แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    คนสมัยก่อนส่วนใหญ่จะนิยมมาอาบน้ำใต้แสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ
    เพราะตามคติความเชื่อการอาบน้ำใต้แสงจันทร์
    จะเป็นการเสริมดวงชะตาให้เข้มแข็งจากดวงดาว
    เป็นการขอพรให้เกิดความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต
    ทำการทำงานต่าง ๆ ขอให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
    รวมทั้งเป็นการเริ่มต้นลดละกิเลสด้วย


    อย่างไรก็ตาม ....
    วันเพ็ญที่ประชาชนนิยมอาบน้ำใต้แสงจันทร์มากที่สุดคือ วันเพ็ญเดือน 12
    เพราะเป็นคืนมีน้ำขึ้นเต็มฝั่งมากที่สุด ซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์

    ทั้งนี้สอดคล้องกับสมัยพระพุทธกาล
    ที่พุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์จะถือเป็นวันพระสำคัญ
    ที่จะมาเสวนาธรรม ฟังเทศน์ฟังธรรมในค่ำคืน
    เพราะสมัยโบราณไม่มีแสงไฟ
    จึงต้องใช้แสงจันทร์เป็นเครื่องมือในการนำทาง
    และส่องสว่างในการทำความดีด้วย
    ดังนั้น การเริ่มทำบุญทำความดีวันนี้ จะถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิต
     
  2. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    และแล้วผมก็มีวาสนากับเค้าเหมือนกัน อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้รับ และกับตัวพี่หนุ่มด้วยครับ
     
  3. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    กรรมแต่หนหลัง

    กรรมก่อเกิดจากการกระทำ ถึงแม้ว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น แต่ตัวเราเองทั้งรู้ทั้งเห็น กลายเป็นจุดหนึ่งที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราเองที่ต้องนึกถึง เหมือนเป็นการย้ำเตือน ถึงแม้ว่ากาลเวลาผ่านได้ผ่านไปยาวนาน และสิ่งนั้นทำให้เราเกิดความทุกข์ จิตใต้สำนึกบางส่วน จะคอยย้ำเตือน แต่อีกส่วนหนึ่งจะคอยขัดแย้งกันเองขึ้นในห้วงความคิด และนี่แหละคือคำว่าบาปและกรรมดั่งคำที่ผู้ใหญ่เคยพูดให้ฟังเสมอๆว่า ?สวรรค์ในอก นรกในใจ ? นี่แหละคือจุดด่างในใจที่เรากระทำเอาไว้และเจ้าสิ่งนั้นก็คือตัวกรรมนั้นเ อง

    นายอังคารชายหนุ่มอายุ ๒๕ ปี มีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆหลายๆจังหวัด เขาได้พบหญิงสาวสวยผู้หนึ่ง อยู่ในจังหวัดราชบุรี เธอเป็นหญิงสาวภายในหมู่บ้านที่นายอังคารได้ไปรับเหมาก่อสร้างโรงเรียน ทั้งสองคนเกิดชอบรักกันและได้เสียกันในเวลาอันรวดเร็ว หญิงสาวผู้นั้นชื่อ เทียนหอม อายุ ๑๙ ปี กำลังสวยสดไปด้วยวัยสาว ทั้งสองได้เสียกันจนเทียนหอมเกิดตั้งท้องอ่อนๆ เทียนจึงบอกกับนายอังคารทำให้นายอังคารตกใจ

    เพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะเลี้ยงดูเทียนหอมเป็นภรรยา สาเหตุเพราะนายอังคารมีคู่หมั้นอยู่แล้วและกำหนดจะแต่งงานกันภายในปีหน้า นายอังคารจึงให้เทียนหอมไปทำแท้งแต่เทียนหอมไม่ยอม เพราะรักลูกและต้องการให้นายอังคารรับว่าเธอเป็นภรรยา และนายอังคารจึงรีบบอกความจริงกับเทียนหอม ทำให้เทียนหอมกลัดกลุ้ม กลัวพ่อของเธอจะรู้เรื่อง วันเวลาผ่านไป


    การก่อสร้างก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อย ส่วนนายอังคารก็หลบหน้าเทียนหอมอยู่ตลอดเวลาทำให้เทียนหอมมีแต่ความทุกข์ เพราะท้องก็กำลังจะโตขึ้นมาฟ้องต่องสายตาชาวบ้านทำให้เธอได้อายและถูกคราห น้าว่า ?ท้องไม่มีพ่อ? และในเย็นวันนั้นเป็นวันเสาร์ ในขณะนั้นเป็นเวลา ๓ ทุ่ม นายอังคารจ่ายเงินลูกน้องแล้วจึงกลับบ้านพัก เขาอยู่ในอาการมึนๆ เพราะแวะดื่มเหล้ากับเพื่อนที่อยู่ในจังหวัด เทียนหอมมาดักรออยู่ภายในบ้าน นายอังคารไขกุญแจกำลังจะเปิดประตู เทียนหอมก็รีบเดินเข้าไปหาโดยกอดทางด้านหลังใบหน้านองไปด้วย

    น้ำตา เธอพูดอ้อนวอนขอให้อังคารยอมรับเป็นภรรยาเพราะท้องที่กำลังจะโตขึ้นมาฟ้อง ต่อสายตาของชาวบ้าน อังคารดึงมือเทียนหอมเข้าไปในห้อง ต่อมาทั้งสองมีปากมีเสียงกันถึงแม้จะเสียงดัง แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะอยู่ห่างไกลผู้คนที่จะมาพบเห็น จนถึงขนาดตบตีกันอังคารพลั้งมือหนักเกินไป ทำให้เทียนหอมล้มถึงกับตกเลือดอังคารไม่สนใจ ใช้เท้าถีบตกบันไดลงมาอยู่ข้างล่าง ทำให้เทียนหอมได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เลือดสดๆไหลนองมาเป็นทาง และในที่สุดเธอก็หมดสติ นายอังคารตกใจรีบนำร่างของเทียนหอมอุ้มขี้นรถปิ๊กอัพสีน้ำเงิน ขับออกไปจากที่

    นั่น ท่ามกลางความมืดของราตรีกาลอันเงียบสงบ ไม่มีใครเดาถูกว่าเขาจะไปที่ใด นายอังคารจอดรถเข้าข้างทางที่ตรงนั้นเป็นไร่ข้าวโพดที่สูงท่วมหัว ประกอบเวลานั้นเป็นเวลาดึกสงัดจึงไปมีผู้ใดมาพบเห็น เขาจัดการอุ้มร่างของเทียนหอมที่อ่อนปวกเปียกลงจากรถ เขาหยิบเอาถังน้ำมันราดลงไปบนร่างของเทียนหอม เพราะคิดว่าเธอได้ตายไปแล้ว เขาเผาเธอทั้งเป็น ช่างโหดร้ายสิ้นดี ความร้อนของเปลวไฟที่แลบเลียทำให้เธอรู้สึกตัวแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว และในที่สุดเธอก็ต้องสิ้นชีวิตไปพร้อมกับก้อนเลือดในท้องที่กำลังจะมีชีวิ ต นายอังคารกลับที่พักอย่างลอยนวลทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    วันเวลาผ่านไป ในที่สุดนายอังคารก็กลับกรุงเทพ โดยไม่สนใจว่าเขาทำอะไรไว้เบื้องหลังและเรื่องทั้งหมดก็เงียบหายไปเหมือนค ลื่นกระทบฝั่ง ส่วนพ่อแม่ของเทียนหอมคิดว่าลูกสาวถูกหลอกไป

    ขายจนเวลาผ่านไป อังคารแต่งงานกับคู่หมั้นสาวชื่อพิมพร และพิมพรตั้งท้องได้สองเดือน ทั้งสองอยู่กินกันอย่างมีความสุข นายอังคารลืมเรื่องทั้งหมดเสียสิ้น และเหมือนเป็นวาระของกฎแห่งกรรมที่ติดตามเหมือนเงาตามตัว เขาได้รับเหมาไปสร้างหมู่บ้านที่ราชบุรี โดยพิมพรขอตามไปอยู่ด้วย และขณะที่พิมพรท้องได้สี่เดือน เย็นวันจันทร์พิมพรได้ออกไปจ่ายตลาดที่ตัวจังหวัดราชบุรี ในขณะที่เธอกำลังเดินข้ามถนน มีรถปิ๊กอัพวิ่งมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนร่างของ

    พิมพรกลิ้งไปบนถนน เธอขาดใจตายทันที เลือดสดๆ ไหลนองพื้นถนน ส่วนรถปื๊กอัพขับหนีไปตามระเบียบอย่างรวดเร็ว ศพของพิมพรถูกรถของมูลนิธิปอเต๊กตึ้งนำไปไวี่โรงพยาบาล ดวงตะวันคล้อยต่ำอังคารรู้สึกจิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวาย เขากลับบ้านพักเอาเวลาทุ่มครึ่ง บ้านทั้งหลังมืดสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ เขารีบเดินขึ้นมองหาพิมพร เงียบไม่มีแม้เงา เขาเดินดูรอบบ้านพร้อมกับร้องเรียก ?พิม...พิม...ไปไหน? ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ นอกจากเสียงร้องของตัวเองเท่านั้นที่ดังก้อง ชั่วเวลาหนึ่งกว่าๆ ตุ้มลูกน้องคนสนิท ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้าน ?คุณอังคาร คุณอังคาร? อังคารรีบเดินออกมา เพราะรู้สึกว่าน้ำเสียงของตุ้มร้อนรน ?มีอะไร หรือตุ้ม? ตุ้มรีบล่าเหตุการณ์ทั้งหมด

    อังคารใจหาย เขาตกใจแทบช็อค และรีบไปดูศพที่โรงพยาบาล ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ร่างของหญิงสาว ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาลืมโพลงเท่านั้นเอง อังคารพูดได้ออกมาคำเดียว ?พิมพร? ลำคอตีบตัน ความเศร้าเสียใจประดังเข้ามา และภาพเมื่อหนหลังเริ่มหวลคืนเข้าสู้จิตใต้สำนึกของเขาอย่างขมขื่นสุดที่จ ะบรรยาย และเริ่มสำนึกบาปกรรมที่เขาเองได้ทำขึ้นกับเทียนหอม คงเป็นกรรมที่เขาได้กระทำขึ้นมาหลายสิบปีก่อนอย่างแน่นอน เพราะพิมพรมาตายใกล้ๆกับไร่ข้าวโพด ห่างกันแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโล เขาเริ่มสำนึกบาปกรรมนั้นมีจริง และมันตอบสนองเขาอย่างสาสมที่สุด เขาต้อง

    เสียทั้งลูกและเมียที่เขารัก และผูกพันที่สุดในชีวิต นี้แหละหนาที่เขาเรียกว่า กรรมตามทัน ถึงแม้ว่าไม่มีใครรู้ว่าในอดีตเขาทำความเลวอะไรไว้บ้าง แต่กงล้อกรรมก็หมุนเวียนมาถึงเขาอยู่ในขณะนี้ เหมือนถูกเผาด้วยไฟนรก อังคารจัดการศพของพิมพรเรียบร้อยแล้ว เขาหันหน้าเข้าวัด โดยบวชตั้งใจอุทิศส่วนกุศลไปให้เทียนหอมและลูกที่เขาฆ่าตายไปกับมือของเขา เอง และพิมพรกับลูกในท้องต้องมารับผลกรรมที่เขาได้ก่อขึ้น โดยที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย กรรมช่างตามทันและตกทอดสู่พิมพรผู้น่าสงสาร ต้องมาตายพร้อมกับลูกที่ยังไม่ทันจะลืมตามาดูโลกเสียด้วยซ้ำ


    อนิจจานี่แหละหนากฎแห่งกรรมที่ไม่มีการละเว้นใดๆ ใครสร้างกรรมใดก็ต้องชดใช้อย่างสาสมและสาหัสที่สุด มันสมควรแล้ว วันเวลาผ่านเลยไปอีกยาวนาน เวลานี้อังคาร อายุ ๓๐ กว่าๆ แต่บาปในใจตัวเขามันยังเผาผลาญความรู้สึกของเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะบวชเพื่อล้างบาป แต่บาปกับบุญนั้นไม่สามารถจะ

    ลบล้างกันได้มันเดินสวนทางกัน บาปก็ส่วนบาปที่ต้องชดใช้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า บุญก็ส่วนบุญ ในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ ไฟฟ้าเกิดดับทั้งวัด จะต้องใช้ตะเกียงน้ำมันจุดแทนแสงสว่างจากไฟฟ้า คืนนั้นพระอังคารรู้สึกง่วงผิดปรกติ กรรมเริ่มย้อนรอยมาอีก คราวนี้เขาลืมดับตะเกียงจุดเอาไว้บนโต๊ะข้างๆเตียงนอน เขาหลับไม่รู้ตัว เผลอเอามือไปปัดถูกตะเกียงน้ำมันหล่นลงมา น้ำมันจากตะเกียงไหลนองพื้น ไฟลุกพรึบขึ้นอย่างรวดเร็ว มันไหม้ลามมาถึงและเปลวไฟได้เผาผลาญ

    ร่างของพระอังคารที่หลับสนิท กว่าจะมีใครมาดับทัน ร่างของพระอังคารก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ไม่เหลืออะไรไว้อีกเลยนอกจากความดีและความชั่วเท่านั้นที่ทิ้งไว้เบื้องหล ัง พระอังคารต้องมาตายทั้งๆที่ยังครองผ้าเหลือง นี่แหละเขาเรียกว่าตายเพราะกรรมแท้ๆ และเขาตายในสภาพเดียวกับเทียนหอมก็คือตายเพราะไฟ ?เผาผลาญร่างกายและทุกสิ่งทุกอย่าง ให้มอดไหม้เป็นฝุ่นละอองและผงธุลี?



    ขอบคุณเวปวัดป่าโนนวิเวกด้วยครับ
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ให้กำลังใจตัวเอง

    ใครหลายคนชอบคิดไปไกลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    สิ่งที่ยังไม่เกิด ความคิดนี่แหละ
    ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุขที่ควรจะเกิด
    ควรจะมีให้ลดน้อยลงไป

    บางขณะ เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่ายๆ
    แต่เพราะความคิด ความกังวล
    ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก
    ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิดยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล ยิ่งไม่มีความสุข
    ยิ่งหวาดกลัววันข้างหน้า ก็อย่าไปคิดมันเลย

    แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข
    ทำให้ดีที่สุดกับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้
    บางทีใครจะรู้ว่า อะไรๆที่ไปกังวลนั้น อาจจะมาไม่ถึงก็ได้

    ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น
    ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นหรือเปล่า
    อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง มองวันนี้ ทำวันนี้
    มีความสุขกับทุกวินาทีที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า
    เวลามีพอเสมอสำหรับความสุข


    ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์
    ชีวิตที่พบความทุกข์เป็นชีวิตที่แท้
    ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต
    ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิดขึ้น
    ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือการเป็นชีวิต
    ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ
    ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหาก็จะไม่รู้ว่า
    ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร
    ไม่มีความทุกข์ก็ไม่รู้จักความสุข
    เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคนอ่อนแอหรือเข้มแข็ง
    ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ

    ต่างจากความสุขที่ทำให้อ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ
    ความสุขเหมือนฝนพรำสาย อ่อนโยน งดงาม บางเบา
    แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข
    เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ
    และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์
    ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง
    ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง รู้จักการเติบโตทุกๆก้าว

    ให้กำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า
    โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์
    เพราะเมื่อผ่านพ้นความทุกข์
    ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า
    จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต

    มีคนมากมายที่กังวลกับอนาคต
    แต่เขายังไม่เคยมองปัจจุบันเลยว่าทำอะไรอยู่
    และเมื่อตัวคนเดียว กำลังใจจากตัวเองนี่แหละ
    ที่จะทำให้เรามีแรงเดินต่อไป
    เป็นเรื่องยากที่จะทำได้
    แต่ถ้าทำได้คุณจะพบความสุขแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาใครเลย

    ขอบคุณเวปวัดป่าโนนวิเวกด้วยครับ
     
  5. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เปลี่ยนทุกข์เป็นสุข

    มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาม ศรีพี่น้อง อารมณ์ อาภรณ์ และอาภา ครั้งหนึ่งอารมณ์ไปหาหมอดูซึ่งว่ากันว่าทำนายอนาคตได้แม่น มาก หมอดูอ่านไพ่สักพักก็บอกว่า "คุณจะมีสุขภาพไม่ค่อยดี เงินทองจะฝืดเคือง ชีวิตครอบครัวจะไม่ราบรื่น หมอว่า คุณจะลำบากไป ๕ ปี"
    "หลังจากนั้นฉันจะสบายใช่ไหม หมอ ?" อารมณ์ถาม
    "เปล่า หลังจากนั้นคุณก็จะชินไปเอง" หมอตอบ
    เรื่องต่อมาเป็นประสบการณ์ของอาภรณ์ราว ๆ ๓๐ ปีก่อน ตอนนั้นเธอไปงานทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านเพื่อน หลวงปู่บุดดารับอาราธนามางานนี้ด้วยตนเองหลังจากฉันเสร็จเจ้าภาพได้นิมนต์หลวงปู่ซึ่งชรามากแล้ว ให้เอนกายพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางกลับจังหวัดสิงห์บุรี

    ระหว่างนั้นข้างห้องซึ่งเป็นร้านขายของ มีคนเดินใส่เกี๊ยะขึ้นบันไดส่งเสียงดัง อาภรณ์จึงบ่นกับเพื่อน ๆ ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากหลวงพ่อมากนักว่า "แหมเดิน
    เสียงดังเชียว" หลวงปู่บุดดานั้นแม้นอนหลับตาอยู่ แต่ก็รับรู้ตลอดจึงพูดเตือนเบา ๆ ว่า "เขาเดินของเขาอยูดี ๆ เราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง"

    เรื่องที่ ๓ นั้นถอยหลังไปไกลอีก ๒๐ ปีสมัยที่ทั้ง ๓ คนยังเด็ก คราวหนึ่งแม่กำลังทำครัวอยู่ จึงให้อารมณ์ไปซื้อน้ำปลามา ๑ ขวด อารมณ์รีบวิ่งไปซื้อทันที ขากลับเดินสะดุดหลุมหกล้ม ขวดน้ำปลาหลุดมือ อารมณ์หยิบขวดน้ำปลาเดินกลับบ้าน สีหน้าเศร้าสร้อย บอกแม่ว่า "แย่จัง หนูทำน้ำปลาหกไปตั้งครึ่งขวด"

    อาทิตย์ต่อมาแม่ให้อาภรณ์ไปซื้อน้ำมันมา ๑ ขวด อาภรณ์ซื้อเสร็จ ขากลับเดินสะดุดหิน น้ำมันหกไปครึ่งขวด แต่เธอกลับไปเล่าให้แม่ฟังอย่างยิ้มแย้มว่า "เมื่อกี้หนูหกล้ม แต่ยังดีที่คว้าเอาไว้ได้ทัน มีน้ำมันเหลือตั้งครึ่งขวดแน่ะ"
    ๒-๓ อาทิตย์ต่อมา ถึงเวรของอาภาบ้าง เธอไปซื้อน้ำส้มสายชูกลับมาก็บอกแม่ว่า "เมื่อกี้หนูหกล้ม แต่ยังดีที่คว้าเอาไว้ได้ทัน มีน้ำส้มเหลือตั้งครึ่งขวด แต่หนูรับปากว่าต่อไปจะไม่เผลออีก" ว่าแล้วเธอก็กลับไปขุดเอาหินที่โผล่ตามทางเดินออกจนหมด รวมทั้งกลบหลุมที่อาจทำให้ใครต่อใครเดินสะดุดด้วย

    ทั้ง ๓ เรื่องนี้แม้จะต่างกัน แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือเป็นเรื่องของการประสบกับปัญหาหรือสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ปัญหาหรือสิ่งไม่น่าพอใจเมื่อเกิดกับใคร ก็มักจะทำให้ทุกข์ แต่วิธีที่จะทำให้ไม่ทุกข์ ก็มีอยู่ วิธีแรกคืออดทน ไม่ตีโพยตีพาย ไม่นานก็จะปรับตัวได้ พูดง่าย ๆ คือชินไปเอง อย่างเรื่องแรก คนเราไม่ว่าจะทุกข์แค่ไหน จิตใจก็มักจะปรับตัวให้คุ้นชินได้เสมอ หากมีเวลาพอ หรือไม่คิดสั้นเสียก่อน มีคาถาหนึ่งที่จะช่วยให้เราทนได้มากขึ้นก็คือ เมื่อหายใจเข้า ให้พูดกับตนเอง "ทนได้" เมื่อหายใจออก ให้พูดในใจว่า "สบายมาก"

    วิธีที่ ๒ คือการใช้ตา หู รวมไปถึงจมูก ลิ้น และกายให้เป็น เรื่องนี้โยงไปถึงจิตใจ ความทุกข์นั้นบ่อยครั้งเกิดขึ้นก็เพราะใจเราไม่อยู่สุข ชอบสั่งตาหรือหูให้ไปรับเอาสิ่งไม่ดีมาสร้างปัญหาแก่จิตใจ เสียงนั้นแม้จะดัง แต่ถ้าไม่ฟัง ปัญหาก็ไม่เกิด ใครเขาจะบ่น จะว่า ถ้าไม่สนใจเสียอย่าง จะทุกข์ได้อย่างไร ข้อสำคัญคือต้องรักษาใจให้ดี อย่า
    ปล่อยใจให้เพ่นพ่านออกไปนอกตัวมากนัก จะทำอย่างนั้นได้ต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ หรือไม่เช่นนั้น ก็ให้มีสมาธิจดจ่าอยู่กับอะไรสักอย่างที่ดี ๆ เช่น เสียงเพลงที่ไพเราะ หรือจดจ่าอยู่กับลมหายใจเข้าออกก็ได้

    วิธีที่ ๓ ก็คือ มองแง่ดี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ลองมองให้เห็นแง่ดีของมันบ้าง ไม่มีอะไรที่ไม่มีแง่ดีเลย เจ็บป่วยก็มีแง่ดี คือได้พักผ่อน ได้มีเวลาทำสิ่งที่ชอบ อยู่กับครอบครัว หรือเข้าหาธรรมะ อย่างน้อย ๆ แง่ดีอย่างหนึ่งที่ต้องมีแน่ ๆ ก็คือ ดีที่ไม่หนักกว่านั้น เงินหาย ๑,๐๐๐ บาท ก็ยังนับว่าดีที่ไม่หาย ๑๐,๐๐๐ บาท เวลาถูกคนนินทา ก็ยังดีที่เขาไม่ทำร้ายเรามากกว่านั้น

    อย่างไรก็ตามมองแง่ดีอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องลงมือจัดการกับปัญหาหรือป้องกันมิให้เกิดซ้ำอีก การมองแง่ดีทำให้อาภาไม่เป็นทุกข์กับการสะดุดหกล้ม แต่เธอไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หากยังออกไปขุดหินและกลบหลุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากอีก มองแง่ดีทำให้เราไม่ทุกข์เวลาเจ็บป่วย แต่ก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยอีก เช่น ออกกำลังกายมากขึ้น กินอาหารให้สมดุลกว่าเดิม เป็นต้น

    ความทุกข์นั้นเราสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นความไม่ทุกข์ หรือเปลี่ยนให้กลายเป็นความสุขได้ สิ่งเลวร้ายไม่น่าพอใจ เมื่อเกิดขึ้นกับเรา ใช่ว่าจะทำให้เราทุกข์ไปเสียหมด ก็หาไม่ ทุกข์หรือไม่ทุกข์อยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเราปีใหม่ ใคร ๆ ก็อยากให้ตนเองประสบสิ่งดี ๆ แต่จะดีกว่านั้นถ้าฝึกตนให้มีความอดทน มีสติ สมาธิ และมองแง่ดี รับรองว่า ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม ก็ยากจะทำให้เราทุกข์ได้ นี้คือหลักประกันแห่งความสุขที่แท้จริง.


    ขอบคุณเวปวัดป่าโนนวิเวกด้วยครับ
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    คำว่า "แม่" นั้นศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองชีวิตลูกได้

    เรื่องโดย นพ.วิทยา นาควัชระ

    ค่ำ วันหนึ่ง ผมได้รับเชิญ ไปร่วมงานเลี้ยงที่ภัตตาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว ก็คิดจะกลับบ้าน เพราะถึงเวลาควรกลับได้แล้ว

    ผม เดินมาคนเดียวที่ลานจอดรถ ที่เปิดไฟสว่างไสว มีรถจอดเต็มไปหมด เพื่อจะขับรถกลับบ้าน เมื่อเดินมาถึงรถ ก็ไขกุญแจเข้าไปในรถ ปรากฎว่ามีวัยรุ่น 3 คน ที่เดินตามมาห่างๆ โดยผมไม่เฉลียวใจว่า เขาจะมาดี หรือมาร้าย ปราดเข้าเอาปืนจี้ที่ศีรษะ และให้เข้าไปในรถ

    ผมตกใจ ไม่กล้าร้อง เขาให้ผมเข้าไปในรถ โดยนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ วัยรุ่นคนหนึ่งทำหน้าที่คนขับ อีกคนนั่งที่เบาะหลัง โดยมีคนหนึ่งคอยเอาปืนจี้ผมตลอดเวลา วัยรุ่นคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับ ก็สตาร์ทรถ และขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เขาเปิดเพลงดังมาก หัวเราะพูดจากันเอะอะ โวยวาย สูบบุหรี่ควันโขมงไปหมด

    ผมอยู่ในภาวะ ที่เครียดมาก พอหมดภาวะนั้นแล้ว ก็เริ่มมีสติ จึงขอบุหรี่เขาสูบมวนหนึ่ง เพื่อทำตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ผมอัดบุหรี่เข้าไปเต็มที่ แล้วจึงเริ่มคุยกับเขา ผมแสดงความจริงใจ โดยบอกเขาว่า ผมเป็นนักเรียน ไม่มีเงินมากหรอก ถ้าจะเอาเงิน ผมก็จะให้เงินทั้งหมดที่มีอยู่ แต่ขอกระเป๋าเอกสารเอาไว้เถิด ว่าแล้วเงินก็ให้เขาไปจนหมด

    ผมขอให้ เขาเบาเสียงเพลงลงหน่อย เพราะดังมาก เขาก็ไม่ยอม ผมเลยชวนคุยเรื่องว่า เขาคงมีแฟน ไม่ไปหาแฟนหรือ เขาก็ตอบแบบกระชากๆว่าไม่สนใจหรอก มีแฟนกี่คนก็ได้ ตอนนี้ก็มีกันทุกคน แต่ไม่สำคัญหรอก ผมก็ถามว่ามาเที่ยวดึกๆอย่างนี้พ่อไม่ว่าหรือ เหมือนนัดหมายกัน ทั้งสามคำรามใส่คำว่า พ่อ แถมพูดหยาบๆ และบอกว่าอย่าเอ่ยถึงพ่อได้ไหม พวกเขาเกลียดพ่อ

    ผมก็เลยเปลี่ยนมาคุยเรื่องแม่ ถามเขาว่าแม่รักเขาไหม เขามีทีท่าอ่อนลง บอกว่าแม่รักเขา และตีพวกเขา ผมได้ทีก็เลยชวนคุยเรื่องแม่ต่อไปอีก โดยบอกว่า เขาก็คงรักแม่เหมือนกับที่ผมรักแม่ และแม่ก็คงรักพวกเขาเหมือนกับที่แม่รักผมผมมาอเมริกาเพื่อศึกษา แม่ก็เป็นห่วง และคิดถึง ถ้าแม่รู้ว่าผมตกอยู่ในภาวะอันตรายหรือเป็นอะไรไป แม่คงจะโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก คงเหมือนกับแม่ของพวกเขาเหมือนกัน ถ้าหากรู้ว่ามีอันตรายเกิดกับลูก แม่คงแทบสูญสิ้นชีวิต

    พวกเขานั่ง เงียบ และเบาเสียงวิทยุลง ผมเลยขอร้องเขาว่า อย่าทำอันตรายอะไรผมเลย ให้นึกถึงความรู้สึกของแม่ ซึ่งถ้าหากรู้ว่า ลูกได้รับอันตรายแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากเขาอยากได้รถก็เอาไปเถิด อยากได้เงินก็ให้เงินไปแล้ว แต่อย่าทำอันตรายผมเลย ผมได้ยินเสียงกริ๊กจากปืนที่คนนั่งข้างหลังจ้องอยู่ คงเป็นการปลดกระสุนปืนออก แล้วก็ยื่นปืนให้ผมพร้อมกับยื่นมือให้ผมจับ

    เขา บอกว่า จากวันนี้ไป เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ผมก็จับมือเขา แล้วเราทุกคนก็หัวเราะพร้อมๆกัน คนหนึ่งบอกว่าอยากดื่มเบียร์ เขาก็จอดรถ ซื้อเบียร์กระป๋อง มาดื่มกันในรถที่ขับไป สุดท้ายเขาจอดรถในที่ใกล้ๆ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง บอกเขาจะไปกันละนะ เขาไม่เอารถหรอก จะคืนรถให้ ขอให้ผมโชคดีในการเรียน จะได้กลับบ้านไปพบแม่ที่ผมรัก ซึ่งเขาก็รักแม่ของเขา และเขาก็จะไปหาแม่ของเขาเช่นกัน

    พอเขาลงจาก รถ ผมก็ขับรถกลับบ้านที่พัก ด้วยความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สิ้นปีนั้น ผมก็ย้ายเมืองไปอยู่นิวยอร์ก เมื่อจบการศึกษาด้านกุมารเวช และเริ่มเรียนทางด้านจิตเวชต่อไปอีกประสบการณ์นี้ผมไม่เคยลืมเลือน คิดว่าตัวเองรอดชีวิต ไม่มีอันตรายมาได้ ด้วยคำว่า "แม่" นี่เองเรื่อง นี้ก็ไม่เคยเล่าให้แม่ฟัง ปีนี้เป็นปีที่แม่ของผม ได้รับเกียรติรับเลือกเป็นแม่ดีเด่นของชาติ (ทองอยู่ นาควัชระ)

    แม่ คงจะรู้เรื่องจากนิตยสารนี้แหละ จะได้รู้ คำว่า "แม่" นั้นศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองชีวิตลูกได้ และอยากให้ลูกทุกๆคน รักแม่ ให้แม่รักลูก เพราะเป็นสายใยอันเดียวที่จะทำให้มนุษย์อุ่นใจ ปลอดภัย และเป็นมงคลกับชีวิตบทความนี้เขียนขึ้น เพื่อเทิดทูนบูชาพระคุณของ "แม่" ของคนทั้งโลกครับ


     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    การยุติผลกรรมข้ามภพข้ามชาติ... พระศรีญาณโสภณ

    ทุกชีวิตล้วนมีภัย ภัยของชีวิตอาจเกิดขึ้นได้ทุกเสี้ยววินาที
    ภัย ที่เกิดจากภายนอก ไม่ร้ายแรงเท่ากับภัยภายในภัยที่ผู้อื่นสร้างขึ้น กระทบเราน้อยกว่าภัยที่เราสร้างขึ้นเอง
    บางคนทำผิดแล้ว กลับมานั่นเสียใจในภายหลัง

    ภัยทั้งหลายล้วนเป็นยาพิษ ที่ปลิดชีวิตจิตใจเราได้ทั้งสิ้นไทยเรามีประเพณีอย่างหนึ่ง คือ เมื่อจุดธูปขอขมาศพก็จะขออโหสิกรรมต่อกันคือ...อย่าได้มีเวรต่อกันในภพ หน้า ให้ทุกอย่างจบลงที่ภพชาตินี้แม้ศัตรูคู่อาฆาตก็ต้องอโหสิกรรมต่อ กันการแสดงอภัยทาน เป็นการชำระใจ แม้จะดูพูดง่าย แต่ก็ทำได้ยาก หากไม่ฝึกทำจนเป็นปกติเพื่อให้เข้าใจง่ายและอยากทำให้ได้ ขอให้เรามาพิจาณาเหตุผล

    ถึงความต่อเนื่องของผลกรรมที่มีผลข้ามภพข้ามชาติ ว่าให้ผลเผ็ดร้อนเพียงใด และยังเป็นผลที่เราหนีไม่ได้อีกด้วยเรา ต้องถามตนเองก่อนว่า เราต้องการยุติการเผล็ดผลของกรรมกับคน ๆ นั้นเพียงภพนี้หรือต้องการจะพบเขา จะเจอเขาอีกต่อไปเราต้องการจะ ยุติปัญหาเหล่านี้เพียงภพชาตินี้ หรือต้องการลากยาวไปถึงภพชาติข้างหน้าเรา มีสิทธิเสรีในตัวเรา

    บางคน รักมาก หลงมาก เพราะเขาดีมาก ก็ปรารถนาให้พบกันทุกภพทุกชาติบางคนก็อธิษฐานไม่ขอร่วมเดินทาง แต่ก็ไม่ยกโทษในที่สุดผลของการไม่ยกโทษคือ...ไม่ยอมให้อภัย ก็เหมือนการผูกสิ่งที่เราไม่ชอบไว้ที่เอวตนเองตลอดเวลา


    การให้อภัย จะทำให้เราสามารถยุติปัญหาต่าง ๆ ได้ เหมือนคนล้างแก้วน้ำสะอาด
    ทำให้เหมาะสมที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ทีเทลงไป ใหม่เหมือนการโยนของที่เราไม่ชอบทิ้งเสีย โดยไม่ต้องเสียดาย

    การ ให้อภัย คือการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อภัยทานเวลาจะให้ ไม่ต้องไปขอใครไม่เหมือนใครมาขอเงินเรา เราต้องควักกระเป๋าให้ แต่ให้อภัยเราไม่ต้องหาจากไหน และไม่รู้สึกว่าเป็นการสูญเสีย

    ใคร จะคิดอย่างไรไม่ใช่ประเด็น แต่สำหรับเราผู้แสดงออกว่าเราให้อภัยใน เรื่องนี้ต่อบุคคลผู้นี้แล้ว นั่นเป็นสิ่งสำคัญเพราะสิ่งนั้นจะถูก บรรจุลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์คือจิตของเราทันทีการผูกอาฆาต ความพยาบาท ความอิจฉา โกรธ เกลียด ความคิดแก้แค้น ทิฐิมานะ เป็นต้นเป็น เสมือนเชื้อไวรัส อภัยทานคือเครื่องมือแอนตี้ไวรัส ส่วนจิตของเรา เหมือนคอมพิวเตอร์

    ในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ อาจจะดูเหมือนยาว แต่มีใครบอกได้ว่าเราจะอยู่ได้ปลอดภัยถึงวันไหนเราต้องการความทรงจำที่ เลวร้าย หรือต้องการความทรงจำที่ดีในชีวิตความคิดเป็นสิ่งที่ทรง พลังมาก สุขหรือทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่วิธีคิดคิดเป็นก็พ้นทุกข์ คิดไม่เป็น แม้แต่เรื่องมิใช่เรื่อง ก็อาจเกิดเรื่องได้

    มีผู้ใหญ่ ท่านหนึ่งเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง เป็นเรื่องที่มีอุทาหรณ์และคติน่าคดมาก เกี่ยวกับเรื่องของคนที่ไม่ยอมให้อภัยใครและเป็นคนผูกโกรธ ผูกเกลียด ผูกอาฆาต มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรูคู่ต่อสู้ตลอดเวลากระทั่งวันหนึ่งตายไป พร้อมกับจิตใจที่ขุ่นมัวและผูกอาฆาต

    ท่านเล่าว่า เขาอธิษฐานไปเกิดเป็นลูกของศัตรู เพื่อจะได้ทำร้ายจิตใจอย่างใกล้ชิด แนบเนียนที่สุดจะได้เผาผลาญคนนั้นให้ถึงที่สุด ให้ทุกข์ที่สุด ให้สาละวนอยู่กับเรื่องทุกข์ตลอดเวลาเขาเป็นลูกเกเรผลาญทรัพย์ ทำลายวงศ์ตระกูล นำความทุกข์เดือดร้อนเข้าบ้านทุกวัน

    พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเป็นหลักใจว่า คนที่ตายขณะจิตเศร้าหมอง ย่อมไปสู่อบายแม้ คนพวกนี้ จะไม่เชื่องเรื่องอบาย เรื่องนรกที่เป็นภพภูมิแต่เขาก็ปฏิเสธ ไม่ได้ถึงนรกคือ...ความเร่าร้อนรุนแรงที่คุกรุ่นภายในใจ ในขณะยังมีชีวิตอยู่ส่วนคนที่ตาย ขณะจิตผ่องใส จะไปสู่สวรรค์คือ สภาพที่ใจปลอดโปรงโล่งเบาก็จะมีแก่ผู้นั้น

    สิ่งที่น่าคิดก็คือ ข้าพเจ้าทราบจากนักปราชญ์บัณฑิตโบราณ ท่านพูดเอาไว้ว่าการที่เราโกรธ ใคร เราไม่ให้อภัยเขา หรือเราไม่ไปขออโหสิกรรมความโกรธนั้นจะเป็นกรรม หนักติดตัว คือ...ติดใจเราไปยาวนานข้ามภพข้ามชาติ แปลว่า...ไม่ ว่าเราจะไปเกิดภพใดชาติใด กรรมนั้นก็จะตามไปไม่สิ้นสุด.

    พระศรีญาณโสภณ วัดพระรามเก้า กรุงเทพ ฯ
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    แก่นสารของชีวิต..หลวงพ่อจรัญ..

    เราประชาชนทำตนให้เป็นแก่นสารเข้าถึงธรรมเข้าถึงเนื้อแท้ เข้าถึงศีล สมาธิ ปัญญา ถึงกรรมฐานเป็นการชดเชยสังขารร่างกายว่าตามปกติ ไม่มีแก่นสารอะไรเลยเกิดมาแล้วก็แปรเปลี่ยนไปทุกอย่าง
    จนกระทั่งผลสุดท้ายทนอยู่ไม่ไหวต้องแตกดับทำลายไปร่างกายอยู่ในสภาพไร้วิญญาณเลิกทำ เลิกพูด เลิกคิด เลิกทุกอย่างปล่อยวางภาระให้คนอื่นเขาจัดการแทนต่อไป

    นี่แหละความดี แก่นสารของชีวิตเป็นอย่างนี้ท่านจะเอาอะไรที่แน่นอน ไม่มีอะไรที่แน่นอน
    ท่านสะสมบุญเถอะ เจริญกุศลภาวนาท่านจะมีเนื้อหาสาระแก่นสารของชีวิตแน่นอนชีวิตท่านจะเป็นปกติดีตลอดรายการเช่น เดินจงกรม ต้องเดินให้มีสติยืนให้มีสติ นั่งให้มีสติ ยืนหนอ ๕ ครั้งยืนมีสติแล้ว เดินมีสติอยู่ที่ปลายเท้า
    จะเหลียวซ้ายแลขวา จะคู้แขนเหยียดขามีสติสัมปชัญญะ สาระอยู่ตรงนั้น

    ถ้าท่านขาดการกำหนดแล้วท่านจะไม่ปรารถนาธรรมจิตใจไม่เป็นกุศล จิตใจจะเป็นมลทินจิตใจจะเป็นบาปอกุศล
    จิตใจไม่เป็นผลงานไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งทองคำธรรมชาติที่หล่อเหลา เนื้อหาสาระก็หายไปเลยก็กลายเป็นไม้ฉำฉา ไม่มีเนื้อแก่นแต่ประการใดมีแต่กระพี้ต้นไม้ล้มลุก เช่นต้นพริก ต้นมะเขือเดี๋ยวก็ล้มตายไป แต่ต้นไม้มีแก่นต้องใช้เวลาปลูกนานสร้างความดีก็ต้องใช้เวลานานเช่นเดียวกัน

    ต้นไม้ที่เราปลูกจะมีแก่นก็ต่อเมื่อ ต้นไม้ถึงคราวเวลาเมื่อได้ที่ของมันก็มีแก่นเหมือนอย่างคนเราสร้างความดีก็เป็นแก่นสารทั้งนั้นชีวิตเป็นแก่นสารก็คือมีแก่น มีรากแก้วมีความอดทน มีสัจจะ มีเมตตา มีสามัคคี มีวินัย
    การเจริญกรรมฐานท่านเข้าใจอะไรหรือต้องการจะเอาชีวิตเป็นแก่นสารไหมชีวิตมีแก่นสาร สำคัญที่การเจริญกุศล
    บางคนขาดสติมาก แม้มีสตางค์เยอะหากขาดสติสตางค์ก็ไร้ความหมายถ้ามีเงินมีทอง ต้องมีสติมีความคิดใช้เงินทองให้เป็นประโยชน์ เป็นแก่นสารใช้แล้วให้เกิดประโยชน์ แก่ตนเองและครอบครัวใช้แล้วให้มีประโยชน์แก่ส่วนรวมใช้ให้เป็นประโยชน์แก่สังคมนี่แหละเรียกว่า สารธรรม

    การปฏิบัติกรรมฐาน ทำให้เราคิดได้คิดถูก คิดดี คิดอย่างมีปัญญาจะทำอะไรก็มีหน้ามีตา มีหลักมีฐานมีความเป็นอยู่ของชีวิตที่แน่นอนอาตมาก็ขอกล่าวเบื้องต้นว่าการเจริญกรรมฐานทำให้มีเนื้อหาสาระให้ไม้ฉำฉาหรือไม้ก้ามปู น่าดูในแก่นถึงหากมันจะไม่แข็งแรง แต่เอามาเลื่อยเข้าเอามาต่อโต๊ะ ต่อเก้าอี้มันก็เป็นแก่นดำ ๆ สวยเหมือนกันต้นไม้ไร้แก่น เหมือนต้นไม้ไร้ใบมันก็เหมือนคนไร้ความดีการเจริญกรรมฐานจึงเป็นบ่อกำเนิดของคนดีมีปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาบางคนไม่เอาเนื้อหาสาระ แต่ประการใดมีแต่กระพี้ มีแต่มอดกินไม้เนื้ออ่อนมอดกิน มันอ่อนเกินไปมันไม่แก่ มันไม่แน่นไม้อ่อนมากมันจะผุไว มอดมันจะกินไม้แก่แข็งแรงมีแก่นแก่นไม้ประดู่ ไม้แดงมันใช้เวลานานมาก

    การเจริญกรรมฐานจึงต้องใช้เวลาสะสมไปเรื่อย ๆสะสมเนื้อหาสาระบนความดีเป็นแก่นของชีวิตแล้ว
    ชีวิตท่านจะโปร่งใส ชีวิตท่านจะมีปัญญาชีวิตท่านจะแก้ปัญหา สมปรารถนาได้ทุกคนนี่เราเรียกว่าแก่นสาร
    แก่นสารตัวนี้แปลว่า แก่นของชีวิต
     
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    กำลังใจ

    การพิสูจน์ตนเองที่ดี อาศัยเวลาและการกระทำ มิใช่อธิบายและเหตุผล
    ร่าเริงเป็นยาบำรุง ความหวังเป็นยาบำรุง เมตตาเป็นยาบรรเทา
    ด้วยรักที่จะเรียนรู้ ล้มเหลวไม่ใช่เรื่องเลวร้าย มันให้บทเรียนและพิสูจน์ศรัทธา
    เราทำงาน อย่าให้งานทำเรา ให้งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ให้ชีวิตเพียงรู้จักรักการงาน
    ชีวิตที่สดชื่นแจ่มใส ก้าวเดินไปด้วยการเรียนรู้ สันโดษอยู่ด้วยการแสวงหา
    ผิดพลาดย่อมผิดหวัง คนเราผิดหวังได้เสมอ แต่อย่ายอมอยู่อย่างสิ้นหวัง
    ในความว้าเหว่เงียบเหงา เพียงเรารู้จักสงบ เราจะพบตัวเราเอง
    รอยร้าวในใจของนักสู้ ไม่ใช่อยู่ที่เคยล้มเหลว แต่อยู่ที่ไม่ยอมเริ่มต้นใหม่
    ถ้าใจจะต้องปวดร้าว อย่างไรก็ปวดร้าว เร็วไปวันสองวันจะเป็นไรไป....
    แพ้เป็นบันได ชนะเป็นสะพาน ประสบการณ์เป็นบทเรียน.......
     
  10. manufc

    manufc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +145
    เจอแล้วครับ ลำดับที่32 ขอบคุณมากครับคุณCheKuvara
     
  11. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    โชคดี...วันนี้มีความสุข

    ความคิดนี่แหละ ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุขที่ควรจะเกิด ควรจะมีให้ลดน้อยลงไป
    บางขณะ เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่ายๆ แต่เพราะความคิด ความกังวล
    ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก

    ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล
    ยิ่งไม่มีความสุข ยิ่งหวาดกลัววันข้างหน้า ก็อย่าไปคิดมันเลย
    แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำให้ดีที่สุดกับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้...
    บางที ใครจะรู้ว่า อะไรๆที่ไปกังวลนั้น อาจจะมาไม่ถึงก็ได้..

    ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้ จะตื่นหรือเปล่า
    อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง...
    มองวันนี้ ทำวันนี้ มีความสุขกับทุกวินาทีนี้ ...
    ที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า เวลามีพอเสมอสำหรับความสุข

    ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้...
    ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด
    ม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือการเป็นชีวิตที่สมบูรณ์
    ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ

    ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหา ก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้เป็นอย่างไร
    ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักความสุข....
    เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคน อ่อนแอ หรือเข้มแข็ง
    ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ.....

    ต่างจากความสุข ที่ทำให้อ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ
    ความสุขเหมือนฝนพรำสาย อ่อนโยน งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า
    ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข...
    เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์
    ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง
    รู้จักการเติบโตทุกๆก้าว ให้กำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า

    โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์ เพราะเมื่อผ่านความทุกข์ ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า...
    จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต.
     
  12. ธีระภัทร

    ธีระภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +434
    พี่หนุ่มครับลูกอมก้นครกมีส่วมผสมของน้ำมันโปมั๊ยครับ สอบถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ
     
  13. ภูวดิท

    ภูวดิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,050
    ค่าพลัง:
    +8,086
    สวัสดีตอนเช้าทุกๆท่านครับ ขอให้พี่หนุ่มเดินทางปลอดภัยนะครับ
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อาจจะมีบางท่านเข้าใจผิดไปบ้าง ขอชี้แจงดังนี้เลยครับ

    ลูกอมรุ่น 1 สีเหลืองทอง เป็นลูกอมนางตะเคียน - บารมี
    ลูกอมรุ่น 2 สีชมพู เป็นลูกอมโป - โชคลาภ
    ลูกอมรุ่น 3 สีน้ำตาลแดง เป็นลูกอมพราย - วาสนา มหาเสน่ห์
    ลูกอมรุ่น 4 สีเทาำดำ เป็นลูกอมพราย - วาสนา มหาเสน่ห์

    ลูกอมก้นครกทำไว้แล้ว ไม่ได้เอามาออกให้ทำบุญครับ ปั้นเก็บไว้ สีออกน้ำตาลดำ ไม่มีน้ำมันโปผสม มีแต่น้ำมันต่างๆและน้ำมันวาสนา มหาเสน่ห์
    ลูกอมอีก 99 ลูก ที่จะเอามาจับฉลากนี้ คือลูกอมโปเลยครับ เป็นรุ่น 2 ที่ทำเพิ่มมาอีก 99 ลูก โดยการได้รับอนุญาติให้ทำเพิ่มได้จากเจ้าของน้ำมัน
    ที่คุณธีระภัทร ได้ไปแล้วคือลูกอมโป ที่เคยมีผู้ประมูลไปในราคา 9,999.-บาทและเป็นรุ่นเดียวแบบเดียวกับที่กำลังจะจับฉลากในกระทู้ไม่นานนี้แหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2010
  15. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    เห็นความเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนจริงๆค่ะ
     
  16. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    วันเสาร์นี้ ดูเงียบ ๆ แต่พี่หนุ่มอยู่ด้วยก็ดูมีสีสันดีครับ
     
  17. ta_eka

    ta_eka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +2,190
    โดนครับพี่หนุ่ม ขอเอาไปใช้นะครับ :cool:
     
  18. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,901
    สวัสดีครับคุณลุงกทม.สบายดีนะครับ
    เล่าประสบการณ์ดีๆให้ลูกๆหลานๆฟังบ้างนะครับ

    ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับพี่หนุ่ม
    สวัสดียามเช้าครับท่านประธานรวมถึงเพื่อนสมาชิกทุกๆท่านนะครับ
     
  19. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,901
    คุณta_eka รูปแทนตัวสวยแจ่มเลยนะครับ
    สวยกว่าองค์ผมซะอีก :cool::cool::cool:
     
  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ในคืนวันเพ็ญเดือน 12 มีเรื่องราวเกิดมากมาย ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งโลกสมมุติและโลกวิญญาณ ทั้งธรรมชาติของโลกและธรรมะของพระพุทธองค์ คนที่เกิดในวันพุธกลางคืนหรือ เกิดในคืนเพ็ญพุธ ควรหาโอกาสอาบน้ำกลางแสงจันทร์สักครั้งในคืนนี้ โดยให้อาบกลางแจ้ง อย่าให้เงาต้นไม้หรือเงาบ้านเรือนทับตัว ให้สองเท้ายืนบนแม่ธรณี อย่าให้น้ำไหลตกลงน้ำครำสกปรก ใช้ดอกบัวขาว เทียนขาว และธูป 16 ดอก เอาเงินเหรียญใส่ในถังน้ำก่อนอาบด้วย หากต้องอาถรรพ์มานานให้ใช้น้ำทิพย์ล้างหน้ากลางแสงจันทร์วันเพ็ญสักครั้ง เป็นความเชื่อที่มีมาในศาสตร์บางแขนง
     

แชร์หน้านี้

Loading...