เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    I also wanna know too. Just keep waiting for my dear writer to give us more detail.


    Still miss you , Khajornwan



    P.S. WP ivory That why I saw just only red and white. It came from you. Hi Hi
     
  2. air_ja

    air_ja Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +26
    <CENTER>ฝากข่าวจากคุณซันค่ะ

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><!-- ads code --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&dt=1235033213046&lmt=1235033213&output=html&slotname=7252767143&correlator=1235033213046&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fshowthread.php%3Ft%3D175095&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fforumdisplay.php%3Ff%3D2&frm=0&ga_vid=345352982.1219808293&ga_sid=1235033172&ga_hid=1510141930&ga_fc=true&flash=9.0.47.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=734&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=2&u_java=true&dtd=16&w=250&h=250&xpc=xCr9x3M2nO&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=250 scrolling=no height=250 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
    ข้อความจากคุณซันค่ะ
    เนื่องในวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 นี้เป็นวันศิวะราตรีค่ะ จึงฝากเรียนเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และท่านที่มีศัทธาต่อองค์พ่อพระศิวะ ทางคุณซันจัดงานศิวะราตรีขึ้นที่บ้านซอยวัดใหม่ภาวนาค่ะ ซึ่งทางคุณซันจะจัดพิธีทางพรามณ์ มีพิธีการสวดสรรเสริญขอพรองค์พ่อพระศิวะ พระอิศวร พระพิราพ และพระศิวะทั้ง 108 ภาคพระผู้เป็นใหญ่ใน 3 ในโลก พิธีมีขึ้นในเวลา 19.30 น. เรียนเชิญท่านผู้ที่สนใจร่วมพิธีกรรมได้ที่บ้านน้องซันและไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น!! ท่านที่สนใจจะร่วมงานสามารถนำดอกไม้หรือผลไม้มาร่วมถวายในพิธีได้เช่นกัน ท่านที่ไปไม่ถูกอย่างไรรบกวนฝากemail. ไว้ค่ะ


    http://palungjit.org/attachmen...1&d=1235031628

    จึงฝากเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน
    ขอบคุณค่ะ;aa8


    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441

    ข้อมือเคล็ดไปหลายวัน คงหายดีแล้วนะครับคุณเบิ้ม
    วาดออกมาได้เหมือนที่เดียวล่ะครับ (เห็นแวปแรกนึกว่านายกฯ อภิสิทธิ์ อิอิ)
    ถ้าใช้เวลานานแบบนี้เค้าเรียกว่าตั้งใจวาดนะครับ
    ขอบคุณนะครับเห็นรูปนี้แล้วก็ชอบ ฝีมือยังฉลุยครับ
    แบบนี้ต้องวาดมาอีกเยอะๆ ฮี่ๆๆ.. Cheer *-*
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ไหนๆจะพูดถึงซูปเปอร์แมน (ไม่ใช่ซุปเปอร์มี้ดดด) ขอสักหน่อยครับคุณเซลล์ อิอิ

    [​IMG]


    คลาร์ก เค๊นท์ ชื่อที่แท้จริงคือ คา-เอล
    บุรุษเหล็กผู้มาจากดาวคริปตันเพราะการล่มสลายของดาว.....
    เขามาไกลมาก แต่ก็เหมือนมนุษย์อย่างเราๆตรงที่มีหัวใจและความรักนะครับ

    มีบางคนกล่าวว่า "ผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์"
    แต่ก็ไม่แน่ครับ ผู้ชายอาจมาจากดาว"คริปตัน" (ซึ่งก็อาจเป็นดาวดวงเดียวกับดาวอังคารก็ได้) เป็นบ้านเกิดของวีรบุรุษหรือซูเปอร์ฮีโร่นามว่าซูเปอร์แมน ส่วนผู้หญิงนั้นจะมาจากดาวดวงไหนไม่ปรากฎชัด นอกจากมาจากซี่โครงของอาดัม มนุษย์คนแรกของโลก ที่พระเจ้าหักแล้วเสกเป่าเป็นอีวา เพื่อเป็นคู่ครองของอาดัม (ตามพระคัมภีร์ฯ)

    แต่จะดาวดวงไหนก็แล้วแต่ หากว่าดาวเคราะห์ดวงนั้น มีสภาพภูมิประเทศและธรณีวิทยาหลายประการที่ใกล้เคียงโลก และน่าเชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หรืออย่างน้อยเคยอาศัยอยู่ ผู้ชายหรือแม้กระทั่งซูเปอร์แมนที่ปรากฎเป็นเรื่องเล่ากันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในเอกภพอันกว้างใหญ่ไพศาลก็ย่อมมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะมาจากดาวอังคารหรือดาวคริปตันในจินตนาการเท่านั้นครับ

    มีข้อความนึงพี่นักเขียนฯพูดถึงซูปเปอร์แมนเอาไว้ด้วยครับ:-

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า เราเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติได้ในความฝัน
    ในความฝันเราสามารถไปเดินอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง พบปะผู้คน แล้วเราก็ตื่นขึ้นมาพบว่า สถานที่และผู้คนในความฝันนั้นๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังสือนวนิยายที่เราเคยอ่านพบ หรือเป็นเพียงการแสดงหรือภาพยนต์ที่เราเคยชม แต่ทั้งหมดก็เป็นอารมณ์?-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของนักประพันธ์ซึ่งก่อเกิดโลกแห่งความเป็นจริงบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่งๆขึ้น

    ในนัยนี้ Superman ก็สามารถจะถือกำเนิดในโลกแห่งความเป็นจริงโลกหนึ่งๆที่มีกฏเกณฑ์ของเครื่องพรางและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยความเป็นไปได้นั้นๆได้เสมอ เช่นเดียวกับนิทานเรื่องเมล็ดข้าวกับน้ำค้าง ซึ่งเมล็ดข้าวแต่เมล็ดเปรียบได้กับหน่วยย่อยของจิตวิญญาณที่จะไปถือกำเนิดเป็นรูปกายตัวตน ณ ภพภูมิหนึ่ง โลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เพราะหน่วยย่อยของจิตวิญญาณทุกหน่วยเพียบพร้อมไปด้วย ความเป็นไปได้และแนวโน้มอันปราศจากขีดจำกัด เรียกได้ว่า ไม่ว่ามันจะไปถือกำเนิด ณ ภพภพภูมิใด โลกใด มิติใด มันก็จะเจริญหรือพัฒนาได้เสมอ ในทิศทางที่คล้องจองกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ..."

    อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นนะครับ
    เพราะไม่มีระยะทาง-ช่องว่างและกาลเวลาใดๆ มาจำกัดความเชื่อและจินตนาการในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติได้เลย เส้นทางแห่งความเป็นไปได้จึงมีเป็นอนันต์ ซึ่งก่อเกิดขึ้นจากความคิดและแบบพิมพ์เขียวของจิตวิญญาณที่แตกแขนงออกไปเรื่อยๆไม่รู้จบ อาจเป็นเหตุให้เกิดศัพท์คำว่า"อจินไตย"ขึ้นมาก็ได้ เพราะหลายๆเรื่องเหล่านั้นก็มักดึงความสนใจให้เราอยากเรียนรู้ไปหมดและไม่มีที่สิ้นสุดด้วย อ่านเพิ่มเติมได้ครับ *-*

    http://palungjit.org/showpost.php?p=746917&postcount=2220



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2009
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    What is LOVE?
    ความรักคืออะไร

    ความรักคืออารมณ์อันลุ่มลึกที่เต็มไปด้วยความสนใจ เอาใจใส่ และเต็มไปด้วยความยินดีมีสุขกับสิ่งที่เราสนใจหรือเอาใจใส่ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆจากสิ่งนั้น หรือบุคคลนั้นๆที่เรารัก

    ความรักที่แท้จริงจึงเต็มไปด้วยการให้อย่างสม่ำเสมอ ให้อย่างทุ่มเท ให้อย่างหมดใจ โดยปราศจากข้อแม้หรือขีดจำกัดใดๆ

    นอกเหนือไปจาก ความสงสาร ความศรัทธา ที่อาจจะทำให้เราเข้าใจผิดว่าเป็นความรักแล้ว ยังมีอารมณ์อื่นๆอีกมากมายที่ทำให้เราสับสนว่าเป็นความรัก


    แต่ไม่ว่าอารมณ์เหล่านั้นจะเป็นอารมณ์ใด หากมันไม่ใช่ความรัก มันก็คือความหลง หลงผิด หรือเป็นความเชื่อที่ผิด

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึงความเชื่อไว้ว่า
    เราทั้งหลายสร้างโลกแห่งความจริงด้วยความเชื่อของตนเอง

    ไม่ว่าเราจะเชื่อว่า ความหลง ความสงสาร ความศรัทธา หรืออารมณ์อื่นใด คือความรัก หากมันเป็นภาวะที่เต็มไปด้วยการคาดหวังในสิ่งตอบแทน และทำให้เกิดการผิดหวัง เศร้าโศก ระทมทุกข์ มันก็ไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เพราะมันเต็มไปด้วยเงื่อนไข

    แม้รักของพ่อแม่ที่น่าจะเป็นรักบริสุทธิ์ที่มีให้ลูกอย่างเป็นธรรมชาติ
    ก็อาจเป็นความเชื่อในทางที่ผิด เป็นความหลงผิดของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
    ไม่ใช่ความรักอันปราศจากเงื่อนไขโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว

    พ่อแม่จำนวนมากปกป้องลูกจนกลายเป็นทำร้ายลูก
    เพราะหลงผิด หรือมีความเชื่อในทางที่ผิดว่า การปกป้องและช่วยเหลือลูกทุกทิศทางเป็นสิ่งที่ดี แต่ในขณะเดียวกันกลับทำร้ายลูกด้วยการทำให้ลูกกลายเป็นผู้ที่ช่วยตนเองไม่ได้


    เมื่อพ่อแม่ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าที่จะดูแลลูกได้ตลอดไป
    ในที่สุดลูกผู้ได้รับการปกป้องดูแลตลอดมา
    ก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักและไม่สามารถพึ่งตนเองได้

    แต่ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ทำหน้าที่ปกป้องลูกและช่วยเหลือทุกทิศทางจนลูกไม่มีโอกาสช่วยตนเองนั้น แท้จริงแล้ว พ่อแม่เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่มีต่อลูก เข่น เงื่อนไขที่ไม่ต้องการเห็นลูกลำบาก ไม่ต้องเห็นลูกผิดหวัง ไม่ต้องการเห็นลูกเป็นอันตราย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเงื่อนไขที่ตั้งอยู่บนประโยชน์สุขทางใจของพ่อแม่โดยแท้ เพราะพ่อแม่ทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกเผชิญกับภาวะในแง่ลบเหล่านั้น

    พ่อแม่บางคู่ฝันแทนลูก
    วางแผนอนาคตแทนลูก
    แม้การกระทำทั้งหมดเป็นไปด้วยเจตนาที่ดี
    แต่ก็ไม่ใช่รักอันปราศจากเงื่อนไข หากแต่เต็มไปด้วยเงื่อนไข

    ฉันใดก็ฉันนั้น
    รักทั้งหลายที่เรามีต่อผู้อื่น
    ล้วนเป็นอารมณ์ที่เราต้องพิจารณาด้วยสติพร้อม
    เพื่อที่จะตระหนักได้ว่า มันคือความรักอันปราศจากเงื่อนไข
    หรือเต็มไปด้วยเงื่อนไขเพื่อประโยชน์สุขของตนเอง


    ชีวิตคู่ที่ทุกข์ใจ เกิดจากความรักอันเต็มไปด้วยเงื่อนไข
    เมื่อเงื่อนไขเหล่านั้นไม่เป็นไปดังคาดหวัง - ก็ก่อให้เกิดทุกข์

    หากเรารักคู่ของเราด้วยการที่เขาเป็นตัวของเขา และไม่มีเงื่อนไขให้เขาต้องเป็นอื่นที่เราต้องการ เราก็จะไม่มีวันต้องทุกข์


    คนจำนวนมากทุกข์กับความรักเพราะปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงคนรักให้เป็นอื่น เช่น เป็นตามที่ตนคาดหวัง เป็นตามที่ตนใฝ่ฝัน แต่ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความเชื่อและพฤติกรรมของผู้อื่นได้ แต่เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงผู้อื่นได้ก็ต่อเมื่อเราเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความเชื่อและพฤติกรรมของตนเองเสียก่อน

    ความฝันเป็นโลกส่วนตัวอันเป็นเอกลักษณ์
    พ่อแม่ฝันแทนลูกไม่ได้
    พี่น้องฝันแทนกันไม่ได้
    สามีภรรยาฝันแทนกันไม่ได้
    ญาติสนิทมิตรสหายฝันแทนกันไม่ได้


    แต่เราทุกคนสามารถสนับสนุนให้ผู้ที่เรารักสานฝันของเขาให้สำเร็จได้ด้วยการให้การช่วยเหลือเกื้อกูลทั้งทางกายทางใจ โดยปราศจากเงื่อนไข

    พวกเราเคยประทับใจกับลูกชายพิการที่เกิดมาแขนขาลีบ และต้องนั่งรถเข็นตลอดขีวิต แต่เมื่อเขาถามพ่อของเขาว่า เราไปแข่งวิ่งมาราธอนกันได้ไหม ?
    พ่อกลับตอบว่า "ได้สิลูก"


    ความรักของพ่อผู้นั้น ปราศจากเงื่อนไข
    เขารักลูกด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลทั้งทางกายทางใจ ให้ลูกสานฝันของเขาได้สำเร็จ

    พ่อแม่จำนวนมากอาจจะไม่กล้าทำเช่นนั้น เพราะเกรงกลัวแทนลูกว่าลูกจะลำบาก
    และเชื่อว่าควรจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ฝันของลูกก็จะไม่มีวันเป็นจริง


    ความรักที่เราทั้งหลายควรจะมีให้คู่ครองก็ไม่ได้ต่างไปจากความรักของพ่อผู้นี้
    เราควรจะสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลทั้งทางกายทางใจ ให้คู่ครองบรรลุเป้าหมายความฝันของเขา ไม่ว่าความฝันของเขาจะดูเสมือนเป็นสิ่งที่ไกลเอื้อมเพียงใดก็ตาม เพราะคู่รักที่แท้จริง คิือบุคคลที่ตระหนัก เชื่อมั่นในความเป็นไปได้สูงสุดในคู่ของตน และสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลทุกวิถีทางอย่างดีที่สุด ที่จะทำให้คนรักของเขาบรรลุความเป็นไปได้สูงสุดนั้นๆ
    [​IMG]
    รักทั้งหลายย่อมปราศจากทุกข์
    หากเอาสุขของผู้ที่เรารักเป็นที่ตั้ง
    (rose)
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489

    สัญชาติญาณ หมายถึงพฤติกรรมอันเป็นไปตามธรรมชาติ พฤติกรรมเหล่านั้นเป็นการตอบสนองการรับรู้่ในระดับจิตวิญญาณ หรือรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

    สติสัมปชัญญะ หมายถึง การจดจ่ออันคมชัดของจิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ หมายถึง ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด

    ด้วยนัยของคำจำกัดความเหล่่านี้ กล่่าวได้ว่า

    สัญชาติญาณ หมายถึงอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมอันเป็นไปตามธรรมชาติ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่ก่อให้เกิด พฤติกรรมเหล่านั้นเป็นการตอบสนองการรับรู้่ ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ

    สติสัมปชัญญะ หมายถึง การจดจ่อกับข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพด้วยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันคมชัด

    เราไม่เคยปราศจากสติสัมปขัญญะ แต่เราอาจปราศจากสติสัมปชัญญะอันคมชัด
    เมื่อใดที่เราปราศจากสติสัมปชัญญะอันคมชัด เราก็จะไม่รู้เห็นอารมณ์และความรู้สีกนึกคิดและพฤติกรรมที่เป็นไปด้วยการร้บรู้ด้วยสัญชาติญาณ

    เราไม่เคยปราศจากสัญชาติญาณ แต่เรามักจะไม่ให้ความสำคัญในสัญชาติญาณ
    เมื่อใดที่เราไม่ใส่ใจกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นตามสัญชาติญาณ เราก็จะขาดการตื่นตัว และไม่สามารถทำให้สติสัมปชัญญะคมชัดขึ้นได้

    การปล่่อยวาง คือการไว้วางใจในอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมอันเป็นไปตามธรรมชาติ

    เราทั้งหลายไม่รู้จักการปล่่อยวางที่แท้จริง เพราะเราขาดความศรัทธาและขาดความเชื่อถือในสัญชาติญาณของตนเอง

    การมอบตัวตนของเราให้กับพลังงานต้นกำเนิด คือ การมอบความรักพร้อมด้วย
    อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมอันเป็นไปตามธรรมชาติให้กับสรรพสิ่งทั้งหลาย

    พลังงานต้นกำเนิดไม่มีสิ่งใดนอกเหนือไปจากข้อมูลความรู้ อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

    พลังงานต้นกำเนิดคือพลังงานที่ทำให้จิตวิญญาณทั้งหลายสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างเป็นอมตะ และสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

    [​IMG]

    เราจะรู้ได้พลังงานต้นกำเนิดคิือความรักอันปราศจากเงื่อนไข ก็ต่อเมื่อเราเผชิญกับภาวะที่ความรักนั้น ทำให้สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้-เป็นไปได้ดังปาฏิหารย์ ไม่ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ส่วนตนหรือประสบการณ์ของผู้อื่นก็ตาม(rose)
     
  7. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    [​IMG]
    เมื่อคืนฝันตอนใกล้เช้า เมื่อเรียบเรียงข้อมูลเสร็จ ก็ยังไม่กระจ่าง พอมาอ่านในบอร์ดที่พี่นักเขียนโพสไว้ เลยเข้าใจได้กระจ่างเลยครับ
    ขอบคุณพี่นักเขียนอีกหลายๆครั้งครับ
     
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอบคุณพี่นักเขียนมากเลยค่ะ..

    อ่านแล้วเข้าใจความรักโดยปราศจากเงื่อนไขขึ้นเยอะเลยค่ะ ต่อไปนี้จะหมั่นฝึกฝนสติสัมปะชัญญะให้คมชัดมากขึ้น จะได้รู้เห็นอารมณ์และความรู้สีกนึกคิดและพฤติกรรมที่เป็นไปด้วยการร้บรู้ด้วยสัญชาติญาณที่จิตวิญญาณส่งมาให้เรารับรู้ จะได้นำความรู้ที่ได้รับมาก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นต่อไปค่ะ รักพี่นักเขียนจังเรยยค่ะ เมื่อคืนก็เห็นพี่นักเขียนยิ้มให้ด้วยแหล่ะ.. ล่าลาล้า..

    ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองจะฝันถึงการเดินทางบ่อยขึ้น แต่บางครั้งก็ฝันว่าไปปลูกมะละกอท่ามกลางธรรมชาติซะงั้น สงสัยเป็นเพราะจิตกะลังจดจ่อให้ตัวเองเป็นอิสระทั้งทางกายและทางใจรึเป่าก็ม่ายรู้ แต่ก็รู้สึกมีความสุขสดชื่นดีเหมือนได้ชาร์ตเบตเตอรี่เลยค่ะ อิอิ.. ขอบคุณทุกๆ ประสบการณ์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ Love Love Love..
    ;k06;k06;k06
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    [​IMG]

    ได้สาระประโยชน์มากครับพี่นักเขียนฯ ความรักเป็นเรื่องใกล้ตัวมากจริงๆ

    เชื่อว่าความรักไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาษาพูดหรือเท่าที่เรารู้จักเท่านั้นนะครับ
    มีความหมายครอบคลุมไปถึงความชื่นชมยินดี ความตื้นตัน ความรู้สึกขอบคุณ ฯลฯ
    เป็นความสุขจากการปล่อยให้มันไหลแผ่ออกไปโดยไม่มีเงื่อนไขนะครับ

    บางครั้งเราก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกคนอื่นๆได้
    เหมือนที่คุณ dont worry ถามน่ะครับ
    ถ้าเราคิดว่าความสุขของเราไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเขาอาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคงก็ได้
    จึงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เรารู้สึกดีๆ มองเห็นคุณค่าของสิ่งรอบข้างที่ทำให้เรารู้สึกดีๆเอาไว้
    เชื่อว่าจะปรับเปลื่ยนหริอหล่อหลอมสิ่งดีๆเข้ามาหาได้ครับ
     
  10. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    อ่านแล้วก็นึกขึ้นมาได้น่ะครับ มิน่าล่ะบางคนนิสัยออกจะเกเรๆแต่ทำไมพ่อแม่พูดแล้วถึงเชื่อฟัง ผิดกับพ่อแม่บางคนพูดยังไงลูกก็ไม่เชื่อฟังซะที ความรักช่างทำให้คนเรามองเห็นซึ่งกันและกันได้จริงๆนะเนี่ย
     
  11. zekan

    zekan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +40
  12. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เมื่อคืนก่อนนอนทำสมาธิ ตอนมันเข้าภวังค์เห็นภาพเขียนของดอกกุหลาบสีชมพูเต็มไปหมดปรากฏขึ้นแว้บหนึ่ง พาลคิดไปว่า “ใครกันหนาส่งความรักมากมายขนาดนั้นมาให้” ใครกันน้า


    ทำสมาธิเสร็จได้หยิบหนังสือ ชัมบาลา มาอ่านดู (ยังไม่อ่านจริงจังเสียที) อ่านไปได้บทหนึ่ง ระหว่างอ่าน ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ (อีกแล้ว) ชัดเจนรุนแรงมาก ทำไมจินต์ต้องรู้สึกเหมือนมีใครมาอยู่ด้วยทุกที แปลกจริง ๆffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2009
  13. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จินต์มีประสบการณ์ในชีวิตประจำวันหลายอย่างเกี่ยวกับการไว้ใจสัญชาติญาณ บางครั้งมีความรู้สึกว่าต้องเป็นอย่างนี้ แต่พอเราเอาเหตุผลภายนอกมาใช้พิจารณา กลับทำให้เราต้องปฏิเสธความรู้สึกที่ได้โดยสัญชาติญาณ ทำให้ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึก แล้วหลายครั้งต้องผิดพลาดไปอย่างน่าเสียดาย
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    พอมาช่วงหลังเลยได้ลองไว้ใจสัญชาติญาณความรู้สึกของตนเองดู ปรากฏว่ามันทำให้เราไม่พลาดกับหลายเรื่องที่เราหลงลืม ความผิดพลาดน้อยลง โดยเฉพาะมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก บางครั้งมันทำให้เราได้รับรู้ความรู้สึก อารมณ์ รวมทั้งความคิดของคนที่เรากำลังคุยด้วยว่าข้างนอกและข้างในเป็นอย่างไร ตรงกันไหม แม้แต่คำว่า ความลับในโลกไม่มี นั้นก็เป็นความจริง เพราะสิ่งที่บางคนคิดว่าไม่มีใครรู้ แต่ธรรมชาติรู้ เรารับข้อมูลนั้นผ่านได้ทางธรรมชาติ
    <O:p></O:p>
    หลายครั้งที่จินตวดีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ไปรู้เห็นเหตุการณ์ ความลับของคนอื่น บางครั้งได้มาจากการตีความหมายในความฝัน บางครั้งแค่มองหน้าเขา คิดถึงเขา เหมือนมีบางอย่างส่งผ่านมาให้พร้อมสัญลักษณ์บางอย่างที่เป็นกลไกทางจิต ยากที่จะอธิบายได้ แต่ทุกครั้งที่จับได้สังเกตุได้ ก็รู้ว่ามันได้มาจากการไว้ใจในสัญชาติญาณของตนเอง รวมทั้งสติสัมปชัญญะที่คมชัดในการตีความ<O:p></O:p>
     
  14. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยังรักและคิดถึงพี่สาวที่น่ารักเช่นกันจ้า.. ^_^

    ลืมเล่าความฝันที่สอดคล้องกะพี่จินต์เรื่องลูกแมวด้วยแหล่ะ ก็ในความฝันที่กะลังตักปลาไปฝากเพื่อนอยู่นั้น ก็เห็นปลาช่อนขนาดใหญ่ตัวเท่าแขนแน่ะกระโดดออกมานอกถังตกไปที่พื้น แล้วก็เห็นแมวตัวเล็กตัวนึงอ้าปากกินปลาตัวนั้นแต่น่าแปลกมากที่แมวตัวเล็กนิดเดียวกินปลาตัวนั้นหมดไปครึ่งตัวเลยเหลือแต่ก้างกับส่วนหางอีกครึ่งนึง ลองตีความหมายดูจิเผื่อจาได้อารายจากความฝันนี้บ้างนะจ๊ะ

    ความหมายของปลาไม่รู้ว่าหมายถึงการแสวงหาความรู้ทางจิตวิญญาณรึปล่าวก็ไม่รู้นะคะคุณเซลล์ เพราะธรรมชาติของปลาเค้าจะแหวกว่ายอยู่ในน้ำรึปล่าวอ่ะ.. อันนี้คิดเองจ๊ะ.. โลกแห่งความจริงหลากมิติก็น่าเรียนรู้ดีนะคะคุณเซลล์

    เอ.. ชักสงสัยว่าเป็นไปได้มั้ยนะที่ว่าความฝันของเราก็คือภาวะจิตของเราเองแล้วความฝันสามารถหลอกเราได้มั้ยน้า? รึว่าจิตของเราสร้างความฝันนั้นขึ้นมารึปล่าวนะ?
    ;aa8;aa8;aa8
     
  15. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    [​IMG]

    เอะใจคำถามคุณขจรวรรณที่ว่า ความฝันเป็นภาวะจิตของเรา แล้วความฝันหลอกเราได้รึเปล่าน๊า

    เพราะในฝัน เราสามารถเสริมเติมแต่งเรื่องราวในฝันได้ ราวกับว่า มีความจำอีกชุดนึง ที่ข้อมูลที่เกิดจากการตีความของความจำชุดนี้ในขณะที่ฝัน กับข้อมูลที่เกิดจากการตีความของตัวตนที่คิดว่าเป็นเรา ยามตื่น

    เมื่อตีความหมายออกมาแล้ว บางครั้งออกมาคนละมุมมองกันเลย เพราะตัวตนที่คิดว่าเป็นเรานั้น ก็แอบที่จะตีความตามความคาดหวัง ความเชื่อของเรา อิอิ

    เลยมาคิดว่า ในความฝันที่ครูกำลังปรุงอาหารชั้นเลิศให้อยู่
    โดยใช้ปลาสีดำ เป็นองค์ประกอบหลัก ปลาตัวนี้มีสี 5 สีที่กลางหลัง (ประมาณรูปข้างต้น พยายามมองให้ออกว่าเป็นปลานะครับ 55)

    ลูกศิษย์ยืนยันว่า มันไม่ใช่ปลาหางนกยูง
    แต่ครูกลับบอกว่า มันคือปลาหางนกยูง

    ตกลงว่า ใครพูดจริง ใครพูดไม่จริง

    พอมานั่งตรึกตรองดู ทำให้เห็นว่า มันเป็นเรื่องมุมมองที่แตกต่างกัน ในการมองเรื่องความรัก (เพราะปลาที่เห็นในฝัน ลักษณะคล้ายปลารักเร่)

    ครูเห็นว่า แม้ความรักบางแง่มุมจะดูว่ามันคลุมเครือ มืดมัวก็ตาม แต่มันก็มีความสวยสดงดงามอยู่ภายใน และให้คุณค่า ให้แง่คิด ต่อเติมชีวิตประสบการณ์ให้กับเราได้เสมอ

    แต่ลูกศิษย์กลับมองว่า มันดูแล้วคลุมเครือ ไม่น่ามอง ไม่น่าอภิรมย์ แล้วจะเป็นเมนูแนะนำได้อย่างไร แต่สุดท้ายไม่ว่าจะมองยังไง ตัวตนนี้ก็ทานอาหารที่ครูปรุงให้

    มันเหมือนกับ ความเชื่อ กับ ความรู้ คุยกันอยู่
    แม้ว่าความเชื่อจะยังมองไม่เห็นคุณค่าของความรัก แต่ความเชื่อก็ยังต้องอาศัยความรักบางแง่มุม เพื่อให้ดำรงอยู่ได้

    เลยน่าคิดว่า ภาพปลาที่ครูเห็นในฝันนั้น เห็นเป็นอย่างเดียวกับลูกศิษย์รึเปล่าครับ ;aa37
     
  16. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ปลาสวย...ค่ะ เหมือนมีชีวิตเลย นะเนี่ย..
    ตอนแรก คิดว่า เอาภาพมาแปะซะอีก...อืมม์ สวย สวย

    เห็นคุยกันประเด็นนี้ มีบางอย่างที่สงสัยเหมือนกันค่ะ
    พี่นักเขียนเคยบอกว่า สัญลักษณ์ ในความฝัน เป็นตัวแทนสภาวะจิตของเรา
    การที่เราฝันเห็น ใครต่อใคร ไม่ได้หมายความถึงผู้นั้นจริงๆ
    แต่เป็นความรู้สึกที่เรามีต่อบุคคล หรือ ความหมายที่เราแทนค่าบุคคลนั้นๆ

    แล้วกรณี ฝันเห็นคนที่ไม่รู้จักละคะ จะหมายความว่าอะไร
    ทั้งบุคคลนั้น ก็ดูเสมือน มาคุกคามเราในความฝันด้วย
    เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนนี้เลย จะตีความอย่างไรดีคะ
    พยายามเปรียบเทียบ สัญลักษณ์ อารมณ์ ความรู้สึกแล้ว ก็ไม่เข้าใจค่ะ

    ส่วนภาวะในฝันที่คุณ ขจรวรรณ กล่าวถึง
    จะหมายถึง ความรู้สึกต้องการของเราเอง ที่อยากจะหลอก หรือเปล่าค่ะ
    เสมือนหลอกตัวเอง ยามตื่นหรือเปล่า แต่ยามตื่นเราพอจะรู้ได้
    แต่ยามฝันนี่ซิ...เราจะรู้ ได้อย่างไร อืมม์...น่าคิดเหมือนกันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2009
  17. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    "...เอ.. ชักสงสัยว่าเป็นไปได้มั้ยนะที่ว่าความฝันของเราก็คือภาวะจิตของเราเองแล้วความฝันสามารถหลอกเราได้มั้ยน้า? รึว่าจิตของเราสร้างความฝันนั้นขึ้นมารึปล่าวนะ?..."

    Hi khajornwan, Long time no see...Ki Ki

    ความฝันมาจากสาเหตุหลายรูปแบบอ่ะครับน้องขจรวรรณ
    ประมาณว่า ความฝันเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างจิตและสมอง
    สมองมีระบบประสาทเชื่อมโยงกับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย
    บางครั้งหากท้องอืดท้องเฟ้อหรืออาหารไม่ค่อยย่อย ก็อาจเกิดปรากฎการณ์ในรูปของความฝันได้อ่ะนะ...หุหุ

    ในช่วงที่พวกเราหลับ หากหลับลึก จิตจะเข้าไปอยู่ร่วมกับอาทิสมานกายในภวังคจิต
    ตอนนั้นจิตอาจเข้าไปRead data/informationในภวังคจิต เพราะภวังคจิตทำหน้าที่เป็นHard Drive และSaveข้อมูลทุกอย่างในชีวิตของพวกเราในทุกภพชาติเก็บบันทึกไว้
    หรือจิตอาจเชื่อมต่อกับอาทิสมานกาย อาศัยศักยภาพพิเศษของอาทิสมานกาย
    รับรู้เรื่องราวเหตุการณ์ภายนอก ทั้งที่เป็นอนาคต ปัจจุบัน หรืออดีตได้
    หรือวิญญาณสูงทั้งที่เป็นเทพผู้พิทักษ์ของพวกเราหรือวิญญาณสูงที่มากจากที่อื่น อาจส่งข่าวสารบางอย่างเพื่อเตือนภัยให้แก่พวกเราในรูปแบบข้อมูลปริศนาที่ต้องตีความ
    หรืออาจเกิดจากการปรุงแต่งของจิตเองก็เป็นได้
    เพราะจิตดวงเดียวนี้แบ่งออกเป็น3ส่วน คือ ผู้คิด ผู้รู้ ผู้รู้แจ้ง(อาทิสมานกาย)
    ผู้คิดนั่นแหละคือผู้ปรุงแต่งความฝันของเรา ส่วนเราคือผู้รู้(ผู้รับรู้)
    ทั้งโลกของความจริงและโลกของความฝัน ที่วุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะ
    ผู้รู้เข้าใจผิดว่าตนคือผู้คิด และปล่อยให้ผู้คิดครอบงำ...อ่ะนะ...คิคิคิ
     
  18. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,945
    ค่าพลัง:
    +4,262
    เห็นคุณ mead พูดถึงนายกอภิสิทธิ์เลยไปค้นดูรูป
    ช่างบังเอิญที่เจอรูปที่เป็นแอ็คชั่นเดียวกัน เลยหยิบมาวาดดู
    คราวนี้เลยดูไม่ออกเลยว่า "ไผเป็นไผ" อิอิอิ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • mead-by-mart1.jpg
      mead-by-mart1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      368.4 KB
      เปิดดู:
      355
    • apisit_2.jpg
      apisit_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114 KB
      เปิดดู:
      438
  19. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เรื่องความฝันกับคนที่ไม่เคยเห็น

    จำได้ว่าเรื่องความฝันที่พี่นักเขียนเล่านั้น นอกจากว่าจะเป็นการสื่อถึงภาวะจิตของตัวเองแล้ว บางครั้งฝันที่เราฝันถึงก็ยังเป็นการเดินทางของจิตวิญญาณ หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จิตวิญญาณไปรับรู้ด้วย อย่างเช่นฝันเกี่ยวกับเด็กที่พี่นักเขียนเคยเขียนมา

    หรือว่าเป็นการเดินทางไปเจอกับเส้นทางอื่น หรือเหตุการณ์บางเหตุการณ์

    ฝันที่เห็นจึงไม่ได้เป็นแค่ฝันที่บอกถึงสภาวะจิตแต่เพียงเรื่องเดียว
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ในหนังสือ ชัมบาลา กล่าวไว้ดังนี้
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    “เมื่อคุณใช้ชีวิตสอดคล้องกับควมดีงามพื้นฐาน เมื่อนั้นคุณก็ได้สั่งสมความผุดผ่องตามธรรมชาติขึ้น ชีวิตของคุณก็อาจว่างและผ่อนคลายโดยไม่จำเป็นต้องกลายเป็นคนมักง่าย คุณอาจปล่อยวางความรู้สึกกดดัน หรือเคอะเขินในการที่ต้องเกิดมาเป็นมนุษย์และก็อาจรู้สึกมีกำลังใจขึ้น”
    <O:p></O:p>
    “ดุลยภาพอุบัติขึ้นจากการเชื่อมโยงความเป็นจริงเข้ากับญาณทัศนะ หรือาจกล่าวได้ว่าเป็นการประสานความชำนาญเข้ากับความเป็นธรรมชาติ”
    <O:p></O:p>
    “เมื่อการขัดเกลาตนเองเริ่มเป็นธรรมชาติกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวคุณ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
    <O:p></O:p>
    “การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจึงสัมพันธ์กับการปล่อยไปซึ่งร่องรอยของความสงสัย ลังเล หรือความเคอะเชิน ในฐานะที่เป็ฯคุณ คุณจำเป็นต้องผ่อนคลายกับตนเอง เพื่อจะได้ตระหนักอย่างเต็มที่ว่า วินัยคือ การสำแดงออกของความดีงามพื้นฐาน คุณจำเป็นจะต้องตระหนักเห็นคุณค่าของตัวเอง เคารพตนเองและปลดปล่อยความสงสัย ความกระดากกระเดื่องไป เพื่อว่าคุณจะได้ใช้ความดีงามและสติปัญญาพื้นฐานเพื่อผลประโยชน์ต่อผู้อื่น”
    <O:p></O:p>
    มีคำอธิบายเกี่ยวกับคำว่า “การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ” อีกเยอะในหนังสือเล่มหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งจินตวดีคิดว่า มันมีความหหมายเดียวกับ “การปล่อยวาง” ในแง่ของท่านอาจารย์อนาลัย
    <O:p></O:p>
    “การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาตอย่างมีวินัย”= “การไว้ใจในสัญชาติญาณ พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัด”
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    อืม มม น่าคิด เนอะ เอาให้อ่านเล่น ๆ<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...