ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ขอเพิ่มเติมในรายละเอียด .....เพื่อให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจในกลไกของขันธ์ห้าสักเล็กน้อยนะคะ

การมีสติรู้เท่าทันกลไกของขันธ์ห้า เป็นเรื่องที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง

เพราะโดยปกติแล้ว คนเรามักจะคิดว่า เมื่อเราคิด ก็จะคิดว่าเราเป็นผู้คิด

คิดชอบก็ เราชอบ
คิดรัก ก็เรารัก
คิดโกรธ ก็เราโกรธ
คิดน้อยใจ ก็เราน้อยใจ

จึงยังมีผู้รัก มีผู้เกลียด มีผู้สุข มีผู้ทุกข์ อยู่เรื่อยมา

น้อยคนนัก ที่จะเฉลียวใจ มีสติรู้เท่าทันขันธ์ห้าว่า มันปรุงแต่งของมันไปตามเหตุปัจจัยที่เข้ามากระทบเท่านั้น

เมื่อเขาชม มันก็ปลื้ม เมื่อเขาว่า มันก็โกรธ เมื่อเขาไม่ตามใจ มันก็น้อยใจ

นั่นมันเป็นธรรมดา เป็นกลไกของขันธ์ห้า ที่มันต้องปรุงแต่งของมันตามธรรมดาอยู่แล้ว

มันเป็นธรรมดาของขันธ์ห้าที่มันต้องปรุงของมันอย่างที่มันเคยบันทึกไว้ มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง

เห็นลูกก็รัก เห็นแฟนก็ห่วง เห็นดอกไม้ก็ชอบ เห็นคนไม่ถูกกันก็โกรธ

บางครั้งเรายังไม่ทันรู้ตัวเลย เห็นปุ๊บรักปั๊บ เห็นปุ๊บโกรธปั๊บ นั่นหมายความว่า ขันธ์ห้ามันเคยมีการบันทึกไว้อย่างไร มันก็ปรุงแต่งไปอย่างนั้นทันที

มันไม่ถามสักคำ

ตากระทบ จำได้หมายรู้ ปรุงแต่ง แล้วเกิดอารมณ์ไปเลย

บางครั้งเรายังไม่ทันตัังใจเลย แต่มันปรุงไปเรียบร้อยแล้ว

รอให้เราเข้าไปรับผิดชอบ ว่าเป็นของเรา อารมณ์ของเรา สุขของเรา ทุกข์ของเรา

เรียกว่า รอให้ไปอุปาทานรับมันเข้ามาเป็นของเรานั่นเอง

ความทุกข์ที่มันจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะไปรับเอาอารมณ์ที่มันปรุงแต่งของมันเอง มาเป็นของเรา ไปรับผิดชอบอารมณ์ ความรู้สึก ที่มันปรุงแต่งของมันเองในกลไกของขันธ์ห้า มาเป็นของเรา นั่นเรียกว่า ไปอุปาทานเอามาเป็นของเรา จึงมีเราผู้สุข ผู้ทุกข์เรื่อยมา

ถ้ามันปรุงอารมณ์พอใจ เข้าข่ายเรียกว่าสุข ก็เลยนึกว่าเราเป็นผู้สุข

ถ้ามันปรุงอารมณ์ไม่พอใจ น้อยใจ ก็ไปรับเอามาเป็นเราผู้มีความทุกข์

แต่หากรู้เท่าทัน มันปรุงแต่งเกิดอารมณ์ขึ้นมา น้อยใจ ไม่พอใจ ตามกลไกที่มันปรุงของมันอยู่แล้วตามการกระทบเหตุปัจจัยนั้น ๆ

แล้วเห็นมันตามความเป็นจริง

ว่ามันก็ปรุงแต่งไปอย่างนั้นตามเรื่องตามราวของมัน

เรียกว่ามีสติรู้เท่ามันขันธ์ห้า ที่มันปรุงแต่งอารมณ์ของมันไปอย่างนั้นเอง

ก็จะมีผู้ดูอารมณ์เหล่านั้นที่เกิดในขันธ์ห้า

ดูอย่างเป็นผู้ที่ดู แล้วรู้เท่าทัน

ก็จะมีขันธ์ห้า กับผู้ที่ดูขันธ์ห้ากำลังปรุงแต่งอารมณ์เหล่านั้น

ทั้ง ๆ ที่ยังไม่พอใจ ยังมีความกรุ่นอยู่ก็ตาม เมื่อเห็น อารมณ์เหล่านั้นแล้ว

แม้มันจะยังเกิดอยู่ แต่ก็จะไม่มีใครไปรับผิดชอบทุกข์ของมัน ทุกข์ของขันธ์ห้า

ก็จะแค่เห็นมัน ดูมันเกิดขึ้น แล้วดูสิว่า มันจะมีหน้าตั้งอยู่ในอารมณ์นั้นสักกี่นาที

นี่ต่างหาก ที่เป็นกลไก ที่มันเกิดขึ้นได้แต่ไม่มีใครทุกข์ ดูให้เห็นความเป็นอย่างนั้นเองของขันธ์ห้า ที่ไม่มีใครบังคับบัญชามันได้ มันมีแต่คิดให้สุข ให้ทุกข์อยู่เรื่อย

มันคิดเอง มันหดหู่เศร้าหมองเอง มันทำกลไกของมันเอง ไม่ได้มีใครไปทำให้มันเกิด มันเกิดเอง ปรุงเอง และเกิดอารมณ์สุขทุกข์เบ็ดเสร็จในตัวมันเอง

ถ้าเห็นว่า มันเป็นขันธ์ห้า ไม่ได้มีใครไปทำ มันก็ปรุงแต่งของมันเองได้

แค่ถอยออกมาดู มาเห็นการทำงานตามกลไกของขันธ์ห้าแล้ว

ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอารมณ์เหล่านั้น เห็นมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วมันก็ดับไปของมันเอง

อย่าให้อุปาทานไปหลอกว่า มีตัวเราเป็นเจ้าของอารมณ์ แล้วเข้าไปรับผิดชอบอารมณ์เหล่านั้นก็พอ

นั่นเรียกว่า ถอดสลัก จากอุปาทานขันธ์ห้า

ทั้ง ๆ ที่เกิดอารมณ์สุขทุกข์อยู่ แต่ไม่ได้มีใครเป็นผู้สุขทุกข์

คือไม่มีเราในขันธ์ห้า ขันธ์ห้าไม่ใช่เรา และอารมณ์เหล่านั้นก็ไม่ใช่ของเราไปด้วย

เมื่อมีสติเห็น รู้เท่าทันขันธ์ห้า รู้เท่าทันอารมณ์เหล่านั้น

นั่นก็คือ อยู่เหนือความคิด อยู่เหนืออารมณ์ อยู่เหนือสุข เหนือทุกข์ทั้งมวลนั่นเอง

 

เมื่อเช้าวานนี้ได้โทรศัพท์ทักทาย และต้อนรับคุณ Digital เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ ได้มีการสนทนากันถึงการจัดเตรียมสถานที่ ที่บึงบอระเพ็ด เพื่อจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ในวันที่ 14 มีนาคม 2552 ที่จะถึงนี้

และมีความเห็นตรงกัน จึงขอแจ้งรายละเอียดให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบดังนี้


บ้านพัก 2 หลัง จะแบ่งเป็น



หลังแรกซ้ายมือ ติดกับร้านอาหาร จะเป็นห้องพักของคุณ Digital กับครอบครัว 1 ห้อง และ สำหรับผู้อาวุโสใช้ในการขยายระบบอีก 1 ห้อง

หลังที่ 2 ติดกับชายหาด จะแบ่งเป็น

ห้องไว้สัมภาระ ของสมาชิกที่เป็นผู้หญิง 1 ห้อง เพื่อใช้เก็บสัมภาระของแต่ละท่านไว้รวมกัน และสำหรับใช้เป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันสำหรับสมาชิกที่เป็นสตรี

ห้องเก็บสัมภาระ ของสมาชิกที่เป็นผู้ชาย 1 ห้อง สำหรับใช้ห้องน้ำ อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน

โดยหลังที่ 2 ทั้งสองห้องจะเปิดไว้ตลอดเวลา เพื่อใช้เข้าห้องน้ำในยามค่ำคืน

ส่วนผู้ที่เดินทางไปร่วมงานเลี้ยง จะพักนอนในเต้นท์ โดยจะกางเต้นท์ในบริเวณบ้านทั้ง 4 หลัง ซึ่งมีบริเวณกว้างมาก กางได้เพียงพอ หากไม่เพียงพอ จะมีจุดกางเต้นท์ของทางอุทยาน สามารถไปกางพักได้

หรือหากท่านใดจะนำถุงนอนมานอนก็ได้ เพราะระเบียงด้านบนของบ้านแต่ละหลังจะว่างพอที่จะนอนได้หลายท่าน โดยจะมีเสื่อปูไว้ให้

หากท่านใดมีเต้นท์ ขอให้นำเต้นท์ไปด้วย และมีเต้นท์สำรอง ประมาณ 10 เต้นท์ หากท่านใดไม่มีเต้นท์มา สามารถนำเต้นท์สำรองมากางพักได้

หากท่านใดจะนอนเก้าอี้ชายหาด ก็สามารถนอนฟังเสียงคลื่นได้ที่หาดทรายข้างบ้านค่ะ

ท่านใดไม่นอน จะจับกลุ่มขยายระบบกันถึงเช้า ก็เป็นยามให้ด้วยก็แล้วกันนะคะ

อาหาร กาแฟ โอวัลติน ขนม จะมีเลี้ยงในตอนเย็น และตลอดทั้งคืนหากท่านใดไม่นอนสามารถหารับประทานได้ค่ะ

กำหนดการอื่น ๆ เช่นการเดินทาง การขึ้นเรือล่องบึงบอระเพ็ด จะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ

 

ยินดีต้อนรับท่านป้าดิจิตอลสู่แดนดินถิ่นไทย

ขอธรรมในใจบานไม่รู้โรยสำหรับท่านป้า


อีกหนึ่งกำลังแห่งธรรมสำหรับทุกๆคนครับ​

 

งานนี้ระวังแดด ระวังลมด้วยเด้อ

แดดร้อน นอนเตียง เดี๋ยวจะเป็น ม.น.ต.ด.ด.ด.

มนุษย์ต่างดาวแดดเดียว อิ๊ก..อิ๊ก..

hello8

​

 

ลงชื่อร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ต้อนรับคุณ Digital
เสาร์ 14 มีนาคม 2552 ณ บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์

<!-- / message -->
1.2.3.4.5............sutatip_b
6.......................juksawat
7.......................Astro Neemo
8.......................SHARK2009
9.......................Fleurdelis
10.....................ทานะบารมี
11.................... pyramid
12.................... vijit_j
13.14............... mashima
15.16.17.18.......mooing2546
19.....................April
20.....................Dalink
21.....................Pkanlaya
22.....................Tae (เพื่อนคุณ Pkanlaya)
23.....................MOUNTAIN
24.....................no.9
25.26................เซี่ยมหล่อนั๊ง
27.28.29.30.31..Thepkanya
32.....................A.41
33.34.................SUTASSEE <!-- / message --><!-- sig -->

สรุปปิดยอดจำนวนผู้ร่วมงาน วันที่ 12 มีนาคม 2552






อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุดใจเขากะลา
เมื่อเช้าวานนี้ได้โทรศัพท์ทักทาย และต้อนรับคุณ Digital เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ ได้มีการสนทนากันถึงการจัดเตรียมสถานที่ ที่บึงบอระเพ็ด เพื่อจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ในวันที่ 14 มีนาคม 2552 ที่จะถึงนี้

และมีความเห็นตรงกัน จึงขอแจ้งรายละเอียดให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบดังนี้


บ้านพัก 2 หลัง จะแบ่งเป็น



หลังแรกซ้ายมือ ติดกับร้านอาหาร จะเป็นห้องพักของคุณ Digital กับครอบครัว 1 ห้อง และ สำหรับผู้อาวุโสใช้ในการขยายระบบอีก 1 ห้อง

หลังที่ 2 ติดกับชายหาด จะแบ่งเป็น

ห้องไว้สัมภาระ ของสมาชิกที่เป็นผู้หญิง 1 ห้อง เพื่อใช้เก็บสัมภาระของแต่ละท่านไว้รวมกัน และสำหรับใช้เป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันสำหรับสมาชิกที่เป็นสตรี

ห้องเก็บสัมภาระ ของสมาชิกที่เป็นผู้ชาย 1 ห้อง สำหรับใช้ห้องน้ำ อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน

โดยหลังที่ 2 ทั้งสองห้องจะเปิดไว้ตลอดเวลา เพื่อใช้เข้าห้องน้ำในยามค่ำคืน

ส่วนผู้ที่เดินทางไปร่วมงานเลี้ยง จะพักนอนในเต้นท์ โดยจะกางเต้นท์ในบริเวณบ้านทั้ง 4 หลัง ซึ่งมีบริเวณกว้างมาก กางได้เพียงพอ หากไม่เพียงพอ จะมีจุดกางเต้นท์ของทางอุทยาน สามารถไปกางพักได้

หรือหากท่านใดจะนำถุงนอนมานอนก็ได้ เพราะระเบียงด้านบนของบ้านแต่ละหลังจะว่างพอที่จะนอนได้หลายท่าน โดยจะมีเสื่อปูไว้ให้

หากท่านใดมีเต้นท์ ขอให้นำเต้นท์ไปด้วย และมีเต้นท์สำรอง ประมาณ 10 เต้นท์ หากท่านใดไม่มีเต้นท์มา สามารถนำเต้นท์สำรองมากางพักได้

หากท่านใดจะนอนเก้าอี้ชายหาด ก็สามารถนอนฟังเสียงคลื่นได้ที่หาดทรายข้างบ้านค่ะ

ท่านใดไม่นอน จะจับกลุ่มขยายระบบกันถึงเช้า ก็เป็นยามให้ด้วยก็แล้วกันนะคะ

อาหาร กาแฟ โอวัลติน ขนม จะมีเลี้ยงในตอนเย็น และตลอดทั้งคืนหากท่านใดไม่นอนสามารถหารับประทานได้ค่ะ

กำหนดการอื่น ๆ เช่นการเดินทาง การขึ้นเรือล่องบึงบอระเพ็ด จะนำมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ




</TD></TR></TBODY></TABLE>

การเดินทาง จุดสังเกตุ​

1. เมื่อถึงแยกค่ายจิรประวัติแล้ว(ที่เคยเลี้ยวขวาไปเขากะลานั้น) ไม่ต้องเลี้ยวขวา แต่ให้ตรงไปก่อน แล้วจะเห็นไฟแดงข้างหน้า ให้เลี้ยวขวาไฟแดงหน้าที่เขียนว่าไป...ชุมแสง​

2. เมื่อเลี้ยวขวาแล้ว จะผ่านแม็คโคร อยู่ซ้ายมือ ให้ขับตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านทางข้ามรถไฟ
แล้วผ่านอุทยานพุทธศาสนา ตรงไปเรื่อย ๆ ​

3. สักระยะหนึ่ง มองทางขวามือจะเห็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เป็นรูปเรือลำใหญ่สีส้ม ให้เลี้ยวเข้าไปตามนั้น
ผ่านพิพิธภัณฑ์รูปเรือแล้ว ก็จะเห็นจุดที่เป็นบ้านพักเรือนไทย จุดทานอาหารภัตตาคารโกยี ​

แสดงว่าถึงจุดนัดพบแล้ว​

บ้านทรงไทย 2 หลัง นั่นคือ...จุดนัดพบ ของพวกเราค่ะ. ​

แผนที่บึงบอระเพ็ด​

​

<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ผม A.41 อีก 1 คนครับ

 

พี่สุดใจได้เข้าไปเยี่ยมเยือนกระทู้ของอาจารย์ MOUNTAIN ที่ชื่อ

รวบรวมบทความ ที่เป็นประโยชน์กับชีวิต ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) http://palungjit.org/showthread.php?t=162475


มีการรวบรวมข้อความที่เป็นประโยชน์ในการรู้เท่าทันขันธ์ห้า จากหลากหลายมุมมองเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้การอ่านข้อความนั้นต่อเนื่อง ทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องไปค้นหานาน เพราะมีการนำมาลงไว้ที่เดียวกัน


ขออนุโมทนาสาธุ...กับอาจารย์ MOUNTAIN เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กรุณารวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการมองเห็นความเป็นจริงของธรรมชาติ

​

สัจธรรม คือความเป็นจริงของธรรมชาติ มีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีแบ่งแยก

หากมีความเข้าใจ ความเป็นจริงของธรรมชาติแล้ว จะทำให้มีมุมมองที่ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการเปรียบเทียบ ไม่มีการแบ่งเขาแบ่งเรา ไม่มีการไปชี้ผิดชี้ถูกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นรากฐานให้เกิดความทุกข์ เพราะความเห็นผิด ความไม่เข้าใจในธรรมชาตินั่นเอง

ดังนั้น การที่จะมุ่งเข้ามาดูแต่ในขันธ์ห้า มาเรียนรู้ขันธ์ห้า ที่มันยังมีอุปาทานเต็มเปี่ยมว่าเป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เรา ก็ยากลำบากอยู่แล้ว ต้องมีสติคอยดู คอยมอง ให้รู้เท่าทันว่ามันคิดอะไร รู้สึกอะไร และมีอารมณ์อะไรในแต่ละขณะ เพื่อที่จะได้รู้เท่าทัน ไม่ไปยึดมั่นในอารมณ์เหล่านั้น ให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

แค่คอยดูขันธ์ห้า คอยศึกษา คอยพิจารณาเพื่อไม่ให้ไปอุปาทานว่าเป็นของเรานั้น

แค่นี้ก็ยากลำบากอยู่แล้ว แค่ตามดูการปรุงแต่งตามเหตุปัจจัยในขันธ์ห้าก็หมดเวลาแล้ว

จะให้ส่งจิตออกไปด้านนอก ไปนำสิ่งรอบข้างเข้ามาพิจารณา ไปตัดสินบุคคลอื่น ๆ มากมายที่อยู่ภายนอก อยู่รอบข้าง แล้วขึ้นลงไปตามความเห็นของตนเองที่นำไปตัดสินเขาเหล่านั้น ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนไปตามวิบากของแต่ละคนอยู่แล้ว

เหตุใด เราจะยังไปเสียเวลา เอาเขาเหล่านั้นมาพิจารณา เพื่อเพิ่มความทุกข์เข้าไปในตัวเราอีกเล่า

แค่ภายในของเรา ความทุกข์ที่ขันธ์ห้าคอยแต่จะปรุงแต่งใส่มาให้ ก็มากมายเกินจะรู้เท่าทันอยู่แล้ว

ผู้รู้ จะไม่ส่งจิตออกนอก ไปตัดสินสิ่งภายนอกที่ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น ๆ จะดูแค่ภายใน ขณะเกิดภาวะอะไรแต่ละขณะ แล้วเพียรศึกษาให้รู้เท่าทันขันธ์ห้าในปัจจุบัน ก็จะสามารถเบาบางจางคลายจากความทุกข์ได้ในปัจจุบัน

ผู้ไม่รู้ ย่อมเห็นผิด ย่อมส่งจิตออกนอก ไปรับเอาเรื่องราวต่าง ๆ ของทุกสรรพสิ่ง เข้ามาเป็นมูลเหตุให้ขันธ์ห้ามันปรุงแต่งมากเข้าไปอีก จึงทำให้การมองด้านในของตัวเอง มีเวลาน้อยลง เพราะการปรุงแต่งในเรื่องที่รับเข้ามานั้นเอาเวลาไปหมด เรียกว่า ไม่ได้เห็นการปรุงแต่งของขันธ์ห้าตามความเป็นจริง ไปอุปาทานรับเอาทุกเรื่องที่มันปรุงแต่งมาเป็นตัวเรา เป็นความคิด ความรู้สึก ของเราทั้งหมด จึงมีแต่ความทุกข์ ความเครียด ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เพราะไปห่วงใยแทนคนอื่น ๆ เรียกว่า ห่างไกลจากการมองเห็นการปรุงแต่งของขันธ์ห้าในปัจจุบัน อย่างยิ่ง

เรียกว่า ไม่ได้เห็นขันธ์ห้าของตนเองเลย เห็นแต่ขันธ์ห้าของคนอื่น ที่เขาก็ต้องเป็นของเขาอย่างนั้นตามเหตุปัจจัยของเขา

เรียกว่าเสียประโยชน์ตน เพิ่มทุกข์ให้ตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะไปแบกรับภาระที่ไม่ใช่เรื่องเข้ามา

จึงไม่เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติ ไม่เห็นขันธ์ห้าของตนตามความเป็นจริงที่มันกำลังปรุงแต่งในปัจจุบัน

การรู้เท่าทันจึงยังไม่มี

จึงยังต้องทนทุกข์ และต้องหาทางดับทุกข์กันเรื่อยไปนั่นเอง

ขอขอบคุณอาจารย์ MOUNTAIN ที่นำธรรมะ นำกฏของธรรมชาติ ไปเผยแพร่ เพื่อประโยชน์ท่านทั้งหลายที่ผ่านมาพบเจอ และได้อ่านข้อความเหล่านี้

ขออนุโมทนาค่ะ <!-- / message --><!-- attachments -->

 

ข้อความข้างต้นที่ อาจารย์สุดใจ ได้กล่าวไว้นั้น เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตแล้ว สามารถพิจารณาเห็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ชัดเจนขึ้น ..โดยเฉพาะประโยค นี้......



....ไม่ได้เห็นขันธ์ห้าของตนเองเลย เห็นแต่ขันธ์ห้าของคนอื่น ที่เขาก็ต้องเป็นของเขาอย่างนั้นตามเหตุปัจจัยของเขา

เรียกว่าเสียประโยชน์ตน เพิ่มทุกข์ให้ตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะไปแบกรับภาระที่ไม่ใช่เรื่องเข้ามา

จึงไม่เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติ ไม่เห็นขันธ์ห้าของตนตามความเป็นจริงที่มันกำลังปรุงแต่งในปัจจุบัน

การรู้เท่าทันจึงยังไม่มี

จึงยังต้องทนทุกข์ และต้องหาทางดับทุกข์กันเรื่อยไปนั่นเอง....



ทำให้รู้สึกว่า ชีวิตที่ผ่านมานั้น ได้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
แต่ก็ยังดีที่ยังมีสังขารขันธ์ห้าดำรงไว้ให้พิจารณาได้ทัน ก่อนที่จะลาลับดับขันธ์ โดยไม่ได้รับประโยชน์ตนเลย


ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งครับ <!-- / message --><!-- sig -->

 

สวัสดีค่ะ พี่สุดใจและเพื่อนๆและสมาชิกทุกท่าน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพี่สุดใจและพื่อนๆที่ได้โพสท์ต้อนรับการกลับเมืองไทยของDigital อย่างอบอุ่นค่ะ

หลังจากการเดินทางอันยาวนานประมาณ ๒๕ ชั่วโมงก็เพิ่งจะมีแรงมาโพสท์ตอบเพื่อนๆ ภายหลังที่ได้ทานอาหารเช้า น้ำพริกมะม่วง ปลาทู ปลาสลิด ต้มยำกุ้งแม่น้ำ จนอิ่มท้องค่ะ(ตักข้าว ๓ หน)

คุณอาจารย์ไก่ ได้ถามก่อนหน้านี้ว่า หาย Jet lag หรือยัง (อาการง่วงนอนขณะที่ยังปรับเวลากลางคืนกลางวันไม่ได้) ก็ขอตอบว่ายังไม่หายดีค่ะ

เมื่อวานตอนกลางวัน หลังจากพี่สุดใจ และเพื่อนๆโทรหา ก็ได้งีบเป็นระยะๆ ในตอนบ่ายก็ได้มีเพื่อนตัวสู้ง สูง นำคุ๊กกี้เจ้าเก่ามาให้ชิม ที่ที่พักในกรุงเทพฯ แกมบังคับ ที่ต้องบอกว่าอร่อย จึงทำให้หายง่วงไปได้หน่อยนึง หลังเพื่อนกลับแล้ว ก็หลับต่อถึง ๕ โมงเย็น หลังจากตื่นแล้วก็ได้ขับรถมากราบคุณพ่อคุณแม่ที่อยุธยาค่ะ

 

คนระบบนี่ เวลานั่งเครื่องบิน ระบบก็จะให้มานั่งตรงประตู EMERGENCY ทั้ง ๒ เที่ยวบิน โดยการย้ายที่นั่งโดยเหตุการณ์พาไปทั้ง ๒ เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินจากเมือง Springfield to Chicago seat12A และเที่ยวบิน Chicago to Narita Tokyo seat47H ส่วนเที่ยวบินจาก Narita Tokyo มา สุวรรณภูมิ seat 32H ที่นั่งไม่ได้อยู่ตรงประตูEMERGENCY แต่ก็เป็นแถวแรกของประตูทางออกของผู้โดยสารชั้น economy


การเดินทางกลับเมืองไทยครั้งนี้ ระบบให้นั่งใกล้ประตู ทั้ง ๓ เที่ยวบิน ก็คงไม่แปลกอะไรถ้าเราเป็นคนระบบ เพราะระบบเขาเลือกที่นั่งไว้ให้อยู่แล้ว ส่วนที่นั่งที่เราเลือกไว้ก็ไม่ได้นั่งตามที่เราต้องการ เพราะทุกอย่างมีการกำหนดไว้แล้วอย่างนี้เอง

 

คุณสุดใจขยายระบบ ได้ตรงกับเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้ากำลังประสพ อยู่พอดี
ขออนุโมทนาค่ะ

 

ข้อความขยายระบบล่าสุดข้างต้นของ อาจารย์สุดใจ
ทำให้วันนี้เวลาออกไปทำธุระข้างนอก เห็นทุกคนเป็นผู้เกิดมาเหมือนกันหมด

คือ อาศัยขันธ์ห้าทำงาน เป็นแบบฟอร์มขันธ์ห้าของมนุษย์ ที่สามารถซ้อนออกมาดูได้ แต่สัตว์เดียรัจฉาน เช่น หมู หมา กา ไก่ นั้น มีเพียงแบบฟอร์มชั้นเดียว จึงไม่สามารถถอยออกจากทุกข์ มารู้จักทุกข์ได้

แม้ในมนุษย์เองก็ตาม เมื่อมีแบบฟอร์มที่เหนือกว่าสัตว์ทั้งปวงแล้ว
ก็ควรใช้แบบฟอร์มให้เป็นประโยชน์ รู้จักถอยออกมาดู ทุกข์ หรือสุข
ที่เกิดขึ้นกับขันธ์ห้า ซึ่งมันเป็นไปตามกลไกของมันอย่างนั้นเอง

ขันธ์ห้า เหมือนเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ถูกบันทึกเพื่อใช้งานได้ด้วยซิมการ์ด
เราจะโทรไปไหน ก็ดึงเอาเบอร์ที่เมมไว้ในเครื่อง กดแล้วโทรออก มันก็จะส่งคลื่นไปยังปลายทางของผู้รับ มันทำงานตามกลไกที่ถูกบันทึกไว้ในซิมการ์ด

เราเป็นเพียงผู้ดู มันทำงาน เครื่องมันจะเสีย สัญญาณมันจะรวน ก็เป็นเรื่องของมัน เราอย่าไปหัวเสียกับมัน เพราะมันก็เป็นของมันอย่างนั้นเอง ถึงเวลามันก็เสื่อมสภาพ กลายเป็นขยะถูกทิ้ง ไม่มีใครเหลียวแล หาประโยชน์อันใดไม่ได้อีกแล้ว

ดังนั้น เราจึงไม่ใช่เครื่องโทรศัพท์ เราไม่ใช่ซิมการ์ด และในสุดท้ายเราก็ไม่ใช่เรา
เพราะไม่มีเราจริงๆ เมื่อไม่มีเรา แล้วใครล่ะจะทุกข์ จะสุข

ขอขอบคุณขันธ์ห้าของอาจารย์สุดใจ ที่ทำงานรับข้อมูลจากระบบเพื่อสร้างประโยชน์ท่าน ได้อย่างสมบูรณ์

และสุดท้าย ขออนุโมทนา เป็นอย่างยิ่งครับ

 

เก็บภาพเรือที่จะใช้ล่องชมบึงบอระเพ็ดมาฝากครับ ลำนึงนั่งได้ประมาณ 10 คน กรุณารีบลงชื่อจองกันเลยนะ เดี๋ยวที่จะเต็มซะก่อน (one-eye)

 

นำข่าวมาบอกเพื่อนพ้องน้องพี่
คุณเสาวลักษณ์ ภรรยา อ.Sapa เข้า รพ.นนทเวช บังเอิญ ทราบข่าว วันนี้ 27 ก.พ.52 ได้ไปเยี่ยม (ใกล้บ้าน และใกล้ที่ทำงานข้าพเจ้าเอง) รู้ว่า ปํญหาจาก....กล้ามเนื้อหัวใจ จ๊ะ ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว หลังจากนี้คงเข้า รพ.ทรวงอก ตรวจรักษาละเอียด อีกครั้งหนึ่ง.

 

ขอคุณเสาวลักษณ์หายป่วยไวๆนะครับ

จักรยานก็พอปั่นได้ มอไซด์ได้นิดๆหน่อยๆ รถยนต์ไม่ได้เลย

ยานบินก็ยังไม่เคยได้ขับ ขันธ์ห้าจะได้ทำงานตอนนี้แหละ

ขอจองตำแหน่งคนขับเรือหนึ่งที่ เจอนาคเล่นน้ำตรงไหน

แล่นใส่โลดดด...

qsqu​

 

ลงเรือด้วยคน (+ ๔) ค่ะ
แนะนำว่าควรไปเช้าวันที่ ๑๕ ก่อน ๘ นาฬิกา ได้เห็นทั้งนก (กำลังงัวเงีย) และบัวบานเต็มบึง
ถ้ายามสายบัวหุบหมด แดดจ้าเกินไป คนที่บึงเขาบอกค่ะ

 

ขอเป็นกำลังใจ ให้คุณเสาวลักษณ์ หายป่วยโดยเร็ววันด้วยครับ

 

ไปก็ได้....ไม่ไปก็ได้

แต่ลงเรือเนี๊ยะ.....ขอร่วมลงชื่อด้วย 1 คน

พาขันธุ์มันไปอะ

 

ขอร่วมเป็นกำลังใจ ให้คุณเสาวลักษณ์ หวานใจ อ.Sapa หายป่วยไวๆ ... นะครับ

 

ผมว่า เรือ 1 ลำ ไม่ได้กำหนดที่จำนวนคน 10 คน นะครับ
น่าจะกำหนดที่น้ำหนักมากกว่า

ดังนั้น ลำที่ อ.ไก่ จองนั่ง ผมว่าน้ำหนักน่าจะได้แล้วนะ

อ.จุก คงต้องรอลำต่อไป คงเป็นลำเดียวกับ อ.ยูคริน
หุ่นแบบนี้น่าจะนั่งได้ 15 คนต่อลำ

คำเตือน กรุณพกเสื้อชูชีพไปด้วย เผื่อได้แวะลงไปชมเมืองลับแล