ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    เรื่องชื้อเรือดำน้ำนี้อย่างไรก็สนับสนุนให้ชื้อ ดีแล้วที่ทร.ไทยชื้อของเยอรมัน ขออย่างเดียวชื้อแล้วให้นำต้นแบบมาปรับปรุงพัฒนาเป็นแบบของเราและสร้างเองบ้าง นักวิจัยไทยมีเยอะมาก จบวิทย์วะก็เยอะน่าจะพัฒนาได้ ถ้าชื้อจาก จีน อเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ อย่างไรก็ค้าน ที่น่าสนใจอีกประเทศคือรัสเชียแต่ไม่รู้จะเข้าท่าไหมเพราะเริ่มไม่ไว้ใจกลัวเหมือน 4ประเทศที่กล่าวมา เรื่องเขมรนี้ไม่ค่อยตกใจเพราะทัพบกน่าจะสู้ได้(แหมฆ่าคนไทยด้วยกันยังทำได้ คราวที่แล้วที่พระวิหารเขมรตายเยอะมากนะแต่ไม่ยืนยันเพราะเขมรไม่เปิดเผยข่าวแต่เป็นข่าวซุบซิบในพื้นที่) แต่ที่ห่วงคือเวียตนาม คราวที่แล้วพอเราประทะเขมรเวียตนามสนับสนุน ส่งรถถังส่งกำลังทหารส่วนหนึ่งสร้างภาพขู่เราทันทีเราน่าจะรบกับเวีตยนามโดยใช้เขมรเป็นสนามรบก็คงจะดีจะได้รู้ว่าใครจะแน่ แต่ระวังอย่าให้มาเลย์กับสิงคโปร์ถือโอกาสยึดตลาดการค้าที่เขมรก็แล้วกัน 555(ความเห็นส่วนตัวไม่ได้บ้าสงคราม)
     
  2. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ขอขอบคุณท่าน joyquang1 ได้รับแล้วจ้า thank you มากๆ ไทยกลัวประเทศที่ 3เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะการต่างประเทศในรัฐบาลนี้อ่อนมากไม่ค่อยทันเขมร เรามัวไปสร้างแต่ศัตรู สมัยก่อนเราเป็นประเทศผู้นำอาเซี่ยนแต่เดียวนี้เราเป็นผู้สร้างปัญหาและเป็นผู้ตามในอาเซี่ยน
     
  3. สิงห์สมุทร

    สิงห์สมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +182
    ตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา..โลกเปลี่ยนไปมากมาย..
    ธรรมชาติ...เกิดพายุ..ทอร์นาโด..หนาวหิมะตก..ร้อน..ฝนตกหนัก..น้ำท่วม..แผ่นดินไหว..สินามิ..
    มนุษย์...สงคราม..กลางเมือง..ศาสนา..ดินแดน..รังสีรั่วไหล..อาหาร..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02.1.jpg
      02.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.1 KB
      เปิดดู:
      92
  4. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    เอาของดีพอใช้ได้ราคาไม่แพง แต่ของเก่าเขาปลดประจำการ ค่าคอมมาก เลิกซื้อได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ในหลวงท่านตรัสว่า คนไทยขุดเรือเก่งให้ขุดเรือไว้เยอะๆ (เรือรบ) แต่เครื่องบินให้ซื้อเอา จำไว้ในหัวเลยว่า ทำไมท่านถึงบอกให้พวกเราขุดเรือ (ยังสงสัย)
     
  6. เนตาเทวี

    เนตาเทวี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เรียนถามคุณ "หนุมาน" ค่ะว่าที่ภูเก๊ตช่วงอาทิตย์นี้จะมีเหตุการณ์อะรัยที่ร้ายแรงมั้ยค่ะ
    พอดีพี่สาวจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงานวันพรุ่งนี้ค่ะ เป็นห่วงพี่มากๆเลยค่ะ จะทักท้วงก็เกรงว่าหากภัยไม่เกิดขึ้นมาจิงๆ ก็เกรงว่าจะเสียโอกาสที่จะได้เที่ยวอะค่ะ ขอรบกวนคุณ "หนุมาน"
    และผู้รู้ทุกท่านด้วยนะค่ะ...ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
     
  7. เกาะแก้ว

    เกาะแก้ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +58
    ผมเคยอ่านคำพยากรณ์ของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งเกี่ยวภัยพิบัติธรรมชาติและน้ำท่วม
    ในหนังสือพิมพ์สังฆทานนิวส์ ของวัดสังฆทาน ประจำวันที่ 1-31 ธันวาคม 2553
    และประจำวันที่ 1-31 มกราคม 2554 โดยเป็นคำพยากรณ์ที่หลวงปู่สังวาลย์ท่าน
    บอกกับหลวงพ่อสนองไว้ครับ ลองหาอ่านดูนะครับ

    ขอให้ทุกคนตั้งอยู่บนความไม่ประมาท<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. patratyon

    patratyon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    10,434
    ค่าพลัง:
    +6,293
    วันนี้รู้สึกว่าอากาศจะดี

    [​IMG]
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เมื่อกี้โทรไปถามคนที่วัดพระชราแห่งชาติ (วัดลป มีชัย) มา เค้าบอกว่า ยังยิงกันอยู่เลย กระจกสั่นเสียงดังตลอด ทหารก็เต็มแถวนั้น
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
  11. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    ปะทะอีกไทย-เขมรที่ภูมะเขือ กันทรลักษณ์ ไร้เจ็บตาย


    26 เมษา. 2554 14:51 น.


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.10 น. เกิดเหตุสู้รบระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ จ.ศรีสะเกษ โดยการปะทะกันครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ตำบลเสาธงชัย ต่างวิ่งหาหลุมหลบภัยกันอลหม่าน

    <DD>ด้านนายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย กล่าวว่า หลังจากชาวบ้านได้ยินเสียงปืนบริเวณภูมะเขือ ต่างตื่นตระหนกวิ่งเข้าหลุมหลบภัย บางส่วนได้เก็บสิ่งของขึ้นรถยนต์หลบหนีมาที่ศูนย์อพยพชั่วคราว ที่ทางอำเภอกันทรลักษ์จัดเตรียมไว้ ก่อนหน้านี้
    <DD>สำหรับเสียงปืนที่ดังขึ้นบริเวณภูมะเขือ ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงปืนกลเล็ก ปืน ค. อาร์พีจี ปืนกลหนัก ปืนไร้แรงสะท้อน(ปรส.) ซึ่งขณะนี้ทางทหารของกัมพูชายังไม่ยิงปืนใหญ่เข้ามา แต่เพื่อความไม่ประมาท อบต.และทางอำเภอกันทรลักษ์ได้แจ้งประชาชนให้ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และหากมีการปะทะถึงขั้นมีการใช้ปืนใหญ่ก็ให้นำสิ่งของที่เตรียมไว้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที
    <DD>จากการปะทะกันประมาณ 10 นาที ขณะนี้เสียงปืนได้เงียบลง เนื่องจากทางผู้บังคับบัญชาทางไทยได้มีการติดต่อกับทางผู้บังคับบัญชาของกัมพูชาให้หยุดยิง</DD><DD> </DD>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โคลอมเบียกำลังเผชิญ “ภัยธรรมชาติ” ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>26 เมษายน 2554 14:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สภาพน้ำท่วมหนักในเขตอันเตียวเกีย โคลอมเบีย เมื่อวันอาทิตย์ (24) ที่ผ่านมา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250><TBODY><TR><TD vAlign=top width=250 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - โคลอมเบียกำลังประสบกับปัญหามหันตภัยทางธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาต่อเนื่องในหลายพื้นที่ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส แถลงต่อประชาชน คืนวานนี้ (25)

    ฝนที่ตกหนักจากปรากฏการณ์ลานีญาส่งผลให้ประชาชนชาวโคลัมเบียเสียชีวิตอย่างน้อย 69 คนเฉพาะภายในเมษายนเพียงเดือนเดียว โดยยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากภัยธรรมชาติในปีนี้มีไม่ต่ำกว่า 90 ชีวิต ทางการโคลอมเบียเปิดเผย

    “ราวกับว่าดินแดนของเราถูกกระหน่ำด้วยพายุฮอร์ริเคนที่มาถึงตั้งแต่ปีที่แล้ว และไม่ยอมไปไหน” ประธานาธิบดีซานโตสกล่าวต่อประชาชน

    “ปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่าภัยธรรมชาติครั้งนี้เป็นโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา” ผู้นำโคลอมเบียกล่าว อีกทั้งเรียกร้องความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อฟันฝ่าภัยพิบัติดังกล่าว

    ฝนที่ตกไม่ลืมหูลืมตาระลอกนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ 28 เขตจากทั้งหมด 32 เขตทั่วโคลอมเบีย การคมนาคมทางถนน 16 สายเป็นอัมพาต เนื่องจากเกิดดินถล่มปิดทับเส้นทาง

    ประธานาธิบดีซานโตสย้ำว่า ประชาชนราว 3 ล้านคนได้รับผลกระทบจากฝนห่าใหญ่มาตั้งแต่ปี 2010 โดยเฉพาะเดือนนี้มีชาวบ้านอย่างน้อย 36 คนได้รับบาดเจ็บ และอีก 8 คนสูญหาย ขณะเดียวกันผู้คนราว 98,000 รายได้รับผลกระทบ บ้านเรือน 183 หลังถูกทำลาย

    ยอดรวมทั้งหมดภายในปีนี้มีผู้สูญหาย 15 คน ประชาชน 208,581 คนได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมโคลอมเบียระบุ เมื่อปี 2010 มีชาวโคลอมเบียมากกว่า 300 คนเสียชีวิตจากฝนที่ตกหนัก

    ฮวน มานูเอล ซานโตสเผยว่า แผนการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ของประชาชนจากฝนตกหนักระลอกแรกเมื่อปี 2010 ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากฝนยังคงตกต่อเนื่อง ดังนั้นขณะนี้รัฐบาลจึงมองไปที่การให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินก่อนเป็นอันดับแรก

    เจ้าหน้าที่ตำรวจโคลอมเบียมีภารกิจสำคัญในการช่วยชีวิต อพยพประชาชน แจกจ่ายอาหาร และให้การคุ้มครองศูนย์อพยพ ระดมกำลังฟื้นฟูถนนหลวง และคอยช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ คำแถลงของสำนักงานตำรวจโคลอมเบียระบุ

    ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโคลอมเบียราว 160,000 คน และอากาศยานอีก 52 ลำเข้ามามีส่วนร่วมกับปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้ โดยรัฐบาลเปิดเผยตัวเลขว่า มีพื้นที่มากกว่า 900,000 เฮกเตอร์ (ประมาณ 5.6 ล้านไร่) เสียหายจากระดับน้ำที่เอ่อท่วมสูง และทางการได้เสนองบประมาณช่วยเหลือผู้ปะสบภัย 176 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,000 ล้านบาท)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000051173</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชาวจีนเกือบหมื่นท้องเสีย หลังดื่มน้ำเป็นพิษ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 เมษายน 2554 17:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชาวบ้านกำลังต่อคิวรับน้ำสะอาดจากสถานีจ่ายน้ำชั่วคราว ที่เขตอีหลาน มณฑลเฮยหลงเจียง หลังเกิดเหตุน้ำปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียตั้งแต่เมื่อวันศุกร์(22 เม.ย.) (ภาพไชน่า เดลี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ไชน่า เดลี - ชาวจีนเกือบหมื่น ต่อแถวรับน้ำสะอาดสำหรับบริโภคที่สถานีจ่ายน้ำชั่วคราาวในเขตอีหลาน มณฑลเฮยหลงเจียง หลังเกิดเหตุน้ำปนเปื้อนแบคทีเรีย

    สื่อทางการจีนรายงาน(24 เม.ย.) ว่า ตั้งแต่วันศุกร์(22 เม.ย.) จนถึงวันอาทิตย์(24 เม.ย.) มีชาวจีนจำนวนมาก 2,675 ครัวเรือน หรือ ราว 9,000 คน ในเขตอีหลาน มณฑลเฮยหลงเจียง มีอาการป่วยท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลว เนื่องจากติดเชื้อทางลำไส้ หลังดื่มน้ำปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียอี-โคไล (Escherichia coli - E. coli)

    จัง เหวิน เจ้าหน้าที่เขตอีหลาน กล่าวว่า ท่อส่งน้ำใต้ดินเก่ามาก ใช้มานานยังไม่เคยเปลี่ยน จนมีรอยแตกปรากฏขึ้นแล้ว จึงเป็นไปได้ว่าอาจปนเปื้อนน้ำเสียจากบ่อซึม

    ขณะนี้ รัฐบาลท้องถิ่นได้จัดตั้งสถานีจ่ายน้ำสะอาดชั่วคราว 6 แห่ง ขณะเดียวกัน ได้สั่งการเร่งซ่อมแซมท่อและฆ่าเชื้อทำความสะอาดระบบจ่ายน้ำ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>(ภาพไชน่า เดลี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แม่กำลังอุ้มลูกน้อยที่เข้ารับการรักษาจากแพทย์หลังดื่มน้ำเป็นพิษ ที่เขตอีหลาน มณฑลเฮยหลงเจียง (ภาพไชน่า เดลี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=335><TBODY><TR><TD vAlign=top width=335 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แพทย์ของศูนย์ควบคุมโรคท้องถิ่นกำลังทดสอบตัวอย่างน้ำจากเขตอีหลาน มณฑลเฮยหลงเจียง (ภาพไชน่า เดลี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000050529</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7453 ข่าวสดรายวัน


    ตั้งศพ"ไสบาบา"ใส่โลงแก้ว



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 25 เม.ย. เอพีรายงานว่า ผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวนายสัตยา ไสบาบา ผู้นำทางจิตวิญญาณชื่อดังชาวอินเดียซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขณะอายุ 85 ปี หลั่งไหลมาเคารพศพที่ทางวัดฮินดูที่เมืองพุทธปาติ ประเทศอินเดีย จัดงานพิธีด้วยการบรรจุศพ ไสบาบาไว้ในโลงแก้ว พร้อมแต่งศพ ด้วยชุดคลุมยาวสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งตกแต่งงานด้วยรูปภาพของไสบาบา และช่อดอกไม้มากมาย



    บะหมี่ผสมหมึก ลวงตารสหวาน



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 25 เม.ย. ไชน่าเดลี่รายงานว่า โรงงานผลิตเส้นบะหมี่ 17 แห่ง ในเมืองต่งกวน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ถูกสั่งให้ระงับการผลิตเนื่องจากต้องสงสัยว่าใช้ส่วนประกอบเติมแต่งผิดกฎหมาย ไม่ตรงกับที่ระบุไว้บนฉลากในการผลิตเส้นบะหมี่ เช่น ใช้แป้งข้าวโพดทำเส้น แล้วใช้หมึกดำ สีที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงขี้ผึ้ง ผสมลงไป เพื่อลดต้นทุนการผลิต และลวงให้ผู้ซื้อคิดว่าทำมาจากมันฝรั่งหวาน เพราะเป็นบะหมี่ชนิดที่มีราคาแพง ได้รับความนิยมในตลาด การทำบะหมี่ปลอมนี้ลดต้นทุนการผลิตจาก 25,000 บาท เหลือ 15,000 บาท โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรวจพบบะหมี่ลักษณะดังกล่าวถึงกว่า 5.5 ตัน ที่เมืองจงชาน มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเจ้าของโรง งานให้การว่า ได้วัตถุดิบ และสูตรการทำเส้นบะหมี่ปลอมดังกล่าวมาจากเมืองต่งกวน

    เครื่องบินบังคับเล็งลอบฆ่ากัดดาฟี



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    เล็งฆ่า? - ผู้คนสำรวจความเสียหายอาคารที่พักและสำนักงานของโมอัมมาร์ กัดดาฟี ในกรุง ตริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย ซึ่งทางการลิเบียแถลงว่า กองกำลังนาโต้ของชาติตะวันตกเจตนาจะลอบสังหารกัดดาฟี (ภาพเล็ก) เมื่อ 25 เม.ย. (รอยเตอร์)




    </TD></TR></TBODY></TABLE>บีบีซีรายงานเมื่อ 25 เม.ย. ว่า กองกำลังขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ถล่มอาคารภายในบริเวณที่พักของนายโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียจนพังราบ ทางรัฐบาลลิเบียแถลงการณ์ทันทีว่าเป็นความพยายามเอาชีวิตกัดดาฟี โดยที่เกิดเหตุเป็นกลุ่มอาคารบ้านและสำนักงานของกัดดาฟี ในย่านบับ อัล-อาซิซิยาห์ ซึ่งรัฐบาลใช้เป็นสถานที่ประชุมรัฐมนตรีและต้อนรับแขก การถล่มครั้งนี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 45 คน ในจำนวนนี้ 15 คน บาดเจ็บสาหัส และยังมีอีกหลายคนสูญหาย ขณะที่แหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งว่ามีอย่างน้อย 3 รายที่เสียชีวิต

    ด้านเดลี่เมล์รายงานว่า เหตุการณ์ถล่มที่พักผู้นำลิเบียในครั้งนี้ อาจเป็นปฏิบัติการของ "พรีเดเตอร์ โดรน" หรืออากาศยานสงครามไร้คนขับขนาดเล็ก เพราะทางสหรัฐเพิ่งส่งโดรนดังกล่าวมาร่วมปฏิบัติการเมื่อวันเสาร์ และทางวิลเลียม เฮก รมว.ต่างประเทศอังกฤษก็แสดงความเห็นไว้ว่า หุ่นโดรนเหมาะที่จะใช้ลอบสังหารนายกัดดาฟีถ้าจำเป็น และว่า เครื่องร่อนดังกล่าวใช้งานได้ดีในสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน และมันก็จะใช้ได้ดีเช่นกันในลิเบีย และกล่าวเปรียบเทียบการโจมตีกัดดาฟีคราวนี้ว่า เหมือนการฆ่างูก็ต้องตัดหัวงูนั่นเอง

    คลั่งใช้ที่ตัดเล็บจี้เครื่องบิน



    ซีเอ็นเอ็นรายงานเมื่อ 25 เม.ย. ว่า เกิดเหตุจี้เครื่องบินโดยสารของสายการบินอาลิตาเลียของอิตาลี เที่ยวบินที่ 329 บินจากปารีสไปโรม ผู้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นชายชาวคาซักสถาน ใช้มีดจากที่ตัดเล็บพยายามจับตัวผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นตัวประกันเพื่อเรียกร้องให้นำเครื่องไปยังกรุงตริโปลี ลิเบีย แต่ผู้โดย สาร 131 คน ช่วยกันจับกุมตัวชายคนดังกล่าวไว้ได้ เครื่องลงจอดที่โรมอย่างปลอดภัย

    ตาลิบันขุดอุโมงค์หนีคุกอื้อ



    เมื่อ 25 เม.ย. บีบีซีรายงานว่า นักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ที่คุกกันดาฮาร์ อัฟกานิสถานจำนวนประมาณ 470 คน หลบหนีออกจากที่คุมขังทั้งหมด โดยใช้วิธีขุดอุโมงค์ใต้ดินเป็นระยะทางหลายร้อยเมตรจากภายนอก เจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งว่า นักโทษที่หลบหนีไปได้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักรบตาลิบัน ซึ่งฝ่ายตาลิบันได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้วางแผนขุดอุโมงค์ดังกล่าว

    กรมสุขภาพจิตเผยคนไทยฆ่าตัวตายน้อยลง



    น.พ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สถานการณ์การฆ่าตัวตายของประเทศไทยล่าสุดถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับประเทศแถบเอเชีย โดยปี"53 อยู่ที่ 5.71 รายต่อแสนประชากร เมื่อเทียบกับปี"52 อยู่ที่ 5.97 ราย ซึ่งมีความพยายามในการลดปัจจัยเสี่ยงเพื่อทำให้ความสูญเสียจากการฆ่าตัวตายลดลง เช่น การใช้โครงการป้องกันการฆ่าตัวตายโดยการให้ อสม.เยี่ยมบ้านพูดคุย การให้การรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้โรงพยาบาลเพิ่มการรักษาและดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยง เช่น เทศกาลปลอดเหล้า เพราะเหล้าถือเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการฆ่าตัวตาย

    "อัตราการฆ่าตัวตายสูงใน 10 จังหวัดแรกของปี"53 ต่อแสนประชา กร ได้แก่ ลำพูน 19.77 ราย แม่ฮ่องสอน 14.45 ราย เชียงราย 14.04 ราย น่าน 12.61 ราย เชียงใหม่ 12.28 ราย จันทบุรี 11.5 ราย แพร่ 11.05 ราย อุตรดิตถ์ 9.94 ราย ระยอง 9.69 ราย พะเยา 9.45 ราย ซึ่งพบว่าจ.ลำพูน มีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นจากปี"52 ที่ 13.58 ราย" น.พ.อภิชัยกล่าว

    เมื่อวิเคราะห์โดยละเอียดจะพบปัจจัยของโรคซึมเศร้าที่เป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายร่วมด้วยเสมอ ส่วนตัวกระตุ้นอื่นๆ เช่น ผิดหวังจากความรัก การเรียน ทั้งนี้ วิธีป้องกันการฆ่าตัวตาย ต้องหมั่นสังเกตตัวเอง คนรอบข้าง หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า และพักผ่อนให้เพียงพอ และยังพบว่าการออกกำลังกายร่วมกับคนใกล้ชิดวันละ 30 นาที วันเว้นวัน จะช่วยทำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอาการดีขึ้นถึง 90 เปอร์เซ็นต์

    ชี้ไทยพ้น'ดินไหว'ใหญ่ ไม่ประมาท-เสริมแกร่งบ้านเมือง



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>แม้โศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว-สึนามิใหญ่ถล่ม 'ญี่ปุ่น' จะผ่านพ้นมาเกือบ 2 เดือน

    แต่หลังจากนั้นในทวีปเอเชียและเขตแปซิฟิกก็ยังเกิดแผ่นดินไหวเกิน 5-6 ริกเตอร์อยู่หลายจุด โดยครั้งล่าสุดวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมาเพียงแค่วันเดียว มีถึง 3 ประเทศ กับอีก 1 เกาะต้องเผชิญธรณีพิโรธ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาะไต้หวัน นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย

    เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝัน และรู้เท่าทันมหันตภัยธรรมชาติดังกล่าว คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงจัดสัมมนาหัวข้อ 'เราพร้อมรับภัยแผ่นดินไหวและสึนามิอย่างไร' ที่อาคารเจริญวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อไม่นานมานี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวและสึนามิพร้อมผู้สนใจเข้าร่วมคับคั่ง

    นายสุวิทย์ โคสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ 'ทส.' ให้คำจำกัดความ 'รอยเลื่อนมีพลัง' ว่า

    เป็นการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ซึ่งยังคงเคลื่อนตัวเข้าหากัน มุดซ้อนเกยกัน และบางแผ่นแยกออกจากกันตลอดเวลา การเคลื่อน ไหวนี้จะปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของการสั่นไหว ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า แผ่นดินไหว

    "โชคดีของประเทศไทยที่รอยเลื่อนมีพลังของเราเป็นรอยเลื่อนแบบแขนง ซึ่งเป็นสาขาของรอยเลื่อนใหญ่อย่างรอยเลื่อนสะแกงในประเทศพม่า หรือรอยเลื่อนเทียนเมียนฟูในประเทศลาว ดังนั้น โอกาสเกิดแผ่นดินไหวจึงเป็นขนาดกลาง และมีโอกาสเกิดแค่ 5-6 ริกเตอร์เท่านั้น ไม่เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่อยู่บริเวณรอยเลื่อนขนาดใหญ่ จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8-9 ริกเตอร์ได้" นายสุวิทย์กล่าว

    นายสุวิทย์ระบุด้วยว่า ที่ระดับความแรง 5-6 ริกเตอร์ บ้านเมืองจะสั่นไหว อาคารที่ไม่ได้เตรียมการรับมือดีพออาจเกิดการแตกร้าว แต่หากเกิดบริเวณป่าเขาจะได้รับผลกระทบน้อย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับ 'รอยเลื่อนที่มีพลัง' ของไทยมีทั้งหมด 13 แห่ง ครอบคลุม 22 จังหวัด คือ

    1.รอยเลื่อนแม่จัน 2.แม่ฮ่องสอน 3.พะเยา 4.แม่ทา 5.ปัว 6.เถิน 7.อุตรดิตถ์ 8.เมย 9.ท่าแขก 10.ศรีสวัสดิ์ 11.เจดีย์สามองค์ 12.ระนอง และ 13.คลองมะรุ่ย

    ตำแหน่งที่เกิดในประเทศไทยส่วนมากอยู่บริเวณป่าเขาทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้

    "กรมทรัพยากรธรณีวิทยาศึกษาย้อนหลังไป 50 ปี พบว่า วันที่ 22 เม.ย.2526 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดขนาด 5.9 ริกเตอร์ บริเวณ จ.กาญจนบุรี และรองลงมาคือ วันที่ 17 ก.พ. 2518 แผ่นดินไหวขนาด 5.6 ริกเตอร์ ที่ จ.ตาก" นายสุวิทย์กล่าว

    ผอ.ส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง กรมทรัพยากรธรณีฯ อธิบายต่อไปว่า รอยเลื่อนในประเทศไทยไม่แรงพอที่จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ 'สึนามิ' เพราะอยู่บนพื้นดิน ไม่ได้อยู่ในพื้นทะเล

    การเกิดสึนามิเกิดจากแผ่นเปลือกโลกมุดซ้อนเกยกันทำให้น้ำทะเลถูกแทนที่ด้วยแผ่นดิน ส่งผลให้เกิดคลื่นใต้น้ำ ซึ่งจะมาผุดสูงเมื่อใกล้ถึงฝั่งกลายเป็นภัยที่เตือนภัยยากและเกิดบ่อยครั้ง

    คลื่นยักษ์สึนามิจึงมักเกิดบริเวณตะเข็บรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก เช่น รอยต่อของอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ หรือชิลี

    "คาบเวลาการเกิดซ้ำของแผ่นดินไหวรุนแรงจากรอยเลื่อนขนาดใหญ่ในประเทศไทยมีระยะเวลายาวนานมาก ราว 1,000 ปี"

    "ดังนั้น สำหรับประชาชนไทยจึงไม่ควรหวาดวิตกเกินเหตุ แต่หากเกิดการเคลื่อนของรอยเลื่อนบริเวณเกาะสุมาตรา หรือหมู่เกาะนิโคบาร์ มหาสมุทรอินเดีย อาจก่อให้เกิดคลื่นสึนามิมาถึงไทยได้ และจังหวัดที่น่าจะได้รับผลกระทบ คือ ภาคใต้ติดชายฝั่งอันดามัน" นายสุวิทย์ชี้

    ขณะเดียวกัน นายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผู้อำนวยการส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ กรมอุตุ นิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ 'ไอซีที' กล่าวว่า

    ประเทศไทยมีสถานีเตือนภัยแผ่นดินไหวอยู่ 40 สถานีทั่วประเทศไทย

    การวิเคราะห์ศูนย์กลางแผ่นดินไหว ต้องใช้สถานีวัดไม่ต่ำกว่า 4 สถานี ซึ่งได้รับแรงสะเทือน จากนั้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือซอฟต์แวร์จะเลือกลักษณะของความสั่นสะเทือนนั้นๆ เพื่อคำนวณว่าตำแหน่งศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ไหน

    "เครื่องมือจะบันทึกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ฉะนั้นเราจะทราบว่ามีการเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไหร่ ศูนย์กลางอยู่ที่ไหน ลึกเท่าไหร่ ตำแหน่งที่อยู่บนระนาบของผิวโลกอยู่ตรงส่วนไหน" ผอ.ส่วนเฝ้าระวังและติดตามแผ่นดินไหวและสึนามิ อธิบาย และยืนยันว่า ความพร้อมในการตรวจวัดแผ่นดินไหวของไทยอยู่ในมาตรฐานโลก

    ด้าน ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณะประ สิทธิ์ นักวิชาการจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเตรียมพร้อมเสริมความแข็งแรงของอาคารสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน

    โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องควรทยอยจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดให้มีการประเมินสภาพอาคาร

    ทั้งนี้ สิ่งปลูกสร้างที่ควรรีบเสริมความแข็งแรงเป็นอันดับแรก คือ 'เส้นทางคมนาคม' เพราะถือเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ในการดำเนินชีวิต

    รองลงมา คือ อาคารสำคัญๆ เช่น ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์บัญชาการของตำรวจ และทหาร เนื่องจากหากเกิดภัยพิบัติและอาคารเหล่านี้ถล่มลงมาจะทำให้เกิดจลาจล เพราะไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบดูแล โรงเรียนและโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นสถานหลบภัยขณะเกิดภัยธรรมชาติ

    นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงระบบสาธารณูปโภค ระบบการสื่อสาร

    หนังสือ 'ข้อแนะนำสำหรับรูปแบบและการก่อสร้างอาคารทั่วไปที่เหมาะสมในเขตเสี่ยงภัยพิบัติสึนามิปานกลาง' ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า

    ตำแหน่งของอาคารที่ป้องกันภัยสึนามิไม่ควรอยู่ใกล้ชายหาด หรือร่องน้ำมาก

    รูปทรงควรสมมาตรในแปลน ไม่มีช่องเว้าหักมุมที่ทำให้คลื่นสูงขึ้น

    ผังอาคารรูปวงกลมหรือแปดเหลี่ยมจะสามารถลดแรงคลื่นได้ถึงร้อยละ 20

    และควรหันอาคารด้านแคบเข้าหาแนวที่คลื่นสึนามิจะปะทะเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

    กำแพงของอาคารส่วนที่ปะทะคลื่นยักษ์ต้องมีช่องเปิดไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่กำแพง ก่อด้วยอิฐ หรือคอน กรีตบล็อก ความหนารวมปูนฉาบไม่เกิน 10 เซนติเมตร มีเหล็กเดือยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตรยึดผนังกับเสาห่างกันไม่เกิน 40 เซนติเมตร เพื่อลดความเสียหายกับโครงสร้างตึก

    ด้าน 'รากฐาน' ต้องหยั่งลึกลงในชั้นดินแน่น

    หากเป็นรากฐานแบบแผ่ต้องฝังในชั้นดินที่แน่นและมั่นคงกว่าที่กระแสน้ำสามารถกัดเซาะได้ไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร

    และควรขยายตอม่อให้มีขนาดไม่เล็กกว่า 25 เซนติเมตร ขนาดเสาควรมีหน้าตัดด้านแคบไม่น้อยกว่า 20 เซนติ เมตร และระยะเรียงแนวดิ่งระหว่างเหล็กปลอกไม่ควรเกิน 15 เซน ติเมตร

    สำหรับเสา 20x20 เซนติเมตร และส่วนปลายยื่นของเหล็กปลอกไม่ควรน้อยกว่า 6 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลาง

    แม้แผ่นดินไหวจะเป็นภัยพิบัติที่ห่างไกลคนไทยอยู่บ้าง แต่การเตรียมพร้อมย่อมดีกว่าการแก้ปัญหายามเมื่อความเสียหายทำลายชีวิตและทรัพย์สินมหาศาลไปแล้ว เพราะในอดีตมีนักวิชาการจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าสึนามิใหญ่จะไม่มีทางถล่มประเทศไทย แต่สุดท้ายผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่กี่ปีคงให้คำตอบไว้แล้ว!

    นักวิชาการยุ่นก็ต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แฉมักจะเสนอแต่ข้อดี-ยก'ฟูกูชิมะ'เป็นตัวอย่าง



    อุบลราชธานี - นายฮิเดยูกิ บัน นักวิชาการชาวญี่ปุ่นจากศูนย์ข้อมูลนิวเคลียร์เพื่อประชาชน กล่าวในตอนหนึ่งของงานเสวนา "โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะถึงอุบลราชธานี บทเรียนนิวเคลียร์กับพลังงานทางเลือก" ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ว่าเดิมรัฐบาลญี่ปุ่นมีเป้าหมายสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศถึง 38 แห่ง แต่สร้างได้จริงเพียง 17 แห่ง เพราะโรงไฟฟ้าที่เหลือคนญี่ปุ่นต่อต้าน ไม่เป็นความจริงที่มีการกล่าวว่าคนญี่ปุ่นไม่ต่อต้านการมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศ และที่สำคัญรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็เหมือนกับรัฐบาลอื่นในหลายประเทศของโลกนี้ ให้ข้อมูลด้านดีการมีพลังงานนิวเคลียร์เพียงด้านเดียว

    สำหรับผลกระทบหลังเกิดการระเบิดขึ้นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้ชาวโลกรับรู้ถึงมหันตภัยที่เกิดขึ้น และรัฐบาลญี่ปุ่นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากการแผ่กระจายของสารกัมมันตรังสีทั้งในอากาศและน้ำ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมอาหารที่พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี จึงต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาพเดิม

    ด้าน น.ส.สดใส สร่างโศก แกนนำเครือข่ายคนไทยไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยแม้รัฐบาลจะประกาศชะลอโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้ง 5 แห่งไปก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกโครงการทั้งหมด เพราะการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยยังอยู่ในแผนการจัดหาพลังงานไฟฟ้าสำรอง หรือแผน PDP 2010 ระหว่างปี 2553-2573

    "ซึ่งอนาคตรัฐบาลต่อมาอาจหยิบขึ้นมาใช้ได้อีก เพราะปัจจุบันยังพบการเคลื่อนไหวของกระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยังลงพื้นที่จัดประชาสัมพันธ์สนับสนุนให้มีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดอุบลราชธานีอย่างต่อเนื่อง จึงยังวางใจไม่ได้ จนกว่าโครงการก่อสร้างจะถูกถอนอย่างเป็นทางการออกจากแผน PDP 2010 เสียก่อน"

    โลกร้อน น้ำร้อน

    เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>วิกฤตโลกร้อนที่เราเผชิญหน้าในปัจจุ บัน ไม่เพียงแต่ทำให้สภาพอากาศปั่นป่วน น้ำในมหาสมุทรและทะเลทั่วโลก ต่างก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

    รอน เทรเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาทางทะเล สถาบันวิจัยในความสนับสนุนของรัฐบาลออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย พบว่า อุณหภูมิของน้ำในทะเลทัสแมน ระหว่างเขตประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่เพิ่มขึ้นราว 2 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ 'ปลามอร์วองลายแถบ' หรือ 'ปลาครีบคู่ลายแถบ' สัตว์สายพันธุ์ปลาชนิดหนึ่งที่มีอายุยืนเกือบ 100 ปี เกิดความ เครียดจากกระบวนการเผาผลาญในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตลดลง และเสี่ยงต่อการตายในที่สุด

    เป็นอีกผลกระทบที่ตอกย้ำว่า เราต้องช่วยกันดูแลรักษาโลกใบนี้ให้อยู่ด้วยกันได้ทั้งคนและสัตว์

    กัมพูชารุกยิงปืนค.ใส่ฐานตาเมือนธมเที่ยงคืนถึงตีสาม

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

    รายงานเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 เม.ย.ว่าทหารกัมพูชาภูมิภาคที่ 4 ส่งกำลัง ทหารราบประมาณ 1,000 คน ปฏิบัติการจู่โจมยิงปะทะกับกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม ฝ่ายกัมพูชายิง จรวดอาร์พีจี.ปืนค. ใส่ทหารพราน ด้านร.อ.สมควร ไชยนิตย์ ผบ.ร้อย.ทหารพรานจู่โจมที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม วิทยุให้กองพันปืนใหญ่ช่วยยิงสนับสนุนหลายลูก กระสุนปืน ค.กัมพูชายิงเข้ามาตกที่ท้ายหมู่บ้านหนองจูบ หมู่ 2 ต.ตาเมียง 4 ลูก หลังจากปืนใหญ่ช่วยยิงสนับสนุนฝ่ายทหารกัมพูชาถอยรนเข้าป่า
    สถานการณ์ด้านปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ยังไม่ยินเสียงปืนตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา มีราษฏรในศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท เริ่มเดินทางกลับบ้านแล้ว

    บริษัทจัดนำเที่ยวทุกแห่งของจังหวัดสุรินทร์ ต้องเร่งแจ้งกลุ่มลูกค้าที่จองโปรแกรมท่องเที่ยว นครวัด-นครธม ที่ประเทศกัมพูชา ในช่วงวันที่ 30 เม.ย. – 2 พ.ค.นี้ เป็นวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติ หลังเกิดสถานการณ์การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจ.สุรินทร์ ในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจำนวนหนึ่ง ที่เดินทางมายังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อไปเที่ยวชมความงดงามของปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ที่ติดต่อจองรถทัวร์ปรับอากาศกับทางบริษัทนำเที่ยวจ.สุรินทร์ ก็ต้องถูกยกเลิกเช่นกัน สร้างความผิดหวังให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

    นางขวัญทวี ไทยยิ่ง ผู้จัดการบริษัทนำเที่ยว สะเร็น ทราเวล อ.เมือง จ.สุรินทร์ เผยว่า ปัญหาที่เกิดที่บริเวณชายแดนสุรินทร์ โดยเฉพาะการที่ทหารกัมพูชายิงปืนข้ามมาฝั่งไทย ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการหลายอาชีพทั้งชาวไทย - กัมพูชา โดยเฉพาะแม่ค้าที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม อยากวิงวอนไปยังรัฐบาลกัมพูชา ให้เร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบนโต๊ะเจรจา แทนการแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังในพื้นที่ชายแดน จนต้องมีการสูญเสียและบาดเจ็บของกำลังพลทั้งสองฝ่าย


    รบหนัก-ชาวบ้านโซ ขุดมันกิน ซุกหลุมหลบภัย

    งัดสารพัดอาวุธ! ถล่มอีก-ดุเดือด เขมรโวยปืนใหญ่ ทำตาเมือนธมพัง "อินโดฯ"งดเยือน


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    ประทังชีวิต - บรรดาราษฎรบ้านโคกสูง ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลบภัยสู้รบทหารไทย-กัมพูชา กินนอนอยู่ในหลุมหลบภัยนาน 3 วัน ขาดแคลนอาหารอยˆางหนัก ต้องเผาหัวมันกินประทังชีวิต เมื่อวันที่ 25 เม.ย.



    </TD></TR></TBODY></TABLE>ปะทะอีกดุเดือดชาย แดนไทย-กัมพูชาบริ เวณตาเมือนธม-ตาควาย ส่งผลให้ทหารไทยตาย เพิ่มอีก 1 รวมเป็น 5 ศพแล้วส่วนยอดทหารไทยที่บาดเจ็บรวมเป็น 26 นายแล้ว เผยยังมีปะทะอีกประปรายในช่วงบ่าย พอตกเย็นถล่มกันหนักขึ้นทั้งปืนค.อาร์พีจี ขณะที่ฝ่ายไทยสั่งตอบโต้ถล่มด้วยปืนใหญ่นับร้อยลูก ชาวบุรีรัมย์-สุรินทร์ผวาเครื่องบินเอฟ 16 บินโฉบทำโซนิกบูมคำรามเสียงดังสนั่น ด้านกษิตฉุนเขมรยิงไม่เลิก เตรียมหารือผู้นำฝ่ายทหารทบทวนความสัมพันธ์

    เผยปะทะอีก-ตายเพิ่มเป็น 5

    เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ มีความตึงเครียดมาก เมื่อคืนวันที่ 24 เม.ย. เวลาประมาณ 23.00 น. เกิดการปะทะกันอีก ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย ขณะนี้ทหารไทยเสียชีวิตแล้วรวม 5 นาย บาดเจ็บ 26 นาย

    นายเสริมกล่าวว่า ภารกิจในการรักษาความสงบตามแนวชายแดนเป็นหน้าที่ของทหาร แต่ข้าราชการทุกคนมีภารกิจในการพิทักษ์ส่วนหลัง ขอให้ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ โดยเฉพาะการดูแลผู้อพยพอย่าให้มีเสียงบ่นถึงสื่อมวลชน จ.สุรินทร์ มีงบประมาณจำนวน 50 ล้านบาท สำหรับดูแลประชาชนที่เดือดร้อนจากการสู้รบ จึงต้องดูแลประชาชนให้ทั่วถึง และเพียงพอ ขณะนี้เกิดสถานการณ์สู่รบเพียง 3-4 วัน ประชาชนยังมีกำลังใจดี แต่หากต้องอพยพอยู่นานกว่านี้อาจทำให้ประชาชนเกิดความเครียด เนื่องจากจากบ้านมานาน และอากาศร้อนอบอ้าว ดังนั้น ข้าราชการผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดก็ขอให้ปฏิบัติภารกิจของตนให้เต็มกำลังความสามารถ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

    รมต.ลงพื้นที่-ชี้เริ่มหาเสียง

    นายเสริมกล่าวต่อว่า จังหวัดมีความพร้อมในการช่วยเหลือและดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนได้อย่างดี ยังไม่มีประชาชนเสียชีวิต บ้านเรือนราษฎรไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนที่มีข่าวว่าชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย สาเหตุจากมีโรคประจำตัว มีศูนย์อพยพทั้งหมด 22 แห่ง มีผู้อพยพกว่า 23,000 คน ส่วนอาหารมีการปรุงอาหารสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก ส่วนหลุมหลบภัยที่จังหวัดเสนอของบประมาณดำเนินการ คือพื้นที่ อ.พนมดงรัก ประมาณ 40 แห่ง และ อ.กาบเชิง ประมาณ 130 แห่ง อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของกระทรวงการคลัง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเช้าวันเดียวกันมีรัฐมนตรีและคณะพากันเดินทางมาดูผู้อพยพที่ จ.สุรินทร์หลายคน เช่น นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข รถนำขบวนวิ่งสวนกันไปมา ทำให้หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ต้องไปคอยต้อนรับรัฐมนตรี ทำให้ไม่มีเวลาไปดูแลความเป็นอยู่ของผู้อพยพ และมีการเกณฑ์ผู้อพยพให้มาคอยรับบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายด้วย ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการมาหาเสียงของฝ่ายรัฐบาล เพราะสัปดาห์หน้าก็จะยุบสภากันแล้ว

    ช่องจอมปิดด่านไม่มีกำหนด

    ผู้สื่อข่าวรายงานที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ยังคงปิดโดยไม่มีกำหนด ทหารได้นำป้ายมาติดประกาศว่าช่องจอมปิด พร้อมนำรั้วเหล็กมากั้นทางบริเวณ 3 แยกทางเข้าจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมซึ่งอยู่ห่างมาจากประตูด่านประมาณ 2 กิโลเมตร และไม่อนุญาตให้นำรถยนต์และรถจักรยานยนต์สัญจรผ่านไปมาได้ แต่ชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศก็สามารถเดินเท้าเข้าไปได้ ส่วนชาวไทยที่ตกค้างในบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชาทั้ง 2 แห่งก็สามารถกลับเข้ามาประเทศได้เช่นกัน และไม่อนุญาตให้ประชาชนของแต่ละฝ่ายข้ามแดน โดยมีรถยนต์ตู้ของบ่อนกาสิโนที่ไว้บริการรับส่งมาถึง 3 แยกดังกล่าว แต่ยังมีนักเสี่ยงโชคชาวไทยบางส่วนที่ไม่สนใจในสถาน การณ์ ยังอยู่ในบ่อนกาสิโนและยังไม่ต้องการเดินทางกลับ

    ชาวบ้านเขมรก็อพยพออก

    ที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ยังเปิดร้านขายสินค้าอยู่ แต่เงียบเหงา นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้ามาซื้อสินค้า เนื่องจากไม่มั่นใจในสถาน การณ์ หลังมีข่าวว่าทหารกัมพูชาเสริมกำลังพร้อมอาวุธหนักประชิดชายแดน จ.สุรินทร์ ในหลายจุด ตั้งแต่พื้นที่ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง ปราสาทตาควาย-ช่องกร่าง ต.บักได และปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ. พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร

    รายงานข่าวกล่าวว่า ชาวกัมพูชาอยู่ที่ชุมชนโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ส่วนใหญ่ต่างพากันอพยพไปอยู่ที่บ้านสำโรง อ.สำโรง ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 30 กิโลเมตร เพราะกลัวเกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังทหารกัมพูชามีการเคลื่อนไหวและการเสริมกำลังเต็มอัตรา ตั้งแต่ช่วงเช้ายังไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด ทหาร ไทยยังคงตรึงกำลังพร้อมอาวุธหนักเต็มอัตราศึก ติดตามความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด

    เมื่อเวลา 06.00 น. บรรยากาศสมรภูมิสู้รบ ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได และที่ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ยังไม่มีเสียงปืนเล็ก และเสียงปืนใหญ่ แต่กำลังทหารทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงในที่ตั้ง โดยเฉพาะฐานปืนใหญ่จำนวนมาก ตามแนวชายแนวไทย-กัมพูชา

    เหยื่อตายล่าสุด-ทหารพราน

    เมื่อเวลา 07.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเองปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และกล่าวถึงสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ว่า เช้าวันนี้เสียงปืนยังเงียบ แต่ก็เอาแน่อะไรไม่ได้ อย่างเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาทหารกัมพูชาปะทะทหารพรานที่ปราสาทตาควาย ทำให้ทหารพรานอารี คงนาคเพนา เสียชีวิต

    พ.ต.อ.ตะวันกฤตฐ์ เทียมฟ้าพลกรัง ผกก. สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ประสานสถานีวิทยุชุมชน เพื่อขอความร่วมมือนักจัดรายการ ดีเจ. ห้ามพูดถึงสถานการณ์ชายแดน โดยเฉพาะพูดถึงที่ตั้งกำลังทหารไทย

    กษิต-ชวรัตน์เยี่ยมชาวบ้าน

    นายยุทธพงศ์ อยู่กาญจนเศรษฐ ผอ.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมคณะนั่งเฮลิคอปเตอร์ลงที่สนามหญ้า อบต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อไปเยี่ยมเยือนประชาชนที่ศูนย์อพยพโรงเรียนโคกกลาง ต.โคกกลาง พร้อมข้าวสาร 50 กระสอบ และเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนหนึ่ง นายกษิต กล่าว ว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างนัดเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาให้หยุดยิงปืน และตอบโต้ทั้งสองฝ่ายแล้ว โดยทหารไทยยืนยันไม่เคยทำผิดเงื่อนไขกติกา ดังนั้น ให้พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อดทนอีกสักระยะหนึ่งสถานการณ์จะคลี่คลายปกติ

    นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.สำนักนายกรัฐ มนตรี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และกลุ่มส.ส. พรรคภูมิใจไทย นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าฯ สุรินทร์ เยี่ยมศูนย์อพยพที่นิคมสร้างตนเอง ปราสาท อ.ปราสาท พร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้นายเสริม จำนวน 100,000 บาท พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค

    อนาถขุดมันกินกันหิว

    นายธนวุฒิ สมภูงา ราษฎรบ้านโคกสูง หมู่ 8 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เสียงปืนใหญ่เขมรดังกึกก้อง 3 วัน พวกชาวบ้านต่างพากันเข้าไปที่ศูนย์อพยพนิคมสร้าง ตนเองปราสาท อ.ปราสาท รวมทั้งพ่อ แม่ ของโทนี่ จา หรือจา พนม ยีรัมย์ ดาราดังเมืองไทย ด้วย แต่มีชาวบ้านบางคนเสี่ยงเฝ้าทรัพย์สินดูแลบ้าน เมื่อเสียงปืนใหญ่พลัดมาตกใส่บริเวนป่าใกล้หมู่บ้านจะพากันเข้ามาหลบซ่อนในท่อน้ำ 7 คน ที่ถนนหินโคน-บ้านกรวด หลับนอนกินอยู่ในท่อน้ำเป็นเวลา 3 วันแล้ว ข้าวอาหารก็หมดแล้ว วันนี้เสียงปืนสงบพากันออกไปขุดมันเผากินประทังชีวิต

    เวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายชวรัตน์ และนายองอาจรุดลงพื้นที่เยี่ยมผู้อพยพพร้อมมอบสิ่งของให้ผู้ประสบภัยสงครามและติดตามสถานการณ์ชายแดน ในศูนย์อพยพร.ร.บ้านโคกกลาง ต. โคกกลาง อ.พนมดงรัก และที่ศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเองปราสาท อ.ปราสาท จากนั้นได้ประชุมประเมินสถานการณ์กับ ผวจ.สุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดและอำเภอ ก่อนเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่บาดเจ็บ

    ประวิตรย้ำต้องเจรจาหยุดยิง

    เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีการปะทะกันอยู่เล็กน้อยโดยใช้อาวุธปืนเล็ก แต่ไม่รุนแรงอะไร ตอนนี้เราไม่ได้พูดคุยหรือเจรจากับกัมพูชา แต่คงไม่เป็นไรเพราะอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนกำลังเข้ามาดำเนินการ เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศได้พูดจากัน คิดว่าไทย-กัมพูชา เป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน ต้องมีการเจรจา และพูดคุยกันว่าความต้องการของทั้ง 2 ประเทศคืออะไร

    "ยืนยันว่าประเทศไทยไม่เคยละเมิดอธิปไตยของใคร ขณะเดียวกันเราต้องดูแลรักษาอธิปไตยของเราไม่ให้มีความเสียหายเกิดขึ้น ทหารทุกคนพร้อมดูแลรักษาประเทศชาติ ประชาชนให้ปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสงบตามแนวชายแดน ทั้งนี้ ช่องทางที่จะเจรจามีหลายช่องทางอยู่แล้ว ทั้งคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา (จีบีซี) และคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาระดับภูมิภาค (อาร์บีซี) ซึ่งเรามีความพร้อมพูดคุยกับกัมพูชาในทุกเรื่อง เพราะเราไม่ประสงค์ให้มีการสู้รบกันอย่างนี้ตลอดไป" พล.อ.ประวิตรกล่าว

    พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เดิมจะมีการประ ชุม จีบีซี ในเดือนมิ.ย. แต่เราอยากให้จัดประชุมเร็วขึ้นเพื่อพูดจากัน ซึ่งตามกำหนดการในการประชุมจีบีซีครั้งที่ 8 กัมพูชาต้องเป็นเจ้าภาพ แต่หากไม่พร้อมเราก็พร้อมจัดที่กรุงเทพฯ หรือจัดที่อื่นก็ได้ แม้แต่จะประชุมอาร์บีซี ตนสามารถสั่งการให้แม่ทัพดำเนินการประชุมได้ตลอดเวลา ส่วนที่กัมพูชาเสนอให้จัดการประชุมจีบีซีที่อินโดนีเซีย ทางกองทัพพร้อมหรือไม่นั้น ยังไม่ได้พูดจากันว่าจะประชุมที่ไหน แต่ยืนยันเป็นเรื่องระหว่าง 2 ประเทศ จะไปประชุมที่อินโด นีเซีย หรือประชุมที่อื่นๆ ก็เป็นการประชุมระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น ดังนั้น จะจัดการประชุมที่ไหนคงไม่มีปัญหา ส่วนที่เคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปประชุมที่อินโดนีเซียเพราะเป็นการประชุมระหว่าง 2 ประเทศก็อยากให้เราจัดการประชุมกันเอง

    "ตามแนวชายแดนคงไม่มีการปิดด่าน ประชาชนทั้ง 2 ประเทศไปมาหาสู่กันได้ตลอด เห็นว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะกำหนดจุดว่าจะต้องประชุมที่ไหน การปะทะที่เกิดขึ้นไม่อยากให้ขยายวงกว้าง มีเหตุกรณีพิพาทตรงไหนก็อยากจำกัดให้อยู่ตรงนั้น ทางกัมพูชาแสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่อยากให้เกิดในที่อื่น เราสามารถพูดคุยกันได้" พล.อ.ประวิตรกล่าว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    แฉเขมร - กองทัพเผยแพร่ภาพถ่ายทหารเขมรนำเด็กเข้ามาอยู่ตามฐานชายแดนเขาพระวิหาร ก่อนเกิดเหตุการณ์ปะทะกับฝ่ายไทยชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ไม่กี่วัน ขณะที่ยอดทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 นายแล้ว



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สู้รบจบไม่ได้-ต้องพูดคุยกัน

    เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามสัญญาที่เคยตกลงกันไว้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องในพื้นที่ เพราะมีเหตุสุดวิสัยหรืออย่างไรซึ่งคงต้องมีการพูดจากัน ซึ่งตนมีความพร้อมและแม่ทัพภาคที่ 2 ก็พร้อม รวมถึงหน่วยทหารในพื้นที่ ส่วนเหตุการณ์ปะทะในครั้งนี้จะมีเรื่องการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องพิจารณาและคิดกันเอาเอง ส่วนจะประสานให้กัมพูชาดูแลทหารในระดับพื้นที่หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ความจริงเราไม่ต้องประสาน เพราะมีเอ็มโอยูที่ดูแลและมีการพูดจากันหลายครั้งแล้วว่าจะต้องดำเนินการหรือปฏิบัติอย่างไร ถ้ามีเหตุเกิดขึ้นอย่างนี้ต้องดูแลกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งเรามีความพร้อม

    เมื่อถามถึงกรณีกัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีในการตอบโต้ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่าไม่มี และในกองทัพไม่มีอาวุธแบบนี้ใช้ ทั้งนี้ ตนได้ให้นโยบายกองทัพว่า อาวุธที่กัมพูชาใช้มาอย่างไรเราก็ตอบโต้ไปอย่างนั้น เราตอบโต้ไปเฉพาะที่หมายทางทหารเท่านั้น เราจะไม่ทำอะไรที่เกินเลยไป ส่วนที่มองว่าประเทศไทยไม่ค่อยเด็ดขาดทำให้กัมพูชาไม่เกรงใจนั้น พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า อย่างนี้เด็ดขาดอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าเราไม่ได้อยู่แค่ 2 ประเทศ เราอยู่ในสมาคมอาเซียน มีอะไรก็ต้องใช้เวทีอาเซียนพูดคุยกัน ดังนั้น มีทางเดียวคือจะต้องพูดจากัน ไม่มีวิธีการอื่น การสู้รบไม่สามารถจะจบลงได้นอกจากพูดจากัน

    ประยุทธ์กร้าว-ยิงมาก็โต้ไป

    เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กำลังทหารอยู่ในทุกพื้นที่ที่มีเหตุ การณ์กระทบกระทั่ง และรักษาอธิปไตยตามแนวเส้นเขตแดนที่ได้กำหนดไว้ชัดเจน ไม่ได้ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้น อย่าไปพูดและลือว่าทหารไทยตั้งรับอยู่และถอยไปเรื่อยๆ ทหารไทยไม่เคยถอยอยู่แล้ว ที่ทหารไทยไปอยู่นั้นตามพันธสัญญาและกติกาที่มีอยู่ ถ้าจะยกเลิกสัญญาก็ว่ากัน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังพูดคุยเจรจากันในเรื่องการประชุมทวิภาคีให้ได้เสียก่อน ถ้าจะเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดรัฐบาลก็หารือมา เราพร้อมจะให้ความเห็นในการแก้ปัญหา

    เมื่อถามว่าทหารไม่ใช้ยุทธการในเชิงรุกบ้างมีแต่ตั้งรับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะให้รุกไปไหน จะให้รุกออกไปนอกประเทศหรือ ขณะนี้อยู่ที่ชายแดนอยู่แล้ว ถ้ารัฐบาลสั่งมาตนจะเข้าตีให้ รัฐบาลจะสั่งได้หรือไม่ได้ต้องดูว่าเราอยู่ในสัญญาทวิภาคีหรือไม่ ดังนั้น การจะทำอะไรก็ตาม ตนรู้ดีว่าทุกคนใจร้อนอยากจะให้เป็นอย่างที่ต้องการ วันนี้ความเห็นตนก็ไม่ต่างกับทุกคน เราก็อยากทำให้เรียบร้อย ดังนั้น ต้องดูให้ดีว่าการกระทำอะไรต่างๆ จะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นหรือไม่ เรื่องรบกันไม่ยากหรอก ตนยืนยันว่าถ้าสั่งวันนี้พรุ่งนี้ตนก็ต้องยึดให้ได้

    เมื่อถามว่ารัฐบาลอ่อนข้อมากเกินไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้อ่อน แต่เราต้องดูกติกาสัญญา ถ้าจะยกเลิกก็ต้องยกเลิกทั้ง 2 ฝ่าย ให้ ครม.ไปว่ากันมา เมื่อไม่มีการรักษาสัญญาเขายิงมาเราก็ตอบโต้ไป เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้มากกว่านี้ เรายิงมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า ก็ต้องตอบโต้ไปจนกว่าเขาจะหยุด ถ้าเขายิงมาเราตอบโต้ไปแล้วเขายังไม่หยุดก็ต้องยิงมากกว่าเดิม ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติอย่างนั้นมาโดยตลอดจนทำให้เข้าหยุดยิง ถ้าจะเอากำลังเข้าไปยึดก็หมายความว่าจะต้องรบกันทั้ง 2 ประเทศ ถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศไทยต้องช่วยกันรบ

    ชี้แค่กระทบกระทั่งเฉพาะจุด

    เมื่อถามว่ากองทัพยืนยันจะให้มีผู้สังเกต การณ์เข้ามาในพื้นที่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีคำว่ายืนยัน แต่ถ้าทุกฝ่ายทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ แต่ถ้าหากจำเป็นเราได้ยื่นกติกาไปแล้วว่าจะต้องเอาทหารลงจากเขาพระวิหารทั้งหมด ซึ่งได้มีการเสนอเงื่อนไขไปอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องเห็นชอบร่วมกันกับเหล่าทัพ

    เมื่อถามว่ารัฐมนตรีอินโดนีเซียได้ยกเลิกการเดินทางเพื่อเข้ามาประชุมเกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์เพราะทหารไม่เอาด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เห็นว่ากำลังรอข้อมูลเพิ่มเติม ตนบอกแล้วว่ามี 2 ประเด็น คือ ถ้าไม่จำเป็นก็จะพูดคุยกัน 2 ประเทศ ซึ่งเรายืนยันอย่างนี้มาโดยตลอด และไม่อยากให้ประเทศที่ 3 เข้ามา น่าจะพูดคุยกัน เพราะเรามีชายแดนติดกัน แต่ถ้ามีความจำเป็น มีการรบกันและเป็นเรื่องขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพราะวันนี้ไม่ใช่ว่าเรารบกัน 2 ประเทศแล้วคนอื่นไม่เกี่ยว จะเห็นว่าทั่วโลกวุ่นวายไปหมดทั้งประเทศ ยูเอ็นก็เข้ามานั้นประเทศนี้ก็เข้ามาถ้ามีการรบกัน แต่วันนี้ตนถือว่ายังไม่มีการรบระหว่างประเทศ เป็นเพียงการกระทบกระทั่งกันเฉพาะจุด และจำกัดพื้นที่การรบให้ได้ แต่ถ้าเหตุการณ์ลุกลามบานปลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ คนไทยทุกคนก็ต้องไปช่วยรบกัน ทหารก็พร้อมรบเพื่อรักษา อธิปไตย ทั้งประเทศก็จะเดือดร้อนไปหมด แต่ไม่เป็นไรถ้าคิดว่าถึงเวลาจำเป็นที่ควรจะรบก็รบ

    ยันทหารไม่มุ่งไปสู่สงคราม

    เมื่อถามว่ากองทัพมองว่าเรื่องนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาทำเพื่ออะไร เพื่อต้องการยกระดับและให้มีประเทศอื่นเข้ามาตัดสิน แต่ตนว่ามันไม่จำเป็น แต่ถ้ามันจำเป็นก็อย่างที่บอกคือ อย่าละเมิดกติกาที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเขาพระวิหาร วัดและชุมชนจะต้องไม่มีทหารกัมพูชาอยู่ ถ้ายังมีทหารกัมพูชาอยู่ก็ต้องไม่มีผู้สังเกตการณ์ ขณะนี้ปัญหาอยู่ที่เราจะตอบสังคมโลกอย่างไร ในที่สุดก็ต้องกลับมาสู่การเจรจาของ 2 ประเทศร่วมกัน ถ้าเราพูดคุยกันไม่ได้โดยมีประเทศที่ 3 เข้ามาร่วมเจรจา ก็จะต้องไม่มีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่และพื้นที่ที่มีปัญหา ต้องถอยหลังออกไปหมดแล้วจะมาพูดกันใหม่ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าไม่มีใครเห็นด้วยอยู่แล้วที่จะให้กำลังทหารประเทศใดประเทศหนึ่งเข้ามา

    เมื่อถามว่าถ้ากัมพูชายังไม่ยอมเจรจาสถาน การณ์ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงแข็งว่า ถ้าไม่ยอมก็ไม่ยอม ก็ไม่ต้องคุย แล้วทำไมต้องคุย ถ้าเขาไม่คุยแล้วเราจะคุยกับใคร อย่างไรก็ตาม เรามีการเจรจาในระดับบน เมื่อมีการคุยกันแล้วก็ยังมีการยิงกันอยู่ เมื่อยิงมาก็ยิงไป การจะรบหรือไม่รบขึ้นอยู่กับรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ จะเปิดสงครามจะต้องมี ครม.ประกาศสงคราม ขณะนี้ยังไม่ประกาศสงคราม เป็นเพียงการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดน ดังนั้น เราพยายามไม่มุ่งไปสู่สงครามระหว่างประเทศ ไม่ใช่ว่ากล้าหรือไม่กล้า กลัวหรือไม่กลัว ไม่ใช่ตั้งรับจนเกินไป

    มาร์คอ้างเหตุมาร์ตี้เลื่อนนัด

    ที่จ.แม่ฮ่องสอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ยกเลิกการเดินทางมา พบนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพื่อรับฟังข้อมูลความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชา ตามที่นัดไว้ในเย็นวันเดียวกันนี้ว่า นายกษิตราย งานว่า เรื่องยังไม่เรียบร้อย เพราะมีประเด็นที่ต้องรอดูในรายละเอียดอีกครั้ง แต่นายกษิตมีกำหนดจะไปพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศอินโด นีเซียในวันที่ 28 เม.ย.

    "ขอย้ำว่าไทยพยายามให้เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลาย และเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย ซึ่งเราพยายามให้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ปรากฏเพื่อประเทศต่างๆ จะได้ไปบอกกัมพูชาว่าควรหยุดเคลื่อนไหว หรือบุกรุก หรือยิงเข้ามา ทั้งนี้ ยอมรับว่าจากรายงานมีความพยายามเข้ามายึดพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย ตาเมือนธม และสร้างความเสียหาย แต่กองทัพยืนยันว่ามีความพร้อมตลอด ไม่ใช่เฉพาะจุดที่มีปัญหาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่มีการเตรียมการตลอดแนว" นายกฯ กล่าว

    ระบุฝ่ายกัมพูชาไม่อยากคุย

    ส่วนที่มีรายงานว่านำปืนใหญ่ขึ้นไปไว้บนปราสาทพระวิหารนั้น นายกฯ กล่าวว่า ไทยจับตาและติดตามสถานการณ์ตลอด โดยให้กองทัพเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขอย้ำว่าปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชายังอยู่ในวิสัยที่คุยกันเองได้ในระดับทวิภาคี ไม่จำเป็นต้องให้ประเทศที่สามเข้ามา แต่เป็นความพยายามของกัมพูชาที่มีเป้าหมายอยากจะยกระดับปัญหาขึ้น

    "เราพยายามทำความเข้าใจกับทุกประเทศว่า หากยอมรับแนวทางเหล่านี้ ต่อไปจะเกิดปัญหาวุ่นวายไม่จบ ใครอยากให้เรื่องไปอยู่ในเวทีสากลก็จะสร้างเรื่องขึ้นมา ดังนั้นไม่ควรยอมรับในส่วนนี้ จริงๆ แล้วยังอยู่ในวิสัยที่สองฝ่ายคุยกันได้อยู่แล้ว" นายกฯ กล่าว

    ส่วนที่ทหารบอกว่าในระดับเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพูดคุยกันได้ นายกฯ กล่าวว่า เป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะดึงประเทศอื่นมาร่วมปัญหาไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าใจว่ากัมพูชาจงใจพยายามไม่คุย เพื่อให้คนอื่นเข้ามา ขอย้ำว่าไม่ได้ช่วยอะไร แม้มีประเทศอื่นเข้ามา สุดท้ายจะต้องคุยกันระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะเป็นปัญหาในพื้นที่ระหว่างสองประเทศ

    "ช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ จะได้พบกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ต้องคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และย้ำว่าไม่จำเป็นต้องให้ประเทศที่ 3 เข้ามา เพราะถ้าปล่อยให้ประเทศที่สามเข้ามา จะยุ่งเหยิงมากขึ้น" นายกฯ กล่าว

    รับยังมีปะทะ-แต่ไทยไม่ได้เริ่ม

    เวลา 17.15 น. ที่ขส.ทบ. นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่าปัญหาการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชายังมีอยู่ แต่ขอย้ำว่าฝ่ายไทยไม่ได้เริ่มก่อน เราพยายามทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏออกไปว่ามีความพยายามยกระดับเรื่องนี้ไปสู่เวทีนานาชาติ ดังนั้น หากทุกฝ่ายเข้าใจข้อเท็จจริงจะไม่กลายเป็นเครื่องมือ และปัญหาต่างๆ จะจบ

    เมื่อถามว่าทำอย่างไรจะทำให้นานาชาติเข้าใจและร่วมกดดันกัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจา นายกฯ กล่าวว่า ต้องเดินหน้าทำความเข้าใจซึ่งขณะนี้ทำมาตลอด ตนได้พูดคุยกับนายกษิต เพื่อพูดคุยกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะมิตรประเทศที่ห่วงใย อย่างน้อยที่สุดในครอบครัวอาเซียนด้วยกันต้องมาช่วยกันเพื่อให้ตรงนี้จบ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    ทนทุกข์ - ชาวบ้านจำนวนมากยังต้องอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ หลังภัยสู้รบไทย-กัมพูชายังไม่มีวี่แววยุติ ทั้งสองฝ่ายยังงัดอาวุธหนักถล่มกันต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 25 เม.ย.



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อถามว่าการประชุมอาเซียนครั้งนี้ กัมพูชาจะยกระดับปัญหาเข้าสู่อาเซียนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อาเซียนคงเข้ามาดูแลในระดับหนึ่งในแง่ให้ทั้งสองฝ่ายคุยกัน คิดว่าถ้าอาเซียนย้ำให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกันจะเป็นเรื่องดี ส่วนสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวเร่งให้ประเทศไทยยอม รับผู้สังเกตการณ์เข้ามาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหานี้แล้ว เพราะในส่วนรายละเอียดมีการปรับจนน่าจะยอมรับกันได้ เหลือเพียงถ้อยคำเล็กน้อยเท่านั้น และยืนยันไม่มีเรื่องที่จะเดินทางเข้ามา กัมพูชาเองไม่ได้กำหนดพื้นที่ให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามา

    เมื่อถามว่าการกำหนดพื้นที่ให้ผู้สังเกต การณ์เข้ามาทำในลักษณะใด นายกฯ กล่าวว่า ได้แยกออกจากพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งในส่วนทีโออาร์น่าจะจบในเร็วๆ นี้ ช่วงเช้าตนได้ตรวจสอบเหลือเพียงถ้อยคำและรายละเอียด ซึ่งจะไม่มีข้อกังวลในเรื่องทหารในพื้นที่ โดยกระทรวงกลาโหมได้ดูในรายละเอียดแล้ว

    เมื่อถามว่าโอกาสพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน น่าจะได้ข้อยุติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กว่าจะถึงวันนั้นคงมีพัฒนาการไปอีก หวังว่าจะไปในทางที่ดี

    ยิงตอบโต้อีก-สนั่นตาควาย

    สำหรับสถานการณ์ในวันนี้ตามแนวชาย แดนยังคงตึงเครียดทหารทั้ง 2 ฝ่ายเสริมกำลังพร้อมอาวุธหนักตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน ตั้งแต่ปราสาทตาควาย-ช่องกร่าง ต.บักได ไปจนถึงปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กว่า 15 กิโลเมตร และมีรายงานว่ามีการยิงปะทะด้วยอาวุธปืนขนาดเล็กอยู่เป็นระยะตั้งแต่ช่วงสายจนถึงขณะนี้ ล่าสุด มีราย งานว่าเกิดการยิงปะทะกันด้วยอาวุธปืนใหญ่อีกระลอกแล้ว ตั้งแต่เวลา 14.00 น.

    เมื่อเวลา 18.00 น. เกิดการยิงปะทะกันอย่างรุนแรงทั้งอาวุธปืนเล็กและปืนใหญ่หลายชนิด ถือว่าเป็นระลอกที่ 7 จากพื้นที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก คาดว่ากัมพูชาจะบุกยึดปราสาทตาควาย อย่างที่คาดไว้ กำลังทหารพรานชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี และทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้ยิงตอบโต้คืนอย่างหนักเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ยังระดมยิงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

    เทือกเผย"แรงมาก็แรงไป"

    เวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตนได้หารือกับมทภ.2 และผบ.ทบ. เสนาธิการทบ.อยู่ตลอดเวลา ได้รับทราบสถาน การณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไทยตั้งใจให้มีการเจรจาแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ส่วนกองทัพมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ กองทัพไทยไม่ได้รุกรานกัมพูชา ไม่ได้ส่งทหารรุกล้ำพื้นที่กัมพูชา แต่เมื่อกัมพูชาล่วงล้ำอธิปไตยของไทย ทหาร ไทยมีหน้าที่ต้องสู้รบ ตอบโต้ โดยทำอย่างเข้มข้นแข็งแรง ซึ่งตนได้ถามว่ามีข่าวว่ากัมพูชาตั้งใจบุกเข้ามายึดตรงนั้นตรงนี้ ได้รับคำยืนยันจากกองทัพว่าทหารไทยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่ได้ขยับเขยื้อนกองกำลังทหารที่ตั้งมั่นตามแนวชายแดน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมและมั่นใจว่าปกป้องอธิปไตยของประเทศได้

    ผู้สื่อข่าวถามว่าการปฏิเสธที่จะเจรจากันในระดับกองทัพ จะทำให้ยืดเยื้อหรือไม่ และนายกฯจะยกหูโทรศัพท์หาสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชาได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าต้องให้เวลา ตนไม่อยากพูดจาให้กระทบกันมาก อยู่ที่เจตนารมณ์ของฝ่ายผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่าประสงค์จะให้สถานการณ์ยุติลงอย่างไร แต่เราได้พูดจาผ่านกระบวนการทางการทูตไปแล้วว่าเราต้องการเจรจา ประเทศไทยต้องการอยู่ร่วมกับกัมพูชาอย่างสันติ ดังนั้น อยู่ที่กัมพูชาจะตัดสินใจอย่างไร

    เมื่อถามว่าขณะนี้มีสิ่งบอกเหตุหรือไม่ว่ากัมพูชาจะเปิดแนวรุกตลอดแนวชายแดน นาย สุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุ แต่เราไม่ประมาท ตนได้ถามผบ.ทบ.และมทภ.2 แล้ว ทราบว่ากองทัพเขาพร้อมปกป้อง หากกัมพูชาไม่โจมตีเรามา เราก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าโจมตีมาเราก็ต้องตอบโต้ โดยทหารใช้คำว่า "ถ้าแรงมาก็แรงไป"

    ปัดพูดถึงทักษิณช่วยประสาน

    เมื่อถามว่าการประชุมอาเซียนช่วงต้นเดือน พ.ค.จะช่วยให้ดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ถึงตอนนั้นคงมีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น ส่วนที่ประธานอาเซียนจะได้พบกับทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยจะทำให้บรรยา กาศดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราต้องคาดหวังในทางที่ดีว่าในที่สุดต้องสงบ สงคราม โลกก็ยังยุติได้ และด้วยการเจรจาทั้งนั้น

    เมื่อถามว่าคิดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงมีบ้างในระยะนี้ ต่อข้อถามว่าน่ากังวลหรือไม่เพราะประธานอาเซียนคนต่อจากอินโดนีเซียจะเป็นกัมพูชา นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าทุกข์ร้อนไกลขนาดนั้น ต้องว่ากันทีละขั้น ขณะนี้ประธานอาเซียนเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซีย

    เมื่อถามว่าจะมีใครประสานให้ไทยกับนายกฯฮุนเซนได้บ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเหนื่อยอยู่ เมื่อถามว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยื่นมือเข้ามาช่วยจะถือเป็นบุญคุณกับรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะก่อนกล่าวว่า "ไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยวตอบแล้วไม่ถูกใจคนถาม"

    เมื่อถามว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากความคิดของนายกฯฮุนเซนคนเดียวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลเขา จะว่าเป็นคนเดียวคงกล่าวหาเขาเกินไป ยอมรับว่าสถาน การณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศ กระทบการใช้ชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน

    นพดลโต้แทนแม้ว-ยันไม่เกี่ยว

    ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเหตุปะทะตามชายแดนไทย-กัมพูชา ที่รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ โดยมีการนำเสนอในสื่อบางฉบับระบุว่าพ.ต.ท. ทักษิณ อยู่ที่กัมพูชานั้น ยืนยันว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยบินมาที่นี่เลยแล้วไปถึงในช่วงการเลือกตั้งก็จะไม่บินมาบริเวณนี้แต่จะพำนักที่ประเทศในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ที่มีอดีตรองผบ.ทอ. ที่ระบุบนเวทีพันธมิตรฯว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะตั้งกองกำลังนั้น เป็นเรื่องที่เลอะเทอะไปใหญ่ การที่ท่านไปใส่เสื้อเหลืองไม่ใช่ความผิดของท่าน แต่อย่าได้กล่าวหาในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง

    "มีการพยายามโยงว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ซึ่งไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เกี่ยวข้อง การปะทะเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลไทยจะต้องไปแก้ไขปัญหา เจรจาไม่ให้ขยายบานปลายไปจากกรอบอาเซียนหรือยูเอ็น พ.ต.ท.ทักษิณ เอาใจช่วยทหารไทย และขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต และผู้อพยพกว่า 2 หมื่น" นายนพดลกล่าว

    ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนกับสถานการณ์การปะทะชายแดน ว่า ถ้าพ.ต.ท. ทักษิณ รักบ้านเมืองจริง ก็ควรต่อสายคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนซี้ เมื่อเกิดเหตุก็น่าจะเบรกได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าแปลก ดังนั้น ประชาชนต้องคิดว่าทำไม พ.ต.ท. ทักษิณ ปล่อยให้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ยิงทหารและบ้านเมืองของตัวเอง โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคอีสานที่ถือว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย และจากนี้จะหาคะแนนได้จากที่ไหน

    ชาวบ้านตื่นโซนิกบูมเอฟ 16

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่ อ.บ้าน กรวด จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านได้ยินเสียงเครื่องบินขับไล่บินอยู่เหนือท้องฟ้า เสียงดังกึกก้องกัมปนาท สร้างความตกใจให้ชาวบ้านอย่างมาก ต่างพากันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และจับกลุ่มพูดคุยกันต่างๆ นานาว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

    จากการสอบถาม แหล่งข่าวทางทหาร กอง ทัพภาคที่ 2 แจ้งว่า เป็นการฝึกบินตามปกติของทหารอากาศ กองบิน 1 นครราชสีมา โดยใช้เครื่องบินขับไล่ แบบเอฟ 16 จำนวน 1 ชุด 3 ลำ ทำการบินในระดับความสูงห่างจากภาคพื้นดินไม่น้อยกว่า 8 กิโลเมตร ซึ่งจะบินในระดับที่ต่ำกว่านี้ไม่ได้ เพราะจะทำให้ผิดสนธิสัญญาการบินระหว่างประเทศได้ สำหรับการฝึกบินครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ยิงปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพราะไม่ใช่การสู้รบ แต่เป็นฝึกบินเท่านั้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บริเวณน่านฟ้าบ้านตาเมียง อ.พนมดงรัก ก็มีเครื่องบินขับไล่เอฟ 16 จำนวน 1 ลำบินวนเหนือปราสาทตาเมือนธม และส่งเสียงโซนิก บูมหลายครั้ง ทำเอาชาวบ้านพากันตกใจวิ่งหนีลงหลุมหลบภัยกันโกลาหล

    ด้านน.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้บังคับการกองบิน 1 นครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองบิน 1 นครราชสีมา ได้นำเครื่องบินเอฟ 16 ขึ้นฝึกบินว่าสาเหตุที่มีการฝึกบินของเครื่องบินเอฟ 16 นั้น ตนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่อย่างไรก็ตามภายในกองบิน 1 นครราชสีมา ก็ได้ฝึกบินเครื่องบินเอฟ 16 เป็นปกติและมีการฝึกอยู่ทุกวัน ไม่มีการฝึกพิเศษอย่างไร ตนยืนยันว่าไม่มีการบินล้ำน่านฟ้าไปยังกัมพูชาแต่อย่างได ซึ่งการฝึกบินทุกครั้งก็จะอยู่ในเส้นทางการบินที่ทางกองบิน 1 กำหนดอยู่เสมอ ตนยืนยันว่าเป็นการฝึกบินประจำวัน ไม่มีการฝึกพิเศษ

    มาร์ตี้เลื่อนเยือนไทย-กัมพูชา

    วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางการอินโดนีเซีย ได้ขอยกเลิกกำหนด การที่นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย จะเดินทางมาร่วมหารือเกี่ยวกับเอก สารชี้แจงรายละเอียด หรือทีโออาร์ ว่าด้วยการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซีย ระหว่างรับประทานมื้อค่ำกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประ เทศ ในวันเดียวกันนี้ เวลา 19.00 น. ที่โรงแรมโนโวเทล ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิแล้ว สาเหตุที่ต้องยกเลิกไปนั้นเนื่องจากการจัดทำร่างทีโออาร์ดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ

    วันเดียวกัน เมื่อเวลา 06.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายอิทธิพร บุญประคอง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและเขตแดน ได้ออกเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินไทย จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยัง จ.อุบลราชธานี และโดยสารเครื่องเฮลิคอปเตอร์ไปยังจ.สุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา

    นอกจากนี้ นายกษิตได้พูดคุยกับประชาชนในศูนย์อพยพว่า ตนขอชมเชยทหารไทยที่ปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มความสามารถ เป็นเครื่องยืนยันว่ากัมพูชาไม่สามารถที่จะรุกรานไทยได้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและอดทน อีกไม่นานสันติภาพและความสงบสุขจะกลับคืนมา พร้อมฝากถึงนายฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ให้ช่วยกันทำให้ตลอดแนวชายแดนกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ทั้งนี้นายกษิตมีกำหนดจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 18.30 น.

    กต.กัมพูชาซัดปัญหาจากไทย

    สำนักข่าวดีเอพีของกัมพูชารายงานว่า นายกอย กวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า นายมาร์ตี้ นากาเลกาวา รมว.ต่างประ เทศอินโดนีเซีย แจ้งว่าเลื่อนเดินทางมากัมพูชาและไทยตามกำหนดที่มีขึ้นในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อร่วมพิธีลงนามในเอกสารทีโออาร์การส่งกองกำลังสังเกตการณ์ของอินโดนีเซียลงพื้นที่พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเลื่อนการเยือนทั้งสองประเทศอย่างไม่มีกำหนดและไม่ได้ให้รายละเอียด หลังจากเกิดการปะทะกันตามแนวชาย แดนไทย-กัมพูชา

    นายกอย กวง ระบุว่าปัญหาของการเลื่อนการเยือนไทยและกัมพูชานั้นมาจากฝ่ายไทยที่จัดทำร่างเอกสารดังกล่าวไม่เสร็จ ทั้งที่ทีโออาร์ได้ รับการอนุมัติแล้วและเราต้องการเดินหน้าต่อไป ฝ่ายกัมพูชาเตรียมการเกี่ยวกับหน้าที่ของหน่วยสังเกตการณ์จากอินโดนีเซียไว้แล้ว และรอผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียอยู่ แต่ฝ่ายไทยกลับไม่เห็นด้วยกับร่างข้อตกลงที่จะให้กองกำลังสังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้าไปในพื้นที่พิพาท

    อย่างไรก็ตาม รมว.ต่างประเทศทั้งสามประ เทศ จะร่วมประชุมกันอีกครั้งในการประชุมสุด ยอดอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 7-8 พ.ค.

    เผย 2 ปราสาทถูกปืนใหญ่ถล่ม

    นอกจากนี้ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำกรณีพิพาทกับไทยเข้าสู่การประชุมอาเซียนมา 3 ปีแล้ว ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำอาเซียนทุกประเทศ

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ไทยและกัมพูชาเห็นชอบที่จะให้ผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียมาสังเกตการหยุดยิงระหว่างสองประเทศ แต่ภายหลังไทยไม่อนุญาตให้หน่วยสังเกตการณ์เข้าไปในพื้นที่พิพาท จนกระทั่งเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุด ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตและบาดเจ็บ พร้อมทั้งระบุด้วยว่าฝ่ายไทยใช้ก๊าซพิษในการต่อสู้ และใช้ระเบิดพวงซึ่งสนธิสัญญานานา ชาติห้ามใช้ ทำให้ฝ่ายไทยเผชิญหน้ากับการถูกประณามจากประชาคมโลกที่ใช้ระเบิดพวง หลังจากนักการทูตไทยยอมรับว่าไทยใช้ระเบิดพวงในการสู้รบกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 4-5 ก.พ.

    ส่วนการปะทะกันครั้งใหม่นี้ทำให้ชาวบ้านในจังหวัดอุดรมีชัย 4,285 ครอบครัว หรือ 17,262 คน ต้องอพยพหนีภัย

    เอพียังรายงานว่า นายไพ สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวว่า ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายถูกกระสุนปืนและปืนใหญ่ทำให้ได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้ระบุว่าเสียหายอย่างไร ขณะที่ฝ่ายไทยยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้

    นอกจากนี้ นายไพ ยังกล่าวว่า การที่ไทยเปิดฉากสู้รบครั้งใหม่นี้เพื่อการเมืองภายในของไทย ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในต้นเดือน ก.ค.

    เดือดอีกตาควาย-ตาเมือนธม

    เมื่อเวลา 18.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองกำลังทหารกัมพูชา จากภูมิภาคที่ 4 ได้เปิดแนวรบดุเดือดกับทหารไทยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก และที่ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อย่างดุเดือด ฝ่ายทหารกัมพูชาระดมยิงปืน ค. และจรวจอาร์ พีจีใส่ทหารพราน ที่ลาดตระเวนในพื้นที่นานประ มาณ 10 นาที จากนั้นทหารกัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่ในหมู่บ้านไทยนิยมพัฒนา และบ้านหนองคันนาอีกหลายร้อยลูก ก่อนที่ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผบ.กกล.สุรนารี พ.อ.อดูล บุญธรรมเจริญ ผบก.กรมทหารพรานที่ 26 สั่งกองพันทหารปืนใหญ่ ระดมยิงใส่ฐานที่มั่นของ กองกำลังทหารภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวหลายร้อยลูก เสียงปืนใหญ่กระหึ่มกึกก้องไปทั่วบริเวณ

    ภูมิซรอลผวาเสียงปืนใหญ่

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ติดกับบ้านหนองอุดม ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีเสียงดังคล้าย กับเสียงปืนใหญ่หรือเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ระยะเวลาเสียงดังห่างกันประมาณ 20 นาที โดยเสียงดังอย่างรุนแรงนี้ดังขึ้นระหว่างเวลา 10.00-10.30 น. ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลที่ได้ยินเสียงระเบิดนี้พากันขวัญผวาวิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างโกลาหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เห็นว่าไม่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหาร ชาวบ้านภูมิซรอลและชาวบ้านหนองอุดม ก็ได้พากันออกมาประกอบอาชีพตามปกติ แต่ก็ยังไม่หายจากอาการหวาดผวาเสียงดังที่คล้ายกับเสียงปืนใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

    กษิตฉุนยิงไม่เลิก-ลั่นทบทวน

    เวลา 18.45 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประ เทศ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนที่มีการปะทะกัน ล่าสุดในเวลาประมาณ 18.10 น. ว่า แม้จะยิงปะทะกันอีกก็ไม่เป็นไร แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายิงไม่เลิก และไม่ยอมรับข้อเสนอของไทยที่ให้เจรจาสองฝ่ายในทุกระดับ ซึ่งที่ผ่านมาที่มีการยิงกันทุกครั้งหลังจากนั้นวันสองวันทางกัมพูชาก็จะติดต่อมาเพื่อเจรจาหยุดยิง แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับการติดต่อจากทางกัมพูชา และปฏิเสธที่จะเจรจากับฝ่ายไทยในทุกระดับ แปลว่าเขาไม่อยากคุยด้วย และไม่เห็นถึงความสำคัญ ดังนั้น เราจึงต้องทบทวนนโยบายทั้งหมดที่มีต่อกัมพูชา เนื่องจากทนเห็นไม่ได้ ที่ประชาชนตามแนวชายแดน 30,000 คน ใน จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ต้องอยู่กันอย่างไรให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 เม.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และหลังจากเดินทางกลับก็จะมาหารือกัน เพื่อทบทวนดำเนินนโยบายด้านความสัมพันธ์กับกัมพูชาว่าจะเป็นแบบไหน

    "เราจะเอาศักดิ์ศรีของประเทศไทยมาเล่นไม่ได้ ที่ผ่านมาฝ่ายไทยพยายามที่จะไม่โยงเหตุ การณ์ปะทะกับประเด็นอื่นๆ และหวังว่าเหตุ การณ์จะจบด้วยการเจรจาตกลงกันเพื่อนำความสงบสุขสันติของประชาชนในพื้นที่เป็นที่ตั้ง แต่ครั้งนี้แสดงให้เห็นความจงใจของกัมพูชาว่ามีความรุกคืบในพื้นที่มาโดยตลอด จนกระทั่งนำไปสู่การปะทะกันจนเกินวิสัยที่จะพูดคุยและเป็นมิตรกันแล้ว อย่างไรก็ตาม จะต้องให้ประเทศในอาเซียนได้ทราบว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายรุกรานก่อนเสมอ" นายกษิตกล่าว

    ทั้งนี้ นายกษิตให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเคร่ง เครียด เนื่องจากทันทีที่ลงจากเครื่องก็ได้รับรายงานว่ามีการปะทะกันเป็นรอบที่ 6 ในช่วงเย็นวันนี้ ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาหลังจากที่หยุดยิงเมื่อวาน

    ปีติ"พระเทพฯ"-ทรงช่วยชาวสุรินทร์

    เวลา 17.30 น. วันที่ 25 เม.ย. นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เดินทางมายังศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเองปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อมอบสิ่งของพระราชทานแก่ผู้อพยพ กรณีเหตุฉุกเฉินการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ชายแดนจ.สุรินทร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย มีนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นผู้รับมอบ ในวันที่ 26 เม.ย. นายสำเริง พร้อมคณะ จะเดินทางไปยังโรงพยาบาลสุรินทร์ และโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อมอบถุงพระราชทานให้แก่กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

    เวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เดินทางไปยังศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อมอบอาหารประทาน เงินส่วนพระองค์ พร้อมเวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค และหนังสือ แจกให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนที่ประสบภัยจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ชายแดนด้านจ.สุรินทร์ ตามโครงการ "หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย" จากนั้น เดินทางไปที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ เพื่อเข้าเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกันและมอบเงินส่วนพระองค์ และสิ่งของประทานแก่ทหารที่เข้ารับการพักรักษาตัวอยู่



    ทบ.โวยเขมรใช้เด็ก-สตรีเป็นโล่

    เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากกองทัพบกระบุว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะมีเหตุปะทะเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ทหารกัมพูชาได้ทยอยนำครอบครัวกัมพูชา ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี เข้ามาอาศัยอยู่ตลอดแนวชายแดนปราสาทเขาพระวิหารใน 7 พื้นที่ ดังนี้ 1.พื้นที่ซำแต นำครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ประมาณ 5 ครอบครัว จากการตรวจการณ์พบว่ามีเด็กและผู้หญิงทั้งเดินเท้าและขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เดินทางมาจากบ้านสะแอม อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร 2.บริเวณช่องตาเฒ่า และเนิน 400 มีครอบครัวของทหารกัมพูชาเข้ามาพักอาศัยในฐานปฏิบัติการทางทหาร ประมาณ 15 ครอบครัว 3.พื้นที่ตลาดชุมชนเขาพระวิหารหน้าประตูเหล็ก มีการนำครอบครัวเข้ามาอาศัยบริเวณบ้านพักบันไดขึ้นเขาพระวิหาร ประมาณ 7 คน และมีการนำครอบครัวเข้าพักอาศัยพื้นที่บนปราสาทพระวิหารและใกล้เคียง

    4.พื้นที่ภูมะเขือ มีการนำครอบครัวเข้าพักอาศัยที่บริเวณฐานปฏิบัติการยอดภูมะเขือ จำนวน 15 คน 5.พื้นที่ช่องพระพะลัย ทหารกัมพูชานำครอบครัวเข้ามาอาศัย 1 ครอบครัว 6.พื้นที่ช่องพระพะลัย-พื้นที่ช่องสะงำ ทหารกัมพูชานำครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่บริเวณฐานปฏิบัติการ และพื้นที่บริเวณโดยรอบ 985 ครัวเรือน และ7.พื้นที่บริเวณห้วยตามาเรีย คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 20 คน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ทหารกัมพูชานำครอบครัวเข้ามาอาศัยในพื้นที่ทางทหาร คาดว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเข้าปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทย โดยเฉพาะพื้นที่ต่างอ้างสิทธิ์ หรือพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเสียเปรียบหรือล่อแหลมต่อการขัดแย้งกันด้วยอาวุธ เนื่องจากหากฝ่ายไทย ดำเนินการอาจจะส่งผลต่อพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และหากฝ่ายไทยมีการดำเนินการฝ่ายกัมพูชาจะร้องเรียนต่อองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรสิทธิมนุษยชน และทำการปฏิบัติการข่าวสารเพื่อประณามประเทศไทยว่าทำร้ายประชาชน ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และยกระดับปัญหาขึ้นสู่เวทีโลก

    ปรับแผนผลิตไฟรับนิวเคลียร์แท้ง



    รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 27 เม.ย.นี้ จะเสนอปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ปี"53-73 ใหม่ ที่ต้องเลื่อนโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไป 3 ปี จากปี"63 เป็นปี"66 หลังญี่ปุ่นเกิดปัญหา และไทยไม่พร้อมหลายด้าน ทำให้ บมจ.ปตท. อาจต้องเร่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว 5 ล้านตัน มาเป็นปี"60 จากปี"64 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต้องขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าพระนครใต้และบางปะกง ส่วนแนวทางอุดหนุนดีเซลนั้น จะขอความเห็นต่อ กพช.ถึงแนวทางดูแลเพิ่มเติม หลังรัฐบาลใช้มาตรการลดภาษีและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปแล้ว และจะเสนอปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมแบบขั้นบันไดที่การตรึงราคาจะสิ้นสุดเดือนมิ.ย.

    มอ.รุกก่อตั้ง'สถานวิจัยธรณีฟิสิกส์' ศึกษาหลุมยุบรอยเลื่อนมีพลัง-รับมือภัยพิบัติ



    รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายครั้ง ขณะที่ปัญหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบนโลกทวีความรุนแรงและมีความถี่มากขึ้น ทำให้นักวิชาการจากหลายหน่วยงานของมอ. เช่น ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในงานวิจัยทางธรณีฟิสิกส์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยรวม งานวิจัยด้านแผ่นดินไหวและพิบัติภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ รวมถึงงานวิจัยด้านทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รวมตัวกันเพื่อเตรียมจัดตั้ง "สถานวิจัยธรณีฟิสิกส์" เพื่อสำรวจหาทรัพยากรธรรมชาติที่มีความจำเป็นต่อพื้นฐานการดำรงชีวิตของประชาชนและการพัฒนาประเทศ เช่น แหล่งปิโตร เลียม แหล่งถ่านหิน แหล่งน้ำบาดาล แหล่งแร่เศรษฐกิจ รวมถึงจัดการกับปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติด้านธรณี และหาแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่ โดยสถานวิจัยดังกล่าวจะมีความพร้อมด้านเครื่องมือธรณีฟิสิกส์

    "สถานวิจัยธรณีฟิสิกส์ มอ. จะวิจัยครอบคลุมด้านธรณีฟิสิกส์ของโลกและเพลตเทคโทนิกส์ การศึกษาวิจัยเขตรอยมุดตัวซุนดา ด้านแผ่นดินไหวและรอยเลื่อนมีพลังในแถบภาคใต้และภูมิภาคอันดามัน ศึกษาวิจัยตัวเตือนล่วงหน้าการเกิดแผ่นดินไหว งานวิจัยด้านธรณีพิบัติภัย หลุมยุบ แผ่นดินถล่ม แผ่นดินไหว เป็นต้น และให้บริการข้อมูลและความช่วยเหลือทางวิชาการด้านธรณีฟิสิกส์แก่ชุมชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและในภูมิภาค ส่งเสริมให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กับนักวิจัยภายในกลุ่มธรณีฟิสิกส์ และนักวิจัยสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการทำวิจัยร่วมกัน เกิดการต่อยอดงานวิจัยของนักศึกษาระดับปริญญาโท-เอก และคณาจารย์ ทั้งยังสร้างเครือข่ายการวิจัยกับหน่วยงานและสถาบันต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ" รศ.ดร.บุญสมกล่าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2011
  15. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12
    หากเป็นอย่างนี้ นักการเมืองไทยคงไม่เหลือสักคนเป็นแน่
     
  16. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    http://www.bangkok-today.com/node/8785
    แท็กซี่เล็กๆ วีรบุรุษ ที่ยิ่งใหญ่! ผู้กุมอำนาจทั้งหลายควรดูตัวอย่าง ดูเขาคนนั้น...“อำนาจ พวงสูงเนิน”!


    <!-- /#content-header -->
    สังคมไทยในปัจจุบัน ถูกปัญหาการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์การเมือง การมุ่งทำลายล้างคู่ต่อสู้ทางการเมือง ทำให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำและสูญเสียโอกาสในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมาอย่างมากมายในทุกๆด้าน
    ถ้านับเป็นเม็ดเงินก็เป็นความสูญเสียนับแสนนับหมื่นล้านบาท โดยที่จนวันนี้ผู้มีอำนาจทั้งหลายก็ยังไม่คิดที่จะทำอะไรให้เป็นการแก้ไขสถานการณ์ให้ยุติลงได้
    ก็เพราะทุกวันนี้ “วีรบุรุษ”หายากมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอำนาจ
    นับวันคนพวกนี้มักจะเน้นแต่ประโยชน์ส่วนตนกันมากว่าประโยชน์ส่วนรวม แต่สังคมกลับยังคงให้การยกย่อง ว่าคนพวกนี้มีอำนาจวาสนา บารมี ทั้งๆที่ควรจะมองอีกด้านหนึ่งว่า คนพวกนี้ฉกฉวย และโกงเก่ง จนได้มาซึ่งความร่ำรวยและอำนาจในปัจจุบัน
    แต่ยังดีที่แม้คนในแวดวงอำนาจผลประโยชน์การเมืองที่มองเห็นหน้ากันในเวลานี้ อาจจะหาวีรบุรุษทำยายาก แต่อย่างน้อยที่สุดในสังคมไทยทุกวันนี้ยังคงมีคนบางคน หรือคนบางกลุ่มที่พร้อมจะเสียสละ พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสังคม เข้ามาช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
    กรณีเหตุสลดใจที่เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่มีคนร้ายติดยาก่อเหตุอุฉกรรจ์ฆ่า ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สถานีตำรวจนครบาลดุสิตถึงแก่ความตาย และยังใช้อาวุธปืนยิงนายอำนาจ พวงสูงเนิน คนขับรถแท็กซี่ที่เข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตาย
    จากนั้นก็ขับรถพุ่งชน ด.ต.ปพนพัชญ์ บุญทองคำ ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท ที่เข้ามาขวางจนบาดเจ็บสาหัส แล้วก็ไปจี้ชิงรถยนต์ของ พ.ญ.พิภัทรา สายโลหิต จับตัวเป็นตัวประกัน จนทำให้แพทย์สาวต้องตกอยู่ในเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจากเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย
    เป็นเหตุสลดใจอย่างยิ่งก็จริง แต่ทำให้เห็นว่าในสังคมไทยยังมี “วีรบุรุษที่แท้จริง”อยู่ ซึ่ง”บางกอก ทูเดย์” ขอเลือกที่จะชื่นชมคนดี คือนายอำนาจ พวงสูงเนิน ที่ได้จุดประกายให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า......
    ในสังคมไทยยังคงมีบุคคลที่มีหัวใจวีรบุรุษ และมีความสำนึกในหน้าที่ และพร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเสี่ยงกับชีวิตและความปลอดภัยสักเพียงใด
    กรณีของนายอำนาจโชเฟอร์แท๊กซี่ใจเด็ด ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในครั้งนี้หากไม่มีหัวใจวีรบุรุษที่แท้จริงแล้ว แม้ว่าจะได้ยินข่าวทางวิทยุ หรือจะอยู่ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ ก็สามารถที่จะเพิกเฉย สามารถที่จะทำไม่รู้ไม่ชี้กับกรณีที่เกิดขึ้นได้
    เพราะนายอำนาจไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องยื่นมือเข้ามาระงับเหตุที่เกิดขึ้น แต่เพราะมีจิตใจที่กล้าหาญและไม่เพิกเฉยกับสิ่งผิดที่เห็นอยู่ตรงหน้า จึงได้โดดเข้ามาขัดขวาง โดยหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือได้แม้จะเสี่ยงอันตรายก็ตาม
    ซึ่งสุดท้ายต้องกลายเป็นผู้เสียสละ เพราะเจอกับคนร้ายซึ่งขาดสติสัมปะชัญญะด้วยฤทธิ์ยาเสพติดที่แพร่ระบาดไปทั่วบ้านทั่วเมืองในเวลานี้
    การเสียชีวิตในครั้งนี้ของนายอำนาจ จึงถือเป็นการสูญเสียบุคคลตัวอย่างอันดีของสังคมไทยอย่างน่าเสียดายที่สุด
    เพราะแม้ว่านายอำนาจ จะเป็นเพียงแค่ผู้ประกอบอาชีพคนขับรถแท๊กซี่ แต่ตลอดมาเป็นที่รู้กันทั่วหมดทั้งอู่แท๊กซี่ที่ขับรถอยู่ว่า จะเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือทางราชการอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายหรือเหตุการณ์อันตรายใดๆเกิดขึ้น หากนายอำนาจรับรู้ก็จะรีบเข้าไปช่วยเหลือเพื่อแก้ไขสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
    เรียกว่าเป็นฮีโร่หัวใจแกร่งสายพันธ์ุแท้จริงๆ
    ถือเป็นบุคคลตัวอย่างที่สังคมไทยน่าจะซึมซับพฤติกรรมและการกระทำของนายอำนาจเอาไว้มากๆ
    เพราะเมื่อเหลียวไปมองดูในแวดวงบุคคลการเมืองในปัจจุบัน ในแวดวงผู้มีอำนาจหรือแม้แต่กระทั่งในแวดวงบรรดา”คนมีสีที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย” ก็อดที่จะเกิดคำถามขึ้นในใจไม่ได้ว่า
    หลายๆคนเหล่านั้นเคยมีหัวใจวีรบุรุษกันบ้างหรือไม่???
    ที่พบเจอส่วนใหญ่มักเป็นตรงกันข้าม เพราะมักจะเจอแต่ผู้ที่มีอำนาจในมือที่มักจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง รู้ทั้งรู้ว่าประเทศชาติเกิดวิกฤตมีปัญหา แต่คนพวกนี้ทั้งๆที่มีอำนาจอยู่ในมือ มีกำลังที่สามารถจะยุติปัญหาให้สิ้นสุดลงได้ก็กลับเลือกที่จะอมพะนำนิ่งเฉย
    ซ้ำร้ายคนบางคนนอกจากจะไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ หนีปัญหาไม่เข้ามาแก้ไขวิกฤตแล้ว ยังกลับฉกฉวยสถานการณ์เอามาสร้างผลประโยชน์ใส่ตัว เอามาใช้เป็นเงื่อนไขในการที่จะยึดกุมอำนาจเอาไว้ในมือต่อไป
    ทุกวันนี้สังคมไทยแตกแยกไร้ความปรองดอง ถามว่าผู้มีอำนาจอยู่ในมือได้พยายามทำอะไรบ้างเพื่อให้ปัญหายุติลง
    หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา 2549 เป็นต้นมา ประเทศไทยตกอยู่ในบรรยากาศของความแตกแยก ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ถามว่าระยะเวลา 4-5 ปีที่ประเทศไทยจมปรักเดินไปไหนไม่ได้และเต็มไปด้วยความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลานั้น มีนักการเมืองสักกี่คน มีคนที่มีอำนาจบารมีสักกี่คน หรือผู้ที่มีอำนาจกองทัพในมือสักกี่คนที่จะออกมาทุ่มเทแก้ไขปัญหาวิกฤประเทศชาติอย่างจริงจัง
    หากเปรียบเทียบกับ นายอำนาจที่ขับรถแท๊กซี่พุ่งเข้าขวางรถคนร้าย หมายจะให้คนร้ายหยุดรถทั้งๆที่ตนเองมีแค่มือเปล่า และรู้อยู่ว่าคนร้ายมีอาวุธปืน แต่ก็ยังกล้าเสี่ยงแล้ว บรรดาผู้ที่มีหน้าที่ ที่มีอำนาจโดยตรงในการที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และการมุ่งทำลายร้างทางการเมืองกันอย่างรุนแรงที่สุดชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทยนั้น ไม่ติดฝุ่นนายอำนาจเลยสักคน
    เพราะคนที่เห็นลอยหน้าลอยตาอยู่ในเวลานี้ ไม่มีวิญญาณวีรบุรุษอยู่ในใจเลย เนื่องจากเลือกที่จะหนีปัญหา และซื้อเวลาไปเรื่อยๆ บ้านเมืองจะพังก็ช่าง
    วันนี้หลายหน่วยงานของภาครัฐมีการออกมาเชิดชูเกียรติให้กับนายอำนาจ อย่างเช่น กทม. โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เตรียมมอบเกียรติบัตรประกาศเกียรติคุณให้กับครอบครัว พร้อมเงินช่วยเหลืออีก 50,000 บาท
    และนายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ก็เตรียมที่จะจะประกาศยกย่องเชิดเกียรติให้ เป็น “คนดีศรีบึงกาฬ ” เพราะนายอำนาจ เป็นชาวจังหวัดบึงกาฬ ที่ได้สร้างคุณงามความดี ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง เป็นคนที่กล้าหาญและเสียสละครั้งยิ่งใหญ่
    ขณะที่ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ผกก.สภ.คลองวาฬ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประธานชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนพร้อมคณะ มอบเงิน 30,000 บาทผ่าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 ให้ครอบครัวของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ 10,000 บาท ด.ต. ปพนพัชญ์ 5,000 บาท นายอำนาจ 10,000 บาท
    นอกจากนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้จัดกิจกรรม “กำลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ร่วมกับ บริษัท ซันเทค คอร์ปเปอร์เรชั่น จำกัด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมส่งข้อความให้กำลังใจผ่านทาง เอสเอ็มเอส หมายเลข 4567891 ในระหว่างวันที่ 25 เมษายน-31 พฤษภาคม เพื่อนำรายได้จากการส่งเอสเอ็มเอสทั้งหมด มอบให้กับครอบครัวของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ด.ต.ปพนพัชญ์ และครอบครัวนายอำนาจ พวงสูงเนิน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อไป
    และ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธาน บริษัท ซันเทคฯ อดีตอดีตข้าราชการตำรวจในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวรผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 42 ยังได้เสนอมอบเงินจำนวน 3,000,000 บาท เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ด.ต. ปพนพัชญ์ บุญทองคำ และช่วยเหลือครอบครัวของนายอำนาจ พวงสูงเนิน โดย มอบเป็นทุนการศึกษาสำหรับบุตรของ ด.ต.ลิขสิทธิ์ พิลาศรี ผู้เสียชีวิต จำนวน 1,000,000 บาท
    มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของนายอำนาจ พวงสูงเนิน จำนวน 1,000,000 บาท ให้กับมารดาของนายอำนาจ
    และขอมอบเงินช่วยเหลือ ด.ต.ปพนพัชญ์ บุญทองคำ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 1,000,000 บาท
    เป็นกระแสความช่วยเหลือที่หลั่งไหลมาจากสังคมอย่างเต็มใจ
    ในขณะที่หน่วยงานรัฐที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ก็จะมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการพิจารณาจ่ายค่าชดเชย ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 27 เม.ย. นี้ ซึ่งหลักเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชยในส่วนของนายอำนาจ นั้นถือเป็นพลเมืองดี คาดว่าจะได้รับค่าชดเชยเต็มจำนวนจากทั้งค่าชดเชยในฐานะเป็นพลเมืองดี 1 แสนบาท ค่าจัดการศพ 2 หมื่นบาท และค่าขาดอุปการะอีก 3 หมื่นบาท รวมเป็นเงินไม่เกิน 1.5 แสนบาท
    และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ได้เปิดห้องสีม่วง ทำเนียบรัฐบาล ทำพิธีมอบเงินสงเคราะห์ให้แก่ครอบครัวของนายอำนาจ พวงสูงเนิน เป็นเงิน 250,200 บาท
    เล่นเอาคนงุนงงสงสัยกันไปทั่วว่า ทำไมรัฐบาลให้เงินช่วยเหลือแค่นี้ และทำไมมีเศษ 200 บาท รวมถึงว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์ ได้มีการมอบเงินส่วนตัวให้บ้างหรือไม่ ถึงได้เป็นจำนวนเงินที่ไม่เต็มจำนวนแบบนี้
    ซึ่งเรื่องนี้ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้อธิบายถึงที่มาของจำนวนเงินว่าเป็นไปตามพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัย เนื่องจากการช่วยเหลือราชการการปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. 2543 เงินชดเชยกรณีเสียชีวิต จำนวน 250,200 บาท เทียบมาจากอัตราเงินเดือนให้แก่นายอำนาจ เท่ากับเงินเดือนข้าราชการวุฒิปริญญาตรี คือ 8,340 บาท แล้วคูณด้วย 30 เท่า
    นายกรณ์ยอมรับว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับความสูญเสียอันใหญ่หลวงของครอบครัว “พวงสูงเนิน” แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าคนดีต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือ
    กรณีของเงินช่วยเหลือใดๆ ก็คงไม่สามารถเยียวยาจิตใจของนางสายทอง พวงสูงเนิน อายุ 64 ปี แม่ของแท็กซี่พลเมืองดี ผู้ซึ่งต้องสูญเสียลูกชาย ไปในวัยเพียงแค่ 34 ปีได้อย่างแน่นอน
    “วันนี้ส่งดวงวิญญาณลูกชาย ฉันอยากร้องไห้ แต่น้ำตาไม่ยอมไหล ดีใจที่ทุกหน่วยงานทุกคนช่วยเหลือ ถึงแม้ฐานะจะยากจน เงินที่ช่วยเหลือมาก็พอจะจุนเจือ และเก็บไว้ทำบุญอุทิศให้ลูกชายได้ ฉันไม่ขอเรียกร้องอะไรจากใคร” นี่คือเสียงจากหัวใจส่วนลึกที่สุดของนางสายทอง
    วันนี้ นายอำนาจ พวงสูงเนิน ถือเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง และคู่ควรแก่การเป็นต้นแบบในสังคมไทย บางกอกทูเดย์จึงขอที่จะยกย่องและเชิดชูความเป็นวีรบุรุษ เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม
    และเพื่อให้เหล่าบรรดาผู้คุมอำนาจในเมืองไทยได้ดูไว้เป็นตัวอย่างกันด้วยว่า คำว่า “หน้าที่และรับผิดชอบ”นั้น พึงกระทำเยี่ยงไร??

    [​IMG]

    ทำไมข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติเต็มไปหมดเลยขี้เกียจรายงานแล้วจบ
    วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 10:48 น. ข่าวสดออนไลน์


    ‘หลวงพ่อคูณ’อาการดีขึ้น-ไม่มีไข้

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    ความคืบหน้า อาการอาพาธ พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด นครราชสีมา นอนพักรักษาอาการอาพาธ ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ช่วงเช้าวันนี้ หลวงพ่อคูณ ตื่นจากการจำวัด ในเวลา 06.15 น. ใบหน้าเริ่มสดใสอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเสร็จจากการทำธุระส่วนตัว ลูกศิษย์จัดเตรียมภัตตาหารนำมาถวาย โดยมี ข้าวสวย ปลานิลทอด ผักต้ม แกงเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวม หมูทอด และน้ำพริกปลาป่น มะละกอ กล้วยน้ำว้า มะม่วง และลูกพลับ หลวงพ่อคูณ ฉันภัตตาหารได้มากขึ้น แต่ยังถือว่าน้อยกว่าปกติ ส่วนอาการไอ อาเจียนเริ่มน้อยลง

    จากนั้น น.พ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณฯ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ และหลอดเลือด เข้าตรวจรักษาอาการอาพาธ พร้อมเปิดเผยว่า ผลการตรวจร่างกาย อุณภูมิร่างกาย 36.2 องศาเซลเซียส ชีพจรเต้น 78 ครั้ง/นาที ความดัน 101/62 มิลลิเมตรปรอท หายใจ 24 ครั้ง/นาที และ ระดับน้ำตาลในเลือด 241 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับอาการอาพาธโดยรวมดีขึ้นจากเดิม ความรู้สึกตัวดีขึ้น ไม่มีไข้ ผลการเพาะเชื้อยังไม่พบการติดเชื้อใดๆ รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ก็ยังไม่พบแต่อย่างใด อาการของหัวใจก็ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนระบบสมองด้านการรับรู้ตอบสนองเริ่มดีขึ้นตามลำดับ

    [​IMG]


    <!-- /node-inner --><!-- /node-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2011
  17. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12

    หากเป็นตามนี้ นักการเมืองไทยคงไม่เหลือแม้แต่รายเดียว
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แม่น้ำโขงคือยูเฟรติส ในคำทำนายของศาสนาอิสลาม?

    [​IMG]

    [​IMG]

    คำทำนายเรื่องภูเขาทองคำ จากศาสนาอิสลาม

    ท่านรซูลของอัลลอฮ ได้กล่าวไว้ว่า **ชั่วโมงสุดท้ายจะยังไม่มาถึง จนกว่า ยูเฟรติส จะเปิดเผยให้เห็น ภูเขาทองคำ ..อันจะทำให้ผู้คนต่อสู้กัน เก้าสิบเก้าในร้อยคนของพวกเขาจะถูกสังหาร แต่ทุกคนในหมู่พวกเขาจะกล่าวว่า.. บางทีฉันอาจเป็นคนหนี่งที่หนีรอดไปได้ ** รายงานโดย มุสลิม​

    คัดลอกมาจาก http://www.muslimthai.com/board/sho...f21780e19e792d7

    ขุมทรัพย์ทั้ง 4 ในตำนานพระศรีอาริย์(พระเจ้าจักรพรรดิ์)

    เมื่อปรากฏภัย ๑๐ ประการ ​

    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง ​

    หนาแน่นขึ้นก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาว ขี่ม้าขาวเหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยมาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย ​

    หลังจากนั้นไม่นานขุมทรัพย์ทั้ง 4 ของพระศรีอาริย์ก็จะปรากฎเกิดขึ้นในสุวรรณภูมิ ระหว่างเชียงราย ฝาง เชียงใหม่ ลำพูน เพราะขุมทรัพย์อันมหาศาล คือแก้วแหวนเงินทองจะระเบิดออกในภาคเหนือของประเทศไทย ดอยเงินดอยคำและเพชรนิลจินดาจะแตกออกทั้งลูกดอย และจะมีหลายลูกด้วยกัน กองทัพจะเข้าแย่งชิงสมบัติเหล่านี้ มืดมัวไปทั้งสี่ทิศ ทหารของชาติต่างๆ จะล้มตายไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงเหลืออยู่เพียงส่วนเดียวเลือดจะไหลนองเป็นห้วยน้อย จนถึงกับพวกหนูต้องว่ายข้ามต่างก็จะยิงกันจนเหลวแหลก เพราะโลภตัณหา จะรบกันถึง 7 ชาติ แต่ขุนศึกสำคัญนั้นมี 3 คน คือ ​

    1.พญาลายตีนเป็นกงจักร
    2.พญาแขนสั้นราว (คืนแขนสั้นข้างยาวข้าง)
    3.พญาลิ้นกาฬ (ลิ้นดำ) ​

    ในตำนานพระศรีอาริย์จุติ ซึ่งพระอิศวรผู้เป็นเจ้าไปนิมนต์มาเกิดนั้นกล่าวไว้เป็นปัญหาว่า"ฤทธิ์เดชของพระยาแขนสั้นยาวนั้นมากมายเหลือหลาย เหล็กกลม 7 กำยาว 4 ศอก นั่งหย่องเยาะ เอามือซ้ายขว้างไปไกลได้ถึง 7 - 8 ไร่นา" ผู้เขียนขอวิจารณ์ว่า "เหล็กกว้าง 7 กำยาว 4 ศอกนั้นคงไม่ใช่เหล็กธรรมดา คงเป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่นั่นเอง" แก้วแหวนเงินทองนั้นใครๆ ก็อยากได้ด้วยกันทุกคน ถ้ามันมีมากขนาดเท่าภูเขาเลากา และมันเกิดประเทศใด ประเทศนั้นก็ต้องตกเป็นจุดยุทธศาสตร์ขนาดล้างโลก และนั่นก็เป็นวันตัดสินโลก(Doomsday) ได้มาถึงแล้วโดยไม่มีปัญหา ​

    (แหล่งที่มา หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก โดยรหัสยญาณ สำนักพิมพ์ลานอโศกเพรสกรุ๊ป โรงพิมพ์สหธรรมิก)

    อ้างอิงข้อความของ คุณหนุมาน ผู้นำสาร

    ภาคเหนือ...แม่น้ำโขง จะสร้างอันตรายและภัยพิบัติ ถ้ามีฝนตกหนักทางตะวันตกของจีน แม่น้ำที่จะรองรับน้ำได้ ๑ ในนั้นคือ แม่น้ำโขง น้ำปริมาณมากจะไหลลงมาตามลำน้ำโขง​

    บริเวณเหนือสุดที่ติดกับแม่โขงบริเวณเชียงแสน เชียงของ จะมีน้ำทะลักเข้าแผ่นดินไทย เกิดน้ำวนขนาดใหญ่...ดิน หิน ภูเขาจะหลุดทะลายไปตามกระแสน้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกขุดรากถอนโคนไปตามกระแสน้ำ น้ำจะไหลผ่านจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่เหนือ จนถึงอ่าวไทย จังหวัดที่น่าจะเสี่ยงและควรหาทางเตรียมหนีขึ้นเขาสูง เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แพร่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร และจังหวัดที่อยู่ใต้จนลงมาถึง กรุงเทพฯ​

    ขอให้ประชาชนหมั่นติดตามฟังข่าว....หากฝนตกหนักมากทางตะวันตกของจีน ระดับแม่น้ำโขงสูงขึ้นเร็ว ต้องรีบเตรียมอพยพ หัดอ่านแผนที่หาที่หนีภัยใกล้ตัว...ไว้ล่วงหน้า เพราะเหตุการณ์นี้....จะรุนแรงมหันต์ จำเป็นต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อน​

    พระไตรปิฎก...ได้ส่งมอบ "สัจจะ" เป็นหนทางปฏิบัติของมนุษย์แล้ว อยู่ที่จะ "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ"​

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "​

    ลักษณะภูมิประเทศของทวีปเอเซีย

    ทวีปเอเชียมีลักษณะเด่นคือ มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงอยู่เกือบใจกลางทวีป ภูเขาดังกล่าวทำหน้าที่เหมือนหลังคาโลกเพราะเป็นจุดรวมของเทือกเขาสำคัญ ๆ ในทวีปเอเชีย จุดรวมสำคัญ ได้แก่ ปามีร์นอต, ยูนนานนอต, และอามีเนียนนอต เทือกเขาสูง ๆ ของทวีปเอเชียวางแนวแยกย้ายไปทุกทิศทุกทางจากหลังคาโลกเช่น เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาคุนลุ้น เทือกเขาเทียนชาน เทือกเขาอัลตินตัก เทือกเขาฮินดูกูซ เทือกเขาสุไลมาน ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ มีระดับสูง 8,850 เมตร (29,028 ฟุต) เป็นยอดเขาสูงที่สุดในโลกตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างเทือกเขาเหล่านี้มีพื้นที่ค่อนข้างราบแทรกสลับอยู่ ทำให้เกิดเป็นแอ่งแผ่นดินที่อยู่ในที่สูง เช่น ที่ราบสูงทิเบต ที่ราบสูงตากลามากัน ที่ราบสูงมองโกเลีย ที่ราบสูงยูนนาน ​

    ลักษณะภูมิประเทศดังกล่าวข้างต้นทำให้บริเวณใจกลางทวีปเอเชียกลายเป็นแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ ๆ ที่มีรูปแบบการไหลออกไปทุกทิศโดยรอบหลังคาโลก เช่น ไหลไปทางเหนือมีแม่น้ำ อ็อบ เยนิเซ ลีนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำอามูร์ ทางตะวันออกมีแม่น้ำฮวงโห (หวงเหอ) แยงซีเกียง(ฉางเจียง) ซีเกียง (ซีเจียง) ทางตะวันออกเฉียงใต้มีแม่น้ำแดง โขง เจ้าพระยา สาละวิน อิระวดี ทางใต้มีแม่น้ำพรหมบุตร คงคา สินธุ ทางตะวันตกมีแม่น้ำอามู ดาร์ยา จากที่สูงอามีเนียนนอต มีแม่น้ำไทกรีส ยูเฟรตีส บทบาทของลุ่มน้ำเหล่านี้ คือ พัดพาเอาตะกอนมาทับถมสร้างที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล กลายเป็นแหล่งเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยสำคัญ ๆ ของชาวเอเชีย โดยเฉพาะที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ จึงกลายเป็นแหล่งที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด​


    หมายเหตุ

    จากคำทำนายของศาสนาอิสลามที่กล่าวว่า แม่น้ำยูเฟรติส จะเปิดเผยให้เห็น ภูเขาทองคำ อันจะเป็นเหตุให้ผู้คนทำสงครามยื้อแย่งกันนั้น ถ้าเรามาพิจารณาดูคำทำนายจากตำนานพระศรีอาริย์, คำทำนายจากคัมภีร์อัลกุรอาน, และดูจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆ แล้วก็พอจะเดาเอาได้ว่า ภูเขาทองคำนั้น ก็คือภูเขาในภาคเหนือของประเทศไทยเรานี่เอง ที่จะถูกแม่น้ำโขงกัดเซาะดิน หิน พังทลายลงไปตามกระแสน้ำ หรืออาจจะเกิดจากแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ตามแนวรอยเลื่อนจนแผ่นดินแยกออก ทำให้เห็นทองคำจำนวนมหาศาลเป็นภูเขาเลากา ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดสงครามแย่งชิงกันถึง 7 ประเทศนั่นเอง -เกษม-<!-- google_ad_section_end -->​

    นิมิตเห็นภาพจะเกิดแผ่นดินแยกที่ภาคเหนือ !!!

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บวรทัต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4630223", true); </SCRIPT> สมาชิก ​

    ขออนุญาติเล่าสู่กันฟัง มีหลวงพี่ที่ผมรู้จัก ท่านโทรศัพท์มาเล่านิมิตรให้ฟัง 2 ครั้ง​

    ครั้งที่ 1. วันอังคารที่ 19 เม.ย. 54 ท่านเล่าให้ฟังว่า เหมือนมีเหตุการณ์ที่เกิดการสู้รบกัน นองเลือด เข่นฆ่ากัน ตัวท่านสวมชุดนักรบเข้าร่วมด้วย ท่านเลยถามว่า ทุกวันนี้กระแสสังคมไทยเป็นยังไง มีการประท้วงหรือการปฏิวัติรึเปล่า (ท่านไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เพราะอยู่บนเขาครับ) เช้าวันศุกร์ 07.00 น. เกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ จว.สุรินทร์ อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวโยงกันหรือบังเอิญ​

    ครั้งที่ 2. ท่านโทรฯเล่าให้ฟัง คืนวันอาทิตย์ 24 เม.ย. 54 ท่านบอกว่า เมื่อคืนนิมิตรว่าเมืองไทยเกิดแผ่นดินแยก แล้วเกิดน้ำเอ่อล้นท่วมไหลบ่าจากทางเหนือเข้าเมือง บ้านเรือนพังพินาศ แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน แค่ประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ถ้าหลายคนนำมาถ่ายทอดสู่กันฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนก็คงดีนะครับ<!-- google_ad_section_end --> ​

    25-04-2011, 10:54 AM​


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_612109", true); </SCRIPT> สมาชิก​

    คุณ Bassate เล่าว่า เค้าได้ข่าวสารมาว่า ภาคเหนือจะเกิดแผ่นดินไหวแรง แล้วจะเกิดแผ่นดินแยก กินเนื้อที่ 4 จังหวัด รอยแยกนี้จะกว้างเท่าแม่น้ำฮวงโห คนจะตายมหาศาล แล้วรอยแยกนี้จะเป็นแม่น้ำต่อไปในอนาคต ​

    05-07-2007, 05:25 AM ​

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_612160", true); </SCRIPT> สมาชิก ​

    คุณแม๊ค (Bassate) บอกว่าได้รับข่าวนี้จากเบื้องบน (พระคริสต์)ได้รับข่าวมาเป็นระยะ ไม่อาจระบุจังหวัดได้ แค่เตือนมาไม่ให้ประมาท เพราะภัยนี้จะมาเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนแมวโมย หลังเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมาก เปลือกโลกบริเวณนั้นจะขยับเคลื่อนตัวแยกออกจากกัน เป็นร่องลึกเหมือนแกรนด์แคนยอน น้ำจะไหลเข้ามาแทนที่ ความกว้างไม่แพ้ "ฮวงโห"ของจีนที่เรียกว่ากว้างที่สุดในโลก บ้านเรือนแถบนั้นถูกกระแสน้ำพัดพา ผู้คนจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปด้วยหลายชิวิต​

    เคยเกิดเหตุขึ้นเช่นนี้มาแล้วหลายครั้งในอดีต ซึ่งครั้งนี้จะถือว่ารุนแรงที่สุด จุดที่ทางการไม่ค่อยระวัง แม๊คบอกว่าจริงๆแล้วทุกอย่างสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้..ขึ้นอยู่กับมนุษย์ถ้าเปลื่ยนจิตสำนึกไปในทางบวกกันได้ทั้งโลก แต่ขณะนี้โอกาสแทบจะเหลือน้อยมากเกือบ 0 % ที่ภัยใหญ่ไม่เกิด..เบื้องบนปล่อยมือจากการช่วยเหลือแล้ว..ตามแรงผลกรรมของโลกเอง..ยังไงที่สุดแล้วไม่เกินปฎิทินปีของชาวมายัน..ซึ่งใช้การสื่อทางจิตแจ้งไว้แล้ว หรืออาจเร็วกว่านั้น..​

    ข้อความจากคุณ Bassate...

    ท่านบอกว่าคนที่เบื้องบนเลือกไว้<WBR>้จะได้รับสัญญาณสังหรณ์บางอย<WBR>่างให้เอาตัวรอด มันไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์แต่เป็นวิทยาศาสตร์ทางพล<WBR>ังงานและจิต เนื่องจากจิตบวกเป็นพลังงานที<WBR>่โลกต้องการ ในการดำรงอยู่และหล<WBR>่อเลี้ยงระบบทั้งจักรวาล คนที่มีจิตที่เป็นบวกจะถูกพล<WBR>ังานย่านนี้ชักนำให้ผ่านวิกฤต<WBR>ิไปได้ครับ ทุกอย่างมีคำตอบที่ชัดเจนครับ การทำลายล้างระบบครั้งนี้อย่าโทษพระเจ้าเลยเป็นเพราะการทำงานของระบบเอง ที่เป็นไปตามวิถีทางแห่งพล<WBR>ังงานสากล มีคนถามผมว่า ถ้าการฆ่าคนเป็นบาปมหันต์แล้วพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้<WBR>้นมาทำไม แล้วพระเจ้าไม่บาปเหรอ แค่นี้คนเรายังไม่เข้าใจเลยครับ จะเอาความหวังที่ไหนมาให<WBR>้รอดจากภัยใหญ่ครั้งนี้ได้ครับ​

    จะมีศาสดาท่านหนึ่ง จะมาดับทุกข์เข็นช่วงการเก<WBR>็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ตามจิตของมนุษย์ที่ตกต่ำลงเนื<WBR>่องด้วยภัยนานาประการเป็นหลักธรรมเก่า ที่คนเราเข้าไม<WBR>่ถึงซะทีครับ แต่มีการนำมารีคับเวอร์ใหม่ เพราะสัจธรรมมีเพียงหนึ่งเดียวครั<WBR>บ แต่ท้ายที่สุดแล้วศาสนาจะกลายเป็นหนึ่งเดียวครับ โลกเราจะถอยกลับเมื่อ 30,000 กว่าป<WBR>ีก่อนอีกครั้งครับ เมื่อครั้งที่โลกเรามีเพ<WBR>ียงความเชื่อหลักเพียงอย่างเดียวคือจิตที่เที่ยงแท้ภายในของต<WBR>ัวเอง จิตมนุษย์จะถูกยกระดับขึ้น ม่านแห่งกรรมจะยกสูงมากขึ้นจนม<WBR>ิติโลกอื่นๆเปิดออก มีการติดต่อข้ามจักรวาล ข้ามภพเกิดขึ้นเนื่องจากจิตมนุษย์สูงขึ้น ทุกอย่างที่ถูกกดไว้เนื่องจากพล<WBR>ังงานกรรม กรรมเก่าๆถูกยกเลิกหมด มิติที่ซ้อนทับโลกเราอยู่จะเป<WBR>ิดออก คนจะเข้าสู่ฌาณสมาบัติได้ง<WBR>่ายและเร็วขึ้นจนเป็นสาธารณะในที่สุด การกลับมาของมหายุคทองจะคืนมาครับ เทคโนโลยีทางจิตชั้นสูงเมื่<WBR>่อนานมากแล้วที่หายไปจะกลับมา​

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเอาตัวเองให้รอดจากพิษของเถ้าธ<WBR>ุลีภูเขาไฟ แผ่นดินแยกให้ได้ซะก่อนนะครับ ทั้งอาหารเป็นพิษ จิตเครียดจนสมองตายไปเลย คนที่จิตใจพร้อมเท่านั้นครับที<WBR>่จะรอดไปได้ นี่เป็นการคัดสรรที่ชาญฉลาด​

    เกิดเมื่อไหร่บอกไม่ได้ เพราะมันเป็นกฏ ถึงรู้ก็บอกไม่ได้ บอกได้ก็เลื่อนได้ครับ อยากตายเมื่อไหร่ก็ช่วยก<WBR>ันเลวมากๆ ทำลายธรรมชาติมากๆ เหมือนคำทำนายของนอสตราดามุส ท่านบอกว่าถูกต้องทุกประการ แต่ทุกอย่างเลื่อนหมด เพราะไม่มีใครกำหนดได้ครับ แม้แต่จิตต้นกำเนิดอย่างท<WBR>่านเองก็ตามครับ เพราะเป็นไปตามวัฎจักรของพล<WBR>ังงานสากล<!-- google_ad_section_end --> ​

    05-07-2007, 06:23 AM ​


    คำทำนายของ Dr.G.G.Junior

    จังหวัดเชียงราย มีแผ่นดินยุบบางส่วน โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จะเสียหายจากแผ่นดินยุบ เกือบทั้งอำเภอ จังหวัดเชียงใหม่ เกิดรอยแยกจากรอยเลื่อนของแผ่นดินใต้จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิด ความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด ตามแนวรอยเลื่อน แถบเทือกเขา อำเภอแม่สะเรียง ผ่านขึ้นดอยอินทนนท์ และรอยแยกเข้าที่ลุ่มตัวเมืองเชียงใหม่ ออกไปสู่อำเภอแม่ริม ไปเข้าสู่จังหวัดเชียงราย


    คำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล

    ภาคเหนือจะเกิดแม่น้ำสายใหม่ จังหวัดกาญจนบุรีจะมีทะเล เขื่อนบางเขื่อน น้ำจะเป็นน้ำทะเล ภูเขาจะพังและแยกออก น้ำทะเลก็จะทะลักเข้ามา เป็นต้น แล้วประเทศไทยเราก็จะมีภูเขาไฟระเบิดขึ้นมาตั้ง 3-4 แห่ง..."

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2011
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระศรีอริยเมตไตรย
    นารายณ์ปราบสงครามแย่งชิงภูเขาทองคำ

    [​IMG]

    พระอิศวรเทวราช พร้อมด้วยจอมขุนศึกจตุโลกบาล ทั้ง ๔ อันมีนามว่า ทตรฐ , วิรุฬหก, วิรูปักข์, กุเวร นำเอาเวชยันตรถทิพย์ลงมารับเอากระทาชายนายหนึ่งอันมีนามว่า “ศรีอาริยโพธิ์สัตว์” ไปแต่งตั้งบนจอมดอยลูกหนึ่ง ซึ่งพระวิษณุเทพบุตรจะเนรมิตหอสรงน้ำอันประดับด้วยแก้ว ๗ ประการและเนรมิตท่อทองคำ (สินคำ)พาดลงมาจากดอยสูงอีกลูกหนึ่งมีพระอิศวรเทพเจ้าทรงเป็นประธานแห่งหมู่ทวยเทพทั่วสากลโลกธาตุ มาประชุมพร้อมกัน แล้วก็หลั่งน้ำทิพย์ลงในท่อทองคำไหลมาอาบสรง “กระทาชายศรีอาริย์” พร้อมด้วยการโปรยปรายข้าวตอกดอกไม้เป็นทิพย์เกลื่อนกลาดดาษดาไปทั่วบริเวณ ​

    พระฤษีนามว่า “อินทสมภาร” จะเอาดอก “ริรัวคำ” มาสัการบูชา เมื่อได้สรงน้ำมูรธาภิเษกและประดับประดาด้วยเครื่องเบญจราชกกุภัณฑ์อันเป็นทิพย์ สมควรแก่ตำแหน่งบรมจักรพัตราธิราช (ประมุขโลก) อันประเสริฐแล้ว ก็เสด็จลงเวชยันตรถ เพื่อไปห้ามทัพซึ่งกำลังโรมรันพันตูกันที่ตีนดอยสุวรรณคีรี (ภูเขาทองคำ) โลหิตไหลสาดเป็นท่อธารอย่างน่าขนพองสยองเกล้า พระอิศวรเทพเจ้าเสด็จประทับอยู่หน้ารถพระพิษณุเทพบุตรทรงเป็นสารถีช่วยมาตลีด้วยองค์หนึ่ง พร้อมด้วยหมู่ยักษ์และทวยเทพทั้งหลายแน่นขนัดเต็มไปทั้งอากาศ พร้อมด้วยการบรรเลงดนตรีทิพย์ สะเทือนสะท้านหวั่นไหวเป็นโกลาหลเบื้องขวานั้นเต็มไปด้วยกองทัพนาคราชซึ่งมีลมปากเป็นพิษขนาดไฟประลัยกัลป์ เบื้องซ้ายเต็มไปด้วยกองทัพยักษาอสูร ซึ่งมีหณุมาน เทวยักษ์เป็นขุนศึก (หณุมานเป็นขุนศึกถึง ๒ ปาง คือ ปางที่ ๗ และปางที่ ๑๐ ) มือถือตะบองใหญ่ลุกเป็นเปลวไฟกวัดแกว่งสำแดงเดชอย่างน่าสะพรึงกลัว​

    ดินฟ้าอากาศมืดมิดอยู่ถึง ๗ วัน ๗ คืน แผ่นดินก็ไหวสะท้านไม่ขาดสาย ปานประหนึ่งโลกพิภพจะถล่มทลายลงไปก็ว่าได้ฝูงมนุษย์ที่ตั้งเคหสถานอยู่บนพื้นพิภพนี้ ก็ตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจกลัวทั้งไม่ทราบเหตุผลกลการณ์เสียด้วยว่ามันเกิดจากอะไรกันบ้างร้องไห้กันเซ็งแซ่ บ้างก็หลับตาภาวนา บนบานศาลกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้มาช่วยปกปักรักษา บ้างก็เสพสุรายาเมากันงอมพระรามในทำนอง “เหล้าเข้าปากความยากก็หายไป” บ้างที่ยากไร้อนาถาก็ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์สมบัติของผู้อื่นกันชุลมุนวุ่นวายเพราะนานทีปีละหน บ้างก็รำพึงกันว่า “โลกแตกแน่แล้ว ฉิบหายแน่แล้ว” พากันวิ่งวุ่นเป็นสิงคลี ทิ้งบ้านทิ้งเรือนและทรัพย์สมบัติ หนีเอาตัวรอดกันเป็นอลหม่าน ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้กันกระจองงอแง และพลัดพ่อพลัดแม่กันทั่วไป คนที่คอยระวังอยู่แล้วก็พากันหลบลี้หนีไปซุกซ่อนอยู่ซอกห้วยราวดอย และสวดมนต์ภาวนาแขม่วท้องหายใจรวยๆ แทบว่าชีวิตจะปลิดปลงด้วยความกลัวตาย ​

    พวกวัดก็พลัดเข้าบ้าน พวกบ้านก็คลานเข้าวัด หลวงชีก็หนีหลวงเถร ไม่ว่าเณรเผ่นตามกันไป พวกเหนือก็เฝือลงใต้ พวกใต้ก็ไหลขึ้นเหนือ ตะวันตกก็หกไปตะวันออก ตะวันออกก็ลอกไปตะวันตก เสียงปืนใหญ่และลูกระเบิดดังอยู่ไม่ขาดสาย ฝูงมนุษย์ต้องจุดไต้ตามกันตลอด ๗ วัน ๗ คืน พอถึงวันคำรบ ๘ ซึ่งเป็นวันรุ่งสางสว่างแจ้งฝูงมนุษย์ที่เหลือจากความตายด้วยภัยสงคราม ก็พากันร้องไห้ระงมถมทึกแทบว่าจะไม่เป็นเสียงมนุษย์ เพราะจะมองไปทางใดก็พบแต่ซากศพของคนตาย เช่น ลูกตายพลัดพ่อแม่ พ่อแม่พลัดลูก ผัวตายพลัดเมีย เมียตายพลัดผัว ญาติมิตรที่ต้องตายพลัดตายพรากจากกัน เหลือที่จะนับคณนา เพราะวันตัดสินโลก ได้ผ่านไปแล้วพร้อมกับมนุษย์ที่ชั่วร้าย คงเหลือแต่มวลมนุษย์ที่เชื่อในคำสั่งสอนของพระศาสนา ซึ่งมีภาวนาเพื่ออยู่สืบโลกและศาสนาต่อไป​

    ในวันที่รุ่งแจ้งซึ่งความมืดได้ฉุดกระชากกลากพาเอาวิญญาณร้ายผ่านไปแล้วนั้น กองทัพอากาศของพระศรีอาริย์บรมจักรพร้อมด้วยเทพเจ้าบนสวรรค์ ก็เคลื่อนขบวนเวชยัตตรถทิพย์เลื่อนลอยไปโดยทางนภากาศเวหา เพลงสวรรค์ซึ่งคนธรรพ์ทั้งหลายอันมีปัญจสิกขคนธรรพ์เทพบุตรเป็นหัวหน้า ก็ดีดสีตีเป่าสะท้านหวั่นไหวพร้อมกับกองทัพนั้นด้วย ฝูงเทพเจ้าทั้งหลายก็โปรยข้าวตอกอกไม้ทิพย์เกลื่อนกลาดไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไป ครั้นแล้วกองทัพพระศรีอาริย์ก็หยุดลอยอยู่เหนือดอยสุวรรณคีรี ซึ่งกองทัพมนุษย์กำลังพิฆาตฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงเมื่อกองทัพเหล่านั้นได้ยินเสียงอึกทึกโกลาหลอยู่เบื้องนภากาศ และร้อนรุ่มกลุ้มใจไปด้วยไฟพิษ ซึ่งหมู่มวลนาคราชได้พ่นออกจากปาก เป็นประกายอยู่ทั่วไป ทางเบื้องซ้ายก็กัมปนาทหวาดหวั่นไหวด้วยแสงอาวุธของมวลยักษ์ ตะบองใหญ่เท่าลำต้นตาลก็กวัดแกว่งเป็นเปลวไฟ ทหารที่ทนได้ก็ทนไป ที่ทนไม่ได้ก็ล้มสลบลงไปด้วยความร้อนสุดที่จะทนทานอิทธิฤทธิ์ของทหารผีกระทำปาฏิหาริย์อยู่ครู่เดียว ทหารมนุษย์ก็กลิ้งทูตระเนระนาดตามกันลงไป ร่างกายสั่นเทาเหมือนผีสิงสิ้นหมดทั้งกองทัพ พลันก็มีเสียงคำรามลั่นลงมาจากฟากฟ้า แทบว่าแก้วจะแตกตาย​

    “อะโห! มาริสสา – มาริสสา ดูก่อนทะแกล้วทหารผู้ใจปาบหยาบช้าทั้งหลาย! พวกสูจะมารบราฆ่าฟันกันตาย ด้วยเหตุผลกลใด? ขุมทรัพย์อันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นนี้ หาใช่เป็นสมบัติของพวกสูทั้งหลายหรือของผู้ใดไม่ดอก! หากเป็นสมบัติของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในรถนี้ ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งบรมจักรอันประเสริฐ เพื่อจรรโลงโลกไปสู่สันติสุขและสันติภาพอันเที่ยงแท้! เลิกรบ-เลิกรบกัน เลิกรบกัน....” พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ได้สำแดงเสียงอยู่บนศรีษะทหารมนุษย์อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วเปล่งสิงหนาทสืบต่อไปว่า:-​

    “วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง ๗ วัน แล้ว วันนี้เป็นวันคำรบ ๘ โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้งหลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปดูข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป”

    พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจม เสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่าได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพ แม้พวกจอมทัพ จอมขุนศึกทั้งหลายก็พากันตกใจเหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้นพญาลายตีนเป็นกงจักรพญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬ ฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้กองทัพของตนเองถอนกลับสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้วพระอิศวรเป็นเจ้า ก็บันดาลฝนห่าใหญ่ ตกลงมาถึง ๗ วัน ๗ คืนท่วมทันซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่พื้นดินเป็นปกติ อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลกจะต้องบังเกิดมรสุมทำลายเความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทำขึ้นแล้วฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้าองค์ใดมากระทำให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคำสอนของพระเจ้าและกระทำกรรมอันชั่วช้าเลวทรามถึงเพียงนี้ผลกรรมก็ย่อมตามสนอง กล่าวคือ บังเกิดการรบราฆ่าฟันกันตายวายวอด ซึ่งพากันเรียกร้องให้พระเจ้ามาช่วยรับบาปนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะพระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน

    พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ ตำนานพุกามทำนายว่าเมื่อปรากฏแล้ว พระศรีอาริย์ธรรมมิกราช พร้อมด้วยพระอิศวรเป็นเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง ๒ ครั้ง ไปโดยทางฟ้าและกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่รี้พล

    นักจิตศาสตร์ไม่เคยเป็นชาวตะวันตก เป็นความจริง ๑๐๐% ที่ไม่เคยมีนักจิตขนาดจอมศาสนาจะเกิดเป็นชาวตะวันตก พระพุทธเจ้า,พระเยซู,พระมะหะหมัด, และอื่นๆ ก็เป็นชาวตะวันออกด้วยกันทั้งสิ้น ชาวตะวันตกต้องหันมาเคารพศาสนาธรรมของชาวตะวันออก ตลอดพงศาวดารโลก ฉะนั้น จ้าวโลกในอนาคตก็ต้องเป็นชาวตะวันออกตามเคยอีก.....

    ที่มา http://www.phrasiarn.com/?topic=5734.0;wap2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2011
  20. สิงห์สมุทร

    สิงห์สมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +182
    เช้าวันนี้อากาศโปร่งใสดี..แต่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ดี..
     

แชร์หน้านี้

Loading...