ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    พระนเรศวรมหาราช


    สวัสดีค่ะคุณโมเย

    ได้คุยกันเพียง ไม่กี่ครั้ง จากพระราชชายาฯ มาถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แล้วบอกได้คำเดียว ว่า อยากพบและคุยส่วนตัวมาก เพราะมีหลายสิ่งที่อยากบอกเล่าส่วนตัวกัน ด้วยเป็นเรื่องที่ เป็น ปัจจะตังเวฯจริง

    จึงคิดและเชื่อและเข้าใจสิ่งที่เกิดกับตัวคุณโมเย จากประสบการณ์กับตัวเอง แรก ๆ ยังคิดว่า สงสัยเราคงใกล้จะบ้า ไม่กล้าบอกเล่าใคร ยิ่งอยู่ยิ่งแปลกเคยนำไปเล่าให้ หลวงพ่อไพบูลย์ วัดอนาลโยฟัง (เพราะเป็นลูกศิษย์เดือนธันวาคมทุกปีต้องไปปฏิบัติธรรมที่วัดอนาลโย10 วัน)
    ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านเข้าใจและตอบข้อข้องใจได้เกือบทุกประเด็น ถ้าไปถามบางรูป(อาจารย์เหมือนกัน) ท่านจะปัดนำไปทางอื่น ไม่ให้สนใจเรื่องเหล่านี้ ทีนี้ไม่สนใจไม่ได้ เพราะบางสิ่งบางอย่างมันชัดและเป็นจริงตามนั้น โดยเฉพาะเรื่องลี้ลับที่เราไม่เคยรู้เห็นมาก่อน เมื่อตามไปหาดูก็พบและเจอจริง ๆ (โดยเฉพาะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของล้านนาทั้งนั้น ดังที่บอกไงคะ ว่ารักและผูกพันล้านนาอย่างบอกไม่ถูก เสียดายที่ชาตินี้บุญน้อย ไม่ได้กลับที่เดิม แต่คิดว่าต้องหาบ้านไว้ที่นั่นให่ได้เพียงแต่กำลังตามหาอยู่ว่าล้านนานั้นกว้างใหญ่นัก สมัยนี้คือ จังหวัดใด )

    เคยสงสัยตัวเองจนนำไปถาม ท่านพระราชครูวามเทพมุนี(ท่านเป็นหัวหน้าพราหมณ์์ประจำราชสำนัก ที่ประกอบพระราชพิธีถวายตลอด)

    ปกติท่านจะไม่ค่อยยอมรับเรื่องลี้ลับแบบนี้ หรืออาจจะเชื่อ แต่ไม่เชื่อว่าจะเกิดกับใครจริง ๆ มากกว่า ก็ไม่กล้าเล่า ทีนี้ในฐานะลูกศิษย์ก็เลยตัดใจเล่า เพราะเราอยากรู้ว่ามันคืออะไร แล้วขอให้ท่านอธิบายให้เราหน่อยว่า สิ่งที่เกิด พบ เห็น เรื่องราวในอดีต และตามค้นก็พบว่ามีจริงตรงตามนั้น คืออะไร

    ท่านนิ่งอึ้งไป ...แล้วบอกว่า

    "เรื่องแบบที่เล่ามานี้ เกิดกับคนน้อยคนนัก ถือว่าพิเศษโชคดีจริง เอ้า.... เมื่อเขาอยากเปิด อยากให้เรา้ร ู้ เราเห็น ในสิ่งเหล่านั้น ก็ตามไปค้นหา ให้รู้ ให้เจอความจริง แต่เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงตามนั้นแล้ว ต้องหยุดตัวเอง ให้ได้ อย่าปล่อยใจให้เลื่อนไหลไปยึดติดกับสิ่งที่เิกิดในอดีต จะทำให้เราไม่มีความสุข ภพชาติมันจบสิ้นแล้ว ปัจจบันคือสิ่งที่เราต้องอยู่กับมัน.."

    ฟังเพลงคุณโมเยครั้งแรกเมื่อ 3- 4 วันก่อนเพียงเพลงเดียว ก็แค่เพราะจัง ถูกใจจังเหมือนที่ชอบเพลงคำหล้า และไม้เมือง แต่พอ ฟังทั้งวันทั้งคืน ไม่เบื่อเลย และเหมือนคนบ้า เพราะฟังไปฟังมา มันเศร้า หดหู่ นึกภาพที่คุณโมเยบรรยายไว้ในเนื้อหาได้ มันเหงาใจมาก ฟังไปร้องไห้ไป
    โหยหาเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว บอกไม่ถูก (ทรมานหน่อยที่ต้องฟังจาก คอมอย่างเดียว) แต่เห็นชื่อเพลงอื่น ๆ แล้ว น่าสนใจทั้งนั้น

    และที่คุณโมเยเล่ามาเข้าใจชัดแจ๋วเลย

    มีอีกท่านที่เป็นแบบน ขอนุญาตเอ่ยชื่อ คือ นักประพันธ์ใหญ่ชื่อดัง คุณประพนธ์ (อาจารย์แม้ว)นามปากกา ภูเตศวร และฯ ค่ายบ้านวรรณกรรมของคุณทมยีนตี อาจารย์แม้วเล่าความเป็นมาของท่านล้วนพิลึกพิลั่น เอาเฉพาะที่เห็นมา ท่านจะนำศิษย์ไปทอดผ้าป่านำเงินไปพัฒนาสร้างอะไร ๆ ที่วัดที่ทุ่งเสลี่ยง
    โดยจะนำนิยาย หนังสือที่ท่านและทมยันตีกับนักเขียนในเครือไปจำหน่ายราคาถูกนำเงินไปถวาย

    และท่านจะมีภาพวาดสีน้ำมัน มหาเทพ พระวิษณุ บ้าง พระแม่กวนอิมไปให้ศิษย์ประมูลนำเงินเข้าวัดเหมือนกันภาพสวยมากมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนทั่วไป

    มีครั้งหนึ่งไปแย่งประมูลภาพพระวิษณุ งามมาก แล้วถามท่านว่าไม่วาดภาพพระศิวะบ้างหรืออยากได้ กำลังจะขึ้นบ้านใหม่อยากได้ ท่านบอกอย่าไปแย่งกับเขาเลยมันแพง ไว้จะวาดพระศิวะให้ต่างหาก ไม่ต้องเสียเงินแพงแบบนี้ แต่มีข้อแม้ ห้ามเร่ง ห้ามกำหนดว่าจะได้เมื่อไหร่
    ท่านอธิบายว่า ท่านเป็นคนเขียนรูปไม่เป็นเลย ที่เขียนออกมานี่ได้อย่างไร ไม่รู้ รู้แต่ว่าพอนึกจะเขียน ก็ลุกมาเขียนบางภาพคืนเดียว บางภาพชั่วโมงเดียว แต่บางทีนึกจะเขียนให้ใคร ก็เขียนไม่ออก..ท่านจึงบอกแล้วแต่จังหวะ ถ้าท่าน(ไหนไม่รู้ น่าจะเป็นมหาเทพเจ้าของภาพ) จะให้เขียนก็เขียนได้ ถ้าไม่อนุญาตให้ตายก็ทำไม่ได้

    ผ่านไปเกือบ 2 ปี จนเราลืมแล้ว จู่บ้านใหม่จะเสร็จ คนของท่านก็โทรมาถามว่ายังจะเอาภาพพระศิวะอยู้ไหม อาจารย์แม้ววาดเสร็จแล้ว ถ้าไม่ก็จะเปิดประมูล รีบตอบเอา พอวันมีงาน ท่านกำลังยุ่งกับลูกศิษย์มากมาย เราไปยืนรีรอข้างๆ จู่ ๆ ท่านก็ว่า " รอนานหน่อยนะ กว่าจะได้ภาพ "้

    ที่เรามาก็คงแบบที่คุณโมเยบอกขึ้นอยู่กับจังหวะในการเขียน จึงคิดว่าเข้าใจ
    วันนี้ติดต่อไปที่คุณภักดีเพราะส่งคนไปหาซีดีเกือบทั้งกทม. ไม่มีเลย ได้คุยกับคุณภักดีเล่าว่า เวลาจะเขียนบางทีคุณโมเยก็เขียนออกมา บางทีก็ไม่ได้

    คิดว่า คงได้มีโอกาสคุยกันเฉพาะตัวสักวัน ตอนนี้แอบมุบมิบอีเมลคุณเมโยทีเขียนให้ใครท่านหนึ่งในเว็ปนี้ ไว้โดยยังไม่ขออนุญาตเลย เขียนยาวมากเพราะนาน ๆ จะเจออะไร ใครที่เหมือนกัน น่าคุยกันรู้เรื่อง โดยไม่คิดว่าเราบ้า

    ขออภัยท่านอื่น ๆ ที่อาจจะรำคาญ เปลืองที่ไว้ด้วยนะคะ ต่อไปอาจจะเข้าไปจ้อกับคุณโมเยในอีเมลส่วนตัวแทน ไม่รบกวนตรงนี้แล้วค่ะ

    มีกลอนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้ามาฝากคุณเมโย และทุกท่านที่เป็นลูกหลาน บริวารในพระองค์มาแต่อดีต กลอนนี้เขียนในกลางดึกคืนหนึ่ง เขียนไปร้องไห้ไป..ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง เพราะมันหลั่งไหลออกมาเองรวดเดียว

    ไปจ้างจิตกรให้วาดภาพพระองค์ คือไม่อยากได้ภาพที่มีอยู่ทั่วไป อยากได้เป็นเฉพาะเรา แล้วนำกลอนไปใส่ข้างภาพ นำขึ้นติดห้องรับแขกบ้านใหม่ ร้านขายเกี่ยวกับเทพเห็นตอนอยู่ที่ร้านพริ๊น เลยขอซื้อ บอกให้เลยไม่ต้องซื้อ เขาเอาติดร้าน เดี๋ยวมีพระมาชอบ ไอ้เราเลยมีหน้าที่จ้างพริ๊นและใส่กรอบถวายพระอีก (หมดเยอะ แต่มันเป้นความสุขที่มีคนรักพระองค์ร่วมกับเรา นักหนังสือพิมพ์ท่านหนึ่งได้ไป บอกขออีก1ไดไหม จะไปถวายท่านมุ้ยเพราะท่านสร้างหนังเทอดพระเกียรติ์ ก็ต้อง โอเค อยู่แล้ว

    ถ้าคุณโมเยไม่รังเกียจจะใส่กรอบส่งมาให้ในฐานะข้าราชบริพารในพระองค์ด้วยกัน ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์หรอก ขอที่อยู่ก้แล้วกันค่ะ ที่ขอให้แต่งเพลงพระแม่จามเทวี มีเรื่องพิลึกพิลั่น ไว้เล่าในอีเมลแล้วกันนะคะ

    ตามเดิม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และคิด ตามอัธยาศัยค่ะ
     
  2. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    อันองค์ดำ นามกูกู้แผ่นดิน

    มอบให้คุณโมเยค่ะ(ตามนั้น)

    อัน..องค์ดำ..นามกู.....กู้แผ่นดิน


    โอ้.....กรุงศรีอยุธยา รามนิเวศน์
    ดั่งเมืองพรหมงามวิเศษสรวงสวรรค์
    ประกายแก้วประกายทองผ่องอำพัน
    ระยิบระยับรับตะวันยอดพระปรางค์

    อัน ชาวเมืองกรุงศรี..มีแต่สุข
    ชาติ ประมุข ศาสนา พาสมหวัง
    เสียงดนตรี ปี่ พิณ ฆ้อง..ก้องเพลงฟัง
    เฟื่องสกล แต่หนหลัง ครั้งรุ่งเรือง

    จวบเวรกรรมจำพรากกระชากสุด
    ดวงเมืองทรุด..อาเพทหนา ฟ้า แดง เหลือง
    เสียงครั่นครืน แม่ธรณี ตี อกเคือง
    ผีป่า เมือง วิ่งสับที่ หนีลนลาน

    ยามทัพ ม่านพาลพม่า..มารานรุก
    ไฟในปลุก..เลือดทรยศ..คิดคด.สถาน
    เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีชาติ ขจัดมาร
    จอมกษัตริย์สู่สถานประลองยุทธ์

    เสียงหวีด..หวิว..พริ้วครวญละหวนไห
    วิญญาณเมืองร่ำพิไร..ไม่มีหยุด
    กาลวิบัติมาตัดถอน ราญรอนรุด
    แก้วพิสุทธ์ จึงแตกฉานซ่านกระเซ็น

    องค์เอย..อัครเรศ..แก้วกัลยา
    สุริโยทัย แห่งราชา คราแสนเข็ญ
    สังเวยองค์ ลงทาบทบ กลบเยือกเย็น
    อยุธยา..เกินสุดเร้น..จึงเสียเมือง

    มันเป็นเจ้า เราเป็นข้า เกินจะหนี
    พสกไทยถูกย่ำยี สีหน้าเหลือง
    น้ำตานองต้องเทวษ อยู่ เนือง เนือง
    ขัตติยะยังทรงเปลือง เคืองพระทัย

    มัน หยามหยัน เร่งเร้าเอา ราชบุตร
    ป็นประกัน..เลวที่สุด จักหาไหน
    เสียมารดา แล้วยังเสีย โอรสไป
    จอมนารีวิสุทธิ์กษัตริย์ไซร้ไห้.อาดูร

    ให้เหว่ว้า อาวรณ์ แทบมรณ์ม้วย พระลูกยายังเยาว์ด้วยใครเกื้อหนุน
    ฟ้านเรศ..เกศแก้ว...ฤา..แคล้วบุญ
    จึงสิ้นสูญเป็นประกัน...มา หงสาวดี…

    ลาลับแล้ว ศึกสงบ ประสบเศร้า
    ให้เงียบเหงาไปทั่วทั้ง วังกรุงศรี
    พสกไทย...ไห้...สะท้อนอ่อนฤดี
    บุญฤทธิ์มี..ใคร..จะฟื้น..คืนเป็นไท

    กาลต่อมา.. ..บรมราชหน่อกษัตริย์ จอมกษัตริย์อโยธยา...พระนามไข
    นเรศวรมหาราช..ประกาศไกล
    ทรง กู้ไทย รวมแผ่นดิน..สิ้นยำเกรง

    ประกาศก้อง..ร้องกร้าว...เหล่าเทพไท้
    แต่บัดนี้ หายอมให้..ม่าน...ข่มเหง
    ขาดสิ้นกัน สุวรรณปฐพี...นี้ เลบง
    กู...จะสู้...กู้ไทย..เอง..ไร้เกรงใคร


    สัจจะ..นั้น...สนั่น.....สะเทือนเลื่อนลั่นฟ้า อธิราช..ทรงบุญญา....เกินหาไหน
    พระนามไท้ ...นเรศเจ้า...จอมเผ่าไทย
    ก็ลือลั่น.. ขจรไกล..ไปทุกแดน


    เพื่อคนไทย เป็นไท ใช่เป็นทาส
    ม่านพม่า ชะตาขาด อนาถแสน
    ทรงยกทัพกรีฑาไปไม่คลอนแคลน
    ทั้งป่ารก กันดารแดน พระฝ่าไป


    ยามกรำศึก..พระ....เอนองค์ลง..ดิน แท่น ดาวนับแสน..แทนประทีป..ระยิบใส
    เสียงจักจั่น..กรีดก้อง..กังวานไพร
    แทนเสียงสังข์ ขับกล่อม ไซร้ ในวังเวียง

    อันขอนไม้..กระด้างแสน...แทนเขนย
    พระหัตถ์กำ..พระแสงเกย ข้างองค์เฉียง
    ยาม..พระหนาวใช้พฤกษ์ไพรต่างม่านเคียง
    ดาราเพียง อัจกลับแก้ว อลังการ

    พระเอย...หาเคยหยุด ฤา ทรุดท้อ
    กี่คืนหนอ ที่ประทับ..ปราสาทขวัญ
    ตลอดชนม์ นิราศไกล หมายโรมรัน
    เพื่อลูกหลาน ไทยภายหน้า พาสราญ


    จวบวันหนึ่ง... ทรงเอนพับ.....กับไพรกว้าง โรคาย่าง..เข้าต่อกร..รอนสังขาร
    ไม่เคยแพ้ กลับทรงพ่าย..มรณะกาล
    ถึงกระนั้น มิระย่อ...สั่งต่อตี..


    ทรงร่ำหา....พระอนุชา..เอกา....เจ้า ครั้นสบพักตร์ก็ทรงกล่าว..เจ้า..อย่าหนี
    จุ่งรีบไป เข้าย่ำเมือง ..แห่งไพรี
    พาร่างพี่.. ผ่านเข้าแคว้น...ดินแดนมัน


    โอ้...พระเอย..พระสะท้อน อ่อนสะท้าน
    ด้วยรวดร้าว กายสังขาร ปานดับขันธ์
    สุดต่อกร มัจจุราช จอมราชันย์
    แล้วเวลา..พระจาก..นั้น....ก็เยือนมา


    พระหทัยแผ่ว..อ่อน..รอน.. ..รอน.. ลับ ดวงพระเนตรดัง..ทรงหลับ..ลับแล..หา
    แม้อาลัย... ห่วงแผ่นดิน..แล..ประชา
    ต้องทรงลา..นิราศร้าง.. ลำพังองค์

    ดั่งปถพินทร์ ผิน กลับ โลก ลับแตก
    ดั่ง รวี..ไร้แสงแฉก มืดมัว..หลง
    อนิจา..ทูลกระหม่อมแก้ว..ข้าบาทบงสุ์
    สุด ดำรงชีพ ได้ ...ไกล..ภูมินทร์

    โอ้ !จอมคน..เจ้าฟ้านเรศ..ปกเกศเกล้า พสกเศร้าแทบตามบาทไม่คลาดผิน
    รำไรคล้าย...สายพระเนตรจอมบดินทร์ ห่วงถวิล...ทอดหา...มิลาเลย


    แว่ว .....ดำรัสตรัสมา..พระพายแผ่ว สั่งความแล้ว..เหล่าลูกหลาน..ชาวไทย เอ๋ย
    แผ่นดินนี้.... จำฝากเจ้า....เหมือนพ่อเคย รักษาไว้..ให้ชื่นเชย...ถึงเจ้ามา


    ถ้าแม้นใคร..คิดร้าย..ทำลายล้าง
    ไม่ใส่ใจ.. ปล่อยทิ้งขว้าง...อนาถา
    วิญญาณ..พ่อ..แม้ อยู่ไกล จะไคลคลา
    มากอบกู้พารา..เจ้า..ทำลาย


    ถึงแม้นว่า ครานี้.. มิมี.. ทัพ
    สููญ กาย..ลับ แดดิ้น...สิ้นสลาย
    แต่ วิญญาณ..พ่อ..ยั้งอยู่ คอยดูไทย
    ไม่อภัย...ใคร เหยียบย่ำ ปฐพี


    เหวย เหวย..พระเสื้อเมือง ผู้เรืองเดช
    องค์พระกาฬ พระเจตคุปต์..ศรี
    อกแผ่นดิน..องค์พระแม่ ธรณี
    แผ่นดินไทย กู ผู้นี้ นาม องค์ดำ


    พลีชีวิต แค้น..เก็บกด.. รันทดแสน
    จำโดนเขา หยามทั้งแคว้น ถ้อยถลำ
    เก็บความช้ำ แม้..วันหน้า หาคืนคำ
    วิญญาณ.ย้ำ.. หน้าที่ กู กู้แผ่นดิน


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    บำบวงบูชาโดยข้ารองพระบาทพระองค์ดำ

    ดอกไม้เมืองบน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2010
  3. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    มอบให้คุณโมเยค่ะ(ตามนั้น)

    อัน..องค์ดำ..นามกู.....กู้แผ่นดิน


    โอ้.....กรุงศรีอยุธยา รามนิเวศน์
    ดั่งเมืองพรหมงามวิเศษสรวงสวรรค์
    ประกายแก้วประกายทองผ่องอำพัน
    ระยิบระยับรับตะวันยอดพระปรางค์

    อัน ชาวเมืองกรุงศรี..มีแต่สุข
    ชาติ ประมุข ศาสนา พาสมหวัง
    เสียงดนตรี ปี่ พิณ ฆ้อง..ก้องเพลงฟัง
    เฟื่องสกล แต่หนหลัง ครั้งรุ่งเรือง

    จวบเวรกรรมจำพรากกระชากสุด
    ดวงเมืองทรุด..อาเพทหนา ฟ้า แดง เหลือง
    เสียงครั่นครืน แม่ธรณี ตี อกเคือง
    ผีป่า เมือง วิ่งสับที่ หนีลนลาน

    ยามทัพ ม่านพาลพม่า..มารานรุก
    ไฟในปลุก..เลือดทรยศ..คิดคด.สถาน
    เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีชาติ ขจัดมาร
    จอมกษัตริย์สู่สถานประลองยุทธ์

    เสียงหวีด..หวิว...พริ้วครวญละหวนไห
    วิญญาณเมืองร่ำพิไร..ไม่มีหยุด
    กาลวิบัติมาตัดถอน ราญรอนรุด
    แก้วพิสุทธ์ จึงแตกฉานซ่านกระเซ็น

    องค์เอย..อัครเรศ..แก้วกัลยา
    สุริโยทัย แห่งราชา คราแสนเข็ญ
    สังเวยองค์ ลงทาบทบ กลบเยือกเย็น
    อยุธยา..เกินสุดเร้น..จึงเสียเมือง

    มันเป็นเจ้า เราเป็นข้า เกินจะหนี
    พสกไทยถูกย่ำยี สีหน้าเหลือง
    น้ำตานองต้องเทวษ อยู่ เนือง เนือง
    ขัตติยะยังทรงเปลือง เคืองพระทัย

    มัน หยามหยัน เร่งเร้าเอา ราชบุตร
    ป็นประกัน..เลวที่สุด จักหาไหน
    เสียมารดา..แล้วยังเสีย...โอรสไป จอมนารี..วิสุทธิ์กษัตริย์.ไซร้..ไห้..อาดูร

    ให้เหว่ว้า อาวรณ์แทบมรณ์ม้วย พระลูกยายังเยาว์ด้วย.ใครเกื้อหนุน
    ฟ้านเรศ..เกศแก้ว...ฤา..แคล้วบุญ
    จึงสิ้นสูญเป็นประกัน....มา หงสาวดี…

    ลาลับแล้ว ศึกสงบ ประสบเศร้า
    ให้เงียบเหงาไปทั่วทั้ง วังกรุงศรี
    พสกไทย...ไห้...สะท้อนอ่อนฤดี
    บุญฤทธิ์มี..ใคร..จะฟื้น.. คืนเป็นไท

    กาลต่อมา..บรมราชหน่อกษัตริย์ จอมกษัตริย์อโยธยา....พระนามไข
    นเรศวรมหาราช ...ประกาศไกล ทรง กู้ไทย รวมแผ่นดิน..สิ้นยำเกรง

    ประกาศก้อง..ร้องกร้าว... เหล่าเทพไท้
    แต่บัดนี้ หายอมให้..ม่าน...ข่มเหง
    ขาดสิ้นกัน สุวรรณปฐพี...นี้ เลบง
    กู...จะสู้...กู้ไทย..เอง..ไร้เกรงใคร


    สัจจะ..นั้น...สนั่น..สะเทือนเลื่อนลั่นฟ้า อธิราช...ทรงบุญญา....เกินหาไหน
    พระนามไท้ ...นเรศเจ้า... จอมเผ่าไทย
    ก็ลือลั่น.. ขจรไกล...ไปทุกแดน


    เพื่อคนไทย เป็นไท ใช่เป็นทาส
    ม่านพม่า ชะตาขาด อนาถแสน
    ทรงยกทัพกรีฑาไปไม่คลอนแคลน
    ทั้งป่ารก กันดารแดน พระฝ่าไป


    ยามกรำศึก..พระ เอนองค์ลง..ดิน แท่น ดาวนับแสน..แทนประทีป.. ระยิบใส
    เสียงจักจั่น..กรีดก้อง..กังวานไพร
    แทนเสียงสังข์ ขับกล่อม ไซร้ ในวังเวียง

    อันขอนไม้..กระด้างแสนแทนเขนย พระหัตถ์กำ..พระแสงเกยข้างองค์เฉียง
    ยาม..พระ..หนาว ใช้พฤกษ์ไพรต่างม่านเคียง
    ดาราเพียง อัจกลับแก้ว อลังการ

    พระเอย...หาเคยหยุด ฤา ทรุดท้อ
    กี่คืนหนอ ที่ประทับ..ปราสาทขวัญ
    ตลอดชนม์ นิราศไกล หมายโรมรัน
    เพื่อลูกหลาน ไทยภายหน้า พาสราญ


    จวบวันหนึ่ง ทรงเอนพับ..กับไพรกว้าง โรคา..ย่าง..เข้าต่อกร..รอนสังขาร
    ไม่เคยแพ้ กลับทรงพ่าย..มรณะกาล ถึงกระนั้น มิระย่อ...สั่งต่อตี..


    ทรงร่ำหา..พระอนุชา..เอกา..เจ้า ครั้นสบพักตร์ก็ทรงกล่าว..เจ้า..อย่าหนี
    จุ่งรีบไป เข้าย่ำเมือง ..แห่งไพรี
    พาร่างพี่.. ผ่านเข้าแคว้น...ดินแดนมัน


    โอ้...พระเอย..พระสะท้อน อ่อนสะท้าน
    ด้วยรวดร้าว กายสังขาร ปานดับขันธ์
    สุดต่อกร มัจจุราช จอมราชันย์
    แล้วเวลา..พระจาก..นั้น....ก็เยือนมา


    พระหทัย แผ่ว..อ่อน.. รอน .. รอน ลับ ดวงพระเนตรดัง..ทรงหลับ..ลับแล..หา
    แม้อาลัย... ห่วงแผ่นดิน..แล..ประชา
    ต้องทรงลา..นิราศร้าง.. ลำพังองค์

    ดั่งปถพินทร์ ผิน กลับ โลก ลับแตก
    ดั่ง รวี....ไร้แสงแฉก มืดมัว..หลง
    อนิจา ..ทูลกระหม่อมแก้ว.. ข้าบาทบงสุ์
    สุด ดำรงชีพ ได้ .... ไกล..ภูมินทร์

    โอ้ !จอมคน..เจ้าฟ้านเรศ..ปกเกศเกล้า พสกเศร้าแทบตามบาทไม่คลาดผิน
    รำไรคล้าย...สายพระเนตรจอมบดินทร์ ห่วงถวิล...ทอดหา...มิลาเลย


    แว่ว ดำรัสตรัสมา..พระพายแผ่ว สั่งความแล้ว..เหล่าลูกหลาน..ชาวไทย เอ๋ย
    แผ่นดินนี้.. จำฝากเจ้า..เหมือนพ่อเคย รักษาไว้..ให้ชื่นเชย...ถึงเจ้ามา


    ถ้าแม้นใคร..คิดร้าย..ทำลายล้าง
    ไม่ใส่ใจ.. ปล่อยทิ้งขว้าง...อนาถา
    วิญญาณ..พ่อ..แม้ อยู่ไกล จะไคลคลา มา..กอบกู้พารา...เจ้า...ทำลาย


    ถึงแม้นว่า ครานี้.. มิมี.. ทัพ
    สููญ กาย..ลับ แดดิ้น...สิ้นสลาย
    แต่ วิญญาณ..พ่อ..ยั้งอยู่ คอยดูไทย
    ไม่อภัย...ใคร เหยียบย่ำ ปฐพี


    เหวย เหวย..พระเสื้อเมือง ผู้เรืองเดช
    องค์พระกาฬ พระเจตคุปต์..ศรี
    อกแผ่นดิน..องค์พระแม่ ธรณี แผ่นดินไทย กู ผู้นี้ นาม องค์ดำ


    พลีชีวิต แค้น..เก็บกด.. รันทดแสน
    จำโดนเขา หยามทั้งแคว้น ถ้อยถลำ
    เก็บความช้ำ แม้..วันหน้า หาคืนคำ
    วิญญาณ.ย้ำ.. หน้าที่ กู กู้แผ่นดิน


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    บำบวงบูชาโดยข้ารองพระบาทพระองค์ดำ

    ดอกไม้เมืองบน
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    สาธุ ขออนุโมทนา และยินดีต้อนรับคุณ ดอกไม้เมืองบน ที่เข้ามาเยี่ยมเยียน

    กระทู้นี้ครับ กระทู้ที่มีความหมายและนัยที่ชัดเจนตามตัวอักษร ขออนุญาตขัด

    ตาทัพระหว่างที่รอคอยคุณโมเยไปพลางก่อนด้วยคิดว่าเข้าใจต่อความรู้สึก

    และนัยต่างๆที่ได้ร้อยเรียงรจนาไว้นะครับ ทันทีที่ได้อ่านพบ ประโยคที่ว่า....

    "ไม่ได้กลับที่เดิม แต่คิดว่าต้องหาบ้านไว้ที่นั่น..." พลันจิตประหวัดถึงเมื่อ

    ครั้งเริ่มแรกที่ตั้งกระทู้ในชื่อนี้ขึ้นมา แล้วก็ได้กำหนดข้อตกลงที่เปรียบเหมือน

    ธรรมนูญของกระทู้นี้ไว้เพื่อเป็นแนวทางและบรรทัดฐานต่อไป ก็ยังรู้สึกว่ายัง

    ขาดข้อความและเจตนาอะไรบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน จนมาอ่านพบข้อความ

    "ไม่ได้กลับที่เดิม แต่คิดว่าต้องหาบ้านไว้ที่นั่น..." นี้แหละครับ ใช่เลยว่าเรา

    ต้องการทำกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นแหล่งพบปะเป็นเสมือนบ้านเก่าที่พวกเรา

    ได้เคยพำนักพักพิงได้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในฐานะบริวารหรือข้าราชบริพาร

    ของพระองค์ในอดีต โดยที่เราจะไม่ยึดติด แต่จะเป็นความทรงจำที่ดีที่เราจัก

    สมควรได้นำมาใช้เป็นสติในชาติภพปัจจุบัน นั่นก็คือความจงรักและภักดีต่อ

    ชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ครับ
     
  5. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขอ อนุโมทนา กับ คุณพี่ไม้เมืองบน ด้วยค่ะ


    ประสบการณ์ในแต่ละเพลงของ ได้มาแบบ มีที่มา ค่ะ

    คิดว่าคุณพี่ไม้เมืองบน ต้องเข้าใจโมเย แน่ๆ

    คนปกติ มองและกล่าวว่า สงสัย โมเย คงจะบ้าไปเสียแล้ว

    (แอบถามตัวเองเหมือนกัน)

    บางคน บอกว่า จะได้ขายหรอ
    บางคน บอกว่า โอย เพลงอะไร

    บางคน ฟังแล้วนั่งร้องไห้ โทรมาหา

    ในเวปพลังจิตเนี่ย คนฟังใช้จิตฟัง จิตรู้สึก จิตศรัทธา จึงเกิดปิติ

    และที่สำคัญ กุศลได้เกิดแล้ว

    โมเย มิได้มีเจตนาทำขายเพื่อ ชื่อเสียง หากิน ทำขายเอาใจตลาด

    ค่อยๆ สร้าง ไป ตามศรัทธา ที่เกิด

    วันหนึ่งหากตายไป (เตรียมตัวตาย)


    เพลงที่สร้างคงจะเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน บ้างไม่มากก็น้อย

    (รู้สึกว่า เป็น หน้าที่)

    และ ที่รู้สึกว่าต้องทำ แบบนี้ คือ ศรัทธา ในฐานะข้าแผ่นดิน

    เพื่อ ประกาศพระเกียรติ ของบูรพมหากษัตริย์ ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  6. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขอบพระคุณมากเลย นะคะที่ทำบทกลอน มาฝากโมเย และกระทู้ แห่งนี้ค่ะ
     
  7. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    โมเย อยากไปถ้ำเมืองนะ มากเลยค่ะ

    แต่อยากไปเงียบๆ ปลีกวิเวก ประมาณว่า ขอเวลา พักจิตพักใจสักนิด


    โมเย เคยนิตรเห็นสไบ หนึ่งผืน ในหีบที่ถ้ำเมืองนะ ค่ะ

    แต่เหมือนกับว่า เขาให้เห็น เราก็ดู ดูเฉยๆ เหมือนเอาหนังมาฉายแป๊บหนึ่ง

    แต่ ไม่ได้ตาม ไม่ได้ถามใคร และไม่กล้าไปถามผู้รู้ ว่าจะมีจริงอย่างที่เราเห็นไหม หากถามไปหรือหามากไป จะกลายเป็น

    เราหลงนิมิตรได้

    จิตเรานี่แปลก ทำ และปรุงให้เป็นทุกอย่าง ได้ หากไม่ควบคุม และระวัง

    (โปรดใช้วิจารณญาณ)





    สมเด็จพระนรศวร ความรู้สึก ของโมเย
    โมเย มีความจงรักภักดี ในฐานะข้าแผ่นดิน

    ความรู้สึกจงรักภักดีเป็นเช่นเดียวกับ เพลง พระนเรศวรมหาราช ที่โมเยได้ประพันธ์ และขับร้องไว้ ค่ะ

    เสียงอาจไม่ห้าว หาญ (ไม่แมน) แต่ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึก และจิตใจของตัวเอง ที่จงรักภักดี ต่อพระองค์ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  8. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    คุณพี่ดอกไม้เมืองบนคะ

    อีกภาระกิจหนึ่งที่โมเยจะทำคือ

    สร้างพระพุทธรูป พระนามว่า

    พระพุทธ พระหทัยนเรศ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระองค์ค่ะ


    และจะขอถวายพระพุทธรูปนี้ ที่วัดป่าดาราภิรมย์ ค่ะ

    ( หากเป็นสิ่งที่เทวดา ได้จัดสรรแล้ว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2010
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    อาจจะมีหลายๆท่านเกิดข้อกังขาในใจกับคำว่า "ได้เคย" นั้นหมายถึงว่า.....

    ...ไม่ว่าท่านจะได้ทราบหรือไม่ทราบ
    ว่าท่านจะได้เคยเป็นใครหรือไม่ได้เป็นใครในครั้งกระนั้น แต่ท่านมีความเคารพเทิดทูนและจงรักภักดี.....(รายละเอียดในหน้าแรกของกระทู้นี้)
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ความพอดี

    สรรพสิ่งในโลกนี้มีสองแง่
    ความดีแท้สมบูรณ์ค่าหาไม่เห็น
    เอาแต่พอดีงามตามที่เป็น
    ไม่ยากเย็นเฟ้นหาถ้าพอใจ​

    ดีกับเสียมีอยู่คู่กันติด
    ถูกกับผิดว่างกับวุ่นขุ่นกับใส
    ที่เย็นน้อยเพราะร้อนลนจนเป็นไฟ
    สองด้านในความเป็นจริงจากสิ่งเดียว​

    แดดเป็นตัวเร่งให้ไม้ผลิดอก
    แย้มบานออกแดดก็เผาจนเฉาเหี่ยว
    ข้าวได้ฝนชูช่อรอคมเคียว
    พอน้ำเชี่ยวท่วมนา น้ำตานอง​

    สรรพสิ่งมีทั้งให้ทั้งทำลาย
    ถ้ามากมายเกินพอก็เศร้าหมอง
    น้อยก็ทุกข์ทนหามาไว้ครอง
    โลกจึงพร่องขาดนิยามความพอดี​

    แม่รักลูกอยากให้ได้ดังใจแม่
    จึงเอาแต่สอนพร่ำคอยจ้ำจี้
    แม่ก็ทุกข์ลูกก็ทนทุกข์ทวี
    ต่างทุกข์ที่ไม่ได้ดังใจกัน​

    อย่าหาแต่ข้อเสียของคนอื่น
    หาความดีเขาไว้ชื่นชูใจมั่น
    ข้อเสียตนเหมือนงูชูคอชัน
    คอยประจัญทำร้ายทำลายตัว​

    ธรรมชาติล้วนเป็นเช่นนั้นเอง
    ตามบทเพลงเหตุปัจจัยใช่ดีชั่ว
    สัจธรรมมีสองด้านอยู่พันพัว
    อย่าสุดขั้ววางใจให้พอดี​


    ถ้าไม่ขาดไม่เกินก็ต้องถือว่าพอดี ได้อ่านพบบทกลอนบทนี้ในหนังสือ บัญชีบุญ ดอกเบี้ยบาป โดยพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญโญ ขอคัดลอกนำมาฝาก
    กัน ความจริงแล้ว ทุกสิ่งมีทั้งดีและเสีย ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่นำมาประเมิน คน
    ทุกคนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่มีใครที่ดีหมดและเสียหมด การมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จึงจะมองอย่างเที่ยงธรรม ปราศจากอคติ...
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอเสนอเรื่องทางธรรมเบาๆสักเรื่องที่อ่านสบายๆไม่ต้องคิดอะไรมากเรื่อง

    เด็กน้อยเฝ้าศาลา

    ในสมัยพุทธกาล ในช่วงแรกคณะสงฆ์มีแต่พระอริยบุคคล และมีจำนวนไม่
    มาก เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนของพระสงฆ์เพิ่มขึ้น พระที่ไม่ใช่อริยบุคคลก็
    มีมากขึ้น พระเริ่มกระจายออกไปกว้างขึ้น พระพุทธเจ้าต้องทรงบัญญัติ
    พระวินัยเพิ่มขึ้นเรือ่ยๆ จึงเกิดความจำเป็นต้องอาศัยอนุปสัมบันในบางเรื่อง
    เช่นการประเคนของ พระพุทธเจ้าจึงทรงยินยอมให้มีการบวชสามเณรน้อย
    ได้

    เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาเด็กที่จะบวชเป็นสามเณรได้คือถ้าเด็กมีสติปัญญา
    สามารถเฝ้าศาลา ไม่ให้ไก่ขึ้นศาลาได้ พระพุทธเจ้าก็ยอมให้เด็กนั้นบวช
    เป็นสามเณร ซึ่งปกติอายุก็ประมาณ 7 ขวบ เด็กน้อยมีสติปัญญาเพียงแค่นี้
    ก็สามารถปฏิบัติภาวนาได้ และหลายองค์ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะการ
    ปฏิบัติไม่มีอะไรมาก เพียงแต้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก รู้ว่าความคิดไม่ดี ความ
    คิดชั่วเกิดขึ้นก็ไล่ออกไปเสีย เหมือนสามเณรน้อยไล่ไก่จากศาลา ทำได้
    เพียงเท่านี้ก็อาจจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้

    ศาลา คือ จิต
    ไก่ คือ ความคิดผิด
    เด็กน้อย คือ สติปัญญา

    เราก็เหมือนเด็กน้อยมีหน้าที่เพียงไล่กิเลส คือ ไก่ ออกจากศาลาคือ จิต
    เท่านั้น ปฏิบัติเพียงเท่านี้ก็เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานได้


    แหล่งที่มา อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
     
  12. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,154
    ค่าพลัง:
    +5,776
    แวะมาดูก่อนปั่นงานแปบนึง พักนี้ฝนตก รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ อากาศเปลี่ยนแปลง แต่ใจอย่าเปลี่ยนตาม มุ่งธรรมให้สุด อย่าหยุดกลางทาง แม้มารมาขวาง จงย่างก้าวต่อไป
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    นึกถึงน้อง ก็ทำให้นึกถึงเพลงดิอินโนเซ้นท์ ชื่อเพลงไม่เป็นมงคลต่อน้อง พี่จะไปกล่าวถึง แต่เพลงนี้ร้องว่า "ดูตำราตั้งตีห้าตีหก ก็ดูหนังสือ..... มันจะไม่ 4 ได้อย่างไร" หักมุมอวยพรให้ได้ 4 ทุ๊กวิชาค่ะ ^_^

    เข้ามาส่งข่าวจากพระเมืองสองแคว พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ ท่านแนะนำว่าไปบางปะหัน อยากให้ไปวัดตาลเอน มีพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร 3 องค์ ตอนนี้เขากำลังรวบรวมสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งบจัดสร้างร้อยกว่าล้าน อยากให้โยมไปวัดตาลเอนดูจะได้ร่วมบุญกับวัดได้ ได้เจ้าค่ะเดี๋ยวโยมจัดให้

    ข่าวที่สอง ที่บางปะหันมีวัดอยู่วัดหนึ่ง ชื่อวัดค่าย บริเวณนี้เป็นค่ายพม่าที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกอบพระมหาวีรกรรมคาบพระแสงดาบปล้นค่ายพม่า วัดนี้มีต้นฉำฉา (ฟังตั้งหลายรอบ โยมได้ยินหยำฉา หยำฉา หูโยมยังสาวอยู่มันตึง) คือต้นจามจุรีสองต้นใหญ่มากๆ หลวงพี่พระมหาฯบอกว่าสงสัยจะปลูกมานานแล้วจามจุรีสองต้นนี้อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก หลวงพี่ท่านยังมีแซวพระมหาอุปราชอีกว่าสงสัยพี่มหาอุปราชจะเคยมานั่งเล่นริมน้ำตรงต้นฉำฉานี้ หลวงพี่มหาฯบรรยายซะเห็นภาพเลยว่าพระมหาอุปราชเป็นคนโรแมนติคเหมือนกัน

    เรื่องที่สองนี้ พระมหาฯท่านตั้งข้อสังเกตุว่าวัดที่มีประวัติศาสตร์สำคัญอย่างวัดค่ายนี้ ทำไมไม่มีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสักองค์ น่าจะดำริคิดกันเรื่องนี้ด้วย ขอไปสำรวจวัดก่อนแล้วจะมาเล่าสู่กันฟัง การจัดสร้างตามข้อที่สองนี้ ขอให้เป็นไปตามวาระสมควรแห่งกาล ทางสายธาตุคิดว่าคงจะมีผู้ที่มีวาระของตนเองที่จะต้องสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์นี้ เขาคนนั้นคงจะมาตามแรงศรัทธาและแรงจงรักภักดีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คนนี้จะเป็นใครก็ไม่ทราบ แต่เดาว่ามีผู้ที่มีวาระนี้อยู่ค่ะ

    พูดถึงวัดค่าย ทำให้นึกถึงวัดราชบรรทม อ.นครหลวง วัดนี้เล่ากันว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสด็จไปพักผ่อนใต้ต้นโพธิ์หลังจากเข้าปล้นค่ายในตอนกลางคืนในคืนหนึ่งแล้ว กำลังทหารที่ออกปฎิบัติการคงจะเหนื่อยล้า ทรงมีพระบัญชาให้นำกองทหารเข้ามาเสริมทัพ จึงทรงประทับรอที่ใต้ต้นโพธิ์แห่งนี้และทรงบรรทมไป ภายหลังได้สร้างโบสถ์ขึ้นใกล้ๆต้นโพธิ์นี้ด้วย

    เรื่องที่สาม พระมหาฯท่านเมตตาพิมพ์ภาพพระนางมณีจันทร์มาให้ทางสายธาตุ จึงขออนุญาติพระท่านว่าโยมขอนำพระรูปใส่กรอบแล้วจะนำไปถวายหลวงพ่อสิงห์ทนค่ะ เพื่อให้บุคคลได้ระลึกถึงพระนางท่าน คิดว่ามีบางคนสามารถสัมผัสถึงความผูกพันกับพระนางท่านได้ จึงคิดว่าถวายพระรูปพระนางท่านไว้ที่วัดวรเชษฐ์ คงพอจะเป็นสื่อให้คนระลึกถึงพระนางเจ้าท่านได้บ้างค่ะ

    เรื่องที่สี่ ลืมถามพระมหาฯท่านไปว่าจะขอเล่าเรื่ององค์หญิงนันทวดีในความทรงจำของพระมหาฤทธิชัย กัลยาโณได้ไหมเจ้าค่ะ ขอรอจังหวะถามท่านอีกทีค่ะ

    เล่าเรื่องต่างๆข้างต้นนี้ไว้ก่อนจะเตรียมตัวเก็บของไปเที่ยววังน้ำเขียว ถ้าไปเที่ยวแล้วอาจลืมรายละเอียดของเรื่องที่ได้คุยกับพระมหาฤทธิชัยในวันนี้ จึงบอกเล่าเก้าสิบไว้ในกระทู้ก่อนไปเที่ยวต่างจังหวัด

    วันเสาร์ที่ 11 กันยาที่จะไปกราบนมัสการพระอาจารย์สิงห์ทน นำพระรูปถ่ายสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาไปถวายจำนวน 250 รูปเป็นรูปขนาดจัมโบ้ ญาติโยมสามารถขอรับไปบูชาได้ที่พระอาจารย์สิงห์ทนค่ะ ทางสายธาตุจะขึ้นพานพระรูปไว้หน้าหิ้งพระสุพรรณกัลยาบนหอสวดมนต์นเรศวรชั้นบน

    ต่อจากนั้นจะไปสนทนากับหลวงพี่แดงวัดชุมพลฯ หลวงพี่แดงองค์นี้ไขขานเรื่องการขุดคลองเสด็จพระราชดำเนินในสมัยรัชกาลที่ห้า ทำให้ลานดินกว้างๆที่เคยเป็นที่ชุมพลของเหล่าทหารก่อนออกศึกและหลังศึกในสมัยพระเจ้าปราสาททองทรงเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ทรงให้เหล่าทหารบวชอุทิศส่วนกุศลให้กับศัตรูที่ถูกทหารฆ่า บาปจะได้ติดตัวน้อย ดังนั้นจึงบวชพร้อมกัน นั่งกันเต็มลานดินอันกว้างขวางหน้าวัดชุมพลฯ รวมถึงซากทหารไทย ทหารพม่าที่ตายในสนามรบก็เอาขึ้นแพมาทำพิธีสวดส่งวิญญาณพร้อมกับเผาให้ที่บริเวณลานดินกว้างแห่งนี้ สนทนากับหลวงพี่แดง หลวงเตี่ย พระอาจารย์สมชายเสร็จ จะไปรับประทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านยางเดี่ยว ร้านดังหน้าวัดชุมพลฯ

    หลังข้าวเที่ยงแล้วจะไปหาหลวงพี่ทองบ่อ เอ้ย หลวงพี่สุทัศน์ วัดทองบ่อ อันนี้คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะสนทนากับพระท่านจบกี่ชั่วโมง ถ้าสนทนากับจนเย็นมากก็จบทริปแค่นี้ค่ะ หากจบการสนทนาแล้วยังไม่เย็นมากก็อาจจะไปปราสาทนครหลวง อ. นครหลวง หรือวัดตาลเอน อ. บางปะหัน อันใดอันหนึ่งต่อไปอันนี้คงดูตามเหมาะสมอีกทีค่ะ

    สวัสดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2010
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สาธุ สาธุ สาธุ

    งานง่ายๆที่เด็ก 7 ขวบก็ทำได้นะคะพี่ แต่ในความเป็นจริงแล้วงานนี้ยากแท้....

    ธรรมะง่ายๆที่พาคนพ้นจากกิเลสได้ กราบนมัสการพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก<!-- google_ad_section_end -->

    กราบนมัสการเหล่าพระพุทธบุตรผู้เป็นอริยะเจ้าทั้งหลาย ดีใจที่ได้เกิดมาเจอพระพุทธศาสนาค่ะ

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เพื่อเป็นการยืนยันว่าเด็ก 7 ขวบสามารถทำได้จริง โดยจะขอยกเรื่อง "สามเณรบัณฑิตและสามเณรสุข" จากหนังสืออานาปานสติ:วิถีแห่งความสุข โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ดังต่อไปนี้

    ตามที่ปรากฎในพระสูตร ในสมัยพุทธกาล มีเณรน้อยอายุ 7 ขวบ ได้บรรลุโสดาบัน อนาคามี และอรหัตผลหลายองค์ เช่นสามเณรบัณฑิต และสามเณรสุขเป็นต้น

    สามเณรบัณฑิตได้ขออนุญาตมารดาบวชในสำนักของพระสารีบุตรเมื่ออายุเพียง 7 ขวบ พระสารีบุตรบอกตจปัญจกกัมมัฎฐานแล้วบวชให้ ในวันที่ 8 ทั้งสามเณรบัณฑิตและสามเณรสุข ในต่างวาระได้เดินตามพระสารีบุตรไปบิณฑบาต

    เห็นชาวนาไขน้ำเข้านาเพื่อปลูกข้าว
    เห็นช่างทำศรลนไฟดัดลูกศรให้ตรง
    เห็นช่างไม้ถากไม้ทำชิ้นส่วนของเกวียน เช่น กำ กง

    พิจารณาเห็นว่า น้ำก็ไม่มีจิต ลูกศรก็ไม่มีจิต ไม้ก็ไม่มีจิต
    ยังเอามาดัด-แปลงใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
    เพราะเหตุใด แม้คนมีจิตจึงจะไม่อาจทำจิตของตนเพื่อให้เป็นไปในอำนาจ แล้วบำเพ็ญสมณธรรมเล่า เมื่อพิจารณาอยู่อย่างนี้ ก็ได้ขออนุญาตพระสารีบุตรกลับวัด

    ในระหว่างที่กำลังเดินกลับจากบิณฑบาต จิตของสามเณรได้มีอารมณ์เป็นหนึ่ง แล้วพิจารณาอัตตภาพ บรรลุผล 3 คือโสดาปฏิผล สกิทาคามีผลและอนาคามีผล ในระหว่างการบิณฑบาตนั้นเอง

    พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของสามเณรและอุปนิสัยที่จะบรรลุอรหัตผล เกรงว่าเมื่อพระสารีบุตรกลับจากบิณฑบาต จะรบกวนการบำเพ็ญสมณธรรมของสามเณร จึงเสด็จไปดักพระสารีบุตรไว้ที่ประตูวัด แล้วถามปัญหา 4 ข้อ
    เมื่อพระสารีบุตรแก้ปัญหาทั้ง 4 ข้อจบ สามเณรก็ได้บรรลุอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณก่อนภัตรกิจคือก่อนฉันบิณฑบาต
    สามเณรสุขอายุ 7 ขวบ บรรลุอรหัตผลในวันที่ 8 ก่อนฉันบิณฑบาต ดังนี้

    สามเณรบัณฑิตก็บรรลุอรหัตผลในลักษณะเดียวกัน
     
  16. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    สรุปแล้วผมเป็นกิเลสเหรอครับเนี่ย:'(
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ฮะแอ้ม ! คุณไก่เหลืองหางขาว ไก่ชกมวยพันธ์ดีอย่างเนี้ยรับรองว่าไม่มีเจ้าของท่านใดปล่อยออกมาให้ห่างกายแน่ครับ มีแต่คอยเฝ้าประคบประหงมคอยพ่นน้ำ จับซ้อมเช้าซ้อมเย็น คอยบีบนวดเช็ดหน้าเช็ดตา เก็บไว้ในสุ่มคลุมด้วยผ้ามิดชิด แทบจะระวังริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเชียวหละ แต่ถ้าชกแพ้บ่อยๆเมื่อไหร่ก็ไม่แน่นะครับ

    พูดกันแต่เรื่องไก่ลืมถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน เป็นอย่างไรบ้างครับคุณไก่เหลืองหางขาว อยู่สุขสบายดีหรือเปล่าครับ นานๆเห็นคุณไก่เหลืองหางขาวส่งจม.น้อยมา ก็ดีใจครับที่ยังมาเยี่ยมเยียนกันเป็นประจำ ด้วยความระลึกถึงเสมอนะครับ
     
  18. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    สบายดีตามอัตภาพครับ ขอบคุณครับที่เป็นห่วงกัน ช่วงนี้อุณหภูมิไทย-เขมรเย็นลงบ้างหรือยังก็ไม่ทราบนะครับ งานยุ่งจนไม่ได้ตามข่าวเลย
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    แรงอธิษฐาน

    พูดถึงเรื่องการอธิษฐานขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยดาฟ้าดิน ต่อสิ่งที่เคารพนับถือ ฯลฯ ทุกคนล้วนรู้จักดีและแทบจะเคยทำกันมาแล้วเกือบทุกคน ต่างกันเพียงมากน้อยครั้งเท่านั้น และทุกครั้งๆทุกท่านที่เคยก็คงจะยอมรับว่าสิ่งที่ขอนั้นถ้าคิดเป็นมูลค่าราคาแล้วมักจะมากกว่าหรือสูงกว่าการลงทุน ยกตัวอย่างเช่นบางท่านทำบุญด้วยการถวายพระ100-200 บาท หรือตักบาตรพระ 1-3องค์ แทบทุกคนรวมทั้งตัวผมเองจะอธิษฐานขอพรจากพระมากมายทีเดียวถ้าลอตเตอรี่คงมีน้อยคนที่จะขอให้ถูกแค่รางวัลเลขท้าย คงต้องขอเป็นรางวัลที่หนึ่งกันทั้งนั้น สำหรับเรื่องแรงอธิษฐานที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องในแนวของจิตวิญญาณ ที่ว่า จิตของคนนั้นมีพลังและสื่อสารกับจิตอื่นๆอยู่ตลอดเวลาและยังสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิเบื้องสูงอีกด้วย เรื่องนี้เป็นข้อเขียนของคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ที่หลายๆท่านคงจะรู้จักกันดี คำว่าผม ในข้อความต่อไปนี้จะหมายถึง คุณบุญเกียรติ นะครับ

    ในอดีตผมเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องแรงอธิษฐาน เพราะยังไม่ได้ใช้เวลาในการทำความเข้าใจเรื่องจิต แต่หลังจากได้เข้าหลักสูตรอบรมเรื่องจิตใต้สำนึกของอาจารย์............ทำให้มีความเข้าใจในเรื่องจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก และสามารถปะติดปะต่อจนกลายเป็นความเข้าใจเรื่องแรงอธิษฐาน

    การอธิษฐาน ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า making a wish ปกติเราเข้าใจว่าเป็นการขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเทวดา หรือต่อพระพุทธเจ้า หรือพระผู้เป็นเจ้า การ อธิษฐานคือการใช้การคิดหวัง ซึ่งเป็นการใช้จิตของเราสื่อไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือ ซึ่งหลายคนรู้สึกว่าเป็นวิธีที่ได้ผล และภาษาอังกฤษเรียกว่า wishes come true

    หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณมากขึ้นก็เกิดความเชื่อว่า จิตของคนเรานั้นมีพลังและสื่อสารกับจิตอื่นๆอยู่ตลอดเวลาและสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องสูงด้วย ทั้งนี้ถ้าเราเชื่อว่าเป็นจริง เราก็มักจะพบว่าสิ่งที่เราอธิษฐานเกิดขึ้นได้จริงไม่มากก็น้อย แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่เชื่อในแรงอธิษฐาน หรือไม่เชื่อว่าจิตของเรามีพลัง ก็มักจะคิดลบและคอยสังเกตดูว่า สิ่งที่อธิษฐานแล้วไม่ได้ตามที่อธิษฐานนั้นมีเรื่องใดบ้าง

    นอกจากการอธิษฐานซึ่งเป็นการสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นการสวดมนต์แล้วนั้น การที่เราคิดถึงสิ่งที่อธิษฐานเป็นประจำจะทำให้จิตใต้สำนึกซึ่งเป็นจิตที่อยู่กับตัวเองเช่นเดียวกับจิตสำนึกได้รับทราบและจิตใต้สำนึกเป็นสิ่งที่เชื่อฟังจิตสำนึกอย่างไม่มีเงื่อนไข ฉะนั้นจิตสำนึกต้องการอะไร จิตใต้สำนึกซึ่งมีพลังมากกว่าจิตสำนึก ก็จะช่วยผลักดันให้ผู้นั้นได้ในสิ่งที่ตนอธิษฐานไว้ด้วย

    การอธิษฐานและเชื่อว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงแล้วคิดถึงสิ่งที่ตนอธิษฐานบ่อยๆ ทำให้เกิดเป็นความมุ่งมั่นและความมั่นใจ ซึ่งเป็นนามธรรม เป็นแรงผลักดันทำให้ผู้ที่อธิษฐานและมั่นใจว่าคำอธิษฐานสัมฤทธิผลได้ประสบความสำเร็จตามปราถนา คำอธิษฐานควรจะต้องเป็นเรื่องที่ดีๆต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น ต่อสังคม หรือต่อประเทศชาติ

    คำอธิษฐานที่เป็นเรื่องไม่ดี เราคงไม่เรียกว่าคำอธิษฐาน แต่อาจเรียกว่าคำสาปแช่งมากกว่า


    แหล่งที่มา: ได้อย่างที่คิด บุญเกียรติ โชควัฒนา
     
  20. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    พี่ทางสายธาตุ ครับ พี่มหาอุปราชจะเคยมานั่งเล่นริมน้ำตรงต้นฉำฉานี้ หลวงพี่มหาฯบรรยายซะเห็นภาพเลยว่าพระมหาอุปราชเป็นคนโรแมนติคเหมือนกัน

    มหาอุปราช ในที่นี้หมายถึงใครครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...