แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    ขอบคุณคุณ CheKuavara มากค่ะ
     
  2. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรมทุกๆท่าน
     
  3. ภูวดิท

    ภูวดิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,050
    ค่าพลัง:
    +8,086
    ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ เช่นกันครับ
     
  4. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    ตอนนี้ผมกำลังตามหาหลังสือ "หลวงปู่ฝากไว้" ของหลวงปู่ดูลย์ อยู่ครับ ไม่ทราบว่าใครรู้จักคนที่ทำแจก หรือมีเก็บไว้หลายๆเล่มบ้างไหมครับ หนังสือนี้ทำแจกอย่างเดียว แต่ผมไม่ได้ไปรับที่ไหนเลยน่ะครับ ตอนนี้ยืมเขามาอ่านอยู่ เดี๋ยวก็ต้องคืนแล้วล่ะครับ
     
  5. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่านครับ

    มโนมยิทธิที่สำคัญที่สุดคือ เข้าถึงอุปสมานุสสติอย่างแท้จริง

    [​IMG]


    สำหรับวันนี้จะพูดถึง อุปสมานุสสติกรรมฐาน ถ้าว่ากันตามศัพท์ อุปสมานุสสติ คือ การระลึกถึงความสงบระงับ อันนี้หมายถึงสงบจากกิเลสทั้งปวง อย่างที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านสรุปว่า เป็นการระลึกถึงพระนิพพานนั่นเอง

    การระลึกถึงพระนิพพานนั้น ถ้ากำลังใจของเรา ยังเข้าไม่ถึงโคตรภูของพระโสดาบัน เราจะไม่เข้าใจว่า กำลังใจที่เกาะพระนิพพาน ที่รักพระนิพพาน ที่เข้าถึงพระนิพพานจริงๆ นั้น เป็นอย่างไร เราก็ระลึกไม่ได้


    ให้ใช้วิธีง่ายๆ คือ ภาวนาจับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า หายใจออก ใช้คำภาวนาที่หลวงพ่อท่านเคยใช้ว่า นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานะจิตติ นิพพานะจิตตา ก็ได้ หรือจะใช้ นิพพานะ สุขัง ก็ได้ แล้วแต่เราถนัด

    แต่ถ้าบุคคลที่อารมณ์ใจ เข้าถึงโคตรภูของพระโสดาบัน อารมณ์ท่านจะเข้าถึงกระแสพระนิพพานที่แท้จริง จะรู้ว่าความเยือกเย็น ความสงบระงับของกิเลสที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ท่านเหล่านี้จะเกาะอุปสมานุสติได้ง่าย เพราะว่าเข้าถึงจริงๆ แล้ว

    อีกประเภทหนึ่งคือ ท่านที่ได้มโนมยิทธิ คือมีฤทธิ์ทางใจ สามารถถอดจิตไปยังภพภูมิต่างๆ ได้ ถ้าอย่างนั้นจะสะดวกที่สุด สบายที่สุด คือ ส่งกำลังใจขึ้นไป กราบพระบนพระนิพพานเลย

    ถ้าหากว่าส่งกำลังใจขึ้นไปในลักษณะอย่างนั้น เป็นอุปสมานุสสติกรรมฐานอย่างแท้จริง เพราะว่าจิตของเราอยู่บนพระนิพพานแล้ว สภาพรัก โลภ โกรธ หลง มันเกิดขึ้นไม่ได้

    รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกาย ถ้าไม่มีจิตไปคอยปรุง คอยแต่งกับมัน มันก็ไม่สามารถทรงตัวได้ มันก็สลายตัวของมันไปเอง เมื่อรัก โลภ โกรธ หลง สลายตัวไป เราก็เข้าถึงอุปสมานุสสติที่แท้จริง นี่คือมโนมยิทธิที่หลวงพ่อท่านต้องการ

    มโนมยิทธิที่แท้จริงนั้น เหมาะสำหรับคนฉลาด ถ้ามีความเขลาแทรกอยู่แม้แต่นิดเดียว ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้ มโนมยิทธิที่แท้จริงก็คือ เรารู้จักพระนิพพาน เราไปพระนิพพานได้ เอาใจตั้งไว้ที่พระนิพพานได้

    ถ้าเราเอาใจเกาะที่พระนิพพานไว้เป็นปกติทุกวัน ๆ กำลังใจทรงตัวเคยชินกับความปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง ถ้าทำไปนาน ๆ อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลงมันจะสลายตัวไปของมันเอง

    มโนมยิทธิไม่ได้จำเป็นต้องรู้อดีต อดีตทุกชาติเราเกิดมา ไม่มีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์ ไม่จำเป็นต้องรู้ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันนี้ชีวิตเราเกิดอยู่ มีขันธ์ ๕ อยู่ก็ทุกข์ตลอด ไม่จำเป็นต้องรู้อนาคต เพราะว่าอนาคตถ้าเกิดอีกก็ทุกข์อีก

    ไม่จำเป็นต้องระลึกชาติ เพราะว่าไม่มีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์ ไม่จำเป็นต้องรู้ใจคนอื่น เพราะว่าแค่ระวังใจของเราให้พ้นจากกิเลส ก็ระวังไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคนและสัตว์ ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน

    ถ้าเรามั่นใจ ในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนเราว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปดูมัน มโนมยิทธิที่สำคัญที่สุดคือ เกาะพระนิพพานให้ได้ ใช้ในอุปสมานุสสติกรรมฐานให้ได้

    ส่วนใหญ่ที่เห็นใช้กัน คือไประลึกชาติ ไปย้อนอดีต ฉันเป็นอย่างนั้นกับเธอ ฉันเป็นอย่างนี้กับเธอ แล้วแทนที่จะตัด จะละ กลับไปยึดมัน ฟื้นความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่ แทนที่จะสลัดบ่วงของสังโยชน์ที่มันคล้องเราอยู่ ก็กลายเป็นคล้องติดมากขึ้น

    จะว่าไม่มีประโยชน์เสียทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะว่าถ้าเราใช้มโนมยิทธิจนคล่อง คือเราทรงฌานอยู่ตลอดเวลา ถ้าตายเราก็เกิดเป็นพรหมได้ แต่ว่าโอกาสที่จะหลุดพ้นมันช้าลง

    ถึงได้กล่าวว่า มโนมยิทธิเป็นเรื่องของคนฉลาดเท่านั้น คือ ใช้มโนมยิทธิไปในเรื่องของอุปสมานุสสติกรรมฐาน ใช้กำลังของมโนมยิทธิเกาะพระนิพพานไว้ ใหม่ๆ ก็เกาะไม่ทรงตัว เผลอนิดเดียวมันก็ลงมาแล้ว

    จากที่เคยทำอยู่แรกๆ วินาทีสองวินาทีมันก็ลงมาแล้ว เพราะอารมณ์ของพระนิพพานเป็นอารมณ์ที่ละเอียดมาก เมื่อเราเกาะไม่ได้ ทรงไม่อยู่ เราต้องหางานให้มันทำ เนื่องจากว่าเคยสวดมนต์ได้มาก ก็เลยกำหนดใจขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน

    ตั้งใจสวดมนต์ทุกบทที่เคยสวดได้ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เมื่อจิตมีงานทำ มันรู้ว่างานยังไม่หมด มันก็จะอยู่กับงานนั้น จิตก็จะค่อย ๆ ชินกับอารมณ์พระนิพพาน เพราะรู้ว่าถ้างานยังไม่หมด มันก็จะไม่เคลื่อนลงมา

    พอมันอยู่บ่อยเข้า บ่อยเข้า เคยชินกับสภาพความละเอียด ของอารมณ์พระนิพพานมากเข้า มันก็เกาะได้นานขึ้น ถ้าทำบ่อย ๆ ทำให้เป็นปกติ ในที่สุดอารมณ์พระนิพพานก็จะทรงตัว

    ถ้าทำได้ในระยะเวลาที่ยาวนานพอ โดยไม่เผลอทิ้งกำลังใจจากจุดนั้น กิเลสจะค่อยๆ หมดไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาไปตัด ไม่ต้องเสียเวลาไปคิด ไปพิจารณา เพราะว่ารัก โลภ โกรธ หลง เป็นสมบัติของร่างกาย

    เราส่งใจไปพระนิพพานเสียแล้ว ไม่มีใจอยู่กับร่างกายเสียแล้ว รัก โลภ โกรธ หลงก็เกิดไม่ได้ ในเมื่อมันเกิดไม่ได้ มันไม่มีใครเลี้ยงดูมัน คือไม่ได้ไปปรุงไปแต่ง ไปสร้าง ไปเสริมมัน มันก็จะค่อย ๆ สลายตัวหมดสภาพของมันไปเอง

    อุปสมานุสสติกรรมฐานที่แท้จริง จึงควรที่จะทรงมโนมยิทธิได้ ถ้าหากว่าทรงมโนมยิทธิไม่ได้ ให้ตั้งใจจับในพุทธานุสสติกรรมฐาน คือจับภาพพระองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ที่เรารักเราชอบมากที่สุด

    จะเป็นรูปพระพุทธเจ้าในลักษณะของพระสงฆ์ก็ดี ในลักษณะของพระพุทธปางไหนก็ดีที่เราชอบ หรือในลักษณะของพระวิสุทธิเทพ ตั้งใจว่านั่นคือองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ตรงไหน นอกจากพระนิพพาน จำไว้ให้แม่น

    ถ้าเราเจอพระพุทธเจ้าที่อื่น นั่นเป็นฉัพพรรณรังสีของพระองค์ท่าน ที่ส่ง ไปปรากฏต่อหน้าเรา ลักษณะเหมือนท่านทุกประการ แต่ว่ากายที่แท้จริงของพระองค์ท่านนั้นอยู่พระนิพพาน ได้กล่าวย้ำอยู่เสมอว่าพระองค์ท่านไม่อยู่ที่ไหน ๆ นอกจากพระนิพพาน

    เราเห็นที่อื่นคือฉัพพรรณรังสีเท่านั้น แต่ว่าจะใช้คำว่าเท่านั้นก็ไม่ได้ เพราะว่าโอกาสที่จะได้พบท่าน แม้ในลักษณะของฉัพพรรณรังสีนั้นยากเหลือเกิน ยากกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งเยอะ มีโอกาสได้พบได้เห็น ถือเป็นบุญของตนอย่างยิ่ง

    ในเมื่อเราจับภาพพระ แล้วกำหนดว่า พระองค์ท่านไม่อยู่ที่ไหน นอกจากบนพระนิพพาน เราเห็นท่านคืออยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน กำหนดใจง่ายๆ สบายๆ อย่างนี้ ก็จัดเป็นอุปสมานุสสติกรรมฐานอีกแบบหนึ่ง

    เรื่องของมโนมยิทธินั้น ที่แท้จริงแล้วง่ายมาก คือคิดได้ก็ทำได้ เพียงแต่ว่าเราไม่เคยชิน และไม่ได้ซักซ้อมให้เกิดความคล่องตัว เราก็ขาดความมั่นใจ มโนมยิทธิแค่คิดก็ถึงแล้ว ไม่ได้จำกัดด้วยระยะทาง ไม่ได้จำกัดด้วยสถานที่ ไม่ได้จำกัดด้วยเวลา

    เพียงแต่ว่าเราต้องมีความมั่นใจในตนเอง มีการซักซ้อมบ่อยๆ เมื่อทำมากเข้า ประสบการณ์มากขึ้น อารมณ์ใจทรงตัวดีขึ้น เราก็จะเกิดความมั่นใจขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่ที่พบก็คือ ทำได้เฉพาะต่อหน้าครูบาอาจารย์ ลับหลังแล้วไม่สามารถทำได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย

    จึงขอสรุปว่า อุปสมานุสสติกรรมฐาน คือ การระลึกถึงความสงบระงับที่แท้จริง หมายถึงอารมณ์ของพระนิพพานนั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่โคตรภูของพระโสดาบันขึ้นไป เราใช้คำภาวนา ก็เข้าถึงได้แค่เพียงผิวเผิน

    ถ้าหากว่าจะจับภาพพระ กำหนดว่าท่านอยู่บนพระนิพพาน ก็ยังไม่มั่นคงจริง ๆ ถ้าจะให้มั่นคงจริง ๆ ต้องทำในมโนมยิทธิให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องขวนขวาย ต้องสร้างเสริมตัวเองให้มันยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะได้พ้นทุกข์ หมดสิ้นกิเลสอย่างแท้จริง

    สำหรับตอนนี้เวลาไม่เพียงพอ ขอให้ทุกคนวางกำลังใจ โดยการจับภาพพระให้ทรงตัวเอาไว้ แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งอยู่กับภาพพระเสมอ กำหนดใจว่านั่นคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

    ถ้าหากว่ามันตายลงไปเมื่อไร เราขอไปอยู่กับพระองค์ท่านที่นั่น ที่พระนิพพานแห่งเดียว กำหนดเอาไว้แบบนี้ให้ทรงตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถไหนก็ตาม ภาพพระหายไปเมื่อไหร่ โปรดทราบว่า เรามีโอกาสพลาดลงไปสู่อบายภูมิแล้ว

    ให้รีบกำหนดภาพขึ้นมาใหม่ในทันที ถ้าใครได้มโนมยิทธิ ให้ส่งใจไปกราบพระบนพระนิพพาน เพื่อที่จะได้เป็นอุปสมานุสสติอย่างแท้จริง อย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านต้องการ วันนี้ให้วางกำลังใจอยู่ตรงจุดนั้น ขณะเดียวกันก็ให้เตรียมตัวเพื่อทำวัตรสวดมนต์ของเราไปด้วย..


    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    วันอาทิตย์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๗

     
  6. nontaburi

    nontaburi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +836
    ขอบพระคุณมากครับ
    ขออนุญาติเรียนถามอีกข้อนะครับ
    ระหว่างการนั่งสมาธิถ้าเรากำหนดอย่างหนึ่งแล้วแว๊ปแต่หน้าของหลวงปู่อีกองค์หนึ่งตลอดเป็นห้วงๆ ยิ่งจิตใกล้จะสบายๆสงบ ยิ่งจะชัดเจนขึ้น
    แปลว่าสมาธิเรากำลังย้อนไปไม่มั่นคง หรือเป็นเหตุที่ว่ามีบางสิ่งจะสื่อกับเราครับ
    จะเป็นหน้าหลวงปู่องค์หนึ่งที่นับถืออยู่ทางตราดบ่อยมากช่วงนี้
    เราต้องเปลี่ยนมาคล้องบูชาพระหลวงปู่องค์นี้หรือเปล่าครับ
    สมาธิยิ่งนั่งมานานยิ่งฟุ้งยิ่งปรุงแต่ง ยิ่งขณะนั่งกำลังสบายนิ่งๆลมหายใจคงที่ ยิ่งเห็นนั่นเห็นนี่แบบเบลอๆเหมือนความฝันกำลังฝัน จะทำยังไงให้เราเห็นแต่สิ่งที่กำหนดครับ
     
  7. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดียามเช้าค่ะ.......


    สมาธิ...
    ขณิกสมาธิ คือ สมาธิเฉียดๆ หรือ สมาธิ ก็ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็ยังไม่สงบ
    แต่ถ้าหากว่าสงบโดยไม่มีความคิด มีอยู่ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน เป็นชั่วโมง ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่นึกคิดไปทางใด อย่างนั้นเรียกว่า อุปจารสมาธิ


    ขณิกสมาธิ เป็นสมาธิที่บุคคลโดยทั่วๆไป สามารถทำได้
    อุปจารสมาธิ เป็นสมาธิพิเศษที่บุคคลจะทำเป็นอุปจารสมาธิได้นั้นก็ต่อเมื่อมีความชำนาญ แต่อุปจารสมาธิจะเกิดขึ้นก็เพราะอาศัยขณิกสมาธินั้นเอง

    สมาธิจะก้าวหน้าต้องหมั่นฝึกให้เกิดความชำนาญ
    ความชำนาญนั้น หมายถึง การที่จิตนั้นเข้าสู่ภวังค์
    ฝึกบ่อยๆ จิตย่อมชำนาญ
    พลังจิตมิใช่เรื่องปาฏิหาริย์ ทุกคนทำได้

    จิตที่จะสงบเป็นองค์ ณาน* ได้นั้น
    จะต้องผ่านภวังค์เข้าไป
    เมื่อผ่านภวังค์เข้าไปนั้น
    ถ้าเป็นขณิกสมาธิเข้าไปแล้ว
    ก็ไม่รู้เรื่องอะไร จะไปรู้เรื่อง
    ก็ต่อเมื่อเลิกจากสมาธิแล้ว
    ภายในสมาธิทำอะไรไม่ได้
    นั่นคือขณิกสมาธิ

    ส่วนที่เป็นอุปจารสมาธินั้น เมื่อเข้าไปในภวังค์แล้วก็ไปทำงานได้ในที่นั้น
    *ฌาน อ่านว่า ชาน หมายถึง การทำสมาธิจนจิตแน่วแน่ละเอียดประณีต จัดเป็นสมาธิชั้นสูง

    แต่ถ้าเป็นข้อเปรียบเทียบถึงอุปจารสมาธินั้น เมื่อเวลาเข้าไปในภวังค์นั้น เหมือนกับความฝัน แต่ฝันนั้นสามารถที่จะทำอะไรได้ เช่นอย่างเมื่อเวลาเห็นบ้าน เราก็สร้างขึ้นมาให้มีหลังคา หรือให้มีภูเขา ให้มีต้นไม้ สร้างขึ้นมาได้ หรือเห็นร่างกาย แยกร่างกายออกมาให้เห็นว่าอันนี้เป็นกระดูก อันนี้เป็นคนตาย คือหมายความว่า ทำงานได้ในภวังค์นั้นเรียกว่า อุปจารสมาธิ
    แต่หากถ้ายังทำไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับตัวของเราว่า เรายังเป็น ขณิกสมาธิ

    และอุปจารสมาธินี่เอง ที่คนทั้งหลายที่เขาปฏิบัติกัน พวกฤาษี ชีไพร หรือว่าพวกใครๆ พากันระลึกชาติหนหลังได้บ้าง หรือพากันแสดงฤทธิ์ได้บ้าง เหาะเหินเดินอากาศได้บ้าง บังคับจิตใจบุคคลอื่นได้บ้าง อะไรเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากอุปจารสมาธิ แต่อันนั้นเรียกว่าเป็นโลกีย์ เมื่อทำไปอย่างนั้น มันก็ไม่สามารถที่จะกำจัดกิเลสอะไรได้ ก็เพียงแต่ว่าถ้าทำให้ยิ่งขึ้นไปก็เป็นอรูปฌาน

    เมื่อเป็นอรูปฌานแล้วก็เรียกว่าเป็นอัปปนาสมาธิ ก็เรียกว่าเป็นสมาธิขั้นสูง ขั้นสูงเกินไปอย่างนั้น จะบำเพ็ญวิปัสสนาก็บำเพ็ญไม่ได้ มันสูงเกินไป ต้องลดจิตลงมาจากอรูปฌานให้มาเหลือรูปฌาน จึงจะสามารถบำเพ็ญวิปัสสนาได้

    การบำเพ็ยวิปัสสนา
    ก็คือบำเพ็ญในอุปจารสมาธิ
    ที่มีความชำนาญ
    ชำนาญในการเข้า
    ชำนาญในการออก
    ชำนาญในการตั้งอยู่
    เวลาจิตที่จะเข้าไปนี่ก็รู้ เวลาตั้งอยู่ก็รู้ เวลาออกมาก็รู้
    ถ้าอย่างนั้นเขาเรียกว่า อุปจารสมาธิ
    ผู้ที่มีจิตที่ละเอียดเข้าสู่อุปจาระและพิจารณาด้วยความชำนาญแล้วนั้น สามารถที่จะมองเห็นได้

    คุณค่าของสมาธิ
    โดย....
    พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินุธโร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2010
  8. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดีตอนเช้าทุกๆท่าน
     
  9. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดียามเช้าครับ ขอให้โชคดีมีสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ
     
  10. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    สวัสดียามเช้าเช่นกันครับทุกๆท่าน
    ขอให้โชคดีตลอดทั้งวันกันนะครับ
     
  11. nontaburi

    nontaburi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +836
    อนุโมทนาด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  12. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
  13. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    ขอบคุณครับ คุณหมูน้อยอ้วนพี
    ราคาก็สวยด้วยครับผม แค่กรอบก็ห้าหลักแล้วครับทองแพงมักๆช่วงนี้
     
  14. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    เรียนถามพี่หนุ่มเมืองแกลงครับ

    1.] ลูกอมทั้งสี่รุ่น เมื่อนำไปเลี่ยมแล้ว สามารถนำห้อยอยู่ในสร้อยเส้นเดียวกับพระเครื่องได้ไหมครับ (ทราบมาว่าพระขุนแผนพรายกุมารควรจะห้อยเดี่ยว ถ้านำไปห้อยรวมกับพระเครื่องแล้วพรายจะแสดงอิทธิฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ -- ลูกอมพรายมงคลควรห้อยแยกคนละเส้นกับพระเครื่องด้วยหรือเปล่าครับ)

    2.] หรือสามารถนำไปห้อยรวมกับเครื่องรางอื่นๆ เช่น พญาครุฑ ดวงตาอาถรรพ์หลวพ่อผินะ ได้ไหมครับ

    3.] ที่บ้านผมหน้าประตูบ้านติดภาพพญาครุฑ แล้วภาพท่านท้าวเวสสุวัณ ก่อนนำลูกอมเข้ามาในบ้านต้องจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนด้วยหรือไม่ครับ



    ผมคิดว่าจะห้อยลูกอมแยกจากสร้อยพระ เพราะตั้งใจจะห้อยติดตัวตลอดเวลา สามารถลุยไปได้ทุกที่เป็นเพื่อนคู่กาย เพราะบางครั้งอาจมีเหตุให้ต้องถอดสร้อยพระออกหรือพุทธคุณไม่คุ้มครองชั่วคราว เช่น จำเป็นต้องเข้าไปในสถานที่อโคจร หรือ เวลากุ๊กกิ๊กกับแฟน(ต้องถอดแน่นอนเพราะจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย)

    แต่ถามเผื่อให้ญาติพี่น้องผม เพราะผมตั้งใจจะมอบลูกอมรุ่น 3 , 4 ให้น้องชายกับน้องสาวคนละหนึ่งลูก นำไปเลี่ยมและห้อยรวมกับสร้อยพระที่น้องทั้งสองคนห้อยอยู่ประจำครับ

    ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2010
  15. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ขอเสริมให้นะครับ

    รังหมาร่า ภูมิปัญญาคนไทยแต่เดิม นำมาใช้ประโยชน์หลายอย่าง

    ด้านการแพทย์ มีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาได้

    ด้านวัตถุมงคลศาสตร์ ใช้เป็นเคล็ดมงคล โดยถือคำว่า " ต่อ " เช่น การสร้าง วัตถุมงคลต่อเงินต่อทอง
    และ อื่นๆ

    โดยทั่วไปสามารถนำมาใช้ได้หมด แต่สรรพคุณแหล่งใดจะดีกว่าแหล่งใด ย่อมมีความแตกต่างกันบ้างเป็นธรรมดา .... เหมือนน้ำผึ้ง ใช่ว่าทุกที่จะอร่อยรสชาดดีเหมือนกันทุกที่ แต่อย่างไรน้ำผึ้งแท้ ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็มีคุณค่าและศักดิ์ศรีของน้ำผึ้งเสมอ

     
  16. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ moo noi [​IMG]
    สวัสดียามเช้าเช่นกันค่ะ....

    คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->chainerror<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4021099", true); </SCRIPT> กรอบพระในรูปแทนตัวสวยจังเลยค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    Ohhhhhhhhhh สงสัยต้องเปลี่ยนจากที่เคยเรียกสหายเชนมาเป็นเสี่ยเชน แล้วมั้งครับเนี่ย อิอิ (^_^)...
     
  17. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    อย่าชงอย่างนั้นสิครับคุณนอร์
    เดี๋ยวผมก็โดนปาฏิหาริย์พระเลี่ยมทองของพี่หนุ่มหรอก อิอิ
     
  18. ta_eka

    ta_eka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +2,190

    มะบอม
    เล่มนี้หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ขอที่อยู่ด้วยครับเดี๋ยวส่งไปให้เลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo[1].JPG
      photo[1].JPG
      ขนาดไฟล์:
      21.4 KB
      เปิดดู:
      100
  19. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    5555 แซวเล่นอ่ะครับสหายเชนนนนนนน.....แหม่..รีบเปลี่ยนรูปทำไมอ่ะครับ...รูปเดิมน่ะดีแล้ว..สวยดี..แถมยั่วกิเลสผมดีครับ..ฮ่าๆ (^_^)
     
  20. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    โมทนาด้วยครับ....(^_^)....
     

แชร์หน้านี้

Loading...