รวมกระทู้ที่ไม่เหมาะสมไม่อ้างที่มาในพระไตรฯภาษาไทยของ frozen flower และอีกหลายชื่อ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด, 28 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. beibei

    beibei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +26
    ได้ใจมากจ๊า... ;20
     
  2. th258258

    th258258 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +119
    อืม ถ้าช่วยโลกไว้ แล้วโลกยังมีระบบแบบนี้อยู่ต่อไป นั่นเท่ากับว่าทำร้ายคนทางอ้อมเพราะ สิ่งเดิมๆยังมีอยู่ถึงขยับดีขึ้นนิด เหมือนเล่นหุ้น วันนี้แย่ลง ถ้ามีคนช่วยให้ดีขึ้นก็แค่ขยับขึ้นอีกจุดแค่จุดเดียว ยังไม่ใช่ยอดเต็มของมัน และเราก็เสียกำไรไปให้อีกฝ่ายจนล้มละลายก็ได้ ทางเดียวที่ได้กำไรจากหุ้นนั่นคือ ปล่อยไปตามธรรมชาติ อยู่เฉยๆ เพราะยิ่งไปฉุดก็เหมือนยิ่งทำลายและทำร้าย ไปอีกกี่รุ่นก็ไม่รู้

    พระเจ้าถึงได้ล้างโลกไง

    เทพสังหรณ์ถูกบังด้วย เทพแห่งดาวมืด จนมิดแล้ว เพราะความดีที่เทพสังหรณ์ทำถูกปิดกั้นจนมืดมิด จนกลายเป็นเทพแห่งดาวมืด ไม่ใช่ดาวแสงอีกต่อไป เราจะทำลายเพื่อได้กำไรที่สูงสุดดีกว่าฉุดเพื่อดึงให้ติดลบดิ่งสุด

    โลกก็เหมือนหุ้น...คุณว่าไหม
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    "ฤษีองค์ทอง" ในคำทำนายของหนังสืออินทร์ตก หมายถึงอะไร

    ตามคำทำนายในหนังสืออินทร์ตก บางส่วนกล่าวถึง
    "ฤษีองค์ทอง" จะสึกมาเป็นพ่อค้า ในช่วงเกิดเหตุ
    เภทภัย



    ฤษีองค์ทองคืออะไร และสำคัญอย่างไร?
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คำว่า "สึก" ใช้กับพระ แต่ทำไมจึงใช้กับฤษี?


    เนื่องจากบวชพระแล้วไม่ได้เป็นพระสงฆ์ตามธรรมวินัยนั้น
    จึงเป็นได้เพียง "ฤษีห่มผ้าเหลือง" หรือ ฤษีองค์ทอง เมื่อ
    รู้ตัวแล้วว่าตนมิได้อยู่ในธรรมวินัย จึงสละผ้าเหลืองแล้วสึก
    เสีย เพื่อออกมายอมรับความจริง รับวิบากกรรมตามจริง


    นี่คือ ที่มาของ "ฤษีองค์ทอง" ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มแห่งการทำลายล้าง
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ผลกรรมแห่งการจับพระสึกในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช


    แม้ว่าพระที่บวชเหล่านั้น จะผิดธรรมวินัย ไม่มีความเป็นพระที่แท้จริง
    ทว่า หากเขามิได้ผิดถึงขั้นปราชิก 4 ก็ไม่อาจจับสึกได้ ทว่า เขากลับ
    ถูกจับสึกเพื่อความเรียบร้อย, มีระเบียบวินัยของพระพุทธศาสนา จึง
    กลายเป็น "วิบากกรรมร่วมกัน" ทั้งระหว่างพระเจ้าอโศกมหาราชและ
    พระอุปคุต ที่จะต้องกลับมาชดใช้กรรมร่วมกัน


    และต้องเสียผ้าเหลืองด้วยวิบากกรรมนี้...
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระเจ้าอโศกมหาราช
    หรือพระอุปคุต
    หนึ่งในนั้นก็คือ "ฤษีองค์ทอง"



    เวลา "ปีจอต่อกุน" ถูกเลื่อนไป
    ให้นับเอาจากเวลาที่ฤษีฯ ลาสิกขา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 เมษายน 2011
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    หนังสืออินทร์ตก พุทธทำนายภัยพิบัติ


    เกี่ยวกับคำทำนายด้านภัยพิบัติโลก มีบันทึกอยู่ในตำราและหนังสือของหลายชาติ หลายภาษา ทางนะกุศล.คอม จะทยอยนำมารวบรวมให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษา ในบทความนี้จะเกี่ยวกับคำทำนายจากหนังสือประเทศลาว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของไทยเรา
    หนังสือใบลานสีได้เก็บรักษาสืบทอดมาจากวัดแห่งหนึ่ง ในแขวงอัตตะปือ(ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแผ่ให้ เลยเกิดศรัทธาเสียสละทรัพย์ส่วนตัว พิมพ์แจกจ่ายมายังญาติพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นการกุศลและเพื่อพิจารณญาณด้วยตนเอง ถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกาภิวัฒน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ว่าดังนี้
    โส ชัง ชน โทโพโส อินโตกรุณา
    พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้วจงรีบร้อนบอกเล่าสู่กันฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยท่านให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ถ้าบุคคลใดไม่เชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจะเกิดเดือดร้อน ในปีจอ ขึ้น 4 ค่ำผู้มีบุญจะลงมาเกิด พร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้าน เรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมีพวกผีปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุลยามเดือนหงาย จะเกิดมีงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลายประการเช่น
    ทุกข์ยากร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตายตามทุ่งไร่ทุ่งนา
    ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีผู้เฒ่า
    ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไปต่างประเทศไม่สะดวก
    ทุกข์ยากร้อน เพราะอดข้าวปลาอาหาร ทุกข์ยากร้อน เพราะนอนไม่หลับ
    ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน

    ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทน์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามไม่ให้ตักน้ำอาบน้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ) พญายมราชจะนำเอายาพิษพ่นมาใส่โลกมนุษย์ ในปีจอเมืองกรุงเทพฯ จะ แตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่ จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทน์ นี้คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน จงรักษาเก็บไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์ มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้
    ปะโต เมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ
    พระคาถาข้อนี้จะเขียนลง ใส่ใบลาน แผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้บนประตู ห้องเรือน หรือรถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ใน กาละเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดา ผู้คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผลบุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระองค์อินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลก ถึง 9 ข้อนับตั้งแต่ปีจอถึงปีกุล คือ
    จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหวหวั่น จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ - อาหาร เป็นพิษ)
    จะให้เกิดไฟไหม้ (อัคคีภัย) จะให้เกิดกาฬโรคต่าง ๆ (พยาธิร้าย)
    จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย) จะให้เกิดอด ข้าว ปลา อาหาร
    จะให้เกิดฟ้าฝ่า จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนใจบาป
    จะให้เกิดร้อนมาก หนาวมาก

    มหันตภัยทั้ง 9 อย่างนี้ จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันไป ให้รีบเร่งทำแต่ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุล ไปแล้วทุกคนพร้อมทั้งลูก หลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้ทุกคนเคร่งครัดถือศีล 5 ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศล อย่างต่อเนื่อง ศีล 5 ข้อได้แก่
    ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต (ทุกชีวิตใครก็รัก)
    ห้ามลักเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน
    ห้ามล่วงเกินเป็นชู้คนอื่น เมีย ผัว คนอื่น (ที่มีเจ้าของ)
    ห้ามพูดปดหลอกลวงผู้อื่น ในทางที่ไม่ดีซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกสามัคคี หรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง
    ห้ามดื่มหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง
    นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่ง ได้พบเห็นเนื้อในอักษรธรรมเขียนจารึกไว้ บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้นจากพื้นดิน ในภูผาป่าดงแห่งหนึ่ง ที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป (ข้าพเจ้าไม่ขอบอกนามพระ และกำหนดสถานที่อย่างจะแจ้งได้) เพราะได้สอบหาข้อมูลละเอียดแล้วพระผู้ทรงศีล ได้กล่าวว่า โยมเอย ถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็นกุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศลรู้เพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในปีระกา - ปีจอ และปีกุล เดือน 7 – 8 จะเกิดเหตุร้ายตามถนนหนทาง เดือน 9 -10 คนใจบาปหยาบช้าจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านก็ไม่มีคนอยู่ มีข้าวก็ไม่มีคนกิน มีทางก็ไม่มีคนเดิน สุดท้ายพระผู้ทรงศีลยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหนังสือ “อินทร์ตก” “อินทร์ตื่น” ถ้าท่านผู้ใดเชื่อ ศรัทธา บูชา เคารพกราบไหว้ หรือบนบาน ว่าจะบอกเล่าต่อผู้อื่นหรือลงพิมพ์แจกให้สาธุชน คนทั้งหลายรับรู้ด้วยแล้ว ท่านจะปรารถนาสิ่งใดจะได้ดั่งใจนึก พยาธิร้ายที่เบียดเบียนกายก็จะหายขาด
    ท่านไม่เชื่อขออย่าลบหลู่เป็นอันขาด
    พระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแพร่บอกกล่าวมา



    ศิลาจารึกภัยพิบัติ มหาวิหานชรเจตมหาเชตะวัน
    ศิลาจารึกในมหาวิหานชรเจตมหาเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะทูตไทยที่ไปอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทย ว่าดังนี้

    สาธุ อะระหังตา สัมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาแล้วแต่ลำบากทั่วหน้า ทุกชาติ ทุกศาสนาตามธรรมชาติ
    เมื่ออาตมาเข้านิพพานไปแล้วครบบห้าพันปีเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้จะถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้สองพันห้าร้อยปี มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียครั้งหนึ่งในระยะเวลา 30 ปี สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอะจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับกลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก
    ใกล้กับ พ.ศ. 2550 ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิว่าราตรี มนุษย์นอกพระศาสนาจะรบราฆ่าฟันกันจนถึงเลือดนองเต็มพื้นดิน พื้นน้ำ จะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่าทำลายเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟจะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่งจึงจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนาซึ่งถือกำเนิดจากป่า อำมหิต ส่วนพุทธศาสนิกชนผู้ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคตสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง
    บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ผ้ากาสาวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบางแต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก ไหว้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์ จะอดอยากยากเข็น ลูกไฟจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ พระยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลิง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้าว่าดังนี้
    ชา ตะ มะ สะ ละ วา พระพุทธชินลิตนี้ท่านให้เขียนใส่กระดาษ หรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้าน หรือหัวนอน ดังนี้จะมีอายุยืนยาว จะทัน ผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ลานช้าง ( ภาคอีสานในปัจจุบัน ) พระยาธรรมิกราชา เข้ามาปีกุน เดือน 11 เป็นเที่ยงแท้หนักหนาท่านเสด็จมาในปีระกา แรม 5 ค่ำ มหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตก สมณะชีพราหมณ์ตามมาพอประมาณได้ 76,400 รูป ทั่วอาณาจักรสมเด็จพระบรมนักปราชญ์ได้ประกาศคาถาว่า ดังนี้
    นะสัจจัง ทะ คะยังมะสำคำปัง คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโค คลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญชื่อพระยาธรรมิกราชให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนา คอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุน เดือน 8 เป็นเที่ยงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้น ภัย
    สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ ภาวนาทุกเช้าค่ำ ผู้นั้นจะมีอายุยืนนานจะได้เห็นพระธรรมมิกราช (พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไนย) ในปีกุน ท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็น
    หนังสือบ้านใดผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้บอกต่อกันด้วย


    http://www.nakusol.com/พลังจิต-หนังสืออินทร์ตก-พุทธทำนายภัยพิบัติ-144.html
     
  8. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    ขอที่มาที่เชื่อถือได้และแหล่งอ้างอิง ที่เป็นที่ยอมรับด้วยครับ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการปรามาสพระอริยะครับ
     
  9. โดเรม้อน

    โดเรม้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +75
    พระอุปคุตและพระเจ้าอโศกมหาราชมาเดิดในปัจจุบัน นั่นคือดวงจิตดวงสุดท้ายที่กำลังจะออกจากเรือนแก้วใต้บาดาล ภาวนาอย่าให้ท่านออกมาเร็วเถอะเดียวทะเลจะมีปัญหาความสมดุลจะไม่มีมากเหมือนเก่า นี่แค่ขยับตัวยังสะเทือนปานนี้ถ้าออกมามีหวังน้ำท่วมใหญ่แน่
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ศรัทธาใครให้ผลไม่ต่างจากคนนั้น ท่านคือผู้เลือกเองจะพาตัวเองไปที่ไหน

    ผู้มีบุญบารมีในโลกนี้มีมาก ไม่น้อย
    ประกอบกับสัตว์โลกยุคนี้ มีผู้ที่จะได้
    บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าน้อยกว่า
    ดังนั้น สัตว์โลกส่วนใหญ่จะตามหา
    ผู้นำของตน พวกเขาจะเดินตามกัน
    ศรัทธากัน อันจะยังผลให้พวกเขาไป
    สู่จุดหมายปลายทางต่างกัน


    ดังจะอธิบาย..
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    องค์ศรีอาริยมเตตรัยและบริวาร มีลักษณะอย่างไร?


    เนื่องจากพระศรีอาริยเมตตรัยมีกำหนดต้องตรัสรู้และนิพพานในยุคหน้านี้
    ดังนั้น จึงก่อกรรม (ทั้งฝ่ายดีและชั่ว) ได้ไม่มากนัก ทั้งท่านและบริวารก็จะ
    มีลักษณะที่คล้ายๆ กันอยู่ คือ


    1. มักกลายเป็น "ภาระพึ่งพา" คนอื่น เช่น พ่อแม่ ฯลฯ เนื่องจากสังคมมอง
    ว่าไม่มีค่าพอที่จะได้ตำแหน่งหรือหน้าที่การงานใดๆ จึงเสวยบุญเก่าของตน
    ไปด้วยการไม่ต้องก่อกรรมใหม่เพิ่ม ทว่า กรรมเก่าทำมามากแล้ว ใช้ชาตินี้ก็
    ไม่อาจหมดได้ จึงไม่อาจนิพพานได้ทันภายใน 5,000 ปีพุทธกาลนี้

    2. ไม่เป็นโล้เป็นพาย ทำกรรมดีก็ไม่ได้ ไม่มีผลงานที่จะพอเรียกได้ว่าคนดี
    ทำกรรมเลวก็ไม่ขึ้น ได้อย่างมากก็ "ทำเล่นๆ" ไม่อาจทำการณ์งานใดได้จริงๆ
    จังๆ หากฝืนทำก็จะล่ม หรือล้มไปโดยไม่มีเจตนา ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
    จึงกลายเป็นคนที่ด้อยค่าในสังคม ให้คนอื่นเลี้ยงดูไปเฉยๆ ไม่มีกรรมใหม่ให้
    ก่อ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีอำนาจให้กระทำกรรม ไม่สานต่อกรรมเพิ่มได้อีกแล้ว

    3. เหลวไหลหรือเอาแต่สนุกหรือเล่นไปวันๆ เช่น เล่นอินเตอร์เน็ต ไม่ทำจริง
    หรือเล่นเกม, หรือมีงานอดิเรกทำที่ไม่ก่อกรรมกับใคร เช่น วาดภาพ, ปลูกพืช
    หากพิจารณาดีๆ คนเหล่านี้ ล้วนมีบุญกรรมของตัวเอง อยู่เฉยๆ ก็มีคนเลี้ยงดู
    ให้ที่อยู่ที่กินไปวันๆ เอาตัวรอดได้ไปวันๆ ไม่ต้องทำการงานอะไรก็ได้ คล้ายๆ
    พระเจ้าเล่าเสี้ยน (ลูกเล่าปี่) ที่ยอมจำนนต่อศรัตรูเพื่อเสวยบุญส่วนตนไปวันๆ

    4. ไม่สามารถบวชพระได้ หรือบวชแล้วไม่อาจบรรลุธรรมได้ในพุทธกาลนี้เช่น
    บางพวกเป็นสามเณรแต๋ว ได้บุญถึงผ้าเหลืองแล้วแต่เป็นกระเทยเสียอย่างนั้น
    บางพวกเกิดเป็นผู้หญิงไปเลยก็มี เนื่องจากยังไม่ถึงวาระที่จะได้นิพพานนั่นเอง

    5. จริงๆ เป็นคนดีมีความสามารถอยู่กับตัว แต่เพราะเหตุกรรมตัดรอนบางอย่าง
    ทำให้ไม่ต้องไปรับภาระ, ตำแหน่ง เพื่อทำการงานในทางโลก เนื่องจากต้องงด
    ก่อกรรมใหม่เพิ่มแล้ว จึงต้องอยู่อย่างคนไม่ค่อยมีอะไรจะทำไปวันๆ หรือมีก็ไม่
    ใช่งานที่ก่อกรรมมากนัก ได้ผลน้อย เจริญในทางโลกน้อย เพราะก่อกรรมน้อย
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระยูไลและบริวารมีลักษณะอย่างไร?


    พระยูไลและบริวาร ล้วนยอมสละนิพพาน เพื่อให้สัตว์อื่นได้นิพพานก่อนตน
    และด้วยว่ายอมสละนิพพานได้แล้ว จึงกลับไปก่อกรรมได้ทั้งฝ่ายดีและชั่ว
    ดังนี้ ท่านและบริวารจึงต้องรับภาระ "ก่อกรรมเพื่อให้ผู้พร้อมนิพพานไม่ต้อง
    ก่อกรรม" คือ ก่อกรรมแทน, เปื้อนมือแทน ผู้ที่จะเข้านิพพานนั่นเอง โดย
    ท่านทั้งหลายนี้ จะปรารถนาพุทธภูมิ, มีความเป็นโพธิสัตว์, บำเพ็ญบารมีมาก
    ชนิดที่ไม่ต้องเกรงใจใคร บารมีล้นฟ้าเลยก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะนิพพานไปลง
    หรือมีกรรมมีบุญมากจนเสวยไม่หมด จนนิพพานไม่ได้ เพราะยอมลานิพพาน
    แล้ว จึงก่อกรรมได้มากมาย ปกติ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะทรงมีท่าน
    เหล่านี้คอยมาช่วยดูแลพระพุทธศาสนาเสมอๆ ทั้งในยามที่ยังมีพระชนม์อยู่
    พระพุทธเจ้าจะทรงให้ "นัยยะ" บางประการ เพื่อเปิดทางให้ท่านเหล่านี้ทำกิจ
    เช่น การปราบมาร, การหมุนธรรมจักร ปกครองเหล่าทวยเทพ ฯลฯ เพื่อให้มี
    การขับเคลื่อนโลกและธรรมไปยังนิพพาน นั่นเอง


    ท่านเหล่านี้จึงมีผลงานมาก ฝากชื่อไว้ในแผ่นดินว่าเป็นคนดี เป็นวีรบุรุษ ฯลฯ
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ข้อแตกต่างของคนสองกลุ่มข้างต้น


    คนที่ยอมให้สังคมมองว่า "ห่วย" เข้าข่ายบริวารของพระศรีอาร์ฯ
    ส่วนคนที่ชอบทำตัวเก่งกาจ ดีเลิศ ออกหน้าทำความดี เสมอๆ จะ
    มีสุขาวดีเป็นปลายทาง มีชีวิตนิรันดร์ เวียนว่ายตายเกิดได้เรื่อยๆ
    มีบุญเลี้ยงตัวเองได้ และคนเหล่านี้ "มักมองข้าม" คนที่ดูปอนๆ
    แล้วนิยมนับถือศรัทธาคนที่ดูมีบารมีมากๆ แทนที่จะดูคนที่เอาตัว
    หลุดพ้นทุกข์ได้แท้จริง
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คนที่ห่วยแตกอย่างที่สุด ยอมง่ายๆ จะได้นิพพานเร็วที่สุด


    คนที่จะได้นิพพานภายใน 5,000 ปีนี้ ในยุคของพระสมณโคดม
    จะมีลักษณะ ดังนี้


    1. อาจเคยเป็นคนไม่ดีมาก่อน แล้วโดนวิบากกรรมซัดจนยอมจำนน
    ไม่เอาแล้ว หมดท่าแล้ว สู้ใครเขาไม่ได้แล้ว ยอมเขาแล้วทุกอย่าง
    แล้วหลบหน้าขอหนีไปบวชบ้าง, เอาตัวเองรอดไปเงียบๆ บ้าง พวก
    นี้จะเข็ดหลาบ และขอเข้ามาอาศัยใต้ชายคาร่มกาวสาวพัตร

    2. ถ้าเป็นคนดีมาก่อน เมื่อถูกทดสอบว่าจะบำเพ็ญบารมีผ่านหรือไม่
    ปรากฏว่า "ตกอย่างยิ่ง" ไม่ได้เรื่องเลย และอ่อนแรง หมดกำลังใจ
    จึงยอมจำนนต่อทุกสิ่ง ไม่อยากสู้กับใครเขาอีกแล้ว พร้อมยอมทำตัว
    เป็นผู้น้อย แอบอาศัยใต้ชายคากาวสาวพัตรอย่างเงียบๆ ไม่เด่นไม่ดัง
    ไปวันๆ เอาตัวรอดไปวันๆ ไม่สู้กับใครเขา หมดรูป คิดแต่จะหลุดพ้นไป
    ยังไง ไม่อยากฝ่าฟันอุปสรรคอะไรอีกแล้ว และจะได้นิพพานจริงๆ


    ทั้งสองแบบนี้ เหมือนกันคือ "ความล้มเหลวไม่เป็นท่า" ที่ไม่มีกำลัง
    พอจะลุกขึ้นสู้ได้อีก จึงยอมหยุดก่อกรรมทั้งฝ่ายดีและเลวทั้งสิ้นแล้ว
    ดังนี้ คนที่จะได้นิพพานจริงๆ ในยุคนี้ จึง "ไม่มีคนเก่งเลย" คนเก่ง
    ไปต่อหมดแล้ว ไม่หยุดอยู่แค่นิพพาน พวกนี้จึงไม่เด่นไม่ดังเลย
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความแตกต่างของผู้ได้นิพพาน กับผู้ได้ชีวิตนิรันดร์


    ปัจจุบัน ชาวโลกมีความเข้าใจน้อย มักเห็นผู้ที่โดดเด่น
    เด่นดัง เป็น "ผู้สำเร็จ" (จริงๆ แล้วสำเร็จทางโลกเท่านั้น)
    มองข้ามผู้ที่ "เอาตัวรอดหลุดพ้น" ที่แท้จริงไป พวกเขา
    จึงมักคิดว่าผู้ที่ได้สุขาวดีสวรรค์เป็นผู้ได้นิพพาน ซึ่งแท้
    แล้วไม่จริง


    จำต้องแยกแยะให้ออก เพื่อไม่ให้หลงทาง...
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ชาวพุทธปัจจุบัน หลายท่าน มี "พระเจ้า"
    และ "ชีวิตนิรันดร์" เป็นจุดหมายปลายทาง
    ไม่ใช่มีนิพพานเป็นจุดหมายปลายทาง?
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ชาวนาที่ยอมโง่ให้คนฉลาดหลอกเอา
    ก่อกรรมน้อย แค่พออาศัยอยู่ไปวันๆ
    เหล่านี้ มีโอกาสได้นิพพานในยุคของ
    พระศรีอาริยเมตตรัย


    แต่คนฉลาด จะยังไม่ได้นิพพานในยุคนั้น
    เพราะฉลาดเกินไป ก่อกรรมล้นเกินไป
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จิตวิญญาณมีกลุ่มก้อนของความเป็นสัตว์สังคม


    มีผู้นำและบริวาร มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกัน
    เป็นกลุ่มๆ เนื่องจากเวรกรรมที่ทำมาร่วมกันเป็นกลุ่มๆ นั่นเอง
    ดังนั้น การรู้ตัว "ตื่นขึ้น" ให้แจ้งชัดว่าเราอยู่ในกลุ่มใด จะได้
    อะไร ใครเป็นผู้นำ จึงช่วยให้เดินต่อไปอย่างมั่นใจ ไม่หลงทาง


    คนที่ไม่เหลือใครให้ศรัทธา พอยึดเอาได้แต่พระพุทธเจ้า
    เห็นใครในโลกนี้แล้ว ล้วนมองว่าไม่น่าศรัทธาทั้งนั้น นี่จะ
    ได้นิพพานใน 5,000 ปีนี้


    คนที่ศรัทธา "คนเหลวไหล แต่เอาตัวรอดได้ไปวันๆ" นี่
    จะได้นิพพานในยุคพระศรีอาร์ฯ ซึ่งพวกเขาจะมองเห็นสิ่ง
    ดีงามที่ซ่อนอยู่ในองค์ศรีอาริยเมตตรัยนั้น แล้วศรัทธา
    แน่วแน่ไม่เป็นอื่น


    คนที่ศรัทธาคนดี, คนเก่ง, คนดัง พวกนี้ มีสุขาวดีเป็นที่ไป
    จะได้ชีวิตนิรันดร์ จะมองหาแต่ "วีรบุรุษ" ในฝันของตนที่จะ
    ต้องโดดเด่น, เลิศหรู ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ใช่ปอนๆ เก่ง, ดีเลิศ
    ไม่ใช่คนไม่เอาถ่าน, ไม่เอาไหน พวกเขาจึงศรัทธาคนที่ดูมี
    สง่าราศี, มีบารมีมากๆ, มีบริวารห้อมล้อมเยอะๆ เป็นสำคัญ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ผู้ที่ดูแลบ้านเมือง ข้าราชการทั้งหลาย เป็นกลุ่มจิตญาณมาจากไหน?


    ข้าราชการทั้งหลายที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน มาจาก "ชาวต่างชาติที่รุกราน
    ประเทศไทย" เพราะจิตมุ่งหมายเอาประเทศนี้ จึงมาเกิดที่นี่ เพราะจิต
    มุ่งหมายเอาตำแหน่ง, ยศฐาบรรดาศักดิ์ จึงได้มาเสวยตำแหน่งนั้นๆ
    เพราะมีบุญบารมีจากการสละตนเพื่อบ้านเมืองของตน (ไม่ใช่ไทย)
    จึงพอมีบุญได้ครองดังกล่าว และเพราะไม่ใช่คนไทยมาก่อน จึงไม่มี
    ความอยากช่วยประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง มักโกงกินเป็นอันมาก


    เขาเหล่านี้ เมื่อทำสงครามแพ้พระนเรศวรแล้ว ได้ตายไปตกนรกแล้ว
    จึงมี "พระกษิติครรภ์" ลงไปฉุดช่วยออกมาเกิดในชาตินี้ ได้อาศัยร่ม
    บุญบารมีของ "องค์กษิติครรภ์" อยู่ จึงมีอำนาจ มีตำแหน่ง มีผลงาน
    แต่ก็อย่างที่ท่านเห็น หลายอย่างถูกสร้างอย่างผิดทิศผิดทาง ก่อให้
    ปัญหาตามมาภายหลังมากมาย เช่น การสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ
    การสร้างวัตถุที่เบียดเบียนวัฒนธรรม, การบุกรุกป่าสงวน ฯลฯ
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บางครั้งคนที่ดูไม่ใช่วีรบุรุษ
    ดูไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนเลว
    ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนฉลาด
    แต่เอาตัวรอดได้ไปวันๆ


    เขาคนนั้นอาจหาทาง "หลุดพ้น"
    ได้จริง ตรงกันข้าม คนที่ดูเก่ง
    ดูดี ดูน่าศรัทธา เด่นดังทั้งหลาย
    อาจไม่สามารถแม้จะเอาตัวเอง
    รอดพ้นออกมาจากวังวนกรรม
    ได้เลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...