เรื่องเด่น "เดอะซัน"เปิดคลิปUFOโผล่อังกฤษงานอภิเษก..มีคลิปไห้ดู

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ผู้เตือน warn, 1 พฤษภาคม 2011.

  1. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมไม่ได้ มีความลึกซึ้งของศาสนาพุทธหรอกครับ ผมจะตอบแบบวิทยาศาสตร์(ปนกับอ่ะไรอีกมากมาย)ให้

    1จักรวาล ไม่ได้หมายถึงกาแล็กซี่ ครับส่วนโลกธาตุผมไม่เข้าใจความหมายมัน

    2 มนุษย์โลกอื่นมีไม่มีไม่รู้ แต่จากผู้รู้(ในศาสนาพุทธซึ่งผมเคยฟังมา) บอกว่ามนุษย์ภูมินี้จะมีอีกสามแห่งนอกจาก ที่ๆเราอยู่
    และที่ๆเราอยู่จะสามารถบรรลุนิพพานได้ พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นที่ๆเราอยู่นี้ที่เดียวในชมพูทวีป

    3จักรวาลอื่นๆกฏทางฟิสิก ไม่น่าจะเหมือนของเราครับ แต่คงจะเชื่อมโยงกัน กับจักรวาลที่เราอยู่ เพราะเราอาจอยู่ในจักรวาลอื่นๆ หรือจักรวาลอื่นๆอาจอยู่ในจักรวาลเรา
    "เป็นเต่าที่เรียงไปตลอดทาง"
    ดังนั้นคิดว่าน่าจะมีทฏษฎีที่ครอบคลุมจักรวาลทุกอัน ซึ่งน่าจะเป็นทฏษฎีเอ็มครับ ส่วนตัวไม่รู้อ่ะไรมากเพราะไม่ได้เรียนเจ้าตัวทฏษฎีนี้(เรียนเสร็จเด่วมาบอกเป็นยังไง)


    4มนุษย์ต่างดาว(เท่าที่ฟังมาในทางพุทธ) ก็คงจะหมายถึงอีกสามแห่งละมั้ง
    ชื่อ อุตร....(จำไม่ได้) บูรพ....(จำไม่ได้) กับอีกอันนีงจำชื่อไม่ได้ T_T

    5 เนี่ยเหมือนข้อสองเลย

    พี่มีความเห็นที่ค้านกับความเห็นของผมยังไงครับ
     
  2. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    อ่านสนุกมาก ชอบจ้าาาาาา
     
  3. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    จะไปค้านได้ยังไงครับ เพราะผมก็ไม่รู้จึงต้องถามเพื่อคลายสงสัย
    ก็ยังสงสัยเรื่องจักรวาลของพุทธอยู่ดี จริงแล้วจะเทียบกับอะไรในทางดาราศาสตร์
    1 กาแล๊กซี่ทางช้างเผือก(คุณ นายเบทร์บอกไม่ใช่)
    2 cluster (กระจุกกาแล๊กซี่)
    3 เอกภพ (cosmos) อวกาศทั้งหมดที่สังเกตุเห็นได้
    4 เล็กสุด สุริยะจักรวาลของเรา

    และคำว่าหมื่นแสนหรือโกฏิจักรวาล ในพระสูตรมงคลจักรวาล หมายถึงสเกลระดับใดของทางดาราศาสตร์

    เรื่องทฤษฎีเอ็ม ผมว่าไม่น่าจะสามารถเป็นตัวแทนของ GUT ได้ เพราะคนตั้งทฤษฎีก็เป็นมนุษย์ซึ่งตกอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ทางฟิสิกส์ของกาแล๊กซี่ทางช้างเผือก และกาแล๊กซี่อื่นๆ เราจะเข้าใจมันได้อย่างไร ในเมื่อเรายังไม่อาจก้าวพ้นขอบเขตของสุริยะจักรวาลอันเล็กๆนี้ไปได้เลย
     
  4. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    คำว่าจักรวาล กับกาแล็กซี่มันไม่เหมือนกันอ่า จักรวาลมันครอบทุกสิ่งอ่า ตั้งแต่สากกระบือยันเรือรบ

    กาแล็กซี่มันก็แค่กระจุกดาวที่รวมตัวกันไม่ใช่หรือครับ
    ที่ผมบอกไม่ใช่คือ จักรวาลไม่ใช่กาแล็กซี่ เพราะ กาแล็กซี่เป็นส่วนนึงของจัรวาลละมั้ง
    อธิบายไม่เป็น

    คำว่าหมื่แสนโกฏิจัรวาล ถ้าให้เดามั่วๆก็ จักรวาลมีเป็นหมื่นเป็นแสน
    ซึ่งผมก็เชื่อว่ามีอย่างนั้น
    เพราะจักรวาลของเรา ตั้งอยู่บนเต่าที่เรียงลงไปตลอด และมีช้างสี่ตัวคอยพยุงจักรวาลของเรา (ดูมุขมัน)


    อ้อตอนนี้ เราสามารถก้าวพ้นขอบเขตระบบสุริยะของเราไปนานแล้วครับ
    ซึ่งตอนนี้กล้องฮับเบิลคงกำลัง พบ หรือใกล้จะพบในสิ่งที่เรียกว่า ขอบจักรวาลแล้วครับ ตอนนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2011
  5. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    ตอบคำถาม #118 คุณเทพเมรัย (เพิ่งจะเข้ามาดูมีคห.เพิ่มมา)

    - โลกธาตุ หรือ จักรวาล เทียบเคียงได้กับ กาแล๊กซี่ทางช้างเผือก
    ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ

    ตอบว่า ข้อนี้คุณเข้าใจผิดครับ

    ทางช้างเผือก เป็นเพียงส่วนหนึ่งใน sup ของจักรวาล ส่วนจักรวาลก็เพียงส่วนหนึ่งของ
    sup โลกธาตุ
     
  6. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    - คำว่ามนุษย์ รวมหมายถึง มนุษย์ที่มีในดาว(โลก)อื่นๆ ด้วยใช่ไหมครับ

    ---------------------

    มนุษย์ไม่ใช่มีเฉพาะในโลกกลมๆ ของเราเท่านั้น
    มนุษย์ในโลกอื่นๆ มีมากมาย นับไม่ได้ แม้
    อ่านในพระไตรปิฎกก็ยังมีการอ้างถึง เรื่องนางแก้ว
    ที่มาจากต่างดาว
     
  7. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
  8. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    - ที่บอกว่าในกัปล์นี้ จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 5 พระองค์ สถานที่ตรัสรู้ คือกาแล๊กซี่ทางช้างเผือกใช่ไหมครับ และโลกที่จะลงมาตรัสรู้ ใช่โลกใบนี้หรือไม่
    รบกวนท่านทั้งสองเพียงเท่านี้ก่อนครับ
    <!-- google_ad_section_end -->

    __________________

    ข้อนี้ไม่รู้ครับ ถ้าความเห็นผมองค์ต่อไปก็ต้องเป็นจักรวาลนี้แน่ครับ
    ระยะเวลาและสถานที่ ไม่เป็นที่แน่นอน (โลกใบนี้คงไม่ได้กระมังครับ)
    เพราะบารมีพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปนั้น บำเพ็ญบารมี 8 อสงไขยแสนมหากัปป์
    เป็นศรัทธาพุทธเจ้า ในยุคนั้นผู้คนไม่ต้องทำงาน จะสร้างสมบารมีอย่างเดียว
    เพื่อที่พระเมตไตยจะได้ขนสรรพสัตว์ข้ามวัฎจักร
     
  9. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    ที่มั่นใจว่าพระพุทธเจ้าองค์ถัดไป ไม่ได้ตรัสรู้ในโลกนี้เพราะ
    ในอรรถคถา พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ โลก
    ใบหนึ่ง
    จะเกิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว

    ที่เข้าใจว่าในกัปนี้มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ 4 พระองค์แล้ว
    หมายถึง เวลา 1 กัปนี้เท่ากับ จักรวาลระเบิดไป (นักวิทยาศาสตร์
    ยังยอมรับปรากฏการณ์นี้ ที่เรียกว่า bigbang) โลกก่อเกิดและแตกสลาย
    ภายในกัปนี้ก็ไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้ว เนื่องด้วยวัน เดือน ปี
    ไม่สามารถระบุเป็นระยะเวลาตายตัวของจักรวาลได้ จึงต้องนับเอาจาก
    จักรวาลเกิดและดับ ช่วงไหนๆ ก็มีชื่อกันไป ปัจจุบันนี้ภัทรกัป
     
  10. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    คุณคงจะหมายถึง GUT ที่เป็นทฏษฎีเอกภาพรวมสินะครับ มันคือทฏษฎีที่รวมแรงสามอย่างเข้าด้วยกัน คือแรงแม่เหล็กไฟฟ้า นิวเคยร์แบบอ่อนและเข้ม
    ทฏษฎีนี้มีช่องโหว่อยู่มาก ดังเช่น การทำนายอายุของโปรตอนที่ผิด

    ทฏษฎีที่คิดอาจจะหมายถึง ทฏษฎีสรรพสิ่ง ก็คือเจ้าทฏษฎีเอ็มนี่ล่ะ
    เพราะมันรวมการสั้นแบบเชือก อนุภาคแบบจุด เมมเบรนสองมิติ รวมแรงทั้งสี่ หรืออ่ะไรที่จินตนาการไม่ค่อยจะได้
    เมื่อแตกทฏษฎีนี้ออกมา มันทำให้เราได้รูจักกับกฏเกรณ์ของจักรวาลอื่นประมาณสิบยกกำลังห้าร้อยแบบเลยครับ
     
  11. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    เริ่มจะลูบๆคลำๆ ตามสองท่านได้บ้างแล้ว

    คุณ นายเบทร์ครับ การออกนอกระบบสุริยะจักรวาล อันนี้ผมหมายถึงมนุษย์ไปด้วยตัวเองครับ ไม่ได้หมายถึงกล้องส่องจักรวาลแต่ประการใด ส่วนทฤษฎีใหม่ๆทางฟิสิกส์ผมก็สนใจมาก แต่ศึกษาดูแล้ว รู้สึกมันจะเกินกำลังสติปัญญาของผมจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

    คุณ sutanon
    ผมพอจะเข้าใจบ้างแล้ว คำว่าจักรวาล ก็หมายถึง สิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังการเกิดบิ๊กแบ๊งหนึ่งๆ ส่วนโลกธาตุน่าจะหมายถึง จักรวาลอื่นๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้ว่า มีการเกิดบิ๊กแบ๊งจำนวนมหาศาลเลย
    ส่วนการสังเกตุและศึกษาของเราในยุคนี้ ยังไปไม่พ้นจักรวาลเดียวเลย แล้วจักรวาลอื่นๆ แค่คิดก็นึกสเกลไม่ออกแล้ว อจินไตย จริงๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ มันพิศวง ท้าทาย ตื่นเต้น ยังไงไม่รู้

    คุณ
     
  12. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    #131 นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังค้นคว้า หลายเรื่อง
    ไม่รู้ว่าเค้าเอามาจากในพระไตรปิฏกมั้ยนะ
    เพราะถ้าเค้ารู้เอง ก็คงจะเป็นเรื่องที่บังเอิญมากๆ
    เช่น บิ๊กแบง และจักรวาลคู่ขนาน
    ซึ่งไม่มีเครื่องมือใดสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุการณ์นี้จริง
     
  13. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    บิกแบงนั้น คนตั้งทิดสะดีนี้ไม่น่าจะมาจากพระไตรปิฏกครับ เพราะคนตั้งทิดสะดีนี้เป็นพระที่นับถือคริส

    ประวัติขิงมันน่าสนใจมาก
    เพราะเมื่อสัมพันธภาพบอกให้ว่าจักรวาลกำลังขยายตัว
    จึงมีการคิดวว่า จักรวาลวันนี้ใหญ่กว่าจักรวาลเมื่อวาน ถ้าเกิดเมื่อๆวานๆของเมื่อวานๆๆๆ อีกเราก็จะพบเป็นจุดกำเนิด และระเบิดอย่างเหลือเชื่อ
    การกำเนิดของทิดสะดีนี้ถูกขัดค้านอย่างหนัก จนได้หลักฐานที่น่าเชื่อถือ
    ขอเรียกว่าพิมพ์เขียวก็ได้ล่ะมั้ง เจ้าพิมพ์เขียวที่ว่านี้ คือดลื่นไมโครเวฟ ที่ใช้อบอาหารในเตาไมโครเวฟ แต่ว่ามีกำลังน้อยกว่ามาก ซึ่งต้นตอของพิมพ์เขียวนี้ก็คือเกิดไม่นานหลังจากบิกแบงและขยายตัวไป

    ทิดสะดีนี้ทำนายอีกว่า มันควรจะมีธาตุหยังฮีเลียมประมาณ ยี่สิบกว่าเปอร์เซน
    ซึ่งจากการสังเกตก็ได้รับการสอดคล้องดี
     
  14. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    ผมคนหนึ่งที่ชอบทฤษฎีบิ๊กแบ๊ง มันบ่งชีว่าจักรวาลมีการเกิด การโต และดับ เป็นวัฏจักร มันคล้ายๆหรือเหมือนกับข้อความบางตอนในพระพุทธศาสนามากทีเดียว ที่กล่าวไว้ประมาณว่า เมื่อจักรวาลดำเนินไปได้หลายๆกัป มันก็จะถูกทำลายลงไป และมันก็จะเริ่มวัฏฏะของมันใหม่

    ผมคิดว่าไม่ว่าจะความเชื่อใด ศาสนาใด วิทยาการใด ถ้าเป็นไปเพื่อค้นหาความจริง ยังไงเสียมันจะมาบรรจบกันได้อย่างพอเหมาะในสักวัน
     
  15. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    ฝึกไปไห้ได้ด้วยตัวเอง น่าจะดีกว่านะครับ

    จะได้หายสงสัยกันนิ ว่าไหม ควาคิดของผมโอเครป่าว

    ไปแล้วจ้าาาา
     
  16. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    ขอแสดงความรู้ที่ทราบมาสักเล็กน้อยครับ

    1.ในกัปล์นี้ จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก 10 พระองค์ครับ แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 5 พระองค์ครับ หาได้ในพระไตรปิฎก(พระอนาคตวงศ์) กัปล์นี้เป็นกัปล์ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมากที่สุด มีความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพุทธมากที่สุด จึงเรียกกัปล์นี้ว่า"ภัทรกัปล์"

    2.พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป(พระศรีอาริยเมตตรัย) ท่านบำเพ็ญบารมีมาถึง 16 อสงไขย กับแสนกัปล์ครับ เป็นพระพุทธเจ้าแบบ วิริยะธิกะ ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมี 8 อสงไขย กับแสนกัปล์ ก็เป็นพระพุทธเจ้าแบบ ศรัทธาธิกะครับ ส่วนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เป็นพระพุทธเจ้าแบบ ปัญญาธิกะครับ บำเพ็ญบารมี 4 อสงไขย กับแสนกัปล์

    3.สถานที่ที่พระศรีอาริย์จะลงมาตรัสนั้น อยู่บริเวณทางเหนือของประเทศพม่า ใกล้ชายแดนไทยครับ อีกประมาณหนึ่งล้านปีท่านจึงจะลงมาตรัสบนโลกใบนี้แหละครับ

    4.ที่อรรถคถาจารย์ท่านกล่าวไว้ก็ไม่ผิดนัก ที่กล่าวว่า"พระพุทธเจ้ากล่าวไว้
    โลก
    ใบหนึ่ง จะเกิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว" คำว่าโลก มีความหมายว่า มีอันต้องฉิบหายไป ไม่มีอะไรทรงตัว เมื่อถึงเวลา โลกก็จะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ มนุษย์และสัตว์ ต้นไม้ก็ตายหมด ผืนแผ่นดินก็เปลี่ยนแปลงไปหมด จนไม่มีเค้าเดิมอยู่ เรียกว่า 1 พุทธันดร ต่อมาคน,สัตว์และพืชก็เกิดใหม่ เป็นโลกใบใหม่ ในยุคพระศรีอาริย์ คนจะมีอายุไขยและขนาดแตกต่างจากคนสมัยนี้มากครับ

    ยังมีรายละเอียดอีกมากครับที่คุณจะศึกษาหาความจริงได้ อย่าคิดเดาเอาเองนะครับ อาจทำให้เข้าใจผิด

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2011
  17. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258

    ครับ บอกได้แค่ว่า สุดยอดเลยครับ
     
  18. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    ว่าด้วยเรื่อง 2012

    เรียนทุกท่าน

    ในช่วงที่ผ่านมา มีภาพยนต์เรื่อง 2012 เข้าโรงฉาย
    เกี่ยวกับภัยภิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกในวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012
    รวมถึงมีการพูดถึงภัยต่างๆที่มีโอกาสเกิด ไม่ว่าจะเกิดจากโลกร้อน เกิดจากการที่ดวงดาวมาเรียงกัน
    หรือเกิดจากดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานออกมามากกว่าปกติ ฯลฯ

    สรุปว่า มีกระแสเรื่องที่โลกกำลังจะเกิดภัยภิบัติ ที่จะกวาดล้างมนุษย์โลกให้หมดไป(หรือเกือบหมด) ในปีหน้านี้

    ตัวผมเองก็ได้ดูภาพยนต์ดังกล่าว และได้อ่านข้อมูลข่าวสารมาบ้าง
    จึงคิดว่า เรื่องนี้มีอะไรหลายอย่างที่ควรจะนำมาเล่าสู่กันฟัง

    ก่อนอื่นลองมาใช้สติและเหตุผลพิจารณากันในฐานะชาวพุทธ ว่าสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับตัวเรามีได้กี่รูปแบบ(คร่าวๆ)
    1. ในปี 2012 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเราแก่ตาย
    2. ในปี 2012 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเราก็ตายหลังจากนั้นไม่นาน
    3. ในปี 2012 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เราตายก่อนถึงวันนั้น
    4. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก คนส่วนใหญ่ตาย ส่วนเราก็ตาย
    5. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก คนส่วนใหญ่ตาย เรารอด แล้วก็แก่ตาย
    6. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก คนส่วนใหญ่ตาย เรารอด แต่ก็ตายหลังจากนั้นไม่นาน
    7. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก แต่เราตายก่อนถึงวันนั้น
    ......

    พอจะเห็นภาพใช่ไหมครับว่า ไม่ว่าในปี 2012 จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆก็คือ เราจะตาย วันใดวันหนึ่งในอนาคต

    หาก เรามองชีวิตที่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมานับครั้งไม่ถ้วน การตายครั้งนี้ ก็เพียงการเปลี่ยนจากสภาพหนึ่ง ไปสู่อีกสภาพหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย

    ใน อดีตผมก็เคยกลัวความตาย ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลัวความตายก็คือ เพราะความตายเป็นเหมือนการต้องเดินเข้าไปห้อง ที่มืดสนิทที่มีหลายห้อง โดยเราไม่รู้ว่ามีอะไรรอเราอยู่ในแต่ละห้อง

    แต่ ความรู้ในพุทธศาสนาก็ทำให้เราเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น ว่าแต่ละห้องมีสภาพเป็นอย่างไร (นิพพาน พรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์ เปรต อสูรกาย นรก) เหมือนห้องทั้งหมดได้เปิดไฟจนสว่างเห็นภายในทั้งหมด

    แม้ ว่าเราจะเห็นว่าแต่ละห้องมีอะไรบ้าง ความกลัวก็ยังไม่หมดไป เพราะว่ามีหลายห้องที่เราไม่อยากเดินเข้าไปเลย(สัตว์ เปรต อสูรกาย นรก) ด้วยเหตุนี้อาการกลัวความตายจึงยังคงมีอยู่

    ตอน ตายเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าห้องไหน หากเปรียบเทียบง่ายๆว่าก็คล้ายกับว่าเราจะต้องจับฉลากเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้เรามีโอกาสได้ไปในห้องที่เราไม่อยากไป

    แต่ความรู้ในพุทธศาสนาก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นอีกว่า เราสามารถสร้างฉลากให้มีมากขึ้นได้ ดังนี้
    หากเราทำบุญมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ฉลากที่จะได้ไปอยู่ในห้องที่น่าอยู่เพิ่มขึ้นเท่านั้น(นิพพาน พรหม เทวดา มนุษย์)
    หากเราทำบาปมากเท่าไหร่ เราก็ได้จะได้ฉลากที่จะได้ไปอบู่ในห้องที่ไม่น่าอยู่เพิ่มขึ้นนั้น(สัตว์ เปรต อสูรกาย นรก)

    ความ รู้ตรงนี้ก็คงทำให้คนบางคนยังคงมีความกลัวความตายเช่นเดิม หรืออาจจะกลัวมากขึ้น เพราะชีวิตที่ผ่านมา ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่ไม่น่าอยู่มากมายมหาศาล แต่แทบไม่ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่น่าอยู่เลย

    แต่ ในทางตรงกันข้าม คนบางคนกลับมีความกลัวความตายลดลง เพราะชีวิตที่ผ่านมา ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่น่าอยู่มากมายมหาศาล และแทบไม่ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่ไม่น่าอยู่เลย โอกาสที่จะไปไม่ดีหลังจากนั้นมีน้อยมาก ความกลัวจึงมีน้อยลงมาก

    ในเมื่อความตายจะมาถึงเราแน่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ 2012 หรือไม่
    เรา ก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะเป็นแบบไหน จะกลัวความตายเพราะทำบาปเอาไว้มาก หรือคิดว่าความตายเป็นเพียงการเปลี่ยนสภาพและอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะทำบุญเอาไว้มาก

    จากวันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่เราตาย เราก็สามารถเลือกได้ว่าจะทำอะไร
    หากเหตุการณ์ 2012 มี จริงๆ สิ่งที่เราควรทำคือการพยายามดิ้นรนหาทางรอดตั้งแต่วันนี้ หรือคือการพยายามทำบุญให้มาก เพื่อที่จะได้ไม่กลัวความตายในวันนั้นกันแน่
    หากเหตุการณ์ 2012 ไม่ มีจริง สิ่งที่เราควรทำคือปล่อยชีวิตไปแบบเดิมเพื่อให้ตายด้วยความหวาดกลัว หรือพยายามทำบุญให้มาก เพื่อที่จะได้ไม่กลัวความตายในวันนั้นกันแน่

    สำหรับผมมีคำตอบที่ชัดเจนว่า ผมจะทำบุญให้มากที่สุด ไม่ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น
    เพื่อให้ไม่ต้องกลัวเมื่อวันที่ความตายมาถึง

    คำถามหนึ่งที่มีคนถามผมก็คือ หากเหตุการณ์ 2012 เกิดขึ้นจริง เราควรทำอย่างไรในวันนั้น
    สมมุติว่าทุกอย่างเป็นเหมือนในภาพยนต์ ที่มีน้ำท่วมทั้งโลก กวาดล้างแทบทุกอย่างในโลกไปจนหมด
    ผม คงเลือกที่จะอยู่บ้าน(หรือไปวัด) สวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือนั่งนึกถึงบุญที่ทำ แล้วพยายามยิ้มรับความตายที่กำลังจะเดินเข้ามาหา ดีกว่าจะต้องดิ้นรนพยายามให้ตัวเองรอด แล้วไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจก่อนตายได้ ทำให้อาจจะไปห้องที่ไม่น่าอยู่ได้
    อีก เหตุผลหนึ่งก็คือ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คงไม่เหลือวัด เหลือพระไตรปิฎกให้ผมได้ศึกษา ได้ทำบุญ ผมก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อ
    รวมถึงบ้านเมืองก็ไม่เหลืออะไรแล้ว คงใช้ชีวิตกันลำบากน่าดู แล้วจะอยู่ไปทำไม
    แต่ผมจะไม่ฆ่าตัวตายครับ เพราะบาป

    คำถามถัดมาก็คือ เรื่องราวแบบนั้นจะเกิดขึ้นจริงไหม เมื่ออ้างอิงจากพระไตรปิฎก
    อย่างแรกก็ต้องบอกว่า ในอรรถกถา ได้บอกเอาไว้ว่า พุทธศาสนายุคนี้ จะอยู่นาน 5,000 ปี
    ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ที่จะทำให้พุทธศาสนาหายไปได้ ในช่วงก่อนหน้านั้น
    โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ทำให้คนมากกว่า 99% ตายไปนั้น ก็ต้องบอกเลยว่าไม่น่าจะมี
    อย่างมากก็เกิดน้ำท่วม แล้วมีคนตายมากประมาณหนึ่ง แต่คงไม่มากเท่าที่กลัวกัน

    ส่วน เหตุการณ์ที่จะทำให้โลกแตก หรือมนุษย์ตายกันจนหมดนั้น ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่ต้องห่วง ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้แล้วว่า ตั้งแต่โลกใบนี้เกิดขึ้น
    จนถึงวันที่โลกแตก จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 5 พระองค์(เฉพาะรอบนี้ที่มี 5 พระองค์ บางรอบก็ไม่มีเลย)
    ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4 ฉะนั้นยังคงต้องมีมนุษย์โลกไปอีกนาน
    นานจนมนุษย์อายุขัยลดลงเหลือ 10 ปี แล้วกลับมาเพิ่มจนเป็น 80,000 ปี ตอนนั้นถึงจะมีพระศรีอาริยเมตตตรัยมาตรัสรู้

    หลังจากนั้นอีกนานแสนนาน นานจนมีพระอาทิตย์ดวงที่ 2 เกิดขึ้น จนโลกแห้งเล้งมากขึ้น
    จนมาดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 4 5 6 7 และเมื่อถึงตอนนั้น โลกก็แตกสลายไป
    โลกใบนี้รอบนี้จะแตกสลายเพราะไฟครับ ไม่ได้แตกสลายเพราะน้ำหรือลม

    เวลาที่โลกจะแตกสลายยังอีกนานแสนนาน
    แต่เวลาที่ร่างกายนี้จะยังหายใจอยู่นั้นนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ
    อาจจะอยู่จนครบ 100 ปี 75 ปี หรืออยู่ได้อีก 10 ปี 10 วัน หรือน้อยกว่านั้น
    ไม่มีใครทราบได้เลย

    ในฐานะชาวพุทธที่แท้จริง เราไม่ควรประมาท เราควรทำบุญให้มาก มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
    เพื่อให้วันที่เราเดินเข้าไปใกล้ จนความตายอยู่ตรงหน้าเรา
    เราก็จะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้ อาจจะด้วยใจที่ปล่อยวาง หรือเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้ม
    เพราะเรามั่นใจว่าเราไปดีแน่นอน

    อ่านแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ส่งต่อให้เพื่อนๆได้ครับ

    ด้วยความนับถือ
    ณัฐพบธรรม
    ผู้เขียนหนังสือ "ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้ว"
    http://www.Nutpobtum.com
     
  19. ณัฐกิตติ์112

    ณัฐกิตติ์112 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +0
    UFO อยากเจอของจริง 55 5
     
  20. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    ถ้าเจอแล้วจะทำอะไรครับ จะเอามาใส่ข้าวหรือใส่กับล่ะครับ หรือเจอแล้วจะถูกหวยรึไง 555
     

แชร์หน้านี้

Loading...