ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

เช่นเดียวกันกับทุกสรรพสิ่งรอบ ๆ ตัวเรา ที่สร้างความสุข-ทุกข์จากอุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่นให้กับเราตลอดเวลานั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาค่างวด สิ่งของใด ๆ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยความงามใด ๆ แต่มีขึ้นอยู่กับความยึดมั่นถือมั่นต่างหาก
<O
หากให้ความสำคัญกับสิ่งใด สิ่งนั้นจะมีความหมายในทันที
<Oปากกามากมายในกล่อง แต่ปากกาด้ามนี้แฟนให้วันเกิด ปากกาด้ามนี้ก็จะมีความหมาย มีความสำคัญมากกว่าด้ามอื่น ๆ ทันที ทั้ง ๆ ที่ราคาไม่ได้แพงเลย
<Oนั่นเพราะอุปาทานว่า แฟนของเรา......ให้เรา
<Oปากกาด้ามนี้ มีโอกาสทำให้เราสุข เราทุกข์ได้มากกว่าปากกาทั้งกล่อง
<Oด้ามอื่นคนหยิบไปใช้ไม่เป็นไร แต่ด้ามนี้หยิบไปมีเรื่องแน่
<Oแม้หายไป จะซื้อมาใช้ทดแทนสักโหล แบบเดียวกัน สีเดียวกัน เขียนได้เหมือนกัน
<Oแต่มันทดแทนกันไม่ได้
<Oนั่นเป็นเพราะ อุปาทานว่า ไม่ใช่ด้ามที่แฟนของเราให้นั่นเอง
<Oปากกาด้ามนี้ ทำให้บุคคลนี้ทุกข์ สุข ได้ เพราะมีความหมายนั่นเอง

<Oแต่หากวันใดเลิกกับแฟนผู้ให้ปากกาด้ามนี้แล้ว อุปาทานในปากกาด้ามนี้ก็หมดไป ไม่ห่วง ไม่อยากได้ ไม่ทุกข์หากจะหายไป หรืออาจโยนทิ้งไปเลยก็ไป เพราะหมดความหมายแล้วนั่นเอง
<O
เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ ก็สามารถทำให้คน ๆ หนึ่ง เป็นสุข เป็นทุกข์ ได้ หดหู่เศร้าหมองได้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับวัตถุสิ่งของเลย
<Oมันทุกข์เพราะอุปาทานล้วน ๆ
<Oนั่นเพราะมีตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเลยเป็นของเรา
<Oจะเห็นได้ว่า อวิชชา คือความไม่รู้ ที่คอยจะสร้างให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ว่ามีตัวเรา ของเรา ขึ้นมาคอยยึด คอยจับ คอยจ้องที่จะสะสมอยู่ตลอดเวลา

<Oดังนั้น การที่จะออกจากขันธ์ห้าได้ ต้องเข้าใจมันให้ถ่องแท้ ว่ามันคืออะไรกันแน่ มันมีกลไกอย่างไร มันมีตัวตนจริงหรือไม่
<Oในแต่ละวัน บุคคลทั้งหลายจึงพัลวันไปด้วยของของเรา ไหนจะ บ้านของเรา รถของเรา เพื่อนของเรา ลูกของเรา ญาติของเรา แฟนของเรา นาฬิกาของเรา ปากกาของเรา โต๊ะของเรา เก้าอี้ของเรา โรงเรียนของเรา ฯลฯ สารพัดที่จะเป็นของเรา

<Oสิ่งที่เข้ามากระทบ มาปรุงแต่ง ให้สุขให้ทุกข์ ให้วิตกกังวลจากอุปาทานว่าเป็นของเรา ก็ย่อมมากตามไปด้วย
<O</O

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีความแปรปรวนอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว มันจึงเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ไปยึดกับสิ่งเหล่านั้น มีโอกาสทุกข์สุขอยู่กับมันตลอดเวลา
<Oแล้วทำไมผู้ปฏิบัติ ผู้รู้หลายท่าน ผู้ปล่อยวางจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้ามากมายหลายท่าน ท่านจึงอยู่ท่ามกลางวัตถุสิ่งของได้ โดยไม่ทุกข์ โดยไม่ร้อนรนกับทุกสรรพสิ่งรอบ ๆ ตัวท่าน มีทุกอย่างได้โดยไม่ทุกข์ นั่นเพราะ มีก็เหมือนไม่มี มีได้ ใช้ทุกอย่างได้ แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งของเหล่านั้น ว่าเป็นของของท่านนั่นเอง

<O
การที่จะไม่ทุกข์ ก็เพราะหลุดพ้นจาก อุปาทาน เหล่านั้น ไม่ได้ไปทอดทิ้ง ไปปล่อยปละละเลย ทุกอย่างมีได้ ใช้ได้ ดูแลได้ เสมือนมีตัวเราเป็นผู้ดูแล แต่แท้จริงแล้ว ขันธ์ห้าเป็นผู้ดำเนินการดูแลทั้งหมด ตามการบันทึกไว้ก่อนหน้านั้น และมันทำเสมือนเคยเป็นเราก่อนหน้านั้น นั่นแสดงว่า ไม่ได้มีเรามาตั้งแต่ต้น


มีก็เหมือนไม่มี -- มีทุกอย่างอยู่รอบตัว แต่รู้ว่าไม่ได้มีสิ่งของเหล่านั้นจริง ๆ เป็นความว่าง ว่างจากความเป็นตัวใคร เป็นของใครทั้งสิ้น แม้ขณะบริหารขันธ์ห้าอยู่ ก็ยังรู้ว่า ขันธ์ห้านี้ มิใช่ตัวตนจริง ๆ จึงอยู่ในขันธ์ห้า....โดยความไม่มีตัวตน โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว มีอยู่จึงเหมือนไม่มี

<Oไม่มีก็เหมือนมี - ความจริงตัวตน มันไม่ได้มีจริง มันเป็นกลไก เป็นการไหลไปของกระสธรรมชาติตามเหตุปัจจัยของมันอย่างนั้นเอง แต่อุปาทานไปว่ามีตัว มีตนจริง ๆ เอาความไม่มีจริง มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน แล้วอุปาทานไปว่า

 

เหตุปัจจัยมันมากมายเหลือเกิน ที่จะเรียงหน้าเข้ามาให้ยึด เข้ามาให้ทุกข์

<Oพอเกิดกลไกของขันธ์ห้าปรุงแต่งให้เกิดภาวะอารมณ์ต่าง ๆ ตามสิ่งที่มากระทบ


<Oตัวอุปาทาน ก็มาคอยดักรอ เพื่อเอาคำว่า เรา ไปแปะติดกับอารมณ์เหล่านั้น

<Oก็เลยเหมาเอาว่า เรากำลังมีอารมณ์สุข เรากำลังมีอารมณ์ทุกข์ มีอารมณ์ขุ่นมัวเศร้าหมอง ห่อเหี่ยวใจ

<Oนั่นเป็นเพราะอุปาทานมาคอยชี้นำเสนอให้ไปยึดเกาะอารมณ์ที่ปรุงแต่งไปตามเหตุปัจจัย ตามกลไกของขันธ์ห้า ที่มันไม่ได้มีใครไปปรุงแต่ง


<Oเช่นอากาศหนาวเย็นลง เซลล์ของรูปขันธ์ก็กระทบกับอากาศเย็น ก็ส่งข้อมูลไปที่สัญญา ว่าหนาวแล้ว สัญญาก็ส่งไปที่ความคิด ความคิดก็ปรุงแต่งว่าต้องหาเสื้อหนา ๆ ใส่ แล้วรูปขันธ์ก็ไปหยิบหนา ๆ มาสวม อารมณ์ก็สบายขึ้นเพราะไม่หนาวสั่นเหมือนเมื่อครู่นี้


<Oขันธ์ห้ามันทำงานกันเป็นทีม มันรับ มันส่ง มันจัดการทุกอย่างตามกลไกของขันธ์ห้า


<Oถ้าออกมาดูทัน จะเห็นความมหัศจรรย์ของขันธ์ห้า ที่มันทำงานรับส่งกันต่อเนื่องตลอดเวลา


<Oกินข้าว กระเพาะย่อย แยกโปรตีน แยกไขมัน แยกโปรตีน แยกวิตามิน แล้วส่งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถูกต้องตรง ไม่มีใครไปคอยกำกับดูแล แต่มันทำงานของมันเอง มันเป็นกระแสที่ไหลไปตลอดเวลา ไม่ได้มีตัวใครอยู่ในนั้น <O

ทั้งหมดทุกขั้นตอน ไม่มีใครปรุงแต่ง กายกระทบอากาศเย็น อากาศที่มันเย็น ตัวอากาศเองมันก็ไม่ได้ปรุงแต่งให้เย็น แต่มีเหตุปัจจัยมาผลักดันให้มันเย็นลง แล้วกลไกการบันทึกไว้ของเซลล์ผิวหนัง ตามสัญญาก็เคยจำไว้ว่า 25 องศาพอได้ ต่ำกว่านั้นทนไม่ไหว เมื่อหนาวมาก การรับรู้ทางรูปขันธ์ที่หนาวสั่นก็ส่งไปถึงอารมณ์ก็เลยเป็นเวทนาความทุกข์ ความคิดก็เริ่มปรุงแต่ง จึงต้องจัดการหาสิ่งมาปกป้องร่างกาย


<Oทุกอย่างเป็นกลไกการป้องกันขันธ์ห้า ที่มันผลักดัน ที่มีโปรแกรมของมันอยู่แล้วตามขั้นตอน ซึ่งเป็นการบันทึกไว้สืบต่อกันมาของขันธ์ห้า


<Oมันทำงานของมันเอง เป็นขั้นตอนกลไกของมันเอง แต่ธาตุรู้ที่มีปัญญา ที่มีหน้าที่เป็นเพียงผู้ดู ผู้ที่มีหน้าที่มาตามดูว่า ขันธ์ห้ามันทำงานยังไง ในกลไกของมัน


<Oกลับไม่ดูเฉย ๆ


<Oทำเกินหน้าที่ ดันเสนอหน้าเข้าไปมีส่วนร่วม ตามการเชิญชวนของอุปาทาน

<Oจึงมีเราเป็นผู้หนาว มีเราหาเสื้อใส่ มีเราหายหนาว

ทั้ง ๆ ที่ถ้าดูแล้วเห็นว่า กลไกของขันธ์ห้ามันหนาว แล้วมันก็หาเสื้อกันหนาวมาใส่ แล้วมันก็อุ่นสบายตามสไตล์ของมัน

ก็จะไม่มีตัวเราผู้เข้าไปร่วมช่วยเหลือมันเลย มันทำได้เองล้วน ๆ

เมื่อหัดปล่อยได้ในครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปสิ่งใดจะเข้ามากระทบ ปัญญาก็จะเกิด การพุ่งเข้าไปยึดว่าเป็นเราก็จะน้อยลง จะคอยมองดูว่า ขันธ์ห้ามันจะจัดการกับสภาวะการณ์นั้น ๆ อย่างไร

เชื่อเถอะว่า มันจัดการขันธ์ของมันได้ แม้ไม่มีอุปาทาน ไม่มีตัวเราของเรา เข้าไปเกี่ยวข้อง

ตอนนี้รู้แล้วว่า..... ต้นเหตุของปัญหาก็คือ.... ตัวอุปาทาน ..... คือความไม่รู้ คิดว่าเป็นตัวตน เป็นของตนแล้ว แล้วไปหลงยึด เป็นต้นเหตุ

<O
เรามาดักรอ ดักตีให้ตรงจุด ........

<Oดักตีให้ตรงตัว......อุปาทาน.....เลย<O

.... จะดีกว่าไหม ?<O

 

ไม่เป็นทวินิยม​

อุณหภูมิของน้ำมีแต่ร้อนมาก หรือร้อนน้อย​

ไม่มีร้อน หรือเย็น​

ธรรมชาติที่แท้จริงไม่เป็นทวินิยม​

นี่เป็นกฏธรรมชาติ​

การแก้ปัญหาของมนุษย์ ต้องไม่มีฝ่ายใด​

ถูก - ผิด, ดี - ชั่ว, แพ้ - ชนะ ฯลฯ​

แต่ด้วยการปรองดองในทางสายกลาง​

ด้วยความรู้สึกว่า สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์​

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น​

จึงจะถูกตรงกับกฏของธรรมชาติ แล้วจะแก้ปัญหาได้​

จากหนังสือธรรมะ​

ฝนประปราย​

 

ขออนุโมทนากับพี่สุดใจด้วยคะ ธรรมะบรรยายของพี่สุดใจแต่ละครั้งแสนจะเรียบง่าย บรรยายให้เห็นภาพเหลือเกิน เข้าใจง่าย ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อนะคะ

 

อาจารย์พี่สุดใจ นำธรรม ตีตรงจุด ให้พวกเราได้รับรู้และเข้าใจแบบง่ายๆไม่ต้องไปค้นคว้าจากแหล่งไหนๆให้เสียเวลา เราเสียเวลาไปมากแล้ว
ได้เจอยาขนานเอก ที่ผ่านการค้นคว้าวิจัย ทดสอบ ทดลอง จนเห็นผลกับผู้ที่นำไปใช้ ได้รับการประทับตรารับรองคุณภาพจาก อาจารย์พี่สุดใจ
จึงไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

ขออนุโมทนากับอาจารย์พี่สุดใจ เป็นอย่างสูง ครับ

 

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

ขอส่งความสุขแด่ .... คุณ mead

ในวันคล้ายวันเกิดค่ะ


​

 

_/ \_ ka

</o></o>

 

<TABLE class=tborder id=post1818550 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1818550 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">ขอเรียนเชิญ...ร่วม กิจกรรม ที่ " สถานธรรม In house "
ใน วัน ศุกร์ ที่ 30 มกราคม 2552
<Oพบ "พระ ดร. สิงห์ทน นราสโภ"
จาก วัดวรเชษฐ์ (สถานที่ถวายพระเพลิง พระนเรศวรฯ)


07.00 น. ท่านมาถึง และ....เตรียมถวายภัตตาหารเช้า (ท่านฉัน มื้อเดียว) เสร็จแล้ว พวกเรา...รับประทานอาหารเช้า ร่วมกัน

08.00 น. เป็นต้นไป (คาดว่า เสร็จบ่าย 2 - 3)
- พระอาจารย์ เล่าเรื่องประสบการณ์ "พบมนุษย์ต่างดาว"
(สถานปฎิบัติธรรม ใกล้กับ ถ้ำเชียงดาว เป็นสถานที่ ที่ผู้มาจากดาวต่าง ๆ ใช้ประชุมหารือกัน และที่นั่น เป็น "ปลาย" ของเทือกเขาหิมาลัย)
- ให้ความรู้ เรื่อง "พลังรังษีธรรม" (ไว้ใช้ดูแลสุขภาพ)
<O- ให้ธรรมะ "สวดมนต์ ทำสมาธิ"

15.00 น. ทำสมาธิ รับ "คลื่นพลังจากจักรวาล" เพื่อพิจารณาการทำงาน ของ
" ขันธ์ 5 " (ผู้พิจารณา คือ "จิต" ผู้ทำงาน คือ "กาย")
โดย...... คุณ SAPA


เรียนเชิญ ทั้ง.....เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ และ...พี่น้องเก่า พี่น้องใหม่


จอดรถที่ เดอะมอล์ล งามวงค์วาน หรือ โฮมโปร ประชาชื่น
สถานที่ In house - ทาวน์เฮ้า ซอย 1 หมู่บ้านเกร็ดแก้วการ์เด้น 3
(หลัง รพ.นนทเวช ติดรั้ว เดอะมอล์ล งามวงค์วาน เข้าหมู่บ้านฯ
(ซอย 1) ตรงประตูเล็ก ใกล้ศาลพระภูมิ ของ เดอะมอล์ลฯ)

โทร 081 315 9971 (080 ผิดค่ะ ก่อนหน้านี้ พิมพ์ไปได้ไงเนี่ย)

ภาพที่ถ่ายทั้ง ก่อนและหลังขึ้นเขากะลา ทั้งหมด ใส่ ซีดีไว้แล้ว ถ้าใครจะดูหิ้ว Notebook มาน๊ะจ๊ะ เพราะ ตอนนี้ คอม ฯ ขนกลับบ้านหมดแล้ว นอกจากนี้ เพื่งเปิดดูภาพเดิม ๆ ถ่าย 30 ม.ค.51 บางภาพมี จุดแสงเล็ก ๆ แบบที่อยู่ในจานดาวเทียม (ไม่รู้จะเรียกว่า จานอะไร ถ้าไม่เรียก จานดาวเทียม) และภาพที่ถ่าย 27 ม.ค.52 บางภาพ ก็มีจุดแสงสว่างอย่างนี้ กลางท้องฟ้าเหมือนกัน แม้จะต่างกาลเวลา ต่างสถานที่

เอ/. ....มนต. จะมีจริง ๆ หรือนี่ ไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้รอภาพของอาจารย์ และผลการวิเคราะห์ "จุดแสงเล็ก ๆ จาก ดร.เทพนม" เพิ่งส่งเมล์ไปให้ ถ้าเขามีจริงภัยพิบัติในไทย ก็เกิดจริงนะซิ ...ชักเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วเนี่ย/.

วันศุกร์เชิญ "ผู้อาวุโสทุกท่าน" ด้วย ว่างเวลาใด ก็มาได้เลย ..เช้า กลางวัน เย็น กินข้าวด้วยกัน
....ส่งรูป "พระนาคปรก 11 เศียร" ที่วัดทุ่งเหี้ยน ชลบุรี สถานที่ที่พบ ดร.เทพนมฯ ในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค.52 ซึ่งไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เหมือนกัน แต่เราทำงานกันคนละหน้าที่
....และแถมรูป ที่ถ่ายหน้าบ้าน วันอังคาร ที่ 27 ม.ค.52 เวลา 17.00 โดยประมาณ ส่วนภาพทั้งหมด ชมได้วันที่ 30 ม.ค.52 ที่ In house

<!-- / message -->






</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1818550")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภาพที่ถ่ายทั้ง ก่อนและหลังขึ้นเขากะลา ทั้งหมด ใส่ ซีดีไว้แล้ว ถ้าใครจะดูหิ้ว Notebook มาน๊ะจ๊ะ เพราะ ตอนนี้ คอม ฯ ขนกลับบ้านหมดแล้ว นอกจากนี้ เพื่งเปิดดูภาพเดิม ๆ ถ่าย 30 ม.ค.51 บางภาพมี จุดแสงเล็ก ๆ แบบที่อยู่ในจานดาวเทียม (ไม่รู้จะเรียกว่า จานอะไร ถ้าไม่เรียก จานดาวเทียม) และภาพที่ถ่าย 27 ม.ค.52 บางภาพ ก็มีจุดแสงสว่างอย่างนี้ กลางท้องฟ้าเหมือนกัน แม้จะต่างกาลเวลา ต่างสถานที่

"ขอโทษที พินพ์ผิด ต้องเป็น 30 ธ.ค.51 น๊ะจ๊ะ"

 

สุขสันต์วันเกิดครับคุณ mead

 

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกปีหนึ่ง.........ก็ขอให้คุณ mead เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป

สุขสันต์วันเกิดครับ HBDs;aa19

 

ต้องขออภัยพี่เทพกัญญาและเพื่อนๆเป็นอย่างสูงครับ ที่ไม่สามารถไปร่วม กิจกรรม ที่ " สถานธรรม In house " ในวันที่ 30 มกราคม 2552 นี้ได้....เนื่องจากติดราชการที่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2552

ยังงัยก็ขออนุโมทนาล่วงหน้าให้กับเพื่อนๆที่ไปร่วมงานในวันนั้นทุกคน

คิดถึงเพื่อนๆทุกคนครับ.........

 

สุขสันต์วันเกิดคุณมีดค่ะ

พรุ่งนี้วันเกิดน้องช้าง อายุ ๑๘ ชาวระบบเหมือนกัน
สงสัยให้รับงานต่างเฟสกับพวกเรา

งานที่ In House ขออนุญาตจากพี่เทพกัญญาประชาสัมพันธ์ในกระทู้รวมพลคนรักพระนเรศวรฯ นะคะ เผื่อมีใครอยากพบพระอาจารย์สิงห์ทนค่ะ

เมื่อคืน ภาวนาพุทโธจนหลับไป
ฝัน หรือนิมิตก็ไม่รู้...
ว่ามีตัวหนังสือพิมพ์มาจากสำนักพิมพ์ใน date book ว่า

6 พฤษภาคม
ต้องออกเดินทางแล้วเดี๋ยวจะไม่ทัน

มีการไปสำรวจสถานที่ เป็นทางอีสาน
ในแผนที่อยู่แถวๆยโสธรหรือร้อยเอ็ดก็ไม่ทราบ
เป็นป่าเบญจพรรณ อยุ่บนเขา ตอนสายๆมีรถสองแถวสีแดงวิ่งผ่าน มีเด็กนักเรียนนั่ง
และในความฝันได้ติดต่อกับเพื่อนสมัยเรียนป. ตรี ชื่อรัตนาภรณ์ ภูไพรัชพงษ์์
สงสัยต้องไปถามปุ๊แล้ว ว่าบ้านปุ๊อยู่ จว. อะไร

ถ้าภัยจะเกิด ระบบจะจัดให้ทำอะไรก็กรุณาจัดการให้ full option ด้วยค่ะ
เพราะทรัพย์ส่วนตัว.. ม่ายมี
เงินเดือนเพิ่งออก (คนเดียว) ยังไม่ถึงวันที่ ๑ เลย ถูกทวงหนี้ (ของสองคน) ก็เริ่มกรอบแล้วค่ะ.... ไม่ทุกข์แฮะ หัวเราะได้
อย่างที่คุณ UFO356 ว่า เขาเอาให้ทุกข์ บีบคั้นเข้าไป สุขภาพ ทรัพย์ การงา่น
ทุกข์มาก ทุกข์น้อย เลือกทุกข์น้อยจ้า แค่นี้ไม่ตายร๊อก

 

สาส์นจากเพื่อนต่างดาวมาเตือนชาวโลก
แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณ Haruaki_n<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT> สมาชิก

​

เรื่องราวที่ผมจะนำมาเสนอนี้เป็นบทความของ Tony Wicks ที่กล่าวถึงการสร้างโลกใหม่ครับ มันน่าสนใจมากๆ และผมเชื่อว่ามันอาจตอบโจทย์ของใครหลายๆ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก็ได้ เรื่องภัยพิบัติมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว ผมอยากให้ทุกคนตระหนักแต่อย่าตระหนก ทุกอย่างมันมีวาระของมันเองครับ

บทความของ Tony Wicks

มันเหลือเชื่อมากเมื่อมีคนจำนวนมาก ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์นี้กำลังอยู่ในช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการของชีวิต พวกเราจะกลายเป็นอารยะธรรมแห่งเอกภพ ที่เกี่ยวเนื่องกับอารยะธรรมของระบบดวงดาว ที่อยู่ในกาแล็คซี่และเอกภพของเรา และต่อเอกภพอื่นๆ ด้วยอย่างแน่นอน มันคือโชคชะตาที่แท้จริงของพวกเรา ที่จะเปลี่ยนจากสังคมแห่งความหวาดกลัวและการแข่งขัน สู่สังคมแห่งความรัก สงบ และสามัคคีปรองดอง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันเป็นส่วนน้อย ของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

พวกเราอาศัยอยู่ในเอกภพที่มองไม่เห็น (อาจเรียกว่าเป็นอาณาจักรแห่งวิญญาณหรือสวรรค์) เช่นเดียวกับเอกภพที่มองเห็น ซึ่งมีคนกลุ่มน้อยที่เชื่อว่ามีอยู่จริง ความจริงที่แท้จริงได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ดังนั้นพวกเราจะต้องรู้ในท้ายที่สุดพวกว่าเราจะจดจำและค้นพบว่า แท้ที่จริงแล้วพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะและเปี่ยมไปด้วยความรู้และภูมิปัญญาแห่งเอกภพ และมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดกับเหล่าพี่น้องที่อยู่ในห้วงอวกาศ และที่อยู่ในอาณาจักรแห่งวิญญาณ

โชคไม่ดีนักที่ระบบการปกครอง, ศาสนา และปรัชญา ได้แทรกแซงความจริงเหล่านี้เพื่อเก็บซ่อนไว้ เพื่อการดำรงซึ่งอำนาจและการควบคุม การต่อต้านในปัจจุบันที่เรียกว่า การโจมตีของเหล่าผู้ก่อการร้ายในอเมริกา ดังเช่นปัจจุบันนี้นั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามทำให้เราอยู่ใต้อำนาจ อย่างไรก็ตาม มันถึงเวลาแล้ว สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในความเข้าใจของประชากรโลก ที่ต้องการความสงบแม้ว่าสิ่งที่ถูกนำเสนอไปต่อสื่อต่างๆ จะถูกแทรกแซงก็ตาม

มีหลายคนที่รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เป็นเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่อยู่ในเอกภพที่มองไม่เห็น ก่อนที่จะเกิดขึ้นในเอกภพที่มองเห็น มันก็ยากที่จะรับรู้ในตอนแรก จริงๆ แล้วพวกเราอยู่ในการทดลองที่ยิ่งใหญ่ ที่มีข้อตกลงต่อความเข้าใจในระดับที่สูงกว่า

เพื่ออยู่ที่นี่ในช่วงแห่งการสิ้นสุดของเวลา

 

ขอให้มีความสุขมากๆ ในวันคล้ายวันเกิดนี้นะครับคุณ Mead

​

 

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนากับคุณเกษม เป็นอย่างยิ่งค่ะ

ที่กรุณานำข้อมูลมาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกระทู้นี้ได้รับทราบด้วย

ทำให้ผู้สนใจเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว ได้เปิดมุมมองกว้างมากขึ้น เริ่มมองเห็นการวางโครงข่ายของมนุษย์ต่างดาว ที่วางไว้ทั่วโลก การเตรียมการของสมาพันธ์แห่งดวงดาวจากจักรวาลต่าง ๆ ที่วางโครงการไว้เพื่อยกระดับจิตใจ และเพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติบนโลกใบนี้ในยุคการเปลี่ยนแปลง เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ข้อมูลจากจักรวาล ที่สื่อสารมายังบุคคลต่าง ๆ ในแต่ละประเทศนั้น จึงมีมากมาย กระจายไปทั่วทุกมุมโลก นั่นเป็นเพราะแต่ละจุด จะมีการรับข้อมูล จะมีการสื่อสาร จะมีการเตรียมการเฉพาะกิจ ในแต่ละจุด แต่ละประเทศ ตามที่ระบบได้วางไว้นั่นเอง

และข้อความส่วนหนึ่ง.....

จากนั้นพวกเขาจะแสดงให้เราเห็นถึงวิธีการที่จะบรรลุเข้าสู่การมีจิตสำนึกเต็มขั้น กระบวนการดังกล่าวอาจทำขึ้นบนยานอวกาศหรือในประเทศที่เหมาะสม

สอดคล้องกับข้อความของมนุษย์ต่างดาวที่กล่าวไว้กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ว่า

"ความสำเร็จของมนุษย์ต่างดาวในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์โลกผ่านทางประเทศไทย"

กระบวนการยกระดับจิตใจ ตามโครงการของจักรวาลเพื่อเข้าสู่กฏของธรรมชาติ จึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ ที่ "ประเทศไทย"



ขออนุโมทนากับคุณเกษมด้วยค่ะ

เกษม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1837500", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุน กิตติมศักดิ์

 

ยินดีต้อนรับค่ะ คุณ Fleurdelis คุณ kingkaewmath คุณkwamawauyo คุณ OGypsoO คุณ Joypor คุณ ดาวเคียงเดือน และอีกหลาย ๆ ท่านที่ติดตามอ่านอย่างต่อเนื่อง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1820337", true); </SCRIPT>

แม้กระทู้นี้ จะมีเรื่องราวหลากหลาย และอาจมองคล้ายกับเป็นเรื่องของวัตถุภายนอก วัตถุจากนอกโลก ดูคล้ายกับคนละเรื่องก็ตาม

ขอให้ลองศึกษาข้อมูลด้านในดูก่อน ข้อมูลการถ่ายทอดข้อความจากจักรวาล ข้อมูลการมาบอกกล่าวเรื่องราวของกฏธรรมชาติ กฏของจักรวาล จากมนุษย์ต่างดาวในทุกเรื่องนั้น

ล้วนแต่เป็นเรื่องของการพัฒนายกระดับจิตวิญญาณเข้าสู่กฏของธรรมชาติทั้งสิ้น และการเทียบเคียงไม่ได้ต่างไปจากธรรมะเพื่อการละวางอัตตาตัวตนเลย

ขอให้ทุกท่านที่มีโอกาสเข้ามารับรู้ ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยียนกระทู้แห่งนี้แล้ว จงได้ประโยชน์ตนในการพัฒนาความสามารถในการเห็นความว่าง ละวางขันธ์ห้าจากอุปาทานการยึดมั่นถือมั่น จากความเห็นว่าเป็นตัวเรา ของเรา ด้วยกันทุก ๆ ท่านเทอญ.

ยินดีต้อนรับ และขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

 

ตามอ่านตั้งแต่ต้นมา ได้ธรรมะไปด้วย
ขออนุโมทนาครับ

 

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนากับคุณเทพกัญญาด้วยค่ะ

พี่สุดใจ จะเดินทางไปร่วมงานทำบุญในครั้งนี้ด้วย

จะเดินทางจากนครสวรรค์ในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้

และขออนุโมทนากับกิจกรรมอื่น ๆ ในช่วงบ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมระบบที่จะมีขึ้น หลังจากเสร็จงานบุญแล้ว หรือการส่งคลื่นประมวลพลังก็ตาม

อาจารย์นีโม่ จะทำการเชื่อมระบบอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นว่ามีแขกพิเศษ 2 ท่านจะมาเชื่อมระบบด้วยที่อินเฮ้าท์

อาจารย์ sapa จะทำการส่งคลื่นประมวลพลังแยกขันธ์ห้า ในช่วงบ่าย

หากเพื่อน ๆ สมาชิกท่านใดสนใจจะมาร่วมสนทนาธรรมกับพี่สุดใจ ก็ยินดีค่ะ

แล้วพบกันพรุ่งนี้ที่อินเฮ้าท์

ขออนุโมทนากับคุณเทพกัญญาด้วยค่ะ