ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ลงชื่อขอรอฟังค่ะ

ทริปหน้าต้นเดือนตุลา จะไปวัดโปรดสัตว์ วัดนครหลวง(ปราสาทนครหลวง) วัดนครหลวงนี่ต้องทำใจก่อนไม่รู้ว่าจะรู้สึกวังเวงลึกๆในใจเหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่ ครั้งที่แล้วไปแล้วจิตใจรู้สึกว่าวิเวกวิเหวงโหวเข้าใปลึกๆในใจ แต่ก็ขึ้นไปสนทนาธรรมกับพระท่านคะ ไปกราบรอยพระพุทธบาท 4 รอยจำลองค่ะ ยังไม่ได้ไปสักการะศิลาพระจันทร์ลอยค่ะ เพราะตอนนั้นจิตมันโหวงเหวงเคว้งคว้างมากมาย จนต้องตัดสินใจกลับบ้านค่ะ

 

รอติดตามค่ะพี่จงรักภักดี

 

ขอรอโอกาสดีๆของพสกนิกรผู้อยู่ภายใต้ร่มเงาสมเด็จพระนเรศและข่าวที่เป็นมงคลต่อประเทศชาติ ด้วยคนครับ พี่จงรักภักดี

 

มูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย ขอเชิญร่วมสมทบทุนการจัดสร้าง พระมหาเจดีย์ "ชนะศึก"และพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

 

ช่วงที่ทรงออกไปรบกับลักไวทำมู ปี พ.ศ. 2129 ทรงสิริอาายุ 31 พรรษา

ทรงพระหนุ่มอยู่ ขอยืมคำพระมหาฤทธิชัย กัลยาโณที่เจอกันที่แม่ริมในงานถวายพระแสงของ้าวว่า "อาตมาปั้นรูปพระองค์ให้ทรงพระหล่อ และทรงพระเท่ห์ สมกับพระชนมายุตอนที่ทรงประกาศอิสรภาพ"

พระมหาฤทธิชัยส่งรูปพระนางมณีจันทร์มาแล้ว แต่ส่งมาวันศุกร์ไม่มีคนอยู่บ้าน อาจจะไปรับวันอังคารเช้าค่ะ ตบแต่งกรอบรูปของพระนางเจ้าท่านเสร็จแล้วจะถ่ายรูปให้ชม ก่อนที่ทางสายธาตุจะอัญเชิญพระรูปไปถวายหลวงพ่อสิงห์ทนค่ะ​

 

น้องโมเย พี่จูขอความช่วยเหลือค่ะ

ช่วยโพสรูปสมเด็จพระนเรศวรทรงม้าที่พระมหาฯท่านปั้นและได้นำขึ้นไปเชียงใหม่ด้วยในคราวงานถวายพระแสงของ้าว พี่หารูปนี้ไม่เจอค่ะ

 

เนท โมเย ความเร็วต่ำ โหลดภาพ ไม่ได้ค่ะ

โมเย ใส่ให้ในเฟซบุ๊คนะคะ

 

หาเจอแล้วค่ะ ตอนแรกค้นหาใน FB ของโมเยแล้วแต่สายตาข้ามรูปนี้ไปค่ะ เจอแล้วขอนำเสนอเลยนะคะ​

 

รูปถ่ายในอีกมุมหนึ่งค่ะ รูปนี้ถ่ายในงานถวายพระแสงของ้าว ที่กองพันพัฒนาที่ 3 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

ส่วนรูปข้างบน พระมหาฤทธิชัยจัดทำพิธีบวงสรวงสักการะพระบรมรูปหลังจากที่สร้างเสร็จแล้ว คิดว่ารูปข้างบนอาจจะทำพิธีกันในค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลกค่ะ​

 

.......เราควรใช้อดีต "เป็นปุ๋ย" สร้างความเจริญเติบโตให้ปัจจุบัน ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาเอาปุ๋ยมาแยกธาตุแต่ละปีอยู่นั่นแหละว่า มันมาจากขี้ จากซากพืช-ซากสัตว์อะไรบ้าง ซึ่งนอกจากไร้ประโยชน์แล้วยังไร้สาระอีกด้วย ดูอย่างญี่ปุ่น ในทันทีที่อเมริกาหย่อนปรมาณูลงที่ฮิโรชิมา นางาซากิ
สมเด็จพระจักรพรรดิ พระองค์ทรงประกาศให้คนญี่ปุ่นทั้งประเทศตั้งสติทันทีเลย ผมจำแต่ละคำไม่ได้ แต่จำใจความได้ว่า
"เราจงยอมในสิ่งที่คนทั้งโลกยอมไม่ได้ เราจงทนในสิ่งที่คนทั้งโลกทนไม่ได้ แล้วจงผนึกกันเป็นหนึ่ง กอบกู้ประเทศญี่ปุ่นของเราให้กลับขึ้นมายิ่งใหญ่ที่คนทั้งโลกต้องอิจฉา"
ก็มีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยที่ประกาศยอมแพ้สงคราม เท่าที่ผมเคยอ่านจากหนังสือเขาบอกว่า มีพวกซามูไร ๓๐๐ กว่าคนโดดลงสระหน้าพระราชวัง "ฆ่าตัวตาย" เป็นการประท้วง แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศยึดแนวทางตามที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงชี้ทางให้ ใช้ความเจ็บปวด-ความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของคนทั้งชาติ
สร้างชาติที่ย่อยยับขึ้นมาใหม่ โดยใช้อดีตเป็นพลังขับเคลื่อนปัจจุบัน!
บ้านเมืองเราวันนี้ "จมอยู่ในหล่มอดีต" มากไปแล้ว ก่อนที่ประเทศชาติจะมิดหาย เราควรตั้งสติพลิกเอาอดีตมารองมือ-รองเท้า แล้วทะยานขึ้นจากหล่ม มองไปข้างหน้า แล้วร่วมกันสร้างปัจจุบัน ไปสู่อนาคตใหม่ที่ดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ชีวิตจริงไม่ใช่นิทานอีสปที่จะเอาแต่นั่งคร่ำครวญอยู่ริมแม่น้ำ หวังให้เทวดามาช่วยงมขวาน
วันนี้ ถ้าเรามีสติแล้วมองสำรวจรอบตัวจะพบว่า สถาบันสังคมในบ้านเราถูดดูดกลืนจน "ล่มสลาย" หายไปกับการคืบคลานมาของโลภาภิวัตน์หลายต่อหลายสถาบัน โลกาภิวัตน์ก็คือ ลัทธิล่าอาณานิคมรูปแบบใหม่ ยึดครอง-ควบคุมความคิดคนผ่าน "สังคมบริโภค" อันมีเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศเป็นเครื่องมือหลัก
พูดง่ายๆ คือผู้ปรารถนามีอำนาจครองโลกเขาใช้วิธี "ยึดครองระบบเศรษฐกิจชาติ-ครอบงำความคิดคน" แทนการยึดครองดินแดน-ยึดครองประเทศอย่างในอดีต ซึ่งแบบนี้ ต้องเปลืองเงิน เปลืองคน แถมถูกต่อต้าน ถูกนินทาว่าร้าย เผลอๆ จะเสียมากกว่าได้ด้วยซ้ำ!
แนวคิดที่คนไทยควรมีสำหรับการอยู่ในโลกวันนี้แบบผู้ชนะ คือ
"จงหมุนไปตามโลก...
แต่ "อย่าติด" อยู่ในโลก"! .....



ด้วยเห็นว่า ปํญหาจาก"วิสามัญสำนึก" บทความของคุณเปลว สีเงิน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 20 ก.ย. 53 มีอะไรที่สะกิดใจได้ดี ขออนุญาตคัดลอกข้อความบางตอนมาฝากกัน

 

วัดช้างใหญ่

วัดช้างใหญ่



วัดช้างใหญ่ ตั้งอยู่ใกล้กับวัดตูม ตำบลวัดตูม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตามตำนานท้องถิ่นกล่าวไว้ว่า เป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวมอญที่มีความสามารถพิเศษในการเลี้ยงช้าง ฝึกถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช้างที่สำคัญคือ เจ้าพระยาไชยยานุภาพระวางสูงสุดที่เจ้าพระยาปราบหงสาวดี เป็นช้างพระที่นั่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเจ้าพระยาปราไตรจักร เป็นช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ



หัวหน้าชาวมอญได้รับแต่งตั้งเป็นจาตุรงคบาท ความคุมช้างศึก ต่อมาได้เป็นทหารเอกแม่ทัพหน้าชนะศึกหลายครั้งคือ พระยาราชมนู ตำแหน่งสูงสุดที่เจ้าพระยาอัครเสนาบดีสมุหกลาโหม เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชาวมอญและความสามารถของพระยาช้าง เมื่อร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัดไว้ในพระพุทธศาสนาจึงได้ให้นามว่า วัดช้างใหญ่



อีกที่ที่น่าไปเที่ยวค่ะ

 

​

​

รูปช้างหน้าตาน่ารัก หน้าคล้ายหนุมาน​

เวปไซด์วัดช้างใหญ่ www.watchangyai.com [Engine by iGetWeb.com]​

 

​

โบสถ์เก่าวัดช้างใหญ่ คล้ายๆกับโบสถ์เก่าวัดแก้วฟ้า จ.นนทบุรี ที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ทรงสร้างอุทิศถวาย พระแก้วฟ้า พระโอรสพระไชยราชาธิราช​

​

​

โบสถ์วัดแก้วฟ้า นนทบุรี​

เกร็ดความรู้จากการไปเยี่ยมชมวัดท่าใหม่อิ อ.ป่าแดด จ.เชียงใหม่ พระท่านให้ความรู้มาว่า โบสถ์ที่มีหลังคาซ้อนสามชั้นนั้น อาจจะสร้างสำหรับพระมหากษัตริย์ โบสถ์ที่สร้างหลังคาสองชั้นและโบสถ์หลังจะย่อมลงมา อาจจะสร้างสำหรับพระอัครมเหสีและพระราชวงศ์ เช่นวัดท่าใหม่อิ ส่วนหลังคาชั้นเดียวเป็นสำหรับสามัญชน จริงหรือไม่จริงอย่างไรลองเอาไปใช้พิจารณาวัดเก่าๆโบราณๆดูค่ะ เที่ยววัดครั้งหน้าพวกเราจะได้สนุกขึ้นจากการอ่านสัญญลักษณ์ต่างๆตามคติโบราณ​

อย่างทุกวันนี้ทางสายธาตุจะดูว่าหน้าโบสถ์มีพระเจดีย์คู่สององค์วางอยู่หรือไม่ แถววัดอโยธยา วัดวรเชษฐาราม(ในเมือง) วัดโพธิ์ นั้น ได้ปล่อยให้ถนนวิ่งทับกำแพงแก้วหลายวัดเลย เจดีย์คู่ไปอยู่คนละฝากถนนกับโบสถ์ก็มี น่าเสียดายเพราะน่าจะไม่ถูกตามหลักคติโบราณนะคะ คิดว่าถ้าทำให้ถูกต้องจะทำให้พื้นที่นั้นๆเจริญรุ่งเรืองได้ค่ะ .... ความเห็นส่วนตัวค่ะ​

 

เจดีย์ 2 องค์หน้าโบสถ์

​

เจดีย์คู่ หน้าวัดอินทาราม บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสิน และพระอัฐิพระอัครมเหสี กรมหลวงบาทบริจาริกา​

​

เจดีย์คู่หน้าโบสถ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม บรรจุพระอัฐิพระบรมมหาชนก และพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก​

<CENTER></CENTER><CENTER>


ด้านหน้าของโบสถ์วัดป่าเลไลยก์ เกาะเกร็ด นนทบุรี ซึ่งเหลือคงเหลือให้เห็นเพียงโบสถ์ และเจดีย์หน้าโบสถ์อีก 2 องค์</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>

​

[FONT=MS Sans Serif,CordiaUPC]วัดไผ่ล้อม เป็นวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกร็ด มีโบสถ์ที่งดงามมาก ลาย หน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์ รูปทรงแปลก ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง แต่องค์ระฆังทำเป็นรูปบาตรคว่ำ มียอดทรงกลม ประดับลายปูน ปั้นอย่างสวยงามมาก คนมอญเรียกวัดนี้ว่า "เพ๊ยะโต้" [/FONT]





เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง หนึ่งในจำนวนสององค์ หน้าโบสถ์วัดชุมพลนิกายาราม บางปะอิน

[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif][/FONT]​

วัดหลายวัดของสามโคก(ปทุมธานี)เป็นวัดของชาวมอญที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

"วัดสิงห์" วัดโบราณวัดแรกของชุมชนมอญโบราณ ชม โบสถ์ วิหารและพระเจดีย์ย่อมุมไม้ และพระพุทธบาทไม้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งล้วนสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ อีกทั้งวัดสิงห์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุศิลปะมอญ และแท่นบรรทมของล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองสามโคกอีกด้วย ​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=5NlrS-7fwlQ&feature=related"]YouTube - ????????????.wmv[/ame]
</CENTER>

 

อนุโมทนาค่ะ คุณทางสายธาตุที่นำเพลงพระแม่กวนอิม มาพักไว้ในนี้ เลยได้สดับเป็นมงคล เพลงสวดพระแม่ท่านไพเราะเย็นจับใจทุกบท มีพลังแห่งเมตตาบารมีเปี่ยมจริง ๆ

เผอิญเคยเขียนร้อยกรองให้ชาวเนปาลเจ้าของร้านขายของธิเบตที่เซ็นทรัลเวิร์ลก่อนมีเรื่องขายเกี่ยวกับของศักดิ์สิทธิ์ทางวัชรญาณ แต่ละชิ้นฝีมืองดงาม รูปลักษณ์คล้ายแบบคุณทางสายธาตุช่องซ้ายมือนี่แหละค่ะ แต่ราคาก็สวยสดงดงามตามของ
ไหน ไหนก็เฉียดเข้าไปใกล้วัชรญาณแล้วก็เข้าไปสักการะเป็นมงคลซะเลย

โอม..มณี ปัท เม ฮุม…

แก้วมณี..ผลิ ขึ้นแล้ว..กลางดอกบัว
เบิกบาน..ทั่ว ห้วงดวงใจ ..สดใสแสน
มณี..แห่ง ดอกบัวงาม...อร่ามแดน
หลุดพ้น แกนกิเลสร้อย รัดห้อยตรม

"โอ..ดวงมณีในดอกบัว"
กระจ่างทั่ว ปัญญาสว่าง พร่างพราวสม
มณี..ไซร้ คือ ใจตัว...มัวระทม
โผล่พ้นตม ดอกบัวบาน...นั้นปัญญา

ดอกบัว..คืออาสนะ..อันบริสุทธิ์
ย่อมผ่องผุด.. ดุจ..ทิพยคาถา
โอม มณี ปัท เม ฮุม ....ทุกเวลา
ภาวนา ดังแก้วสารพัดนึก .ตรึกเนือง นาน

อาสนะ บัวแก้วแววล้ำเลิศ
โลกธาตุ..พลันบังเกิด.. เปิดสถาน
นำไปสู่..โลกุตระ..พระนิพพาน
แม้หมู่มารมาราวียังลี้ไกล

พระมหาโพธิสัตว์.. ทรงตรัสแล้ว
วจีแก้ว ..หกคำ...นำโลกใส
สมาธิบำเพ็ญ....บารมี ที่เกริกไกล
พระเมตตาประทานไปไม่ต่อกร

ด้วยบุญญาภินิหารอันเปี่ยมล้น
จากห้วงลึกพระกมล ดุจสิงขร
สั่งสมมานับภพชาติ ปราศร้าวรอน
ยิ่งเม็ดทรายในสาครมหานที

พระคาถา..ศักดิ์สิทธิ์สุด..พุทธวัชรญาณ
หก ประการมารทั้งหลายต่างขวัญหนี
เหล่าทวยเทพบนชั้นฟ้าพาเปรมปรีดิ์
อนุโมทนาในทันที...โอม มณี ปัท เม ฮุม

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระตรัยรัตน์
สรณะ สาม ขจัด..กิเลสสุม
อีกเมตตา..แม่กวนอิม..เชิญประชุม
แนบใจคุม...ตามรอยบาท... พระศาสดา….

http://vdo.palungjit.org/video/1506/-โอม-มณี-ปัทเม-ฮุม-

 

โอม มณี ปัท เม ฮุม


โอม คำ ๆ นี้ คือ คำศักดิ์สิทธิ์ ที่
เป็นสัญลักษณ์แห่งกายของพุทธะทั้งปวง
คือ....เสียงที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแม้แต่จะขจัดความเป็นเทพในตัวของเราให้หมดสิ้นไป เพื่อก้าวเข้าสู่ การหลุดพ้นที่แท้จริงของจิตเราได้
คือ... เสียงแรกสุดของสัจธรรมที่ไร้ซึ่ง กาลเวลา คือ....เสียงแห่งการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นอยู่คู่กับตัว
เรามาตั้งแต่อดีตกาลที่ไร้กาลเริ่มต้น ก้องกังวานอยู่
ภายในตัวเราทั้งตัว
คือ.....เสียงล้ำลึกที่ไร้สิ่งกั้นขวางเสียงอันเกิดโดยกฎแห่งกำเนิดของสรรพสิ่งคือคลื่นแห่งการสั่น
สะเทือนของมวลสรรพสิ่ง ที่เคลื่อนไหวตามกฎการเคลื่อนไหวที่เป็นอิสระสมบูรณ์ของ เอกภพ
คำ ๆ นี้ มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยชำระล้างความสกปรกในจิตใจเรา จนสะอาดบริสุทธิ์ถึงระดับเทพยดาได้
“มณี ” คือ.......เสียงอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดความเป็นอสูร หรือความอิจฉาริษยา แลความเป็น สัตว์โลก เช่น มนุษย์ปุถุชน..ให้หมดสิ้นไปจากใจของเราได้

“ ปัท ” คือ.....เสียงอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดความเป็นเดรัจฉานให้หมดสิ้นไปจากใจของเราได เม คือ......เสียง อันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดความ เป็นเปรตให้หมดสิ้นไปจากใจของเราได้
“ ฮุม ”" คือ.......เสียงอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขจัดความเป็นสัตว์นรกอเวจีให้หมดสิ้นไปจากใจ


ข้าพเจ้าขอนอบน้อมเอาพระรัตนตรัย
และดวงใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์มาไว้ในดวงใจของข้าพเจ้า
ก็คือ มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือ มีพุทธรัตนะ
ธรรมรัตนะ
และ สังฆรัตนะเป็น ที่พึ่งอันสูงสุด
และ มีจิตเป็นมหาเมตตากรุณาดุจดั่ง...
พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า ‘

 

[ame="http://il.youtube.com/watch?v=ZFmWyUfevjc&feature=related"]YouTube - ????????????????????? - ?????[/ame]

เมี่ยวซันหัวใจร้องไห้

 

เพลง.....กวนอิมประทานพร

พระแม่กวนอิมประทานพร..

ท้องฟ้างามบรรเจิด....... .....สวรรค์เลิศรังษีไกล

ท้องฟ้างามบรรเจิด .......... ......สวรรค์เลิศรังสีไกล
พระแม่กวนอิมให้.... ..............เทพเทวามาพลัน
เทพเทวาพากันมาให้พร.. .........เกริกกำจรลั่นสะท้อนครื้นครัน
ต่างโปรยปรายพรจากชั้นสวรรค์.....ให้เราท่านประสบสุขสันต์ชีวี
พระแม่อวยพรให้ พระแม่ทรงอวยชัย. . ให้มากมายเงินทอง ให้ฟูฟ่องบารมี
ครอบครัวใด พึงอยู่ในศีลธรรม .... เทพ จะนำความสุขมาทั้งปี
ครอบครัวใด พึงกระทำล้วนดี ........ จะมั่งมีและมีอายุยืนยาว
ผลของบุญยิ่งใหญ่ ยิ่งผืนน้ำทะเล . อุ้มคนดีไม่เซ..ไม่ซวนเซคงหยัดยืน ดั่งขุนเขา
เกิดเป็นคนจะรวยหรือจน จะต้องอดทนสู้ไป ยากอย่างไรทำใจกัดฟัน ทำใจกัดฟันสู้มัน
หากทำดี จะมีอะไร จะมีอะไรขวางกั้น........จะฝ่าฟันมุ่นมั่นเอาดี มุ่งมั่นเอาดีเรื่อยไป
เกิดเป็นคน จะรวยหรือจน จะต้องอดทนสู้ไป. ยากอย่างไรทำใจกัดฟัน ทำใจกัดฟันสู้มัน
หากทำดี จะมีอะไร จะมีอะไรขวางกั้น....... จะฝ่าฟันมุ่งมั่นเอาดีเรื่อยไป

 

*********************


ใช่แล้ว เป็นจริงดังว่า จะด้วยฟังครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้ หรือ
ด้วยการหยั่งรู้จากจิตตน ก็ตาม การที่ใคร จะสามารถรับและส่งสื่อไปยังพลังงานใดใดได้นั้น มันเป็นสิ่งที่เิกิดและติดตัวมาเฉพาะตน มิใช่จะเกิดได้แก่บุคคลทั่วไป และตัวรู้นั้นจะเิกิดจากบารมีที่สร้างสมมาแต่ชาติปางก่อนหรือจะเกิดจากการเจตนาติดตั้งสื่อเพื่อมอบหมายภาระกิจใดให้บำเพ็ญ ก็เป็นไปได้ทั้งสองประการ หรืออาจมีอีกประการ คือ จากแรงกรรมแรงพยาบาทของเจ้ากรรมที่ตามติดมาจนเกิดเป็นแรงพลังที่พุ่งตรงจนอีกฝ่ายรับรู้ได้ ก็น่าเป็นได้เช่นกัน แต่ ใครจะจัดอยู่ในประเภทใดนั้นเป็น ..ปัจจัตตัง...

ยินดีด้วยที่น้องจับภารกิจของตัวเองได้และเริ่มบำเพ็ญภารกิจนั้นแล้ว

ส่วนภารกิจที่พี่จักต้องกระทำ ยังไม่ใช่ ณ ปัจจุบัน แต่ใกล้กำหนดแล้ว แม้จะไม่ใช่แบบที่ น้องกระทำอยู่ ต่างกัน แต่ไม่ไกลกันมาก คือการปฏิบัติที่ไม่ได้อยู่อย่างสันโดษ เป็นหน้าที่ที่ต้องเผยแพร่เพื่อสร้างเสริมบารมีถวายผู้ที่มีเพียงกายทิพย์ที่ทรงพลังงานมหาศาล เราเป็นแค่เสี้ยวอณูหนึ่ง และมิใช่มีเพียงแค่เรา มีอีกหลายภาคส่วนที่แบ่งแยกออกมาในหลายสถานะ ตามแต่บารมีเดิมของผู้รับกิจ และหลายภาคส่วนนั้น เริ่มภารกิจล่วงไปมากแล้วก็มี ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาแต่ต้น ก่อนที่เราจะเป็นเรา จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะหลีกลี้ ขัดข้อง และยังมีคนอีกไม่น้อยที่จะต้องทำเช่นกัน แม้ปัจจุบันคนผู้นั้นจะยังไม่ได้รับการติดตั้งเครื่องรับ-ส่งเลย หากเมื่อเทียบกับมหันตภัยที่กำลังจะมาเยือน เวลาที่เหลือ น้อยจนน่าใจหาย เบื้องบนแม้ด้วยบารมีที่มากล้น และทรงรู้แจ้งว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจัง ทุกขัง อนัตตา เกืดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แต่ด้วยมหากรุณาที่ยิ่งใหญ่ต่อสรรพสัตว์ จึงอดที่จะข้องเกี่ยวมิได้ด้วยพระทัยที่เปี่ยมด้วยความสงสาร..ที่สำคัญภาระหน้าที่นี้ สายใครสายมัน เ๊อ๊ยสายท่านด้วยสิ....

พี่บอกแล้ว ว่าน้องเดินไปก่อน สำหรับพี่ยังไม่ถึงเวลา แต่เชื่อสิ เดี๋ยวตามทัน
ตอนนี้ขอเดินเล่นกินลมชมวิว รีเสริฟข้อมูล ที่ส่งมาแบบลองเครื่องพลาง ๆ ก่อน

พี่เชื่อนะ โมเย ว่า มีคนอีกมากมายที่ต้องทำงาน และคิดว่าเบื้องบนท่านก็เริ่มรวมภาคส่วนต่าง ๆ ของท่านเข้ามาสู่การเป็น หนึ่งเดียว เพราะเรื่องที่จะต้องรับมือมันใหญ่โตและน่าสพรึงกลัวเหลือกำลัง มนุษย์กำลังจะถูกจำแนกอีกครั้งแล้ว เฮ้อ...พูดไม่ออก บอกไม่ถูก มีแต่พูดได้กับท่านผู้กำกับบทเท่านั้น และสภาวะเยี่ยงท่านก็สูงเกินกว่าจะอยากมาพูดอะไร และวันหนึ่ง นะ โมเย เราก็จะคืนสู่สภาวะเดิม นับวันเราก็จะพูดน้อยลงแบบท่าน

ตอนนี้มีรหัสผ่านมาทางผู้ทรงศิลบางรูปที่ไม่เคยมายุ่งเกี่ยว ว่า...เร่งปฏิบัติตนเพื่อเพิ่มบารมี และพลังให้เสมอกัน หรือใกล้เคียงกันที่สุด ศีล สมาธิ ปัญญา

ก็คงหลุดได้แค่นี้ เพราะถ้าไม่ไฟเขียวมา ทะเล่อทะล่าหลุดบทไป ....เสียคะแนนตายเลย....

OK. กรรมมีต่อกันหรือไม่ ไม่รู้ และก็ไม่อยากจะไปทึกทักว่าคนนั้น คนนี้ เป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา ไม่ได้มีมงคลเลย แต่สำหรับบางพวก มีไม่มี ฉีดยากันไว้ก่อน โมเย ก็คงรู้แบบไม่รู้ คือ ไม่รู้ว่า ทำไมฉันต้องทำ มันก็ตลกไม่ออกหรอก ที่อยู่ดีดีลุกขึ้นมาขอสมาลาโทษ ให้ชาวบ้านชาวช่องเขาตกอกตกใจกัน

แต่ถีือว่าน้องกำลังถูก INPUT ก็ดีค่ะ การชำระร่างกาย จิตใจให้บริสุทธิ์สะอาดก็เป็นเรื่องน่าทำ เราไม่ติดหนี้ใคร กายใจเราก็เบา พลังบารมีที่จะกิดก็ง่ายขึ้น ภาชนะ ที่ว่างและสะอาด มันน่าหยิบใช้น้อยไปเสียเมื่อไหร่ แถมไม่มีเชื่อโรคด้วย....! หมดเวลาแล้ว...ผู้ปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง

 

จึงร้อยดาว พราวฟ้า ขมากรรม


จะร้อยดาว..พราววิบวับ...ระยับฟ้า
ผจงโอบ.. ดวงดารา..มาสู่ขวัญ
หยาดน้ำค้าง แวววาว..ยั่วเย้าจันทร์
มารวมกัน ต่าง พานแก้ว แพรวพรรณราย

แล้วน้อมกร..อ่อนวันทา.....ศิวา..เจ้า
พระสถิตแนบเนาขอบฟ้าใส
โปรดประทาน “ทิพย์มณฑา”..จากฟ้าไกล
ให้ล่วงโปรย..กลีบกำจาย...สู่แดนดิน

จะน้อมนำ..มณฑา..เทวาราช
อันกรุ่นกลิ่นหอมสะอาดจัดสวยศิลป์
ริน..น้ำใจ...พิสุทธิ์กระจ่าง..กลางชีวิน
พรมพร่าง..สิ้น ผกาสรวง..ปวงเทวา

อัญเชิญวางกลาง..พาน..แก้วดวงกุดั่น
พานแห่งจันทร์และดาวรายใส่เกศา
เทิดถวาย.มุนินธร จอมศาสดา
กำหนด จิต..และวาจา...เป็นพลีกรรม...

มาดแม้นว่า..ข้าพระพุทธเจ้า...คราว ภพไหน
เคยพลาดพลั้งด้วยกาย ใจ วาจา..ถลำ
จะด้วยจิตเจตนา จะกระทำ
ฤาเกินกล้ำมิรู้เห็นเป็นเรื่องราว

จนเกิดก่อความใด..ระคายจิต
ละเมิดล่วงกรรมสิทธิ์จิตร้อนหนาว
สู่..โมเย กัญญนัทธ์ ศิริ กี่ครั้งคราว
สำรวมจิต บารมีเก่า จุ่งรวมพลัน

บังเกิดเป็น...สัจจาวาจา...ขมาไว้
โอม..เทพไทแม้นบุญ..ข้า..มหาศาล
ทั้งภพหน้า ภพนี้ และก่อนกาล
ขอประทานสู่..เรา..เจ้าของบุญ

แล้วมอบไว้ให้..โมเย... ใช่เสแสร้ง
เพื่อสำแดง ตัดกรรมให้สิ้นสูญ
รำฤกได้..ฤามิได้....ไร้อาดูร
ให้สองเรา จงเพิ่มพูน บารมี

แล้วแผ่เผื่อเอื้อเฟื้อไปในแหล่งหล้า
ให้ถ้วนทั่วทุกชีวา..อย่าหมองศรี
อีกผู้ใดเคยผูกพันกัน ร้าย ...ดี
แม้นบุพเพเคยมี..ได้เกิ้อกูล....

โอมเอย..องค์มหาศิวาเทพ
พระทรงเสพสถิตยั้งยังไอศูรย์
ประจักษ์แจ้งถ้อยวาจาที่ข้าทูล
กิเลสกรรมจงสิ้นสูญ...ณ บัดนี้