หมดแล้ว <<ฟ้าสร้าง>> หนุมานเกราะเพชรมากประสบการณ์ หลวงปู่หริ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ฟ้าสร้าง, 24 พฤศจิกายน 2009.

  1. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ช่วงนี้อากาศร้อนจริงๆ แถมบ้านเมืองยังร้อนอีก...เฮ้ออออออออออ

    [​IMG]
     
  2. sunjiaa

    sunjiaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +2,755
    รอดูของแหล่ม ๆ หลังสงกรานต์นะครับ

    หุหุ

    มาบอกว่า แมงวัน แหล่มมากคับ
     
  3. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ถึงว่ามัวแต่เจออะไรแหล่มๆ นี่เองเลยไม่เข้ากระทู้กันเลย
     
  4. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
     
  5. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หลวงปู่หริ อคฺคสิริ มีนามเดิมว่า สิริ มณีวัฒนา เกิดเดือน 10 เม.ย. พ.ศ. ๒๔๖๓ ปีวอก ที่ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี อายุ ๑๗ ปี ติดตามพระผู้ใหญ่มาอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม จ.ธนบุรี
     
  6. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    และได้บรรพชาเป็นสามเณรโดยมีพระเทพสิทธินายก(หลวงปู่นาค)เป็นพระอุปัชฌาย์ระหว่างนั้นได้เรียนกรรมฐานกับหลวงปู่นาคและหลวงปู่ขวัญซึ่งเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต และเรียนนักธรรมควบคู่ไปด้วย พออายุ ๒๑ จึงย้ายกลับมา จ.สุพรรณบุรี ทำการอุปสมบท โดยมีพระเมธีธรรมสาร(หลวงพ่อไสว) วัดบ้านกร่าง เจ้าคณะอำเภอศรีประจันต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วญาติที่อยู่ อ.บางปลาม้า ได้มานิมนต์ไปอยู่วัดขวางสอนปริยัติธรรม ที่วัดขวางนี่เองที่หลวงปู่หริได้ใกล้ชิดรับใช้และเรียนกรรมฐานและพระเวทย์วิทยาสายหลวงพ่อเนียม วัดน้อย กับหลวงพ่อโตเจ้าอาวาสวัดขวาง เนื่องจากหลวงพ่อโตท่านเป็นศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเนียมแถมยังได้เรียนกับหลวงพ่อครุฑอดีตเจ้าอาวาสวัดขวางซึ่งเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อเนียมเพราะวัดขวางกับวัดน้อยนั้นอยู่ติดกัน ระหว่างนั้นเองหลวงปู่ก็ยังได้เรียนจากหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาวซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคและหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ เจ้าของเครื่องรางตุ๊กแกดังลูกศิษย์หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน รวมเวลาที่หลวงปู่ศึกษาเล่าเรียนในสายหลวงปู่เนียมที่ อ.บางปลาม้าเป็นเวลาถึง ๑๑ ปี
     
  7. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    พอดีทางวัดน้อย(วัดหลวงพ่อเนียม)เกิดปัญหาว่างเจ้าอาวาส ทางคณะสงฆ์และศึกษาธิการอำเภอได้มาขอให้หลวงปู่ฯไปรับตำแหน่ง หลวงปู่ปฏิเสธไม่รับแต่ยอมดูแลให้เป็นเวลา ๑ ปีเพื่อรอให้คณะสงฆ์คัดเลือกผู้เหมาะสมมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อไป พอครบปีแล้วหลวงปู่ก็เดินทางกลับมาอยู่ที่วัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์บ้านเกิดของท่าน ได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อไสว เจ้าคณะ อ.ศรีประจันต์และเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน
     
  8. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    และหลวงปู่ท่านได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อไสว เจ้าคณะ อ.ศรีประจันต์และเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน ระหว่างนั้นได้พบเจอหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่เป็นประจำเพราะหลวงพ่อมุ่ยมักมีกิจนิมนต์ร่วมกับหลวงพ่อไสวและหลวงพ่อปุย วัดเกาะ จังหวะนี้เองที่หลวงปู่หริได้ขอเรียนวิชากับหลวงพ่อมุ่ย แต่หลวงพ่อมุ่ยไม่ยอมสอน โดยบอกว่าท่านหริเรียนมามากกกว่าฉันอีก ฉันไม่ต้องสอนแล้วแค่ชี้แนะก็พอ หลวงปู่หริจึงได้รับคำชี้แนะเคล็ดต่างๆจากหลวงพ่อมุ่ยมาหมดสิ้น อยู่ต่อมาไม่นานหลวงพ่อไสวก็ส่งหลวงปู่ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดคลองชะโด แต่หลวงปู่ปฏิเสธอีกเหมือนเดิมแต่รับที่จะไปรักษาการให้ วัดคลองชะโดขณะนั้นไม่มีโบสถ์ทำให้ต้องไปลงโบสถ์ทำวัตรที่วัดเกาะจนทำให้สนิทสนมและได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อปุยเจ้าอาวาส ผู้เป็นศิษย์สืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มาจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา และวิชาของปู่เฒ่าพรายเกจิจอมขมังเวทย์แห่งวัดเกาะจนหมดไส้หมดพุงหลวงพ่อปุย
     
  9. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    นอกจากนี้หลวงปู่ยังได้ศึกษากับหลวงพ่อถิน วัดป่าเลไลย์และหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย โดยเฉพาะหลวงพ่อแต้ม นั้นรักหลวงปู่มากเป็นพิเศษชวนหลวงปู่ไปช่วยก่อสร้างเสนาสนะอยู่ตลอดพร้อมถ่ายทอดยันต์เกราะเพชรที่เรียนจากหลวงพ่อปานสู่หลวงปู่หริจนหมดสิ้น เท่านั้นยังไม่พอหลวงปู่หริยังได้แลกเปลี่ยนพระเวทย์อาคมกับหลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง และ หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม ซึ่งเป็นสหธรรมิกรุ่นพี่อีกด้วย<O:p</O:p
     
  10. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    [​IMG]
     
  11. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หนุมานเกราะเพชรหลวงปู่หริ มาแล้วจ้า....
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2372.jpg
      IMG_2372.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.3 KB
      เปิดดู:
      420
    • IMG_2402.jpg
      IMG_2402.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.8 KB
      เปิดดู:
      410
    • IMG_2348.jpg
      IMG_2348.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.8 KB
      เปิดดู:
      393
    • IMG_2350.jpg
      IMG_2350.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.7 KB
      เปิดดู:
      839
    • IMG_2373.jpg
      IMG_2373.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      388
    • IMG_2407.jpg
      IMG_2407.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      402
    • IMG_2410.jpg
      IMG_2410.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.4 KB
      เปิดดู:
      382
  12. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ....หนุมานเกราะเพชร....
     
  13. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    วันนี้มารู้จักอาจารย์หลวงปู่หริกันต่อค่ะ...
     
  14. มะขามป้อม

    มะขามป้อม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +1,547
    มาเป็นกองทัพเลย
     
  15. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หลวงพ่อแต้ม
    หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จากอริกลายเป็นเพื่อน หลวงพ่อปุย วัดเกาะ กับ หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย นี้ ในอดีตสมัยหนุ่ม ครั้นคราเป็นนักเลง เคยเป็นอริมาก่อน ต่างก็อยู่กันในคนละบาง ถิ่นใครถิ่นมันแต่หากหลวงพ่อปุยจะไปถิ่นในอำเภอพิหารแดง (อำเภอพิหารแดง ซึ่งปัจจุบันแยกเป็นอำเภอเมืองส่วนหนึ่ง และอำเภอศรีประจันต์ส่วนหนึ่ง) ก็ไม่ได้ส่วนหลวงพ่อแต้มจะมาเยือนถิ่นลุ่มน้ำท่าคอยแถบนี้ก็ไม่ได้ ถือกันว่าเสือถ้ำใครถ้ำมัน คนถิ่นใครถิ่นมัน แต่ครั้นพอทั้งคู่เข้ารับการอุปสมบท มีหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นอุปัชฌาย์ทั้งคู่ (หลวงพ่อแต้มบวช ๒ ครั้ง ครั้งแรกมีหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าวเป็นอุปัชฌาย์) คนสมัยก่อนอุปัชฌาย์เดียวกันเขาถือ จะไม่ทรยศ ทำร้าย ซึ่งกันและกัน ทั้งสองจึงเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
    หลวงพ่อแต้มท่านขึ้นชื่อในฝีมือช่างไม้ช่างก่อสร้างมาก โบสถ์หลายๆวัดในสุพรรณบุรี มีหลวงพ่อแต้มเป็นนายช่างใหญ่ในการก่อสร้าง ท่านมีความสามารถในการเดินบนอกไก่โบสถ์สูงๆโดยไม่ตกลงมาได้อย่างสบายๆ ครั้นคราวหลวงพ่อปุยสร้างโบสถ์ วัดเกาะ ก็ได้หลวงพ่อแต้มนี่แหละมาช่วยในการก่อสร้าง หลวงพ่อแต้มมาจำพรรษาที่วัดเกาะจวบจนสร้างโบสถ์เสร็จ ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๖ จวบจนเสร็จ มีงานสมโภชในปี พ.ศ. ๒๕๐๒
    ระหว่างนี้เองท่านแลกเปลี่ยนวิชาอาคมกันอยู่เสมอๆ ซึ่งหลวงพ่อแต้มเองก็เรียนวิชาอาคมมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , พระ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ซัว วัดสาลี</st1:personName> , หลวงปู่โต๊ะ วัดสองเขตสามัคคี (วัดลาดตาล) เป็นต้น
    หลวงพ่อปุยกับหลวงพ่อแต้มถึงกับเคยท้าประลองวิชาความแน่นอนกันเป็นที่ ประจักษ์ตาแก่ชาวบ้านเมื่อ๕๐กว่าปี ก่อน จนเป็นที่ชาวบ้านกล่าวขานร่ำลือมาจนถึงทุกวันนี้มาแล้ว นั่นก็คือ เหาะเหินตีลังกา โหม่งอิฐ โหม่งขวาน ซึ่งผล คือ ทั้งคู่กินกันไม่ลง ซึ่งประจักษ์พยานในเรื่องราวเหล่านี้ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่หลายคน
    <O:p</O:p
    หลวงพ่อแต้ม ท่านอยู่วัดพระลอย อ.เมือง จะ.สุพรรณ ฯ ท่านเป็นพระนักบุญ บวช 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 ที่ท่านหันมาบวช ขณะนั้นท่านกำลังมีลูกชาย ยังแบเบาะอยู่ ท่านมองลูกชาย แล้วท่านรำพึงออกมาว่า " บ่วงลูก ผูกคอไว้ บ่วงเมีย ผูกมือไว้ บ่วงทรัพย์ ผูกขาไว้ " ท่านมองเห็นทุกข์ ท่านจึงตัดสินใจบวชเป็นครั้งที่ 2 การกระทำของท่านนั้น ถ้าเป็นทางโลก หรือชาวบ้านจะต้องว่าท่านใช้ไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นทางธรรมแล้ว บุคคลที่ตัดสงสารได้ขนาดท่านนั้น หาได้ยากเหลือเกิน ภายหลังท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อปาน ได้ภูมิธรรมขั้นสูง สำเร็จวิชาเกราะเพชร มีวาจาสิทธิ์
    ท่านเคยได้เขียนยันต์เกราะเพชรให้เจ้าอาวาสวัดท่าทอง ขณะนี้ยังอยู่สวยงามมากมรณะครั้งแรก...มรณะครั้งแรก....ท่านเคยนั่งสมาธิมรณภาพไปครั้งหนึ่งแล้ว ท่านเล่าว่ามีคนพาท่านไปที่ที่ท่านไปเป็นคฤหาสน์ใหญ่โตคล้ายวัดคล้ายศาลาคนที่พาท่านไปบอกกับท่านว่า ที่นี่เป็นที่อยู่ใหม่ของท่าน ท่านจะสะดวกสบายทุกอย่าง ขอให้ท่านอยู่ที่นี่ ท่านรู้สึกตกใจเล็กน้อย ท่านบอกว่า " ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันยังสร้างศาลาไม่เสร็จ ให้ฉันสร้างให้เสร็จเสียก่อนแล้วจะมา .."แล้วคนที่พาท่านไปก็อนุญาตให้ท่านมาเมื่อท่านออกจากสมาธิและภายหลังท่านได้ทำคุณงามความดีมากยิ่งขึ้น ท่านได้สร้างวัด ศาลาโบสถ์รวมกันแล้วมากกว่าอายุของท่านอีกแต่มีข้อแม้ว่า ท่านสร้างเสร็จแค่เกือบเสร็จแล้วท่านก็ไปสร้างที่อื่น ท่านบอกว่าถ้าสร้างให้เสร็จเดี๋ยวยมบาลเอาตัวท่านไป เดี๋ยวท่านไม่มีโอกาสสร้างคุณงามความดีอีก นกพิราบเป็นกลับแกล้มหลวงพ่อแต้ม ท่านมีเมตตาธรรมสูง ครั้งหนึ่งทางวัดท่าทองได้นิมนต์ท่านมาสร้างศาลา เมื่อท่านมาอยู่ เวลาท่านฉันข้าวเสร็จ ท่านจะเอาข้าวที่เหลือมาโปรยให้ไก่ นก สุนัข แมว ได้กินเป็นประจำไม่มีอด โดยเฉพาะนกพิราบ
    ท่านเป็นห่วงมัน เพราะมันมีปีก และบางกลุ่มไปหากินไกลๆ และอาจจะถูกคนคนเลวยิงเอาก็ได้
    คืนหนึ่งเป็นคราวเคราะห์ร้ายของนกพิราบ มีผู้ประสงค์ร้ายจำนวน 3 คน คือ นายแช่ม นาย สำรวย และ นาย ลบ ทั้งสามนี้ได้กินเหล้ากันตั้งแต่บ่ายจนเย็นและมืด เกิดอยากกินนกพิราบวัด แกล้มเหล้าขึ้นมา จึงได้มาลักนกพิราบวัดเมื่อจับได้ก็ใส่ตะข้อง แล้วเอาไปทำเป็นกับแกล้มกินกัน โดยที่เขาไม่ได้เกรงกลัวต่อบาป ไม่เกรงว่าเป็นนกวัดและไม่เกรงหลวงพ่อแต้มด้วยนาย แช่ม แกเป็นครู จึงมีความคิดดีกว่าเพื่อนหน่อย เมื่อแกหายเมาในตอนเช้า พอรู้ว่าแกได้ทำอะไรลงไป แกเลยเอานกพิราบที่ย่างลนไฟไว้มาทำแกงแล้วนำไปใส่บาตรในตอนเช้าของวันนั้นนั่นเองผลที่ตามมา
    เช้าวันนั้นหลวงพ่อแต้ม ท่านได้ฉันข้าวรวมกับพระวัดอื่นๆ สายตาของท่านเหลือบมองไปเจอกับถ้วยแกงนกท่านได้ใช้ช้อนเขี่ยไปมา แล้วท่านพูดออกมาว่า " จัญไ ร "เหมือนหนึ่งท่านจะรู้ได้ด้วยญาณว่า เนื้อแกงนกถ้วยนี้คือ เนื้อนกพิราบที่ท่านห่วงนั่นเอง
    ในเวลาต่อมาไม่ถึงเดือน นาย ลบ นาย ท่าเรือ ท่าโบสถ์ ได้ถูกไล่ออกจากงานในฐานะปฏิบัติงานบกพร่องและกลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัวในเวลาต่อมานายสำรวยเป็นครูประชาบาล ได้ค้าข้าวด้วยเป็นอาชีพรอง ถูกหมาบ้าสีดำกัดปางตาย เรือข้าว 3 ลำ ล่มและภายหลังแกถูกยิงตายในเวลาต่อมานาย แช่ม บุญฤทธิ์ เป็นครูประชาบาลเช่นเดียวกันกับนาย สำรวย เป็นคนมีความคิดดีหน่อย รอดพ้นจากเวรที่แกทำไว้ได้ แต่ตัวแกเองก็ตกระกำลำบากเหลือเกิน แกเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังหลังจากที่ผมได้ชวนแกจับนกกระจอกโรงเรียนเอามาผัดกินแกล้มเหล้า(โรงเรียนกับวัดอาศัยเนื้อที่เดียวกัน)แกบอกว่า " เวรกรรมนั้นมีจริงๆเชื่อผมเถอะ เรากินแล้วเราก็ถ่ายแล้วทำไมเราต้องไปกินไอ้ที่มีเวรด้วย "ผมฟังแกพูดทิ้งท้ายเล่นเอาผมทั้งอายทั้งเจ็บ ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้น เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่คิดจะกระทำความชั่วในวัดเช่น ขโมยของวัด ตัดเศียรพระ เป็นต้น อย่าคิดเลยครับ เพราะเมื่อตายไป คุณอาจจะทุกข์อย่างแสนสาหัส.<O:p</O:p
     
  16. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    จองหนุมานไว้สักสามตัวก่อนละกันค่ะ เด๋วจะเอาเพิ่มอย่างอื่นต่อ
     
  17. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995

    มาเดี่ยวเดี๋ยวเละค่ะ ต้องมาเป็นกองทัพ เพราะจะบุกลำปาง อิอิ
     
  18. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    รับทราบค่ะ ....ยังไม่ได้สาดน้ำคุณน้ำดีเลยฮ่ะ
     
  19. ฟ้าสร้าง

    ฟ้าสร้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,917
    ค่าพลัง:
    +1,995
    หลวงพ่อปุย วัดเกาะ จ.สุพรรณบุรี

    บทความประวัติหลวงพ่อปุย ปุญญสิริ วัดเกาะ เกจิอาจารย์เก่งองค์หนึ่งของ จ.สุพรรณบุรี อดีตเจ้าคณะตำบลบางงาม เจ้าอาวาสพระอารามราษฎร์วัดเกาะ ถนนศรีประจันต์ - ดอนเจดีย์ ตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เขียนโดยคุณศักดิ์ สุพรรณบุคลากร คุณภาพของวงการพระเครื่องเมืองสุพรรณบุรี
    <O:p</O:p
    หลวงพ่อปุย วัดเกาะ ตำบลบางงาม (ปัจจุบันโอนอยู่ในเขตตำบลวังหว้า) อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นพระคณาจารย์เมืองสุพรรณที่มีชื่อเสียงในอดีต ความเฉียบขาดและความดุของหลวงพ่อปุยโด่งดังมากจนพวกนักเลงใหญ่และบรรดาเสือ ร้าย(โจร)ทั้งหลายของเมืองสุพรรณเกรงกลัวบารมีท่าน
    ท่านเป็นพระคณาจารย์ผู้มีเวทย์วิทยาคมแก่กล้ามีพลังจิตสูง สามารถกำราบปราบภูตผีต่างๆได้(ไล่ผีได้) ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในเวทย์มนต์คาถาอาคมต่างๆ วิชาต่างๆ อักขระเลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ วิปัสสนากรรมฐาน และยังเทศน์เก่งจนเป็นที่จับใจผู้ฟัง
    ความดี ความเก่งและความเข้มขลังของท่าน เคยได้รับการกล่าวยกย่องจากองค์ประมุขสูงสุดของสงฆ์ คือ สมเด็จพระสังฆราชป๋า (ปุ่น ปุณณสิริ) วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม เป็นการส่วนพระองค์ ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มากถึงขนาดเสด็จมาหา และเสด็จมาฉันภัตตาหารร่วมกับหลวงพ่อปุย ณ.วัดเกาะ และยังฝากถามไถ่เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับหลวงพ่อปุย ผ่านมาทางลูกศิษย์อยู่เสมอๆ
    หลวงพ่อมีนามว่า ปุย นามสกุล รักกูล เกิดเมื่อวันที่ ๓๑ เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.๒๔๓๘ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะแม ณ.บริเวณศาลเจ้าพ่อพระปู่หมื่น บ้านบางงาม ตำบลวังหว้า อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โยมบิดาชื่อ ฉลาด โยมมารดาชื่อ แรด มีอาชีพทำนา หลวงพ่อเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง๕ คน ในวัยเยาว์อายุ๕ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับ หลวงปู่เฒ่าพราย วัดเกาะ พระอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ยุครุ่นเดียวกับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย
    ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของหลวงพ่อปุยท่าน ให้เล่าเรียนหนังสือเพื่อจะได้มีความรู้
    ท่านเป็นเด็กที่มีลักษณะเข้มแข็งจะเล่นอะไรจะทำอะไรต้องเป็นหัวหน้าคน ติดจะเป็นคนจริง
    แต่ถือคติที่ว่า ไม่รังแกใครก่อน แต่ใครจะมารังแกไม่ได้ท่านอยู่วัดเกาะตั้งแต่วัยเด็กถึงเติบโตเป็นหนุ่มซึ่งนับเป็นระยะเวลาหลายปีระหว่างที่อยู่วัดเกาะท่านได้ศึกษาอักขระไทยและขอม
    วิปัสสนากรรมฐาน แพทย์แผนโบราณและเวทมนต์คาถาอาคมต่างๆจากหลวงปู่เฒ่าพรายแล้วเวลาว่างท่านยังพายเรือไปตามแม่น้ำบ้านคอย เพื่อไปศึกษาวิชาต่างๆจากหลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบอีก(วัดตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก) จึงทำให้ท่านมีความรู้ในด้านต่างๆอย่างมากมาย
    วัยหนุ่มมีรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงบึกบึน ใจคอกล้าหาญเฉียบขาด มีความเป็นผู้นำ ทั้งยังมีวิชาอาคม พรรคพวกนักเลงทั้งหลายจึงยกย่องให้เป็นลูกพี่ บิดามารดาเห็นว่าต่อไปสักวันอาจจะพลาดพลั้งเกเรไปเป็นเสือเป็นโจรได้ กอปรด้วยหลวงปู่เฒ่าพรายเองก็ได้มรณภาพแล้ว จึงให้หลวงพ่อปุยกลับมาช่วยทำงานที่บ้าน เป็นโคบาลนำกองฝูงวัวฝูงควายออกเลี้ยง
    ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ หลวงพ่อปุยท่านได้เข้ารับราชการประจำการเป็นทหารอยู่ ๒ ปี โดยประจำการอยู่หน่วยเสนารักษ์(ทหารหมอ) ทำหน้าที่รักษาทหารผู้ได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุที่ว่าเพราะท่านเป็นผู้มีความรู้ด้านแพทย์แผนโบราณ และยังอ่านตัวยาภาษาอังกฤษได้พอสมควร จึงทำให้ท่านได้รับเลือกให้ประจำการอยู่หน่วยนี้
    เมื่อปลดจากประจำการทหารแล้วท่านได้อุปสมบทเพื่อทดแทนคุณบิดามารดาและผู้มีพระคุณทั้งหลายอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๓ ปี เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ ณ. พัทธสีมาวัดเกาะ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี พระครูปลื้ม หรือ หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว เป็นพระอุปัชฌาย์พระครูธรรมสารรักษา หรือ หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระใบฎีกาอินทร์ หรือ หลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ วัดราษฎรบำรุง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “ปุญญสิริ”<O:p
    หลังจากอุปสมบท ก็ได้อยู่จำพรรษาที่วัดเกาะได้ศึกษาพระธรรมวินัย และวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กันไปอีกหลวงพ่อปุยท่านเป็นผู้ใฝ่การศึกษา( คนโบราณเรียกว่าผู้คงแก่เรียน )
    จึงได้เพียรศึกษาหาวิชาความรู้จากพระอาจารย์หลายๆท่าน เช่น
    - ศึกษาอักขระไทยและขอม วิปัสสนากรรมฐาน แพทย์แผนโบราณ และวิชาอาคมต่างๆจาก หลวงปู่เฒ่าพราย วัดเกาะและหลวงพ่อวัดใหม่โรงหีบ

    - ศึกษาการแสดงพระธรรมเทศนาแบบโบราณจากหลวงตาอ่วม วัดเกาะ ซึ่งเรียนมาแต่ครั้นสำนักวัดโพธิ์ กรุงเทพฯ ( การแสดงพระธรรมเช่นนี้หาได้ยากใกล้จะสูญหายแล้ว)
    - ศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน และวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา <O:p</O:p

    <O:p></O:p>


    กับหลวงพ่ออิ่มนี้ หลวงพ่อปุยท่านจำพรรษาอยู่วัดหัวเขากับหลวงพ่ออิ่มนานเป็นแรมปี และยังคงไปๆมาๆกับหลวงพ่ออิ่มอยู่ตลอดหลายๆปี

    ในระหว่างที่ท่านอยู่วัดหัวเขานี้ หลวงพ่ออิ่มได้มีข้อตกลงกับหลวงพ่อปุยท่านว่า จะสอนวิชาอาคมต่อยอดให้ หากแต่หลวงพ่อปุยต้องแสดงภูมิที่เคยร่ำเรียนมาจากอาจารย์องค์ก่อนๆให้ดูก่อน ว่ามาถึงขั้นไหนบ้างแล้ว ก็เลยสั่งให้ขุดหลุมดินมีความลึกขนาดท่วมศีรษะ เสร็จแล้วก็ลงไปนั่งในหลุม แล้วให้นั่งลอยตัวขึ้นจากปากหลุมได้สำเร็จก่อน หลวงพ่ออิ่มจึงจะยอมต่อยอดสอนวิชาอาคมให้ท่าน ผลคือ หลวงพ่อปุยสามารถทำได้ หลวงพ่ออิ่มจึงยอมสอนวิชาต่างๆต่อยอดให้หลวงพ่อปุย

    <O:p</O:p
    หลวงพ่อปุยเป็นศิษย์ที่หลวงพ่ออิ่มสอนวิชาต่างๆให้ถือว่าถึงกับหมดสิ้น และยังรักหลวงพ่อปุยมาก ถึงกับเอ่ยให้ศิษย์คนอื่นๆฟังและเอาเป็นแบบอย่างว่า "ท่านปุยท่านเปรียบเสมือนบัวที่พ้นน้ำแล้ว ทั้งยังเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ ไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช"

    ศึกษาวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
    กับหลวงปู่ศุขนี้ บรรดาลูกศิษย์ไม่สามารถยืนยันได้เต็มปากเต็มคำแบบเล่าตรงกันหมดเช่นกับหลวงพ่อองค์อื่นๆ แต่ทว่าลูกศิษย์หลวงพ่อปุยเองบางท่านได้เล่าขานกันสืบมาว่า หลวงปู่ศุขนี้หลวงพ่อปุยเองท่านได้เคยไปเรียนวิชามาบ้างพอสมควรเลยทีเดียว โดยหลวงพ่ออิ่มอาจารย์ท่านนี่แหละเป็นผู้นำพาไปฝาก รับรองความประพฤติโดยตัวหลวงพ่ออิ่มท่านเองด้วย

    แต่ผู้เขียน(ศักดิ์ สุพรรณ) ได้ฟังมาก็เห็นว่าพอมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะหลวงพ่อปุยเองท่านเคยกล่าวไว้ มีบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า พ.ศ.๒๔๖๓ เรียนวิชาอาคมและวิปัสสนากับหลวงพ่ออิ่ม และยังคงไปๆมาๆกับหลวงพ่ออิ่มเรื่อยๆ (ช่วงที่ไม่ขาดการติดต่อเลย แบบกระชั้นชิดกับหลวงพ่ออิ่มเลยก็คือ ช่วง พ.ศ. ๒๔๖๓ จนถึง พ.ศ. ๒๔๖๘ ส่วนช่วงหลังจากนั้นจนถึงหลวงพ่ออิ่มมรณภาพก็ยังคงติดต่อกับท่านอยู่ แต่ว่าไม่ได้ติดต่อแบบกระชั้นชิดเหมือนช่วงแรกนี้)
    ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าในช่วงแรกนี้หลวงปู่ศุข เองยังทรงสังขารอยู่ (หลวงปู่ศุข มรณภาพ ปลายปี พ.ศ.๒๔๖๖) เรื่องที่เล่าๆกันมาจึงพอมีโอกาสเป็นไปได้สูงพอสมควร

    ศึกษาวิชาต่างๆจากหลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว , หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ แห่งโพธิ์พระยา เมือง สุพรรณบุรี ซึ่งทั้งหลวงพ่อปลื้มและหลวงพ่อพริ้งนี้ท่านเองเป็นอาจารย์อุปัชฌาย์และอาจารย์คู่สวดของหลวงพ่อปุยอีกด้วย

    - สหธรรมิกและศิษย์ร่วมสำนัก เนื่องด้วยท่านมีใจแบบนักเลง ที่กว้างขวาง จึงส่งผลให้หลวงพ่อปุยท่านเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีสหธรรมิกมากมาย และมีศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับท่านที่มีชื่อเสียงหลายท่าน อาทิ
    - สมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณณสิริ หรือ สังฆราชป่า วัดพระเชตุพนฯ
    - หลวงพ่อเจ้าคุณเมตตาวิหารี หรือ หลวงพ่อปัด วัดคูหาสวรรค์
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ สด หรือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ เก็บ วัดดอนเจดีย์
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ เปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ ผล วัดพังม่วง
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ ไสว วัดบ้านกร่าง
    - หลวงพ่อเจ้าคุณ ถิร วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
    - หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    - หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
    - หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
    - หลวงพ่อกอง วัดโพธาราม ( วัดบ้านคอยเหนือ )
    - หลวงพ่อแช่ม วัดราษฎรบำรุง ( วัดใหม่ )
    - หลวงพ่อเซ้ง วัดพร้าว
    - หลวงพ่อเชื้อ วัดพร้าว
    - หลวงพ่อปี วัดพิหารแดง
    - หลวงพ่อปอ วัดประชุมชน ( วัดบ้านบึง )
    - หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี ( วัดหนองนา )
    - หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง
    - หลวงตาจวน วัดไก่เตี้ย
    - หลวงพ่อโต วัดโพธิ์ศรีเจริญ
    - หลวงปู่แขก วัดหัวเขา
    - หลวงพ่อเปล่ง วัดหัวเขา
    - หลวงพ่อสม วัดดอนบุบผาราม ฯลฯ เป็นต้น

     
  20. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,153
    ค่าพลัง:
    +5,775
    ตอนนี้มีอะไรให้บูชามั่งครับ สรุปรายการอยู่หน้าไหนหรอครับ กระทู้ไปหลายหน้าเหลือเกิน เหอๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...