ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

คุณทางสายธาตุถาม luxury ว่าไปวัดวรเชษฐ์บ่อยไหม ...ไม่บ่อยหรอกค่ะปีที่แล้ว 3 ครั้ง ไปงานบวงสรวงท่านพระนเรศวรมาด้วยค่ะ แต่ได้กราบพระ อาจารย์สิงห์ทนบ่อยค่ะเวลาท่านเดินทางมากรุงเทพ catt12

 

เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล อนุสรณ์ชัยชนะของแผ่นดิน

<TABLE id=post4454009 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4454009 class=alt1><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=10 align=middle></TD></TR><TR><TD height=10 align=middle></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD height=10 align=middle></TD></TR><TR><TD><CENTER>โบสถ์-เจดีย์วัดใหญ่


พระนอน


เจดีย์วัดใหญ่


พระนอน-เจดีย์


ภาพเก่าเจดีย์ศรีสัชนาลัย


พระพนรัตน์


นเรศวรวัดใหญ่ </CENTER>
นอกเกาะกรุงศรีอยุธยาด้านตะวันออกเฉียงใต้นั้นเดิมเป็นภูมิบ้านภูมิเมืองของอโยธยา ที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ขอมมีอำนาจในเมืองละโว้ ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา นั้น เมืองอโยธยาได้เกิดโรคระบาดผู้คนล้มตายเป็นอันมาก รวมทั้งเจ้าแก้วเจ้าไทย ผู้ครองเมืองอโยธยาก็สิ้นไปด้วยโรคระบาดดังกล่าว สถานที่ปลงพระศพเจ้าแก้วเจ้าไทยที่คลองสวนพลูนั้น ต่อมาพระเจ้าอู่ทองได้สร้างเป็นวัดขึ้นเรียกชื่อว่าวัดเจ้าแก้ว และวัดเจ้าพระยาไทยไทย ต่อมาวัดนี้น่าจะรวมกันเรียกภายหลังว่าวัดเจ้าแก้วพระพระสุริโยทัยยาไทย ปัจจุบันคือ วัดใหญ่ไชยมงคล ซึ่งปรากฏว่าวัดนี้มีเจดีย์องค์ใหญ่เป็นประธานที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และมีเหตุอัศจรรย์ที่มีการค้นพบ คัมภีร์คาถา พาหุงมหากาในกรุเจดีย์และชัยมงคลคาถา ซึ่งบรรจุอยู่ ภายในพระอุโบสถ สถานที่มีพระพุทธชัยมงคล เป็นพระประธาน อันล้วนแล้วได้รับการสักการะและนับถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดิน จึงทำให้วัดนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในสมัยอยุธยานั้นวัดนี้เป็นที่พำนักของพระภิกษุคณะป่าแก้ว ซึ่งมี พระพนรัตน์ เป็นประธานสงฆ์มีชื่อเรียกว่า วัดเจ้าพระยาไทย คณะป่าแก้ว และพระพนรัตน์ นั้นเป็นพระเถระที่พระนเรศวร ให้ความเคารพนับถือเป็นพระอาจารย์ ซึ่งมีเรื่องเล่าถึงความสำคัญและการเคารพเลื่อมใสในพระเถระจารย์รูปนี้ว่า ครั้งแผ่นดินของพระไชยราชานั้น วัดนี้ได้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดที่กระทำการเสี่ยงเทียน ก่อนที่ขุนพิเรนทร์เทพจะรวบรวมไพร่พลเข้ายึดอำนาจ ยึดอำนาจจากขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์และเชิญพระเฑียรราชา จากวัดราชประดิษฐานปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่มีพระนามว่า พระมหาจักรพรรดิ โดยมีการแต่งตั้ง ขุนพิเรนทรเทพ ผู้ชิงราชบัลลังก์คืนนั้นขึ้นเป็นพระมหาธรรมราชา ตำแหน่งพระอุปราชครองเมืองพิษณูโลก และพระราชทานให้ พระสวัสดิราช พระธิดาอันเกิดแต่ พระมเหสี พระสุริโยทัยนั้น อภิเษกเป็นพระชายามีตำแหน่งที่พระวิสุทธกษัตริย์

เมื่อพระนเรศวร พระราชโอรสของพระมหาธรรมราชากับพระวิสุทมธกษัตริย์ ครองราชย์เป็นกษัตริย์นั้น วัดเจ้าพระยาไทย ซึ่งเป็นที่พำนักของ สมเด็จพระพนรัต พระเถระที่พระนเรศวรทรงให้ความเคารพยำเกรงอย่างที่สุด จึงได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยมีการสร้างโบสถ์ วิหาร และอื่นๆจนกลายเป็นวัดสำคัญ

ส่วนความเคารพนับถือในพระพนรัตน์นั้น มีเหตุการณ์สำคัญกล่าวว่า เมื่อคราวพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถี ชนะพระมหาอุปราชของหงสาวดีนั้น พระนเรศวรทรงพิโรธต่อบรรดาแม่ทัพนายกองที่ตามเสด็จทัพไม่ทัน ปล่อยให้พระองค์ตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก ถึงกับทรงดำริจะลงพระราชอาญาประหารชีวิต ครั้งนั้นสมเด็จพระพนรัตได้ทูลขอพระราชทานชีวิตของแม่ทัพนายกองเหล่านั้นไว้ โดยยกเอาพุทธประวัติตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ต้องผจญมารอยู่โดยลำพัง เปรียบเสมือนกับพระนเรศวรที่ต้องทรงกระทำยุทธหัตถีโดยลำพังเช่นเดียวกัน

ครั้งนั้นสมเด็จพระพนรัตน์ได้ทูลแนะนำให้พระนเรศวรสร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นเป็นกุศลเพื่อล้างคำสั่งประหารชีวิตเหล่าทหารหาญทั้งหมด ซึ่งภายหลังได้ให้ทหารหาญนั้นไปตีเมืองทวายเมืองตะนาวศรี ไถ่โทษแทน พระนเรศวรทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้น มีนามเรียกกันว่า พระเจดีย์ชัยมงคล ประมาณ พ.ศ. 2135 นับเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่มีความสูง 1 เส้น 1 วา

เมื่อ ประมาณ พ.ศ. 2309 ข้าศึกจากเมืองหงสาวดีได้ยกพลมาประชิดกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกทัศน์หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาตรมรินทร์โปรดเกล้า ให้ยกทัพเรือออกจากพระนคร มาตั้งอยู่ค่ายที่วัดป่าแก้ว แต่การสู้รบครั้งนั้นเกิดทัพเรือเสียทีข้าศึกทำให้ พระยาเพชรบุรีถูกสังหาร จึงทำให้กองทัพของหงสาวดีบางส่วนได้ยึดเอาวัดป่าแก้ว หรือวัดเจ้าพระยาไทย เป็นฐานที่มั่นทำการสู้รบต่อจนกรุงศรีอยุธยาแตกใน พ.ศ. 2310 วัดแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างมากว่า 400 ปี จนภายหลังมีพระภิกษุ สามเณร แม่ชี กลุ่มหนึ่ง โดยการนำของพระฉลวย สุธมฺโมได้เข้ามาหักร้างถางพงที่ปกปิดทรากโบราณสถานเก่าแก่แห่งนี้เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมอยู่ประมาณ 4 ปี พระฉลวย จึงออกจาริกอีกครั้งหนึ่ง จึงนิมนต์พระครูภาวนาพิริยคุณ เจ้าอาวาส วัดยม อำเภอบางบาล ให้มาดูแลวัดร้างแห่งนี้แทน

พระครูภาวนาพิริยคุณ (เปลื้อง วิสฏฺโฐ) ได้นำคณะพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และแม่ชี หักร้างถางพง ฟื้นฟูวัดแห่งนี้จนได้รับการยกฐานะจากวัดร้างเป็นวัดราษฎร์ที่มีพระภิกษุจำพรรษา ในปี พ.ศ. 2500 โดยมีชื่อว่า วัดใหญ่ชัยมงคล ต่อมาพระครูภาวนาพิริยคุณ นั้นรับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูภาวนารังสีและครองวัดอยู่จนมรณภาพในปี พ.ศ. 2536 ภายหลังพระปลัดแก่น ปุญฺญสมฺปนฺโน คือพระครูพิสุทธิ์บุญสาร ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และได้ร่วมกับคณะพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และแม่ชี พัฒนาวัดใหญ่ชัยมงคล จนได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ,วัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น, และสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันวัดและเจดีย์ได้รับการปฏิสังขรณ์เป็นอย่างดี ในพ.ศ.๒๕๔๔ และได้มีการสร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะของแผ่นดินตลอดไป

</TD></TR></TBODY></TABLE>


</TR></TBODY>

 

ต้องขอโทษด้วยครับไม่ได้แจ้งไปว่าได้รับพระแล้วครับพี่ทางสายธาตุ ขอบคุณมากครับ

 

สวัสดีครับ...ผมชานนคนไทยเข้ามาห้องนี้จะอ่านเป็นส่วนมากไม่ค่อยได้ตอบก็ขออนุโมทนากับเจ้าของห้อง(พี่จงรักภักดี)และเพื่อนๆสมาชิกให้ความรู้เกียวกับประวัติศาสัตร์ไทยสมัยอยุธยาพร้อมพระประวัติของพระองค์ท่าน(สมเด็จพระนเรศวรมหาราช)...ก็มีเรื่องแจ้งข่าวเกียวกับงานสำคัญ...น้องโจ๊ก(สมาชิกพลังจิต)จะจัดงานบวงสรวง(ก็อปปีที่น้องส่งมาให้ผม)
ผมจะบวงสรวงเหรียญมหาราชกู้แผ่นดิน(ทอง-ธรรม) บวงสรวงในวันที่ 25 เมษายนนี้54 ที่พระราชวังจันทร์ จังหวัดพิษณุโลก ตอนนั้นพี่ก็คงยังเป็นพระภิกษุอยู่ ก็ขอให้พี่ตั้งจิตอธิฐานส่งมาร่วมบวงสรวงด้วยนะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่เกินไป รบกวนช่วยบอกต่อๆไปกับบุคคลที่รู้จัก และเคารพนับถือสมเด็จพระนเรศ และพระเจ้าตากสิน ด้วยนะครับ ให้ร่วมกันส่งกระแสจิตไปร่วมบวงสรวงด้วย หรือว่าจะไปร่วมพิธีด้วยก็ยินดีครับ ติดต่อที่ผมได้ตลอดครับ
รบกวนฝากบอกพี่คมน์,คุณณัฐเดช, คุณม้ง, คุณแหม่ม(แม่พลอย ฌมาลย์) พี่มาริน ด้วยนะครับ เพราะการนี้สมเด็จท่านรับสั่งให้รวมกำลังกัน งานจึงสำเร็จ
วัตถุประสงค์ที่ทำเพื่อไว้เป็นเครื่องรางของขลังมอบให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนครับ โดยไม่มีการเช่าบูชาแต่อย่างใดครับ และอีกส่วนหนึ่งจะแจกให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องไว้คุ้มครองป้องกันภัยครับ...ถ้าท่านสนใจที่จะไปร่วมงานโทรสอบถามที่เบอร์น้องได้ที่087-993-4299...ส่วนตัวกระผมคงไปไม่ได้ครับ...ต้องกราบอนุโมทนากับพี่จงรักภักดีที่ร่วมถวายปัจจัยทำบุญบวชอุปสมบทหมู่(พระป่า)ขอให้ธรรมคุ้มครองพี่และครอบครัวพร้อมเพื่อนๆและญาติธรรมของพี่ทุกๆท่านตลอดไปตราบเข้าซึ้งพระนิพพาน...กราบลาสวัสดีครับ

 

ขอบคุณที่นำข่าวมงคลเช่นนี้มาบอกครับ

ขออนุโมทนากับการบวชของพี่ด้วยครับ

 

ร่วมบุญถวายปัจจัยสร้างพระสิวลี บารมี 3 พระองค์กับคุณ Florence125 โอนไปทางอินเตอร์เนตแล้วนะคะ

ร่วมถวายปัจจัยบวชพระป่าและคุณชานนคนไทยด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องโจ๊กด้วยนะคะ (ชื่อนี้รับทราบมาจากน้องโมเยค่ะ)

ขอกุศลบารมีจงเกิดกับผู้บำเพ็ญกุศลและผู้มีกุศลจิตทุกผู้ทุกนามเทอญ

 

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอิมพีเรียลลาดพร้าว บัญชีเลขที่ 2242344495

ชื่อบัญชี ชานน นิ่มนคร


เลขที่บัญชีนี้ถูกต้องใช่ไหมคะ เพราะเพิ่มบัญชีนี้ในอินเตอร์เนตแบงค์กิ้งของ scb ไม่ได้ค่ะ

 

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอิมพีเรียลลาดพร้าว บัญชีเลขที่ 2242344495


ที่ถูกต้องเป็น 2242314495 ครับ ขออภัยเกิดความผิดพลาดในการแจ้งข่าว

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณทางสายธาตุด้วยค่ะ

 

หนังสือ ทางไปนิพพาน
เขียนโดย พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ.๙)

หนังสือเล่มนี้ ว่าด้วยภาคปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยตรง วิปัสสนากรรมฐาน เป็นธุระอันสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ และพระอริยสงฆ์ทุกๆรูป ไม่เคยละเว้นเลย ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน ดังนั้น หนังสือนี้ จึงเป็นหนังสือที่มีประโยชน์ แก่ท่านผู้มุ่งต่อการปฎิบัติเป็นอย่างดียิ่ง

คณะกรรมการวิปัสสนาสาร
สำนักงานกลางกองการวิปัสสนาธุระ
วัดมหาธาตุฯ คณะ๕ กรุงเทพมหานคร​

คุยกับคุณ Florence125 ทำให้นึกขึ้นได้ว่า พระครูสมุท์ จิรยุทธ์ ท่านเคยแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ชื่อ ทางไปนิพพาน ท่านแนะนำไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ตอนนั้นทางสายธาตุไปปฎิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี กลับจากวัดแล้วก็เลยไปวัดมหาธาตุเพื่อหาหนังสือเล่มนี้มาเก็บไว้ ซึ่งก็เก็บไว้จริงๆ เพิ่งจะรื้อออกมาจากกองหนังสืออีกครั้งในวันนี้เองค่ะ​

 

ถาม. ขันธ์ 5 ที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งย่อลงเป็นรูปธรรม นามธรรมนั้น เกิดที่ไหน เมื่อไร และดับที่ไหน เมื่อไร?

ตอบ. เกิดที่อายตนะภายใน 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และที่อายตนะภายนอก 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ เมื่อเวลาตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายถูกต้องเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจนึกคิดธรรมารมณ์ และดับที่เดียวกันกับเกิด เมื่อเกิดแล้วก็ดับไปทันที

 

ถาม. โลภะ โทสะ โมหะ เกิดที่ไหน เมื่อไร?

ตอบ. เกิดที่อายตนะภายนอกนี้แหละ เกิดเมื่อขณะตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ใจนึกคิดธรรมารมณ์ เช่น ขณะตาเห็นรูป ชอบใจรูป เป็นโลภะ ไม่ชอบใจรูป เป็นโทสะ ไม่มีสติกำหนดรู้รูป เป็นโมหะ แม้ขณะหูฟังเสียง เป็นต้น ก็ทำนองเดียวกันนี้

 

ถาม. เมื่อโลภะ โทสะ โมหะ ยังเกิดได้อยู่ คนจะพ้นจากอบายภูมิได้ไหม เพราะเหตุไร ?

ตอบ. พ้นไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องประกันได้เลย

 

ถาม. ถ้าเช่นนั้น ทำอย่างไรจึงจะพ้นจากอบายภูมิได้ อย่างเด็ดขาด ?

ตอบ. ต้องเดินตามทางสายไปพระนิพพาน จึงจะพ้นได้เด็ดขาด

ถาม. ทางสายไปพระนิพพาน ได้แก่อะไร?

ตอบ. ได้แก่ การเจริญสติปัฎฐานทั้ง 4 แบบวิปัสสนาภาวนา คือ กายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ธัมมานุปัสสนา

 

โมทนาสาธุ....กับคุณ ทางสายธาตุด้วยครับ..

 

สวัสดีค่ะคุณbear17

-------------------------------------------------------------------------

ได้ถวายปัจจัยบวชพระ 5 รูปกับบัญชีคุณชานนแล้วนะคะ ถวายไปเป็นเงิน 500 บาท ขอให้กุศลบารมีนี้ทำให้ข้าพเจ้าและผู้ร่วมอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้า เข้าใกล้ทางสายพระนิพพานเข้าไปทุกทีๆด้วยเทอญ สาธุ
-----------------------------------------------------------------------------
คุณluxury ไปวัดวรเชษฐ์ตอนมีพิธีบวงสรวงใหญ่ด้วยใช่ไหมคะ เราอาจจะได้พบกันบ้างค่ะ แต่ไม่รู้จักกัน

คุณFlorence125 ออกเดินทางไปรับพระสิวลีหินหยกขาวที่เชียงรายแล้วใช่ไหมคะ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยค่ะ ตอนที่ได้สูตรยาโรคไตสำหรับคนไข้ธาลัสซีเมียมานั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างทำให้ต้องเอาสูตรยามาเผยแพร่ค่ะ ยาจะได้ผลต้องมีคาถากำกับ ทางสายธาตุใช้สำหรับก่อนดื่มยาทุกอย่าง หรือของอธิษฐานทุกอย่างที่จะให้เป็นยา มีผู้ให้คาถามาอีกที จะส่ง PM ไปให้คุณFlorence125 ด้วยเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าค่ะ

--------------------------------------------------------------------------

เมื่อคืน คิดถึงรูปร่างพระเจดีย์น้อยเจ้าแม่วัดดุสิตในวัดไชยวัฒนาราม กับพระปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ อยุธยา รู้สึกว่าทั้งสององค์มีรูปแบบใกล้เคียงกันแตกต่างกันที่ขนาดเท่านั้น

----------------------------------------------------------------------

ต่อบทความทางไปนิพพาน เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงเทศน์เกี่ยวกับทางสายไปพระนิพพานนี้.... ดังนี้ ....

 

ถาม. พระพุทธเจ้า ได้ตรัสแสดงทางสายไปพระนิพพานนี้ไว้อย่างไร และมีต้นเหตุเป็นมาอย่างไร?

ตอบ. สมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่กัมมาสทัมมนิคม แคว้นกุรุ ทรงปรารภชนชาวกุรุรัฐ เป็นต้นเหตุ แล้วตรัสเทศนาการเจริญสติปัฎฐานโดยมีนิทานสังเขป ดังต่อไปนี้

ชนชาวกุรุรัฐนั้น ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สามารถรับฟังพระธรรมเทศนาอันสุขุมคัมภีรภาพได้เพราะมีอุตุ มีอาหาร เป็นที่สบาย มีร่างกายและจิตใจอันเหมาะสม พระพุทธองค์ทรงเห็นเหตุนั้น จึงได้ตรัสแสดงมหาสติปัฎฐานสูตร ซึ่งมีอรรถอันลึกซึ้ง เปรียบเหมือนบุรุษได้หีบทองคำ แล้วก็บรรจุรัตนะ 8 ประการลงไปฉะนั้น พระพุทธองค์พอได้บริษัทชาวกุรุรัฐ ก็ทรงแสดงธรรมเทศนา อันสุขุมคัมภีรภาพ คือ สติปัฎฐานทั้ง 4 ทันที

ตามปกติพุทธบริษัทชาวกุรุรัฐนั้น พากันเจริญสติปัฎฐานเป็นประจำอยู่แล้ว จนขั้นที่สุด ทาส กรรมกร ก็สนทนากันแต่เรื่องสติปัฎฐานทั้งนั้น ที่ท่าน้ำและที่สำนักงานต่างๆ เช่นที่ทอผ้าเป็นต้น ก็สนทนากันแต่ในเรื่องสติปัฎฐาน เมื่อหญิงใดถูกถามว่า หล่อนเจริญสติปัฎฐานข้อไหน ถ้าตอบว่าไม่ได้เจริญ ประชาชนจะพากันติเตียนว่า ถึงเธอมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว แล้วสอนไม่ให้ประมาทอีกต่อไป แนะนำให้เจริญสติปัฎฐานข้อใดข้อหนึ่ง ถ้าหญิงใดตอบว่า ได้เจริญสติปัฎฐานข้อใดข้อหนึ่ง มีกายานุปัสนาเป็นต้น ประชาชนก็พากันให้สาธุการถึง 3 ครั้งว่า สาธุ สาธุ สาธุ แล้วก็สรรเสริญชมเชยว่า ชีวิตของเธอเป็นอยู่ดีแล้ว ชื่อว่าบรรลุถึงความเป็นคนอย่างแท้จริง พระพุทธเจ้าทรงอุบัติมาเพื่อประโยชน์แก่เธอโดยแท้ ดังนี้ เพราะเหตุดังกล่าวมา เราได้ประสบพบพระพุทธศาสนาแล้ว สมควรแท้ที่จะพากันปฎิบัติธรรม เพื่อให้พ้นจากอบายทุกข์ อย่าให้เสียทีไปเปล่าๆ ถ้าวาสนาบารมีแก่กล้าก็จะสามารถได้บรรลุมรรคผล ตามสมควรแก่อุปนิสัยของตน ๆ ดังพุทธนิพนธ์ภาษิตว่า


เอกธมโม ภิกขเว ภาวิโต พหุลีกโต โสตาปตติผลสจฉิกิริยาย สวตุตติ สกิทาคามิผลสจฉิริริยาย สวตุตติ


ความว่า ภิกษุทั้งหลาย ธรรมอย่างเอกที่บุคคลเจริญแล้ว ปฎิบัติเต็มที่แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อทำให้แจ้ง โสดาปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล ธรรมอย่างเอก คืออะไร? คือ กายคตาสติ ฯลฯ


อมตนเต ภิกขเว นปริภุญชนุติ เย กายคตาสติน ปริภิญชนุติ อมตนุเต ภิกขเว ปริภิญชนุติ เยกายคตาสติ ปริภุญชนุติ


ภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดไม่ได้เจริญกายคตาสติ ชนเหล่านั้นไม่ได้บริโภคอมตธรรม ชนเหล่าใดเจริญกายคตาสติ ชนเหล่านั้นได้บริโภคอมตธรรม ดังนี้เป็นต้น

 

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->​

พระปรางค์น้อยเจ้าแม่วัดดุสิต วัดไชยฯ
​

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติที่โด่งดังและเป็นที่ถกเถียงเป็นอย่างมากในช่วงเกือบ 3-4 ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องราวของ "เจ้าแม่วัดดุสิต" ขัตติยะนารีผู้เป็นต้นราชวงศ์จักรี ซึ่งนักวิชาการและผู้สนใจทางด้านประวิติศาสตร์หลาย ๆ คนกว่าวกันว่าเป็นผู้เชื่อมโยงสาแหรกสายพระราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้น กับพระราชวงศ์จักรีเข้าไว้ด้วยกัน


ในช่วงนั้นมีการถกเถียงกันมากถึงความีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ของเจ้าแม่วัดดุสิต ก็ได้ข้อสรุปมาว่าเจ้าแม่วัดดุสิตนั้นมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เป็นทั้งพระนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งราชวงศ์ปราสาททอง และเป็นทั้งแม่ของพระยาโกษา (เหล็ก) ขุนศึกคนสำคัญแห่งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชฑูตคนสำคัญในสมัยนั้น

ส่วนอีกหัวข้อหนึ่งที่นักวิชาการถกเถียงกันก็คือ เจ้าแม่วัดดุสิตเป็นเจ้าหรือเป็นสามัญชนกันแน่ ??? ข้อนี้ผมคงไม่ขอกล่าวถึง เพราะสิ่งที่ผมจะเรียบเรียงให้อ่านกันนั้นก็เป็นข้อสรุปเกี่ยวกับชีวิตของ "เจ้านายหญิง" หรือ "ขัตติยะนารี" ท่านนี้จากที่ผมได้อ่านมาจากเอกสาร และบทความหลาย ๆ ฉบับ และนำมาสรุปตามที่ผมมีปัญญาพอที่จะเข้าใจ และเข้าถึงได้ ซึ่งผมได้นำมาสรุปไว้ ณ ที่นี้ เพื่อมิให้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าต้องถูกปล่อยให้ผ่านเลยไป

เอกสารที่ผมนำมาสรุปนั้น เป็นเอกสารและบทความที่เกี่ยวข้องในระดับทุติยภูมิ ทั้งหนังสือ "โครงกระดูกในตู้" ของพล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช บทความของปรามินทร์ เครือทอง เรื่อง "ปริศนาเจ้าแม่วัดดุสิต เจ้า หรือสามัญชน" บทความของจุลดา ภักดีภูมินทร์ เรื่อง "พระบัณฑูรใหญ่ พระบัณฑูรน้อย" เป็นหลัก ซึ่งพอจะสรุปเกี่ยวกับชีวิตของเจ้าแม่วัดดุสิตได้ดังนี้ ... อ่านต่อตามลิงค์ที่นำมาประกอบค่ะ

เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติเจ้านายฝ่ายในอีกพระองค์หนึ่งที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักพระองค์ท่านนัก อ่านข้อมูลต่อได้ที่

http://forums.apinya.com/อภิญญา/ตามรอยบุญพระ/894-อภิญญา-เรื่องของเจ้าแม่วัดดุสิต.html

 

บัวขาว ​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=MAGRdY8CgIY&feature=related"]YouTube - ?????? (audio)[/ame]​

เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่
ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา
น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา
ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ​