พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ทศชาติชาดก

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา


    น้อมกราบขอขมาองค์พระประทีปแก้วมณีโชติ ๓ ประการ ขอน้อมอารธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาติ นำเรื่องราวการบำเพ็ญเพียรของสมเด็จพระองค์ปัจจุบันเพื่อก้าวสู่ทศบารมีเต็ม ๑๐ ประการ เพื่อเป็นธรรมทานแก่ท่านผู้เจริญทั้งหลายจะได้สดับตรับฟังและร่วมโมทนาบุญกุศลอันไม่มีประมาณ เหล่านี้



    พระเจ้าสิบชาติ

    :cool: พระชาติที่ ๙ พระวิฑูรบัณฑิต
    [​IMG]

    เมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว พระบรมศาสดาเคยเสวยชาติ
    เป็นผู้มีปัญญาบารมี เข้าใจเวไนยสัตว์และปราบมารให้สิ้นพยศได้
    อดีตนิทานมีเรื่องราวดังนี้

    ในแคว้นกุรุรัฐ
    พระเจ้านัญชัยโกรพทรงครองเมืองอินทปัตตี
    มีราชเสวกนามว่า "วิฑูรบัณฑิต"
    เป็นอาจารย์สอนธรรมที่มีความปราดเปรื่อง
    และน้าวพระทัยให้พระราชาใฝ่ธรรมะด้วยดีเสมอมา

    ครั้งนั้นมีพราหมณ์ ๔ คน คบหาเป็นมิตรกัน
    ออกบวชด้วยเพราะเบื่อในทางโลกีย์
    มีชาวบ้านเลื่อมใสกันทั่วไป
    วันหนึ่งคหบดี ๔ คนพบเห็นก็พึงพอใจ
    นิมนต์ให้พราหมณ์ไปพักที่บ้านของตนบ้านละคน
    ต่างก็สักการะและถวายอาหารอย่างดี
    ฝ่ายพราหมณ์ก็พักผ่อนยามกลางวัน

    โดยองค์หนึ่งไปสู่ภพดาวดึงส์
    องค์หนึ่งไปยังภพพญานาค
    องค์หนึ่งไปยังภพพญาครุฑ
    องค์หนึ่งไปยังอุทยานพระเจ้าโกรพ

    เมื่อกลับมาจากพักผ่อนมาก็เล่าให้เศรษฐีที่อุปการะตนฟัง
    ตามที่พราหมณ์แต่ละคนไปพบเห็นมาว่า
    สมบัติของแต่ละในภพนั้นเลิศเลออย่างไร
    หากอยากได้เสวยสุขเช่นนั้นก็ต้องหมั่นทำกุศลไว้ให้มั่น

    คหบดีทั้ง ๔ ก็ปฏิบัติตามเคร่งครัด
    เมื่อตายไปก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    อีกคนได้ไปเกิดเป็นพญานาคในเมืองบาดาล
    อีกคนหนึ่งไปเกิดเป็นพญาครุฑ
    อีกคนไปเกิดในครรภ์พระมเหสีพระเจ้าโกรพ
    ประสูติออกมามีพระนามว่า ธนัญชัยกุมาร

    เมื่อเจริญพระชันษาขึ้นครองราชย์
    พระเจ้าธนัญชัยก็ทรงรักษาศีลบำเพ็ญทานตามที่วิฑูรบัณฑิตถวายพระโอวาท

    ตัดสินด้วยปัญญา

    คราวหนึ่งพระเจ้าธนัญชัยออกไปถือศีลที่อุทยานในวันอุโบสถ
    บรรดาพญานาคพญาครุฑและพระอินทร์ก็มาเจริญสมาธิ
    ณ อุทยานแห่งนั้นด้วย

    ทั้ง ๔ ต่างใคร่รู้ว่าศีลของผู้ใดจะประเสริฐล้ำยิ่งกว่ากัน
    พญานาคจึงกล่าวว่า

    "ธรรมดาของครุฑนั้นมักเข่นฆ่านาคอยู่เสมอ
    แต่ข้าพเจ้าสามารถอดทนได้
    มิให้เกิดอารมณ์เคืองโกรธ
    ศีลของข้าพเจ้าจึงประเสริฐนัก"

    พญาครุฑจึงเอ่ยว่า
    "ข้าพเจ้าอดกลั้นความอยากได้สำเร็จ
    เพราะธรรมดาของครุฑย่อมกินนาค
    แต่ข้าพเจ้าอดกลั้นได้ ศีลของข้าพเจ้าย่อมประเสริฐนัก"

    พระอินทร์เอ่ยบ้างว่า
    "ข้าพเจ้าละกามละสมบัติมารักษาศีลได้
    ศีลของข้าพเจ้าจึงประเสริฐนัก"

    มาถึงพระเจ้าธนัญชัยตรัสบ้างว่า
    "ข้าพเจ้าไม่ยึดมั่นในตัณหา
    ไม่กังวลในสิ่งใด ศีลของข้าพเจ้าประเสริฐที่สุด"

    เมื่อทั้ง ๔ มิอาจตัดสินยอมกันได้ว่าศีลของผู้ใดจึงประเสริฐกว่ากัน
    ทั้งหมดจึงพากันไปเล่าความให้วิฑูรบัณฑิตช่วยตัดสินให้กระจ่าง

    วิฑูรบัณฑิตทรงทูลว่า ศีลทั้ง ๔ ข้อ
    ล้วนเสมอกันเป็นคุณธรรมเลิศล้ำด้วย
    เพราะความไม่โกรธคือความขันติ
    ความไม่ทำชั่วก็คือความดีงาม
    การละกามคุณก็ดีงาม
    การไม่ยึดติดกังวลใดก็ดีงามเสมอกัน

    ทั้ง ๔ พระองค์ได้สดับก็ให้ปีติยินดี
    พระอินทร์พระราชทานผ้าทิพย์สีดอกบัวเนื้อละเอียดเป็นเครื่องบูชาธรรม
    พญาครุฑพระราชทานดอกไม้ทอง เกสรแก้ว
    พญานาคพระราชทานดอกแก้วมณี
    พระเจ้าธนัญชัยพระราชทานโค ๑ พันตัว รถม้า ๑๐๐ คัน ส่วย ๑๖ บ้าน

    ครั้นด้านพญานาคเมื่อร่ำลากลับบาดาล
    มเหสีวิมาลาเทวีจึงทูลถามหาดวงแก้วที่พระศอ
    พญานาคเล่าความให้ฟัง
    พระมเหสีจึงอยากฟังธรรมและพบวิฑูรย์บัณฑิตบ้าง
    แต่คงขึ้นไปเองมิได้แน่
    จึงวางอุบายแกล้งป่วยไข้
    ร้องทูลขอหัวใจของวิฑูร
    บัณฑิตโดยเจ้าตัวต้องยินดีมอบให้

    พญานาคลำบากใจอ้างว่า
    วิฑูรบัณฑิตไม่มีใครได้พบเห็นง่ายดาย
    ในวังเองก็มีการอารักขาแน่นหนา
    จะพาตัวมาก็ยากดั่งสอยพระอาทิตย์นั่นไซร้

    พญานาคได้แต่กลัดกลุ้มเมื่อวิมาลาเทวียังป่วยหนักอยู่
    พระนางอิรันฑตีพระราชธิดาทราบความก็ทรงอาสา

    "เสด็จแม่มิต้องทรงกังวลหรอกเพคะ เรื่องของวิฑูรบัณฑิตนี้
    ขอให้ลูกได้จัดการเอง ลูกจะไปยังภพของมนุษย์และ
    นำหัวใจของวิฑูรบัณฑิตมาถวายให้เพคะ"

    ธิดานาคและยักษา

    ครั้นแล้วพระธิดาอิรันฑตีจึงแต่งองค์งดงาม
    ประดับดอกไม้แก้วมณีและเครื่องหอม
    ว่ายน้ำไปยังกาฬคีรีขึ้นยืนบนยอดแล้วขับร้องฟ้อนรำในบทอันเสนาะหูว่า

    "ผู้มีปัญญาทั้งปวง คนธรรพ์ กินนร นาค ครุฑ
    หรือมนุษย์อันใดหากนำหัวใจวิฑูรบัณฑิตมาถวายพระมารดาของเราได้
    เราจะยอมเป็นคู่ครองภักดีจนตาย"

    ยามนั้นยังมียักษ์นามปุณณกะ
    ผู้เป็นหลานท้าวเวชสุวรรณ
    กำลังขี่ม้าเหาะผ่านมาทางยอดเขา
    ได้ยินเพลงไพเราะและโฉมงดงามของพระธิดาก็ให้เกิดหลงใหล
    เพราะเคยครองคู่กันมาแต่ปางก่อน
    จึงเข้าพบถามความแล้วตกลงจะไปนำดวงใจวิฑูรบัณฑิตมาให้ได้

    ยักษ์ปุณณกะ กลับไปทูลขออนุญาตท้าวเวชสุวรรณ
    แต่ขณะนั้นท้าวเธอตัดสินคดีพิพาทของยักษ์มิทันฟังความ
    ยักษ์ปุณณกะจึงทูลลาไปด้วยนึกว่าทรงอนุญาตแล้ว

    เมื่อปุณณกะเหาะไปถึงเมืองราชคฤห์
    แวะเก็บแก้วมณีชื่อ "มโนหร"
    บนยอดเขาบรรพตไปด้วย
    แก้วนั้นมีแวววาวพราวรัศมี
    เมื่อเหาะไปถึงอินทปัตตีนครก็เข้าพระราชวังไปขอเฝ้า
    พระเจ้าธนัญชัยด้วยสืบทราบมาว่าพระราชาโปรดเล่นสกายิ่งนัก
    จึงคิดอุบายทูลท้าแข่งสกา

    ขอเดิมพันคือดวงแก้วดวงหนึ่งและม้าตัวหนึ่ง

    พระราชาทรงตรัสว่ามีม้าและแก้วมากมายแล้ว
    แต่ปุณณกะที่จำแลงเป็นมนุษย์ได้อ้างว่า
    ม้าและแก้วของตนมีฤทธานุภาพยิ่งนัก
    จากนั้นจึงสำแดงให้พระราชาทอดพระเนตร

    จากนั้นจึงขึ้นขี่ม้าทะยานขึ้นบนกำแพง
    ฝีเท้าม้าว่องไวจนไม่เห็นตัวม้า
    แม้ทะยานลงสระผิวน้ำก็ไม่กระเพื่อม
    แล้วก็แสดงดวงแก้วให้ดูในดวงแก้วปรากฎเหล่าเทวบุตรและนางฟ้า
    ทั้งนาค ครุฑ และบนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ
    พระราชาทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็อยากได้
    จึงทรงตรัสว่า
    ถ้าพระองค์เป็นฝ่ายพ่ายก็จะทรงยกราชสมบัติทั้งปวงให้
    เว้นเพียงตัวพระองค์ พระมเหสี และเศวตฉัตรเท่านั้น

    แข่งสกา

    ครั้นแล้วการเล่นสกาก็ถูกจัดขึ้นที่โรงสกา
    พระเจ้าธนัญชัย ทรงอธิษฐานถึงเทพธิดาที่รักษาพระองค์
    และสรรเสริญคุณมารดา จากนั้นพระราชาเลือกลูกบาศก์ชื่อพาหุลี
    ส่วนปุณณกะเลือกลูกบาศก์สาวดี

    ก่อนจะทอดลูกสกาทองคำนั้น ปุณณกะได้ขอให้เสนาอำมาตย์
    และกษัตริย์ทั่วทวีปที่มาประชุมกันพอดีในวันนั้นได้ร่วมเป็นพยานการแข่งขัน
    มิให้เกิดการอิดออดบิดพลิ้ว ถ้ามีการพ่ายแพ้
    คนทั้งปวงในที่นั้นต่างก็รับคำโดยดี

    เมื่อพระราชาทอดลูกบาศก์ลง
    ปุณณกะก็บังคับลูกบาศก์ให้ออกแต้มไม่ดี

    พระราชาทรงรับลูกบาศก์ไว้ได้ก่อนตกพื้น
    ปุณณกะจึงถลึงตาใส่เทพธิดาและยักษ์เสนาบดีของเมือง
    จนตกใจหวาดกลัวหนีไปจนสุดขอบจักรวาลกันทั้งสิ้น

    เมื่อโยนลูกบาศก์อีก ผลออกมาแต้มพระราชาก็พ่ายแพ้
    ยักษ์ปุณณกะจึงประกาศก้องว่า

    "เราชนะแล้ว พระราชาแพ้แล้ว"

    จากนั้นปุณณกะก็ทูลทวงถามถึงของเดิมพัน
    ซึ่งผู้ชนะจะต้องได้ พระเจ้าธนัญชัยราชาจึงตรัสว่า

    "พ่อหนุ่มเอ๋ย เมื่อท่านเป็นผู้ชนะ
    ก็จงขนเอาทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทอง
    แลช้างม้าทั้งปวงของเราไปเสียเถิด"

    "ข้าแต่พระราชา
    สิ่งที่มีค่าเหล่านั้นข้าพระองค์มิต้องการหรอกพระเจ้าข้า"

    พระราชาสดับฟังดังนั้นก็ให้งุนงงนัก ตรัสถามว่า

    "ถ้าเจ้าไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทอง
    แล้วยังมีสิ่งใดที่ต้องการอีกหรือ"

    ยักษ์ปุณณะทูลตอบด้วยเสียงอันดังว่า
    "ข้าพระองค์ต้องการตัววิฑูรบัณฑิตพระเจ้าข้า"

    พระราชาทรงตกพระทัย ตรัสปฏิเสธว่า
    "เราเดิมพันยกเว้นตัวเราด้วย
    แต่วิฑูรบัณฑิตนั้นก็เปรียบเป็นตัวของเราเอง
    จึงมิอาจยกให้ได้หรอกนะ
    ขอให้เป็นสิ่งของอื่นเถิด

    ยักษ์ปุณณกะจึงให้วิฑูรบัณฑิตเป็นผู้ตัดสินเอง
    โดยถามวิฑูรบัณฑิตว่าเป็นทาสพระราชาหรือเสมอเหมือนพระราชา

    วิฑูรบัณฑิตจึงตอบตามความสัตย์ว่าตนเป็นทาสพระราชา
    หากพระราชาจะพระราชทานแทนเดิมพันก็สมควรแล้ว
    ยักษ์ปุณณกะจึงหัวร่อเย้ยพระราชาว่า
    ตนชนะสกาด้วย และยังได้บัณฑิตไปโดยง่ายอีกด้วย

    พระราชาทรงพิโรธ
    และเสียพระทัยที่วิฑูรบัณฑิตถูกส่งไปโดยง่าย
    จึงตรัสว่าถ้าอยากได้ก็จงเอาไป
    แต่ขอให้วิฑูรบัณฑิตแสดงธรรมครั้งสุดท้าย

    จึงตรัสถามถึงความว่า
    การประพฤติตัวให้มีความปลอดโปร่ง
    สำหรับผู้ครองเรือนนั้นมีอย่างไรบ้าง

    การจะได้ชื่อว่าเป็นผู้สงเคราะห์ที่ดีนั้นต้องปฏิบัติอย่างไร

    การละเว้นจากการเบียดเบียนผู้คนอื่นนั้นทำอย่างไร

    การจะจากโลกนี้ไปอย่างไม่อาวรณ์นั้นทำได้อย่างไร


    วิฑูรบัณฑิตทูลถวายโอวาทว่าการทั้งหมดนั้นปฏิบัติได้โดยดังนี้

    ให้กล่าวคำสัตย์ รักษาสัจจะ รักษาศีล
    ประพฤติสุจริต เว้นอบายมุข
    ละเว้นการเบียดเบียน มิผิดในกามคุณ
    สำรวมกายวาจา ไม่กระด้างทะนงตน
    มีอัธยาศัยนุ่มนวล มีเหตุผล มีสติ
    ศึกษาธรรมให้มีปัญญา
    รู้จักแบ่งปันเข้าหาสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีล

    หากปฏิบัติได้ดังนี้ก็จะทำให้จิตใจสะอาด
    เมื่อถึงกาลเวลาดับจิตไปโลกหน้าก็มิมีความทุกข์ทรมานอันใด

    จากนั้นวิฑูรบัณฑิตขอเวลาอีก ๓ วัน เพื่อร่ำลาอบรมบุตรภรรยาก่อนจาก

    ยักษ์ปุณณกะตกลงและพักในปราสาทชั้นที่ ๗ ของวิฑูรบัณฑิต
    พักอยู่สุขสบายพร้อมนางสนม ๕๐๐ นาง
    อาหารและมโหรีกล่อมบรรเลงชั้นเลิศ

    วิฑูรบัณฑิตสั่งสอนธรรมแก่ลูกเมียให้จงรักพระราชา
    ให้ตั้งอยู่ในความสุจริตและอดทนรักษาสัตย์
    ไม่ควรขลาดจนงานเสีย
    ไม่ให้กล้าจนโอหังอวดดีเกินไป
    ไม่ให้เดินบนทางที่พระราชาเสด็จ
    การกินอยู่นุ่งห่มมิให้เทียมพระราชา
    นางสนมกำนัลของพระราชาก็มิควรไปตีสนิทชิดใกล้
    มิให้ดื่มสุราเมรัยจนไร้สติ
    มิควรเห็นแก่การพักผ่อนจนมิเอางาน
    พึงประพฤติตนให้มีคุณประโยชน์ต่อพระราชาทั้งต่อหน้าแลลับหลัง
    เมื่อ ๓ วันผ่านไปจึงถวายบังคมลาพระราชาไปกับปุณณกะ
    ชนชาวเมืองและบรรดาเสนาอำมาตย์ ต่างก็โศกาอาดูรโดยทั่ว

    ถูกยักษ์นำตัวไป

    ฝ่ายยักษ์ปุณณกะขี่ม้าเหาะไปในอากาศ
    คิดจะให้วิฑูรฑิตถูกกระแทกตายจะได้ควักหัวใจโดยง่าย
    จึงขี่ม้าทะยานไปในลมโดยแรงแต่ลมก็แหวกออกเป็นช่อง
    ด้วยอำนาจศีลและสัตย์ซึ่งวิฑูรบัณฑิตตั้งอธิษฐาน

    ปุณณกะดึงม้าไปยังภูเขา หวังให้ฟาดต้นไม้และหินผา
    แต่วิฑูรบัณฑิตก็มิตกจากม้ากระแทกสิ่งใด

    ยักษ์ปุณณกะคิดเนรมิตกายเป็นพญาช้างวิ่งเข้ามาแทง
    พระวิฑูรก็มิหวาดหวั่นตกใจกลัวแม้แต่น้อย

    ยักษ์จึงแปลงเป็นงูใหญ่มาพันกายแผ่แม่เบี้ยขู่
    พร้อมเสกพายุใหญ่พัดสนั่นเพื่อให้พระวิฑูรตกผาตาย
    พระวิฑูรก็มิทรงสะดุ้งสะเทือน

    ยักษ์ปุณณกะจับพระวิฑูรฟาดภูเขา
    โยนไป ๓๐ โยชน์ พระวิฑูรก็ไม่ตาย

    ไม่ว่าจะทำมหิทธิฤทธิ์อย่างไรก็มิอาจทำอันตรายได้
    ยักษ์ปุณณกะจึงตัดสินใจจะลงมือฆ่าด้วยตัวเอง
    ขณะนั้นพระวิฑูรจึงเอ่ยถาม

    "ท่านมิใช่มานพหนุ่มธรรมดาจึงมีฤทธิ์มากมาย
    ท่านยักษ์หรือเทวดา
    ไฉนจึงทำร้ายข้าพเจ้าให้เป็นกรรมแก่ตัวเองดังนี้"

    "เราชื่อปุณณกะ เป็นยักษาหลานของท่านท้าวเวชสุวรรณ"

    แล้วยักษ์ปุณณกะจึงเล่าความทั้งสิ้นให้ฟัง
    วิฑูรบัณฑิตจึงให้โอวาทแก่ยักษ์ว่า
    อันสาธุนรธรรมนั้นมี ๔ ประการ
    คือ ไม่สมควรร้ายมิตรหรือผู้ให้น้ำให้ที่พัก
    มิควรทำร้ายผู้อื่นดุจเผามือที่ชุ่ม
    ไม่ควรลุอำนาจกามหรือหลงสตรีจนทำชั่ว
    สมควรเดินตามคนที่เดินก่อนและเชื้อเชิญเขา
    คือ ให้รู้จักตอบแทนคุณ

    เมื่อพระวิฑูรอธิบายรายละเอียดให้ฟังจนกระจ่าง
    ยักษ์ปุณณกะก็สำนึกได้ด้วยความเข้าใจตลอด
    และรู้ว่าตนประพฤติทุกข้อนั้นผิดทั้งสิ้น
    จึงคิดซาบซึ้งธรรมปล่อยตัวพระวิฑูร

    แต่พระวิฑูรยืนยันจะลงเมืองบาดาล
    ยักษ์ปุณณะจึงอาสานำพาไปให้กับพญานาค

    ลงเมืองบาดาล

    ครั้นเห็นพระวิฑูรนิ่งเฉย
    พญานาคทรงกริ้วที่พระวิฑูรไม่ถวายบังคม
    จึงตรัสถามไถ่
    พระวิฑูรตอบว่า

    "ข้าแต่พญานาค
    ข้าพเจ้ามิได้ดูหมิ่นพระองค์
    แต่ธรรมดาของบัณฑิต
    จะให้กราบไหว้คนที่จะฆ่าตนได้อย่างไรกัน"

    พญานาคสดับฟังจึงทรงพอพระทัยนัก
    พระวิฑูรทูลถามถึงสมบัติวิมานทิพย์ของพระองค์
    พญานาคตอบว่าสมบัติทิพย์เหล่านี้มิได้สร้างเอง
    แต่มีโดยผลบุญในอดีตชาติที่เคยถือศีลบำเพ็ญกุศลตลอดชีวิต

    พระวิฑูรจึงว่าถ้าเช่นนั้นไฉนไม่ทำทานอีกในภพนี้
    พญานาคจึงว่าก็ในบาดาลไม่มีภิกษุหรือสมณพราหมณ์ให้ทำบุญ
    พระวิฑูรจึงว่าทำด้วยการแผ่เมตตาจิตก็ได้
    ไม่ต้องทำทานด้วยวัตถุ
    การไม่คิดร้ายเอาชีวิตผู้ใดก็คือแผ่เมตตาจิตแล้ว

    พญานาคจึงทรงให้วิฑูรบัณฑิตแสดงธรรมแก่พระนางวิมาลา
    เป็นที่ซาบซึ้งเข้าใจแจ้งกันเป็นที่น่ายินดี
    พญานาคจึงตรัสว่าการแสดงธรรม คือ
    "หัวใจ" ของพระวิฑูรนั่นเอง

    จากนั้นจึงพระราชทานพระธิดาให้ยักษ์ปุณณกะ
    จัดงานพิธีวิวาห์เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในบาดาล
    ให้เว้นการดื่มสุรา เว้นการประทุษร้าย
    ปล่อยสัตว์จากที่ขัง ตลอดเวลาเดือนหนึ่ง

    พระวิฑูรก็ได้บรรณาการจากบาดาลทุกเดือน
    และดวงแก้วมณีที่พระธิดาและยักษ์ปุณณกะ
    มอบให้ตนก็ยกถวายยังพระราชาด้วยความภักดียิ่ง
    จากนั้นจึงแสดงธรรมให้โอวาทแก่ปวงชน
    ด้วยการถือศีลบำเพ็ญบุญตราบจนสิ้นอายุขัย

    คติธรรมเรื่องนี้อยู่ที่เหตุแห่งความพิบัติคือการพนัน
    และการมีเมตตาจิตย่อมส่งผลให้ได้รับเมตตาจิตตอบด้วยในที่สุด

    ขอน้อมจิตกราบโมทนาบุญกุศลอันบุคคลทั่วไปทำได้ยากยิ่งนั้น ขอธรรมและฌาณสมาบัติที่พระองค์บรรลุแล้วจงปรากฏแก่กายและจิตของข้าพเจ้าและทุกท่านด้วยเถิด สาธุ...สาธุ...สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2006
  2. jaggrit

    jaggrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ทศชาติชาดก

    พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา


    น้อมกราบขอขมาองค์พระประทีปแก้วมณีโชติ ๓ ประการ ขอน้อมอารธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์อันมีสมเด็จพระองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา อันมีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาติ นำเรื่องราวการบำเพ็ญเพียรของสมเด็จพระองค์ปัจจุบันเพื่อก้าวสู่ทศบารมีเต็ม ๑๐ ประการ เพื่อเป็นธรรมทานแก่ท่านผู้เจริญทั้งหลายจะได้สดับตรับฟังและร่วมโมทนาบุญกุศลอันไม่มีประมาณ เหล่านี้




    พระเจ้าสิบชาติ

    :cool: พระชาติที่ ๑๐ พระเวสสันดร

    [​IMG]

    เมื่อครั้งอดีตกาลที่ล่วงมา
    นครสีพีรัฐบุรีนั้นมีพระราชาพระนามสีพีราช
    ทรงครองเมืองโดยทศพิธราชธรรม
    พระราชาทรงยกบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นเสวยราชย์แทน
    เมื่อเจริญวัยสมควรแล้ว
    พระราชโอรสมีพระนามว่า "สัญชัย"
    และได้อภิเษกกับพระนางผุสดี
    พระธิดาแห่งราชากรุงมัททราช

    พรจากภพสวรรค์

    แต่ปางก่อนนั้นผุสดีเทวีเสวยชาติเป็นอัครมเหสีของพระอินทร์
    เมื่อจะสิ้นพระชนมายุจึงขอกัณฑ์ทศพรจากพระอินทร์ได้ ๑๐ ข้อ
    ทั้งยังเคยโปรยผงจันทร์แดงถวายพระวิปัสสีพุทธเจ้า
    และอธิฐานให้ได้เกิดเป็นมารดาพระพุทธเจ้าด้วย
    พร ๑๐ ข้อนั้นมีดังนี้

    ๑ ขอให้เกิดในกรุงมัททราช แคว้นสพี
    ๒ ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย
    ๓ ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง
    ๔ ขอให้ได้นาม "ผุสดี" ดังภพเดิม
    ๕ ขอให้มีพระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพูทวีป
    ๖ ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
    ๗ ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานคล้อยลง
    ๘ ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ
    ๙ ขอให้ผิดพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ
    ๑๐ ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษท่ต้องอาญาประหารได้

    เมื่อได้มาเกิดเป็นอัครชายา
    ของพระราชาแคว้นสีพีรัฐสมดั่งคำพระอินทร์นั้น
    พระนางยังมีพระสิริโฉมงดงามตามคำพรอีกด้วย
    ครั้งเมื่อทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือน
    พระอินทร์ก็ทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์มาจุติในครรภ์พระนาง

    ประสูติพระกุมาร

    วันหนึ่งพระนางผุสดีทรงทูลขอพระราชาประพาสพระนคร
    เมื่อขึ้นสีวิกาเสลี่ยงทองเสด็จสัญจร
    ไปถึงตรอกทางของเหล่าพ่อค้าก็เกิดปวดพระครรภ์
    และทรงประสูติพระราชาโอรสกลางตรอกนั้น
    พระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "เวสสันดร"

    ในวันที่พระราชกุมารทรงประสูติ
    พญาช้างฉัททันต์ได้นำลูกช้างเผือกเข้ามาในโรงช้างต้น
    ช้างเผือกคู่เผือกคู่บารมีนั้นมีนามว่า "ปัจจัยนาเคนทร์"

    พระราชกุมารเวสสันดร
    ทรงบริจาคทานตั้งแต่ ๔-๕ ชันษา ทรงปลดปิ่นทองคำ
    และเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง ๙ ครั้ง
    เพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณภายภาคหน้า

    เมื่อทรงเจริญชันษาได้ ๙ ปี
    ก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อ
    และดวงหทัยเพื่อมุ่งพระโพธิญาณในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่

    ครั้นถึงวัย ๑๖ พรรษา ก็แตกฉานในศิลปวิทยา ๑๘ แขนง
    ทรงได้ขึ้นครองราชย์และอภิเษกกับพระนางมัทรี
    และมีพระโอรสกับพระธิดาพระนามว่า "ชาลีกุมาร" และ "กัณหากุมารี"
    อันหมายถึงห่วงทองบริสุทธิ์

    เวลาต่อมาเมืองกลิงครัฐเกิดกลียุค
    ฝนแล้งผิดฤดูกาลข้าวยากหมากแพงเป็นที่ยากเข็ญทุกข์ร้อนไปทั่ว
    ชาวนครมาชุมนุมร้องทุกข์หน้าวังกันแน่นขนัด
    พระเจ้ากลิงคราชจึงทรงถือศีล ๗ วัน
    เพื่อขอบุญกุศลช่วย ทว่าฝนฟ้าก็ยังแล้งหนัก
    อำมาตย์จึงทูลให้ทรงขอช้างเผือกแก้วปัจจัยนาเคนทร์ของพระเวสสันดร
    ด้วยว่าพระเวสสันดรกษัตริย์สีพีรัฐนั้นขี่ช้างคู่บารมีไปหนใด
    ก็มีฝนโปรยปรายชุ่มชื้นไปทั่วแคว้น

    พระเจ้ากลิงคราชจึงส่ง ๘ พราหมณ์ไปทูลขอช้างแก้วจากพระเวสสันดร

    เมื่อได้ช้างแก้วจากพระเวสสันดรแล้ว
    พราหมณ์ก็ขี่ช้างออกจากกรุง
    บรรดาชาวนครเห็นช้างพระราชาก็กรูกันเข้าล้อม
    และตะโกนด่าทอจะทำร้ายพราหมณ์ทั้ง ๘ คน

    แต่พราหมณ์ตวาดตอบว่า
    พระเวสสันดรพระราชทานช้างให้พวกตนแล้ว

    เมื่อพราหมณ์นำช้างแก้วไปถึงเมือง
    ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาเป็นที่ยินดีทั้งแคว้น

    แต่ในกรุงสีพีนั้นกลับอลหม่าน
    มหาชนต่างมาชุมนุมที่หน้าพระลานร้องทุกข์พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า
    พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านเมืองให้คนอื่น ผิดราชประเพณี
    เกรงว่าอีกต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้
    ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครเถิด

    พระเจ้ากรุงสัญชัยจำต้องเนรเทศพระราชโอรสด้วยเสียพระทัยนัก
    พระนางผุสดีทูลขออภัยโทษก็มิเป็นผลสำเร็จ
    พระเวสสันดรทูลลาพระมารดาพระบิดา
    และขอบริจาคทานให้พิธีสัตตสตกมหาทาน
    คือ ช้าง ม้า โคนม รถม้า ทาสและทาสี
    อย่างละ ๗๐๐ บริจาคให้คนทั่วไป

    สัตตสตกมหาทานนั้น คือ
    ช้าง ๗๐๐ เชือก
    ม้า ๗๐๐ ตัว
    โคนม ๗๐๐ ตัว
    รถม้า ๗๐๐ คัน
    นารี ๗๐๐ นาง
    ทาส ๗๐๐ คน
    ทาสี ๗๐๐ คน
    ผ้าอาภรณ์ ๗๐๐ ชิ้น

    เสด็จออกจากนคร

    พระนางมัทรีพาพระโอรสและพระธิดาตามเสด็จออกป่าด้วย
    มิทรงยอมอยู่ในวังแม้พระเวสสันดรจะยับยั้งห้ามปราม
    มิให้มาตกระกำลำบากด้วยกันในป่า

    ระหว่างทางที่เสด็จขึ้นราชรถทองไปนั้น
    มีพราหมณ์วิ่งมาทูลขอม้าบ้าง
    ขอราชรถบ้าง พระเวสสันดรก็ยกให้ทั้งสิ้น
    ในที่สุดจึงต้องทรงอุ้มพระโอรสและพระธิดาเสด็จเข้าป่าไป

    เมื่อเสด็จด้วยพระบาทถึงเมืองเจตรัฐ
    พระราชาเสด็จมาต้อนรับและทูลเชิญให้ครองเมืองเจตรัฐนั้น
    แต่พระเวสสันดรขอไปบำเพ็ญเพียรในป่า
    กษัตริย์เจตรัฐจึงรับสั่งให้เจตบุตรคอยอารักขาในป่า
    และถวายน้ำผึ้งและเนื้อให้พระเวสสันดรด้วย

    เมื่อพระเวสสันดรเดินทางมาถึงเขาวงกต
    พระนางมัทรีและชาลีกุมาร
    กัณหากุมารีต่างก็เหน็ดเหนื่อยสะอื้นไห้ด้วยความลำบากยากเข็ญ
    พระเวสสันดรจึงทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นนุ่งห่มของนักบวช
    พระนางมัทรีก็ทรงบวชเป็นดาบสินี
    บำเพ็ญศีลกันในป่าอยู่ที่อาศรม
    พระนางมัทรีต้องปัดกวาดอาศรมทุกวันแล้วก็หาผลไม้ในป่า
    ตักน้ำมาเตรียมไว้

    ในป่านั้นอุดมด้วยผลไม้นานาชาติ
    มีสระโบกขรณีน้ำสะอาดใสไหลเย็น
    มีพฤกษาร่มรื่นและมีดอกไม้หอมหวลทั่วทั้งป่าราวกับวิมานทิพย์

    ชูชก ขอทานเฒ่า

    อีกด้านหนึ่งนั้น พราหมณ์นาม "ชูชก"
    ได้เที่ยวขอทานเก็บเงินได้ถึง ๑๐๐ กษาปณ์
    จึงนำเงินไปฝากเพื่อนไว้พลางคุยอวดเศรษฐีอย่างปีตินัก
    จากนั้นก็ออกเดินทางตระเวนขอเงินสืบไป

    ส่วนพราหมณ์ผัวเมียเก็บเงินไว้นานแล้ว
    เห็นว่าชูชกไม่มาเอาสักที
    คิดว่าชูชกคงจะตายไปแล้ว
    จึงชวนกันนำเงินนั้นออกมาใช้จ่ายเสียจนหมดทั้งสิ้น

    ครั้นชูชกหวนกลับมาทวงเอาเงิน
    สองผัวเมียก็ตกใจงันงกมิรู้จะทำประการใด

    ด้วยความที่กลัวชูชกจะเอาความ
    จึงตกลงจะยกนางอมิตดาลูกสาวให้แก่ชูชกแทนเงินที่ใช้หมดไป

    นางอมิตดามีรูปงามและวัยสาว
    ส่วนชูชกนั้นเฒ่าชราและมีรูปลักษณ์อุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก

    เมื่อชูชกพานางอมิตดาไปอยู่กินด้วยกันที่หมู่บ้านทุนวิฐ
    พวกเมียพราหมณ์บ้านอื่นต่างพากันริษยาอิจฉานางอมิตดา
    พราหมณ์ทั้งหมู่บ้านก็ชื่นชมนางอมิตดาจนมาทุบตีเมียตนกันทุกวัน
    ด้วยเพราะนางอมิตดานั้นเป็นบุตรกตัญญู
    เมื่อมาอยู่กับชูชกก็ปรนนิบัติรับใช้ทุกประการมิให้ขาดตกบกพร่อง
    วาจาก็ไพเราะมิเคยขึ้นเสียง

    เหล่าเมียของพราหมณ์จึงมาดักนางอมิตดาที่ท่าน้ำ
    รุมด่าว่นางอมิตดาที่มาเป็นเมียชูชกน่าเกลียดตัวเหม็นน่าขยะแขยง
    ยอมรับใช้ตาเฒ่าทุกอย่างน่าสมเพช

    นางอมิตดาถูกรุมด่าก็หิ้วหม้อน้ำร้องไห้กลับบ้าน
    บอกแก่ชูชกว่าจะไม่ไปตักน้ำและไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว
    ขอให้ชูชกไปทูลขอกัณหาชาลี
    จากพระเวสสันดรมาช่วยงานบ้านก็แล้วกัน

    ด้วยความรักภรรยา เฒ่าชูชกจึงเตรียมข้าวตู
    และถั่วงาใส่ย่ามออกเดินทางไปยังเขาวงกตทันที

    ในระหว่างเดินทาง ตาเฒ่าชูชกแวะเวียนถามชาวบ้านว่า
    พระเวสสันดรเสด็จประทับอยู่ ณ ที่แห่งใด

    พวกชาวบ้านต่างก็เขวี้ยงอิฐหินเข้าใส่ขอทานเฒ่า
    แล้วขับไล่ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ ว่าเป็นไอ้พวกจั ญไร
    มักขอเอาทุกอย่างจนพระเวสสันดรตกระกำลำบาก

    เฒ่าชูชกเดินดุ่มเข้าป่าไปเจอสุนัขของเจตบุตรที่อารักขาป่า
    สุนัขต่างวิ่งกรูเข้าไล่กัดขอทานเฒ่า
    จนต้องวิ่งขึ้นต้นไปม้ด้วยตกใจเสียขวัญ

    พรานเจตบุตรผู้มีรูปร่างกำยำไว้หนวดแดงหน้าตาถมึงทึง
    ก็ถือหน้าไม้อาบยาพิษมาหาชูชกหมายจะฆ่าให้ตาย
    ตามคำสั่งกษัตริย์เจตรัฐ

    เฒ่าชูชกเจ้าเล่ห์คิดอุบายเอาตัวรอดจึงตัวสั่นงันงกรีบร้องว่า
    ตนเองเป็นราชทูตของพระราชา
    มาทูลเชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับวัง
    เพราะพระราชาทรงอภัยโทษแล้ว

    พรานเจตบุตรได้ยินก็ดีใจจึงเชื่อคำเท็จนั้น
    จึงจัดเสบียงเพิ่มให้ชูชกและชี้ทางให้อีกด้วย

    เฒ่าชูชกเดินทางไปกลางป่า
    พบฤาษีอัตจุตก็เล่าความเท็จอีก
    ฤาษีจึงยอมชี้ทางไปอาศรมของพระเวสสันดร
    เมื่อไปถึงเป็นเวลาพลบค่ำ
    เฒ่าชูชกก็ซ่อนตัวบนชะง่อนเขาด้วยคิดว่า
    ต้องรอรุ่งเช้าให้พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้
    เพราะนางคงไม่ยอมยกลูกให้ใครแน่

    เคราะห์ร้ายมาถึง

    และในคืนนั้นเอง พระนางมัทรีทรงสุบินร้ายว่า
    มีบุรุษผิวดำร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าย้อมฝาด
    สองหูทัดดอกไม้แดง มือถือดาบใหญ่
    ตรงเข้าจิกพระเกศาแล้วแทงดาบใส่ดวงพระเนตร
    ควักดวงตาออกไปทั้งสองข้าง
    จากนั้นกรีดพระอุระควักเอาพระทัยไปทั้งดวง

    พระนางร้องลั่นสะดุ้งตื่นบรรทมพระวรกายสั่นสะท้าน
    รีบไปหาพระเวสสันดรเพื่อจะให้ทำนายฝัน
    แต่เมื่อเข้าไปในอาศรมพระเวสสันดรก็ตรงตรัสว่า

    "น้องหญิงจงเล่าความอยู่ที่ข้างนอกเถิด"

    พระนางมัทรีทรงทูลเล่าพระสุบินนั้นพระทัยสั่น
    พระเวสสันดรทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรุ่งเช้า
    แต่ทรงตรัสแก่พระนางว่าเป็นความตรากตรำลำบาก
    จึงทำให้เกิดธาตุวิปริตดังนี้

    เมื่อรุ่งเช้าพระนางมัทรีมีลางสังหรณ์ไม่อยากเสด็จเข้าป่า
    จึงตรัสสั่งพระโอรสและธิดาให้อยู่ใกล้ ๆ เสด็จพ่อ

    ครั้นพระนางมัทรีไปแล้ว
    เฒ่าชูชกจึงรีบเข้าไปยังบริเวณอาศรมทันที

    เมื่อพระกุมารชาลีเข้าไปถามต้อนรับ
    ชูชกสังเกตุรู้ว่าพระกุมารเป็นเด็กฉลาด
    จึงทรงร้องตวาดไล่ไปด้วยหวังจะข่มให้กลัวแล้วหนีไป

    แล้วเฒ่าชูชกก็เข้าเฝ้าพระเวสสันดร
    พยายามอ้างถึงความลำบากยากเข็ญนานาประการ
    ในการเดินทางฝ่าอันตรายมาถึงป่านี้
    ก็เพื่อขอปิยบุตรไปช่วยงานที่บ้าน
    เนื่องจากตนจนยากไม่มีเงินซื้อทาสได้

    พระเวสสันดรทรงตรัสอนุญาต
    ชาลีกุมารแอบได้ยินจึงพาน้องสาวไปซ่อนที่ใต้ใบบัวข้างสระน้ำ

    เฒ่าชูชกเห็นเด็กทั้งสองหายไป
    ก็แกล้งติเตียนตัดพ้อพระเวสสันดรด้วยคำบริภาษว่า

    "ไหนล่ะที่พระองค์บริจาคทาน
    ปากยกให้แต่ไหนละเด็กร้ายทั้งสองคงจะคิดหนีไปแล้ว
    พระองค์มิได้มีจิตบริจาคทานตามที่ลั่นสัจจะไว้เลย"

    เมื่อสดับดังนั้น พระเวสสันดรจึงทรงเสด็จออกตามหาทั่วบริเวณ

    ชาลีราชกุมารมิอยากให้พระราชบิดาออกร้องเรียกนานไป
    จึงจูงน้องออกมา
    พระเวสสันดรขอให้กัณหา ชาลี ติดตามเฒ่าชูชกไปเถิด
    แต่ให้รอร่ำลาพระนางมัทรีก่อน

    เฒ่าชูชกไม่ยอมฟัง
    รีบหาเชือกเถาวัลย์มาผูกมัดพระโอรสพระธิดา
    แล้วเอาหวายเฆี่ยนตีต่อหน้าพระเวสสันดร
    พลางฉุดกระชากลากไปอย่างโหดเหี้ยม

    กัณหา ชาลี ถูกตีรุนแรงก็ร่ำไห้หาพระบิดาพระมารดา
    พระเวสสันดรทรงกันแสง
    แต่ก็ตั้งมั่นในสัจจะที่พระองค์ตั้งจิตไว้

    ก่อนไปนั้นชูชกว่า
    ถ้าจะไถ่ตัวกันหาชาลีได้ต้องให้
    ทาส ทาสี ช้าง ม้า โคนม ทองคำ สิ่งละ ๑๐๐ แก่ชูชก

    ครั้นเมื่อเฒ่าร้ายนำตัวพระกุมารและกุมารีไปแล้ว
    ก็ให้เกิดอัศจรรย์ดินฟ้าวิปโยคครืนครั่น
    ฟ้าผ่าน่าสะพรึงกลัวไปทั่วป่าหิมพานต์

    ฝ่ายพระนางมัทรีอยู่ในป่า ประสบแต่เหตุอาเพศ
    ทรงหลงทางและมีสัตว์ป่ามานอนขวางมิให้เสด็จกลับได้
    จนเย็นย่ำถึงกลับอาศรมได้สำเร็จ
    เรียกหาธิดากับโอรสอยู่นานก็มิพบเห็น

    พระเวสสันดรทรงเล่าความทั้งหมดให้พระนางทราบ
    พระนางมัทรีทรงตกพระทัยกันแสงจนสลบไป
    ครั้นฟื้นขึ้นมาจึงทรงยอมอนุโมทนา
    ในพระโพธิญาณซึ่งบริจาคทานด้วยบุตรไป

    ขณะนั้นท้าวสหัสนัยบนสวรรค์
    เกรงว่าจะมีชายโฉดมาทูลขอพระนางมัทรี
    จึงจำแลงกายเป็นนักบวชชรามาทูลขอพระนาง
    พระเวสสันดรทรงยินดีบริจาคทานให้

    องค์อินทร์ประสาทพร

    พระสหัสนัยจึงทูลว่าขอฝากไว้
    แล้วให้พระเวสสันดรรับพร ๘ ประการดังนี้ คือ

    หนึ่ง
    ให้ทรงได้รับอภัยโทษ

    สอง
    ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้

    สาม
    ให้ไพร่ฟ้าได้พึ่งพา

    สี่
    ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น

    ห้า
    ให้ได้สืบสันติวงศ์

    หก
    ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น

    เจ็ด
    ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า

    แปด
    ให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณ

    แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตรร่างเป็นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไปทันที

    ด้านชูชกเฒ่านั้นฉุดลากสองกุมารน้อยไปพลางทุบตีไปพลาง
    ด้วยหวังจะกลับไปหาภรรยาโดยเร็ว
    เมื่อถึงทางแยกเข้าเมืองกลิงคราฐ
    เทพยดาก็ดลบันดาลให้ชูชกเดินเข้ามาในเมืองสีพีรัฐ

    พระเจ้ากรุงสัญชัยก็ได้ทรงสุบินประหลาดว่า
    มีชายอัปลักษณ์นำดอกบัวตูมและดอกบัวบานมาถวายให้
    พระองค์รับมาทัดที่พระกรรณแล้วก็ทรงตื่นบรรทม

    เหล่าโหรก็ถวายคำทำนายว่า
    พระราชวงศ์ที่จากพลัดไปจะเสด็จคืนวัง

    วันรุ่งขึ้นนั้นเฒ่าชูชกจูงกุมารน้อยผ่านหน้าพระลาน
    พระราชาทรงเฉลียวพระทัย
    จึงให้เรียกตัวเฒ่าอัปลักษณ์และกุมารน้อย
    มอมแมมแต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งนั้นเข้ามาเฝ้า

    เมื่อพระราชาสอบถาม
    ชูชกก็กราบทูลว่าได้รับบริจาคมามิได้ไปฉุดคร่ามาที่ใด

    พระราชาจึงทรงรู้ว่า ๒ กุมารน้อยนั้นเป็นหลานของพระองค์
    จึงทรงไถ่ตัวหลานและพระราชทานรางวัลให้แก่ชูชกมากมาย
    ทั้งยังจัดอาหารคาวหวานชั้นเลิศมาให้แก่ชูชกอีกด้วย

    ขอทานเฒ่าไม่เคยเห็นอาหารชั้นดี
    มีความโลภจะกินให้หมด
    จึงกินเข้าไปไม่หยุดจนกระทั่งท้องแตกตายไป

    พระราชาเจ้ากรุงสัญชัยทรงจัดพิธีเวียนเทียนบายศรี
    สมโภชรับขวัญหลานเป็นที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติ
    ครั้นแล้วก็ทรงถามถึงพระนางมัทรีและพระเวสสันดร
    ที่จากไปนานเป็นเวลา ๑ ปี ๑๕ วันแล้ว

    "พระมารดาทรงลำบากเหลือแสนพระเจ้าข้า"

    ชาลีราชกุมารทูลพระราชาด้วยสุรเสียงกำสรดยิ่งนัก

    เสด็จคืนเวียงวัง

    พระราชาจึงทรงให้จัดขบวนแต่งกองเกียรติยศ
    ยกออกนครไปรับพระเวสสันดร
    กลับสู่เวียงวังด้วยทรงคิดถึงราชบุตรและสำนึกผิดแล้ว

    กองขบวนเกียรติยศ พร้อมมโหรีและไพร่พล
    ก็เคลื่อนสู่ป่าด้วยเสียงอันกึกก้องลั่นป่า
    พระเวสสันดรเข้าพระทัยว่า
    กองในพระราชวังคงจะมาประหารพระองค์
    จึงทรงพาพระนางมัทรีไปหลบซ่อนในพุ่มไม้

    ครั้นพระเจ้ากรุงสัญชัยบอกความให้ทราบ
    พระนางมัทรีก็ออกมาถวายบังคม
    ต่างก็ร่ำไห้ด้วยสลดใจกันถ้วนทั่วในเคราะห์กรรมนี้
    แม้บรรดาเสนาอำมาตย์และนางกำนัลต่างก็ร้องไห้กันทั่ว

    พระราชาตรัสให้พระเวสสันดรลาผนวชกลับคืนสู่เวียงวัง
    พระนางผุสดีก็ขอให้พระนางมัทรีคืนสู่พระราชวังเถิด
    พระนางมัทรีได้แต่กันแสงสวมกอดกัณหาพระธิดา
    และพระโอรสชาลีไว้แนบอกด้วยทรงคิดถึงยิ่ง
    บริเวณป่าเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญระงมจนหมดสติไปทั้งสิ้น

    พระอินทร์บนสรวงสวรรค์เล็งทิพยเนตรเห็นดังนั้น
    จึงทรงบันดาลสายฝนให้โปรยปรายเป็นอัศจรรย์
    ในป่าชุ่มชื้นด้วยในโบกขรพรรษที่มิสาดให้ผู้ใดเปียกปอน
    บรรดาพระราชวงศ์ก็ทรงฟื้นขึ้นมาด้วยความแช่มชื่นปราโมทย์

    พระเวสสันดรเสด็จขึ้นครองราชย์ครองแผ่นดิน
    ให้ไพร่ฟ้าเสนาอำมาตย์มีสุขสงบกันทั่วทั้งแคว้น
    ชาวเมืองต่างก็หมั่นถือศีลบำเพ็ญกุศลตามสัตย์อธิษฐานของพระเวสสันดร
    กษัตริย์เมืองกลิงคราฐก็นำช้างปัจจัยนาเคนทร์มาถวายคืน
    เพราะบ้านเมืองมีฝนตกต้องตามฤดูกาลแล้ว
    พระเวสสันดรก็ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม
    ทรงบริจาคทานตราบจนสิ้นพระชนมายุ

    ชาดกเรื่องนี้มีคติธรรม
    สั่งสอนให้คนเราเพียรประกอบคุณงามความดีโดยมิท้อถอย
    หากรู้จักสละทรัพย์บริจาคทานเนื่องนิจก็จะเป็นที่สรรเสริญทั่วไป
    คนโลภคนจิตบาปหยาบร้ายก็ต้องได้ภัยเพราะตัวเอง ดั่งชูชกนั้นเอง


    ขอน้อมจิตกราบโมทนาบุญกุศลอันบุคคลทั่วไปทำได้ยากยิ่งนั้น ขอธรรมและฌาณสมาบัติที่พระองค์บรรลุแล้วจงปรากฏแก่กายและจิตของข้าพเจ้าและทุกท่านด้วยเถิด สาธุ...สาธุ...สาธุ...
     
  3. supitchar

    supitchar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +639
    ขอเชิญร่วมโมทนาบุญฯ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ด้วยคุณแม่ของกระผมได้ทำบุญถวายน้ำ,น้ำแข็งและปัจจัยทอดกฐินฯ ร่วมสร้างพระพุทธรูป,พระวิหารฯ วัดสันป่าสัก,วัดถ้ำป่าไผ่ฯ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นแห่งพระศาสนาตลอดไปฯ ขอเชิญทุกท่านร่วมโมทนาบุญด้วยกันนะครับ
    :cool: (bb-flower :cool: (bb-flower :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2006
  4. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    กลับมาแล้วๆๆๆ กฐินครั้งนี้ได้มา "ล้านกว่าๆ" สาธุๆๆ เพื่อนในwebมากันมากมาย สนุกสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีความสุขมากๆครับ หายเหนื่อยเลย สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose)
    ขอโมทนาบุญทั้งหมด น้อมถวายพระฯ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    : bat: : bat: : bat: : bat: : bat:
    ขอบุญทั้งหลายทั้งหมดที่แม่ของท่านตั้งใจถวายพระฯ แล้วและด้วยบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้วทั้งหมด จงบันดาลให้แม่ท่านและตัวท่านจงประสบแด่ความสุข สำเร็จ สมหวัง สมความปรารถนาทุกประการ เจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกทางธรรม ปลอดภัยจากอุบัติเหตุอันตรายทั้งหลายทั้งปวง สุขภาพแข็งแรงและท้ายที่สุดขอให้ถึงนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ...
    (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss) (kiss)
    (*) อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภาณ(*)
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุแล้ว ขอให้ทุกท่านที่มีจิตเลือมใสในพระรัตนตรัยหลาย จงบรรลุธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้เถิด
    (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*)
    (f) (b-2love) (glass) (b-love2u) (glass) (b-2love) (f)
    : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: ​
     
  6. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose) (rose)
    ถวายปัจจัยแผ่นเงิน ทอง นาค ร่วมหล่อพระพุทธชินราช หน้าตัก ประมาณ 49 นิ้ว พระแม่กวนอิมปางยืนประทานพร สูงประมาณ 2 เมตร ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย ณ วัดอ่างเวียน จ.ชลบุรี
    : bat: : bat: : bat: : bat: : bat:
    ร่วมหล่อพระ ประธาน หน้าตักประมาณ 19 นิ้ว 4 องค์ พระยืนสูง ประมาณ 1 เมตร 2 องค์ ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา (ไม่ทราบรายละเอียดเลยครับ)
    (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*) (*)
    น้อมถวายบุญทั้งหมดนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    และด้วยบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายประสบแด่ความสุข สำเร็จ สมหวัง สมความปรารถนาทุกประการ นับแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
    (^) (^) (^) (^) (^) (^) (^) (^) (^)
    (b-love2u) (f) (rose) (bb-flower (rose) (f) (b-love2u) ​
     
  7. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    บางส่วนของกิจหลังลาพุทธภูมิ (2)

    3.jpg 2.jpg 1.jpg
    4.jpg 5.jpg
    ถวายพระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก๔ศอกปิดทองคำแท้ทั้งองค์,พระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก๔๐นิ้วปางชนะมาร,พระสมเด็จองค์ปฐมปางเข้านิโรธสมาบัติ๓๐นิ้วพระปัจเจกพุทธเจ้าปางออกจากนิโรธสมาบัติโปรดสัตว์,พระศรีอาริยเมตไตรย,พระทรงปราบมารฯ,พระวิหาร,ซื้อที่ดินฯ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ณ สำนักสงฆ์ถ้ำฟืม อ.ภูพาน จ.สกลนคร
    ประวัติถ้ำฟืม เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรบารมีของพระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้ในกัปล์นี้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จักเสด็จมาเพื่อทำการโปรดชาวเมืองลับแลและเหล่าพญานาคฯที่อยู่ในบริเวณนี้ โดยเฉพาะแม่นางทอหูกที่กำลังทอผ้าใยบัวถวายพระศรีอาริย์ในกาลข้างหน้า ตามตำนานพื้นบ้านเล่าว่าในสมัยสร้าง
    พระธาตุพนม ได้มีเจ้าเมืองเสด็จผ่านมาเพื่อเดินทางไปร่วมสร้างพระธาตุพนม
    แต่ไปไม่ทัน จึงได้เอาทรัพย์สมบัติฝังไว้ในถ้ำ ในวันพระจะเห็นดวงไฟขึ้นและมีเสียงดนตรีอยู่เป็นประจำ แต่เดิมชาวบ้านก็พากันมายืมข้าวของในถ้ำไปใช้และไม่ได้นำกลับคืน ชาวเมืองลับแลจึงได้ปิดปากถ้ำลง ปัจจุบันได้พบรอยพระบาท
    ๔รอยและรอยพระบาทอื่นอีกเป็นจำนวนมากนับได้ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ รอยทั่วบริเวณสำนักสงฆ์ และกำลังมีการสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุฯ
    ขอน้อมถวายบุญทั้งหมดบูชาคุณพระทุกพระองค์พร้อมร่วมโมทนาบุญทั้งหมดในพระศาสนา ให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นตลอดไป ให้พุทธศาสนิกชนมีดวงตาเห็นธรรม ให้พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์มีบารมีเต็ม และหมู่สัตว์ทั้งหมดได้มีส่วนในผลบุญนี้โดยทั่วกัน ธรรมใดที่พระฯท่านได้บรรลุแล้วขอทุกท่านจงมีส่วนในผลบุญทั้งหมดในพระศาสนาและได้บรรลุซึ่งธรรมนั้นเช่นเดียวกันเทอญฯ
    การสร้างพระฯในคราวนี้ เป็นการอธิษฐานสร้างพระทุกพระองค์ โดยสร้างเป็นพระสมเด็จองค์ปฐมซึ่งทรงเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกของโลก และพระทรงปราบมารที่จะมาตรัสรู้เป็นองค์สุดท้าย ถ้านับกันแล้วพระทรงปราบมารได้สร้างนี้ถือว่าเป็นองค์แรกของโลก และได้ประดิษฐานไว้ด้านหลังพระสมเด็จองค์ปฐมระยะระหว่างพระสองพระองค์นี้ห่างกันนานนับเวลาไม่ได้ เราทุกคนโชคดีมากที่ได้เกิดมาพบพระฯ และมีจิตเลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัย เพลานี้ก็ได้ร่วมสร้างพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระทุกพระองค์ฯถวายเป็นพุทธบูชาฯแล้ว
    จากรูปถ่ายในวันบวงสรวงถวายพระทรงปราบมารฯ มีพระอาทิตย์ทรงกลดและมีรูปแม่นางทอหูกอาราธนาพระศรีอาริย์ให้เสด็จมาโปรดฯปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
    อยู่เป็นเวลานานฯ​
    [b-wai][b-wai][b-wai][b-wai]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2006
  8. chai9club

    chai9club เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +2,770
    อานิสงส์แห่ง ทาน ศีล ภาวนา ในแต่ละสมัย

    (*) พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา(*)

    2005_0320Image0045.JPG

    (rose) ภันเตภควา ข้าแด่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วผู้เจริญ ลูกขอน้อมนำตำนานพระเจ้าเลียบโลก ตอนอานิสงค์แห่งทาน ศีล ภาวนา ในแต่ละสมัย มาเผยแพร่ให้แด่ท่านผู้เจริญทั้งหลายได้โมทนาความดีของคุณพระรัตรตรัยอนหาประมาณมิได้นั้น
    <O:p</O:p
    (rose) ดูรา สัปปุรุษทังหลาย ยังมีในกาลสมัยครั้งหนึ่ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอยู่จำพรรษาที่จาลี เป็นพรรษาที่ 20 หลังจากพระพุทธองค์ ตรัสรูแล้ว ในกาลครั้งนั้นพระยาอินทาธิราชได้สดับพระเทศนาพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรงทราบว่า
     
  9. supitchar

    supitchar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +639
    คุณแม่บอกบุญ(2)

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    นโมฯ

    [​IMG] ถวายกฐินวัดสันป่าตึง จ.เชียงใหม่ สร้างมณฑปครอบองค์พระพุทธโชคดีทันใจ 5 องค์ ร่วมทำบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา อริยสังฆบูชา

    [​IMG] ถวายกฐินวัดก้ำก่อ จ.แม่ฮ่องสอน ซ่อมศาลาปฎิบัติธรรม ร่วมทำบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา อริยสังฆบูชา

    คุณแม่ปรารภว่ามีความสุขมากที่ได้ไปถวายผ้าพระกฐินและตั้งโรงทานที่วัดสันป่าสักตามที่ได้โพสท์ไว้เมื่อวานนี้ และร่างกายจากที่จะต้องมีอาการปวดหัวเป็นปกติ ก็กลับหายและมีความสุขใจเป็นอย่างยิ่งด้วยบุญของพระอันไม่มีประมาณนั้นเอง[​IMG][​IMG][​IMG]
     
  10. chai9club

    chai9club เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +2,770
    มหาอารามทั้ง 8

    (rose) (f)พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา (f)

    ภันเตภควา ข้าแด่องค์สมเด็จภัควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เจริญ ลูกขอน้อมนำตำนาน พระเจ้าเลียบโลก ตอน มหาอาราม ทั้ง 8 มาเผยแพร่ให้ท่านผู้เจริญธรรมทั้งหลายได้โมทนาความดีของคุณพระรัตนตรัยอันประมาณมิได้นั้น


    (rose) สมเด็จพระบรมศาสดาได้เสด็จมาที่วัดเจดีย์เหลี่ยม แล้วจึงเสด็จมาที่ พระธาตุดอยคำ ทรงพักค้างคืน 1 คืน พอรุ่งสว่างดีแล้วก็เสด็จไปทางทิศตะวันออก ทรงพบหินก้อนหนึ่งงดงามยิ่ง ได้ประทับนั่งผิน พระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ทรงทอดพระเนตรสถานที่แห่งนั้น แล้วก็ทรงรำพึงว่า
    พระธาตุเจดีย์เหลี่ยม.jpg พระธาตุดอยคำ.jpg
    วัดเจดีย์เหลี่ยมและวัดพระธาตุดอยคำ

    (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2006
  11. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้ (1)

    (rose) [​IMG](rose) ​
    พระนอนองค์ที่เราได้มีโอกาสร่วมบูรณปฎิสังขรณ์และได้กราบไหว้บูชาฯนี้มีพระนามว่า"พระนอนหนองป่าเก็ดถี่(พระนอนแสนสุข)" จ.เชียงใหม่ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทรงยังประโยชน์แก่หมู่สัตว์แม้ในเวลาทรงอาพาธหนักใกล้จะปรินิพพานแล้ว พระองค์ก็ยังยังกิจทั้งหลายทั้งปวงอย่างทรงไม่ห่วงพระวรกายหรือความทุกข์ที่เกิดจากการทรงอาพาธอยู่แต่อย่างใด
    ก่อนพระองค์จะปรินิพพาน 7 วัน ทรงตรวจดูกิจที่ต้องทำเห็นมียักษ์ตนหนึ่งในหนองป่าเกดถี่ เป็นยักษ์ที่ดุร้ายไม่มีใครโปรดได้ จึงได้เสด็จโดยลำพังมาปราบยักษ์ตนนี้ พระองค์ทรงทรมานยักษ์จนละความพยศแล้ว ยักษ์เข้าถึงไตรสรณาคมณ์ พระองค์ทรงประทานเส้นพระเกศาธาตุไว้ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้ ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างพระนอนและบรรจุเส้นพระเกศาธาตุไว้ที่พระพักตร์พระนอน ส่วนยักษ์ได้ถอดเขี้ยวถวายซึ้งก็ได้นำมาเป็นหมอนรองให้พระนอนฯ
    พระนอนนี้ร้างมานานต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะขึ้น เจ้าดารารัศมีทรงถวายพระนามว่า"พระนอนแสนสุข" เป็นหนึ่งในสี่พระนอนที่ประดิษฐานอยู่รอบเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันได้สร้างวิหารขึ้นใหม่และเมื่อเสร็จก็จะทำการบูรณะพระนอนต่อไป
    ข้าพเจ้าทั้งหลายขอกราบนมัสการคุณพระฯอันไม่มีประมาณด้วยเศียรเกล้า ขอบารมีพระทุกพระองค์จงปกป้องคุ้มครองทุกท่านตลอดไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  12. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้ (2)

    กรรมและวิบากทั้งหลายที่พระทุกพระองค์ให้มันเป็นไปตามกฏของกรรม
    ก็เพราะจะสงเคราะห์เหล่าพุทธบริษัททั้งหลายให้ได้เห็นได้รู้ จักได้เกรงกลัวต่อบาปและไม่ประมาทในเรื่องของกรรม ท่านไม่เคยปกปิดหรือกลัวที่ใครจะรู้ แต่ยินดีที่จะเป็นตัวอย่างให้เราดูและบอกกล่าวให้เรารู้หากเป็นประโยชน์ในการประกอบคุณงามความดีเสมอ เพลานี้พระฯท่านหมดเวรสิ้นกรรมเข้าสู่นิพพานแล้ว กรรมทั้งหลายหมดแล้วไม่มีเหลือฯ ท่านไม่เคยคิดถึงองค์ท่านเองเลย
    ข้าพเจ้าทั้งหลายขอกราบไหว้บูชาซึ่งคุณพระฯอันประมาณไม่ได้นี้ ด้วยเศียรเกล้า ขอบารมีพระทุกพระองค์จงปกป้องคุ้มครองท่านให้หมดเวรสิ้นกรรมหมดเคราะห์หมดโศกหมดโรคหมดภัยทุกข์อันตรายใดๆก็ให้สลายไปด้วยคุณพระทุกพระองค์อันประมาณไม่ได้ด้วยเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  13. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ โดยเฉพาะในการเป็นแม่งานต้องอาศัยกำลังใจสูงฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์ให้เป็นไปตามประสงค์ของท่าน ทุกประการตราบเท่าเข้าสู่นิพพานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  14. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงปกป้องคุ้มครองท่านให้ประสพแต่ความสุขสำเร็จสมหวังสมความปรารถนาทุกประการ นับแต่บัดนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  15. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ โดยเฉพาะในเรื่องของพระคุณแม่และความกตัญญูฯ เป็นธรรมที่งดงามเสมอ ขอบารมีพระทุกพระองค์จงปกป้องคุ้มครองท่านและครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม ให้เป็นสุขสมหวังทุกอย่างตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  16. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

     
  17. puckinee

    puckinee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ขอร่วมโมทนาบุญทั้งหมดถวายเป็นพุทธบูชา

    ขอร่วมโมทนาบุญทั้งหมดถวายเป็นพุทธบูชา คุณพระอัศจรรย์จริงๆค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  18. WORLD

    WORLD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +1,545
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างนะค่ะ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างนะค่ะ บารมีพระปาฏิหาริย์สุดบรรยายจริงๆค่ะ
    ดีทั้งภาพและคำบรรยายค่ะ ประทับใจมากค่ะ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  19. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    (rose) ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างน้อมถวายพระเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา(rose)
    (rose) (rose) (rose) (bb-flower (rose) (rose) (rose)
    ขอพระศาสนาเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปและดลบันดาลให้ข้าพเจ้าและผู้มีจิตเลือมใสในพระรัตนตรัยทั้งหลาย จงประสบแด่ความสุข สมหวัง ทุกประการนับแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ​
     
  20. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างในพุทธศาสนานี้
    คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้ (ใหญ่หลวงมาก)
    ถึงท่านจะทรงอาพาธก็เสร็จไปโปรดฯ
    [​IMG]
    (b-2love) [​IMG](b-2love)
    (rose) ข้าพเจ้าขอรองรับพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตราบจนพระศาสนาพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย(rose)

    (rose) :love: :love: :love: :love: :love: :love: :love: (rose)
    ขอพระศาสนาเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปและดลบันดาลให้ข้าพเจ้าและผู้มีจิตเลือมใสในพระรัตนตรัยทั้งหลาย จงประสบแด่ความสุข สมหวัง ทุกประการนับแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
    (rose) :love: :love: :love: :love: :love: :love: :love: (rose) ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...