ชะตา....ฟ้าลิขิต...วัดท่าซุง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย sujjaporn, 9 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    อ่านแล้วน่าติดตามจริงๆครับ บทความดีๆของหลวงพ่อเรา
    รอตอนต่อไปครับ อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
     
  2. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    สังโยชน์ 10 หรือบารมี 10

    วันนี้เป็นวันเสาร์โรงเรียนหยุด เด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างช่วยกันทำงานภารกิจจนเสร็จลุล่วงในตอนเช้า หลังจากนั้นได้ขึ้นมายังห้องพักเพื่อดูหนังสือเตรียมตัวที่สอบ ในการดูหนังสือนั้นส่วนใหญ่เด็ก ๆ จะฟังเทปคำสอนของหลวงพ่อด้วย เด็กที่ดูแลสุนัขและช่วยทำอาหาร หลวงพ่อท่านเมตตาซื้อเทปยี่ห้อ sony จากประเทศสิงคโปร์ให้คนละเครื่องเพื่อไว้เปิดฟังคำสอนของหลวงพ่อ
    เพื่อนสนิท : ไอ้เย้าเดี๋ยวข้าจะเอาคำสอนของหลวงพ่อเรื่องสังโยชน์ 10 มาเปิดพอดีหลวงพี่ท่านให้มา เสียงเจ้าเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้น
    เด็กน้อย : ทำท่าคิดเนื่องจากกำลังหยิบหนังสือคณิตศาสตร์มาทบทวนและฟังเพื่อนไม่ถนัดแต่เสียงที่ตอบไป "อะไรก็ได้ขอให้เป็นคำสอนของหลวงพ่อ" ทั้งเด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างก็อ่านทบทวนหนังสือที่เรียนพร้อมทั้งฟังคำสอนหลวงพ่อไปพร้อมกันด้วยหลังจากเทปหมดม้วนลง
    เพื่อนสนิท : สุดท้ายที่แท้ก็คือกายของเรานั่นเอง ถ้าเราไม่ยึดติดเสียอย่าง
    เด็กน้อย : ชีวิตฉันคำว่า "ทาน" เพิ่งรู้จักถ้าไม่ได้หลวงพ่อฉันก็ไม่รู้ว่าชีวิต
    ของฉันจะเป็นอย่างไร
    เพื่อนสนิท : ไอ้เย้า ฉันกำลังพูดเรื่องสังโยชน์ 10 ไม่ได้พูดถึงบารมี 10
    เด็กน้อย : ทำท่าคิดแต่ไม่พูดอะไร คิดคำนึงอย่างแปลกใจว่า "คำสอนของหลวงพ่อที่ได้ฟังนั้น สิ่งที่ตัวเองได้ยินเป็นเรื่อง บารมี 10 เมื่อเปิดเทปออกมาเห็นข้างตลับเทปพิมพ์คำว่า สังโยชน์ 10 โดยพระราชพรหมยาน
    ช่วงตอนเย็นหลังหลวงพ่อท่านเลิกรับแขกและตรวจงานเสร็จ ท่านกลับมาที่พักสิ่งที่เห็นเป็นกิจวัตรทุกวันก็คือ เด็ก ๆ อาจารย์ หลวงพี่ พร้อมด้วยพี่ ๆ น้อง ๆ (สุนัข) ตั้งแถวรอรับหลวงพ่อ ด้วยความเคารพ โดยเฉพาะพี่ ๆ น้อง ๆ (สุนัข) ต่างยืนรอด้วยความสงบสเงี่ยมเรียบร้อย เป็นสิ่งที่เห็นแล้วประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
    หลวงพ่อ : เป็นไงบ้างลูก ๆ พ่อสบายดี
    เด็ก ๆ และอาจารย์และหลวงพี่พนมมือไหว้อย่างพร้อมกันส่วนพื่ ๆ น้อง ๆ พากันหมอบลง
    เมื่อหลวงพ่อท่านขึ้นบนกุฏิพร้อมด้วยคณะติดตามที่คอยดูแลปรนนิบัติ หลวงพ่อท่านนั่งลงขัดตะหมาดแบบสบาย ๆ เสียงที่ท่านเอ่ยขึ้น
    หลวงพ่อ : พ่อมีลูกหลานเยอะ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นพ่อต้องรู้ว่าลูกหลานชอบกินกับข้าวแบบไหน ถ้าลูกหลานชอบแบบไหนพ่อก็จะทำให้กิน
    เด็กน้อยที่นั่งพนมมืออยู่ เมื่อได้ฟังหลวงพ่อท่านกล่าวความสงสัยต่าง ๆ ที่มีได้มลายหายไปอย่างหมดสิ้น
    ฝันที่เป็นจริง
    สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อท่านย้ำเสมอสำหรับเด็ก ๆ อาจารย์ และหลวงพี่ เรื่องน้ำที่ให้พี่ ๆ น้อง ๆ (สุนัข) ต้องเติมให้เต็มตลอดเวลาอย่าให้พร่องหรือขาด สิ่งที่ใส่น้ำก็คือถังสีเหลือง แบบเดี่ยวกับที่ใส่สังฆทาน ซึ่งจะตั้งเป็นจุด ๆ แต่ละจุดไม่ห่างกันมากนัก ทั้งบนพื้น บนตึก และบนดาดฟ้า จะมีทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เด็ก ๆ จะหมั่นดูแลตลอดเวลา หลังภารกิจเสร็จสิ้นทั้งเด็กน้อยและเพื่อนสนิทก็กลับมายังที่พักคุยกันทั้งเรื่อสัพเพเหระ เรื่องเรียน และอื่น ๆ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่ม เสียงเจ้าเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้น
    เพื่อนสนิท : ไอ้เย้าเราขึ้นไปดูถังน้ำบนชั้นดาดฟ้ากันดีกว่า เพราะว่าพวกพี่ ๆ น้อง ๆ (สุนัข) ชอบขึ้นไปอยู่ข้างบนสังเกตการณ์
    เด็กน้อย : ดีเหมือนกันเพื่อน้ำใกล้หมด
    ทั้งสองเดินขึ้นชั้นดาดฟ้า เห็นพี่ ๆ น้อง ๆ (สุนัข) ประมาณยี่สิบกว่ายืนมองฝ่าความมืดออกไป คล้ายกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ถึงเด็กน้อยทั้งคู่จะเดินดูน้ำตามถัง พี่ ๆ น้อง ๆ สุนัขก็ไม่ได้สนใจคล้ายกับว่ารู้ถึงจุดประสงค์การมาของเด็กทั้งสองคน เด็กน้อยทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปเพื่อตรวจดูถังที่ใส่น้ำว่าพร่องขนาดไหนจะได้เติมให้เต็ม เพราะมีก๊อกน้ำอยู่แล้ว สำหรับเด็กน้อยได้เดินไปยังบริเวณมุมขวาของดาดฟ้า ซึ่งมีถังน้ำใบหนึ่งพร่องไปประมาณครึ่งถังเด็กน้อยจึงได้เปิดน้ำใส่พร้อมทั้งคิดในใจ "หลวงพ่อท่านมีภารกิจเยอะเหลือเกิน ลูกศิษย์ท่านล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา เราอยากจะกราบหลวงพ่อท่านโดยไม่ต้องมีบุคคลอื่น ๆ ถ้าได้คงมีความสุขน่าดู แต่วาสนาเราคงจะไม่มี"
    เด็กน้อยรำพึงอยู่ในใจ
    "เย้าเอ่ย ทำอะไรหรือลูก" เสียงหลวงพ่อดังขึ้นเด็กน้อยเห็นหลวงพ่อท่านเดินยิ้มมา ในสายตาของเด็กน้อย หลวงพ่อท่านสว่างมาก ทั้งที่คืนนี้เป็นคืนที่มืด เด็กน้อยก้มลงกราบ พร้อมกับกล่าวว่า "หนูมาดูน้ำที่พี่ ๆ น้อง (สุนัข) กินว่าพร่องหรือเปล่าเจ้าค๊ะ"
    หลวงพ่อ : ดีแล้วลูก พ่อโมทนาด้วยนะ ตั้งใจทำความดีนะลูกความดีจะคุ้มครองลูกพ่อจะเป็นกำลังใจให้นะ
    เด็กน้อย : เจ้าค๊ะ หลวงพ่อ พร้อมกับก้มลงกราบ
    "ไอ้เย้า แกกราบอะไรของแกวะ" เสียงเจ้าเพื่อนสนิทเอ่ยถามเสียงดัง
    เด็กน้อย : ฉันกราบหลวงพ่อของเรา
    เพื่อนสนิท : ทำหน้าฉงนสงสัย แต่ไม่พูดอะไร พร้อมทั้งนั่งลงก้มลงกราบ เมื่อกลับมาถึงที่พัก เด็กน้อยได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสนิทได้ฟัง แต่สิ่งที่สังเกตอย่างได้ชัดก็คือเพื่อนสนิทไม่ได้รู้สึกสงสัยเลย
    เพื่อนสนิท : ยังมีอีกหลายอย่างที่แกไม่รู้ ถึงเวลาแกก็รู้เอง
     
  3. นำทาง

    นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,181
    ค่าพลัง:
    +7,867
    แอบอ่านมาตั้งหลายวันแล้ว
    วันนี้ขออนุโมทนาบุญด้วยกับเจ้าของกระทู้ ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆๆที่เกี่ยวกับหลวงพ่อให้ฟัง
     
  4. Dhanainan

    Dhanainan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,174
    มาเป็นกำลังใจนะ ตัวผมไม่ทันหลวงพ่อหรอกครับแต่เคารพมานานแล้ว แต่เพิ่งบวชมาจากวัดที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ (วัดเขาวง ถ้ำนารายณ์) ความรู้สึกคงจะคล้ายๆกันครับ ทำวัตเช้า-เย็น ฟังเสียงหลวงพ่อสอนตลอด แล้วทุกคนที่วัดก็เทิดทูนหลวงตา กับหลวงพ่อมาก ล่าสุดเมื่อวันมาฆะก็มีพิธีเททองหล่อ"รูปพ่อนั่งพัก" ขนาดเ่ท่าองค์จริงครับ
     
  5. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,787
    เข้ามาอ่านด้วยครับ ความรู้สึก บอกไม่ถูกครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ
    ทราบซึ้งในเมตตาของหลวงพ่อมากครับ
     
  6. ศิษย์ต่างแดน

    ศิษย์ต่างแดน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,011
    ค่าพลัง:
    +3,448
    ขอบคุณครับสำหรับสิ่งที่งดงามที่นำมาให้อ่าน ขออนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2011
  7. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ถวายสังฆทานครั้งแรก
    เด็ก ๆ ที่มีหน้าที่คอยช่วยเลี้ยง พี่ ๆ น้อง ๆ(สุนัข) ช่วยทำกับข้าวและอื่นที่หลวงพ่อท่านอุปการะอยู่ หลวงพ่อท่านจะให้เงินเดือนทุกคน ๆ ละ 200 บาทเพื่อเก็บไว้ซื้อของจำเป็นส่วนตัวที่อยากจะได้ (แต่ที่หลวงพ่อท่านเมตตาให้ในระหว่างนั้นจะมากกว่าที่ท่านให้ประจำเดือน ซึ่งเด็กๆในส่วนนี้ จะเป็นเด็กที่ค่อนข้างยากจน และด้อยโอกาส ส่วนเด็กที่เรียนในโรงเรียนนั้น ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะค่อนข้างมีฐานะพอสมควร แต่ด้วยความศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อจึงอยากจะให้บุตรหลานได้เล่าเรียนในโรงเรียนของหลวงพ่อ )
    วันนี้เป็นวันพระ หลวงพ่อท่านได้ลงรับแขกและรับสังฆทานที่ญาติ-โยมที่ศรัทธารอการถวายอยู่
    เพื่อนสนิท : ไอ้เย้า เงินที่หลวงพ่อท่านให้ยังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า
    หรือใช้หมดแล้ว เสียงเจ้าเพื่อนสนิทถามเสียงดัง
    เด็กน้อย : ยังเก็บไว้ ไม่ได้ใช้อะไร เพราะไม่รู้ว่าจะไปซื้ออะไร
    เพื่อนสนิท : แกไปกับฉันเราไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อกัน
    เด็กน้อย : หลวงพ่อท่านไม่ดุเอาเหรอะเพราะท่านต้องการให้เรา
    เก็บไว้ซื้อของที่จำเป็นสำหรับเรานะ
    เพื่อนสนิท : ท่านไม่ว่าหรอก ถ้าท่านตำหนิฉันจะบอกท่านว่าฉันเป็น
    คนชวนแกเอง
    ทั้งเพื่อนสนิทและเด็กน้อยพากันเดินไปต่อแถวญาติ-โยมที่เข้าแถวยาวเหยียดเพื่อถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ บางคนถวายชุดเล็ก บางคนถวายชุดใหญ่ และบางคนหลังการถวายเสร็จยังเดินกลับมาต่อแถวเพื่อถวายอีก เพื่อนสนิท และเด็กน้อย ได้บูชาสังฆทานชุดเล็กชุดละ 100 บาทคนละหนึ่งชุดสำหรับเด็กน้อยนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 200 บาท ถึงคิวเพื่อนสนิทได้ถวายและต่อด้วยเด็กน้อยหลังการถวายเสร็จเจ้าเพื่อนสนิทก็จูงมือกลับมาต่อแถวเพื่อถวายสังฆทานกับหลวงพ่ออีก ความรู้สึกตอนนั้นเด็กน้อยรู้สึกแปลกใจมากแต่ไม่กล้าที่จะถามและตัวก็เหลือเงินอีกเพียง 100 บาทสำหรับสังฆทานชุดเล็กเท่านั้น ทั้งสองคนต่างบูชาสังฆทานชุดเล็กอีกคนละ 1 ชุด ใกล้ถึงคิวที่จะถวายแล้วนะ .....เด็กน้อยคิด
    "เอ้า...(ชื่อเพื่อนสนิท)....ไอ้เย้า ถวายสังฆทานหรือลูก...ดีดีลูกพ่ออนุโมทนานะลูก"

    สำหรับเด็กน้อย ความรู้สึกตอนนั้นบอกไม่ได้ว่า มีความปลื้มปิติขนาดไหน อิ่มเอิบ อิ่มใจ สุขอย่างบอกไม่ถูก หลังการถวายสังฆทานเสร็จทั้งคู่ก็เดินออกมาเพื่อไปช่วยป้าทำอาหาร
    เด็กน้อย : ถ้าฉันมีเงินมากกว่านี้ฉันจะถวายสังฆทานตั้งแต่ชุดเล็กยัน
    ชุดใหญ่เลยละ เด็กน้อยกล่าวขึ้น
    เพื่อนสนิท : แกได้ทำแน่ หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่าคนที่ตั้งใจจะทำ
    บุญ(ความดี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุญในเขตของพระ
    พุทธศาสนาบุคคลนั้นจะได้ทำอย่างเร็วที่สุดก็ในชาติ
    ปัจจุบันถ้าไม่ได้ในชาตินี้ก็จะได้ในชาติต่อไปตราบใดที่
    ยังไม่ถึง............
    เพื่อนสนิท : แกรู้สึกอย่างไร หลังได้ถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ
    เด็กน้อย : บอกได้อย่างเดียว ฉันมีความสูขที่บอกไม่ถูก คล้ายกับ
    ว่าตัวฉันมันเบา ๆ ไม่รู้สึกหิว ไม่รู้เหนื่อย ไม่รู้สึกร้อน มี
    แต่ความสุขที่ปิติอธิบายไม่ถูกรู้แต่ว่าถ้าฉันเป็นแบบนี้
    ตลอดไปฉันคงมีความสุขที่สุดในโลก
    เพื่อนสนิท : แกไม่เสียดายเงินหรือที่หลวงพ่อท่านให้ไว้เก็บไว้ซื้อ
    ของ และยิ่งตอนนี้แกคงไม่มีเงินติดกระเป๋าแล้วสินะ
    เด็กน้อย : ไม่รู้สึกเสียดายเลย ถ้าฉันมีมากกว่านี้ฉันก็ขอทำบุญกับ
    หลวงพ่อทั้งหมด
    เพื่อนสนิท : จำไว้นะไอ้เย้า"การทำบุญไม่ได้อยู่ที่ปริมาณหรือ
    จำนวนแต่อยู่ที่ ความตั้งใจที่บริสุทธิ์ วัตถุทาน ผู้ให้
    และผู้รับ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่แกจะต้องจดจำไว้ก็คือ อารมณ์ตอนที่แกตั้งมั่นและตั้งใจในการที่จะทำ อารมณ์ตรงนี้สำคัญมากนะแล้ววันหนึ่งแกจะรู้เอง
    (จริงอย่างที่เพื่อนสนิทได้บอกไว้ว่า แกได้ทำแน่ หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่าคนที่ตั้งใจจะทำบุญ(ความดี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุญในเขตของพระ
    พุทธศาสนาบุคคลนั้นจะได้ทำอย่างเร็วที่สุดก็ในชาติ ปัจจุบันถ้าไม่ได้ในชาตินี้ก็จะได้ในชาติต่อไปตราบใดที่ยังไม่ถึง............เช่น การถวายสังฆทาน สามารถที่จะทำครั้งเดียวโดยการทำทุกชุดแต่อารมณ์ระหว่างนั้นก็ยังห่วงกังวลหลายไม่เหมือนในครั้งแรกที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2011
  8. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,378
    ค่าพลัง:
    +13,255
    อยากอ่านต่อครับ หายไปไหน:cool:
     
  9. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    เปลี่ยนได้แค่ชื่อ
    เย็นวันหนึ่งขณะเด็กน้อยกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเรียก "ไอ้เย้า สัก๔โมงเย็นให้ไปพบอาจารย์และหลวงพ่อที่กุฏินะ ฉันจะไปด้วยอยากรู้ว่าท่านจะให้แกทำอะไรเผื่อฉันช่วยได้จะได้ช่วย" เจ้าเพื่อนสนิทบอกด้วยสายตาที่ออกจะกังวลใจนิด ๆ อาจจะนึกว่าเด็กน้อยคงจะสร้างปัญหาอะไรหรือเปล่าทำให้ถูกเรียกตัวไปพบ สำหรับเด็กน้อยนั้นความรู้สึกตอนนั้นที่เพื่อนสนิทบอกมีความรู้สึกว่าอาจารย์และหลวงพ่อคงจะมอบหมายหน้าที่การทำงานภายในวัดเพิ่มขึ้น โดยไม่มีความกังวลใด ๆ เกิดขึ้นต่างกันมากกับเจ้าเพื่อนสนิท
    ที่แสดงออกชัดว่ากังวลใจ
    เวลาใกล้เข้ามาเด็กน้อยและเพื่อนสนิทพากันไปยังกุฏิหลวงพ่อ พบท่านอาจารย์ ป้า หลวงพี่และหลวงพ่อท่านรออยู่ เมื่อไปถึงทั้งสองคนนั่งพับเพียบพนมมือและก้มลงกราบพร้อมกันเมื่อเงยหน้าขึ้น
    หลวงพ่อ : .......(ชื่อเพื่อนสนิท) แกไม่ยอมห่างมันเลยเหรอะ กลัวหลวง
    พ่อจะดุเจ้าเย้าหรือไง
    เพื่อนสนิท : ยิ้มเจื่อน ๆ หน้าซีด
    หลวงพ่อ : เย้าเอ๋ย หลวงพ่อ และอาจารย์ มานั่งปรึกษากันถ้าลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชื่อและนามสกุลที่ใช้อยู่นะมันไม่ค่อยเหมาะสมนะลูกเพราะเป็นชื่อของชาวเขา เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะล้อเอา หลวงพ่อจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลให้ลูกเห็นว่าอย่างไร
    เด็กน้อย : แล้วแต่หลวงพ่อเจ้าค๊ะ เด็กน้อยตอบพร้อมกับก้มลงกราบและร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติที่หลวงพ่อ อาจารย์ ป้า หลวงพี่ท่านเมตตาอย่างหาที่สุดไม่ได้
    หลวงพ่อ : พ่อตั้งไว้ให้แล้ว ลองดูซิลูกชอบชื่อไหน นามสกุลไหน พ่ออนุญาตให้ใช้ได้ ( ชื่อ........พรหมยานคีรี ชื่อ........ พรหมยานคีรี ชื่อ......สังข์สุวรรณคีรี ชื่อ........สังสุวรรณคีรี ชื่อ..... สังสุวรรณคีรี)
    เด็กน้อย : แล้วแต่หลวงพ่อค๊ะ เด็กน้อยตอบหลวงพ่อด้วยเสียงใส ๆ
    หลวงพ่อ : หัวเราะเสียงดัง เออมันต้องอย่างงี้สิ ลูกไม่เชื่อพ่อแล้วจะไปเชื่อใคร (เสียงหัวเราะด้วยความแจ่มใส) งั้นวันเสาร์นี้กลับไปบอกพ่อ-แม่ให้รู้และให้ถามท่านว่าจะอนุญาตให้เปลี่ยนได้หรือไม่ ถ้าได้วันจันทร์ ให้ไปที่ว่าการอำเภอทำการเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เอ้านี้เงินเป็นค่ารถทั้ง 2 คน หลวงพ่อท่านบอกยิ้ม ๆ พร้อมทั้งยื่นเงินให้และมองไปยังเจ้าเพื่อนสนิทซึ่งนั่งจ้องหลวงพ่อตาไม่กระพริบ
    เด็กน้อยและเพื่อนสนิท ก้มลงกราบหลวงพ่อด้วยความเคารพศรัทธาอย่างหาที่สุดไม่ได้ และกราบอาจารย์ ป้า หลวงพี่ พร้อมทั้งขอตัวเพือเตรียมเดินทาง
    เพื่อนสนิท : ไอ้เย้า แกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่ หลวงพ่อท่านถึงได้เตรียมการทุกอย่างไว้ให้แก
    เด็กน้อย : (ตอนที่หลวงพ่อท่านเรียกไปเด็กน้อยเพิ่งเรียน ม.4 เทอม 2 ) ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันจะสอบได้หรือเปล่า แต่ถ้าหลวงพ่อท่านสั่งให้ทำอะไรฉันก็จะทำทุกอย่างตามที่หลวงพ่อท่านบอกให้ทำด้วยความเต็มใจ
    เด็กน้อยได้เดินทางกลับบ้านพร้อมทั้งเพื่อนสนิทมาด้วย เมื่อมาถึงได้บอกพ่อและแม่ถึงเหตุผลของการที่จะเปลี่ยนชื่อและนามสกุล พ่อและแม่เด็กน้อยไม่ขัดข้องและยินดีอย่างยิ่งที่หลวงพ่อท่านให้ความเมตตาต่อลูกตัวเอง ทั้งเพื่อนสนิทและเด็กน้อยได้เดินทางกลับวัด
    ที่ทำการปกครองฝ่ายทะเบียนที่ว่าการอำเภอเมือง อุทัยธานี่
    เด็กน้อยทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงหน้าเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง มีปลัดอำเภอยืนดูเอกสารและบันทึกเอกสารที่หลวงพ่อท่านมอบให้มาแสดงถึงยินยอมให้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลที่ท่านตั้งให้
    ปลัดอำเภอ : นี่หนูเปลี่ยนชื่อนะไม่ขัดข้องหรอก แต่ นามสกุลนะอย่าเพิ่งเปลี่ยนเลย หนูลองไปคิดให้ดีนะ ถ้าหนูเปลี่ยนนามสกุลไปแล้ว แล้วไปทำเรื่องเสื่อมเสียรู้ไหมว่าจะเสื่อมเสียมาถึงครูบา-อาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงพ่อท่านซึ่งมีลูกศิษย์ ลูกหาทั่วประเทศ เหมาะสมไหมถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดหนูไปทำอะไรไม่ดีขึ้นมา
    เด็กน้อยและเพื่อนสนิทนั่งนิ่งมองหน้ากัน คล้ายกับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากพอสมควร
    เด็กน้อย : คะ ถ้างั้นหนูขอเปลี่ยนชื่อก่อนก็แล้วกันคะ
    ปลัดอำเภอ : ดีแล้วละหนู แต่ถ้าหนูมั่นใจว่าชีวิตนี้จะไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียให้มาถึงครูบา-อาจารย์ หนูก็มาเปลี่ยนนามสกุลที่หลวงพ่อให้มาได้เลยนะ
    เด็กน้อยและเพื่อนสนิท : พนมมือไหว้และรับคำ "ค๊ะ"
    เมื่อกลับจากอำเภอ ตอนเย็นหลังหลวงพ่อท่านเลิกรับแขกและกลับมาที่กุฏิ เด็กน้อยและเพื่อนสนิท พากันขึ้นไปกราบหลวงพ่อ เห็นอาจารย์ ป้า หลวงพี่ อยู่กันพร้อมเพรียง หลวงพ่อท่านนั่งฉันหมาก คุยกับอาจารย์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใจ เด็กน้อยทั้งคู่นั่งพับเพียบพนมมือพร้อมกับก้มลงกราบพร้อมกัน
    หลวงพ่อ : เป็นไงไอ้ขี้หมา เขาให้เปลี่ยนแต่ชื่อก่อนรึ ฟังคนอื่นพูดเราก็ลังเลแล้ว เราต้องเชื่อตัวเราเองซิ
    เด็กน้อย : ยกมือพนมขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงใส "ไม่เป็นไรค๊ะหลวงพ่อ เขาพูดก็มีเหตุผลค๊ะ ถึงหนูไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลด้วยภาษาเขียน แต่ถ้าใครถามหนูว่านามสกุลจริงของหนูคืออะไร หนูจะบอกว่า "พรหมยานคีรี" ได้ไหมค๊ะหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ : ได้ได้ลูก (เสียงหัวเราะด้วยความขบขันในตัวเด็กน้อย)
    บอกเขาได้เลยว่าลูกเป็นลูกหลวงพ่อ
    เด็กน้อย : ก้มลงกราบด้วยความซาบซึ้งปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้
    (ข้อเท็จจริง ที่ทำให้เด็กน้อยไม่กล้าที่จะเปลี่ยนนามสกุล เพราะได้ข้อคิดจากท่านปลัดที่ท่านบอกไว้ว่า "เราจะแน่ใจหรือมั่นใจได้ขนาดไหนว่าชาตินี้ของเราจะไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียโดยเฉพาะเสื่อมเสียไปถึงครูบา-อาจารย์)
     
  10. jeenus

    jeenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,513
    ค่าพลัง:
    +3,576
    รักหลวงพ่อ มากขึ้น ทุกวัน
     
  11. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,521
    อย่าลืมมาเล่าต่อนะครับ ผมรออยู่:cool:
     
  12. phrae2010

    phrae2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +524
    มารออ่านต่อครับ ว่างๆเมื่ิอไรเขียนต่อนะครับ
     
  13. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    มาระลึกถึงหลวงพ่อครับ

    เคยไปกราบท่าน เคยบอกกับคนอื่น ๆ ว่า"เป็นลูกศิษย์"ของท่าน

    แต่ภายหลังไม่กล้าบอกว่า "เป็นลูกศิษย์" เพราะละอายที่ยังเอาดีไม่ได้

    เอาแค่ว่า "เป็นผู้ที่เคารพศรัทธาท่านมากที่สุดก็พอแล้ว"

    เพราะหากทำตัวไม่ดี คนอื่นจะว่าเอา จะเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงของหลวงพ่อด้วย
     
  14. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    พ่อของเพื่อนสนิท
    เด็กน้อยสังเกตเห็นเพื่อนสนิทจะนั่งเหม่อลอยตลอดยามเมื่อเห็นลูกศิษย์หรือคณะศรัทธา(หลวงพ่อท่านบอกว่า บุคคลกลุ่มนี้ให้เรียกท่านว่า พระยาโควาจร หมายถึงกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพระ........ซึ่งส่วนใหญ่ได้ติดตามท่านมาตลอด) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเห็นพ่อจูงมือลูก เข้ามาที่วัด ทำให้เกิดความสงสัยแต่ก็ไม่กล้าที่จะถามเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งเจ้าเพื่อนสนิทนี้หลังจากที่มองตามพ่อลูกที่เดินจากไป ก็จะหันหน้าไปทางกุฏิหลวงพ่อด้วยแววตาที่สดใด เคารพศัทธา และเทิดทูน
    เพื่อนสนิท : แกคงสงสัยฉันซินะว่าเกิดอะไรขึ้นฉันถึงเป็นแบบนี้บ่อย ๆ
    เด็กน้อย : ใช่แต่ฉันไม่กล้าถามแก
    เพื่อนสนิท : ตอนที่ฉันเป็นเด็ก และรู้เรื่อง คำว่า"พ่อ" ฉันไม่รู้จักหรอกเพราะฉันไม่เคยเห็น เห็นแต่แม่ของฉัน แต่ณ.วันนี้ฉันรู้จักและฉันก็มี"พ่อ"เหมือนที่คนอื่นเขามีกัน (เสียงเจ้าเพื่อนสนิทเอ่ยด้วยแววตาที่สดใสและวาวโรจน์) เพื่อนสนิทได้เล่าถึง"พ่อ"ให้ฟังว่า ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 ปี ก่อนที่เด็กน้อยจะมาอยู่หลวงพ่อท่านได้เมตตาและอนุเคราะห์เด็กที่มีฐานะยากจนเพื่อที่จะส่งเสียให้เรียนหนังสือโดยเด็กรุ่นแรก ก็จะอยู่ในเขตของจังหวัดอุทัยธานีซะส่วนใหญ่ เจ้าเพื่อนสนิทก็ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อจากจำนวนเด็กหลายคน และเพื่อนสนิทก็เป็นเด็กคนหนึ่งซึ่งได้มีโอกาสที่รับใช้หลวงพ่อ สำหรับเด็กคนอื่น ๆถึงจะมีฐานะที่ค่อนข้างยากจน แต่ก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์(หมายถึงพ่อและแม่) มีเพียงแต่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่ไม่มีพ่อ และเกือบทุกครั้งที่เพื่อนสนิทได้พบเห็นพ่อแม่ลูกที่มาทำบุญที่วัดหรือทำกับหลวงพ่อ เพื่อนสนิทจะแอบร้องไห้ทุกครั้งโดยเฉพาะเวลาที่ซักจีวรให้หลวงพ่อ เย็นวันหนึ่ง ขณะที่เจ้าเพื่อนสนิทกำลังซักจีวรของหลวงพ่อ น้ำตาก็ไหลหลั่งออกมาไม่รู้ตัวสิ่งหนึ่งซึ่งถามตัวเองตลอดเวลาทำไมคนอื่นเขามีพ่อแต่ทำไมเราไม่มี "ให้ลูกคิดว่าหลวงพ่อเป็นพ่อคนหนึ่งของลูกพร้อมที่จะดูแลลูกทุก ๆคน" เสียงของหลวงพ่อดังกังวานสดใสเปรียบเหมือนเครื่องขยายเสียงอย่างดี เพื่อนสนิทเงยหน้าขึ้น ห่างไปประมาณ 1 วาเห็นหลวงพ่อท่านยื่นมองดูด้วยความรักและเมตตา ใกล้ ๆท่านอาจารย์และป้ายืนพนมมืออยู่ เพื่อนสนิทได้คลานเข้าไปกราบหลวงพ่อพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง "ถ้าใครถามถึงพ่อให้บอกเขาได้นะลูกว่าเป็นลูกหลวงพ่อ"
    เพื่อนสนิท : แกเข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมเรียน และไม่ยอมที่จะไปจากวัด เวลาที่หลวงพ่อจะอยู่กับลูกๆนั้นน้อยลงไปทุกขณะฉันขอแค่ได้อยู่กับหลวงพ่อก่อนที่ฉันจะหมดโอกาส
     
  15. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    มาระลึกถึงหลวงพ่อครับ

    เคยไปกราบท่าน เคยบอกกับคนอื่น ๆ ว่า"เป็นลูกศิษย์"ของท่าน

    แต่ภายหลังไม่กล้าบอกว่า "เป็นลูกศิษย์" เพราะละอายที่ยังเอาดีไม่ได้

    เอาแค่ว่า "เป็นผู้ที่เคารพศรัทธาท่านมากที่สุดก็พอแล้ว"

    เพราะหากทำตัวไม่ดี คนอื่นจะว่าเอา จะเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงของหลวงพ่อด้วย<!-- google_ad_section_end -->

    เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณ "ศนิวาร " สำหรับเด็กน้อยและเพื่อนสนิท เพื่อนหรือผู้ร่วมงานจะไม่รู้เลยว่าเด็กทั้งสองเคยอยู่ที่วัดมาก่อน เพราะทั้งสองคนจะไม่เอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้ให้ใครฟังคนจะรับรู้ได้ สิ่งที่กลัวที่สุด" หากทำตัวไม่ดี คนอื่นจะว่าเอา จะเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงของหลวงพ่อด้วย<!-- google_ad_section_end --> " ปี พ.ศ. 2549 ณ.วิหารร้อยเมตร เด็กน้อยและเพื่อนสนิทและลูก ๆ ได้ถวายสังฆทานชุดละใหญ่ และให้ลูกของตัวเองถวาย พร้อมทั้งให้ลูกเอาเงินใส่ย่ามท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
    ท่านเจ้าอาวาส : เออมันต้องอย่างงี้ซิถึงจะเรียกว่าลูกหลวงพ่อ
    เด็กน้อยและเพื่อนสนิท : หลวงพี่ค๊ะ...............................
    เสียงของลูกศิษย์ :ใครค๊ะหลวงพ่อ
    ท่านเจ้าอาวาส : "เจ้า......และ......เป็นเด็กรุ่นแรก ๆ ที่หลวงพ่อท่านรับมาอุปการะโยมไม่รู้จักหรอก
    เสียงของลูกศิษย์ : เหรอค๊ะแต่เห็นบ่อยมาก ๆ
    (เพื่อนสนิทและเด็กน้อยต่างก็ได้ยินเสียงที่ท่านเจ้าอาวาสและลูกศิษย์ได้สนทนาแต่สิ่งหนึ่งที่เด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างรู้สึกกังวลกลัวว่าญาติโยมบางคนอาจไม่เข้าใจนึกว่าเด็กน้อยและเพื่อนสนิทไม่แสดงความเคารพและศัทธาต่อท่านเจ้าอาวาสโดยการใช้คำว่า"หลวงพี่"แทนที่จะใช้คำว่า"หลวงพ่อ" ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว คำว่าหลวงพ่อในความหมายของเด็กน้อยและเพื่อนสนิทจะใช้สำหรับหลวงพ่อพระราชพรหมยานเท่านั้น)
     
  16. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,378
    ค่าพลัง:
    +13,255
    พออ่านจบ น้ำตาไหลเลย:'(
     
  17. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    เป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ:cool:ยิ่งได้ติดตามอ่านยิ่งเกิดความประทับใจมากครับ

    ขอบคุณครับ
     
  18. jeenus

    jeenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,513
    ค่าพลัง:
    +3,576
    เปิดดูทุกวัน ว่า มีบทความ ที่ทำให้น้ำตาคลอ ด้วย ปิติ มาเขียน เพิ่มหรือ ยัง
     
  19. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ขายก๋วยเตี๋ยว
    วันปิดภาคเรียน เด็กๆ ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ก่อนวันกลับบ้านหนึ่งวันหลวงพ่อท่านได้เรียกเด็ก ๆมาพบ สิ่งหนึ่งที่เด็กสังเกตเห็นก็คือหม้อก๋วยเตี๋ยวตั้งเรียงรายกันจำนวน 5 ใบ
    หลวงพ่อ : หลวงพ่อซื้อหม้อก๋วยเตี๋ยวให้เอาไปขายก๋วยเตี๋ยวนะลูก เพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อ-แม่ ตอนที่ไปอยู่บ้านแต่หลวงพ่อให้เฉพาะที่อยู่บ้านในเขตจังหวัดอุทัยลองไปทำดูนะ แล้วกลับมาเล่าให้หลวงพ่อฟังด้วยนะ หลวงพ่อท่านบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมทั้งมอบเงินให้เพื่อเป็นทุนการค้าขายคนละหนึ่งพันบาท
    เด็ก ๆ : ก้มลงกราบพร้อมกัน
    เพื่อนสนิทและเด็กน้อยพากันช่วยยกหม้อก๋วยเตี๋ยวกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
    เพื่อนสนิท : ฉันยังไม่อยากกลับบ้านเลย อยากจะอยู่ที่วัดกับหลวงพ่อ
    เสียงเพื่อนสนิทดังขึ้น แววตาบ่งบอกถึงอะไรบางสิ่ง
    บางอย่างที่เด็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจ
    เด็กน้อย : อ้าวทำไมละ แกจะได้กลับบ้านไปขายก๋วยเตี๋ยวหาเงินช่วย
    แม่แกไงละ ฉันว่าดีนะ
    เพื่อนสนิท : แกไปช่วยฉันขายด้วยซิ ฉันอยากให้แกไปด้วย เสียงของ
    เพื่อนสนิทดังขึ้นคล้ายกับการขอร้อง
    เด็กน้อย : มองหน้าเพื่อนสนิทด้วยความสงสัย ก็ได้ฉันจะไปขาย
    ก๋วยเตี๋ยวกับแกที่บ้านถ้างั้นก่อนไปบ้านแกเดี๋ยวฉันโทรเลข
    ไปบอกพ่อ-แม่ว่าจะไม่กลับบ้าน
    เพื่อนสนิทและเด็กน้อยช่วยกันขนหม้อก๋วยเตี๋ยวกลับบ้านเพื่อนสนิทที่อยู่ต่างอำเภอ เมื่อถึงบ้านเพื่อนสนิทได้พาเด็กน้อยไปหาแม่และบอกจุดประสงค์ของการที่เพื่อนมาด้วยเพื่อช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งแม่ของเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ว่าอะไรและก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไรนัก ในการขายก๋วยเตี๋ยวนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ขายหมดทุกวัน แต่ไม่มีกำไร
    เพื่อนสนิท : เรากลับวัดไปหาหลวงพ่อกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่บ้านแล้ว
    เสียงเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ หลังจากเก็บของ
    เสร็จ
    เด็กน้อย : มองหน้าด้วยสายตาเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ในชะตากรรม
    ของเพื่อนที่เป็นอยู่" ดีเหมือนกันฉันก็คิดถึงหลวงพ่อ
    อาจารย์ หลวงพี่ ป้า ๆ และพวกพี่ ๆ น้อง ๆ (สุนัข) "
    รุ่งเช้าเพื่อนสนิทและเด็กน้อยเก็บข้าวของใส่กระเป๋า พากันไปลาแม่ของเพื่อนสนิทแต่ไม่ได้ลาเนื่องจากยังไม่ตื่นนอน เด็กทั้งสองคนจึงเดินทางกลับวัดโดยรถโดยสารประจำทาง
    ตอนเย็นหลังหลวงพ่อท่านเลิกงานและกลับมายังกุฏิเพื่อพักผ่อน เด็กน้อยทั้งสองคน พากันคลานไปกราบหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ : เป็นไงบ้างลูก ขายก๋วยเตี๋ยวหมดแต่ไม่ได้ตังค์ อย่าไปยึดติดกับมันเลยลูก ให้คิดเสียว่าเราได้พยายามทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด พ่อ-แม่จะเป็นอย่างไรก็ช่างท่านเถิดเพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิดเรา มีบุญคุณต่อเราหาที่สุดไม่ได้ ถ้าเรามีโอกาสเราต้องตอบแทนคุณของท่านไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
    เพื่อนสนิทและเด็กน้อย "พากันก้มลงกราบหลวงพ่อด้วยความรู้สึกที่ปิติ อบอุ่น ศรัทธา อย่างหาที่สุดไม่ได้" พร้อมทั้งคิดคำนึงขึ้น "ไม่มีอะไรที่หลวงพ่อท่านไม่ทราบเลยถ้าท่านต้องการที่จะทราบพร้อมกันนั้นภาพที่ปรากฏในมโนภาพของเด็กน้อย แม่ของเพื่อนสนิทตื่นขึนมาสิ่งแรกที่กระทำก็คือการดื่มสุรา ทำให้คิดได้ว่า ทุกคนมีความทุกข์ไม่เหมือนกันแต่ละคนก็ทุกข์กันคนละแบบ"
     
  20. sujjaporn

    sujjaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ความเมตตาของพี่
    หลังจากการกลับบ้านขายก๋วยเตี๋ยวและเดินทางกลับมายังวัดซึ่งเปรียบเสมือนบ้านที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทางร่างกายและจิตใจ วันนี้รู้สึกงานค่อนข้างเยอะที่ยังไม่ได้ทำให้เสร็จ ทั้งเด็กน้อยและเพื่อนสนิท ต่างช่วยกันทำอย่างเต็มที่ เพราะเวลาล่วงเลยมามากแล้วและใกล้ค่ำ
    เพื่อนสนิท : เฮ้อเสร็จเสียทีนะ นึกว่าจะเสร็จตอนค่ำ เจ้าเพื่อนสนิทพูดพร้อมทั้งช่วยเก็บจีวรหลวงพ่อที่แห้งดีแล้วนำมาพับเก็บ
    เด็กน้อย : ฉันรู้สึกว่ายังขาดอะไร ฉันยังทำไม่เสร็จนะ เสียงเด็กน้อยตอบเจ้าเพื่อนสนิท
    เพื่อนสนิท : แกคิดว่ายังไม่ได้ทำอะไร ดูแล้วเราก็ทำทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจนหมดแล้วนี้
    เด็กน้อย : ฉันนึกได้แล้ว ฉันยังไม่ได้ให้อาหารพี่ ๆ น้อง(สุนัข) ที่ข้างกุฏิหลวง
    พ่อ
    ทั้งเด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ เพราะนี่เลยเวลามามากแล้วทั้งพี่ ๆ น้อง ๆ(สุนัข) คงหิวน่าดู เด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างพากันวิ่งไปยังที่ข้างกุฏิหลวงพ่อทันที่ เมื่อไปถึงสิ่งที่พบเห็น "หลวงพ่อท่านกำลังหยอกล้อกับน้อง ๆ บางตัวก็ขึ้นมานั่งบนตัก บางตัวก็ตะกายอยู่ด้านหลัง" เด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างคิดตรงกันคงถูกหลวงพ่อตำหนิ ทั้งสองคนนั่งลงและพนมมือรู้ถึงความผิดของตัวเอง
    หลวงพ่อ : เป็นไงบ้างลูกวันนี้งานเยอะเหรอ
    เด็กน้อย : ไม่เยอะหรอกเจ้าค๊ะ แต่หนูลืมให้อาหารพวกพี่ ๆ น้อง(สุนัข) เพิ่งนึกได้และมาเพื่อจะให้อาหารค๊ะ หนูผิดเองค๊ะที่ทำให้พวกพี่ ๆ น้อง (สุนัข) ต้องหิว
    หลวงพ่อ : ท่านยิ้มและมองหน้า เด็กน้อยและเพื่อนสนิท พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นว่า
    "ท่านพี่ของเจ้า (ท่านชี้มาที่เด็กน้อย) สงสารเจ้าก็เลยมาช่วยเจ้าเลี้ยงอาหาร ต่อไปนี้ขอให้เจ้าคิดถึงและคำนึงอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้ามีพี่ที่คอยดูเจ้าอยู่พร้อมที่ช่วยในสิ่งที่ไม่เกินกฏของกรรม ขอให้ตั้งตนอยู่ในความดี ความดีจะปกป้องคุ้มครองได้" ทั้งเด็กน้อยและเพื่อนสนิทต่างพากันก้มกราบหลวงพ่อ พร้อมทั้งคิดคำนึงถึงบุญคุณของท่านพี่ที่ท่านช่วยสงเคราะห์ในครั้งนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...