองของนายกฯ อาจมีการตีรวนต่อรองทางการเมือง ของพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯต้องเข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเองในช่วงนั้น ให้ผ่านช่วงตั้งแต่ต้นมกราคม 2552 ถึงกลางกุมภาพันธ์ 2552 ไป จึงสามารถผ่านอุปสรรคได้

นอกจากนี้ จะเกิดราหูทับอาทิตย์ ในทางการเมืองหมายถึง พรรคร่วมรัฐบาลอาจมีท่าทีแปลกๆ จะปล่อยให้อยู่คนเดียว โดดเดี่ยว หุ้นส่วนทางการเมือง จะมีทีท่าเปลี่ยนไป แตกไป ปัจจัยสาเหตุ มองว่า มีคลื่นใต้น้ำ เพราะประเทศและรัฐบาลตอนนี้ ที่มองว่าสงบ จริงๆ แล้วไม่ใช่ ความร้อนมันยังระอุอยู่ภายใน แค่พักยก เดี๋ยวก็ยุ่งอีก

เมื่อผ่านช่วงกลางกุมภาพันธ์ 2552 ไปแล้ว ต้องระมัดระวังให้มาก ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2552 เพราะดาวพฤหัสบดีจะเดินไม่ปกติ ทำให้เกิดผลร้ายเสมอ เช่นเดียวกับช่วงปี 2551 ที่มีดาวเดินในลักษณะนี้ ทำให้เปลี่ยนนายกฯมาแล้ว ปีเดียวถึง 3-4 คน

อย่าง ไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม 2552 ดาวพฤหัสบดีจะถอยหลังกลับเข้าราศีมังกรอีกครั้ง ถ้าผ่านตรงนั้นไปได้ ก็อยู่ไปได้อีก แต่อาจโดนสถานการณ์บีบให้ยุบสภา เพราะดาวพฤหัสบดีจะเข้าภพที่ 11 คือ รัฐสภา ดังนั้น ช่วงเวลาที่รัฐบาลจะมีความสุขที่สุด คือ ช่วงแรก คือ ก่อนถึงวันที่ 26 มกราคม 2552

ที่มา http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538710918&Ntype=47

 

เรื่องที่นำมาเสนอในบางเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวกับกระทู้

"ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่..."

ขอให้อยู่ในประเด็นด้วยครับ. ไม่ใช่ฝรั่งว่ามา ไทยลากไป.

ผ่านมาหลายปีแล้ว อย่าโพสท์เอามันส์อย่างเดียวนะขอรับ

 

ธรรมะ 4 ข้อ จากพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี​

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ( ว.วชิรเมธี)​

อย่าเป็นนักจับผิด...อย่ามัวแต่คิดริษยา
อย่าเสียเวลากับความหลัง...อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ​

1. อย่าเป็นนักจับผิด

คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี 'แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข'

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา

'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง

90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น'
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ 'อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน' 'อยู่กับปัจจุบันให้เป็น' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ

'ตัณหา' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม' ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า 'เกิดมาทำไม' 'คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน 'ตามหาแก่นของชีวิตให้เจอ

คำว่า 'พอดี' ...คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี'
รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'

ที่มา http://blog.hunsa.com/imomay/arch/2008-09/2

 

คนงานฟาร์มหมูฟิลิปปินส์ติดเชื้อสายพันธุ์อีโบล่า​

​

มะนิลา 23 มค. - นายฟรานซิสโก ดูเก้ รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ และองค์การอนามัยโลก แถลงว่าคนงานฟาร์มหมูในฟิลิปปินส์ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อีโบล่า

แถลงการณ์ระบุว่า เชื้ออีโบล่า-เรสตันที่พบมีสายพันธุ์แตกต่างไปจากที่ระบาดในแอฟริกาซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเลือดไหลออกไม่หยุดจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามผู้ป่วยในฟิลิปปินส์รายนี้ยังคงแข็งแรงดีและไม่แสดงอาการป่วยเลย ทั้งนี้เชื้อไวรัสอีโบล่าสายพันธุ์ดังกล่าวพบในฟิลิปปินส์เท่านั้นและจำกัดอยู่ในกลุ่มลิง แต่ล่าสุดมีการระบาดในหมูนับเป็นครั้งแรกที่มีการข้ามสายพันธุ์ติดต่อสู่คน โดยเชื้ออีโบล่า-เรสตันพบครั้งแรกเมื่อปี 2532 ในห้องทดลองลิงที่ถูกส่งจากฟิลิปปินส์ไปยังเมืองเรสตันรัฐเวอร์นิเจียของสหรัฐ.- สำนักข่าวไทย

2009-01-23 16:36:25

มีเด็กเสียชีวิตจากโรคมือเท้าปากในจีน​

​

ปักกิ่ง 23 ม.ค. - เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในจีนเปิดเผยวันนี้ว่า พบเด็กชายอายุ 17 เดือน ในภาคตะวันออกของจีน เสียชีวิตจากโรคมือเท้าปาก

เด็กชายดังกล่าวเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ ขณะนำส่งโรงพยาบาลประชาชนหมายเลข 2 ในเมืองฝูหยาง มณฑลอานฮุย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการเสียชีวิตของเด็ก ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เด็กชายดังกล่าวเริ่มล้มป่วยเมื่อวันที่ 18 มกราคม นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโรคมือเท้าปากในมณฑลอานฮุยถึง 15 คน ในเดือนนี้

จากสถิติปีที่แล้วพบว่า มีประชาชนติดเชื้อโรคมือเท้าปากถึงกว่า 24,000 คน และมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนทั่วประเทศ ก่อนที่ทางการประกาศว่า การระบาดเริ่มลดลงเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ทั้งนี้ มีมณฑลอานฮุยเป็นมณฑลที่มีการระบาดของโรคหนักที่สุด มีผู้เสียชีวิตไปถึง 26 คน

โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่พบในเด็กเล็ก ทำให้เกิดอาการไข้ เจ็บปาก และมีแผลพุพอง ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำลาย น้ำมูก ของเหลวจากแผลพุพอง หรืออุจจาระของผู้ติดเชื้อ และไม่เกี่ยวข้องกับโรคปากเท้าเปื่อยที่พบในปศุสัตว์แต่อย่างใด. - สำนักข่าวไทย

2009-01-23 16:46:56

อหิวาต์ซิมบับเวลามหนักสู่เขตชนบท ​

​

ซิมบับเว 23 ม.ค. - สถานการณ์แพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในซิมบับเว น่าเป็นห่วงมากขึ้น หลังการแพร่ระบาดลุกลามจากพื้นที่ในเมืองไปยังเขตชนบท ซึ่งยากต่อการควบคุม

องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน และองค์การอนามัยโลก เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรคในซิมบับเว นับตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 2,755 คน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ในช่วงเวลาสัปดาห์เดียว ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50,000 คน

ขณะที่การแพร่ระบาดเริ่มลุกลามจากพื้นที่กรุงฮาราเร และชุมชนตามเมืองใหญ่ ไปยังพื้นที่นอกเมืองและเขตชนบท ทำให้การควบคุมโรคทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง จะยิ่งทำให้สถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงขึ้นอีก เพราะมีความเสี่ยงสูงที่แหล่งน้ำจะปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เชื้ออหิวาตกโรคได้แพร่ระบาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านของซิมบับเว เช่น ในแอฟริกาใต้ด้วย. - สำนักข่าวไทย

2009-01-23 02:27:36

เกิดเหตุโคลนถล่มชานกรุงเม็กซิโกซิตี้ มีผู้เสียชีวิต 2 คน ​

​

เม็กซิโก 23 ม.ค. - รัฐบาลท้องถิ่นกรุงเม็กซิโกซิตี้ เปิดเผยว่า เหตุโคลนและหินถล่มได้เกิดขึ้นที่เขตอิซตาปาลาปาทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเม็กซิโกซิตี้ ดินและหินได้ถล่มทับบ้านหลักหนึ่ง ทำให้ผู้ที่อยู่ภายในบ้าน 2 คน เป็นหญิงวัย 72 ปี 1 คน และชายวัย 42 ปีอีก 1 คนเสียชีวิต อย่างไรก็ดี ทางการเม็กซิโกไม่ได้ชี้แจงถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโคลนถล่มลงมา อย่างไรก็ตาม ทางการกรุงเม็กซิโกซิตี้และนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยแห่งชาติของเม็กซิโก กำลังสืบสวนหาสาเหตุของดินถล่มที่เกิดขึ้น. -สำนักข่าวไทย

2009-01-23 09:32:31

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทั้งที่อินโดนีเซียและที่ปาปัวนิวกินี​

​

จาการ์ตา 23 มค. - ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่าเกิดแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซียขนาด 6.2 ริกเตอร์ และที่ปาปัวนิวกินี 6.0 ริกเตอร์

แผ่นดินไหวขนาด 6.2 ริกเตอร์ เกิดขึ้นที่เขตเคปูลวน บารัต ดายาในอินโดนีเซีย วันนี้เมื่อเวลา 05.16 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 03.16 น. เช้าวันนี้ในไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างเกาะทานิมบาร์ราว 316 กิโลเมตร และลึกใต้ทะเล 141 กิโลเมตร แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย หรือประกาศเตือนคลื่นยักษ์สึนามิ ส่วนแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ เกิดขึ้นที่ปาปัวนิวกินี วันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยอยู่ห่างไปทางเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ ของกรุงพอร์ตมอร์สบี เมื่อเวลา 23.40 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 20.40 น.ในไทยเมื่อวานนี้ และอยู่ลึกใต้พื้นดิน 60 กิโลเมตร ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ .-สำนักข่าวไทย

2009-01-23 08:09:02

ขั้วโลกใต้อุณหภูมิอุ่นขึ้น​

​

ขั้วโลกใต้ 23 ม.ค. - ทวีปแอนตาร์กติกา หรือขั้วโลกใต้ มีอุณหภูมิอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก

ผลการศึกษาล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์อเมริกัน โดยอาศัยข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม และสถานีตรวจวัดอากาศ ชี้ว่า ทวีปแอนตาร์กติกา หรือขั้วโลกใต้ มีอุณหภูมิอุ่นขึ้นประมาณ 0.6 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับ 50 ปีก่อน ผลการศึกษาครั้งนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ บ่งบอกชัดเจนว่า การเพิ่มขึ้นของระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ มีส่วนสำคัญทำให้อุณหภูมิบริเวณขั้วโลกใต้อุ่นขึ้น

ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่า ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ในขั้วโลกใต้ ซึ่งมีชื่อว่า

 

แจ้งข่าวการเดินทางไปถวายปัจจัยสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ที่วัดธรรมญาณ จ.เพชรบูรณ์

ณ วัดธรรมญาณ จ.เพชรบูรณ์ *



พระอาจารย์วิรัช เจ้าอาวาส วัดธรรมญาณ จ.เพชรบูรณ์ *




^^ รูปหลวงปู่ละมัย ^^ ​

<!-- / message --><!-- sig -->__________________

<TABLE class=tborder id=post1823809 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> เมื่อวานนี้, 02:50 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#314 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1823809", true); </SCRIPT>
หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ



วันที่สมัคร: May 2006
ข้อความ: 7,063
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 9425



</TD><TD class=alt1 id=td_post_1823809 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->กำหนดทริปคร่าวๆ ก็คือ

ประมาณวันที่ 7-8-9 กุมภา์พันธ์ 2552 เราจะจัดทริปไปถวายปัจจัยปิดทองพระชำระหนี้สงฆ์ที่วัดธรรมญาณครับ

โดยในวันแรกจะพาไปกราบหลวงปู่เครา บนเขาที่ อ.ศรีเทพ ตรงนี้ลำบากหน่อยครับ จากนั้นเย็นไปพักที่วัดธรรมญาณ 2 คืน
วันที่ 9 กพ. ไปกราบหลวงปู่ละมัยพร้อมทั้งร่วมงานพิธีกวนยาทิพย์ ครับ

ขอเน้นผู้ที่กำลังใจเข้มแข็งและเจริญกรรมฐานมาพอสมควรครับ ตอนนี้มีจองมาแล้วประมาณ เกือบยี่สิบท่านครับ

วันเสาร์ที่ 7 ก.พ.52 เดินทางไปกราบหลวงปู่เครา บนเขา สำนักสงฆ์ถ้ำระฆังทอง อ.ศรีเทพ จุดนี้ต้องเดินเท้าขึ้นไปบนเขาไกลพอสมควรครับ

จากนั้นเย็นไปพักที่วัดธรรมญาณ อ.หนองไผ่ พระอาจารย์วิรัช ซึ่งท่านเป็นพระเลขาหลวงพ่อฤาษีท่านครับ (อยู่ในช่วงประสานงานครับ)

เราจะได้ฟังธรรมและประสบการณ์ของท่านสมัยที่หลวงพ่อฤาษีท่านยังมีชีวิตอยู่

วันอาทิตย์ ร่วมกิจกรรมน้อมถวายปัจจัยสร้างพระชำระหนี้สงฆ์กันในช่วงเช้า

บ่ายเดินทางไปไหว้พระในเขตเพชรบูรณ์

วันอาทิตย์ เดินทางไปร่วมงานกวนยาทิพย์ อันเป็นงานประจำปีของหลวงปู่ละมัยท่าน ที่สำนักปฏิบัติธรรมสวนสมุนไพรหลวงปู่ละมัย จากนั้นเมื่อเสร็จพิธีก็เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพครับ

ท่านที่สนใจก็รอแจ้งมาได้ครับ

<!-- / message --><!-- sig -->__________________

" จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "​

วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย ​

บัญชี เพื่องาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภค
บัญชี ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และ การสร้างพระเจ้าองค์แสน
ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=119096&page=16

 

ที่เตรียมการณ์ไว้ทั้งหมด เอามากินมาใช้หมดแล้ว ก่อนที่มันจะหมดสภาพ และหมดอายุไปเสียก่อน

เคยตุนน้ำมันซื้อใส่แกลลอนไว้ ตอนที่น้ำมันดีเซลมีราคาไปที่ลิตรละ 45 บาท เพราะมี ผู้เชี่ยวชาญจบปริญญาเอกในบอร์ดนี้ เคยบอกไว้ว่าน้ำมันจะวิ่งขึ้นไปแตะที่ลิตรละไม่ต่ำกว่า 50 บาท และอาจจะทะลุไปถึงค่อน 100 บาทต่อลิตร ผมซื้อมาตุน มาเก็บไว้เยอะแยะ ตอนนี้ก็เอามาใช้หมดแล้ว ข้าวสารอาหารแห้งที่เตรียมกักตุนไว้ ก็เอามากินหมดแล้ว

น้ำมันดีเซลเหลือลิตรละไม่ถึง 20 บาท แต่ผมซื้อที่ราคาลิตรละ 40 กว่าบาท ทุกสิ่งทุกอย่างผมเอามากินมาใช้เรียบร้อย แต่เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็คงต้องไปซื้อไปหาเพิ่มเติม เผื่อฉุกเฉิน

เพราะหวยดังมักจะไม่ออก หวยผีบอกมักจะดัง
555+

 

" ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ เรามีทั้งบารมีพระศาสนา บารมีพระมหากษัตริย์ รวมทั้งบารมีพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ซึ่งหลายฝ่าย ทั้งที่เปิดเผย....และไม่เปิดเผยก็เยอะ การเกิดคงชะลอไป..แต่ก็ไม่อยากให้ประมาท...ทว่าเตรียมใจน่าจะดีกว่า..ให้หนักแน่น..ให้เข้มแข็ง...ให้แข็งแกร่งเข้าไว้..ส่วนจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไร ทุกคนก็คงรับมันได้และพร้อมกันเองโดยสันชาตญานแห่งการอยู่รอด เชื่อว่าคนไทยจะอยู่ที่ไหน น้ำใจก็ยังมีให้แก่กันเสมอ สร้างเครือข่ายช่วยเหลือกันและรักกันเข้าไว้น่าจะเข้าท่าเข้าที ไปที่ไหนก็มีอยู่มีกินที่นั่น ภัยพิบัติก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป"

 

เห็นด้วยกับคุณปุณกะสร้างความเข้มแข็งภายในใจไว้เป็นดีที่สุด
คิดดีทำดีทุกวันเผื่อแผ่ให้สรรพสัตว์
ให้อภัยชึ่งกันและกัน
คนดีมีธรรมทำได้ง่าย
แต่คนที่ยังยึดติดอัตตามากๆอยู่คงทำได้ยากหน่อย
แต่ถ้าทำได้จะเบาสบาย