พระพุทธรูปดินปั้น ทำเองกับมือ ใครๆก็ทำได้ค่า...

วันนี้อันมีเรื่องพระดินปั้นองค์ใหม่มาเล่าให้ฟังค่ะ องค์นี้ใช้เวลาปั้นนานม๊ากกกก เพราะปั้นวันละนิดวันละหน่อยค่ะ เอาเวลาว่างหลังเลิกงานค่ะ ค่อยๆปั้นไป เพราะองค์นี้ตั้งใจจะทำให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากทำแม่พิมพ์ไว้หล่อองค์พระดูค่ะ ไม่เคยทำเหมือนกัน ถ้าทำได้คงดี จะได้ปั้นทีเดียว แล้วหล่อมาได้หลายๆองค์ ก็เลยค่อยๆปั้นไปค่ะ ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนกัน เติมไปแก้ไป แต่ปั้นดินนี่ก็ดีอยู่อย่างนะคะ คือถ้าทำไม่ดีเราก็แก้ได้ แกะออก แปะเข้าไปใหม่ ค่อยๆเติมไปจนกว่าจะพอใจ ดูๆแล้ว งานประเภทแกะสลักน่าจะยากกว่า (สำหรับอัน) เพราะต้องใช้ฝีมือเป๊ะๆมากกว่า งานปั้นดินก็ใช้ฝีมือ…บ้าง แต่พอจะใช้ความละเอียดและความอดทนมาช่วยได้อยู่บ้าง อาศัยอดทน แก้ไปเรื่อยๆค่ะ งานนี้ อันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นระยะๆ เอามาฝากให้ดูเล่นๆกันค่า…

เริ่มต้นจากขึ้นฐานพระก่อนนะคะ ข้างในกลวงค่ะ เวลาเผาจะได้ไม่แตก ขึ้นรูปมาเป็นทางกระบอกก่อนก็ได้ค่ะ แล้วก็บีบๆแต่งๆให้ได้เป็นฐานรูปนั่ง จากนั้นก็แต่งทรงให้ได้เป็นรูปขาและเท้านะคะ

ได้ทรงแล้ว ก็มาแต่งรูปขาและเท้าให้ชัดขึ้นนิดนึง จะได้กะสัดส่วนถูก เอาพลาสติก wrap ห่อส่วนบนไว้ก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะแห้งเกินไป แล้วจะต่อดินเพิ่มขึ้นไปแล้วจะติดไม่สนิทกันค่ะ

ได้ทรงขาและเท้าแล้ว ก็ขึ้นตัวพระต่อได้เลยค่ะ ได้ความสูงของตัวตามต้องการ ก็ปิดไหล่และขึ้นคอได้เลยค่ะ

 

ได้ตัว และคอแล้ว ทีนี้ก็ไล่มาปั้นทรงเศียร ไหล่ และแขนค่ะ ตรงแขนอันก็ปั้นไม่ค่อยกลวงเท่าไหร่ มันยากค่ะ ก็ค่อนข้างตันเหมือนกัน คงไม่เป็นไรมั้งคะ คงไม่แตก มันไม่หนามาก

พอได้ทรงคร่าวๆทั้งองค์แล้ว ทีนี้งานเริ่มละเอียดขึ้นแล้วล่ะค่ะ เป็นการแต่งรายละเอียดรูปหน้า มือ และเท้า แล้วก็จีวร คร่าวๆค่ะ ขึ้นรูปเศียรคร่าวๆ แล้วก็เติมส่วนประกอบของหน้าค่ะ

ตอนนี้ก็มีแต่แต่งรายละเอียดค่ะ ช่วงนี้แหละ นานที่สุด แต่งไปเติมไปเรื่อย ทุกรายละเอียดเท่าที่จะทำได้แหละค่ะ ตอนนี้จบเท่านี้ก่อน ไว้มาดูตอนต่อไป จะเริ่มติดเม็ดเกศาที่เศียรนะค

 

อนุโมทนาสำหรับความตั้งใจครับ
อย่างนี้ทำด้วยศรัทธาไม่ต้องไปปลุกเสกที่ใหนก็ศักดิ์สิทธิ์ครับ

 

เริ่มจากเกศา ถ้าจะเอาละเอียดๆ ก็ปั้นเม็ดกลมๆไว้ก่อนนะคะ อันปั้นไว้เยอะเลยทีเดียว อันนี้ต้องอดทนและละเอียดนิดนึง พยายามให้เม็ดเท่าๆกันค่ะ กะให้ดีๆ ใช้จำนวนเยอะเหมือนกันค่ะ กว่าจะติดได้เต็มเศียร

มาดูภาพวิธีติดเม็ดเกศากันละเอียดๆเลยนะคะ เริ่มจากใช้เครื่องมืออะไรก็ได้ แข็งๆหน่อย เจาะเศียรเข้าไปให้เป็นรู เพื่อให้ยึดกันได้อย่างทนทาน ไม่งั้นจะแยกตัวกันค่ะจากนั้นก็ทาดินโคลนลงไปตรงรูที่เจาะไว้ ตัวนี้จะเป็นเหมือนกาวเชื่อมนะคะ แล้วก็นำเม็ดเกศาที่ปั้นไว้มาแปะลงไปค่ะ พอโคลนแห้ง เม็ดเกศาก็จะติดกับเศียรแน่นหนาดีค่ะ

ปั้นๆๆๆๆๆ แปะๆๆๆๆไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆค่าาาาา จำไม่ได้ว่าทำนานเท่าไหร่เลยค่ะ

 

ค่อยๆไล่ติดไปเรื่อยๆ หมดก็ปั้นใหม่ ตรงกรอบหน้าก็ไล่กรอบไปตามรูปหน้า ตามที่ต้องการเลยค่ะ

จาก นั้นก็เก็บรายละเอียดใบหน้า ตรงนี้อันใช้พู่กันขนาดเล็ก แต้มดินโคลนแล้วค่อยๆเติมส่วนที่ต้องการนะคะ แต่ใครจะใช้วิธีไหนตามถนัดก็ได้หมดค่ะ ไม่มีผิดไม่มีถูก

 

เก็บรายละเอียดหน้าและเศียรไปหมดแล้ว เหลือแต่ฐาน ตรงนี้อันทำเป็นฐานดอกบัวค่ะ พระพุทธเจ้าประทับบนดอกบัว อันว่าเข้ากันดี ชอบค่ะ ก็เหมือนเดิม ปั้นกลีบบัวทีละกลีบ ค่อยๆติดที่ฐานไปนะคะ วิธีการติดก็เหมือนติดเม็ดเกศาเลยค่ะ อันทำเป็นดอกบัวสองชั้นค่ะ พอได้ไหม ดูเป็นดอกบัวอยู่เนอะคะ

ติดครบแล้ว ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ตรงนี้อันจะเอาพู่กันจุ่มดินโคลน ทาบางๆทั่วองค์อีกทีนะคะ เพื่อให้ผิวเรียบขึ้นหน่อยค่ะ เสร็จเรียบร้อยได้ดังภาพข้างล่างนี้นะคะ เอามาโชว์ทุกมุมเลย เศียรใหญ่กว่าที่ตั้งใจไว้นิดนึง พอดีกะไม่ค่อยถูก เติมไปเติมมา เติมแก้มที เติมคางที กลับมาเติมแก้มอีก เศียรใหญ่ หน้าอิ่ม (บุญ) กันเยอะนิดนึงนะคะ

 

เย่ ภาพตอนเผาเสร็จแล้วค่า....แต่เดี๋ยวก่อน... ยังมีอีกหลายขั้นตอนค่า จากองค์ที่เผานี้แล้ว จะต้องให้ช่างไปถอดพิมพ์ให้ได้ต้นแบบขี้ผึ้งออกมาเพื่อทำต้นแบบสำหรับพิมพ์ หล่อค่า

 

นี่ค่ะ ได้ต้นแบบขี้ผึ้งออกมา แต่จะไม่เนียนเลยนะคะ เป็นรูเพียบเลย และมีขอบต้องตัดออกด้วย
ที่ จ๋อยเลยก็คือ ฐานดอกบัวใช้ไม่ได้ค่า T_T เพราะดอกบัวบานออก ช่างจะถอดพิมพ์ไม่ได้ ช่างเลยทำฐานเรียบๆมาให้ ให้ทำดอกบัวขี้ผึ้งติดไปใหม่ค่ะ @_@ ก็ด้ายยยยย

ให้ดูชัดๆค่า แหว่งไปหมดเรย เศียรก็หายไปบางส่วน ต้องเอาขี้ผึ้งเติม แล้วทำให้เรียบค่า

 

ช่างทำบล็อกมาให้ ก็เอาขี้ผึ้งมาลนไฟให้อ่อนๆ แล้วอัดลงไปในบล็อก ได้กลีบดอกบัวมาทีละกลีบค่า

 

แอ่นแอ๊นนน....มาแล้ว อันนี้ช่างช่วยเก็บรายละเอียดให้อีกทีค่า เอาปูนมาแต่ง เนียนเชียวค่ะ องค์นี้จะเป็นต้นแบบในการทำพิมพ์หล่อค่ะ ซึ่งก็จะต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะพิมพ์หล่อมีอายุการใช้งานไม่นานมาก หล่อได้ประมาณ 50 องค์ก็ต้องทำพิมพ์ใหม่อีก เพราะฉะนั้น องค์นี้ต้องรักษาสุดชีวิตค่าา...

ฐานดอกบัวเป็นแบบใหม่ละค่ะ กลีบไม่โค้งมาก

ตอนนี้ก็รอๆๆๆค่า ใช้เวลาทำพิมพ์ต้นแบบ หล่อ แต่ง เผา ประมาณ 2 อาทิตย์เป็นอย่างน้อย มาลุ้นกันนะค๊าาาา

 

อนุโมทนา สาธุนะครับคุณเจ้าของกระทู้

สร้างพระพุทธรูปมหากุศลมาก

คุณ จขกท. ยิ่งสร้างด้วยความั้งใจดี ก็ยิ่งดีเขาไปใหญ่

ถึงยังก็ร่วมอนุโมทนาบุญ ด้วยนะครับ

แล้วก็ถ้ามีพิมพ์อยู่ ถ้าว่างๆคุณไม่ทำอะไรอะไร

คุณก็ทำอีกเยอะๆเลย นำไปแจกจ่ายให้ผู้มีจิตศรัทธา

ถวายวัด ก็นยิ่งได้บุญเข้าไปอีก อนุโมทนานะครับ

 

ชอบจัง. อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ทั้งหมดทั้งมวลค่ะ สาธุ

 

ตอบคุณ ผู้เลื่อมใสศรัทธา... ทำพิมพ์ไปแล้วล่ะค่ะ กำลังรอหล่ออยู่ สั่งไป 12 องค์ ไว้ได้มาจะมาทำสีค่ะ จะลงอัพเดทให้ดูแน่นอนค่า...:d

 

แถมรูป องค์พระองค์แรกที่ปั้นในชีวิต อิอิ ประมาณปีที่แล้วค่ะ ไปนั่งปั้นที่ "บ้านแม่ปั้นดิน พ่อทำสวน" เชียงใหม่ค่ะ ได้มาตามรูป ^^

ส่วนองค์ข้างๆที่องค์ใหญ่กว่าเป็นของแฟน ไปปั้นพร้อมๆกันค่ะ ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงกันค่ะ

 

โอโฮ.. เก่งมากๆเลยนะคะ ศิลามณี ละนับถือคุณจริงๆเลยคะ แต่จะขอรบกวนขอรายละเอียดสักนิดนะคะ "บ้านแม่ปั้นดิน พ่อทำสวน" เชียงใหม่...... นี่ตั้งอยู่แถวไหนคะ เผื่อศิลามณี จะแวะไป จะได้ไปขอเขาเรียนบ้าง พอจะมีเบอร์โทรติดต่อไหมคะ...

 

พระดินปั้นคุณก็สามารถทำได้ ขอให้มีศรัทธา + ความตั้งใจ ..
อาศัยเป็นการเจริญสติได้อีกทางหนึ่ง ....

 

ติดต่อแม่ปั้นดินได้ที่เบอร์นี้นะคะ 0-5329-8897 ลองถามแม่ดูว่าอยากลองปั้นพระ จริงๆแม่ก็ไม่ได้มีเปิดสอนเป็นคอร์สหรอกค่ะ หาเวลาแม่ว่างๆ ไปขอนั่งปั้นแล้วให้แม่ช่วยแนะนำน่ะค่ะ มีร้านกาแฟด้วยค่ะ นั่งชิลๆ

อ่านเพิ่มเติมเรื่องบ้านแม่ปั้นดิน ได้ ที่นี่ ค่ะ บ้านแม่อยู่แถวๆ....อธิบายยังไงดีหนอ ถ้ามาเส้นแม่ริม ก็เลยสนามกอล์ฟลานนามานิดนึง แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นแม่โจ้น่ะค่ะ ยังไงลองโทรหาแม่อีกทีนะคะ

ส่วนรายละเอียดขั้นตอนการปั้นเพิ่มเติม อันเขียนไว้ในเวบนะคะ ลองไปอ่านเล่นๆเป็นไอเดียได้ค่า ที่นี่

ได้เริ่มแล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะค๊า...

 

อานิสงค์การสร้างพระพุทธรูป

ในวัฏฏังคุลีชาดก กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล
ถวายนมัสการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทูลถามว่า
"บุรุษสตรีผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากร
กระทำรูปเปรียบจำลองพระพุทธองค์ ขึ้นไว้
จะได้ประมาณอานิสงส์เช่นไรพระพุทธเจ้าข้า"

สมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธดำรัสว่า "ดูกร มหาบพิตร
ผู้เป็นมหาราชบุรุษหรือสตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยศรัทธา
เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากรไว้ในพระพุทธศาสนา พระพุทธปฏิมากรนั้น
บุคคลจะสร้างด้วยดินเหนียว หรือศิลาก็ตามหรือทำด้วยโลหะแลทองแดงก็ตาม
จะทำด้วยไม้ แลสังกะสี ดีบุกก็ตาม จะทำด้วยรัตนะ เงินทองก็ตาม
ผู้ที่สร้างทำนั้น จักได้อานิสงส์ผลอันมากพ้นที่จะนับประมาณ
การที่สร้างพระพุทธปฏิมากร หรือปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปก็ดี
เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งยังเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร
ครั้งเมื่อตถาคตเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์
ได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรซึ่งทำด้วยดินเหนียวหักขาดไปนิ้วหนึ่ง
จึงนำเอาดินเหนียวมาปั้นทำให้เป็นบริบูรณ์เป็นปกติ
แล้วทำการสักการบูชาด้วยมาลาแลของหอม ครั้งทำลายเบญจขันธ์
ก็ได้เสวยสมบัติในสวรรค์ ได้เป็นบรมกษัตริย์ในมนุษย์โลก สิ้นกาลนาน
ภายหลังเมื่อโพธิสมภารพุทธการกธรรมเต็มบริบูรณ์แล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า"
แล้วทรงเทศนาถึงอดีตชาติของพระองค์ ดังนี้

ในอดีตกาล มีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อ กุลภัทรกุมาร
ไดัชักชวนพ่อค้าทั้งหลายเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง
ระหว่างทางเขาเห็นพระพุทธปฏิมากรทำด้วยดินเหนียวองค์หนึ่ง
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอาราม ในป่าชัฏ พระพุทธปฏิมากรนั้น
มีนิ้วพระหัตถ์หักไปนิ้วหนึ่ง จึงเอาดินเหนียวมาขยำกับน้ำอ้อย
ปั้นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรปฏิสังขรณ์ให้เต็มบริบูรณ์ทั้ง ๕ นิ้ว
แล้วเอาเงิน ๕ กหาปนะ ให้หญิงทาสีคนหนึ่ง คอยปฏิบัติรักษา
พระพุทธปฏิมากรนั้น และให้มูลค่าประทีป เทียน แลมาลา ของหอม
สำหรับบูชาพระปฏิมากรนั้นด้วย ครั้นบูชาแล้ว จึงตั้งความปรารถนาด้วยว่า
"อานิสงค์ที่ข้าพเจ้าได้ปฏิสังขรณ์นิ้วพระหัตถ์นี้
ขึ้นชื่อว่าข้าศึกศัตรูทั้งปวง
อย่าให้มีเฉพาะหน้าข้าพเจ้าเลยอนึ่งขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพระพุทธเจ้าในอนาคตด้วยเถิด"

นับแต่นั้นมา ข้าศึกศัตรูและ ร้ายทั้งหลายทั้งหลาย แม้แต่งู ตะขาบ
และแมลงป่อง เป็นต้น ก็มิได้กล้ำกลายกุลภัทรกุมาร
เมื่อตายไปได้เกิดเป็นเทพในสวรรค์ พวกอสูรในเทวโลกก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้
พากันหนีหมด เมื่อปฏิสนธิในครรภ์พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี
เทพบุตรซึ่งเป็นบริวารพันหนึ่งก็มาเกิดในครรภ์ของภรรยาพวกอำมาตย์
เมื่อประสูติพระกุมารแล้ว ในกาลนั้น ทั้งหลายมีช้าง แลม้าเป็นต้น
แม้จะดื้อเพียงใด เมื่อพระราชกุมารยกนิ้วพระหัตถ์ชี้มาในกาลใด
เหล่านั้นก็ซวนเซล้มลงพระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "วัฏฏังคุลีราชกุมาร"

เมื่อได้ครองราชย์เป็น "พระเจ้าวัฏฏังคุลีราชโพธิ " ประกอบด้วยเมตตากรุณา
ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใดเลย ตั้งมั่นอยู่ในศีล
ในกาลนั้นพระยาร้อยเอ็ดทั้งหลายในชมพูทวีปจึงปรึกษากันจักไปชิงราชสมบัติ
ของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช เพราะเห็นว่าพระองค์ไม่ฆ่า เลย
คงได้เมืองมาโดยง่ายเมื่อยกทัพมาประชิดเมืองของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช
พระองค์เพียงชี้นิ้วพระหัตถ์
พวกพระยาร้อยเอ็ดและเหล่าทหารก็ตกจากยานพาหนะและหกล้มระเนระนาด
พระยาร้อยเอ็ดจึงสวามิภักดิ์ยอมเป็นประเทศราชของพระโพธิ
สมเด็จพระทศพลจึงตรัสพระคาถาว่า บุคคลผู้สร้างพระพุทธรูปนั้น
จะได้เป็นพระอินทร์ ๘ ครั้ง จะได้เป็นสมเด็จบรมจักรพรรดิ ๘๐ ชาติหรือ ๑๐๐
ชาติ จะได้เป็นพระราชานับประมาณไม่ได้
ผลแห่งการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมพระพุทธรูปนั้น
ไม่ควรคิดว่ามีค่าเท่าใดเพราะเป็นอจินไตย ประมาณไม่ได้
บุคคลผู้ก่อสร้างพระพุทธรูปด้วยปีติเลื่อมใสแล้วจะเกิดในสวรรค์สิ้นกาลนาน
ผู้ปลูกมหาโพธิ์ นรชนผู้บวชตน นรชนผู้สร้างพระปฏิมากร นรชนสามจำพวกนี้
จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้.....

 

เยี่ยม................

 

ขอบคุณมากนะคะ คุณอัน ที่กรุณาให้ข้อมูล.... เดี๋ยว ศิลามณี จะโทรไปดูนะคะ .... คิกๆคักๆ ส่วนถ้าลงมือปั้นเมื่อไร ... จะรีบเอามาอวดเลย.. คะ ไม่ต้องห่วง ... ส่วนใหญ่ที่ ศิลามณี ทำจะเป็นงานสั่ง จ้างให้เขาเอาไปแกะสลักให้นะคะ จำพวกแกะสลักงาช้าง แกะสลักหิน แกะสลักไม้ เป็นงานชิ้นเล็กๆ แกะสลักเป็นรูปเคารพองค์เทพ และ พระพุทธรูป..... ศิลามณี เอาไปทำบุญนะคะ ให้เพื่อนๆประมูล หาเงินเข้าวัด...แต่ที่ปั้นเองกะมือนี่ยังไม่เคยทำ เลยจะปั้นบ้างนะคะ...อืมร์ ศิลามณี เข้าไปดูที่คุณอันแปะแล้วนะคะ คุณอันเก่งมากๆเลยนะคะนี่ สุดยอดๆ จริงๆคะ