...เริ่มกระทู้..ตามรอยพระเกจิ..๑ ตค.นี้

ถ้าดูไม่ผิด ท่านน่าจะเรียนมาสายหนอ มหาสติปัฏฐานน่ะ

 

สายหนอมักจะมีตัวรู้ในเจโตดี แต่เสกของไม่มีกำลัง เพราะไม่ได้ฝึกฌาณ สายนี้มักข้ามฌาณเนื่องจากสืบสติปัฏฐานจากพม่ามา สายพม่าไม่เก่งฌาณ ความจริงมหาสติปัฏฐานนั้นต้องมีฌาณเป็นบาท แต่พอเหล่าอ.ทั้งหลายทำฌาณไม่เป็นเลยสอนศิษย์เบี่ยงเบนไปว่าใช้เพียงจิตเป็นสมาธิก็พอ แต่จริงๆแล้วคำว่าจิตเป็นสมาธินั้นเป็นเพียงแค่อุปจารสมาธิเอง แต่การทำฌาณนั้นจิตจะละเอียดเลยขั้นอัปนาสมาธิไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอรูปฌาณนั้นละเอียดมากถึงขั้นเป็นบาทในการเข้านิโรธทีเดียว ซ้ำยังเป็นบาทในการเข้าวิปัสนาญาณ โดยนำฌาณบางฌาณมาสัมปยุตกันแล้วพิจารณาในหลายๆแบบจนพบพระไตรลักษณ์และเข้าใจไปถึงปฏิจจสมุปบาท ตรัสรู้ประหารกิเลสซ้ำๆกันอยู่อย่างนั้นจนสังโยชน์เบาบางลงทีละขั้น จึงเริ่มบรรลุเป็นอริยบุคคลลำดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

วันนี้ได้รับปู่ฤาษีพัดโบกแล้วครับและได้อัญเชิญขึ้นหิ้งเลยครับ..ขอบคุณครับ

 

สายหนอหมายถึงลงท้ายของการภาวนาว่า"หนอ"หรือครับแล้วทำไมเสกของถึงไม่มีกำลังแล้วสายไหนถึงมีกำลังล่ะครับอยากรู้ครับ

 

หนักไปรึป่าวเนี่ย เพลินไปหน่อย....แต่ถ้าใครสนใจจริงๆและไม่เชื่อที่ผมอธิบายว่าจริงรึป่าว ให้คอยติดตามหลวงปู่องค์หนึ่งที่ร่วมสายมากับหลวงปู่ครูบาพรม ซึ่งผมจะนิมนต์ท่านลงมากทม.แล้วลองสอบถามท่านดู พระเก๋ได้ฟังผมสนทนาเรื่องนี้กับท่านโดยละเอียดมาแล้ว

 

อย่างที่บอกว่าเขาข้ามการทำฌาณไป(อาณาปานสติโดยละเอียด) เพราะครูเขาสอนฌาณไม่เป็น ถ้าไม่ทำฌาณจิตมีกำลังน้อย...และอาจไม่พบที่ตั้งรังสีธาตุที่ใช้เสกอาบลงวัตถุมงคลเป็นประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง สติปัฏฐานท่านสอนให้ดูให้รู้ตามสภาวะที่เป็นเท่านั้น มิได้เป็นไปเพื่อเพิ่มพูนอำนาจจิต

 

เสกของขลังๆแสดงว่าได้อภิญญาและมีฤทธิ์บางอย่าง..หรือหลายอย่างเช่นนั้นหรือครับ

 

เอวังด้วยประการฉนี้แล..อนุโมทนาสาธุการครับ

 

วิชาคุณเอกแม่นนี่นา งั้น อีก 2 องค์นี้ พลังเป็นไง สุดๆ

 

องค์แรกนั้นหลวงปู่ครูบาอินตา วัดห้วยไช อ.บ้านธิ จ.ลำพูน องค์นี้แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนอีกองค์สายอ.มั่น ผมไม่อาจจะวิจารณ์ เพราะผมไม่ได้ศึกษาในสายนี้ แต่เท่าที่ทราบมาสายนี้ท่านปฏิเสธการทำอรูปฌาณ ได้ยินท่านว่าเป็นบาทในการทำอภิญญาบางประการที่เป็นการเล่นฤทธิ์ แต่ลองไปดูในนิพพานสูตรดูนะครับพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า เวลานิพพานต้องทำอรูปฌาณด้วยครับ หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม ก็แสดงธรรมเช่นนี้เหมือนกัน นั่นย่อมแสดงว่าองค์ใดไม่ทำฌาณแสดงว่านิพพานไม่เป็นแน่ครับ ให้ข้อสังเกตุไว้แค่นี้หล่ะครับ ที่เหลือไปคิดกันเอาเอง ผมเคยถวายความรู้พระในสายนี้ไปว่าเวลาท่านศึกษาท่านไม่เคยดูคัมภีร์กันเลย นั่งฟังแต่อาจารย์อย่างเดียว ถามท่านหน่อยเถอะ?ถ้าอ.ท่านผิดแล้วท่านจะทำถูกได้อย่างไร?ในเมื่อท่านยังไม่รู้เลยว่าท่านทำผิดตามอ.

 

ผมเคยเห็นหนังสือของชมรมพุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งรวมเอา ดร. ทั้งหลายมาเขียนวิธีทำกรรมฐานสารพัดรูปแบบตามแต่ละพระอาจารย์แต่ ดร.เหล่านั้นก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าแบบใดถูก หรือต้องใช้แบบใดบ้างจึงเป็นไปเพื่อการหลุดพ้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าตัวพวกเขาไม่สามารถปฏิบัติจนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ จึงมองไม่เห็นว่าการปฏิบัติทั้งหลายรูปแบบนั้นเป็นเครื่องประกอบกันต้องใช้ทั้งหมด แต่อานาปนสติโดยการเข้าฌาณโดยลำดับนั้นเป็นบาท พอไม่สามารถทำกระบวนการตั้งต้นได้ก็เลยไม่เข้าใจยาว

 

การฝึกในหลายๆรูปแบบที่ไม่ทำฌาณนั้น มักจะไปเกิดตัวเจโต แต่ก็เป็นการรู้การเห็นตามสภาพความเป็นจริงเท่านั้น ผู้ที่ฝึกมาแบบนี้จึงไม่สามารถเสกวัตถุมงคลให้ขลังเหมือนพวกทำฌาณได้ ในสมัยโบราณจึงเห็นว่าผู้ที่สร้างและเสกวัตถุมงคลส่วนใหญ่จึงเป็นฤๅษีผู้ทรงฌาณ เหตุนี้หล่ะผมจึงต้องอัญเชิญปู่ฤๅษีลงเสกวัตถุมงคลด้วยทุกครั้ง เพราะคนรุ่นหลังนี้จะไปเก่งสู้ท่านซึ่งเป็นต้นวิชาได้อย่างไร? สายกรรมฐานหลายสายจึงใชคำว่าอธิษฐานจิตซึ่งบางทีมานั่งหลับตาพิจารณาอะไรตามแต่ท่าน แต่นั่นไม่ใช่การเสก เป็นการนั่งดูตนเองซึ่งไม่ได้ทำให้วัตถุมงคลมีฤทธิ์มากขึ้นตรงไหน?

 

ด้วยการเชิญปู่ฤๅษีลงเสกนี้จึงทำให้วัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาสิงห์โตที่เริ่มมาสร้างและเสกที่วัดอโยธยาจึงมีประสบการณ์แตกต่างจากวัตถุมงคลของอ.อื่นอย่างมากมายหรือแตกต่างแม้กระทั่งเหรียญรุ่นแรกของท่านเองที่ท่านแจกไปแต่แรก(ไม่มีโค๊ด)ก่อนท่านลงมาอยู่อยุธยาที่ไม่มีประสบการณ์เลย

 

เนื่องจากคุณ m@c ขาดการติดต่อยืนยัน ดังนั้นผมไม่รอแล้วครับ องค์สุดท้ายใครอยากบูชาลงชื่อได้เลย

 

ตอนนี้ผมกำลังให้ช่างปั้นขยายปู่พัดโบกให้ได้ขนาดสูง ๙๙ ซม.อยู่ครับ คาดว่าจะเทเพียง ๙ องค์ในวันที่ ๕ ธค.นี้ ใครต้องการบูชาลงชื่อจองได้เลย องค์ละ ๒๐,๐๐๐ องค์ประธานที่มาเทคือ หลวงปู่ที่เสกน้ำมนต์หมุน

 

จริงป่าวครับ ผมขออาราธนาท่านนะครับ
ไม่ทราบต้องโอนไปที่บัญชีไหนนะครับ

 

ลองทำแบบผมดูไหมละครับ
ผมก็ไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนั้นเหมือนกันนะครับ
ตอนก่อนนอน บอกให้ น้องเค้ารู้ ถ้ามีตัวตนจริงๆ ให้ทำให้รู้ด้วย ดึงขาให้ตกจากเตียงก็ได้ ฯลฯ ปกติผมภาวนาพุทโธ หรือ อิติปิโส จนหลับนะครับ มือก็กำพระของหลวงปู่คำเป็ง หลวงพ่อหลวงปู่ ไว้ด้วย

วันนึงตื่นเช้าขึ้นมา เหมือนโดนลาก อยู่บนฟูกแค่ครึ่งตัว
ดีใจอะครับ ที่เค้ามีตัวตนจริงๆ เทพองค์ใหญ่ๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้นะครับ กลัวท่่านจะตำหนิเอา

 

ผมเองก็ไม่ค่อยเห็นอะไรชัดๆ นะครับ กลัวว่าเป็นอุปปาทานของจิตนะครับ
ถ้าไม่เห็นแบบลืมตาเห็น ก็ไม่เชื่อไว้ก่อนนะครับ กลัวจะหลงไปไกล

เพราะความคิดอย่างนี้ ความรู้สึกไวๆ ไม่ค่อยมีนะครับ
มัวแต่ตั้งธงไว้ว่า ฌาน 4 แยกกายกับจิต ถอดกายทิพย์ได้ ถ้าเห็นอะไรก่อนหน้านี้แสดงว่า อุปปาทาน ตอนนี้ก็ยังนั่งปุ๊กลุ๊ก อยู่ที่เดิมนะครับ

มีอยู่ครั้งนึง พอเริ่มๆสงบมีแสงสว่างในเหมือนไฟฉายส่องในตา ก็ยังดูลมหายใจ ภาวนาไปเรื่อยๆ เกิดมีความรู้สึก เอ๊ะเหมือนมีภาพของผู้หญิงผมยาว ทำไมต้องทำกริยาเหมือน มาด่าตำหนิเรา ความรู้สึกคิดอย่างนี้เกิดหลังจากลุกจากการนั่งสมาธิแล้วนะครับ ตอนที่นั่งตัวคิดไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว

หลังจากนั้นอีก 2 สามวัน เกิดอาการ เหมือนใครมาเหยียบอกจนหายใจไม่ออก ตอนตี 4 นะครับ ต้องลุกขึ้นมาเดินไปมา คว้ายาแก้ไอแก้หวัดมากิน ก่อนนั่งสมาธิก็คิดว่าใครหว่า มาให้เราดูทำไม มาด่าทำไม จนกระทั่งจิตบอก ว่านั่นคือนางตานี ที่ลูกชายตัวดีไปตัดเค้าไปทำโครงงานวิทยาศาตร์

แหมงานนี้ ลูกได้รับการชมเชย แต่พ่อเกือบตายนึกว่าเป็นหวัด 2009

ตอนนี้ผมจึงคิดว่า แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อย ก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ

เห็นก็ดี ไม่เห็นก็ดีครับ เรื่องหวยถ้าเราไม่เคยทำทานแบบสะเปะสะปะมาก่อน เค้ามาบอก เรายังซื้อไม่ถูกเลยครับ

 

สุขสันวันเกิดนะพี่เอก (ช้าไปไหมน้อ??)
สบายดีกันไหมค่ะ
ช่วงนี้จะสอบ(อีกแล้ว) อยากปิดเทอมไวๆจัง - -

 

โอนเข้าบัญชีพระอุทิตย์ แล้ว PM รายละเอียดการโอนและการจัดส่งมาที่ผม จากนั้นจะได้ส่งให้เลยในวันจันทร์