แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”

    ว.วชิรเมธี


    แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝนต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
    ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
    ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวันก็ยังโง่เท่าเดิม
    นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”
    ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
    ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
    ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
    ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
    ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
    ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ


    ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
    ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
    ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ
    ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
    ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
    ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน
    ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
    ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
    ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ…
     
  2. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เป้าหมายของชีวิต



    โดยธรรมชาติแล้ว
    ชีวิตย่อมมีเป้าหมายของชีวิตอยู่เอง
    ครั้นเมื่อมนุษย์ช่างคิด ช่างฝัน
    เขาจึงได้รังสรรค์เป้าหมายขึ้นใหม่
    แล้วยอมเป็นทาสของเป้าหมายนั้นโดยดุษฏี
    เป้าหมายของชีวิตที่มนุษย์คิดขึ้นนั้น
    ไม่อาจนำมาซึ่งความเกษมสำราญที่แท้จริง
    ทั้งยังอาจเป็นเหตุแห่งความทุกข์ยากไม่รู้จบสิ้น
    เป้าหมายของการกระทำนั้นต้องมีอยู่
    แต่ต้องไม่งมงายยึดมั่นเกินไป
    เพราะความงมงายยึดมั่นเกินไป
    ทำลายความสดชื่นมั่นคงในการดำเนินชีวิต
    ดำรงจิตใจให้มั่นคง เริงรื่น ชื่นบาน
    และเกษมสำราญกับการช่วยเหลือสรรพชีวิตเถิด
    ชีวิตเฉพาะหน้าเช่นนั้น นั่นเอง
    ที่ดำรงอยู่แล้วในเป้าหมายของชีวิตที่แท้
    จงเป็น...ในสิ่งที่ต้องเป็น...ให้เป็นสุข
    อย่าพยายามเป็น...ให้เป็นทุกข์
    ในสิ่งที่คิดว่า...น่าจะเป็น

     
  3. chai wong

    chai wong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +1,366

    ขอบพระคุณครับ คุณหนุ่ม ขออนุญาตส่งต่อนะครับ
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    -คนที่ยากจนที่สุดในโลกนี้ ไม่ใช่คนที่ไม่มีเงิน แต่คือคนที่ไม่มีฝัน

    -เราสามารถวัดขนาดของบุคคลได้ด้วยขนาดของความฝันของเขา

    -ใครก้อตามที่รู้จักฝัน ก้อไม่มีที่แห่งไหนที่เขาไปไม่ถึง

    -อย่าปล่อยให้ความผิดหวังวันวานมาบดบังความฝันของวันนี้

    -คนเรามักไม่สังเกตสิ่งที่ทำไปแล้ว แต่จะสังเกตเห็นแต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ

    -เราจะเห็นอุปสรรคที่น่ากัวทันที ก้อต่อเมื่อเราละสายตาจากเป้าหมายของเรา

    -ตัวตนเหมือนต้นไม้ ชื่อเสียงเหมือนเงา เงาก้อแค่สิ่งที่เราคิด แต่ต้นไม้ต่างหากคือตัวจริงของเรา

    -คนยิ่งใหญ่จะพูดถ่อมตัว แต่ลงมือกระทำเกินตัว

    -ไม่ใช่คนที่ประสบสำเร็จทุกคนจะเป็นพ่อที่ดีได้ แต่พ่อที่ดีทุกคนคือคนที่ประสบความสำเร็จ

    -เรื่องน่าเศร้าของชีวิตไม่ได้หมายถึงชีวิตไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่หมายถึงการไม่มีเป้าหมายให้ชีวิตไปถึง

    -สิ่งที่เราทำเพื่อตัวเองจะตายไปพร้อมกับเรา แต่สิ่งที่เราทำให้ผู้อื่นจะคงอยู่และไม่มีวันตาย

    -ความสำเร็จไม่เคยโน้มตัวลงมาหาเรา แต่ราต้องเขย่งตัวขึ้นไปหาความสำเร็จ

    -การคุยกันไม่ด้ทำให้ข้าวสุก (สุภาษิตจีน)

    -บังคับจิตใจตนเองให้ได้ และจิตใจจะบังคับร่างกายคุณเอง

    -ต่อเมื่อบ่อน้ำแห้ง เราจึงรู้คุณค่าของน้ำ

    -คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ก่อตั้งบริษัทที่มั่นคง ด้วยอิฐที่คนอื่นยื่นให้เขา


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  5. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]คุณค่าของเวลา

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 10 ปีมีค่าขนาดไหน ถามคู่แต่งงานที่เพิ่งหย่าร้างกัน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 4 ปีมีค่าขนาดไหน ถามนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งรับปริญญาจากมหาวิทยาลัย

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ปีมีค่าขนาดไหน ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 9 เดือนมีค่าขนาดไหน ถามแม่ที่เพิ่งคลอดลูก

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือนมีค่าขนาดไหน ถามมารดาที่คลอดบุตรยังไม่ครบกำหนด

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 อาทิตย์มีค่าขนาดไหน ถามบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมงมีค่าขนาดไหน ถามคนรักที่รอพบกัน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 นาที มีค่าขนาดไหน ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทาง หรือเรือบิน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาที มีค่าขนาดไหน ถามคนที่รอดตายจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด

    ถ้าท่านอยากรู้ว่าเวลาเสี้ยวหนึ่งของวินาที มีค่าขนาดไหน ถามนักกีฬาโอลิมปิคที่ชนะเหรียญเงิน

    ถ้าท่านอยากรู้ว่ามิตรภาพมีค่าขนาดไหน เสียเพื่อนสักคนหนึ่ง

    เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว
    มันจะไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาของท่านทุกขณะอย่างดีที่สุด


    ท่านจะรู้คุณค่าของเวลาเมื่อท่านแบ่งปันกับคนที่พิเศษสุดในชีวิตของท่าน

    [/FONT]
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ค ว า ม จ ริ ง ใ น ค ว า ม รั ก
    มันก็เป็นความจริง...อย่างที่ความจริงเป็น...

    ความจริงเกี่ยวกับความรัก

    1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือ การรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง

    2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ทานประทานมา

    3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

    4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป

    5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้ว เนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่ เปิดไว้รอเรา

    6.เพื่อนที่ดีที่สุด คือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไร กันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด

    7.เป็นความจริง ที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา

    8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคน ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา

    9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวก โดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ

    10. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้

    11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

    12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

    13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้

    14.มีช่วงเวลาในชีวิต ที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขามาจากความฝัน เพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น

    15. ฝัน ถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป เป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ

    16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข

    17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน

    18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุขได้

    19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่า เราเป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในพวกเขา

    20. คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก

    21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้น ที่รู้จักคุณค่าของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิตพวกเขา

    22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา

    23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ

    24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ

    - A man overtime falls in love with the woman he is attracted to, and a woman overtime becomes more attracted to the man she loves.
    ผู้ชายมักจะตกหลุมรักคนที่เค้าหลงเสน่ห์ และผู้หญิงจะหลงเสน่ห์คนที่เธอตกหลุมรัก

    - Friendship is love minus sex and plus reason. Love is friendship plus sex and minus reason.
    มิตรภาพคือ ความรัก ลบด้วย เซ็กซ์ และบวกเอาเหตุผลเพิ่มเข้าไป ส่วนรักคือ มิตรภาพบวกด้วยเซ็กซ์ และลบเอาเหตุผลออก

    - To love is nothing. To be loved is something. To love and be loved is everything!!
    การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง การถูกรักเป็น "บางอย่าง" ทีเดียว ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกอย่าง (ว้าว)

    - You may only be one person to the world but you may also be the world to one person.
    คุณอาจจะเป็นแค่ "คน ๆ หนึ่ง" ในโลกใบนี้ แต่คุณอาจจะเป็น "โลกทั้งใบ" ของคนคนหนึ่งก็ได้

    - Friendship often ends in love, but love in friendship- never.
    มิตรภาพมักจะจบลงด้วยความรัก แต่ความรักไม่มีวันจบลงด้วยมิตรภาพ
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"Life.... in your memory "

    เราใช้ชีวิต.... ผ่านความทรงจำมากมาย

    บ้างก็น่าจดจำ... บ้างก็ไม่น่าจดจำ

    ครั้งหนึ่ง.. ที่เราเคยล้ม

    ครั้งนั้น.. เราก็ลุกมาแล้ว

    หากลองนั่งมองย้อนไปยังวันเก่าๆ

    บางคนบอกว่า.... ไม่อยากจำเรื่องที่ไม่น่าจำ

    แต่คำว่า " ไม่อยากจำ " เรานำมาใช้แทนที่คำว่า " ไม่เคยลืม" ต่างหาก


    เราไม่เคยลืม.. เรื่องที่เราไม่อยากจำ

    ไม่งั้น...เราจะพูดว่า "ไม่อยากจำ" ทำไม ??

    คราวนี้.. เราลอง ยอมรับความจริง .. นึกถึงมันดูบ้าง

    บางที... เรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้น

    มันก็ให้อะไรบางอย่างกับเรา

    มันทำให้เราเรียนรู้.... เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองเจ็บอีก

    มันทำให้เราตั้งสติได้ดีขึ้น.. .. คิดได้มากขึ้น

    และทุกๆการดำเนินไปของชีวิตในเวลาต่อมา

    ล้วนกลั่นกรองผ่านความทรงจำในเหตุการณ์เหล่านั้นมาด้วย

    ถ้าเราลองคิดดีๆ....

    วันนี้.... วันที่เราได้ลองนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมา

    วันที่เรากำลังค้นหา....

    และคัดสรรสิ่งดีๆให้กับชีวิตเรา

    เราคงได้นั่งพักซะบ้าง....

    ถ้าเราไม่เคยเหนื่อยและล้มเจ็บมาก่อน

    ....ขอบคุญ... ทุกๆความทรงจำ

    >>> ที่เราไม่เคยลืม <<<

    [/FONT]
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อดีต...ไม่มีใครอยาก " มี " ....แต่ " มี " กันทุกคน

    ปัจจุบัน....บางคนไม่อยาก " มี " .....แต่ " มี " กันทุกคน

    อนาคต...ทุกคนอยาก " มี " แต่ " มี " เป็นบางคน
     
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    มีครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 พ่อลูก

    ผู้เป็นพ่อนั้น ต้องหาเลี้ยงลูกสาวตัวคนเดียว มาตั้งเเต่ลูกของเขายังเล็กๆ

    เนื่องจากภรรยาของเขา เสียชีวิต จากการคลอดลูกของเขา

    เขาทำงานเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ เเห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้มีเงินเดือนมากนัก

    เเต่ก็พอที่จะหาเลี้ยงครอบครัวได้ ลูกสาวของเขา เป็นเด็กน้อยที่น่ารัก อายุ 7 ขวบ มีนิสัยร่าเริง

    ปกติ จะออกไปเล่นกับเพื่อน.....เพราะผู้เป็นพ่อไม่มีเวลาให้

    วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เป็นพ่อ กำลังจะส่งลูกสาวของตนกลับบ้าน

    ลูกสาวของเขาก็ขอร้องให้เขาซื้อของอย่างหนึ่งให้

    มันคือกล่องใบหนึ่ง....ที่มีสีสันต์สวยงาม

    เขาก็ซื้อให้ เเต่ก็ไม่รู้ว่าลูกของเขาจะเอาไปทำอะไร

    หลายวันต่อมา เขากำลังเครียดอย่างหนัก เนื่องจากเขาไม่มีเงินพอที่จะผ่อนส่งค่ารถในงวดนี้ได้

    ลูกสาวของเขาเห็นดังนั้น จึงเดินตรงเข้าไปหาพ่อของเขา

    เเล้วถามว่า "พ่อขา พ่อเป็นอะไรไม่สบายใจ? นี่ หนูมีของขวัญให้พ่อค่ะ"

    เขาเหลือบไปมองลูกของเขาเเล้วนึกขึ้นได้....ใช่เเล้ว พรุ่งนี้เป็นวันเกิดเรานี่หน่า

    ลูกสาวของเขาก็ยื่นกล่องใบหนึ่งให้เขา.............เขารับมันไว้..มันเป็นกล่องใบเดียวกับที่เขาเคยซื้อให้ลูกของเขาเมื่อหลายวันก่อน

    บนกล่องเขียนด้วยตัวหนังสือจากดินสอสีว่า "สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณพ่อ"

    เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จึงรีบเปิดกล่องนั่นดูว่า มีอะไรอยู่ในนั้นหรือไม่


    เเต่...... มันไม่มีอะไรเลย.... มีเเต่ความว่างเปล่า

    เขารู้สึกผิดหวังมาก จึงบอกลูกไปว่า.....ทำไมถึงเอาเงินพ่อไปทำอะไรไร้สาระเเบบนี้ พ่อกำลังกลุ้มอยู่นะ

    ลูกสาวได้ยินดังนั้นก็ร้องให้....เเล้วพูดขึ้นว่า


    "โถ่....พ่อจ๋า ในกล่องนั้นทำไมจะไม่มีอะไร........หนูจูบใส่กล่องนั้นทุกวันๆ.....จูบใส่กล่องนั้นจนเต็ม.."

    "เวลาที่พ่อกำลังเสียใจ....จะได้นึกถึงหนูไงค่ะ"

    เมื่อผู้เป็นพ่อได้ยินดังนั้น...เขาก็นึกได้เเละเขาคว้าลูกสาวของเขามากอดไว้.....กอดไว้เเน่น.....เเล้วบอกว่า

    "พ่อขอบใจมาก....นี่เป็นของขวัญที่พ่อได้ครั้งเเรก ลูกทำให้พ่อรู้สึกดีขึ้นมากเลย พ่อขอบใจหนูนะ"

    วันถัดมา เขาหยิบยืมเงินเพื่อนที่ทำงานของเขา......เพื่อที่จะพาลูกเขาไปเที่ยว..ไปหาอะไรดีๆทาน

    เพราะวันนี้เป้นวันเกิดของเขา

    เขาจอดรถด้านตรงข้ามกับโรงเรียน เขาเห็นลูกของเขากำลังเล่นกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน...

    เมื่อลูกสาวของเขาเห็นเขา...ก็ดีใจ เเล้วรีบวิ่งมาหาพ่อเขา......ด้วยความไร้เดียงสา

    โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีรถคันหนึ่ง...กำลังวิ่งด้วยความเร็ว

    "โครม!!!!"

    เสียงรถที่พุ่งชนเด็กน้อยดังไปทั่วบริเวณ

    เขาไม่อยากจะเชื่อสายตา..........นั่นลูกของเขา....วันที่จะได้มีความสุขด้วยกัน....ทำไม?

    ความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา....พร้อมกับ..."หัวใจ"ของผู้เป็นพ่อ...ที่เเตกสลาย

    เขาวิ่งไปหาลูกของเขา

    กอดลูกของเขาไว้เเน่น...ท่ามกลางผู้คนที่มุงดู.....เขาร้องให้ออกมา

    น้ำตาของผู้เป็นพ่อ...ไหลลงมาอาบเเก้มของเด็กน้อย...ที่ไร้ชีวิต.....

    เขาเสียใจที่ไม่เคยมีเวลาให้ลูกเขาเลย......เขาเสียใจที่ไม่สามารถทำหน้าที่พ่อได้อย่างเต็มที่....ได้อย่างสุดความสามารถ...

    เวลาผ่านมาเนิ่นนาน

    เขากลายเป็นคนที่เก็บตัว.......รถก็โดนยึด

    เนื่องจากไม่มีเงินผ่อนต่อ........เพื่อนฝูงก็ไม่ได้คบหา....

    เขาไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่อใคร.....อยู่ไปทำไมกัน

    เเต่เมื่อเขาหันไปมองที่ปลายเตียง....เตียงที่ลูกของเขาเคยนอน....เขาเห็น..

    กล่องใบนั้น....ของขวัญอันเเรกเเละอันสุดท้ายที่เขาได้รับ...จากลูกของเขา...

    ทุกครั้งที่เขารู้สึกเหงาเเละว้าเหว่...เขาจะเปิดกล่องใบนั้น

    เเละเอาเเก้มของเขา...ไปเเนบที่กล่องใบนั้น....ช้าๆ.....

    เพื่อที่จะได้รับ "จูบ" ที่ลูกของเขา..เคยจูบให้เขาจนเต็ม

    เเม้จะรู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนาน...เเต่จูบที่ลูกของเขา เคยใส่เอาไว้....มันไม่มีทางที่จะหายไปตามกาลเวลา

    เหมือนกับความรักของเขาที่มีต่อลูกของเขา

    "โถ่....พ่อจ๋า ในกล่องนั้นทำไมจะไม่มีอะไร........หนูจูบใส่กล่องนั้นทุกวันๆ.....จูบใส่กล่องนั้นจนเต็ม.."



    "เวลาที่พ่อกำลังเสียใจ....จะได้นึกถึงหนูไงค่ะ" ........

    หากคนที่คุณรักยังอยู่....ก็จงรักเขาให้มากๆ

    เเละทำให้เขามีความสุข...อย่าทำให้เขาเสียใจ
     
  10. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]" แม่โกหกผม "

    " แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต "
    1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน
    ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อย ๆ
    เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว... แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก
    พร้อมทั้งพูดว่า"ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ... ส่วนแม ่ไม่ค่อยหิว"
    นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม

    2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ
    เพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม
    แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ ทำเป็นซุปให้ผมกิน
    ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา..แม่จะนั่งข้าง ๆผม แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาหลังจากที่ผมไ ด้กินเนื้อปลาไปแล้ว
    ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก..ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่
    แต่แม่ปฎิเสธทันควันพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกกินเถอะ...แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม

    3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น
    แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการรับงานเล็ก ๆน้อยจากโรงงานมาทำที่บ้าน
    บางครั้งผมตื่นขึ้นมาตอนตี 1 หรือตี 2...ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน
    "แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก"
    แม่ยิ้มกับผมพูดว่า "ลูกนอนต่อก่อนนะ...แม่ยังไม่เหนื่อย...นอนไม่หล ับ"
    ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม

    4. ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยมผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย
    แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจใ ห้ผม
    มันเป็นวันที่แดดร้อนมาก ๆ...แม่ต้องรอผมอยู่หลายชม.
    เมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ...รีบออกมาหาแม่
    เห็นแม่ผมมีเหงื่อออกท่วมตัว..
    แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม
    ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อยและร้อนจึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อ น
    แม่พูดขึ้นว่า "ลูกดื่มเถอะ....แม่ยังไม่กระหายน้ำ"
    นั่นเป็นครั้งที่ 4 ที่แม่โกหกผม

    5. หลังจากที่พ่อผมล้มป่วยและเสียชีวิต
    คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว
    แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเพียงไร
    คุณลุงที่อยู่ข้าง ๆบ้านท่านเป็นคนดี
    พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ....เช่นซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง..ฯลฯ
    เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมากก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่
    แต่แม่ยืนกรานไม่เห็นด้วย แม่พูดกับผมว่า
    "แม่มีลูกอยู่ทั้งคน...แม่ไม่ต้องการความรักอีก"
    แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 5 แล้ว

    6. ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ
    ผมอยากให้แม่ซึ่งตรากตรำทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง
    แต่แม่ไม่ยอม.....กลับไปตลาดทุกเช้า
    ขายผักที่หามาได้เพื่อเลี้ยงชีพทั้ง ๆที่ผมพยายามส่งเงินมาให้แม่
    (ผมต้องไปทำงานในเมืองที่ห่างไกล)
    แม่ผมไม่ค่อยยอมรับเงินผม..บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก
    แม่พูดกับผมว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้ว... ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ"
    แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 6

    7. เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า..
    ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง
    เมื่อทำงานไปได้สักพัก... ผมอยากให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่อเมริกา
    เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน... พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต
    แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม...บอกผมว่า "แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างแดน"
    ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกผม

    8. เมื่อแม่แก่ตัวลงไปเรื่อย ๆ..
    ในที่สุดแม่ก็เป็นมะเร็ง และต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล
    ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุดที่รักทันที
    แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อผมไปถึง
    น้ำตาผมไหลอาบแก้มเมื่อเห็นแม่ซึ่งผ่ายผอมและดูทรุดโทรมลงอย่างมาก
    แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม....พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก
    ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดฝืน
    จากโรคมะเร็งร้ายที่ลามไปทั่วทั้งตัว
    ผมโอบกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร
    หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด
    แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ
    "ลูกรักของแม่... เห็นหน้าลูกแม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว"
    นี่เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหก
    และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของแม่ที่โกหกผม

    แม่ที่ผมรักและบูชามาตลอดชีวิตได้ปิดตาลง และจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งที่ 8 จบลง.........

    [/FONT]
     
  11. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]ปรัชญาสู่ความยิ่งใหญ่ 5 ข้อ
    --------------------------------------------------------------------------------

    มีผู้คนมากมายที่เคยเข้ามาพูดคุยและป้อนคำถามว่า “อะไรคือหลักปฏิบัติให้สามารถก้าวเดินสู่หนทางแห่งคว ามยิ่งใหญ่หรือบันไดสู่ความสำเร็จได้..?” คำตอบจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือบุคคลรอบข้าง มีปรัชญาง่าย ๆแต่ปฏิบัติยากเพียง 5 ข้อเท่านั้นคือ

    1. จดจำไม่ลืมเลือน
    เรื่องดีเก็บเกี่ยวให้เป็นความทรงจำอันประทับใจเพื่อ สร้างความสุข
    เรื่องร้ายเก็บใส่ใจเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อไม ่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นเดิมอีกต่อไปในอนาคต

    2. โอนอ่อนดั่งต้นหลิว
    การอ่อนน้อมถ่อมตน ล้วนเป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่ประสบความสำเ ร็จทั้งหลาย การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีไ ม่คล้อยตามบุคคลอื่นอย่างไร้เหตุผล การกระทำเช่นนี้เปรียบได้กับต้นหลิวใหญ่ที่รู้จักลู่ ลมเมื่อพายุฝนพัดกระหน่ำ แม้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายจักโค่นล้มลงเท่าใดก็ตาม หากแต่ต้นหลิวก็ยังคงทนอยู่ได้อย่างมั่นคงสืบไป

    3. เมตตารู้จักให้
    การรู้จักให้ความเมตตา ให้ความรัก ให้อภัย หรือสิ่งใดก็ตามในทางที่ดีแก่ผู้อื่นนั้น ย่อมสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้ประสบพบเห็นเสม อ ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก”

    4. สนใจรับผิดชอบ
    ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องเวลานัดหมาย เรื่องเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและตนเอง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและเอาใจใส่หากบุคค ลใดบกพร่องต่อหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วไซร้ เห็นที่จะประสบความสำเร็จได้ยาก ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณตัดเส้นทางเดินสู่ความยิ่งใหญ่ข องคุณเช่นกัน

    5. อดทนจนได้ชัย
    “เป้าหมายที่ปลายมือย่อมดีกว่าเป้าหมายที่ปลายฟ้า” ความหวังที่จะประสบผลสำเร็จในความปรารถนาที่จับต้องไ ด้และไม่ไกลเกินฝันนั้น แม้จะยังไม่สำเร็จในวันนี้หากรู้จักความมานะอดทนสักว ันหนึ่งวันข้างหน้าก็ต้องประสบความสำเร็จจนได้ เช่นเดียวกับสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยที ่พี่ชายผู้เขียนเป็นนายกสมาคมฯ และผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งกลายเป็นทีมกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2547 สามารถคว้าเหรียญกีฬาโอลิมปิค ได้ถึง 4 เหรียญ เราต้องใช้ระยะเวลาในการหล่อหลอมฝึกฝนนักกีฬาแต่ละคน ไม่ต่ำกว่า 8- 10 ปี ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ กว่าจะมีวันแห่งชัยชนะและเป็นสุดยอดของทีมนักกีฬาไทย หรือแม้กระทั่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยรังสิ ต ที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษจนกระทั ่งกลายเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์แชมป์โลก ต่างก็ต้องอดทนต่ออุปสรรคมากมายกว่าจะถึงเส้นชัย ดังนั้นการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่นั้นจำเป็นต้องอดทน

    [/FONT]
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เรา...ในสายตายของนายจ้าง

    หมา ตัว หนึ่ง
    เจ้าของร้านขายเนื้อสดคนหนึ่งรู้สึกประหลาดใจที่หมาตัวหนึ่งมาที่ร้าน
    โดยในปากมันคาบแบงค์10 ดอลลาร์ และกระดาษเขียนข้อความว่า
    "ขอซื้อไส้กรอก 12 ชิ้นกับขาแกะ 1 ขาครับ"

    เขารู้สึกประทับใจความแสนรู้ของมัน ดังนั้นหลังจากเก็บเงิน 10 ดอลลาร์
    และเอา ไส้กรอกและขาแกะ ใส่ถุงแขวนที่ปากให้มันคาบไปแล้ว
    เขาจึงตัดสินใจปิดร้านสะกดรอยตามมันไป....

    หมาตัวนั้นเดินไปตามถนนจนถึงทางม้าลาย มันก็วางถุงที่คาบไว้ลง
    แล้วยืนด้วยขาหลังและ ยกขาหน้ากด ปุ่มไฟสำหรับคนข้ามถนน
    แล้วก็คาบถุงต่อ รอจนไฟคนข้ามเขียวมันจึงข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง...

    มันจ้องมองตารางเวลา เดินรถแล้วนั่งลงตรงที่นั่งรอ
    สักพักมีรถเมล์คันหนึ่งมา มันเดินไปดูหมายเลขที่ หน้ารถ
    แล้วก็กลับมานั่งรอต่อ อีก สักเดี๋ยวก็มีรถเมล์ อีกคันมันเดินไปดูหมายเลขรถอีก
    เมื่อเห็นว่าเป็นสายที่มันรออยู่มันจึงขึ้นรถเมล์ นั้น...

    คนขายเนื้อถึงกับอ้าปากค้างทึ่งในความแสนรู้ของมัน
    แล้วรีบตามมันขึ้นรถคันนั้นไป
    หลังจากรถวิ่งผ่านกลางเมืองออกไปยังชานเมือง
    เจ้าหมาแสนรู้ก็ลุกจากที่นั่งเดินไปหน้ารถ มันยืน
    ด้วยขาหลังแล้วเอาขาหน้ากดกริ่งบนรถ

    เมื่อรถจอดมันก็ลงและเดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง แล้วเลี้ยวเข้าไป
    คนขายเนื้อยังสะกดรอยตามมันอยู่ห่างๆ เช่นเดิม...
    เมื่อมาถึงประตูบ้านที่ปิดอยู่มันก็วางถุงไส้กรอกที่คาบไว้ลง
    แล้วถอยหลังมาตั้งหลักประมาณ 2-3 เมตร
    จากนั้นก็วิ่งเข้าชนประตูเต็มแรง มันพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง
    แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก...

    มันเลยเดินอ้อมตัวบ้านไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดอยู่และเอาหัวโขกที่หน้าต่างหลายครั้ง
    แล้วก็เดินกลับ มารอที่ประตู....
    สักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดโดยเจ้าของหมาเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ้ก
    ซึ่งพอเปิดประตูเสร็จเขาก็เริ่มเตะต่อยและ ตะโกนด่าเจ้าหมาแสนรู้ตัวนั้นทันที
    ถึงตอนนี้คนขายเนื้ออดรนทนไม่ไหว เขารีบวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าของหมา
    พร้อมกับถามว่า

    "คุณเตะมันทำไมกัน
    มันเป็นหมาสุดอัจฉริยะเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
    ถ้าไปออกทีวีต้องดังแน่ๆ
    เจ้าของหมาตอบสวนทันทีว่า
    "คุณว่ามันฉลาดนักเหรอ เชอะ!
    รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นะ ที่มันลืมเอากุญแจบ้านติดตัวไปด้วย"

    คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
    "เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น
    แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"
     
  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อาจารย์สอนยูโดชาวญี่ปุ่น อายุปูนปัจฉิมวัยคนหนึ่ง
    ชวนลูกศิษย์หนุ่มชาวอเมริกันเดินทอดน่องไปตามชายหาดยามเย็น
    ช่วงหนึ่งของการสนทนา อาจารย์ใช้ไม้เท้าขีดเส้นสองเส้นคู่ขนานลงไปบนผืนทรายขาวละเอียด
    เส้นหนึ่งยาวประมาณ 5 ฟุต อีกเส้นหนึ่งยาวประมาณ 3 ฟุต

    "เธอลองทำให้เส้นที่ยาว 3 ฟุต ยาวกว่าเส้นที่ยาว 5
    ฟุตให้อาจารย์ดูหน่อยสิ"

    เสียงอาจารย์บอกเป็นเชิงท้าทายอยู่ในที

    ลูกศิษย์อเมริกันหยุดคิด พินิจเส้นทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ก็เผยยิ้มที่ริมฝีปากเหมือนค้นพบคำตอบ


    เธอบรรจงใช้เท้าข้างหนึ่งค่อยๆ
    ลบรอยเส้นตรงที่ยาวประมาณ 5
    ฟุตนั้นให้สั้นลงจนเหลือนิดเดียว
    โดยวิธีนี้เส้นที่ยาวราว 3 ฟุตจึงโดดเด่นขึ้นมาแทน
    ลบเสร็จเธอเงยหน้าสบตาอาจารย์พลางขอความเห็น

    "เช่นนี้ ใช้ได้หรือยังครับ"

    ผู้เป็นอาจารย์ใช้ไม้เท้าเคาะหัวเธอเบาๆ
    หนึ่งทีก่อนบอกว่า

    "ใช้วิธีนี้ ชีวิตเธอก็มีแต่จะล้มเหลว รู้ไหม?

    คนที่คิดจะยกตัวเองให้สูงขึ้นโดยการทำร้ายคู่แข่งนั้น
    ไม่สู้ฉลาดเลย ทางที่ดี จงยกตัวเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง"


    ว่าแล้วอาจารย์ก็ขีดเส้นทั้งสองใหม่
    แล้วสาธิตให้ดูโดยการปล่อยเส้นที่ยาว 5 ฟุตไว้อย่างเดิม
    แต่ขีดเส้นที่ยาว 3 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 10 ฟุต
    ฝ่ายลูกศิษย์ยังคงกังขา

    " คู่แข่งของเธอ ไม่ใช่ศัตรู แต่คือครูของเธอ
    และเขาคือคนสำคัญที่จะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม "



    เธอลองคิดดู
    หากไร้เสียซึ่งคู่แข่ง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีศักยภาพในการทำงานขนาดไหน

    ไม่มีอัปลักษณ์ เธอจะรู้จักความสวยงามได้อย่างไร

    คู่แข่งขันของเรายิ่งเก่ง ยิ่งฉลาดล้ำ
    ก็จะทำให้เรารู้จักขยับตัวเองขึ้นไปให้สูงส่งยิ่งขึ้น

    นักสู้ที่ดีนั้น เขายืนหยัดอยู่ในสังเวียนได้
    เพราะมีคู่ต่อสู้ที่เข้มแข็ง
    คู่ต่อสู้ที่อ่อนแออาจทำให้เราเป็นผู้ชนะ
    แต่ชัยชนะนั้นมักไม่ยืนยง

    คนที่พยายามจะเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยการฆ่าน้อง
    ฟ้องนายและขายเพื่อน ถึงแม้จะทำได้สำเร็จ
    แต่นั่นก็เป็นความสำเร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ
    ไม่อาจเอ่ยอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ


    การเลื่อนตัวเองขึ้นไป โดยวิธีที่ไม่ชอบธรรมกับการเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยปล่อยให้คนอื่นได้ก้าวไปตามวิถีทางของเขาอย่างเสรีนั้น
    มีผลลัพธ์ต่างกันเพียงไร

    "การเลื่อนตัวเองขี้น พร้อมกับลดคนอื่นลง
    เธออาจชนะแต่ก็มีศัตรูเป็นของแถม

    "การเลื่อนตัวเองขึ้นแต่ไม่ลดคนอื่นลง
    เธออาจเป็นผู้ชนะพร้อมกับมีเพื่อนแท้เพิ่มขึ้นมากมาย


    วิธีไหนจะดีกว่ากัน?"
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    "ถ้าวันนี้คุณรู้ว่าวันสุดท้ายของชีวิตกำลังจะมาถึง วันนี้ก็คือวันเริ่มต้นของชีวิต"

    ลองคิดทบทวนกับประโยคนี้ดีดีนะครับ
    ทำไมวันเริ่มต้นของชีวิตคือวันที่เรารู้ตัวว่าใกล้จะตาย

    ผมเล่าเรื่องของคนคนนึงให้ฟังดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งอธิบายรูปประโยคกันให้เมื่อยตุ้ม

    ที่ทำงานคุณมีการตรวจสุขภาพกันรึเปล่าครับ ตรวจร่างกายทั่วไปประจำปี
    ตรวจโรคติดต่อ ใช่...ที่สำคัญมีการตรวจเลือดด้วย
    มีคนรู้จักคนนึง ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะบอกว่าเค้าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เป็นผู้ชายที่เข้าข่ายของกลุ่มเสี่ยงก็ว่าได้ เอาทุกอย่างยกเว้นการพนัน

    คนนี้แหละครับที่ผลการตรวจเลือดประจำปีออกมาว่าเค้าเลือดบวก
    แต่หมอยังไม่ยืนยัน แล้วก็นัดให้ไปตรวจใหม่อีกสามเดือน
    เป็นอันว่าหลังวันตรวจเลือดและรู้ผล เค้าเชื่อว่าผลตรวจเลือดเป็นจริง

    เท่านั้นแหละครับ ชีวิตดับทันที งานการไม่ไปทำ หลบตัวอยู่กับบ้านประมาณอาทิตย์นึงได้ พอเพื่อนๆ เจอหน้าเค้าอีกที คราวนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป

    เลิกงานแล้วก็ไปหาแฟน พาแฟนไปทานข้าวกับพ่อแม่ที่บ้าน เหล้าบุหรี่ก็ไม่แตะอีกเลย แล้วก็ไม่พูดถึงเรื่องผลการตรวจเลือดอีก เค้ากลับมาทำทุกอย่าง เล่นกีฬา เที่ยวต่างจังหวัด จนบางทีเราก็อดสงสัยกันไม่ได้ว่าชีวิตมันมี 48 ชั่วโมงหรือไง

    เพราะมันใช้เวลาทุกนาทีคุ้มมาก
    จนกระทั่งคนทางบ้านและแฟนมันแปลกใจ อดไม่ได้ที่จะแอบโทรมาถามเพื่อนว่าเค้าเป็นอะไรเหรอ ทำไมทำตัวเหมือนคนซึ้งสัจธรรมเลย ตอนนั้นพวกเราก็อึ้งนะครับ

    เพราะทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร แต่ก็มีเพื่อนคนนึงพูดขึ้นมาว่า
    นี่ถ้ามันเป็นคนดียังงี้แต่แรก มันก็ไม่ต้องตายแล้วหละ ใช่ครับ
    ถ้ามันเป็นคนดียังงี้แต่แรกมันก็ไม่ต้องตาย
    ทุกวันนี้มันฟื้นกลับมาเป็นคนอีกครั้ง

    หลังจากนั้นสามเดือนให้หลัง ผลตรวจเลือดปรากฏว่ามันไม่มีเลือดบวก
    ประโยคที่มันบอกกับพวกเรา
    มันบอกว่ามันดีใจ ที่พระเจ้าส่งมันไปดัดสันดานในนรกมาสามเดือน
    ทุกวันนี้ มันรักครอบครัว รักแฟน
    แล้วพวกเราก็คิดว่า มันทำทุกอย่างได้ดีเท่าที่คนรักควรจะทำ จนบางทีอดอิจฉาไม่ได้
    อยากให้ชีวิตเฉียดๆอะไรอย่างมันบ้าง

    ชีวิตของเรา เริ่มต้นเมื่อวันที่เรารู้ตัวว่ากำลังจะตาย หรือ
    จงใช้ชีวิตวันนี้ให้เหมือนว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต

    มันก็เหมือนกันความหมายเหมือนกันว่า คนเราไม่รู้จักคุณค่าของชีวิต
    จนวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง
    วันนั้นแหละ ที่เราจะรู้ว่าเราอยากทำอะไร
    แล้วทำไมเราต้องรอจนกระทั่งวันสุดท้ายมาถึงก่อน
    จึงคิดจะทำอะไร....ที่ใจอยากทำ

    แล้วถ้าสมมุติว่าพรุ่งนี้คุณกำลังจะจากคนที่คุณรักไปหละ
    วันนี้คุณจะทำอะไรให้เค้าก่อน
     
  15. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]ถอนหญ้า ถอนปัญหา

    เสียงเคาะประตูที่ดังผ่านแผ่นไม้มาพร้อมๆกับเสียง ที่ดูเหมือนกับเป็นคำสั่งว่า
    "ตื่นนอนได้แล้ว จะได้ช่วยกันทำงาน " เด็กน้อยคนหนึ่งตื่นขึ้นมา ท่าทางงัวเงีย สลึมสลือ

    มือจับผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงมาพับและตอบรับเสียงปลุกนั้น "อืม.....ตื่นแล้ว ได้ยินแล้ว"
    "นี่วันหยุดนะเนี่ย " เด็กน้อยบ่นกับตัวเอง

    "เดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปถอนหญ้าที่ไร่นะ" พ่อสั่งขณะที่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาให้ลูกชาย
    เด็กน้อยพยักหน้าตอบและลงมือทานอาหารมื้อแรกของวัน
    หลังจากทานอาหารเสร็จ

    เด็กน้อยเดินไปหยิบหมวกและเสื้อแขนยาวมาสวมเพื่อกันแดด แล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน กระโดดขึ้นซ้อนท้ายจักรยานโบราณ สภาพเก่าโทรม บ่งบอกถึงอายุการใช้งาน ซึ่งมีพ่อเป็นผู้ขี่


    ในระหว่างทางเด็กน้อยคุยกับพ่อตลอด เขาป้อนคำถามที่อยากรู้
    ซึ่งบางครั้งดูเหมือนกับว่าผู้เป็นพ่อจะพยายามสอดแทรกให้แง่คิดตลอด
    โดยที่เด็กน้อยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่นานนักก็ถึงไร่ที่เขามีภาระกิจที่จะต้องทำ
    "ถอนหญ้า ? ภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งหญ้าเปรียบเสมือน "ศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่ "

    "เดี๋ยวเจ้าถอนแปลงนี้นะ "
    พ่อสั่งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่แปลงผัก เด็กน้อยรับคำและลงมือถอนหญ้าออกจากแปลงผักทีละต้น ทีละต้น จนกระทั่งศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่ หายไปจากแปลงผักจนหมดสิ้น
    "ไปพักกินน้ำที่ใต้ต้นมะม่วงก่อน....ปะ "
    เด็กน้อยรับคำพ่อแล้วเดินไปพัก
    "กลับมาเร็วๆนะ ยังมีอีกแปลงหนึ่ง"
    เสียงพ่อสั่งตามหลังเด็กน้อย

    หลังจากได้พักกินน้ำ พ่อได้ส่งจอบให้เด็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
    "เอ้า...เอาไปถากหญ้า "

    เด็กน้อยรับจอบและตรงไปยังแปลงผักเพื่อทำภาระกิจต่อ

    ดูเหมือนกับว่าเด็กน้อยจะพึงพอใจกับการใช้จอบถากหญ้ามากกว่าการใช้มือถอน
    เหตุผลก็คือ
    มันทำให้เขาสามารถทำงานได้รวดเร็ว ซึ่งไม่นานนักเขาก็จัดการกับ ศัตรูตัวฉกาจของชาวไร่อย่างราบคาบ
    หลังจากที่ภาระกิจเสร็จสิ้นลง พ่อลูกก็พากันกลับบ้าน ระหว่างทางเด็กน้อยถาม
    "ทำไมไม่ให้ผมใช้จอบตั้งแต่แรกล่ะ
    ทั้งๆที่ทำงานได้เร็วกว่า "
    พ่อไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้ม เก็บซ่อนคำตอบไว้เพียงผู้เดียว

    ผ่านไป 1 สัปดาห์ พ่อได้พาเด็กน้อยกลับไปที่ไร่อีก สิ่งที่เด็กน้อยเห็นก็คือ

    ** แปลงที่ใช้มือถอน
    บัดนี้ไม่มีหญ้าให้เขาถอนเลยแม้แต่ต้นเดียว แต่...

    ** แปลงที่ใช้จอบถาก กลับมีต้นหญ้าปกคลุมเหมือนเดิม
    " ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ "

    เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย ทั้งๆที่เขาได้จัดการมันหมดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    พ่อตอบ
    " แปลงที่เจ้าใช้มือถอนน่ะ
    เจ้าได้ถอนมันถึงรากถึงโคน
    ส่วนแปลงที่เจ้าใช้จอบถากน่ะ
    เจ้าเพียงแต่ตัดเอาส่วนปลายของมันออกเท่านั้น
    มันยังคงมีส่วนที่ฝังลึกอยู่ในดินอีก

    มันก็เหมือนกับปัญหาต่างๆที่เราพบเจอนั่นแหละ
    ถ้าเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
    โดยปล่อยสาเหตุของปัญหาไว้
    ไม่นานนักปัญหานั้นก็จะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าอีก
    แต่ถ้าเราแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มันอาจจะยากสักนิด
    แต่มันก็ทำให้ปัญหานั้นหมดไปได้ "



    " จงหันหน้าสู้กับปัญหา.....อย่าท้อถอย"

    [/FONT]
     
  16. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดีตอนเช้าครับ ทุกท่าน โชคดีมีสุขจงเป็นของทุกท่านตลอดทั้งวันนี้นะครับ
     
  17. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    สวัสดีตอนเช้าครับพี่หนุ่ม และทุกๆท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 102468214.jpg
      102468214.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.1 KB
      เปิดดู:
      28
  18. ภูวดิท

    ภูวดิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,050
    ค่าพลัง:
    +8,086
    สวัสดีตอนเช้าครับ ทุกๆท่าน วันนี้พี่หนุ่มฟิตแต่เช้าเลยครับ
     
  19. herun

    herun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +1,052
    สวัสดียามเช้าครับ มาชุดใหญ่เลยนะครับคุณหนุ่ม
     
  20. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ผมจำได้ว่าในตำราแก้วสารพัดนึกหลวงพ่อ ท่านบอกว่าคาถานี้ภาวนาดี ๆ นิมิตเห็นเลขได้ด้วยนะครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...