ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    สองพันห้าร้อยสาม ..... สิบเก้า
    เก็บมาเล่าเรื่องนี้ ........ อีกหรือ?
    สิบปีผ่านมีอะไร.......... ร้องฮือ
    ขี้โม้คือหมอเดา ......... เว้ากัน

    ชะชะอัปรีย์จริง........... หมอเดา
    เดาไม่ถูกบอกเลื่อน...... จริงหรือ?
    ผีควายสิงหมอเดา ....... กระบือ
    ละเมอคือหมอเดา ........ ร้องมอ มอแฮฯ

    (cry)
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อนุโมทนาบุญ อนุโมทนาบาป

    หลวงปู่เทพโลกอุดร คือพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล ที่ยังรักษากายสังขารอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เพื่อคอยอยู่ช่วยสอนธรรมะให้กับพระธุดงค์ในป่าเขา ลำเนาไพรต่างๆ ท่านที่กล่าววาจาดูหมิ่นหลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยประการใดๆ ก็ตาม ย่อมจะได้รับโทษทัณฑ์ตามกฏแห่งกรรม ต้องไปตกนรกหมกไหม้อยู่นานนับเป็นล้านๆ ปีมนุษย์

    ท่านใดก็ตามที่ได้ให้คำกล่าว "อนุโมทนา" (ด้วยความตั้งใจ) เห็นดีเห็นงามกับคนที่กล่าววาจาจาบจ้วงล่วงเกินพระอรหันต์เจ้าในสมัยพุทธกาลนี้ ท่านก็ย่อมจะได้รับโทษทัณฑ์ตามกฎแห่งกรรมเช่นเดียวกับผู้ที่กล่าว "วจีกรรม" อันหยาบช้านี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นท่านใดก็ตามที่จะกดปุ่ม "อนุโมทนา" (ให้กับคุณ เฌ ในข้อความที่ 17347) ขอให้ท่านจงใคร่ครวญให้ดีก่อนเถิด ว่าท่านอยากจะไปตกนรกหมกไหม้ เช่นเดียวกับผู้กล่าวคำปรามาสพระอรหันต์แล้วหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2009
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กองทัพ"ตั๊กแตนผี"บุกกัดกินพืชสวน-ไม้ดอกชุมพรเสียหายหนัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 กันยายน 2552 14:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    นายอวยพร ชาญศึก รองประธานชมรมร้านอาหาร และแผงลอย อ.ปะทิว จ.ชุมพร ชี้ให้ดูความเสียหายที่เกิดจากตั๊กแตนนับแสนตัว

    [​IMG]

    [​IMG]
    ลักษณะของตั๊กแตน

    ชุมพร-กองทัพตั๊กแตนนับแสนตัวบุกอาละวาดหาดอ่าวทุ่งวัวแล่น แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดชุมพร กัดกินพืชสวนทางการเกษตร และไม้ดอกไม้ประดับของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก วอนหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งหามาตรการช่วยเหลือเป็นการด่วน

    วันนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดชุมพรได้รับการร้องเรียนจากบรรดาผู้ประกอบการร้านอาหาร และเกษตรกรชาวสวน บริเวณหาดอ่าวทุ่งวัวแล่น หมู่ 8 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดว่า มีกองทัพตั๊กแตนนับแสนตัวกัดกินพืชสวน ไม้ดอกไม้ประดับ สวนหย่อม พืชผลทางการเกษตร ได้รับความเสียเสียหายเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มลุกลามขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ จึงเดินทางไปตรวจสอบ

    บริเวณสถานที่ดังกล่าว อยู่ริมทะเลเป็นชายหาดสวยงาม มีสถานประกอบการร้านอาหาร สถานบริการ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ตั้งเรียงรายอยู่ตามชายหาด นอกจากนั้น ยังมีสวนมะพร้าว สวนปาล์มของเกษตรกรอีกจำนวนมาก พบกองทัพตั๊กแตนขนาดใหญ่ ลักษณะตัวสีเขียว หัวสีส้ม จำนวนนับแสนตัว เกาะกินไม้ดอกไม้ประดับ สวนหย่อม และพืชสวนทางการเกษตร เสียหายเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะต้นมะพร้าว ถูกตั๊กแตนกัดกินจนใบโกล๋นหมดทั้งต้น

    นอกจากนี้ ตั๊กแตนยังบินไปเกาะอยู่บนหลังคาร้านอาหารมองดูยั้วเยี้ย จนเป็นที่รำคาญใจแก่ผู้ประกอบการร้านค้า และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จนชาวบ้านต้องทำลายกันเอง โดยการใช้ไม้ตี และจุดไฟสุมควันไล่ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของตั๊กแตนดังกล่าวได้

    นายอวยพร ชาญศึก รองประธานชมรมร้านอาหาร และแผงลอย อ.ปะทิว จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ตั๊กแตนดังกล่าวชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ตั๊กแตนผี” มีกลิ่นฉุนแสบจมูก นกหรือสัตว์อื่น ๆ ไม่กินเป็นอาหาร จึงทำให้มีการแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับแสนตัว ได้ออกอาละวาดกัดกินพืชสวน ไม้ดอกไม้ประดับในพื้นที่หาดท่องเที่ยวดังกล่าวมาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว และมีแนวโน้มขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยว ผู้ประกอบการร้านอาหาร และพืชสวนทางการเกษตรของชาวบ้านเป็นจำนวนมาก

    โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา เคยประสานไปยัง อบต.สะพลี และเจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตร ได้ลงมาตรวจสอบช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ลงมาก็ได้แต่สำรวจความเสียหาย แล้วก็เงียบหายกลับไป และยังไม่เคยลงมาช่วยเหลือแก้ปัญหาป้องกันการระบาดของตั๊กแตนผีดังกล่าวให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอีกเลยจนถึงขณะนี้

    "หากยังปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จะไม่สามารถยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ และมีแนวโน้มแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปยังพื้นที่อื่น ๆ ด้วยแล้วในขณะนี้ จึงอยากวิงวอนขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนด้วย"นายอวยพรกล่าว

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000106114
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2009
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุถล่มฟิลิปปินส์ตายแล้ว 11 คน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 กันยายน 2552 16:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=399 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เด็กชาวฟิลิปปินส์ออกมาเล่นน้ำท่ามกลางพายุฝน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์เผยว่า พายุฤดูร้อนทำให้เกิดฝนตกหนักและดินถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 คน 360,000 คนต้องพลิดถิ่นฐานในพื้นที่ 5 จังหวัด

    พายุฤดูร้อนได้กระหน่ำเกาะลูซอนเป็นเวลา 3 วันแล้ว ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนัก เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของฟิลิปปินส์เผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม 11 คน ขณะที่มีรายงานว่า 3 คนยังสูญหาย

    ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีพายุและไต้ฝุ่นเข้าจากแปซิฟิกเข้าถล่มฟิลิปปินส์ 20 ลูกโดยเฉลี่ย

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000106172
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    น้ำตาควายไหลหลั่ง .... เช้าค่ำ
    ตกเย็นย่ำสนธยา .........ถูกต้อน
    เข้าคอกพักเพื่อหวัง.......หลับนอน
    ข้างฟางฟอนที่ได้ ........จากแรง ควาย ....

    (cry)
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** วินาทีสุดท้าย ****

    กรรมครั้งนี้รุนแรงมาก
    สมาธิอะไร สวดมนต์อะไรก็เอาไม่อยู่...ถ้าไม่เชื่อสัจจะทำของพระพุทธเจ้า

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. jho7799

    jho7799 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +71
    สิ่งที่ท่านพึงกระทำ ท่านจักได้รับผลของการกระทำนั้น

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

    คิดใหม่ปรับทัศนติใหม่นะครับคุณเฌ ทุกคนที่เข้ามาในเว็บนี้เขามีเจตนาที่ดี
    ที่จะแนะนำสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์นะครับ ผมคงไปห้ามความคิดคุณเฌไม่ได้
    หรอกครับ เพราะคนเราทุกคนย่อมไม่เหมือนกันคิดต่างกัน แต่อยากให้คุณเฌ
    คิดว่าอย่างน้อยเราเกิดมาในโลกใบเดียวกัน มีชีวิตที่ต้อง เกิด เจ็บ ตาย เหมือนกัน อย่างน้อยเก็บสิ่งดีดีไว้ให้กันดีกว่าครับ เพราะยังไงช้าเร็วเราก็ตายเหมือนกัน
    ให้สิ่งดีดีมีอยู่ในจิตของเราดีกว่านะครับ

    เมื่อเรารู้ว่าเราผิด เมื่อนั้นเราก็ถูกครับ
    ไม่มีอะไรสายสำหรับความดี
     
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เอกสารระบุชัดรัฐไทยเสื่อมลงทุกปี"สิงคโปร์-มาเลฯ"ทิ้งห่างหลายช่วงตัว ระดับความสงบสุขต่ำสุดรองจากพม่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top>
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เอกสารยุทธศาสตร์ตรวจราชการระบุดัชนีชี้วัดเกือบทุกด้านของรัฐไทยเสื่อมทรุดลงทุกปีตั้งแต่ 2544-2551 ประสิทธิภาพภาครัฐ-การคลัง-ความโปร่งใสมีแนวโน้มตกต่ำลงเรื่อยๆ พบสิงคโปร์-มาเลเซียทิ้งห่างไทยไปหลายช่วงตัว มีระดับความสงบสุขต่ำเป็นอันดับที่สองในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากประเทศพม่า [/FONT]

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เมื่อวันที่ 12 กันยายน มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมระดมความเห็นและชี้แจงข้าราชการระดับสูงทำเนียบรัฐบาล และผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ "แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการตรวจราชการ พ.ศ.2552-2556" ที่โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา บรรดาผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนหนึ่งได้หยิบยกเนื้อหาในบทสรุปสำหรับผู้บริหารมาหารือในวงประชุม บทสรุปส่วนหนึ่งได้รายงานความตกต่ำเกือบทุกด้านของรัฐไทยผ่านดัชนีชี้วัดด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น 1.ดัชนีความสงบสุข 2.การบริหารจัดการที่ดี 3.ประสิทธิภาพของภาครัฐ ฯลฯ ดัชนีชี้วัดระบุว่าอันดับและคะแนนมีแนวโน้มลดลงทุกปี นับตั้งแต่ปี 2544-2551 ผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างแสดงความเป็นห่วงว่า หากเกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นในเร็วๆ นี้ จนนำไปสู่ความรุนแรง จะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรัฐไทยในสายตาโลกย่ำแย่ลงกว่าเดิม และประเทศไทยมีสิทธิถูกปรับอันดับประสิทธิภาพของภาครัฐลงต่ำกว่าเดิม และจะโดนประเทศมาเลเซียทิ้งห่างไปเรื่อยๆ

    เอกสารยุทธศาสตร์พัฒนาระบบการตรวจราชการระบุผลการประเมินสังคมไทยด้วยดัชนีความสงบสุข พบว่าประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับดัชนีความสงบสุขอยู่ในระดับต่ำ ในปี 2551 แย่ลงกว่าปี 2550 คือมีอันดับลดลงจากอันดับที่ 105 ไปอยู่อันดับที่ 118 จากการจัดอันดับประเทศทั่วโลก 140 ประเทศ ถือว่าอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับความสงบสุขต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และต่ำที่สุดเป็นอันดับที่สองในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากประเทศพม่า (อันดับที่ 126) เพียงประเทศเดียว ทั้งนี้ ปัจจัยเชิงลบที่มีผลต่อสถานการณ์ความสงบสุขของไทย อาทิ การมีอาชญากรรมที่รุนแรงเพิ่มขึ้น เสถียรภาพรัฐบาล การละเมิดมนุษยชน การแสดงออกด้านความรุนแรง เป็นต้น

    ส่วนระบบบริหารจัดการยังมีปัญหาด้านภาพลักษณ์ ธนาคารโลกระบุว่า ประเทศไทยมีคะแนนอยู่ในระดับปานกลางและมีแนวโน้มลดลงทุกปีนับตั้งแต่ปี 2545 และมีแนวโน้มห่างจากมาเลเซียมากขึ้นเรื่อยๆ ในด้านภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นของประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2547-2551) มีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซียล้วนมีค่าคะแนนมากกว่าเกือบเท่าตัว ทางด้านผลการจัดอันดับประสิทธิภาพภาครัฐ และฐานะการคลังในปี 2546-2551 มีแนวโน้มแย่ลง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาด้านความโปร่งใส การทุจริตและประพฤติมิชอบ และการให้บริการสาธารณะ ทำให้อันดับลดลงจากอันดับที่ 21 ในปี 2547 เป็นอันดับที่ 46 ในปี 2551

    เอกสารยังนำเสนอทิศทางใหม่เพื่อการพัฒนาสังคมไทยให้เข้าสู่สภาวะสมดุล อาทิ 1.ปรับกระบวนทรรศน์การบริหารงานของภาครัฐใหม่ ให้เข้าสู่ระบบบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้ประชาชน/ชุมชนมีบทบาทหลักในการเป็นเจ้าของเรื่องดำเนินการแก้ปัญหา และการหาวิธีป้องกันปัญหา ตลอดจนการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน โดยมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนให้การดำเนินงานของภาคประชาชนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.พัฒนากระบวนการ "สัญญาประชาคม" บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศ

    3.สร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้าง กลไกและกระบวนการบริหารจัดการของทุกภาคส่วนในสังคม บนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาลและประชาธิปไตยที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมการเมืองไทย ที่ยึดโยงกับแนวปฏิบัติภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4.สนับสนุนภาคเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมให้มากขึ้น 5.รณรงค์สร้างจิตสำนึกและส่งเสริมบทบาทภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยจัดระบบการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด วางรากฐานคุณธรรม จริยธรรมแก่ประชาชน เป็นต้น

    เปิดบันทึกสำนักนายกฯ กระตุก" รัฐไทย"ระวัง!เสื่อมลงทุกปี

    หมายเหตุ : คัดจากเอกสารฉบับผู้บริหารสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง"แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการตรวจราชการ พ.ศ.2552-2556" ซึ่งใช้ประกอบการประชุมระดมสมองผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อนำผลการประชุมไปกำหนดเป็นนโยบายพัฒนาระบบการตรวจราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2552-2556)

    สภาพสังคมไทยในช่วงปัจจุบันได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะวิกฤตทางสังคมและความไม่สมดุลของการพัฒนาทั้งในเชิงโครงสร้างและเชิงพฤติกรรม จากที่เคยเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักความสงบสุข และแบ่งปัน กลับกลายเป็นสังคมที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม การมีค่านิยมระบบอุปถัมภ์ บุญคุณต่างตอบแทน ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ความแตกแยกในความคิด และนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในพื้นที่ต่างๆ และบานปลายกระทบต่อประเทศในภาพรวมในที่สุด สถานการณ์ข้างต้นชี้ให้เห็นถึงการที่ฐานรากของสังคมไทยที่เคยแข็งแรงได้อ่อนแอลง มีความสั่นคลอนและถูกกลัดกร่อนลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่สั่งสมมานาน จากการขาดความมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ความไม่มีเสถียรภาพ และขาดการกระจายการพัฒนาและขาดการขยายโอกาสทางสังคม นำไปสู่ความไม่เป็นธรรมทางสังคมทั้งระหว่างกลุ่มคนและระหว่างพื้นที่

    อนึ่ง ผลการประเมินสังคมไทยด้วยดัชนีความสงบสุข พบว่าประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับดัชนีความสงบสุขอยู่ในระดับต่ำ โดยสถานการณ์ความสงบสุขของไทยในปี 2551 แย่ลงกว่าปี 2550 กล่าวคือมีอันดับลดลงจากอันดับที่ 105 ไปอยู่อันดับที่ 118 จากการจัดอันดับประเทศทั่วโลกจำนวน 140 ประเทศ ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับความสงบสุขต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และต่ำที่สุดเป็นอันดับที่สองในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากประเทศพม่า (อันดับที่ 126) เพียงประเทศเดียว ทั้งนี้ ปัจจัยเชิงลบที่มีผลต่อสถานการณ์ความสงบสุขของไทย อาทิ การมีอาชญากรรมที่รุนแรงเพิ่มขึ้น เสถียรภาพรัฐบาล การละเมิดมนุษยชน การแสดงออกด้านความรุนแรง เป็นต้น
    นอกจากนี้ ผลการประเมินความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า องค์ประกอบด้านสังคมประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะความอยู่เย็นเป็นสุข โดยมีค่าคะแนน ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 56.5 และปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 57.8 ซึ่งอยู่ในระดับที่ต้องเร่งแก้ไข และความสมานฉันท์ของคนในชาติ เป็นตัวฉุดที่สำคัญ จากคะแนนที่ร้อยละ 51.4 ในปี 2549 ลดเหลือร้อยละ 44.4 และ 48.7 ในปี 2550 และ 2551 ตามลำดับ
    00 ระบบบริหารจัดการยังมีปัญหาภาพลักษณ์

    ผลการสำรวจการบริหารจัดการที่ดี 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียนโดยธนาคารโลก พบว่า ในช่วงปี 2550 ประเทศไทยมีคะแนน 5.36 (จากคะแนนเต็ม 10) ยังอยู่ในลำดับ 4 รองจากสิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย แต่คะแนนมีแนวโน้มห่างจากมาเลเซียมากขึ้นคือ จากแตกต่างกันเพียง 0.4 คะแนนในปี 2545 เพิ่มเป็น 1.46 คะแนนในปี 2549 และ 1.66 คะแนนในปี 2550 โดยมิติการมีเสถียรภาพทางการเมืองมีคะแนนต่ำกว่ามิติอื่นๆ มาโดยตลอดในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมือง มีการแบ่งข้างแบ่งฝ่ายของประชาชนที่สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล นำมาซึ่งการปฏิวัติรัฐประหารในปี 2549 ทำให้สิทธิเสรีภาพและความเป็นอิสระในการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดลงด้วยประกาศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในฉบับต่างๆ ที่มีผลถึงปี 2550 โดยสรุปกล่าวได้ว่าภาพลักษณ์การบริหารจัดการที่ดีของไทยในสายตาโลกอยู่ในระดับปานกลางและมีแนวโน้มที่ลดลง

    ตารางที่ 1 : คะแนนการบริหารจัดการที่ดีของไทยปี 2545-2550

    [​IMG]

    (ที่มา : คำนวณจาก World Bank′s Worldwide Governance Indicators 1996-2007)


    ในด้านภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นของประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2547-2551) มีระดับคะแนนอยู่ที่ 3.3-3.8 โดยปี 2551 มีการปรับตัวดีขึ้นจาก 3.3 ในปี 2550 เป็น 3.5 คะแนน ในปี 2551 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์และมาเลเซียที่ล้วนมีค่าคะแนนมากกว่า 5 คะแนนขึ้นไปแล้ว กล่าวได้ว่าการคอร์รัปชั่นของประเทศไทยยังเป็นปัญหาจะต้องเร่งรัดการดำเนินงานแก้ไข

    ตารางที่ 2 : คะแนนภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นของประเทศไทยและบางประเทศในทวีปเอเชีย


    [​IMG]

    (ที่มา : Corruption Perception Index: CPI, Transparency International : TI)


    นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าภาครัฐและภาคการเมืองของสังคมไทยยังขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อการตรวจสอบความโปร่งใสการดำเนินงาน และจริยธรรมทางการเมือง ซึ่งในช่วงปี 2550-2551 คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ดำเนินการตรวจสอบความโปร่งใสของนักการเมืองและข้าราชการจำนวน 24 โครงการ โดยมีการส่งเรื่องฟ้องศาลแล้ว 4 คดี และที่เหลือส่งสำนวนคดีให้ ป.ป.ช.พิจารณาเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังมีนักการเมืองที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเมื่อต้องคดีหรือศาลกำลังจะตัดสินออกไปต่างประเทศ หรือการไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งของนักการเมืองที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจนกว่าศาลจะตัดสิน เป็นต้น ซึ่งกระทบต่อความพยายามในการสร้างระบบบริหารจัดการที่ดี โดยเฉพาะทางด้านจริยธรรม คุณธรรมทางการเมือง และการเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน ซึ่งสอดคล้องกับผลการประเมินประสิทธิภาพภาครัฐของสถาบัน IMD (International Institute for Management Development) ที่มีผลการประเมินว่า (1) ประสิทธิภาพภาครัฐและความโปร่งใสในสายตาโลกในปี 2551 ลดลงเกือบทุกด้าน ยกเว้นเรื่องกฎหมายด้านธุรกิจและเรื่องกรอบการบริหารด้านสังคมดีขึ้น สถาบัน IMD ได้ประเมินว่าระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในปี 2546-2551 ที่เคยอยู่ในอันดับที่ 28 ได้ลดลงจนถึงอันดับที่ 33 ในปี 2550 และสถานการณ์ดีขึ้นในปี 2551

    ตารางที่ 3 : ผลการจัดอันดับประสิทธิภาพภาครัฐ ปี 2546-2551


    [​IMG]

    (ที่มา : IMD ค้นได้จาก www.imd.ch)


    ขีดความสามารถการพัฒนาระบบราชการไทย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ รวม 55 ประเทศ พบว่ามีคะแนนโดยเฉลี่ยลดลงจาก 4.15 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนนในปี 2547 เหลือ 2.57 คะแนนในปี 2551 โดยปัจจัยระบบราชการอยู่ในลำดับดี แต่ยังมีปัญหาด้านความโปร่งใส ตรวจสอบได้ การทุจริตและประพฤติมิชอบ และการให้บริการสาธารณะ ทั้งนี้ ลำดับลดลงจากลำดับที่ 21 ในปี 2547 เป็นลำดับที่ 46 ในปี 2551

    @ ทิศทางใหม่เพื่อพัฒนาสังคมไทยเข้าสู่สภาวะสมดุล

    จากสภาพการณ์ดังกล่าวข้างต้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้กำหนดข้อเสนอในเชิงประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านระบบบริหารจัดการ เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าสู่สภาวะสมดุล ซึ่งจัดเป็นประเด็นของสภาพแวดล้อมที่สำคัญอีกประการหนึ่งของระบบการตรวจราชการ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีจุดมุ่งเน้นที่สำคัญ ดังนี้

    1) ปรับกระบวนทรรศน์ (Paradigm) การบริหารงานของภาครัฐใหม่ ให้เข้าสู่ระบบบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน/ชุมชนมีบทบาทหลักในการเป็นเจ้าของเรื่องดำเนินการแก้ปัญหา และการหาวิธีป้องกันปัญหา ตลอดจนการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน โดยมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนให้การดำเนินงานของภาคประชาชนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

    2) สร้างค่านิยมร่วม (Shared Value) ของคนในสังคมที่ยึดมั่นที่ความดี ความสุจริต ความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการมีจิตสำนึกด้านสิทธิหน้าที่ของพลเมือง ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตระหนักในคุณค่าและเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เพื่อลดความขัดแย้งในสังคม ทั้งนี้ต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่เด็กด้วยกลไกในทุกส่วนของสังคม (บ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน สังคม) โดยการอาศัยตัวแบบที่ดีจากผู้นำทางสังคม (การเมือง ศาสนา การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ) และการขอความร่วมมือจากสื่อทุกรูปแบบเพื่อให้เข้าถึงคนได้มากที่สุด เช่น วิทยุชุมชน รวมทั้งจัดเวทีสาธารณะในชุมชน

    3) พัฒนากระบวนการ "สัญญาประชาคม" บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศ โดยดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่การสร้างความคิดร่วม (Social Consensus) การหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับและยึดถือ (Social Commitment) และการนำไปสู่การปฏิบัติ (Action) โดยถ้วนหน้ากัน เพื่อสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดย

    -พัฒนากลไกในระดับภาพรวม ได้แก่ การปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม กลไกตรวจสอบ ระบบให้คุณให้โทษ ระบบกฎหมาย ฯลฯ ให้เอื้อต่อการเสริมสร้างสัญญาประชาคม รวมทั้งกำหนดแนวปฏิบัติให้สอดรับกับพันธกรณี กติกาต่างๆ ที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้กับประเทศต่างๆ

    -พัฒนากลไกในระดับชุมชน ให้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และสร้างความสงบสุขในชุมชน รวมทั้งทำงานร่วมกับชุมชนอื่นในลักษณะเครือข่ายให้เกิดพลังทางสังคม (Social Sanction) ในการต่อต้าน กำจัด และป้องกันผู้กระทำผิดสัญญาประชาคม และทำงานร่วมกับคณะกรรมการธรรมาภิบาลในระดับจังหวัด สถาบันการศึกษาในพื้นที่ที่มีบทบาทสำคัญในการให้องค์ความรู้ และสนับสนุนการวิจัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ร่วมกับภาคีภาครัฐ และสื่อมีบทบาทสนับสนุน

    4) สร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้าง กลไกและกระบวนการบริหารจัดการของทุกภาคส่วนในสังคม บนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาลและประชาธิปไตยที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมการเมืองไทย ที่ยึดโยงกับแนวปฏิบัติภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักคำสอนที่ทรงคุณค่าบนพื้นฐานของศาสนาที่คนไทยยึดมั่น เพื่อทำให้ประชาชนเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ เกิดสังคมที่มีความพอเพียง ไม่เอารัดเอาเปรียบ เข้าใจความคิดเห็นของคนอื่น และมีการเคารพในความเป็นมนุษย์ ตลอดจนมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่กับประสิทธิภาพ คุ้มค่า และทั่วถึง

    5) ขับเคลื่อนและวางระบบการติดตามประเมินผลในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการสร้างสัญญาประชาคมใหม่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วม จะสามารถลดความขัดแย้งและสร้างความสงบสุขในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปรากฏการณ์ใหม่ปลาทูทะลักอ่าวประจวบฯชาวเรือเฮจับได้อื้อ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน จ.อ.เสกสรรค์ จันทร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์เมืองประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ขณะนี้ที่บริเวณอ่าวประจวบ อ.เมือง มีชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งและเรือปลาทูจากหลายพื้นที่เข้ามาจับปลาทูจำนวนมาก โดยเรือบางลำได้ปลาทูมากกว่า 1,000 กิโลกรัม จนต้องให้ภรรยารวมทั้งบุตรหลานหยุดเรียนเพื่อช่วยกันปลดปลาที่ติดอยู่กับอวน จากนั้นนำใส่ถังส่งให้แม่ค้าที่มาจอดรถรอรับซื้อกิโลกรัมละ 23-25 บาท เมื่อนำไปส่งในตลาดทั่วไป ปลาทูเหล่านี้จะมีราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-50 บาท

    สำหรับจุดที่ชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งและเรือปลาทูจับปลาทูกันได้มากเพราะ ฝูงปลาทูได้ว่ายเข้ามาที่หน้าอ่าวประจวบฯ ห่างชายฝั่งไม่กี่ร้อยเมตร ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น คาดว่า เกิดจากปัญหาน้ำทะเลที่อยู่ห่างฝั่งอาจมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจากปัญหาโลกร้อน หรือไม่ก็อาจจะเกิดจากน้ำทะเลเปลี่ยนสภาพเน่าเสียหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ปรากฏการณ์ขี้วาฬ
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>มาลาเรียพันธุ์ใหม่ลิงสู่คน จากมาเลเซียระบาดถึงไทย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากกรณีที่นักวิจัยมหาวิทยาลัยมาเลเซีย ซาราวัก ได้ค้นพบเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อจากปรสิต Plasmodium knowlasi ซึ่งเป็นโรคติดต่อในลิงโดยเฉพาะลิงกังและลิงแสม แต่กลับแพร่เชื้อสู่คน ซึ่งมีความรุนแรงหากไม่ได้รับการรักษา ทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง โดยมีชาวมาเลเซียป่วยแล้วกว่า 100 คน และเสียชีวิตแล้ว 2 คนนั้น

    เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคเร่งตรวจสอบการระบาดของโรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ว่ามีการแพร่เชื้ออย่างไร รุนแรงหรือไม่ และสามารถรักษาได้อย่างไร เพราะเป็นโรคติดต่อใหม่ เพื่อเตรียมการป้องกันและรักษาได้อย่างรวดเร็ว โดยเชื้อพลาสโมเดียม โนลาซี่ นับเป็นเชื้อมาลาเรียชนิดที่ 5 ที่พบในคน พาหะนำโรคมาจากยุงก้นปล่องเช่นเดียวกับเชื้ออีก 4 ชนิดที่พบมาก่อน ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตามแนวชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่พบมาลาเรียมากเฝ้าระวังเชื้อนี้เป็นพิเศษ ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าปีนี้มีคนไทยติดเชื้อและมีอาการป่วย 3 ราย คือ ยะลา 2 ราย และจันทบุรี 1 ราย ทีมแพทย์ได้เจาะเลือดเพื่อตรวจพิสูจน์หาเชื้อปรสิตจึงทราบว่าติดเชื้อมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ ให้ยารักษาอาการหายเป็นปกติ โรคนี้ป้องกันได้ด้วยการป้องกันไม่ให้ยุงก้นปล่องกัด นอนในมุ้ง ทายากันยุง หลีกเลี่ยงการเข้าป่าโดยไม่จำเป็น และหากมีไข้หนาวสั่น ปวดศีรษะ หลังกลับออกจากป่าหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคมาลาเรีย ให้รีบพบแพทย์ทันที

    นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่เป็นโรคระบาดในเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซียหลายปีแล้ว และประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคนี้รายแรกเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่หลังจากนั้นก็ไม่พบผู้ป่วยโรคนี้อีก จนกระทั่งปีนี้ พบผู้ป่วย 3 ราย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา และจากการคัดกรองโรคโดยการเจาะเลือดของผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยทั้ง 3 ราย ก็ไม่พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มอีก ทั้งนี้ โรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ติดเชื้อจากลิงมาสู่คนมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนยังไม่ถือว่าเป็นการกลายพันธุ์ โรคมาลาเรียชนิดใหม่แตกต่างจากสายพันธุ์เดิม คือ เมื่อเชื้อปรสิตเข้าสู่ร่างกายแล้ว สามารถแบ่งตัวในกระแสเลือดเพิ่มจำนวนปรสิตได้ในเวลารวดเร็วขึ้น จากเดิมที่เมื่อคนติดเชื้อจะมีการฟักตัวใช้เวลา 7-14 วันจึงจะแสดงอาการ ป่วยไข้สูง หนาวสั่น แต่มาลาเรียสายพันธุ์ใหม่เมื่อติดเชื้อแล้วจะแสดงอาการภายใน 7 วัน แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษา อาจทำให้เกิดภาวะไตวาย ตับวาย แต่ถ้าทานยาติดต่อกัน 3 วันก็จะหายป่วย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ใช้คอมมากระวัง.. โรควุ้นในตาเสื่อม !! </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ยูนิลิเวอร์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    น้ำป่าน่านหลากพัดคนจมดับ 4

    [​IMG]

    น่าน 13 ก.ย. - เกิดเหตุน้ำป่าหลากในพื้นที่ อ.เมือง จ.น่าน ทำให้มีผู้ถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำเสียชีวิต 4 คน

    น้ำป่าที่ไหลหลากในช่วงเย็นวานนี้ (12 ก.ย.) ทำให้ชาวบ้านบ้านปางเป๋ย ต.เรือง อ.เมือง จ.น่าน ถูกกระแสน้ำพัดตกน้ำจมหายไปในลำห้วยชมพู 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังเร่งค้นหานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงพบศพ 1 คน คือ นายเม้ง แซ่โซ้ง อายุ 35 ปี ส่วนเด็กชายอีก 1 คน ที่สูญหาย ยังค้นหาไม่พบ

    ขณะเดียวกัน น้ำป่าที่หลากผ่านลำน้ำไสล หมู่บ้านสองแคว ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน พัดเด็กชายจมหายไป 2 คน หลังพากันไปเล่นน้ำในลำห้วย ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่ช่วยกันงมหา ได้พบร่าง ด.ช.นุ่มพลาย วัย 2 ขวบ ติดอยู่กับกอหญ้า ห่างจากจุดจมน้ำประมาณ 50 เมตร ในสภาพหายใจรวยริน และ ด.ช.ก้องภพ วัย 4 ขวบ ถูกพบอยู่ไม่ห่างกัน จึงรีบนำตัวเด็กทั้งสองส่งโรงพยาบาล แต่เด็กจมน้ำนานเกินไป แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน. - สำนักข่าวไทย

    2009-09-13 01:17:37

    ยโสธร เปิดประตูระบาย 8 บาน หลังมีฝนตกอย่างหนัก

    [​IMG]

    ยโสธร 12 ก.ย. - จังหวัดยโสธร เร่งเปิดประตูระบายน้ำ 8 บาน เพื่อระบายแม่น้ำชี หลังมีฝนตกอย่างหนัก

    ฝนที่ตกอย่างหนักในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำชีสูงที่จังหวัดยโสธร เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำชีวิกฤติ เอ่อล้นตลิ่ง และไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม และบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ติดลำน้ำ ชลประทานจังหวัดยโสธร เร่งเปิดประตูระบายน้ำ 8 บาน เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำชี ลงสู่ท้ายฝายยโสธร – พนมไพร ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีอย่างใกล้ชิด เพื่อความไม่ประมาท. -สำนักข่าวไทย

    2009-09-12 16:05:36

    อุตุฯ เหนือเตือนพายุมูจิเก แจ้ง 491 หมู่บ้านเฝ้าระวัง

    [​IMG]

    เชียงใหม่ 12 ก.ย.- ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ออกประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากพายุโซนร้อน มูจิเก (Mujigae) ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าเวียดนาม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    พายุนี้เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในแนวเมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม ในวันนี้ (12 ก.ย.) ซึ่งจะทำให้ร่องความกดอากาศต่ำ พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะด้านตะวันออกของภาค

    จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนที่ตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 2-3 วันนี้ ขณะที่นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ได้วิทยุแจ้งกับทุกอำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยหลัก 491 หมู่บ้าน ให้เฝ้าระวังภัยธรรมชาติระยะนี้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-09-12 11:11:25

    คุมเข้มชายแดนใต้หวั่นมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ระบาดเข้าไทย

    [​IMG]

    นราธิวาส 12 ก.ย.- นพ.ศิริชัย ลีวรรณนภาใส สาธารณสุข จ.นราธิวาส กล่าวถึงแนวทางการป้องกันเชื้อโรคมาลาเรียสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศมาเลเซีย ว่า

    ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอที่อยู่ติดแนวชายแดนประเทศมาเลเซีย 3 อำเภอ คือ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง และ อ.ตากใบ ทำการคัดกรองผู้ป่วย เพื่อป้องกันโรคนี้อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังให้สาธารณสุขอำเภอทั้ง 13 อำเภอเร่งรณรงค์ให้ชาวบ้านช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธ์ของยุง ซึ่งเป็นพาหะของโรคอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เมื่อ 3 เดือนก่อนโรงพยาบาลรือเสาะ อ.รือเสาะ พบผู้ป่วยติดเชื้อโรคมาลาเรียสายพันธุ์พลาสโมเดียมโนเลไชน์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ 1 คน แต่ได้รักษาอาการจนหายป่วย และกลับบ้านได้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-09-12 16:25:29

    เด็กอุบลฯ เล่นประทัดพลาดบึ้มเจ็บ 5

    [​IMG]

    อุบลราชธานี 13 ก.ย. - เด็กชายอายุ 12 ปีกลุ่มหนึ่ง อ้างว่าเก็บประทัดได้กว่า 60 ลูก นำมาแกะดินปืนออกและจุดไฟ จึงเกิดระเบิดขึ้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส

    แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ช่วยกันเย็บแผลให้เด็กนักเรียน จำนวน 5 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด ซึ่งทั้งหมดอ้างว่าเก็บประทัดได้ 60-70 ลูก บริเวณบ่อบำบัดน้ำเสีย ชุมชนเกตุแก้ว โดยนำประทัดมาแกะส่วนที่เป็นดินปืนออกไปไว้ในกระปุกน้ำพริก เพื่อนคนหนึ่งนำไฟไปจุดกระดาษที่เข้าใจว่าแกะดินปืนออกหมดแล้ว จึงเกิดระเบิดขึ้น เนื่องจากกระดาษห่อประทัดยังมีเศษดินปืนหลงเหลืออยู่ และเกิดสะเก็ดไปถูกกระปุกน้ำพริก ซึ่งบรรจุดินปืนไว้ ก่อนเกิดระเบิดขึ้น ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์โทรศัพท์แจ้งมูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน นำเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลวารินชำราบ

    สำหรับอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นรอยแผลถลอกจากไฟไหม้ตามผิวหนัง ที่แขนและขา โดยเฉพาะเด็กชายที่จุดประทัดได้รับบาดเจ็บมากที่สุด นิ้วชี้เท้าฉีกขาด จากนั้นได้นำตัวเด็กส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอวารินชำราบ สอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป. - สำนักข่าวไทย

    2009-09-13 02:21:35

    อส.ทหารพรานเครียดจัดยิงคนดับคารถไฟ

    [​IMG]

    เพชรบุรี 13 ก.ย. - อาสาสมัครทหารพรานยะลาเกิดอาการเครียดจัด ขณะนั่งรถไฟเดินทางกลับหน่วยฯ ใช้ปืนยิงผู้โดยสารที่เดินวนผ่านไปมา เสียชีวิต 1 คน

    เหตุเกิดบนขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ซึ่งเดินทางมาถึงบริเวณเขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยผู้เสียชีวิต คือ นายเศวตร แก่นสัง ชาวจังหวัดพัทลุง ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะและชายโครงขวา และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน คือ จ.ส.ต.สมใจ จำปาทอง ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ช่วยราชการ กอ.รมน.ยะลา จากการถูกด้ามปืนตีที่ศีรษะ ส่วนผู้ต้องหา คือ นายรัตนโชติ ตรุคกรานต์ อายุ 25 ปี อาสาสมัครทหารพราน กรมทหารราบที่ 41 อ.รามัน จ.ยะลา ถูกตำรวจรถไฟจับกุมไว้ได้ พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งมีลูกปืนอยู่ในรังเพลิงอีก 10 นัด

    นายรัตนโชติ สารภาพว่า ได้ลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ จ.กาญจนบุรี ขณะกำลังนั่งรถไฟเดินทางกลับต้นสังกัด เห็นนายเศวตรเดินผ่านไปมา จึงเกิดความหวาดระแวงว่าจะเข้ามาทำร้าย เลยชักปืนขึ้นมายิงใส่ 2 นัด ก่อนใช้ด้ามปืนตีตำรวจที่จะเข้ามาควบคุมตัว แต่ก็ถูกจับกุมได้ในที่สุด. - สำนักข่าวไทย

    2009-09-13 02:12:26

    เตรียมรณรงค์ใหญ่ ทวงคืนพื้นที่รอบเขาพระวิหาร

    [​IMG]

    ศรีสะเกษ 12 ก.ย.-ชาวบ้านลุกฮือรณรงค์ทวงคืนพื้นที่รอบเขาพระวิหาร ประกาศรวมตัวชุมนุมใหญ่ที่ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษในวันที่ 14 กันยายนนี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายอรุณศักดิ์ โอชารส แกนนำสมาชิกเครือข่ายประชาชนปกป้องแผ่นดินไทยศรีสะเกษ รวมทั้งแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยศรีสะเกษ และคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนา จ.ศรีสะเกษจำนวน 10 คน รวมตัวกันรณรงค์แจกจดหมายเปิดผนึกให้กับประชาชน โดยมีรถยนต์ติดเครื่องกระจายเสียงพร้อมป้ายข้อความว่า ขอเชิญทุกภาคส่วนแสดงพลังร่วมกับพี่น้องชาวไทยทวงคืนผืนแผ่นดินรอบเขาพระวิหาร ณ สนามหน้าศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ วันที่ 14 กันยายน 52 เวลา 09.00 น. ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก

    นายอรุณศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตามคำพิพากษาของศาลโลก และไม่มีทางที่จะเอากลับคืนมาเป็นของประเทศไทยได้ แต่ขณะนี้พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นผืนแผ่นดินของไทย ยังมีชาวเขมรเข้ามายึดครองสร้างวัด สร้างถนน และบ้านเรือน จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยออกมาแสดงพลังเรียกร้องพื้นที่ดังกล่าวคืน พร้อมผลักดันชาวเขมรกลับประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    2009-09-12 17:32:01

    ตชด.44 จับกุมไม้เถื่อนที่ยะลา มูลค่าหลายล้านบาท

    [​IMG]

    ยะลา 12 ก.ย. - เจ้าหน้าที่ ตชด.44 จับกุมไม้เถื่อนที่ป่าฮาลา –บาลา จังหวัดยะลา มูลค่าหลายล้านบาท

    หลังจากประชาชนในพื้นที่เขตรอยต่อจังหวัดยะลา เข้าแจ้งเจ้าหน้าที่ พบการลักลอบตัดไม้ และแปรรูปไม้ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา พื้นที่ในโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า สวนป่าพระนามาภิไธยภาคใต้ เจ้าหน้าที่พบพื้นที่ป่าถูกโค่น และเผาทำลายจำนวน 52 ไร่

    มีการปลูกต้นกัญชา เนื้อไม้เศรษฐกิจบางส่วนที่ถูกแปรรูปแล้ว อาทิ ไม้สยา ไม้หลุมพอ และของกลางเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการลักลอบตัดไม้อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้กระทำผิดไม่สามารถจับกุมได้ เนื่องจากไหวตัว และหลบหนีได้ทัน จากการประเมินความเสียหายพบมีมูลค่าหลายล้านบาท . -สำนักข่าวไทย

    2009-09-12 17:02:01

    โลมาเกยตื้นตายอีก คาดป่วยติดเชื้อ ว่ายน้ำไม่ได้

    [​IMG]

    ภูเก็ต 12 ก.ย.- ชาวบ้านหาดในทอน จ.ภูเก็ต สุดเศร้าช่วยชีวิตโลมาเกยตื้นไม่ได้ เจ้าหน้าที่ระบุมีบาดแผลเต็มตัว คาด ป่วยติดเชื้อ ว่ายน้ำไม่ได้ ถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง เตรียมผ่าพิสูจน์หาสาเหตุอีกครั้ง

    เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายพงษ์พันธุ์ แพน้อย หัวหน้างานวิชาการและแผนงาน อุทยานแห่งชาติสิรินาถ (หาดในยาง) ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบโลมาถูกคลื่นทะเลซัดขึ้นมาเกยตื้นบริเวณริมชายหาดบ้านในทอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต มาตรวจสอบ เบื้องต้นชาวบ้านได้ช่วยกันลากโลมาที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้นกลับลงไปในทะเล เพื่อให้โลมาได้รับความชื้น ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ เพราะโลมาเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    น.ส.พัชราภรณ์ แก้วโม่ง สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังตรวจสอบซากปลาโลมาว่า เป็นโลมาลายแถบ เพศเมีย ยาว 2.5 เมตร อายุประมาณ 15 ปี ซึ่งถือว่า เป็นตัวโตเต็มวัย ตามลำตัวมีบาดแผลจำนวนมาก คาดว่า เกิดจากการที่ถูกคลื่นซัดไปชนกับโขดหินและอาจจะป่วยจนติดเชื้อ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีแรงว่ายน้ำ และพลัดหลงจากฝูง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการผ่าซากพิสูจน์หาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    2009-09-12 18:46:55

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เฌ

    เฌ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +415
    หลวงปู่ใหญ่ ท่านไม่ได้ ประโคมข่าว
    ภัยพิบัติ เตรียมการ อพยพหนี
    ส่วนผีควาย ที่สิงร่าง ทรงนั้นมี
    สัมภเวสี ตัวหนึ่ง แอบอ้างมา

    พูดได้กระไร ในปีสอง ห้าสามเก้า
    อีกสองปี คือปีสอง ห้าสี่หนึ่งหนา
    ผ่านเนิ่นนาน คำทำนาย ไร้น้ำยา
    จะให้ด่า หรือว่าผี กระบือครอง

    ก็เห็นอยู่ ว่าเรื่องนี้ มันไม่ใช่
    ผีจัญไร ประโคมข่าว แสนเศร้าหมอง
    ช่างอัปยศ อดสู ถอยลงคลอง
    แล้วพี่น้อง มองว่าใคร คือมารฯจริง

    จะกล่าวหา ว่าเฌ เนเวอร์ดาย
    เพ้อเจ้อไป ถูกตำหนิ เหมือนโดนสิง
    ถึงจะโดน ก็หาใช่ นี่เรื่องจริง
    ผีไม่สิง กับผู้ที่ เนเวอร์ดาย

    หึหึ
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ปรากฏการณ์ใหม่ปลาทูทะลักอ่าวประจวบฯชาวเรือเฮจับได้อื้อ<table class="A14" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center">
    </td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top"><table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="middle">
    </td></tr></tbody></table>
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน จ.อ.เสกสรรค์ จันทร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์เมืองประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ขณะนี้ที่บริเวณอ่าวประจวบ อ.เมือง มีชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งและเรือปลาทูจากหลายพื้นที่เข้ามาจับปลาทูจำนวน มาก โดยเรือบางลำได้ปลาทูมากกว่า 1,000 กิโลกรัม จนต้องให้ภรรยารวมทั้งบุตรหลานหยุดเรียนเพื่อช่วยกันปลดปลาที่ติดอยู่กับอวน จากนั้นนำใส่ถังส่งให้แม่ค้าที่มาจอดรถรอรับซื้อกิโลกรัมละ 23-25 บาท เมื่อนำไปส่งในตลาดทั่วไป ปลาทูเหล่านี้จะมีราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-50 บาท

    สำหรับจุดที่ชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งและเรือปลาทูจับปลาทูกันได้มากเพราะ ฝูงปลาทูได้ว่ายเข้ามาที่หน้าอ่าวประจวบฯ ห่างชายฝั่งไม่กี่ร้อยเมตร ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น คาดว่า เกิดจากปัญหาน้ำทะเลที่อยู่ห่างฝั่งอาจมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจากปัญหาโลก ร้อน หรือไม่ก็อาจจะเกิดจากน้ำทะเลเปลี่ยนสภาพเน่าเสียหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ปรากฏการณ์ขี้วาฬ
    [/FONT]
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table>



    ปรากฏการณ์นี้น่าเป็นห่วง ในเรื่องน้ำ หรือแผ่นดินไหวในมหาสมุทรครับ

    เคยมีปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนสึนามิครั้งก่อน

    เฝ้าระวังจับตากันเอาไว้ด้วยครับ
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ปรากฏการณ์ใหม่ปลาทูทะลักอ่าวประจวบฯชาวเรือเฮจับได้อื้อ<table class="A14" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center">
    </td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top"><table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="middle">
    </td></tr></tbody></table>
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน จ.อ.เสกสรรค์ จันทร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์เมืองประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ขณะนี้ที่บริเวณอ่าวประจวบ อ.เมือง มีชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งและเรือปลาทูจากหลายพื้นที่เข้ามาจับปลาทูจำนวน มาก โดยเรือบางลำได้ปลาทูมากกว่า 1,000 กิโลกรัม จนต้องให้ภรรยารวมทั้งบุตรหลานหยุดเรียนเพื่อช่วยกันปลดปลาที่ติดอยู่กับอวน จากนั้นนำใส่ถังส่งให้แม่ค้าที่มาจอดรถรอรับซื้อกิโลกรัมละ 23-25 บาท เมื่อนำไปส่งในตลาดทั่วไป ปลาทูเหล่านี้จะมีราคาขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 40-50 บาท

    สำหรับจุดที่ชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งและเรือปลาทูจับปลาทูกันได้มากเพราะ ฝูงปลาทูได้ว่ายเข้ามาที่หน้าอ่าวประจวบฯ ห่างชายฝั่งไม่กี่ร้อยเมตร ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น คาดว่า เกิดจากปัญหาน้ำทะเลที่อยู่ห่างฝั่งอาจมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจากปัญหาโลก ร้อน หรือไม่ก็อาจจะเกิดจากน้ำทะเลเปลี่ยนสภาพเน่าเสียหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ปรากฏการณ์ขี้วาฬ
    [/FONT]
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table>



    ปรากฏการณ์นี้น่าเป็นห่วง ในเรื่องน้ำ หรือแผ่นดินไหวในมหาสมุทรครับ

    เคยมีปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนสึนามิครั้งก่อน

    เฝ้าระวังจับตากันเอาไว้ด้วยครับ
     
  14. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เป็นไปได้ครับ ให้ระวังไว้ครับ สำหรับแผ่นดินไหว หรือภัยสึนามิ

    ผมจำได้ว่า หลังสึนามิ ที่ไปสำรวจแนวปะการังน้ำตื้น จะพบเห็นปลาใหญ่ๆ อย่าง ฉลามวาฬ และ ปลานโปเลียน ได้ง่ายกว่า ก่อนที่สึนามิ จะมาครับ
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาส์นสำคัญจากหลวงปู่เทพโลกอุดร

    [​IMG]
    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    มวลมนุษย์ ภัยพิบัติ น้ำจะท่วมโลก แผ่นดินจะไหว มนุษย์ที่ดีถึงจะรอด หมู่ชนควรทำดี ให้มนุษย์มีการปฏิบัติ มวลชนทุกหมู่เหล่าต้องปฏิบัติ พระเจ้าผู้สร้างโลก มองเห็นมวลมนุษย์ กำลังจะทุกข์ยาก ล้มหายตายจาก เวลานั้นใกล้เข้ามา มนุษย์เท่านั้น ที่จะช่วยตัวเองได้ จงทำตัวเองให้ดี จงมีจิตที่ดี จึงจะรอดพ้น ไม่มีใครช่วยใครได้ แผ่นดินจะกลืนกิน มิรู้สิ้นชีวิตเท่าใด ผู้ที่จะรอดปลอดภัย ต้องอยู่ในศีลธรรม

    พึงรักษาชีวี อย่าคิดว่าตายแล้วดีกว่าอยู่ ต้องอดทน ผู้รอดจากภัยพิบัติ คือ ผู้ที่ต้องอยู่ต่อ เป็นผู้ที่ต้องช่วยกัน ปรับสภาพจากเหตุการณ์ ที่ผ่านพ้นแต่กว่าจะถึงตอนนั้น มนุษย์ก็แสนสาหัส ทุกข์ยากอดอยาก ยากไร้ปางตาย ไร้ความทรงจำก็มี เพราะขาดการเตรียม ด้วยความไม่รู้ มนุษย์ต้องพบวิบากกรรมชีวิต ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกลำบาก มนุษย์เป็นผู้ทำทุกสิ่งด้วยมือ ของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่มีไม่ใช่ใครที่ไหนทำ เวลาใกล้เข้ามาทุกขณะ ความตายกำลังเข้ามาใกล้ตัว

    ก่อนถึงเวลา ก่อนถึงวันนั้น มนุษย์ผู้ซึ่งกระทำการทำลาย มนุษย์ด้วยกัน มันต้องพินาศเช่นกัน การกระทำของมันผู้นี้ ทำให้มนุษย์ จำนวนมากมายสิ้นชีวิต คล้ายใบไม้ร่วง มันหวังว่าจะได้เป็นใหญ่ ในแผ่นดินทั่วโลก แต่แล้วความหายนะ เข้ามาครองโลกแทน ความพินาศเต็มไปหมด ความหวังย่อยยับ ปฐพีเต็มไปด้วยเลือด ศพกลาดเกลื่อนเลือดทาแผ่นดิน ชีวิตสูญสิ้น สิ้นไร้ผู้คน มีแต่ความตาย ที่เห็นชัดความดับสูญครั้งใหญ่ ของมวลมนุษย์และสัตว์ในโลก

    ความตายเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้คือผู้กระทำความชั่วร้าย ผู้ที่ตายทั้งหมดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ ผู้ที่รอดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ มิใช่ทุกอย่างคือ กฎแห่งกรรม วิถีแห่งกรรมมาจากที่ใด ทำไมมวลมนุษย์จึงต้องรับความดับสูญ เพราะชีวิตกับความตายเป็นสิ่งที่คู่กัน ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่มีทางหนีพ้น โอกาสผู้ที่รอดหมายถึงผู้อยู่ต่อ เพื่ออนาคตโลก ผู้ทำลายดับสิ้นสูญ โลกร้อนระอุมีแต่ไฟ เถ้าถ่านท่วมท้นแผ่นดิน น้ำเป็นพิษ สารเคมีท่วมท้น เชื้อโรคสารพัดชนิดกัดกินผู้คน ผู้ที่รอดแสนสาหัส ทุกข์ยากรอความตาย

    ผู้มีบุญจะออกมาช่วยรักษาชีวิต ผู้คนมากมายจะรอดชีวิตจากโรคร้าย การรักษาไม่ต้องใช้ยา เป็นวิชาไม่มีใครรู้จัก คนผู้นี้ รักษาผู้คนไม่หวังสิ่งใด เพราะเป็นหน้าที่ก่อนเกิด การรักษาไม่ต้องมาพบตัวผู้ป่วยอยู่แห่งใด รักษาได้ไม่ต้องมา ถึงเวลาไม่ต้องค้นหาโรคจะหายเอง

    เศรษฐกิจตกต่ำ ต้องการผู้แก้ไข ทั่วโลกวุ่นวาย ขาดอาหาร น้ำตาเนืองนอง ศพลอยฟูฟ่อง เพราะน้ำหลากมา น้ำตาไหลริน ไม่มีใครได้กินอิ่ม

    มีแต่ความทุกข์ ความเศร้าโศกครอบคลุม คนทั่วโลกไม่ต่างกัน ทุกที่มีแต่ความเศร้า การสูญเสียของมวลมนุษย์ แต่ก็มีบางประเทศฟื้นตัวเร็ว การฟื้นตัวของบางประเทศรวดเร็ว เป็นประเทศเล็กๆ ประเทศที่เคยยิ่งใหญ่สูญเสียหนัก การพัฒนาเริ่มขึ้นอีกครั้งแต่ช้า ทุกอย่างจึงกลับกัน ประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจ กลายเป็นผู้ยากไร้ แทบไม่น่าเชื่อ เคยมีเงินเหลือเฟือต้องฝืดเคือง ยิ่งกว่ากินเกลือ โลกไม่พ้นวิกฤตความทุกข์ยังครองเมือง

    ผู้อ่อนแอจะไม่รอด อากาศหนาว หิมะถล่ม น้ำแข็งละลาย น้ำป่าหลาก ความทุกข์ยากทับถม คนตายเพราะความหนาวทุกข์ทับถมทวี กว่าจะรู้ ความดื้อรั้น ความเชื่อยาก ทำให้มนุษย์ได้รับบทเรียน แต่ไม่เข้าใจ เพราะความตายมาเร็วเกินไปไม่ทันรู้ตัว มนุษย์ไมทันได้คิด ไม่มีโอกาส เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างเพราะไม่บรรลุธรรม ต้องมีชะตากรรม เวียนว่ายตายเกิดอยู่เช่นนี้ทุกชีวี ผู้รู้เหตุการณ์รอเวลามีน้อย ความไม่แน่นอน

    ความไม่มั่นใจ คิดว่าไม่เกิด จึงทำให้การเตรียมตัวไม่พร้อม

    อาหารไม่พอ น้ำดื่มไม่มี หมอก็ป่วย คนไข้มากมาย โรคที่เป็นก็หายยาก พุพองทั่วร่างกาย โรคร้ายทั้งสิ้น เกาะกินร่างกายกัมมันตภาพรังสี สารเคมี เชื้อโรคมากมีทำร้ายร่างกาย อาหารเป็นพิษยาปฏิชีวนะช่วยไม่ได้ โรคระบาดทุกหย่อมหญ้า ชีวิตร่วงเหมือนผักปลา ไม่มีเวลามีแต่ชีวิตที่สิ้นไป กว่าเถ้าจะมอด กว่าน้ำจะลด กว่าเชื้อโรคจะหมดสิ้น ชีวิตสิ้นไปไม่รู้เท่าไหร่ ความอดทนต้องสูงสุด ไม่มีเสียงนกร้อง มีแต่เสียงโอดครวญ ความเจ็บปวดครองเมือง

    การครั้งนี้กว่าจะสิ้นสุดไม่มีใครล่วงรู้ ความไม่แน่นอนเที่ยงที่สุด ทุกชีวิตกว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์ สุดแสนลำบาก นอกจากผู้คนจำนวนหนึ่งหยั่งรู้ เตรียมรับสถานการณ์ ผู้คนเหล่านั้นมีโอกาสเป็นผู้อยู่รอด ชาวโลกกว่าครึ่งโลกที่ล้มหายตายจาก ล้วนแล้วแต่กรรม ฟ้าจะใสอีกครั้ง เมื่อฤดูฝนร่วงหล่น ละลายสิ่งต่างๆ ฝนจะชุ่มโชก สิ่งที่ร้ายจะกลายเป็นดี แต่ก็ต้องใช้เวลาพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่

    ช่วยกันทำนุบำรุงรักษาทุกประเทศต้องพัฒนา เหมือนยุคเก่าย้อนมา แต่เจริญรุ่งเรือง กลายเป็นโลกยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ล้ำหน้า ชาวประชาหน้าใส คนที่เหลือจากเหตุการณ์ มีความคิดเปลี่ยนไป ไม่มีแล้วความคิดเก่าๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้แต่ความคิดของคน เปลี่ยนแปลงไปหมดลดทิฐิ จิตใจดี มีเมตตาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การแก่งแย่งชิงดี แทบสิ้นไป มนุษย์จิตใจร้ายยังมีอยู่ ความเมตตาค้ำจุนโลก ทุกข์สร่างโศรก

    ผู้มีเมตตาธรรมปรากฏ เพื่อนนุษย์ีช่วยเหลือกัน บำรุงรักษา ผู้มีจิตเมตตาเปิดโฉมหน้า แต่ไม่ปรากฏตัวได้ยินแต่ข่าว ร่ำลือไปทั่ว เพื่อนมนุษย์ทั่วโลกต่างยินดีชื่นชม เหมือนพระเจ้ามาโปรด คนทั่วโลกต้องการหมอรักษา หาหมอไม่ได้ โรคที่ระบาด ไม่มีในตำราและไม่มียาแก้โรคที่ระบาด ความตายมาเยือน ชีวิตมนุษย์ ได้สำนึก กว่าจะรู้ตัว เกือบจะรู้ตัว เกือบจะตาย ผู้ที่ตายไม่ได้รู้ตัว สำนึกในบาป

    คนที่เหลือล้วนคิดได้ ความตายผ่านพ้นไป ผู้มีบุญช่วยเหลือผู้อื่น ไม่กลัวเหนื่อย ไร้การแบ่งชั้น ทุกคนเสมอภาค ความดีความพยายาม ผู้สร้างโลกไม่ปล่อยให้มนุษย์ ทุกข์ทรมานสู้กับความตาย นิมิตรหมายใหม่ประกอบกรรมดี ละเว้นความชั่ว รักษาความดี อยู่ในศีลธรรม ตั้งมั่นในการปฏิบัติ อย่าเห็นแก่ตัว ทางสายกลางช่วยเหลือผู้อื่น จงมองตนเองอย่ามัวรอเวลา ความว่าง (สุญญตา) จิตตั้งมั่น ปล่อยใจวาง จิตเป็นหนึ่ง มีสติ

    คนที่สามารถทำได้เช่นนี้ ทางสายใหม่คือการหลุดพ้น ผู้ที่ทำได้ไม่ต้องมาเกิดตามวัฎจักร ทางสายนี้มีมานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ผู้ที่รู้และเข้าใจ พยายามศึกษา ผิดบ้างถูกบ้าง เพื่อหาทางหลุดพ้น จากกิเลส พระเจ้าเบื้องบน เฝ้ามองดูใครทำอะไร ไม่รอดพ้นสายตา การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตา มีการบันทึก ผู้ที่รอดตาย ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง อดทนต่อสถานการณ์ ไม่ใช่ง่าย สิ่งที่เลวร้ายมนุษย์ต้องอดทนให้ได้

    กาลเวลาผ่านไป ผลที่ได้รับต่างทุกข์ถ้วนหน้า จิตใจสำคัญที่สุดเมื่อเวลานั้นมาถึง สภาวะคับขันผู้เข้มแข็งจะรอดพ้น ความอดอยาก ความพลัดพราก คืบคลานเข้ามา ความลำเค็ญ ผู้คนโอดครวญ ชีวิตทุกผู้ทุกนาม รอความหวังอย่างสิ้นหวังแต่ก็รอ สภาวะเช่นนั้นใครทนได้ยอดคน ชีวิตมืดมนต์ยิ่งกว่าความมืด หนทางมองไม่เห็น

    สิ่งลี้ลับเริ่มปรากฏ ผู้คนแตกตื่นได้ยินเรื่องราว อันมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้นไม่เคยปรากฏ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาสู่ยุคปัจจุบัน มนุษย์จะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ในยุคนี้ ผู้ซึ่งไม่เคยได้พบเห็นความมหัศจรรย์ จะมีโอกาสได้เห็น

    มงคล กริชติทายาวุธ
    ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
    สารชมรมศาสนาและการกุศล

    ที่มา http://mongkoldham.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2009
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โทษของการคบคนพาล

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 173

    สัตว์ทั้งหลายทุกประเภท ผู้ประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ มีปาณาติบาต เป็นต้น ชื่อว่าพาล ในจำนวนพาลและบัณฑิตนั้น พาลเหล่านั้น จะรู้ได้ก็ด้วยอาการทั้งสาม เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ พระสูตรว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พาลลักษณะของพาล ๓ เหล่านี้ อนึ่ง ครูทั้ง ๖ มี ปูรณกัสสปเป็นต้น และสัตว์อื่น ๆ เห็นปานนั้นเหล่านั้น คือ เทวทัต โกกาลิกะกฏโมทกะ ติสสขัณฑาเทวีบุตร สมุทททัตตะ นางจิญจมาณวิกาเป็นต้น และพี่ชายของทีฆวิทะ ครั้งอดีตพึงทราบว่า พาล

    พาลเหล่านั้น ย่อมยังตนเองและเหล่าคนที่ทำตามคำของตนให้พินาศ ด้วยทิฏฐิคตะ ความเห็นที่คนถือไว้ไม่ดี ดังเรือนที่ถูกไฟไหม้ เหมือนพี่ชายของทีฆวิทะ ล้มลงนอนหงาย ด้วยอัตภาพประมาณ ๖๐ โยชน์ หมกไหม้อยู่ในมหานรก อยู่ถึง พุทธันดร และเหมือนตระกูล ๕๐๐ ตระกูล ที่ชอบใจทิฏฐิความเห็นของพี่ชายของทีฆวิทะนั้น เข้าอยู่ร่วมเป็นสหายของพี่ชายของทีฆวิทะนั่นแหละ หมกไหม้อยู่ในมหานรกฉะนั้น

    สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดังนี้ว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟลามจากเรือนไม้อ้อหรือเรือนหน้า ย่อมไหม้แม้เรือนยอด ซึ่งฉาบไว้ทั้งข้างนอกข้างใน กันลมได้ ลงกลอนสนิท ปิดหน้าต่างไว้เปรียบฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภัยทุกชนิด ย่อมเกิดเปรียบฉันนั้นเหมือนกัน ภัยเหล่านั้น ทั้งหมดเกิดจากพาล ไม่เกิดจากบัณฑิต อุปัทวะทุกอย่างย่อมเกิด ฯลฯ อุปสรรคทุกอย่างย่อมเกิด ฯลฯ ไม่เกิดจากบัณฑิต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดังนั้นแลพาลเป็นภัย

    ที่มา ภิกษุชั่ว...พาโยมลงนรก (มงคลสูตร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2009
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    รวมบทความของ คุณมงคล กริชทายาวุธ

    <TABLE id=table2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD>ผู้เขียนชื่อ นายมงคล กริชติทายาวุธ
    วันเกิด 15 พฤศจิกายน 2489 (ปีนี้อายุย่างเข้า 60 ปี)
    การศึกษา จบปริญญาตรีทางสถิติและทางกฎหมาย จบปริญญาโทสาขาบริหารงานบุคคล จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)ในปีการศึกษา 2514 (หรือจบปริญญาโทมามากกว่า 34 ปีแล้ว)

    ได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความเลขที่ 1883/2531 และเป็นสมาชิกสภาทนายความ ประเภทตลอดชีพ (มาขึ้นทะเบียนทนายความหลังจากเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานกลางมาหลายปี) โดยขึ้นทะเบียนเป็นทนายความมาถึงปัจจุบัน 18 ปีเศษแล้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เป็นวันมหาวิปโยควันสุดท้ายของมนุษย์จริงหรือ ?

    หน้า : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
    21 22 23 24 25 26

    ที่มา http://mongkoldham.com/
    </TD></TR>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2009
  18. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    5 ก.ย. 47 3 ปลายักษ์
    2 ม.ค. 48 ปลาอานนท์ 2 อยู่ใต้ไข่ดาว
    14 ก.ย. 52 น้ำม้วน ม้วนสูง น่าเกรงขาม
    คนโจษจาน กันทั่ว แดนใต้

    คำเตือนครั้งที่ 3 ต่างกรรมต่างวาระ
     
  19. ธรรมวินัย

    ธรรมวินัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +40
    ลุงเห็น อ.ปริญญา ตัณสกุล บอกว่า

    "วันสิ้นยุค ถูกกำหนดให้เป็นปี 2030 ครับ 56วัน 7 ราตรี จะเกิดในช่วงนี้"

    แล้วคุณเกษม มีความเห็นว่ายังไงรึ ลุงก็ไม่รู้จะเชื่อใครแล้วหลานเอ้ย เดี๋ยวข่าวว่า 2012, เดี๋ยวข่าวว่า 2017, นี่มาใหม่อีกแล้ว เลื่อนเป็น 2030 ลุงสับสนจริงๆ หลานๆเอ้ย

    http://palungjit.org/threads/วันสิ้...30-ครับ-56วัน-7-ราตรี-จะเกิดในช่วงนี้.117174/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2009
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อ.ปริญญา ตันสกุล ท่านบอกแต่เพียงว่า "ไม่น่าจะเกิน 40 ปี" ไม่ได้บอกว่าจะเกิดเหตุการณ์ในปี 2030 แต่อย่างใดครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อพุทธทำนายในศิลาจารึก ที่บอกว่า ปีมะเส็ง(ค.ศ.2013)ตลิ่งจะพัง แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล ปีระกา(ค.ศ.2017)เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน

    สาส์นจิตจักรวาล เตือนวันชำระโลก

    7 มิถุนายน 2548 กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

    ปริญญา ตันสกุล นักวิชาการสัมผัสพิเศษ ที่อ้างว่าสามารถสื่อกับจิตรจักรวาล เตือนอีกครั้งหลังเคยเตือนแม่นเรื่องสึนามิ ว่าอีกไม่เกิน 40 ปีจะมีการชำระโลกครั้งใหญ่ ทั่วโลกเกิดภัยพิบัติ น้ำทะเลท่วมแผ่นดิน เกิดไวรัสตัวใหม่ พร้อมโชว์แผนที่โลกที่ทำขึ้นใหม่แสดงประเทศที่เหลืออยู่และที่หายไป โดยประเทศไทยที่เด่นชัดคือบริเวณด้ามขวานจะขาดเป็น 3 ส่วน ย้ำภัยครั้งนี้ถูกกำหนดมาแล้วและแก้ไขไม่ได้

    หลังจากที่ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล วิทยาการอำนวยการ สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพมนุษย์ ได้เขียนหนังสือ โดยในหนังสือได้เตือนถึงเรื่องการจะเกิดสึนามิขึ้นในประเทศไทย และเมื่อหนังสือเล่มนี้วางแผงได้เพียง 30 วัน ก็เกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้น ทำให้เป็นที่ฮือฮาและเป็นที่สนใจของบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมากว่า เหตุใดถึงสามารถรู้ล่วงหน้าได้ และต่อไปจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นอีก

    เรื่องนี้ อ.ปริญญา ตันสกุล ได้เปิดเผยว่า สามารถสื่อสารกับจิตรจักรวาลได้ ซึ่งจิตรจักรวาลก็คือผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง ผู้กำหนดชะตาทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไป โดยค้นพบความสามารถตัวเองเมื่อปี 41 และยืนยันไม่ใช่เจ้าลัทธิ เป็นชาวพุทธ แต่ได้ถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นผู้สื่อข่าวสารจากจิตรจักรวาล และที่ได้บอกหรือได้เขียนเป็นหนังสือนั้น ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่นำคำของจิตรจักรวาลมาถ่ายทอด ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจมองว่าตนเองบ้า เพ้อและเชื่อไปเองคนเดียว แต่ทุกอย่างที่ผ่านมา สิ่งที่เคยเขียนหรือเคยพูดล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่เคยบังคับใครให้เชื่อ แต่จะเน้นสื่อสารเผยแพร่หลักธรรมให้คนทั่วไปเป็นหลัก โดยจะแทรกสิ่งที่เป็นคำเตือนหรือเหตุการณ์ในอนาคตจากคำบอกเล่าของจิตรจักรวาลลงไปด้วย ซึ่งเมื่อคนทั่วไปมีจิตสำนึกดีแล้ว โลกก็จะเกิดการชำระช้าลง

    "ผมเคยพูดมานานแล้วเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งตรงนี้ย้ำอีกทีว่าเป็นสิ่งที่จิตรจักรวาลได้กำหนดไว้แล้ว เนื่องจากถึงเวลาชำระ บวกกับจิตใจคนปัจจุบันต่ำลงมาก จากที่ได้สื่อสารกับจิตรจักรวาล จิตใจดีของคนคือเครื่องหล่อเลี้ยงโลก แต่ทุกวันนี้คนคิดไม่ดีมีมาก จึงตรงกับเวลาแห่งการชำระ และอย่างล่าสุดที่ผมเคยบอกไปในหนังสือ ว่าประเทศไทยให้ระวังสึนามิ พอหนังสือวางได้ 30 วัน ก็เกิดสึนามิขึ้น ตรงนี้ผมก็รู้แล้ว แต่ถ้าถามว่าทำไมไม่เตือนให้คนรู้ ผมอยากบอกว่ามันเป็นกำหนดอยู่แล้ว และถ้าผมบอกไปมันก็จะเลื่อนออกไปอีก ไม่ตรงตามที่บอก รวมทั้งผมไม่อยากให้ใครมามองว่าผมอุตริเป็นนักทำนายด้วย แต่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาลงได้ด้วยการทำดีต่อกันของคนในโลกมนุษย์ ก็จะผ่อนหนักเป็นเบา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเกิด การชำระจะต้องเกิด"

    อ.ปริญญากล่าวต่อว่า ที่พูดถึงการชำระบ่อย เนื่องจากเห็นว่ามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เหตุการณ์ชำระล้างจริงๆ ควรจะเกิดเมื่อเดือนมกราคมปี 46 แต่เนื่องจากมีสาเหตุที่ผมไม่อยากเปิดเผย จึงทำให้เลื่อนออกมา แต่ไม่น่าจะเกิน 40 ปี การชำระโลกครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นแน่นอน จะเกิดภัยหลายๆ อย่างให้โลกเปลี่ยนไป จะเกิดภัยธรรมชาติทุกอย่าง และร้ายแรงกว่าเดิม ที่ที่เกิดแล้วก็จะเกิดซ้ำอีก จะเกิดภัยจากโรคร้าย โดยเฉพาะโรคใหม่คือ ไวรัสทีเรีย เป็นทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รักษาไม่ได้ จิตรจักรวาลกำหนดมาให้เป็นสิ่งชำระโลก นอกจากนี้คือภัยจากจิตสำนึกอันไม่สมดุลของผู้นำประเทศ จะเกิดสงครามภายในประเทศ และสุดท้ายภัยเศรษฐกิจ ตรงไหนเสียหายก็จะเสียหายซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกชำระหมด

    "นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น้อยคนจะรู้คือ ผมเคยทำแผนที่ประเทศไทย และแผนที่โลกฉบับใหม่เอาไว้ ทำตั้งแต่ปี 46 ตอนนั้น เป็นแผนที่หลังเกิดการชำระโลก ซึ่งเชื่อว่าจะได้ใช้กันแน่ๆ พื้นที่โลกจะถูกน้ำท่วม ทั้งน้ำจืดและน้ำทะเล โดยเฉพาะทะเลจะทำให้หลายประเทศหายไป พื้นผิวโลกจะเปลี่ยน โดยบริเวณที่หายไปจะแสดงด้วยสีแดง โดยประเทศไทยที่ชัดๆ คือ

    ภาคใต้ตรงบริเวณด้ามขวาน จะเป็นพื้นดินยาวลงมาถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ คือส่วนที่ 1 ต่อมาส่วนที่ 2 เป็นเกาะใหญ่อยู่ตรงกลาง และส่วนที่ 3 คือที่ติดกับประเทศมาเลเซีย โดยจะมีทะเลกันหมดทั้ง 3 ส่วน เกาะภูเก็ต เกาะสมุย และเกาะน้อยใหญ่จะหายไปหมด แต่ละจังหวัดเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เวียดนาม กัมพูชา ก็จะจมอยู่ใต้ทะเล ส่วนพม่าตอนล่างหายไป จังหวัดทางภาคตะวันตกของไทยกลายเป็นชายทะเล ภาคเหนือจะมีแม่น้ำสายใหม่เกิดขึ้น พื้นที่ของไทยประมาณ 20% จมทะเล"

    อ.ปริญญากล่าวสรุปว่า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และขอย้ำว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้น แต่อาจจะช้า เร็ว หนัก เบา คลาดเคลื่อนเล็กน้อย คงไม่เกินในระยะ 40-50 ปีนี้ ซึ่งตรงนี้วิธีแก้ไม่มี เนื่องจากทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว แต่สิ่งที่จะทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ทุเลาลง รวมทั้งเป็นทางช่วยตัวเองจากมหาภัยครั้งนี้คือ ทุกคนจะต้องเร่งทำความดี สร้างความรัก และสร้างจิตสำนึกที่ดี เนื่องจากโลกเราอยู่ได้ด้วยพลังด้านบวกของสิ่งมีชีวิต".

    ที่มา | ไทยโพสต์
     

แชร์หน้านี้

Loading...