เชิญบูชา "เหรียญพระศรีอารย์-ลป.ทวด" เพื่อร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ลป.ญาท่านสวน

ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ครับพี่ ปล่อยให้ทุกอย่างเลื่อนไหลไปตามสภาวะโดยธรรมชาติ

เป็นไปด้วยความพร้อมโดยธรรมชาติของการงาน กาละของเวลา พร้อมเมื่อไหร่ก็จัดส่งเมื่อนั้นครับ

ผมจะจัดส่งมวลสารธาตุกายสิทธิ์ในส่วนที่ยังไม่ได้จัดส่งให้เรียบร้อยก่อนเข้าพรรษาครับ เพราะจะไปปฎิบัติธรรมในช่วงเข้าพรรษา

คงจะไปในช่วงปลายกรกฎาคม ปฎิบัติที่ถ้ำจั๊กต่อ แม่ฮ่องสอน หากความวิเวกบังเกิดแก่จิตได้ดี คงอยู่ยาวจนถึงสิ้นปีครับ

เลยเอาภาพของถ้ำจั๊กต่อมาให้ชมกันเพลินๆ เผื่อพี่ธรรมประทีปสนใจจะตามไปบ้าง


ขออนุโมทนา
สาธุการครับ

 

อนุโมทนาในการปฏิบัติธรรมของพี่เอกครับ...ของผมยังปลีกวิเวกอย่างนั้นไม่ได้อ่ะครับ....คนข้างหลังยังมีอีกเยอะ เหอๆๆๆ...

 

ขออนุโมทนากับพี่ด้วย ดูเป็นสถานที่เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิติธรรมดีครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Noo Norway, kang_som, ไปในภพภูมิ </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดียามเย็นค่ะพี่น้อง... จขกท มาแล้วนะคะ ^^

 

เพิ่งได้เข้ากรุง ได้เข้ามาอ่านกระทู้ของคุณหนูหลายครั้งแล้วครับ ตั้งใจจะเอาแผ่นยันต์ที่ลพ.มุม วัดปราสาทเยอ ศรีสะเกษ ท่านจารไว้มาร่วมสร้างพระด้วย แต่ยังไม่มีเวลาค้นเลยครับ

พอดีเห็นพูดกันเรื่องปรามาสพระ
<O
ผมขอเรียนว่า กรณีที่เอาเหรียญ รูปหล่อ ฯลฯ ที่ขึ้นเป็นรูปลักษณ์แล้ว มาหลอมใหม่ ถามว่าเป็นการปรามาสพระหรือไม่ คำตอบ คือ ต้องดูที่เจตนาครับ การนำมาหลอมสร้างใหม่นั้น เจตนามิได้อยู่ที่ทำลายรูปลักษณ์นั้น เมื่อขาดเจตนาจึงไม่ผิดฐานปรามาส เทียบเคียงได้กับพระวินัยหรือคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กรณีเหยียบมดแมลงในดินตาย จึงไม่บาปครับ

แต่ถ้าถามว่าอาจก่อให้เกิดโทษได้ไหม ตอบว่าได้ครับ

ขอแยกเป็น 2 กรณี
<O
กรณีแรกเป็นเรื่องโลกียธรรม ยังตกอยู่ใต้กฎแห่งกรรม เราไม่อาจทราบได้เลยว่ารูปลักษณ์แต่ละรูปที่เราเอามาหล่อหลอมแปรรูปนั้น ท่านที่อธิษฐานจิตไว้(ทั้งพระสงฆ์ ฆราวาส เทพ พรหม ยักษ์ มาร ฯลฯ) ท่านทำไว้ด้วยวิธีใด บางท่านใช้พลังจิตของท่านปรับโครงสร้างพลังงานของมวลสารที่นำมาสร้างวัตถุมงคลให้สามารถดูดซับพลังแห่งจักรวาล พลังมิติ ฯลฯ และทำให้ผู้ที่มีวัตถุมงคล เมื่ออธิษฐานก็จะได้รับพลังงานนั้นอีกทอดหนึ่ง เพื่อนำพลังนั้นไปใช้ในสิ่งที่ตนปรารถนา บางท่านแบ่งพลังของท่านส่วนหนึ่งมาบรรจุไว้ บางท่านใช้แบ่งภาคจิตของท่านลงมา ฯลฯ วิธีมีมากนับไม่ถ้วนครับ

ดังนั้นเมื่อเราทำลายวัตถุมงคลเหล่านั้น แม้ด้วยเจตนาดี สมมติว่าวัตถุมงคลนั้น ยักษ์ หรือเทพบางองค์ เจตนาร่วมสร้างบุญกับพระอริยะท่านหนึ่งที่เคยเป็นครูของยักษ์ หรือเทพองค์นั้นในอดีตชาติ ยักษ์หรือเทพองค์นั้นท่านอาจไม่พอใจได้ครับ นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมญาติธรรมผู้ใหญ่ของคุณหนูฯท่านนั้นจึงกล่าวว่า...เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านยินยอมอนุญาตหรือไม่

<Oส่วนการใช้ธาตุกายสิทธิ์ ว่านและไม้มงคล ดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ชนวนผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ต้องมีการพลี บวงสรวงบอกกล่าวก็ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันนี้ครับ

<Oการที่มีหลายท่านนิยมนำวัตถุมงคลที่เป็นรูปลักษณ์แล้วมาแปรรูปนั้น โดยหวังว่า พลังต่างๆนั้นจะหลอมรวมกัน ทำให้วัตถุมงคลใหม่มีพลังมากกว่าเดิม

ขอเรียนว่า ไม่จริงครับ เพราะโครงสร้างของพลังงานที่สร้างจากญาณชั้นโลกียธรรม จะแตกสลายไปทันทีที่ถูกทำลายด้วยพลังธาตุครับ เช่น บดเป็นผง จะถูกลม คือ วาโยธาตุ แทรกเข้าไปแทนที่ การหลอมด้วยเตโชธาตุ ทำให้อาโปธาตุเข้าไปแทนที่ เป็นต้น ดังนั้นการนำวัตถุมงคลที่เป็นรูปลักษณ์แล้วมาแปรรูป จึงได้เพียงธาตุ คือ มวลสารเนื้อโลหะเท่านั้นครับ แทบจะไม่ต่างจากเอาทองแดง ทองเหลือง ฯลฯใหม่มาหลอมสร้างครับ

<Oแต่ถ้าถามว่า การนำวัตถุมงคลที่เป็นรูปลักษณ์แล้วมาแปรรูปได้บุญหรือไม่

ตอบว่าได้ครับ และได้มากกว่าการเอาเงินหรือทองแดง ทองเหลืองมาสร้าง ทั้งนี้เพราะวัตถุมงคลที่เป็นรูปลักษณ์แล้ว เราจะยึดติดในใจมากกว่า การที่นำมาบริจาค เราต้องทำใจ ตัดใจสละ เมื่อทำได้จิตจะเบา เป็นปลื้มมากกว่า นั่นคือ ปิติ คือ บุญที่แท้จริง อีกประการ คือ เมื่อแปรรูปแล้วสถาปนาเป็นรูปลักษณ์ใหม่ที่เราพึงใจ เราก็ยิ่งปลื้มปิติเป็นคำรบสองครับ

<Oส่วนพลังของวัตถุมงคลรูปลักษณ์ใหม่นั้น จะมาก น้อย เพียงใด ขึ้นกับท่านที่อธิษฐานจิตสร้างใหม่นี้ครับ ทุกท่านที่บริจาคก็เป็นผู้อธิษฐานจิตสร้างคนหนึ่ง แต่เนื่องจากยังไม่รู้หลักธรรมชาติของพลังเหมือนครูบาอาจารย์ที่ท่านฝึกปฏิบัติและศึกษามา จึงมีพลังน้อยและจำกัด ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านจึงสอนว่า อย่าเสกคนเดียว อย่าเก่งคนเดียว ให้อัญเชิญตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้า เทพ พรหม ฯลฯ มาช่วยครับ

<Oกรณีที่2 เรื่องโลกุตรธรรม ไม่ขออธิบายละเอียดนะครับ เอาเป็นว่า พลังธาตุ4 ทำอะไรไม่ได้ครับ
<O
สำหรับเรื่องการ Copy พลัง ความจริงก็ คือ การติดต่อกับท่านที่อธิษฐานจิตวัตถุมงคลนั้นไว้ ใช้ภาษาง่ายๆก็คือ ขอให้ท่านช่วยเสกให้นั่นแหละครับ เทียบได้อย่างนี้ครับ ถ้าคุณเรียนจบม.6 คุณเห็นเด็กอนุบาล เด็กประถม ทำงานสักชิ้น คุณสามารถทำตามได้ครับ นั้นคือ การCopy พลัง แต่ถ้าเห็นคนจบมหาวิทยาลัยทำงานสักชิ้น ไว้ ถ้าคุณจะทำตาม คุณต้องขอให้เขาสอน หรือ ทำให้ครับ นี่ก็คือ การCopy พลัง อีกแบบครับ<O

 

สวัสดีคร้าบบบบ....เจ๊ใหญ่..

 

ขอขอบคุณคุณ Lee_bangkok ด้วยเช่นกันนะคะสำหรับการช่วย confirm เรื่องการ copy พลัง หากทางคณะเรามีวาสนาพอที่จะเป็นไปได้ก็คงได้พบเจอพระอริยสงฆ์องค์ครูบาอาจารย์ที่จะเมตตาสงเคราะห์ทำการ copy พลังพระให้พวกเราได้ในที่สุด คงต้องรอติดตามผลงานกันต่อไปค่ะ แต่หากไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ในเรื่องนี้กำลังใจของพี่โก๋และพี่หนูก็ไม่ตกนะ เราก็จะทำออกมาให้ดีที่สุด ถึงชนวนมวลสารของเราจะมีน้อย (มีเท่าที่ได้ ได้เท่ากำลังใจที่ทุกคนมี) แต่เราจะเน้นเรื่องการอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นหลัก ทั้งอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวและการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก จำนวนสร้างน้อยนิดแต่ทุ่มเทการสร้างอย่างยิ่งใหญ่ (สำหรับพวกเรา) ค่ะ ^^

 

ผมก็คล้ายๆคุณพูนสุข
กว่า 2 เดือนไปสู้กับช่างก่อสร้าง เรื่องต่อเติมบ้าน
ต้องตระเวณซื้อของให้ช่างเขาทำ ให้ทัน ไม่งั้นหยุดงานไปดื้อๆ

ตอนนี้ก็ต้องขัดถู ติดไฟเองหลังกลับบ้าน 1-2 ทุ่ม
ทำบุญบ้าน วันที่ 1 นี้แล้วก็จะกลับมาลัลล๊า dencee

คงได้ไปกราบพระได้อีกครั้งแน่

ถ้ำสัปปายะดี
แล้วไปอยู่ปฏิบัติอย่างไรครับ ? น้ำ/ไฟฟ้า ?


รูปรอยมือประทับนี้ สะดุดตามาก
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ

.

 

สวัสดีค่ะคุณไปในภพภูมิ... ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับกุศลจิตด้วยนะคะ... ดีใจค่ะที่คุณยังติดตามงานบุญของหนูอยู่ ^^

กลับมาครั้งนี้ครบรูปแบบเลย... ทั้งของดีพร้อมข้อมูลคำชี้แนะที่ดี พอได้อ่านเม้นนี้จบก็เข้าใจเห็นภาพชัดขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ... อธิบายได้ดีมีเหตุผลและเข้าใจง่าย

ก่อนที่หนูจะเห็นเม้นของคุณไปในภพภูมินั้นหนูได้เม้นตอบกลับคุณ Lee_bangkok และน้อง kang_som เอาไว้ก่อนหน้าแบบคลาดกันนิดเดียว แต่เนื้อหาใจความตรงกันเลยเรื่องที่ว่า "ทางคณะเราจะเน้นเรื่องการอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นหลัก ทั้งอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวและการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก" ซึ่งเป็นความตั้งใจเดิมตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้เคยแจ้งไว้ก่อนหน้านี้

หนูเคยได้อ่านเรื่องราวของ "หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค" และ "หลวงปู่เล็ก" (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ เรื่องมีอยู่ว่าหลวงปู่เล็กท่านได้ทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลแบบเดี่ยวตลอดไตรมาส เมื่อครบกำหนดจึงได้นำไปกราบเรียนให้หลวงปู่ปานทราบ หลวงปู่ปานท่านตอบกลับมาโดยทันทีแบบสั้นๆว่า "ยังใช้ไม่ได้" ประโยคนั้นทำให้หลวงปู่เล็กถึงกับงงเป็นอย่างมาก เพราะท่านได้ทำแบบเต็มที่อธิษฐานจิตปลุกเสกตลอด 3 เดือนแบบไม่เคยขาดสักวันเดียวแล้วทำไมถึงยังใช้ไม่ได้ จึงได้กราบเรียนถามตรงๆ หลวงปู่ปานจึงเมตตาตอบประมาณว่า "ต่อให้ท่านทำไปอีกเป็นปีๆก็ไม่เท่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมาประสิทธิ์ประสาทให้เพียงแค่อึดใจเดียว" ให้เอากลับไปทำใหม่ คราวนี้ให้ทำให้ถูกต้องคือ "ต้องอัญเชิญบอกกล่าวให้สมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้า เทพ พรหม ฯลฯ รับรู้และขอให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ช่วยด้วยถึงจะใช้ได้"

อีกเรื่องนึงคือหนูเคยได้ยินพระเกจิอริยสงฆ์พูดเหมือนกันหลายท่านว่า "ชอบอธิษฐานจิตปลุกเสกแบบเดี่ยวมากกว่าแบบรวมตามงานพุทธาภิเษก เพราะสามารถปล่อยวิชาความรู้ได้เต็มที่ในแบบฉบับความถนัดของตัวเอง" สะดวกกว่าทั้งเรื่องสถานที่ เวลา และความเหมาะสมในสิ่งรอบข้าง ดังนั้นทางคณะเราจึงได้เลือกที่จะทำทั้ง 2 รูปแบบเพื่อความสมบูรณ์ที่สุด

1. อธิษฐานจิตปลุกเสกแบบเดี่ยวสุดๆเต็มที่ (สามารถทำได้เป็นเวลานานๆ บางองค์อาจจะเป็นเดือนเลย)
2. อธิษฐานจิตปลุกเสกตามงานพุทธาภิเษก (ได้พร้อมกันทีเดียวหลายองค์ บางทีอาจจะไม่สะดวกเรื่องเวลาและการเดินทาง)

 

ยังเปิดรับบริจาคเหมือนเดิมค่ะ

ของดรับค่ะน้องหนึ่ง

 

รับทราบตามนั้นค่ะ... ยินดีด้วยนะคะที่พี่เอกได้ดินกากยายักษ์มาเพิ่มอีก... เป็นบุญวาสนาจริงๆค่ะ ^^

 

ขออนุโมทนาในการปฏิบัติธรรมของพี่เอกด้วยค่ะ... น้อยคนที่จะมีโอกาสได้ทำอย่างนี้ ^^<!-- google_ad_section_end -->

พี่เอกเค้ามีความผูกพันและได้ไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำแห่งนี้มานานพอสมควรแล้วค่ะ รวมทั้งได้บอกบุญเกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้ด้วย (หนูได้ติดตามมาตลอด) ได้เคยอ่านประวัติความเป็นมาของถ้ำแห่งนี้มาแล้วจากข้อมูลที่พี่เอกเคยนำมาลงไว้ อ่านแล้วถึงกับอึ้งและทึ่งในความอัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้

ในประเทศไทยยังมีอีกมากมายหลายสถานที่ที่มีความพิเศษเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาโดยตรง แล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคนว่าจะไปพบเจอและสัมผัสความพิเศษอัศจรรย์เหล่านั้นได้มากน้อยเพียงใด

ปล.รอให้พี่เอกเข้ามาให้ข้อมูลแบบเต็มๆดีกว่า... โดยเฉพาะเกี่ยวกับ "รูปรอยมือประทับ" ที่พี่โก๋สะดุดตาสนใจเป็นพิเศษ

 

นี่หนูไม่รู้นะคะเนี่ยว่าพี่สุขอยู่ในช่วงเก็บตัวอยู่คนเดียว หนูเลยโทรไปกวนพี่สุขแทบทุกวัน (จิปาถะ) ถ้ารู้คงจะโทรไปกวนให้บ่อยกว่าเดิมอีก ซักวันละประมาณ 3 ครั้งหลังอาหาร อิอิอิ

ปล.1... ขอให้พี่สุขผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาไปได้ด้วยดีนะคะ ขอให้คิดซะว่าอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในชีวิตคือบทข้อสอบที่จะทำให้เราเก่งและแกร่งขึ้นค่ะ

ปล.2... ขอให้พี่โก๋มีเวลาลงตัวในเร็วๆนี้นะคะ ที่ผ่านมาก็เป็นห่วงอยู่ตลอดเพราะเห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน บางวันถึงกับหลับหน้าคอม หากพี่ชายใหญ่เป็นอะไรขึ้นมาน้องๆคงเสียใจแย่เลยค่ะ

 

เอาแผ่นจารยันต์ดีที่สุดครับ..........

เรื่องบางเรื่องเป็นปัจจัจตังแล้วก็ความรับรู้แต่ละคนที่รู้มาตามครูบาอาจารย์แต่ละท่านของแต่ละ

บุคคลถ้าใครเคยไปกราบครูบาอาจารย์บ่อยๆและสทนากับท่านแบบในเืรื่องลึกๆบางเรื่อง

สังเกตุดูว่าความเห็นของท่านมักไม่ตรงกันในบางองค์............

และแต่ละองค์ท่านก็มีวัตรปฎิบัติดีและเป็นสงฆ์อย่างแท้จริงแต่มันขึ้นอยู่กับแนวทางการศึกษา

มาแต่ละท่านและความรู้ของแต่ละท่าน

บางเรื่องไม่รู้จะอธิบายยังไหงมีโอกาสคุยกันกับผมจะเล่าๆให้พิจรณาครับ...................

แผ่นยันต์นี้แหละดีมากๆ............

ถ้างานนี้ไม่เร่งไม่รีบมากกินไป รอเก็บแผ่นยันต์ไปเรื่อยๆเชื่อเถอะว่าจะดีมาก...........

แล้วจะมากันอีกเยอะขอให้รอหน่อย.........

 

เห็นด้วยกับคุณเอค่ะ... หนูได้ประกาศเป็นทางการไปแล้วในการตัดสินใจในครั้งนี้คือจะไม่มีการนำพระเครื่องที่เป็นรูปลักษณ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์และองค์เทพทั้งหมดมาเป็นชนวนมวลสารเพื่อสถาปนาเป็นองค์พระ ไม่ว่าจะในรูปแบบก็ตามค่ะ

ส่วนเรื่องการ copy พลังพระนั้นหากได้ทำตามคำแนะนำของพี่ๆน้องๆญาติธรรมก็คงจะทำ เพราะไม่ได้ทำลายองค์พระ หลังจากนั้นก็จะนำพระเครื่องทั้งหมดไปบรรจุในพระมหาธาตุเจดีย์ศรีอุบลในที่สุดอยู่ดี... ได้ทั้ง 2 ทางโดยไม่มีโทษ

ยังเปิดรับบริจาคไปเรื่อยๆจนถึงสิ้นเดือนกันยายนค่ะ หนูเองก็มีความมั่นใจว่าจะมีญาติธรรมทั้งเก่าและใหม่มาร่วมบุญกันอีกเยอะ โครงการของพวกเรานี้ต้องได้ชนวนแผ่นโลหะจากทุกจังหวัดในประเทศไทยตามความตั้งใจในที่สุด เพราะโครงการของพวกเรานี้มีเจตนาที่บริสุทธิ์เพื่อพระพุทธศาสนาโดยตรง ไม่มีเรื่องพุทธพาณิชย์มาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายย่อมรับรู้และเปิดทางดลบันดาลให้ทุกอย่างสำเร็จได้ดั่งใจแน่นอนค่ะ

เมื่อเทียบกับงานบุญของคณะอื่นๆแล้วชนวนมวลสารของพวกเราอาจจะดูน้อยกว่าคณะอื่นๆเยอะ แต่โครงการงานบุญของพวกเราไม่ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับใคร จึงไม่ได้เน้นเรื่องปริมาณที่เป็นรูปธรรมเป็นหลัก แต่ที่จัดตั้งขึ้นมาก็เพื่อสร้างบารมีและเน้นเรื่องกำลังใจในการร่วมบุญมากกว่า ของมงคลทุกชิ้นต่างได้มาจากกำลังใจความศรัทธาในงานบุญเพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อครูบาอาจารย์ล้วนๆ

1. เจตนาในการสร้างดี
2. ของร่วมบริจาคดี
3. ผ่านการอธิษฐานจิตดี

พระที่ได้มาย่อมดีมีพุทธคุณแน่นอน (ถึงแม้ชนวนมวลสารจะน้อยก็ตาม... แต่ก็จะมีซักกี่งานที่จะมีชนวนแผ่นโลหะจารยันต์และชนวนแผ่นโลหะอธิษฐานจิตจากพระอริยสงฆ์ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย)

 

ขอแจ้งให้ทราบค่ะ

หนูเพิ่งคุยโทรศัพท์กับพี่โก๋เสร็จเมื่อกี้นี้ พี่โก๋ได้แจ้งให้ทราบว่าได้รับพัสดุเพิ่มเติมจากอีก 3 ท่าน

1. พี่ prakaidao (ที่หนูฝากไปจากนอร์เวย์)
2. คุณพงพันธุ์ (อุดรธานี)
3. คุณสุรินทร์ (สุราษฎร์ธานี)

ทั้ง 2 ท่านหลังนั้นไม่ได้แจ้งมาทั้งในกระทู้และทางหลังไมค์ จึงคิดว่าน่าจะเป็นบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกเว็บ หนูจึงขออนุญาตบอกกล่าวว่าขอนำของมงคลในส่วนที่ใช้เป็นชนวนมวลสารได้ไปดำเนินการให้ตามความประสงค์ ส่วนรายการอื่นๆที่ไม่สามารถนำไปใช้เป็นชนวนมวลสารได้นั้นขอนำไปบรรจุในพระมหาธาตุเจดีย์ศรีอุบลแทนนะคะ จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในงานบุญครั้งนี้ด้วยค่ะ... สาธุ...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

​

น้ำ ===> มีบ่อน้ำครับไว้ใช้หน้าฝน และได้น้ำฝนที่ไหลลงมาจากเบื้องบนตามธรรมชาติ แล้วนำมากักเก็บในแท้งค์น้ำเพื่อใช้หน้าแล้งครับ

ไฟฟ้า ===> ไม่มีครับ

ผมรู้จักที่นี่มากว่า 10 ปีแล้วครับ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาว่างมาวิเวกและปฎิบัติจริงจังที่นี่ครับ ถ้ำจัีกต่อเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในระดับที่แรงมากๆครับ ไม่ได้แรงด้วยเจ้าที่เจ้าทาง แต่แรงด้วยองค์เทพระดับสูงที่ดูแล พระธุดงค์ที่ธุดงค์มาที่นี่ หากปฎิบัติไม่ดี ไม่สำรวมในกาย วาจา ใจ โดนดีมาเยอะแล้วครับ

บางรูป เกียจคร้านแอบไปหลับกลางวัน ก็มีเสียงเอ็ดดุถึงขั้นดุมาก มองไม่เห็นที่มาของเสียง สั่งให้พระลุกขึ้นแล้วให้ไปปฎิบัติในถ้ำ บางรูปก็ขึ้นไปปฎิบัติในถ้ำเล็กแต่กลับไปพูดคุยกระเซ้าเย้าแหย่ ทั้งตัวเพดานและผนังถ้ำก็ยุบตัวลงมาทันทีทำเอาเผ่นออกมาแทบไม่ทัน พอขึ้นไปดูอีกครั้ง ตัวถ้ำมีลักษณะปกติไม่มีอาการของถ้ำถล่มแต่อย่างใด บางรูปถึงกับเผ่นจีวรปลิวลงดอยกันกลางดึกกลางดื่นครับ ก็คงไปทำผิดอะไรบางอย่างเข้าให้

ที่นี่ตั้งแต่ทางขึ้นตีนดอยจนถึงปากถ้ำจั๊กต่อ ถูกดูแลโดยบริวารขององค์ท้าวเวสสุวรรณ ตอนที่ผมกับน้องนินเปิดกระทู้ทำบุญจัดหาแท้งค์น้ำให้ถ้ำจั๊กต่อนั้น ก็ได้สื่อกับองค์ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านอนุญาตให้จัดทำได้ แต่อนุญาตให้เพียงแค่ 6 แท้งค์เท่านั้นไม่ให้มากกว่านั้น ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องเท่านั้น ถามท่านๆก็ไม่ตอบ แต่ก็แปลกครับ ได้เท่าั้นั้นจริงๆ ไม่ได้มากไปกว่านั้น

ขออนุญาตนอกเรื่องไปนิดนึง เกรงใจครับ พอดีพี่ธรรมประทีปถามมาเลยขอตอบนิดนึง

 

ไม่เป็นไรค่ะพี่เอก... ถึงจะนอกเรื่องแต่ก็เป็นเรื่องดีมีประโยชน์ที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายอะไรเลย ^^

 

รอยพระหัตถ์พระพุทธองค์

ที่มา
ตำนาน ที่พระพุทธเจ้าเสด็จมายังสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะแถบภาคเหนือหรือล้านนานั้นมีบันทึกเป็นตำนานเรียกว่า ตำนานพระเจ้าเลียบโลก หมายถึง การเดินทางของพระพุทธเจ้าไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อโปรดสรรพสัตว์นั่นเอง

หนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุด ที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมายังแถบสุวรรณภูมิ คือ ถ้ำจั๊กต่อ จ.แม่ฮ่องสอน สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานรอยพระบาทคู่ และสิ่งที่เป็นหัวใจของถ้ำแห่งนี้คือ รอยพระหัตถ์ข้างขวา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่หายากที่สุด

สำหรับตำนานของสถานที่แห่งนี้เล่ากันไว้ว่า สมัยที่พระพุทธองค์ทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระพุทธองค์ทรงได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา ๑ พรรษา เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วพระพุทธองค์ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ แล้วแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก ทำให้นรก โลกมนุษย์ และเทวดาได้เห็นซึ่งกันและกัน จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรวจดูด้วยพระญาณว่าสถานที่แห่งใดจะเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธศาสนาในกาลข้างหน้า

พระองค์ทรงทราบว่าสุวรรณภูมิจักเป็นที่ประดิษฐานและทำให้พระพุทธศาสนาเจริญ รุ่งเรือง พระพุทธองค์จึงได้ทำปาฏิหาริย์เสด็จมายังสุวรรณภูมิพร้อมด้วยพระอรหันตสาวก มาทางอากาศ เพื่อทำการโปรดสรรพสัตว์

เล่าว่าพระพุทธองค์ทรงมาโปรดประทับรอยพระบาทที่พระบาทสี่รอยก่อน เพื่อโปรดฤาษีที่บำเพ็ญภาวนาอยู่ที่เขาแห่งนี้ด้วย

พระฤาษีตนดังกล่าวมีน้องบวชเป็นฤาษีจำศีลภาวนาอยู่ที่ถ้ำจั๊กต่อ จ.แม่ฮ่องสอน ด้วย เมื่อทำการประทับรอยพระพุทธบาทที่พระบาทสี่รอยเรียบร้อยแล้ว พระพุทธองค์ทรงจึงได้เสด็จไปโปรดฤาษีผู้น้องต่อไป

และที่นั่นพระพุทธองค์ได้ประทับรอยพระบาทคู่ พร้อมทั้งรอยพระพุทธหัตถ์เอาไว้ เพื่อเป็นที่สักการะของผู้ศรัทธา ลักษณะของรอยพระหัตถ์ที่ประทับลงบนแผ่นหินนั้น มีลักษณะใหญ่ นิ้วมือทั้ง ๕ เสมอกัน มีรอยก้นหอยชัดเจน มีผู้คนนำทองคำเปลวไปปิดจนเห็นเป็นสีทองอร่ามไปทั่ว

เล่าว่าถ้ำรอยพระหัตถ์แห่งนี้เป็นสถานที่หวงแหนของเทพเทวดา มีพญานาคคอยรักษาอยู่ แม้ว่ามีหลายกลุ่มบุคคลพยายามทำการบุกเบิก แต่ก็ไม่สามารถทำได้ คล้ายกับว่าสิ่งลี้ลับบางอย่างพยายามปกปิดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ ด้วยเกรงว่าเมื่อคนเข้ามามากแล้วจะทำให้สถานที่ขาดความสงบและสกปรกได้


ประสบการณ์ตรงของผู้ปฎิบัติกับพ่อปู่ฤาษี


ปู่ เล่าว่าบำเพ็ญอยู่ที่ถ้ำมาหลายพันปีแล้ว ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ มาก มีพระอรหันต์มาละสังขารมาก เป็นที่บำเพ็ญของหมู่ฤาษี เทพ พรหม เทวดาๆต่าง พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็เคยมา

วันหนึ่งนั้นขณะที่ท่านบำเพ็ญอยู่มีพระกลุ่มหนึ่งเหาะมา องค์ที่เป็นหัวหน้ายืนมาบนดอกบัว ปู่ว่าถ้าเป็นคนธรรมดาจะไม่เห็นว่ายืนบนดอกบัว ต้องเป็นผู้ปฏิบัติเท่านั้นถึงจะเห็น

ตอนแรกที่เห็นก็ไม่ได้เข้าไปกราบไหว้ เพราะตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองก็บำเพ็ญที่ถ้ำมานาน และเป็นเจ้าของสถานที่จึงไม่ได้เข้าไปกราบ ยังมีทิฐิอยู่


แต่พระพุทธเจ้าท่านพร้อมสาวกก็ได้นั่งลงที่ถ้ำ พระพุทธเจ้าทรงเทศสั่งสอน โดยรวมทั้งหมด ไม่ว่าเทพ พรหม คนธรรพ์ และอื่นๆ

พอฟังเทศน์ไปเรื่อยๆ ปู่บอกว่ายิ่งฟังยิ่งรู้ว่าองค์นี้ไม่ธรรมดา จึงละทิฐิ เข้าไปกราบท่าน แล้วถามว่า "ท่านมีชื่อเรียกว่าอะไร อาจารย์ของท่านสอนอยู่ที่ไหน เราอยากเข้าไปกราบอาจารย์ของท่าน"

"พระพุทธองค์ ตอบว่า" เราชื่อ สมณโคดม เราไม่มีอาจารย์ เราตรัสรู้โดยชอบด้วยตนเอง"



ก่อนพระพุทธเจ้าจะกลับ ท่านทรงเมตตาประทับรอยพระหัตย์ และ พระบาทไว้เป็นที่เคารพกราบไหว้ของหมู่ เทพ พรหม เทวดา ฤาษี มนุษย์


​

 

หนูจำได้ว่าเมื่อครั้งที่อ่าน 2 เรื่องนี้เป็นครั้งแรกในกระทู้บอกบุญแท้งค์น้ำรู้สึกชอบมากๆ

มีความรู้สึกว่าพ่อปู่ฤาษีองค์นี้ใจดีมากเลย... ยิ้มหวานดีจัง...

ขอขอบคุณพี่เอกอีกครั้งนะคะที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าสูกันฟังอีกครั้ง