เรื่องเด่น 2012 คำบอกเล่าจากต่างดาวและหลักฐาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 26 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]



    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    2012 อาจไม่แย่นัก แต่ถึงตอนนั้นเราก็คงจะชินกันแล้ว

    2010 ปีหน้า ก็จะเกิดภัยพิบัติ เยลโล่สโตนเกิดพ่นไฟ เป็นภูเขาไฟยักษ์ขนาดใหญ่ที่สุด ทำให้หมอกควันคลุมไปทั่วโลก

    2011 อุกาบาตดาวตกขนาดยักษ์ถล่มโลก

    2012 จึงเหมือนว่าดีขึ้น เพราะเราชินกับมันแล้ว (ตีความจากรหัสภาษาฮีบรู-ไบเบิ้ล) ไม่เชื่อไม่เป็นไร ให้เตรียมหาวัสดุปลูกผักไร้ดิน ด่างทับทิมล้างผัก และคาลาไมด์ (แ้ป้งน้ำบางชนิดก็ใช้ได้) แก้สัตว์กัดต่อย-ยกเว้นงู อันนี้ไม่รวมขาดอาหาร อดหยาก จนต้องจับกบ และแมลงกิน ขาดไฟฟ้า-พลังงาน เครื่องปั่นไฟ พลังลม น้ำ สามารถแยกเป็นไฮโดรเจนกับออกซิเจนทดแทนน้ำมันได้ น้ำและเกลือสามารถใช้แทนแก็สหุงต้มได้ - อันนี้ผมคิดขึ้นเอง

    ข้อมูลทั้งหมดจากเวปซีต้าทอล์ค พยากรณ์ไว้แม่นมาก ที่แล้วมา (คราวนี้เราลองคิดดู ซีต้า เรตติคูลัส คือกลุ่มดาว ชาวซีต้า มีย่อยไป 22 เผ่า คงมีส่วนใหญ่ที่เป็นธรรมมะที่เข้าร่วมในสมาพันธ์กาแลกซี)

    ซีต้าเวปนี้ มีคนประสานงานชื่อแนนซี เป็นแชนแนลเลอร์คือสามารถรับข้อมูล มีพลังจิต คอยส่งคลิปขึ้นยูทูปมาตั้งแต่ปี 2008 จะเกิดล่มสลายทางเศรษฐกิจ, เงินไม่มีค่า ,เกิดรัฐบาลชั่วคราวโลก เกิดรัฐบาลแบบทหาร ต้องเด็ดขาด, และหลัง 2012 พวกเราจะต้องถูกฝังไมโครชิปแน่ เพราะตอนนั้น ทั้ง อิลลูมิเนติ (รัฐบาลเงาของโลก) เกรย์-เรปติเลี่ยน ต่างก็เปิดเผยตัวออกมา เหมือนสมัยกลางที่เล่าว่าเกิดการต่อสู้ของมนุษย์และมังกร (มีตัวลูกดองไว้ มีสายสะดือด้วย-แสดงว่ามังกรตั้งท้องและคลอดแบบมนุษย์ ไม่ฟักไข่แบบงู) (ช่วยอ่านว่ามันจะมั่วๆไปหน่อยไหมครับบทนี้)

    จริงๆ แล้วทุกภัยพิบัติ เกิดจากการยกระดับทางกายและจิตของพระแม่ธรณีทั้งสิ้น เคยมีนักวิทยาศษสตร์ ศึกษากลไกทางกายภาพ การแลกเปลี่ยนแกสออซิเจน สรุปได้ว่า มีกลไกกการทำงานเหมือนว่าโลกเป้นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง และได้นำเสนอเชิงวิชาการ พวกเพื่อนจึงเสนอว่า น่าจะตั้งชื่อว่าทฤษฎีไกอา-GAIA- ไกอา เป็นภาษาโรมัน แปลว่าพระแม่ธรณี ตรงกันกับความเชื่อทางตะวันออกเกือบทุกชาติ ว่าพระแม่ธรณีนั้นมีชีวิต ไม่ได้มั่ว แต่มีหลักฐานละครับทีนี้ การลงจอดบนดาวอังตาร พบสัว์คล้ายกระต่าย ตัวเท่ากำปั้น สีขาว ซึ่งนาซ่าพยายามปกปิด ใช้รถโรเวอร์ถอยทับซ้ำไปมา จนจมดิน เจ้าของเว็ป เร้นส์ดอทคอม ได้สังเกตเห็นวัตถุนี้ และแจ้งไปยังเว็ปนาซ่า แต่ผลที่ได้ก็คือ นาซ่าดึงรูปนั้นออกจากที่เคยโชว์ไว้ทันที ข่าววงในว่าผู้ก็ตั้งเจ็ทโพรพัลชั่น ก็คือตัวเอ้ของอิลลูมิเนติ ที่ชอบจับคนไปเผาทั้งเป็นและทำพิธีทางเพศ (ไสยศาสตรฺ์) กับหญิงสาว

    ต่างดาวบอกว่า ปี 2012 จะ..(เกิดภัยพิบัติ)

    เดือน ตุลาคม ค.ศ. 2000 ชาวคอร์กิโนหลายคน เห็นดวงแสงลึกลับ ลอยวูบลงสู่พื้นดิน แล้วพุ่งกลับขึ้นไปในอากาศ ทิ้งรอยไหม้จนหินละลาย ซึ่งต่อมาหินละลายดังกล่าว ได้รับการตรวจสอบจากนักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ที่ลงความเห็นว่าหินได้รับความร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

    นอกจากแสงลึกลับแล้ว ที่นี่ยังมีชายผู้หนึ่งซึ่งอ้างว่าเขาสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้มานานแล้ว ล่าสุดเมื่อปี 2002 เขาก็อ้างว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังนอกโลกถึง 3 วัน ซึ่งงานนี้เขาไม่ได้อ้างลอยๆ นะ เขามีพยานหลักฐานอันน่าทึ่ง และยังไม่อาจพิสูจน์ค้านได้ว่าเป็นการทำปลอม หรือกุเรื่องขึ้นเสียด้วย

    ชายผู้มีประสบการณ์พิเศษคนนี้ ชื่อ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า เขาอ้างว่าเขาเคยติดต่อ กับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้ง มนุษย์ต่างดาวของ โอลิเวียร่า ไม่ใช่ทอล ดาร์ค แอนด์ แฮนซัม แต่เป็นทอล บลอนด์ ผิวขาวร่างสูง ผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าจาง โดยมีแก้วตาสีเหลืองอ่อนวางตามตัวตามแนวตั้งเหมือนตาแมว ฟังดูไม่น่าเกลียดเหมือนตัวอีทีโอลิเวียล่า บอกเราว่ามนุษย์ต่างดาวใช้สิ่งที่เรียกว่าแสงพลาสม่า เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับเขาทางโทรจิต

    เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2002 คืนนั้น

    โอลิเวียร่า หายตัวไปจากห้องนอน ทิ้งไว้แต่รอยไหม้รูปร่างคนนอนบนผู้ปูเตียงและบนฝ้าเพดาน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน อีก 3 วันต่อมมจู่ๆ เขาก็กลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น และเขาอ้างตลอดว่า เวลาที่เขาหายไปนั้นเขาถูกนำตัวไปยังยานต่างดาว

    โอลิเวียร่า บอกว่าเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเขาได้รับการติดต่อ ทางโทรจิตผ่านแสงพลาสม่า ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมานำตัวเขาไปในคืนดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุการณ์จะมีสัญญาณนำมาให้รู้ โดยจะเกิดฝนก้อนหินตกลงมา

    ค่ำวันที่ 15 กันยายน 2002 เวลาประมาณ 19.13 น. เพื่อนบ้านใกล้เคียงของ โอลิเวียร่า ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียงอะไร ร่วงกรูกราวอยู่บนหลังคา เมื่อออกมาดูพบว่าเป็นก้อนหินกลมๆ ก้อนเล็ก ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า หลายคนช่วยเก็บก้อนหิน บางคนก็ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย

    เขาเล่าว่า ในขณะที่เขานอนอ่านหนังสืออยู่ยนเตียงสักครู่ก็มีแสงสีม่วงสว่างไปทั้งห้อง แสงนั้นรวมตัวเข้าเหมือนฟองสบู่ ร่างของเขาลอยทะลุเพดาน รู้สึกเหมือนกระดูถูกยืดออก แต่ไม่มีความเจ็บปวด ครั้นลอยพ้นผ่านหลังคาบ้านไป ลำแสงสีม่วงก็พลิกร่างเขาให้ยืนขึ้น เมื่อไปถึงยานต่างดาว ( ซึ่งเขาไมได้บอกว่ามันเป็นอย่างไร ) เขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในฟองอากาศ ใบใหญ่ ซึ่งมีผิวบางใส คล้ายๆ ว่าข้างในคงจะคล้ายๆ ห้องฆ่าเชื้อ ปรับพลังงานให้สมดุลย์อะไรทำนองนั้น จากนั้นมนุษย์ต่างดาวผมบลอนด์ร่างสูง ก็พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของยาน ซึ่งเป็นห้องกว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมนุษย์ต่างดาวให้เขาดูจอภาพ อันเป็นภาพเกี่ยวกับโลก ระบบสุริยะ และกาแล็คซี่ของเรา มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ( พ.ศ. 2555 ) จะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแล็คซี่จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมาก ดวงอาทิตย์ทุกดวงในแกแล็คซี่ จะสะท้องแสงนั้นไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วหน้ากัน โลกของเราจะปั่นป่วน ด้วยพายุสุริยะทั้งแสงอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น

    คำทำนายของมนุษย์ต่างดาว ที่ว่าจะเกิดอาเพศขึ้นทั่วทั้งจักรวาลในวันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ น่าแปลกที่ว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2012 นั้นเป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายาอีกด้วย ซึ่งอีกไม่กี่สิบปีเราคงจะได้เห็นปรากฎการณ์นั้น ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    ทั้งหมดที่ฟังมานี้ ต่างต้องล้วนใช้วิจารณญาณ แต่ถ้าเป็นจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ .......

    ทฤษฎีที่โด่งดังมากสุดคงต้องยกให้กับคำทำนายที่ว่า โลกบูดเบี้ยวใบนี้จะแตกดับในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 หรืออีกแค่ 5 ปีข้างหน้า ด้วยชุดเลขสวย 212012

    ทฤษฎีนี้คิดค้นขึ้นโดยชนเผ่ามายัน วันดังกล่าวถือเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือ ปฏิทินลำดับที่ 3 ของชาวมายัน โดยปฏิทินลอง เคาต์ เล่มล่าสุดนั้น เริ่มต้นในปี 3114 ก่อนคริสตกาล และจะดำเนินต่อเนื่องเป็น 13 รอบบักตุน (baktun) กินเวลาทั้งสิ้นราว 5,126 ปี บวกลบออกมาแล้วก็ตรงกับปี 2012 พอดิบพอดี

    การเริ่มต้นของ 13 รอบบักตุน เรียกได้อีกอย่างว่า อาทิตย์ดวงที่ 5 ซึ่ง ช่วงเวลาดังกล่าวจะเวียนมาบรรจบเพื่อก่อกำเนิดดวงอาท ิตย์ครบ 5 ดวง ในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 โดยคำทำนายระบุเอาไว้ว่า ในวันนั้นโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร ไล่เรียงตั้งแต่ภัยธรรมชาติที่จะทำลายทุกสิ่งไปจนถึง สงครามอภิมหาโลกาวินาศ จนไม่มีมนุษย์คนใดมีชีวิตรอด ซึ่งอย่างหลังนี้อาจเชื่อมโยงได้กับทฤษฎีสงครามโลกคร ั้งที่ 3 ของนอสตราดามุส โหราจารย์ชื่อก้อง

    สถานการณ์น่าระทึกในวันอวสาน โลกข้างต้นตามจินตนาการของ ชอง โคลด โคเวน นักเขียนหนังสือแนวอภิปรัชญาชาวฝรั่งเศส บรรยายว่า ให้นึกถึงภาพตัวเองอยู่ในสถานีรถไฟอันแออัดตอนเช้า แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุโกลาหลครั้งใหญ่ทั้งธรรมชาติ แปรปรวนและระบบ คอมพิวเตอร์หรือระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรเครื่องยนต์ต่างๆ ขัดข้อง จนเป็นเหตุให้ขบวนรถไฟในชานชาลาพากันวิ่งออกไปคนละทิศ คนละทาง คล้ายกับซี่วงล้อเกวียน

    ในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนั้นยังกดดันให้ คุณจำเป็นต้องเลือกขึ้นรถไฟสักขบวน อย่างน้อยก็ยังรอดจากการโดนรถไฟทับตาย แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่คุณไม่มีทางรู้เลยว่า รถไฟขบวนที่หลับหูหลับตาขึ้นไปนั้นจะพาคุณไปไหน น่าแปลกที่นอกจาก 212012 จะเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายันแล้ว ยังมีข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะเกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วง ฤดูหนาวของปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ในระนาบเดียวกับใจกลางของทางช้างเผือกเป็นครั้งแรกในรอบ 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะถาโถมและ เกิดการปะทะกับพลังงาน ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 เวลา 23.11 น. (11.11 pm ตามเวลาสากล)

    สมมติว่ามีมนุษย์เหลือรอดบนโลก ก็ไม่อาจรู้ว่าจะจำตัวเองได้หรือไม่ เนื่องจากพลังงานทั้งหลาย แหล่ข้างต้นจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ของดีเอ็นเอ นำมาซึ่งการกลายพันธุ์ หรือสรุปคร่าวๆ ได้ว่า ถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คนที่รอดต้องดิ้นรนสร้างสิ่งต่างๆ นับจากศูนย์

    นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์โวลคาโน หรือภูเขาไฟใต้น้ำครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือ โศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการระเบิดของซูเปอร์โวลคาโนอาจไม่ใกล้ไม่ไกลบริเวณที่เคยเกิดสึมิมาก่อน

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าระยะหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดินถล่ม และน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบเหือดแห้งบ่อยครั้งทั่วโลก เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าโครงสร้างของพื้นผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยน แปลงตัวเองโดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว (ข้อมูลจุดนี้ตรงกับเหตุการณ์จริง และตรงกับที่เทพบอก)

    แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012

    จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น

    ในการค้นคว้าวิจัยส่วนตัวและของบริษัท ได้วิเคราะห์หรือทำนายด้วยระบบคอมพิวเตอร์ Hyderabad ซึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวกับการยกระดับพลังงานขึ้นสูงสุด จะเกิดขึ้นในปี 2012 นี้

    การพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก คือกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแหน่งกัน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นที่จุดหนึ่งของเวลา สนามแม่เหล็กโลกจะลดลงเกือบจะถึงศูนย์เกาซ์ โลกที่จุดนั้นของเวลามีคุณสมบัติของแม่เหล็กเป็นศูนย์ สิ่งนี้บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกัน กับการหมุนรอบพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ในทุกๆสิบเอ็ดปีพอดี

    ในประวัตศาสตร์ของมนุษย์ยุคใหม่ ปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัวที่เคยเกิดขึ้นนั้นไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน แต่ในปัจจุบัน, แบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์สามารถทำนายผลลัพธ์ที่เป็นจริงได้ ซึ่ง NASA เคยนำคำพูดที่น่ากลัวมากล่าวถึงในที่สาธารณะเกี่ยวกับการพลิกกลับขั้วจะทำคุณสมบัติของแม่เหล็ก ของโลกอ่อนแอและเบี่ยงเบนไป แต่ไม่ใช่ศูนย์

    ตามแบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์ Hyderabad การพลิกกลับเกี่ยวกับขั้วของโลกและดวงอาทิตย์สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาที่จริงจังดังต่อไปนี้

    ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบขีปนาวุธ ,computer)

    - การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
    - ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
    - ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
    - สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับ อันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
    - กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
    - แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

    ถ้าคุณรวมเค้าเรื่องการทำลายล้างกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นไปได้เหล่านี้เป็นไปได้ทั้งหมด, คุณสามารถดูได้โดยง่าย, โลกอาจจะกลายเป็นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษย์เมื่อถึงปี 2012 และผู้ที่จะรอดได้นั้นอาจต้องมีชีวิตอยู่ใด้ดินหรือใต้เปลือกโลกเท่านั้น..


    ทศวรรษแห่งความล่มสลาย
    นพ.ประสาน ต่างใจ ผู้เขียนย้ำแล้วย้ำอีกในคอลัมน์นี้มาเป็นเวลานานว่า ทศวรรษที่ 2010 โดยเฉพาะปี 2012 จะเป็นปีที่สรุปรวบยอดของสภาวะความพินาศระดับโลกแห่งชรวิตที่เรียกว่าความล่มสลายระดับโลก (mass extinction or spasm) อีกครั้งหนึ่งซึ่งจะเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของโลกกายภาพหลังกำเนิดการของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับวิกฤติใหญ่หรือภัยธรรมชาติเช่นสึนามิ แผ่นดินไหวที่แคชเมียร์ หรือเฮอริเคนแคทรินาที่เรายังจำความโหดร้ายรุนแรงของมันได้ วิกฤติดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ น้อยๆ สุดจะนำมาเทียบกันไม่ได้ ที่ผู้เขียนย้ำหรือเชิงคาดการณ์มานั้น - หากมองจากการคาดการณ์ที่มีรากฐานทางวิทยาศาสตร์บ้าง

    การคาดการณ์ของผู้เขียนอาจเร็วกว่านักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนไปหลายๆ ปี หรือหลายๆ ทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นเดวิด คิง, ฟริตจอฟ แคปร้า, เลสเตอร์ บราวน์, บิล จอย ฯลฯ ที่ผู้เขียนเคยเอามาเขียนและอ้างอิงไว้บ่อยครั้ง แต่ที่ผู้เขียนระบุว่าปี 2012 คือปีที่โลกแห่งชีวิตรวมทั้งมนุษยชาติ อารยธรรมจะถึงกาลล่มสลายอย่างใหญ่หลวงจนเสี่ยงต่อการสิ้นสูญของเผ่าพันธุ์ นั้น ผู้เขียนคำนวณจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นกว่าที่ไอพีซีซี (IPCC-UN) เคยคาดการณ์ให้ไว้ (โปรดเทียบข้อมูลที่ให้ไว้ครั้งแรกในปี 1995 กับรายงานครั้งหลังสุดเมื่อปีที่แล้ว) โดยเฉพาะอุณหภูมิที่ขั้วโลก กรีนแลนด์ และยอดภูเขาสูง นั่นคือการคำนวณปริมาณของน้ำแข็งที่ละลายกลายเป็นน้ำที่อาจก่ออุทกภัยและทำ ให้น้ำทะเลมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่าง น้ำแข็งจากยอดเขาสูงเช่นหิมาลัยแห่งเดียวได้ละลายกลายเป็นน้ำถึงวันละกว่า หนึ่งล้านตัน และอย่าลืมว่าเมื่อน้ำแข็งละลายถึงจุดวิกฤติ ก้อนน้ำแข็งจะแตกออกทำให้การละลายเพิ่มอัตราความเร็วเป็นทวีคูณโดยมาตรทาง เรขาคณิต นอกเหนือการละละลายของน้ำแข็งจากโลกร้อน ผู้เขียนยังคำนวณจากประเด็นอื่นๆ เช่นปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ อัตราความถี่ของการย้ายแผ่นหินเปลือกโลกและแผ่นดินไหวกับภูเขาไฟระเบิด การย้ายสถานที่ของประชากรแมลง และประเด็นทางภูมิดาราศาสตร์อื่นๆ ทั้งหมดบังเอิญมาตรงกับคำทำนายของปฏิทินของชาวมายาที่ชาวนิวเอจแทบทุกคน เชื่อ ปฏิทินที่มาจบฉบับสุดท้ายไว้ที่ปี 2012 พอดี (the crash of 2012!)

    การที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาว่ามีถึง 5000 ปีนั้นไม่ได้แปลว่าระยะเวลาก่อนปีพุทธศักราชที่ 5000 นั้นจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆขึ้นเลย ซึ่งหมายความว่าการล่มสลายนั้นไม่ว่าจะเป็นศาสนาหรืออารยธรรมใดๆก็ตามอาจ เริ่มต้นด้วยการเสื่อมถอยจนไปหรือการเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ทำให้ ศาสนาหรืออารยธรรมสิ้นสุดลงไปก่อนหน้าที่จะถึงปีที่มีการสิ้นสุดจริง ยกตัวอย่างว่าในปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) ที่จะถึงนี้ พุทธศาสนาเริ่มการล่มสลายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ (ในกรณีที่ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นจริง) ผู้คนล้มตายกันเห็นจำนวนมหาศาล ผู้คนที่เหลือรอดชีวิตต่างแสดงความเห็นแก่ตัวเพื่อความอยู่รอดของตัวเองจน ลืมหลักคำสอนของศาสนา เป็นแบบนี้ไปจนกระทั่ง พ.ศ. 5000 พุทธศาสนาได้ล่มสลายลงไปโดยสิ้นเชิง จนกว่าจะมีการเริ่มต้นใหม่ของพระพุทธศาสนาโดยการประสูติของพระพุทธเจ้า และเริ่มนับปีพุทธศักราชใหม่ในปีที่มีการสถาปนาขึ้น (เช่น ปีพุทธศักราชเดิมเริ่มนับจากปีที่มีการสวรรคตของพระพุทธเจ้า) โดยการเริ่มนับที่ พ.ศ. 1 ทำนองนี้

    ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่วันที่โลกดับสลาย แต่มันเป็นช่วงมหันตวิกฤติที่อารยาธรรมของมนุษย์ล่มสลายและสิ่งมีชีวิตหลาย ชนิดหรืออาจจะทุกชนิดล้มตายเป็นจำนวนมหาศาลหรือบางชนิดที่สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ลง จึงมีบางส่วนที่สามารถรอดชีวิตมาได้ พร้อมกับความเชื่อทางศาสนาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยที่บางส่วนยึดถืดปฏิบัติและบางส่วนทำให้เสื่อมค่าลง เป็นแบบนี้ไปจนถึงปีที่ 5000


    ขอบคุณที่มา : jesdath - bloggang.com

    2012
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    สิ่งลี้ลับบนดาวอังคาร


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_82112>--มีคนเขียนกันไว้เยอะมาก เกี่ยวกับสิ่งแปลกๆบนดาวอังคาร แต่ผมจะเขียนที่เขาไม่ค่อยเสนอไว้ก็แล้วกันนะครับ
    --ปรัชญาของผม ก็คือผมรู้อะไร ท่านผู้อ่านต้องรู้เท่าๆกัน
    --ณ วันนี้ มีทฤษฎีโฟตอนเบลท์--แถบโฟตอน---ที่ได้รับการยืนยันกันอย่างมากในต่างประเทศ --ดูเหมือน เป็นฝันลมๆแล้ง แต่จะเกิดในประมาณ 5ปี หรือเกิดใกล้ 2012 นะครับผม
    --แม้หนังจะออกโรงไป คนส่วนหนึ่งกลับมาเชื่อว่าโลกจะไม่มีภัยพิบัติ 2012 แต่เราต้องมาหาข้อมูลกันต่อไป เว็ปซีต้าทอล์ค คุยว่า เขาทำนายไม่เคยพลาด ก็ต้องหาข้อมูลต่อไปอีก --แรงโน้มถ่วงของดาวขนาดใหญ่กับสนามแม่เหล็กที่มันพุ่งเฉียดโลก จะทำให้ดาวเทียมหาพิกัดทำงานพลาด รถไฟ และเครื่องบินจะเสียทิศทาง--- เกิดมหาภูเขาไฟ ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น ก็ต้องดูกันไป คนฟิลิปปินส์เชื่อเยอะ 73 เปอร์เซนต์เพราะเจอเข้าไปหลายรอบ
    ----มาดาม เฮเลน่า บลาวัตสกี้ ได้ไปเยี่ยมเยือนสำนักโยคีที่เชิงเขาหิมาลัย ท่านหัวหน้าโยคีกล่าวยิ้มๆว่า "โยคีประเภทที่สามารถทำดอกไม้ให้ร่วงมาจากฟ้าได้นั้น ปัจจุบันนี้คงไม่มีแล้ว" มาดามได้ฟังจึงบอกว่า "แบบนี้ใช่ไหม" พลางยกมือขึ้นโบกในอากาศ ฉับพลันก็มีดอกกุหลาบแดงจำนวนมาก หล่นมาจากอากาศโดยทันที เรื่องนี้มีบันทึกไว้เป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก--และหญิงคนนี้ที่ได้หาตัวศาสดา ของโลก โดยใช้ให้ท่านลีดปีเตอร์ไปค้นหา ในที่สุดก็พบเด็กชายคนหนึ่งกับพี่ชายของเขา ก็คือ ท่านกฤษณะมูรติ มีรัศมีออกจากตัว(ออร่า) และชื่อว่าเป็นร่างของ พระศรีอารย์ หรือ อัลชีวัน (ดวงอาทิตย์กลางกาแลกซี่--ถ้าจะศึกษาเรื่องลึกลับ ต้องรู้จักบรรดามาสเตอร์ เช่น ท่าน คุถููมี -มอร์ย่า-ลัทธิภราดรภาพขาว--ซึ่งชาวต่างดาวก็มี
    ----เอ็ด วิน อัลดริน ที่ได้มานับถืออิสลามภายหลัง มีข่าวว่า เขาได้พบคลื่นพลังงานในความถี่คลื่นสั้น ออกมาจากโลก ตอนอยู่บนดวงจันทร์ และ นาซ่าไปดาวอังคารก็เจอคลื่นนี้อีก-ไปได้ไม่สิ้นสุด ทางนาซ่าก็ใช้เครื่องมือค้นหา พบว่ามาจากหินสีดำ คือหินศักดิ์สิทธิ์กาบะห์ ซึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษมี อยู่ 3 ชิ้น ทางนาซ่าได้ขอครวจสอบ พบว่า เป็นหินที่ไม่ได้กำเนิดบนโลกนี้--วิดิโอข่าวจากตะวันออกกลาง--ต้องเช็ค ข้อมูลกันอีกที
    ----ผ่างๆ นายพลคนหนึ่งได้ขับเครื่องบินเข้าไปในรูที่ขั้วโลกเหนือโดยไม่รู้ตัว ได้พบกับมนุษย์ที่มีพลังจิตและจิตใจสูง เมื่อได้รับข่าวสารแล้ว เขาก็บินกลับออกมา โดยมีหลักฐานเป็นฟิล์มภาพยนตร์ และลูกหลานก็พยายามบอกความจริงนี้ แต่ทางการสหรัฐออกมาโต้ และพยายามปิดข่าวแบบร้อนตัว
    ---โอลาฟ แจนเซ่น กับพ่อ ได้ล่องเรือเข้าไปในช่องขั้วโลกนี้โดยไม่รู้ตัว ได้พบกับมนุษย์ยักษ์ แต่กายแปลกๆแบบคนจีน ไว้หนวดเครา พวกนี้พาขึ้นเรือที่เห็นได้ว่าใช้พลังงานไฟฟ้า ในนั้นมีดวงอาทิตย์ หนึ่งดวง ดังในเรื่องที่กล่าวว่ามีแดนสวรรค์หรือสวนเอเดน เขาไปอยู่ที่เกาะ โจฮู 1 ปี ได้พบกับนักบวชที่ขี่ช้างแมมมมอธ พักหนึ่งเขาอยากกลับบ้านบนโลก พวกนั้นก็ปล่อยเขาออกมา เมื่อเขาเผยแพร่เรื่องนี้ ได้ถูกจำคุกไว้ถึง 24 ปี
    ---หนังสือ ชื่อ อีธิ ดอร์ฟา โดย ยูริ ลลอยด์ ได้บรรยายถึงการลงไปใต้โลก 50 ไมล์ จะพบว่าไร้น้ำหนัก มีเห็ดยักษ์ มีสัตว์แปลกๆ แบบโลกล้านปี ไป 150 ไมล์จะพบทะเล เจอมนุษย์ที่มีพลังจิตสูง เหมือนในเรื่อง ผจญภัยใต้โลก
    ----พบ ว่ามีปล่องมากมายที่ลงไปใต้โลกได้ และมีผู้เคยไปมากหลายคน
    ในหนังสือต่าง ประเทศเกี่ยวกับเรื่องลึกลับ จะกล่าวถึง ทวีป มู ดิแดน อกราธา--Agratha หรือชัมบัลล่า เป็นอาณาจักรใต้โลก ทางอินเดียกล่าวว่าชาวอารยัน มาจากอาณาจักรใต้โลก มีเทคโนโลยี่หลายอย่างที่นำมาสอนให้ชาวโลกเรา--ฮิตเล่อร์เองก็ศึกษาลัทธิ โบราณเหล่านี้ และอยกสร้างนักรบอารยัน จึงพยายามค้นหาทวีปนี้มาตลอด--ไว้ต้องเขียนใหม่อีกแล้ว
    --------------------------------------------------------------


    ---ภาพหัวกระโหลกที่แข็งเป็นฟอสซิลแล้ว น่าจะเป็นของลิงกอริลล่า
    หรือมนุษย์เผ่าหนึ่ง--


    ----ภาพสิ่งที่คล้ายต้นไม้อย่างมาก ขึ้นอยู่เป็นป่า โปรดสังเกตว่า ภาพจากดาวอังคาร มักจะไปถ่ายที่มี ดิน-หิน เป็นสีแดง หรือใส่แผ่นกรองสีให้มีสีแดง เพื่อปกปิดเรื่องแหล่งน้ำ กันไว้เผื่อชาติอื่นจะสนใจ มาตัดหน้าแย่งชิงพื้นที่ดาวอังคาร
    ---

    ข้อมูลจาก:www.bloggang.com</TD></TR></TBODY></TABLE>
    สิ่งลี้ลับบนดาวอังคาร - เรื่องลี้ลับ - Aimza สังคมแห่งการให้ และ มิตรภาพที่ไม่มีวันสิ้นสุด Aimza
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ZetaTalk: SOHO Says So
    written December 5, 2009


    <HR>
    <TABLE width="86%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="60%">[​IMG]An object with a tail was captured on a C2 image by the LASCO satellite. This object captured on December 23 has a distinct tail drifting to the left. <DL><DT> <DT>We have mentioned that as Planet X begins to turn the hose of magnetic particles from its N Pole toward Earth, that Earth would try to escape by moving as far to the left as possible, putting Planet X to the right of the Sun in the view from Earth. <DD>ZetaTalk: Planet X Right, written December 27, 2008 </DD></DL></TD><TD vAlign=top width="40%">[​IMG]Check out the Pole Shift blog. Planet X has been spotted on STEREO Cor2 AHEAD and when enlarged it is a reddish-colored cross, with a tail! The AHEAD satellite is closer to Planet X, which is coming at Earth in a retrograde orbit. </TD></TR><TR><TD width="60%" colSpan=2>Planet X was captured on March 27, 2009 on SOHO. It appeared briefly as the Winged Globe of legend. The 3:18 image captured the Winged Globe, the prior and later images did not have this rare capture. Per Skymap, only the planet Mercury should be in the four o'clock position on that day, to the right of the Sun.
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    Where Planet X, in line of view, is normally behind the Sun blocking circle, the stereo satellites are positioned to either side of Earth and thus pull in different views of what is behind the Sun as well as different views of what is to the side and in front of the Sun, as the Cor Overlap image shows. Place an object approximately half way between Earth and Sun on the Cor2 AHEAD (right hand) view, so that it would appear at the 4 o'clock position in the line of view. This is what is being observed! Why did Planet X not appear on September 19, 2009, but now is doing so? Because the Earth is pulling far to the left, trying to evade Planet X, placing Planet X further to the right in line of view.
    <DL><DT>[​IMG]The position of the object is similar to the placement to Planet X (4:30 o'clock) on C2 and C3 captures. In both the 2009-12-04 00:09:35 and 2009-12-05 00:09:35 images it is on the AHEAD Cor2, but not on the BEHIND Cor2. The Earth is the dot at the bottom of the orbit swath. Stereo AHEAD is the fan opening up from the right of Earth, includes the Sun and beyond. Stereo BEHIND is the fan opening up at the left of the Earth. <DT> <DT>This issue was raised on Oct 3, 2009 on the GLP chat regarding a September 19, 2009 image and a September 24, 2009 image and a prior July 1, 2009 image and the Zetas said what was presented was not Planet X at that time. In all these cases a planet like Mercury was in the field of view, and the images appeared on the BEHIND satellite, not the AHEAD. Also the planet in question appeared above the Sun in the Cor2 images. The December 4 and December 5 2009 images are below the Sun in line of view. <DT> <DT>When enhanced, the red cross that appeared on December 5, 2009 showed a flowing tail, similar in appearance to other SOHO shots of Planet X and the appearance of the Planet X complex when it arrived into the inner solar system in early 2003. This is not the appearance of a planet such as Mercury.
    <CENTER>​
    <DT>[​IMG] </CENTER>การแปลภาษา ภาษาอังกฤษ เป็นภาษา ภาษาไทย


    <OBJECT id=tts_flash codeBase=http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=5,0,0,0 height=18 width=18 classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000>
























    </OBJECT>
    ZetaTalk : SOHO กล่าวว่าดังนั้น
    เขียน 5 ธันวาคม 2009

    -------------------------------------------------- ------------------------------

    วัตถุที่มีหางถูกบันทึกในรูป C2 โดยดาวเทียม LASCO วัตถุที่ถ่ายวันที่ 23 ธันวาคมนี้มีหางที่แตกต่างล่องลอยไปทางซ้าย

    เราได้กล่าวถึงว่าเป็นดาวเคราะห์ X เริ่มเปิดระบบท่อส่งอนุภาคแม่เหล็กจาก N ขั้วโลกของมันที่มีต่อโลกว่าโลกของเราจะพยายามที่จะหลบหนีโดยการย้ายไปไกลสุดไปทางซ้ายที่เป็นไปได้วาง Planet X ไปทางขวาของดวงอาทิตย์ในมุมมอง จากโลก
    ZetaTalk : Planet X ขวาเขียน 27 ธันวาคม 2008 ตรวจสอบบล็อก Pole Shift Planet X ได้รับการด่างบน STEREO Cor2 ขยายข้างหน้าและเมื่อมันเป็นกากบาทสีแดงที่มีหาง! ดาวเทียมไปข้างหน้าอยู่ใกล้ Planet X ซึ่งเป็นที่มาในวงโคจรโลกเสื่อมลง
    Planet X ก็ถูกจับวันที่ 27 มีนาคม 2009 ใน SOHO ก็ปรากฏเป็นปีกสั้น Globe ของตำนาน 03:18 ภาพที่ถ่ายปีก Globe, ภาพก่อนและหลังจากนั้นไม่ได้มีการจับภาพนี้หายาก ต่อ Skymap เพียงดาวเคราะห์เมอร์ควรจะอยู่ในตำแหน่งสี่โมงในวันนั้นไปทางขวาของดวงอาทิตย์





    ที่ Planet X, ในสายของมุมมองเป็นปกติหลังการปิดกั้นวงกลม Sun, ดาวเทียมสเตอริโออยู่ในตำแหน่งที่ด้านข้างของโลกจึงดึงทั้งในมุมมองที่แตกต่างกันของสิ่งที่อยู่ข้างหลังดวงอาทิตย์เป็นมุมมองที่แตกต่างกันของสิ่งที่อยู่ด้านข้าง และในด้านหน้าของดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นภาพซ้อนทับครแสดง วางวัตถุประมาณครึ่งทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์บน Cor2 Ahead (ขวา) ดูเพื่อว่าจะปรากฏที่ 4 ตำแหน่งในสายนาฬิกาดู นี่คือสิ่งที่จะถูกสังเกต! Planet X ทำไมถึงไม่ปรากฏวันที่ 19 กันยายน 2009 แต่ขณะนี้คือการทำเช่นนี้? เพราะโลกคือการดึงไกลไปทางซ้ายพยายามหลบเลี่ยง Planet X, วาง Planet X ต่อไปทางขวาในเส้นของมุมมอง

    ตำแหน่งของวัตถุคล้ายกับตำแหน่งเพื่อ Planet X (04:30 นาฬิกา) จากการจับ C2 และ C3 ทั้งในและ 2009/12/04 00:09:35 2009/12/05 00:09:35 ภาพมันอยู่ใน Cor2 ข้างหน้า แต่ไม่ได้อยู่ในที่อยู่เบื้องหลัง Cor2 โลกก็คือจุดที่ด้านล่างของแนววงโคจร สเตอริโอข้างหน้าเป็นแฟนเปิดจากด้านขวาของโลกรวมถึงดวงอาทิตย์และอื่น ๆ สเตอริโอเบื้องหลังเป็นแฟนเปิดขึ้นที่ด้านซ้ายของโลก

    ปัญหานี้ได้รับการเลี้ยงดูที่ 3 ตุลาคม 2009 ในการสนทนาเกี่ยวกับ GLP 19 กันยายน 2009 ภาพและ 24 กันยายน 2009 ภาพและก่อน 1 กรกฎาคม 2009 ภาพและ Zetas กล่าวว่าสิ่งที่นำเสนอไม่ Planet X ในเวลานั้น ในทุกกรณีเหล่านี้ดาวเคราะห์เช่นดาวพุธอยู่ในเขตของมุมมองและภาพที่ปรากฏบนดาวเทียมด้านหลังไม่ไปข้างหน้า นอกจากนี้ดาวเคราะห์ในคำถามปรากฏบนดวงอาทิตย์ในภาพ Cor2 ธันวาคม 4 และ 5 ธันวาคม 2009 ภาพที่อยู่ด้านล่างดวงอาทิตย์ในสายของมุมมอง

    เมื่อเพิ่ม, กาชาดที่ปรากฏอยู่บน 5 ธันวาคม 2009 พบว่าหางไหลที่คล้ายกันในลักษณะที่ภาพ SOHO อื่น ๆ ของ Planet X และลักษณะของความซับซ้อน Planet X เมื่อมันมาถึงเข้าไปในระบบสุริยจักรวาลด้านในต้นปี 2003 นี่ไม่ใช่ลักษณะที่ปรากฏของดาวเคราะห์เช่นดาวพุธ


    </DT></DL>​
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OLDMAN AND A CAR<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4075861", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]
    วันที่ ๒๔ พ.ย. ๒๕๕๓...

    อะไรบางอย่างที่ว่า...มาแล้วครับ ในภาพข้างล่างนี้ ขวามือ เป็น ภาพขยายของ PX และดวงจันทร์ จำนวน ๒๔ ดวง ดวงจันทร์เหล่านี้ แต่ละดวง ยัง มี ดวงจันทร์บริวารของมันอีก และ สามารถ รักษาระยะห่างให้ คงที่เท่าๆกันได้...ในระหว่างช่องว่าง ของดวงจันทร์ มีกลุ่มฝุ่นละออง ทำให้ แลดู เป็นภาพเนื้อเดียวกัน และ คล้ายๆวงรี หรือ รูปปีกนก...ภาพนี้ถ่ายล่าสุด เมื่อ ๑๘ พ.ย. ๒๕๕๓

    ..ตำแหน่ง PX with Moons นี้ อยู่ระหว่าง โลก และ ดวงอาทิตย์...

    เครดิต: ท่านโลธ่าร์...เจ้าเก่า สนใจอ่านได้ที่ Lothar's blog ครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Attached Thumbnails</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-23
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    b0abb0bi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4029666", true); </SCRIPT>
    คำอธิบายภาพที่ Lothar นำมาให้ดูจากเน็ต<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]

    The author enhanced inverse variants of the four pictures from January 1, 10, 15 and 20 and laid them one upon the other to reconstruct the orbits with the center object as point of reference.

    [​IMG]\

    In this layered reconstruction, we used a working assumption, in which the respective image scales were treated as identical.
    Object A —Orbital Period of 22 to 25 Days

    The brightest satellite, labeled a1 through a4 for its four positions in the picture above, can be traced along an ellipse around the center object.
    However, looking at the dates, there is a catch. From position 1 to position 2 is nearly halfway around the ellipse, meaning that the object moves around the center of the system in approximately 20 days. This assumes, of course, that this object traveled from point 1 to 2 without completing a full orbit in between.
    Between positions a3 and a4, there should then be roughly a quarter of the orbit. There isn't. This simple orbit solution, therefore, appears to be incorrect. There is, however, one possible explanation for this elliptical orbit solution that could hold for these four positions.
    This possibility, be it remote, is that position a2 is 1 to 3 days past the pericenter of object a, because in that case, the orbital velocity between a1 and a2 would logically be much higher than between point a3 and a4.
    Our field of view would then be at a shallow angle to the plane of this orbit. In that case, the orbit would have a period of 22 to 25 days.
    Object B — Unstable Orbit

    Object b cannot be fitted into an elliptical orbit at all; its orbit must therefore be an unstable orbit.
    Object C — Orbital Period of 21 to 22 Days

    Object c can again be fitted into an ellipse. It travels only roughly a fifth of that elliptical path between the first two dates. Its orbit seems more circular than orbit a, which would mean object c has an orbital period of 45 days, which is around 2 times that of object a.
    The size of the orbit of object c does not appear much larger than the orbit solution for object a. This would mean a contradiction between the two. The answer could be similar to the answer for object a, a shallow angle of view at the orbit plane.
    The angle along the path between position c3 and c4 is larger than that between position c1 and c2 for the orbit. The time between c3 and c4 is, however, only half that between c1 and c2.
    The only possibility for that appears to be that position c3 is 1 to 2 days before pericenter of the orbit. Even with this pericenter position this orbit solution is probably not correct, though, given the relative distance to the center object along the path, even at this shallow angle of view. If it is correct, this object has an estimated orbital period of 21 or 22 days.
    Object D — Unstable Orbit

    Object d again cannot be fitted along any elliptical path around the center object. It must also have an unstable orbit.
    Conclusion

    The conclusion on the analysis of the orbits is that they may in fact be actual orbits of satellites around the bigger center object. Two of the four do not have stable orbits, in that case.
    This could be due to instability of the center object or to the Kozai mechanism, which destabilizes an orbit if it is at a steep angle to the rest of the system.
    The planes of the two orbits that seem to match elliptical solutions are at roughly a 40-60 degree angle towards each other. As a result, this entire system is not likely to be stable any more.
    The effects of the Kozai mechanism are notable; two of the four objects have destabilizing orbits that will probably not exist much longer before they break away, while the other two seem to be starting to destabilize, as well. Approaching this system, therefore, is likely to be dangerous.

    ผู้เขียนเพิ่มการแปรผกผันของสี่ภาพวันที่ 1 มกราคม, 10, 15 และ 20 และวางพวกเขาหนึ่งเมื่ออื่น ๆ เพื่อสร้างวงโคจรกับวัตถุศูนย์เป็นจุดอ้างอิง

    \

    การฟื้นฟูชั้นนี้เราใช้สมมติฐานการทำงานที่เครื่องชั่งภาพตามลำดับได้รับการรักษาเหมือนกัน
    วัตถุระยะเวลาของการโคจรของ A - 22 - 25 วัน

    สว่างดาวเทียมการติดฉลาก a1 ผ่าน A4 สำหรับสี่ตำแหน่งในภาพข้างต้นสามารถสืบตามแนววงรีรอบวัตถุศูนย์
    แต่ดูที่วันที่จะมีการจับ ตั้งแต่วันที่ 1 ตำแหน่งถึง 2 ตำแหน่งคือเกือบครึ่งหนึ่งรอบวงรีรูปไข่นั้นมีความหมายว่าวัตถุเคลื่อนรอบศูนย์กลางของระบบในเวลาประมาณ 20 วัน นี้จะถือว่าแน่นอนว่าวัตถุนี้เดินทางมาจาก 1 ชี้ไปที่ 2 โดยไม่เสร็จสมบูรณ์เต็มวงโคจรในระหว่าง
    ระหว่างตำแหน่งที่ A3 และ A4 มีควรจะประมาณไตรมาสของวงโคจร มีไม่ แก้ปัญหาวงโคจรนี้ง่ายจึงจะปรากฏขึ้นไม่ถูกต้อง มี แต่คำอธิบายหนึ่งที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหานี้วงโคจรเป็นวงรีที่สามารถจับสำหรับเหล่าสี่ตำแหน่ง
    ความเป็นไปได้นี้ไม่ว่าจะเป็นระยะไกลเป็น a2 ตำแหน่งที่ 1 ถึง 3 วันที่ผ่านมา pericenter ของวัตถุเนื่องจากในกรณีที่ความเร็วในวงโคจรระหว่าง A1 และ A2 มีเหตุผลจะสูงกว่าจุดและระหว่าง a3 a4
    เขตข้อมูลของเราแล้วก็จะดูในมุมตื้นกับระนาบของวงโคจรนี้ ในกรณีที่วงโคจรจะมีระยะเวลา 22-25 วัน
    วัตถุ B -- Orbit Unstable

    B วัตถุไม่สามารถติดตั้งเข้าสู่วงโคจรเป็นวงรีที่ทุกวงโคจรของมันจึงต้องมีวงโคจรไม่เสถียร
    Object C -- ระยะเวลาของการโคจรของ 21 ถึง 22 วัน

    คอบเจกต์อีกครั้งสามารถติดตั้งเป็นวงรีรูปไข่ ที่เดินทางเพียงประมาณหนึ่งในห้าของเส้นทางรูปไข่ว่าระหว่างสองวันแรก วงโคจรของมันดูเหมือนว่ากลมกว่าวงโคจรซึ่งจะหมายถึง C วัตถุมีระยะเวลาโคจรของ 45 วันซึ่งเป็นรอบ 2 เท่าของวัตถุ a.
    ขนาดของวงโคจรของควัตถุจะไม่ปรากฏมีขนาดใหญ่กว่าวงโคจรโซลูชั่นสำหรับวัตถุ a. นี้จะหมายถึงความขัดแย้งระหว่างสอง คำตอบอาจจะคล้ายกับคำตอบสำหรับวัตถุ, มุมตื้นของมุมมองที่ระนาบวงโคจร
    มุมตามเส้นทางระหว่าง c3 c4 ตำแหน่งและมีขนาดใหญ่กว่าที่ระหว่างตำแหน่ง C1 และ C2 สำหรับวงโคจร เวลาระหว่าง C3 และ C4 เป็น แต่เพียงครึ่งเดียวที่ระหว่าง C1 และ C2
    ความเป็นไปได้เท่านั้นที่จะปรากฏเป็น c3 ตำแหน่งที่ 1 ถึง 2 วันก่อน pericenter ของวงโคจร แม้จะมีตำแหน่งวงโคจร pericenter นี้แก้ปัญหานี้อาจไม่ถูกต้อง แต่ให้ระยะทางเทียบกับวัตถุศูนย์ไปตามทางแม้แต่ในมุมตื้นของมุมมองนี้ หากมีการถูกต้องวัตถุนี้มีระยะเวลาโคจรประมาณ 21 หรือ 22 วัน
    วัตถุ D -- Orbit Unstable

    วัตถุงอีกครั้งไม่สามารถติดตั้งตามเส้นทางรูปไข่ใด ๆ รอบวัตถุศูนย์ นอกจากนี้ยังต้องมีวงโคจรไม่เสถียร
    ข้อสรุป

    สรุปผลการวิเคราะห์ของวงโคจรเป็นที่พวกเขาในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงอาจจะวงโคจรของดาวเทียมรอบวัตถุศูนย์ใหญ่ สองในสี่ที่ไม่ได้มีวงโคจรคงที่ในกรณีที่
    ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของวัตถุที่ศูนย์หรือกลไก Kozai ซึ่ง destabilizes วงโคจรถ้ามันอยู่ที่มุมชันไปยังส่วนที่เหลือของระบบ
    ระนาบวงโคจรของทั้งสองที่ดูเหมือนจะตรงกับโซลูชั่นรูปไข่อยู่ที่ประมาณ 40-60 องศามีต่อกันและกัน เป็นผลให้ระบบทั้งหมดนี้ไม่น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นใด ๆ
    ผลกระทบของกลไก Kozai มีชื่อเสียง; สองในสี่วัตถุมีวงโคจรทำให้เกิดความวุ่นวายที่อาจจะไม่อยู่นานก่อนที่จะแบ่งออกไปในขณะที่อีกสองดูเหมือนจะเริ่มเสถียรรวมทั้ง ใกล้ระบบนี้จึงมีโอกาสที่จะเป็นอันตราย



    ลิ้งค์ดูเพิ่มเติม :cool:


    First Leaked SPT Planet X / Nibiru Images: Part 4 — Satellite Orbits by Jacco van der Worp, MSc<!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-19
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->OLDMAN AND A CAR<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4031502", true); </SCRIPT>
    ที่มา: ELUHESKO'S BLOG

    ..วันนี้ เป็นข้อมูล ของ แมกนีโต สเฟียร์ นำมาให้ชมกัน จาก zetatalk เช่นเคย คงไม่เบื่อนะครับ...เพราะว่า มีเขา เจ้าเดียว ที่เกือบจะเรียกได้ว่า ผูกขาดกิจการโลกแตกสากล ไปแล้ว...

    โปรดสังเกต ทิศ ๔ นาฬิกา...จากโลก ประมาณ มุมขวาล่างของภาพ มี พลังงานสนามแม่เหล็ก แปลกปลอม ติดมากับสนามพลังแม่เหล็กโลก...ดูจากวงกลมสี ฟ้า ใกล้ๆ แถบสีแนวตั้ง นะครับ...

    Howard หนึ่งในนักวิชาการก๊วนฯ ให้ความเห็นว่า...เป็นพลังสนามแม่เหล็กของวัตถุ ที่ เรียกว่า ดาวเคราะห์ แม้ว่า ดาวเคราะห์นั้น จะ เย็นตัวลงมากแล้วก็ตาม...แต่ ยังคงมี สนามแม่เหล็กอยู่...มากจนสามารถ จับภาพได้...แสดงว่า ขนาด ของดาวนี้ ใหญ่พอๆกับโลก ของเรา...ซึ่ง การค้นพบนี้ ตรงกับ การค้นพบ จาก ภาพถ่าย โดย โซโห และ กล้อง สเตอริโอ อื่น ที่ถ่ายจากตำแหน่ง นอกโลก...ที่พวกเราได้นำเสนอท่านผู้อ่านก่อนหน้านี้แล้ว...

    ..นี่ เป็น อีกหลักฐานหนึ่ง...ที่ จะทำให้ท่าน ได้เฮ...<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Attached Thumbnails</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-19
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    b0abb0bi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4020250", true); </SCRIPT>
    การทำนายโดย Zeta : 7 of 10 เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]


    [FONT=&quot]การทำนายโดย [/FONT][FONT=&quot]Zeta : 7 of 10 เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก[/FONT]


    [FONT=&quot]บางทีระหว่างนี้และสิ้นปี (2010), Zetas คาดการณ์ว่า "7 of 10"ของเหตุการณ์โลกจะเกิดขึ้น, 7 of 10 ไม่ได้ชี้โดยตรงว่าเป็นวันที่"pole shift"แต่เป็นความเข้มข้นของเหตุการณ์และความเหมาะสม แต่ Zetas อยู่ภายใต้ข้อจำกัด โดย* สภาแห่งสากลโลกที่จะไม่พูดว่าเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์ 7 จะเกิดขึ้น แต่สำหรับการแนะนำมันอาจจะเริ่มต้นด้วย(ทางใต้) การเปลี่ยนแปลงของลิ้นของเปลือกโลกยูเรเชีย (สีส้ม) ถูกผลักลงทำให้ชายฝั่งอินโดนีเซียอยู่ภายใต้คลื่น, ที่ประมาณระดับ 40 ฟุต ภาคใต้ของจีน (บนสุด) ของสีส้ม จะมีการสูญเสียประมาณ 20 ฟุตซึ่งเป็นจุด"การโค้งงอ"ของเปลือกโลกยูเรเชีย เทือกเขาหิมาลัยเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของเปลือกโลกยูเรเชีย,ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่า"ลิ้น"นี้กำลังถูกบังคับลงโดย Pacific Plate ย้ายไปทางตะวันตก (สีน้ำเงิน) ต่อต้านกับแผ่นอินโด –ออสเตรเลีย (สีเหลือง) ในโดมิโน effect ซึ่งจะมาพร้อมกับการเอียง (ฝั่งตะวันตก,ลงข้างล่าง) ของอินเดีย (สีแดงเข้ม) และพุ่งใส่ปากีสถานและอินเดีย(สีม่วง) เพิ่มเติมต่อจากระดับน้ำทะเล ในทางกลับกันชั้นของปะการังทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น (พื้นที่สีเขียวทางตะวันออกของออสเตรเลีย) แผ่นอินเดียคือส่วนสำคัญสำหรับการเคลื่อนไหวใหญ่ของแผ่นโลก นอกจากนี้ Zetasบอกว่าชุดของเหตุการณ์จะเปิดตัวที่ความรุนแรง 7 และไม่เพียงเกิดครั้งเดียวแต่จะเกิดต่อเนื่องในปี 2011[/FONT]​


    ตรงนี้เป็นแปลบทความการทำนาย 7 out of 10 โดย Zeta ครับ:cool:

    ZetaTalk: 7 of 10 Sequence
    written October 16, 2010



    <HR>

    [​IMG]
    The 7 of 10 scenarios describe plate movements, and for this to occur something has to release the deadlock, the current stalemate where the plates are locked against each other. Once the deadlock is broken and the plates start moving, sliding past each other, new points where the plates are locked against each other develop, but these are weaker locks than the one at present. The current lock, as we have so often stated, is the Indo-Australian Plate which is being driven under the Himalayans. This is no small lock, as the height of the Himalayans attests. Nevertheless, the activity in this region shows this likely to be the first of the 7 of 10 scenarios to manifest. Bangladesh is sinking and the Coral Sea is rising, showing the overall tipping of the Indo-Australian Plate. Now Pakistan is sinking and not draining its floods as it should, while Jakarta on the tongue of Indonesia is also sinking rapidly, showing that the tilt that will allow Indonesia to sink has already started.


    Meanwhile, S America is showing signs of a roll to the west. Explosions on islands just to the north of the S American Plate occurred recently, on Bonaire and Trinidad-Tobago, and the Andes are regularly being pummeled. There is a relationship. As the Indo-Australia Plate lifts and slides, this allows the Pacific plates to shift west, which allows S America to shift west also. This is greatly increased by the folding of the Mariana Trench and the Philippine Plate. But it is the Indo-Australian Plate that gives way to incite change in these other plates, and this is what is manifesting now to those closely following the changes. Once the folding of the Pacific has occurred, Japan has been destabilized. We are not allowed to give a time frame for any of these plate movements, but would point out that it is not until the North Island of Japan experiences its strong quakes that a tsunami causing sloshing near Victoria occurs. There are clues that the New Madrid will be next.

    Where the N American continent is under great stress, it has not slipped because it is held in place on both sides. The Pacific side holds due to subduction friction along the San Andreas, and the Atlantic side holds due to the Atlantic Rift's reluctance to rip open. What changes this dynamic? When S America rolls, almost in step with the folding Pacific, it tears the Atlantic Rift on the southern side. This allows Africa freedom to move and it rolls too, dropping the Mediterranean floor above Algeria. What is holding the N American continent together has thus eased, so that when the Japan adjustments are made, there is less holding the N American continent in place than before, and the New Madrid gives way. We are also not allowed to provide the time frame between the Japan quakes and New Madrid. Other than the relationship in time between the New Madrid and the European tsunami, no time frame can be given. The sequence of events is, thus:


    • a tipping Indo-Australia Plate with Indonesia sinking,
    • a folding Pacific allowing S America to roll,
    • a tearing of the south Atlantic Rift allowing Africa to roll and the floor of the Mediterranean to drop,
    • great quakes in Japan followed by the New Madrid adjustment,
    • which is followed almost instantly by the tearing of the north Atlantic Rift with consequent European tsunami.
    การแปลภาษา ภาษาอังกฤษ เป็นภาษา ภาษาไทย


    <OBJECT id=tts_flash codeBase=http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=5,0,0,0 height=18 width=18 classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000>
























    </OBJECT>
    ลำดับ 7 จาก 10 : ZetaTalk
    เขียน 16 ตุลาคม 2010

    -------------------------------------------------- ------------------------------



    7 จาก 10 สถานการณ์อธิบายการเคลื่อนไหวของแผ่นหนาและสำหรับนี้จะเกิดขึ้นได้บางสิ่งบางอย่างที่จะปล่อยหยุดชะงัก, ทางตันปัจจุบันที่ซึ่งแผ่นจะถูกล็อคกันเอง หลังจากหยุดชะงักเสียหายและแผ่นเริ่มต้นเคลื่อนไหว, เลื่อนผ่านกันจุดใหม่ที่ซึ่งแผ่นจะถูกล็อคต่อกันพัฒนา แต่เหล่านี้จะล็อคปรับตัวลดลงกว่าหนึ่งในปัจจุบัน ล็อคปัจจุบันที่เราได้กล่าวจึงมักจะเป็นแผ่นอินโดออสเตรเลียที่มีการขับเคลื่อนภายใต้ Himalayans นี้ไม่ล็อคขนาดเล็กเป็นความสูงของ Himalayans attests อย่างไรก็ตามกิจกรรมในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มนี้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกของ 7 จาก 10 สถานการณ์ให้ชัดแจ้ง บังคลาเทศจะจมและคอรัลซีจะเพิ่มขึ้นซึ่งแสดงให้ทิปโดยรวมของแผ่นอินโดออสเตรเลีย ขณะนี้ปากีสถานเป็นจมน้ำท่วมและการระบายน้ำไม่ได้ตามที่ควรในขณะที่จาการ์ต้าในลิ้นของอินโดนีเซียยังจมอย่างรวดเร็วแสดงว่าเอียงที่จะช่วยให้ประเทศอินโดนีเซียที่จะจมได้เริ่มต้นแล้ว

    ในขณะที่ของอเมริกามีการแสดงสัญญาณของการหมุนไปทางทิศตะวันตก ระเบิดบนเกาะเพียงทางตอนเหนือของ S American Plate เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ใน Bonaire และโตเบโกตรินิแดด - และเทือกเขาแอนดิสเป็นประจำถูก pummeled มีความสัมพันธ์เป็น ขณะที่อินโดออสเตรเลียยกจานและภาพนิ่งนี้จะช่วยให้แปซิฟิกแผ่นที่จะเปลี่ยนทิศตะวันตกซึ่งจะช่วยให้ของอเมริกาที่จะเปลี่ยนทิศตะวันตกยัง นี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยการพับของร่องลึกบาดาลมาเรียนาและแผ่นฟิลิปปินส์ แต่มันเป็นแผ่นอินโดออสเตรเลียที่ให้วิธีการยุยงการเปลี่ยนแปลงในแผ่นอื่น ๆ เหล่านี้และนี่คือสิ่งที่เผยแสดงถึงตอนนี้เพื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดต่อไปนี้ เมื่อพับของแปซิฟิกได้เกิดขึ้นญี่ปุ่นได้รับการ destabilized เราไม่ได้รับอนุญาตให้กรอบเวลาสำหรับใด ๆ เหล่านี้การเคลื่อนไหวของแผ่น แต่จะชี้ให้เห็นว่ายังไม่ได้จนกว่าจะเกาะเหนือของญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง quakes ประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ sloshing ใกล้ Victoria เกิดขึ้น มีปมใหม่ที่มาดริดจะได้รับการถัดไปมี

    ในกรณีที่ทวีป N อเมริกันอยู่ภายใต้ความเครียดมาก แต่ก็มีไม่ลื่นเพราะจะจัดขึ้นในสถานที่ทั้งสองด้าน ด้านแปซิฟิกถือเนื่องจากแรงเสียดทานมุดตัวพร้อม San Andreas, และด้านแอตแลนติกถือเนื่องจากความไม่สมัครใจแอตแลนติกรอยแยกที่จะแหวะ การเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกนี้เป็นอย่างไร เมื่อม้วน S อเมริกาเกือบจะในขั้นตอนที่มีพับแปซิฟิกก็น้ำตาแอตแลนติกรอยแยกทางตอนใต้ นี้จะช่วยให้เสรีภาพในการเคลื่อนย้ายและแอฟริกามันม้วนเกินไปที่ลดต่ำลงบนพื้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแอลจีเรีย คืออะไรโฮลดิ้งทวีป N อเมริกันด้วยกันจึงได้ผ่อนคลายลงเพื่อที่ว่าเมื่อปรับญี่ปุ่นจะทำมีน้อยโฮลดิ้งทวีป N อเมริกันในสถานที่กว่ามาก่อนแล้วและให้วิธีการใหม่มาดริด นอกจากนี้เรายังไม่ได้รับอนุญาตให้มีกรอบระยะเวลาระหว่าง quakes ญี่ปุ่นและนิวแมดริด ที่นอกเหนือจากความสัมพันธ์ในเวลาระหว่าง New มาดริดและคลื่นสึนามิยุโรป, กรอบเวลาไม่นานจะได้รับ ลำดับเหตุการณ์เป็นดังนั้น :

    การให้ทิปอินโดออสเตรเลีย Plate กับจมอินโดนีเซีย
    พับแปซิฟิกช่วยให้ของอเมริกาที่จะม้วน,
    ฉีกขาดของมหาสมุทรแอตแลนติกใต้รอยแยกแอฟริกาเพื่อช่วยให้ม้วนและชั้นของเมดิเตอร์เรเนียนไปวาง
    quakes อย่างมากในประเทศญี่ปุ่นตามด้วยการปรับใหม่มาดริด
    ซึ่งก็จะตามมาเกือบจะทันทีโดยฉีกขาดของแอตแลนติกเหนือรอยแยกกับสึนามิที่เกิดขึ้นเนื่องจากยุโรป



    ZetaTalk: 7 of 10 Sequence

    http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-17
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    b0abb0bi<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4022549", true); </SCRIPT>
    ภาพวงโคจรของ SOHO,Stereo Behind,Stereo Ahead<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]

    ภาพวงโคจรของ SOHO,Stereo Behind,Stereo Ahead:cool:<!-- google_ad_section_end -->
    สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างครับ

    HTML Code:

    http://poleshift.ning.com/profiles/blogs/nibiru-on-his-way-update</PRE>
    <!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/threads/ไม่รู้ว่ามีใครเห็น-planet-x-หรือยัง.253139/page-17
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2010
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    The Destruction of Babylon......." Mega Earthquake "


    ข้อสังเกตุ : ท่านผู้อ่านจากสหรัฐและแคนาดาอย่าเพิ่งแตกตื่นกันไปนะครับ


    ในระหว่างที่ผมกำลังเขียนถึงเรื่อง Subliminal Messages ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึง "ความเป็นไปได้" ของภัยพิบัติ คือ Mega Earthquake หรือแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับบาบิโลนหรือสหรัฐอเมริกาและแคนาดาบางส่วน ดูเหมือนสัญญานจะถูกส่งออกมาเรื่อยๆ ครับ


    โดยเกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างผิดปรกติขึ้นหลายครั้งในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาครับ ถึงแรงสั่นสะเทือนจะไม่มากแต่ก็แรงพอที่จะรู้สึกถึงความน่ากลัวได้ในหลายๆ รัฐ โดยเฉพาะ เนบลาสก้า โอคลาโฮม่า ฮาวายและบริเวณโดยรอบ


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/pHEvAocKn3w?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=500 height=400 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/h7deujWGe78?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=500 height=400 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/ZvtjcG9VbOU?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=500 height=400 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>


    ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเริ่มมีการทำ Simulation ของแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ริกเตอร์ ซึ่งรุนแรงมากครับ ( หนักกว่าเฮติ ) ทำไมหรืออะไรทำให้เค้าคิดไปถึงตรงนั้นก็ไม่ทราบได้ครับ และบริเวณที่เค้าจำลองเหตุการณ์ใน Simulation ก็เป็นบริเวณเดียวกับที่ผมกำลังจะเขียนไปถึงพอดี คือบริเวณ Midwest หรือภาคตะวันตกกลางของสหรัฐ


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/lOMqaRvul7Q?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=500 height=400 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>


    หมายเหตุ : ที่ผมคิดไว้ น่าจะยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ แต่น่าจะเป็นช่วงกลางปี 2011 ทำไมหรืออะไรที่ทำให้ผมคิดเช่นนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมจะเขียนในโพสต์ต่อๆ ไป แต่ถ้าข่าวออกมาอย่างนี้บ่อยๆ มันก็หลอนเหมือนกัน ไม่ว่าจะยังไง ทุกช่วงเวลาของชีวิตควรตั้งอยู่บนความ"ไม่ประมาท" ไว้เป็นดีที่สุดครับ




    โพสต์โดย What's going on in America
     
  10. cef-a31

    cef-a31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +315
    หมายเหตุ : ที่ผมคิดไว้ น่าจะยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ แต่น่าจะเป็นช่วงกลางปี 2011 ทำไมหรืออะไรที่ทำให้ผมคิดเช่นนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมจะเขียนในโพสต์ต่อๆ ไป


    อยากรู้ครับว่าทำไม? ^ ^
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    Subliminal Messages 10 of.......คำพยากรณ์ 1

    ตอน แรกคิดว่าจะค่อยๆ เรียบเรียงและเขียนเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ สบายๆครับ จนกระทั่งเมื่อเช้ามาเปิดเครื่องก็มีเรื่องแผ่นดินไหวหลายที่หลายจุดทาง Midwest หรือภาคตะวันตกตอนกลางของสหรัฐ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่งมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาเร่งครับ ที่รู้สึกอย่างนั้นเพราะว่าเรื่องที่ตั้งท่าว่าจะเขียนหรือบอกเล่าต่อไปนี้ ก็คือ "ความเป็นได้" ของการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงอีกครั้งหนึ่งของโลกที่ภาคตะวัน ตกของสหรัฐ ที่ความรุนแรง 8.xx ริกเตอร์หรือสูงกว่า พูดง่ายๆว่าร้ายแรงกว่าที่เฮติมากครับ

    โดยข้อมูลทั้งหมดผมได้รวบรวมไว้แล้วครับ จนเมื่อวานนี้เอง คลิกเข้าไปที่บล๊อก บล๊อกๆ หนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นงานแปลและเขียนโดยคุณ 1p2m...link (ถ้าท่านมาอ่านอยู่ ณ ที่นี้ก็ขออนุญาตินำมาเผยแพร่เลยนะครับ) ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหรือเคยอ่านมาก่อน ซึ่งข้อมูลในบล๊อกนั้นกลับจะมาทำให้เนื้อหาที่ผมกำลังคิดจะเขียนสมบูรณ์มาก ขึ้นครับ คือในตอนแรกผมคาดกว่าถ้าเหตุการณ์นี้จะเกิด จะเกิดขึ้นตอนไหน และทั้งหมดเป็นการคาดการณ์ อย่าเพิ่งตกใจอะไรไปนะครับ ก็คือบางเดือนในปี 2011 คือ "รู้ปีแต่ไม่รู้เดือน"


    จนมาอ่านคำพยากรณ์ต่อไปนี้แหละครับที่เขียนอธิบายภาพออกมาเป็นฉากๆ จากคำพยากรณ์ของนาย Chuck Youngbrandt ที่ได้พยากรณ์ไว้เมื่อ 37 ปีก่อน คือในปี 1973 ในตอนสรุปเค้าบอกว่าเค้ารู้เดือนครับคือ "เดือนกรกฏาคม" ของปีหนึ่งในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเป็นปีไหน ผมก็เลยลองคาดการณ์เล่นๆ ว่า หรือจะเป็น เดือนกรกฏาคมปี 2011 เราลองมาดูกันต่อครับว่าทำไมและอย่างไร

    ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมามีการพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ จากผู้พยากรณ์หลายๆคนออกมาอย่างต่อเนื่องครับ เกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ สงครามและการล่มสลายของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพวกเค้าเหล่านั้นสามารถมองเห็นภาพเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนหลายๆครั้ง แต่ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่และเมื่อไหร่ โดยเกือบจะทุกคนกล่าวว่า "พระเจ้า" เป็นผู้มาเปิดเผยและเตือนเค้าเหล่านั้นให้บอกสิ่งเหล่านี้กับคนอเมริกันและ ชาวโลกครับ สิ่งที่น่าแปลกคือมีหลายๆ คำพยากรณ์ที่ตรงกันทั้งที่ต่างยุคต่างสมัยหรือเป็นระยะเวลาที่ห่างกัน 10-30 ปี และเค้าเหล่านั้นกลับได้รับคำเตือนในสิ่งที่คล้ายๆ กัน มีหลายกรณีที่มีการพูดถึงในสิ่งที่เค้าไม่เข้าใจเพราะยังไม่มีเทคโนโลยีหรือ สิ่งเหล่านั้นในยุคสมัยของผู้พยากรณ์นั่นเอง



    มี หลายคนกล่าวหาพวกผู้พยากรณ์เหล่านี้ว่า เป็นเพียงเรื่องตลก ไร้สาระและไม่อาจเป็นจริงได้ แต่ ณ วันนี้สำหรับผม.......คำตอบคือ ที่ผ่านมามันยังไม่ถึงเวลาครับ ผมจะนำคำพยากรณ์บางส่วนที่เด่นๆ ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ลองมาดูกันครับว่าเค้ามองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตกันอย่างไรบ้างครับ


    ข้อ สังเกตุ : ขอเน้นย้ำนะครับว่าทั้งหมดคือคำพยากรณ์เท่านั้น และผมไม่มีความประสงค์หรือสร้างความตื่นตระหนกด้วยเหตุผลใดๆ ทั้งหมดทั้งสิ้นขอให้เวลาและตัวของท่านผู้อ่านเองเป็นผู้ตัดสินครับ***

    นิมิตแผ่นดินไหวชิคาโกโดย Chuck Youngbrandt


    ใน ปี 1973 พระเจ้าได้ให้นิมิตแก่ข้าพเจ้าเกี่ยวกับแผ่นดินไหวใหญ่โจมตีแถบตะวันตกกลาง (Midwest) ของอเมริกา มีศูนย์กลางที่ชิคาโก อิลลินอยส์ ที่จะเกิดขึ้นในวันหนึ่งในเดือนกรกฎาคมในอนาคต แผ่นดินไหวทำลายล้างนี้จะนำมาสู่การโจมตีอเมริกาด้วยนิวเคลียร์จากรัสเซีย จีน และญี่ปุ่น เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 นิมิตนี้ข้าพเจ้าเห็นเครื่องบินเจ็ตใหญ่มากลำหนึ่งที่บินอยู่ในเส้นทางบิน ได้ลงที่สนามบิน โอแฮร์ ทางตอนเหนือของชิคาโก (หลังจากแผ่นดินไหว) และเมื่อทะเลสาปมิชิแกนคำรามพ่นน้ำออกมากวาดเมืองมันจะเป็นกำแพงน้ำสูงกว่า 100 ฟุต และเครื่องบินเจ็ตลำใหญ่ก็ติดเครื่องเต็มกำลังอีกครั้ง จนมีควันไหม้พุ่งออกมาจากเครื่องยนต์เพราะนักบินได้ตื่นกลัวอย่างเสียสติที่ จะนำเครื่องขึ้นหนีกำแพงน้ำที่จะมาทำลายชิคาโก

    ข้าพเจ้างุนงงมากในตอนนั้น (วันที่ 2 กรกฎาคม) เนื่องจากเครื่องบินที่ข้าพเจ้าเห็นนั้นใหญ่มากเท่าตึกสองชั้น ไม่เหมือนที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมากก่อน (ในปี 1973 เครืองบินจัมโบ้เจ๊ตยังไม่มี เพราะกำลังออกแบบสร้างอยู่)

    ใน ขณะที่เครื่องบินจัมโบ้เจ็ต (747-400) ที่มีห้องสองชั้นด้านหน้าของเครื่องบินดู “คล้าย” กับที่ข้าพเจ้าเคยเห็นในปี 1973 ที่เป็นรุ่นใหม่ A3XX อย่างที่เคยเห็นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2000 (ออกข่าวเช้าของดัลลัส ในวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน เครืองแอร์บัส 2F เป็นเครื่องบินเจ็ทยักษ์ไอพ่นสีเขียวอ่อน) “คือ” สูง 2 ชั้นและดูคล้ายกับที่ข้าพแห็นในนิมิตปี 1973 มาก

    ข้าพเจ้าได้ตามสังเกตุดูในขณะที่พวกเขายังเพิ่งเริ่มต้นพัฒนา เพราะการติดตามพัฒนาการนี้เป็นหนทางเดียวที่จะบอกเราว่าเรากำลังเข้าสู่ “ช่วงเวลานั้น” เมื่อเครื่องบินแบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว จากข่าวนี้ที่มีหัวข้อว่า AEXX เครื่องบินเจ็ตซุปเปอร์จัมโบ้พร้อมที่จะนำมาใช้บินในปี 2005

    นิมิต แผ่นดินไหวนี้ได้มาถึงข้าพเจ้าตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 5 กรกฎาคม 1973 ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เห็นสิ่งนี้หรือเพราะอะไรจึงได้เห็นนิมิตนี้ ข้าพเจ้าได้เขียนโน้ต และทำเป็นไฟล์ไว้ และพยายามจะลืมมันเสียแต่ก็ไม่สำเร็จ

    สิ่งแรกคือข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวที่ชิคาโก และเห็นบริเวณทั่วทั้งแถบตะวันตกกลางและตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา และเห็นซากปรักหักพังมีไฟคุกรุ่นจากการโดนระเบิดนิวเคลียร์ และเมื่อมองไปที่แถบตะวันตกกลาง ก็ได้เห็นชิ้นก้อน โคลนแห้ง ของซากหักพังทุกที่ อย่างไรก็ตาม เมืองเล็ก ๆ จำนวนมากในเมืองใหญ่ก็ยังไม่ถูกทำลาย ข้าพเจ้าเห็นผู้คนบาดเจ็บจำนวนมากถูกนำเข้าโรงพยาบาล ความสับสนและความกลัวเข้ามากลืนกินแผ่นดินนี้

    และทันใดนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นกองกำลังรัสเซียเคลื่อนผ่านยุโรปตะวันตกอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ามายังอเมริกา ยุโรปตะวันตกต้องยอมให้ผ่านเพราะกลัว เนื่องจากพระวิญญาณพระเจ้าได้ตรึงเขาไว้ทำให้พวกเขาอยู่ในความกลัวต่อการนี้ ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรอีกนอกจากเครื่องบินบรรทุกลำใหญ่ของอเมริกาได้ตกลงที่ อ่าวแห่งหนึ่งในชายฝั่งตะวันออกจมโคลนลงไปครึ่งลำ และทันใดนั้นก็เห็นการบุกรุกเข้ามาที่อ่าวเดลาแวร์ และตลอดชายฝั่งของเวอร์จิเนีย

    เริ่มต้นนิมิต

    มัน เป็นวันที่บรรยากาศสดใสอบอุ่น ช่วงสายเวลาประมาณ 10:30 ข้าพเจ้ากำลังนั่งอ่านพระคัมภีร์ที่เฉลียงในช่วงพักดื่มกาแฟ ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายตัวตลอดช่วงเช้า มีอาการกระวนกระวายโดยไม่มีเหตุผล ความตึงเครียดทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกกระวนกระวายที่อยากจะพักสงบในพระวจนะ พระเจ้าเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยข้าพเจ้าได้ ขณะที่อ่านอยู่นั้นชั่วครู่ก็มีบางสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้น แสงอาทิตย์ก็สว่างไปทั่วห้องอย่างฉับพลันดูเหมือนจะสว่างกว่าปกติ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้สังเกตุอะไรและอ่านพระคัมภีร์ต่อไป และก็ได้ชำเลืองดูไปข้างนอกอีกครั้งและเห็นสิ่งแปลกประหลาดบางสิ่ง แม้ว่าข้าพเจ้าจะเห็นปุยเมฆอย่างชัดเจนในท้องฟ้า แต่ในเวลาเดียวกันก็เห็นท้องฟ้าใสปราศจากเมฆที่ดูสว่างกว่าแสงอาทิตย์เสีย อีก และทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงแหลมดังมาก เป็นเสียงแตก ๆ ที่น่ากลัว และรู้สึกว่าพื้นดินเคลื่อนไหวข้างใต้ข้าพเจ้า ตึกต่าง ๆ รอบก็เอนไหวโยกไปมาและกำแพงตึกก็ปริแตกออกมาบางส่วน และข้าพเจ้าได้ยินดังลั่นจากข้างล่าง มันคือแผ่นดินไหว

    ข้าพเจ้ามองไปรอบ ๆ อย่างประหลาดใจ โคมไฟห้อยบนกำแพงก็หลุดตกมาที่พื้น ในขณะที่กำแพงแกว่งเองไปมา หน้าต่างของตึกสูง 2 ชั้นก็แตกระเบิดมีเศษกระจกเป็นพันชิ้นหลุดออกมาในขณะที่กรอบหน้าต่างบิด เบี้ยวไป ต้นเสาหลักภายนอกรอบ ๆ ประตูก็หักลงในทันที กำแพงแตกพังลงเสียงดังอย่างมาก เป็นเสียงแตกปะทุ ชิ้นส่วนเพดานสูงประมาณ 4 ฟุตจากพื้นก็ถล่มมาที่เก้าอี้ ทุกสิ่งแกว่งไปมาอย่างรุนแรงจนข้าพเจ้าเดินไปไหนไม่ได้ ข้าพเจ้าได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งร้องกรี๊ด ข้าพเจ้าประหลาดใจที่อาคารยังทรงตัวอยู่ได้ในขณะที่พื้นดินเคลื่อนที่อย่าง รวดเร็วและรุนแรง และทันใดนั้นมันก็หยุด ข้าพเจ้าสั่นหัวด้วยความเชื่อเมื่อมองดูไปรอบ ๆ เห็นเศษซากหักพังและมีฝุ่นควันปกคลุมวันอันสดใสไป ต่อมาข้าพเจ้ามองเห็นเพียงเฉลียงที่นั่งอยู่ก่อนนั้นไม่เป็นอะไรเลยเหมือน ไม่มีแผ่นดินเกิดขึ้น รู้สึกงงงวยและพยายามลืมมันเหมือนเป็นแค่จินตนาการ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้กับสิ่งที่พบเจอนี้ ข้าพเจ้าก็กลับไปทำงานต่อ

    ประสบการณ์ ก็เป็นเหมือนหลาย ๆ เรื่องที่ถูกเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในวันแรกและหลายวันต่อมา ในหลาย ๆ พื้นที่ หลาย ๆ เวลา พระเจ้าได้เปิดเผยต่อข้าพเจ้าอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับแผ่นดินที่จะเกิดครั้ง แล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าได้เห็นนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสไม่มีเมฆ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงแตกแหลมน่ากลัว ร้ายกาจอย่างมาก และที่เกิดมานั้นก็เช่นกัน มันเกิดการเคลื่อนของแผ่นดินอย่างรวดเร็วและทันทีทันใด ในเวลานั้นข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไร ไม่เข้าใจอย่างมาก คิดว่าไม่ได้เห็นและได้ยินแต่แผ่นดินไหวอย่างเดียวแต่ก็รู้สึกรับรู้ว่าคน อื่น ๆ คิดว่ามันคืออะไรด้วยในเวลานั้น ข้าพเจ้ายังได้กลิ่นแปลก ๆ ในอากาศ ขณะที่วันผ่านไปและความลับก็ถูกเปิดเผยขึ้น ข้าพเจ้าก็เริ่มรู้สึกช๊อคและกลัวขึ้นเมื่อทุกสิ่งถูกเปิดเผยออกมาตลอดช่วง เวลานั้น และจะบอกพวกเขาและท่านในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์บอกข้าพเจ้า

    ใน เวลาอาหารเที่ยงในวันเดียวกันนั้น ทุก ๆ คนก็กำลังรับประทานอาหารในขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่โต๊ะ โต๊ะอยู่ถัดจากหน้าต่างที่หันหน้าไปทิศตะวันออก มองไปทิศใต้จะเห็นทะเลสาปเล็ก ๆ เรียกว่าทะลสาป โอฮาร่า ผ่านตึกคู่กันที่สร้างอยู่รอบ ๆ หน้าทะเลสาป ไปทางทิศตะวันออกเล็กน้อยของอาคารคือถนน ไตรสเตท โทลเวย์ และทางตะวันออกโทลเวยร์คือโรงงาน ซีร๊อก และมีบางสิ่งดูเหมือนอาคารเก็บน้ำที่มีชื่อว่าซีร๊อก ตั้งอยู่เลยโรงงานซีร็อกไปก็เป็นป่า และมันก็เริ่มอีกครั้ง นับแต่เริ่มวันมาก็เกิดสิ่งนี้ไปทั้งวันนั้น คือเริ่มต้นด้วยแสงอาทิตย์สดใส ท้องฟ้าไร้เมฆ และแผ่นดินไหวแตกทิ่มแทงพื้นดิน

    และ นั้นก็ทำให้ตึกทั้งหมดเริ่มเคลื่อนที่ ข้าพเจ้าเห็นการแตกและขยายตัวจากที่หนึ่งของอาคารมายังที่ ๆ ข้าพเจ้าอยู่ในชั่วพริบตา ผนังปูนฉาบแตกปะทุและโน้มตัวพังลงมาในขณะที่กำแพงโค้งตัวลงมา พื้นที่ยื่นอยู่ก็ทรุดตัวลงไปประมาณห้าหรือหกฟุต ทำให้เฟอร์นิเจอร์และตู้เอกสารเลื่อนไถลลงไป อีกครั้งที่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดและรู้สึกวิตกกลัวถึงการไหวที่อื่นด้วย ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคำรามเหมือนฟ้าผ่าของแผ่นดินที่พลิกตลบไปมา และสังเกตุได้ว่าการเคลื่อนไหววิ่งจากทิศตะวันออกไปตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้า มองออกไปที่หน้าต่างเห็นอาคารเก็บน้ำชื่อซีร๊อกแกว่งไปมา และฐานก็เคลื่อนจนอาคารล้มลง ทันใดนั้นก็เห็นเปลวไฟพุ่งออกมาจากอาคารในขณะที่อาคารเก็บน้ำยักษ์กระแทกลง ที่หลังคาอาคารซีร๊อก ในชั่วขณะหนึ่งแผ่นดินก็หยุดไหวและข้าพเจ้าก็หยุดชะงักด้วยความเงียบสงัดที่ จะมีไปตลอดวัน ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ เหลืออยู่แม้กระทั่งนก กลุ่มควันลอยขึ้นจากอาคารซีร๊อกเหมือนแท่งเสาสีดำ น้ำในทะเลสาปโอฮาร่ากระฉอกสาดออกมาจากทะเลสาปเป็นคลื่นยักษ์และก็ไหลกลับไปที่เดิม

    ข้าพเจ้ารู้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่เป็นนิมิตเกี่ยวกับเหตุการณ์อนาคต คือแผ่นดินไหวใหญ่ ในเวลานี้ความรู้สึกของข้าพเจ้าก็ถูกสะกดด้วยสิ่งที่ได้ประสบ แต่ใครที่ข้าพเจ้าจะบอกเล่าได้ ใครจะเชื่อสิ่งนี้ นี่คือประเด็นเพราะข้าพเจ้าได้เห็นแต่เพียงผู้เดียวและไม่เข้าใจถึงจุด ประสงค์ของนิมิตนี้

    มันเป็นเวลาบ่าย 3 โมงในวันเดียวกัน อีกครั้งที่เริ่มต้นด้วยแสงอาทิตย์สดใส ในช่วงนี้นิมิตเริ่มต้นที่จุดสุดท้ายของครั้งก่อน การทำลายล้างเกิดขึ้นกับทุกที่ ข้าพเจ้าสามารถรู้สึกได้อย่างจริงจังว่ามันจะเป็นวันที่เงียบสงัดไปทั้งวัน และความเงียบก็สิ้นสุดด้วยเสียงคำรามที่น่ากลัวที่ต่างออกไปทำให้เสียวไปถึง กระดูกสันหลัง ข้าพเจ้าหันหลังกลับไปมองที่หน้าต่าง และได้เหลือบมองข้ามไปยังพื้นที่ที่พังถล่มเหนือป่าไปยังอาคารซีร๊อก ที่นั่นมีต้นไม้ตั้งยืนต้นอยู่ ข้าพเจ้าเห็นในระยะไกลว่ามีกำแพงน้ำยักษ์สีน้ำเงินใส กำลังเคลื่อนที่ไปทิศตะวันตก มันดูเหมือนไม่ได้วิ่งมาที่ข้าพเจ้าอยู่แต่ดูเหมือนเคลื่อนที่จากตะวันตกไป ทิศใต้ ใช่แล้ว กำแพงน้ำยักษ์พุ่งไปที่ ๆ ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ใน เดสเพลน อิลลินอยส์ กำแพงน้ำมาจากทะลสาปมิชิแกน ดังสนั่นเหมือนฟ้าผ่า ช่างเลวร้าย ทำให้ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น นี่เป็นจุดแรกที่ข้าพจะต้องระลึกไว้ว่าข้าพเจ้าจะได้เป็นพยานเกี่ยวกับ การทำลายล้างชิคาโกด้วยแผ่นดินไหวใหญ่และตามมาด้วยกำแพงน้ำยักษ์ถล่ม

    หลัง จากนั้นข้าพเจ้าขับรถจาก เดสเพลน ไปวิลล่าพาร์ค อิลลินอยส์ ขณะที่ขับไปมุ่งไปที่ ไตรสเตท โทลเวย์ ก็ได้เห็นคลื่นระลอกแผ่นดินไหวทำลายบ้านและถนนพังอย่างชัดเจน ถนนทางลอดใต้ก็พังถล่ม ต้นไม้โค่นล้มถอนรากออกมาอยู่ทุกที่ทุกแห่ง ไตรสเตท โทลเวยร์ นั้นวิ่งจากทิศใต้ไปยังสนามบิน โอแฮร์ และออกไปถึงทางลอดใต้ โอเอซิส ที่อยู่ใกล้ ๆ อีกครั้งที่จะเริ่มต้นด้วยใจจดจ่อ แผ่นดินพลิกเคลื่อนเสียงคำรามเหมือนครั้งก่อนและข้าพเจ้ามองออกไปประมาณ 300 ฟุต เหมือนจะมีชิ้นส่วนของหินแกรนิตขนาดใหญ่จากใต้พื้นดินหรือวัตถุที่คล้ายกัน นี้พุ่งทะลุโผล่ที่ถนน ไตรสเตท และทะลุกวาดไถไปจนถึงทางลอด โอเอซิส

    มัน พุ่งทะลุขึ้นมาจากดินสูงถึง 20-30 ฟุตสูงกว่าเพดานของทางโอเอซิส กำแพงหินนี่ดูจะเหมือนตึกสูงสี่หรือห้าชั้นเลย ร่องหินยักษ์เหล่านี้พุงทะลุขึ้นไปอากาศดูเหมือนจะมีแนวเอียงจากตะวันออกไป ตะวันตกในการเคลื่อนตัว และเคลื่อนที่ไป ๆ มา ข้าพเจ้ารู้ว่าทิศใต้ของแนวร่องหินนี้ฐานพื้นดินจะอยู่ต่ำกว่าทิศเหนือมาก ข้าพเจ้ารู้ได้ดังนั้นทันทีว่านั้นคือแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว

    ตอน ที่กำแพงหินเหล่านี้พุ่งขึ้นมาที่ถนน ไตรสเตทไปถึง โอเอซิส มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากทำให้ข้าพเจ้าตะลึงอย่างมากทำให้ต้องเหยียบเบรค ย่างกระทันหันเพื่อหลบแท่งกำแพงหินนี้ก่อนที่จะนึกได้ว่ามันเป็นเพียงนิมิต เท่านั้นไม่ใช่เหตุการณ์จริง เมื่อผ่าน โอแฮร์ และโอเอซิส แล้วก็ไปทิศใต้ตามถนน ไตรสเตท ก็จะพบสะพานขาด ข้าพเจ้าเห็นได้ชัดเจนว่ามันพังทะลายสิ้นเพราะแผ่นดินไหว ไม่ว่าทิศไหนก็เห็นแต่ไฟลุกลาม ท่อควันสีดำพวยพุ่ง บ้านและโรงงานพังทะลาย การทำลายล้างช่างยิ่งใหญ่เกินบรรยายได้ ข้าพเจ้าได้มาถึงตึก 15 ชั้นแห่งหนึ่งที่ยังคงทรงตัวอยู่ในทิศตะวันออกของไตรสเตท คือโรงแรมของสนามบิน โอแฮร์ แห่ง นอร์ทเลค ข้าพเจ้าเห็นกำแพงน้ำเคลื่อนมาเหนือเมืองและถล่มตึก 15 ชั้นนี้ โดยกำแพงน้ำสูงกว่าเพดานโรงแรมนี้

    ในนิมิตของอนาคตนั้น ข้าพเจ้ายังเห็นเครื่องบินที่กำลังมาลงจอดที่สนามบินโอแฮร์ ในช่วงเวลาที่กำแพงน้ำปราก ฎตัวขึ้นมา นักบินก็สังเกตุเห็นมันด้วย และมีกลุ่มควันสีดำที่ข้าพเจ้าเห็นออกมาจากเครื่องยนต์เจ๊ตที่เผาไหม้ ข้าพเจ้ารู้ได้ว่านักบินได้พยายามเร่งเครื่องเพื่อบินขึ้นออกไป ข้าพเจ้าประหลาดใจว่าเครื่องบินจะไปลงจอดที่ไหน ข้าพเจ้าก็คิดถึงเมือง มิลวากี้ และทันใด นั้นข้าพเจ้าก็ได้เห็นเมืองนี้ถูกน้ำท่วมและกำลังถูกทำลาย ข้าพเจ้าก็นึกถึงเมือง เซนต์หลุย และได้เห็นน้ำท่วมไปทั่วเมืองทุกสิ่งจมน้ำสิ้น คือในทันทีที่ข้าพเจ้าเริ่มนึกถึงสถานที่ใดก็จะเห็นภาพการทำลายล้างจริงใน อนาคตที่จะเกิดกับที่นั่น และก็รู้ได้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ใด ๆ ที่ผ่านมา ที่จะเทียบเคียงกับสิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดกับเราในอนาคตได้

    ข้าพเจ้าสังเกตุว่ากำแพงน้ำนั้นพุ่งลึกเข้ามาถึงศูนย์กลางของชิคาโกและพุ่ง เป็นปลายเรียวเลยไปถึงทิศใต้ก็หยุด และเลยไปทิศเหนือด้วยแต่ มันไม่ลึก ข้าพเจ้าสังเกตุได้ว่าทางยกระดับและทางลอดใต้จะพังทลาย มีซากหักพังถล่มเป็นทับถมก้อนปิดเส้นทางถนนขาดจากกันในหลาย ๆ ที่และการจราจรก็หยุดชะงัก การหนีจากแผ่นดินไหวเพื่อรอดชีวิตนั้นดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    และ ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็เห็นพื้นที่ของ ลูป ในนิมิตดูจากเงาที่ทอดลงมาก็ได้ดูเหมือนเป็นเวลาเที่ยงวัน ข้าพเจ้าเห็นการจราจรพลุ่กพล่านในย่านดาวทาวน์ แต่ว่าความสนใจของข้าพเจ้าอยู่ที่ชั้นล่างของตึกใหญ่แห่งหนึ่ง และอีกครั้งที่เริ่มต้นด้วยแผ่นดินไหว รถยนต์จำนวนมากก็ปลิวไถลจากถนนเข้าไปยังตึกต่าง ๆ อย่างแรงเพราะแผ่นดินเคลื่อน เสียงประสานที่น่ากลัวพร้อม ๆ กันทั้งเสียงดังลั่นเอี๊ยด เศษกระจาย เสียงครูดเต็มไปทั่วเหมือนกับเสียงของเสาของเรือใหญ่ที่แล่นอยู่กลางพายุ และตึกสูงระฟ้าก็โยงเอนไปมา ตึกยักษ์ก็เริ่มเลื่อนไถลออกจากตัวฐานประมาณ 20 ฟุตจากทางเดินแต่น่าทึ่งที่มันไม่พังลงมา อิฐ หิน แก้ว และเศษชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็ตกลงมาที่ถนนข้างล่างคล้ายลูกเห็บที่ลมพายุพัดมา และเมื่อแผ่นดินไหวหยุด ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนจำนวนมากพูดว่า “โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่” หลายคนรอหน่วยกู้ภัยมาช่วย แต่ไม่มีใครขอบคุณพระเจ้าเลย

    ทันใด นั้นภาพที่ข้าพเจ้าเห็นก็เปลี่ยนไปอยู่หน้าทะเลสาป หลังจากแผ่นดินไหวหยุด น้ำในทะเลสาปมิชิแกนก็หยุดนิ่งสงบอย่างรวดเร็ว และนอนแน่นิ่งสงบอย่างกับป่าช้า ในทันใดน้ำนิ่งนี้ก็ดูเหมือนจะเขย่าหรือสั่นไหวในขณะที่มองดูอยู่ ระดับน้ำก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงแล่นของน้ำอย่างรวดเร็วพุ่ง หายไปในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เหลือทิ้งไว้เป็นบ่อโคลนที่ต่าง ๆ

    ตลอด ช่วงเวลาที่ผ่านไปในวันนั้น เป็นเวลาเท่าใดข้าพเจ้าไม่ทราบมากได้ จากจุด ๆ ที่อยู่สูงแห่งหนึ่งที่ถนนใน ลูป ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างน่ากลัว แสงอาทิตย์หายไปหมดสิ้นและทุกสิ่งถูกกลืนกินด้วยความมืด ต่อ มาข้าพเจ้าเห็นภาพทางอากาศของพื้นที่ดาวทาวน์ของชิคาโก เมื่อกำแพงน้ำจากทะเลสาปมิชิแกนได้พัดมาถล่มเข้าไปที่ ลูป อย่างแรงแบบไม่น่าเชื่อ แต่ตึกระฟ้าต่าง ๆ ยังคงทรงตัวอยู่แต่มันตั้งยันคลื่นน้ำเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มบิดตัวทรุดลงมาอย่างช้า ๆ และหายไปสิ้นในน้ำที่พัดวนอยู่ ข้าพเจ้าเห็นภาพนี้ติดตรึงชัดเจน ตึกทางตอนเหนือของ ลูป (มีส่วนผ่านแนวรอยเลื่อน) ดูเหมือนจะปลอดภัย กำแพง น้ำนี้ไม่ใช่คลื่น ไม่ใช่คลื่นน้ำขึ้นน้ำลง ไม่ใช่ปลายยอดคลื่น แต่มันคือน้ำทั้งหมดของทะเลสาปมิชิแกนที่เคลื่อนมาทั้งก้อนไปทางทิศใต้โดย ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ รุนแรงน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ ทุก ๆ สิ่งในทิศทางที่น้ำเคลื่อนไปจะถูกบดขยี้ทำลายล้างอย่างหมดสิ้น แม้ว่าน้ำจะสูงกว่าตึก 15 ชั้น (ใช้ทางด่วน ไอเซนโอเวอร์ เป็นจุดศูนย์กลางวัด) แต่ความลึกของระดับน้ำก็ลดลงอย่างเร็วในทิศที่เคลื่อน โดยไป 12 ไมล์ทางใต้และเหนือ แต่จุดที่ตื้นที่สุดที่ข้าพเจ้าเห็นก็ถึงประมาณ 20 ฟุต

    นับ แต่ปี 1973 เรารู้ว่าแผ่นดินไหวที่จะเป็นเหตุเปลี่ยนแปลงแผ่นดิน และเปลี่ยนเมืองหลายเมืองให้เป็นเส้นทางเดินของน้ำที่จะไหลท่วม ขณะที่พื้นที่ทิศเหนือของแนวรอยเลื่อนบางพื้นที่จะถูกยกสูงกว่าระดับน้ำ พระเจ้าให้ข้าพเจ้าเห็นเมือง คัลลูเม็ต อิลลินอยส์ ฮัมมอนด์ อินเดียน่า ชิคาโกตะวันออก และพื้นที่อื่น ๆ แถวปลายตะวันตกของทะเลสาปมิชิแกนที่จะต้องไปอยู่ใต้ระดับน้ำถึง 60 ฟุต ที่ส่วนปลายตะวันตกของทะเลสาปมิชิแกนที่ข้าพเจ้าเห็นแต่ผืนน้ำใหญ่โต ไม่มีตึกโผล่เหนือน้ำเลย วันที่ 5 กรกฎาคม 1973 ใน เดสเพลน ข้าพเจ้าเห็นน้ำระดับน้ำพุ่งขึ้นมาเหนือป้ายบอกความเร็วบนถนน บัลลาด และระดับน้ำตรงนั้นดูเหมือนจะลึกอย่างน้อย 5 ฟุตหรือลึกกว่า สะพานคอนกรีต ไตรสเตท บนถนน บัลลาด จะพังอย่างรวดเร็วในขณะที่น้ำซัดไปทิศใต้ตรงนี้เป็นเนินบน ไตรสเตท หรือถนนที่อยู่สูงกว่าน้ำ

    4 กรกฎาคม 1973

    ขณะ ที่ข้าพเจ้าขับรถไปตะวันออกบนทางด่วน ไอเซนโอเว่อร์ อีกครั้งที่ได้เห็นคลื่นระลอกแผ่นดินไหวตามมา รถยนต์ต่าง ๆ ก็ชนกันกองสุมเป็นกอง ส่วนทางออกลาดชันต่าง ๆ ไม่พังลงมาก็ถูกปิด สะพานต่าง ๆ ก็พังลงทุกที่ มันเป็นวันที่อบอุ่นและคนขับรถก็บีบแตร (ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรจากความวุ่นวายนี้ได้) และทันใดนั้นกำแพงน้ำก็ปรากฎในทิศตะวันอก คนบางคนก็ตะลึงแน่นิ่ง แต่ส่วนใหญ่จะรีบวิ่งหนีไปมาหรือหาที่ซ่อน มีชายคนหนึ่งออกจากรถและคุกเข่าอธิษฐาน เขาเป็นคนเดียวที่ฉลาดเพราะเขาจะได้พบกับพระเจ้าเมื่ออธิษฐาน น้ำ ได้พุ่งโอบล้อมพวกเขาทั้งหมด บ้านต่าง ๆ ถูกบดขยี้จนไม่มีอะไรเหลือในทันที ถนนคอนกรีตและราดยางก็ถูกเลาะออกมา พื้นถนนถูกกวาดหายไปในเวลาสั้น และต่อมาข้าพเจ้าได้เห็นพื้นดิน 10 ถึง 20 ฟุตถูกชะล้างพัดไปในทันที

    บริเวณสุสานใกล้ ๆ ข้าพเจ้าเห็นแท่งหินหลุมศพที่เป็นคอนกรีตเลอะสกปรก และโลงศพมีก้อนดินอยู่ภายในก็ถูกพัดลากไปอย่างรวดเร็วโดยแรงของน้ำ และน้ำก็เคลื่อนมาเหนือข้าพเจ้าและภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปอยู่เหนือน้ำ ก็ได้เห็นชายคนที่คุกเข่าอธิษฐาน ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ บนผิวน้ำเหมือนจุ๊กค๊อกและไม่เป็นอะไร พระเจ้าได้ช่วยชายผู้นี้ที่อยู่ท่ามกลางการทำลายล้างเพราะเขาวางใจในพระเจ้า

    และทันใดนั้นหลังจากแผ่นดินไหวที่น่ากลัวในแถบตะวันตกกลาง ข้าพเจ้าเห็นคณะประกาศกิตติคุณ พวกพระ ผู้อาวุโส และคริสเตียนที่ปฏิเสธคำพยากรณ์ คนเหล่านี้ดูเหมือนคนที่ตายแล้ว ความเข็มแข็งของพวกเขาหายไปสิ้น หลายคนล้มหน้าลงพื้นร้องไห้ขอให้พระเจ้ายกโทษให้พวกเขา

    ในช่วงแรกของนิมิต ข้าพเจ้าเป็นผู้สังเกตุที่อยู่ในความตะลึง ยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น แต่วันที่ 4 กรกฎาคม 1973 ความจริงของหายนะในอนาคตนี้ก็ได้มาสัมผัสจิตใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดถึงคนทุกคนที่จะถูกทำลายและข้าพเจ้ากลั่วจนตัวสั่นที่ได้เห็นการ ล้มตายจำนวนมาก ดังนั้นในครั้งแรกนับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ข้าพเจ้าก็ได้เข้าหาพระเจ้าและถามว่า “โอ้ พระบิดา มันจะเกิดขึ้นจริงหรือ? จะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?” ในชั่วขณะที่อธิษฐานนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ถูกพระวิญญาณพระเจ้าพัดมาแตะต้องและได้มองเห็นเมืองชิคาโกทั้ง เมือง และฑูตสวรรค์ของพระเจ้าได้วางมือบนข้าพเจ้า เบื้องล่างที่ข้าพเจ้าเห็นคือมือของพระเจ้าที่ช่วยคนจำนวนมากที่วางลงไปยัง เมืองและทะเลสาป และข้าพเจ้าได้ยินเสียงสั่งมาพูดว่า “นี่คือสิ่งที่เราจะทำถ้าเด็ก ๆ ของเราหันกลับมาหาเรา”

    ต่อ มาข้าพเจ้าจำได้ว่าตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติใหญ่ใด ๆ ที่เคยเกิดกับมนุษย์โดยปราศจากการเตือนในครั้งแรกจากผู้พยากรณ์ของพระเจ้า เลย และบัดนี้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ข้าพเจ้าได้เห็นชายแก่ผิวสีคนหนึ่งถือระฆัง ในมือกำลังเดินทางไปยังพี่น้องคนผิวดำ สั่นกระดิ่งและเรียกร้องให้ทุกคนกลับใจ ชายแก่ก็ถูกคนด่าแช่งและถ่มน้ำลายใส่ ข้าพเจ้าเห็นเขาร้องไห้เพื่อประชาชนที่จิตใจแข็งกระด้าง และที่แห่งหนึ่งก็มีแก๊งวัยรุ่นอันธพาลก็มาล้อมรอบเขาและตั้งใจจะฆ่าเขา กลุ่มฑูตสวรรค์ก็ปรากฎรอบ ๆ เขาและพวกแก๊งก็หนีไปด้วยความกลัว คนเหล่านั้นไม่สามารถฆ่าเขาได้เพราะเขาได้ทำพันธกิจในการเตือนคน ในเวลานี้ จิตใจข้าพเจ้าก็เป็นเช่นกับเขา แม้พันธกิจที่เขาทำช่างยากเย็น แต่ก็ได้รางวัลตอบแทนคือข้าพเจ้าได้เห็นหลายคนกลับใจจากบาปของตน

    แม้ว่า ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นตัวจริงของเขา แต่ในนิมิตนั้นชายแก่ผิวดำนี้มีจุดเด่นเมื่อปรากฎ เขามีศรีษะเกือบล้านแม้จะมีผมขาวแซมด้านข้างและด้านหลังของศรีษะบ้าง เขามีผิวสีโกโก้ ตาสีน้ำตาล และเต็มด้วยใจดีและความรัก และเขาเป็นตัวแทนสำแดงของพระคริสต์นั่นทำให้เขาเป็นผู้เข็มแข็ง อ่อนโยนและน่าประทับใจ ใบหน้าของเขาน่ารักน่ามอง ตลอดปีของเขาเต็มไปด้วยการอวยพรจากพระคริสต์ เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาอ่อน ในมือขวาถือกระดิ่งทองเหลืองและไม้เท้าในมือซ้าย และมีพระคัมภีร์สีดำเล่มเก่า ๆ ผูกติดไว้ด้วยเชือก แม้ว่าเขาจะแก่และเดินช้า แต่เสียงใส ชัดเจน และดัง ข้าพเจ้าได้ยินเขาพูดว่า “มือแห่งพระพิโรธของพระเจ้าจะมายังพวกท่าน จงหันกลับจากความบาปของท่าน และกลับใจก่อนที่การลงโทษของพระเจ้าจะมายังท่านในไม่ช้าและทำลายท่านเนื่อง จากความชั่วร้ายที่ท่านเดินอยู่ ฟังสิ่งนี้ที่มาจากพระเจ้าของท่าน…” และเป็นดังนั้น และจะเป็นต่อไป จน บัดนี้ข้าพเจ้ารู้และเห็นผู้พยากรณ์จำนวนมากกำลังนำการเตือนครั้งสุดท้ายมา บางคนถูกฆ่า บางคนบาดเจ็บ เมื่อคำเตือนได้ส่งออกไป ผู้ใดได้ยินก็เฝ้าระวังคำเตือนนี้

    วันที่ 3 และ 4 กรกฎาคม 1973

    หลังจากกำแพงน้ำได้เข้ามาท่วมเมืองและกวาดไปสิ้น ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นบางสิ่งดูเหมือนเป็นการไหลของน้ำที่ไม่สิ้นสุดอย่างต่อ เนื่องไปทิศตะวันตก เพราะข้าพเจ้าได้เห็น เซนต์หลุย เป็นหนองน้ำและจมน้ำหมดสิ้นจากกระแสน้ำที่พัดไปทั่ว ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่าน้ำนั้นน่าจะเชื่อมต่อกับแม่น้ำมิสซิปซิปปี้ตรงไหนสัก แห่ง และเคลื่อนลงไปทิศใต้ เนื่องจากแม่น้ำมิสซิปซิปปี้เอ่อท่วมล้นตลิ่งอย่างมาก อีกครั้งที่ได้เห็นน้ำทะลักไปทิศใต้หลายวัน ข้าพเจ้าตามดูไม่ทันว่ามันเคลื่อนไปยาวเท่าไรแต่รู้ว่ามันกว้างขึ้น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นทะเลสาปมิชิแกนทั้งหมดจะเหือดหายไปหมด ห่างไกลออกมาจากเมืองไปยังทิศใต้ข้าพเจ้าเห็นพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำ และไม่ถูกน้ำยกเว้นแผ่นดินไหวทำลาย และหลายปีหลังจากนิมิตครั้งแรกนี้ก็สามารถระบุได้ว่าของชิคาโกแถวชานเมือง ของวูดริจ คือพื้นที่หนึ่งที่จะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดที่ไม่ถูกน้ำท่วม ข้าพเจ้าเห็นท่อระบายน้ำที่ต่าง ๆ และมีน้ำพัดเหนือท่อและภายในท่อด้วย ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นอาหารกระป๋องจำนวนมากที่ฉลากหลุดออกแต่ไม่เสียหายจมอยู่ ในน้ำและโคลน

    ข้าพเจ้า ยังได้เห็นศพ ทั้งมนุษย์และสัตว์ลอยน้ำทุกที่ เศษซากศพที่กระจายเป็นชิ้นมีอยู่เต็มในพื้นที่ภัยพิบัติ แต่ยังดีที่ศพเหล่านี้ส่วนมากจะถูกฝังในกระแสของโคลนที่ไหลใต้น้ำ เมื่อน้ำลดลงข้าพเจ้าเห็นหลายศพติดอยู่ตามกิ่งไม้หรือรากของต้นไม้ไปทั่ว พื้นที่ที่พังทลาย น้ำจะลดจริง ๆ หลังจากแผ่นดินไหวแท้จริงผ่านไปแล้วเราจะเห็นจะทะเลโคลนและเกาะแก่งลี้ภัย มากมาย และกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งของเนื้อที่เปื่อยย่อย พืชผักที่เปื่อยย่อยสลายและน้ำนิ่งเน่าเหม็น อากาศชื้นแฉะต่าง ๆ ล้วนยากจะทนได้

    เกือบในทันทีทันใดหลังจากความเลวร้ายที่สุดของการทำลายล้างผ่านไป ในนิมิตข้าพเจ้าได้เห็นเครื่องบินอเมริกาบินข้ามหัวเราไปทิ้งเสบียงโดยร่ม ชูชีพที่ต่าง ๆ ให้ผู้รอดชีวิตที่ติดค้างอยู่ ต่อมาเครื่องบินก็หยุดบินไม่มาอีก ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าทำไม

    หลังจากน้ำท่วมได้พื้นที่ต่าง ๆ เหล่านั้นแล้ว ข้าพเจ้าได้เห็นผู้รอดชีวิตโผล่ออกมาจากน้ำ บ้างเป็นผู้ใหญ่และเด็กจำนวนมาก มีคนเจ็บและเปลือยกายครึ่งหนึ่งหรือทั้งหมดอยู่รวมกันและอยู่ในอาการช๊อค พวกเขาได้ถูกรับไว้โดยชุมชนคริสเตียนต่าง ๆ และได้เสื้อผ้า การดูแลให้ที่อาศัย ข้าพเจ้าไม่ทราบชัดเจนนักในเวลานั้น แต่วันนี้รู้ว่าชุมชนหรือที่พักพิงเหล่านั้นถูกจัดหามาจากสิ่งต่าง ๆ ที่พังทลาย และจะมีการรวบรวมประชาชนโดยคริสเตียนที่ได้จัดเตรียมล่วงหน้า เมื่อ ข้าพเจ้าเห็นเด็ก ๆ จำนวนมาก ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แต่แปลกใจว่าเด็กอายุสามหรือสี่ขวบรอดชีวิตจากน้ำได้ อย่างไรแต่ผู้ปกครองนั้นไม่รอด พระเจ้าบอกข้าพเจ้าภายหลังว่า “เพราะพวกเขายังไร้เดียงสา”

    ข้าพเจ้า สังเกตุเห็นคนอื่น ๆ โผล่ออกมาจากกลุ่มผู้รอดชีวิต พวกคนเหล่านั้นที่ต่อมาข้าพเจ้าขอเรียกว่าเป็น “กองโจรปล้นสะดม” พวกคนเหล่านี้หวังจะหาทรัพย์สินที่จะหาได้จากศพต่าง ๆ จะเอาแหวน ทองและเครื่องเพชรพลอยแม้กระทั่งฟันทอง พวกนี้มีอาวุธและจะมายังชุมชนที่รอดชีวิต จะใช้กำลังบังคับ ข่มขืน ทรมานและฆ่าคนอื่นตามที่พวกเขาต้องการ ไม่มีรัฐบาลหรือตำรวจที่จะเข้ามาดูแล พวกคนเหล่านี้จะทำตามสัญชาติดิบของตน ข้าพเจ้านึกถึงทันทีและตอนนี้ว่าคริสเตียนเหล่านั้นจำเป็นต้องตระเตรียมใน การป้องกันตนเอง

    จาก ที่ข้าพเจ้ารู้นั้นดูเหมือนจะบอกให้รู้ว่าเกือบหนึ่งปีก่อนที่กองทัพจะเข้า มา และเมื่อพวกทหารมาถึงก็พบเห็นประชาชนมีหนวดเครารุงรัง อ่อนล้า สกปรก หิวโซและเสื้อผ้ารุ่งริ่ง พวกกองทัพจะเข้ามาปลดอาวุธพวกโจรโดยเร็วและฆ่าพวกนี้ทั้งหมดทันทีเมื่อเห็น และก็เคลื่อนกำลังต่อไป ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ข้าพเจ้างงตอนที่ได้นิมิต ข้า พเข้าไม่เข้าใจว่าทำไมกองทัพอเมริกาถึงเดินทางด้วยเท้า ทำไมพวกเขาถึงเดือดดาลนัก ทำไมพวกเขาถึงยิงพวกโจรทิ้งในทันทีโดยไม่ไต่สวนทางกฎหมาย

    ข้าพเจ้ามองอยู่เหนือชิคาโกบริเวณพื้นที่ที่น้ำลดแล้วและมีโคลนแห้ง และก็ประหลาดใจคือทะเลสาปมิชิแกนหายไป มีเพียงแอ่งทะเลสาปเนินเขาแห่งหนึ่งเหลืออยู่ให้มองเห็นได้ โคลนแห้งเกาะอยู่ทุกที่กระจายไปทั่วอย่างกว้างขวางของพื้น ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองใหญ่ กระดูกสีขาว ๆ ของศพคนที่ตายมานานโผล่ในหลาย ๆ ที่ ความสูญเสียของคนที่ตายนั้นมากเกินกว่าจะประมาณได้ ไม่มีต้นไม้ ไม่มีหญ้า มีเพียงความตายเงียบสงัด ไปทางทิศเหนือข้าพเจ้าเห็นซากปรักหักพังของอาคาร ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือไม่ว่าที่ไหนก็ถูกทิ้งร้างด้วยโครงซากของบ้านและตึก ที่พังทลาย

    ข้าพเจ้ามาถึงข้อสรุปเกี่ยวกับหายนะในอนาคตนี้ว่า จากสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับอนุญาติให้เห็นนี้ในหลาย ๆ วันของเดือนกรกฎาคม 1973 วัน แห่งแผ่นดินไหวนี้จะเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆอากาศอบอุ่น แผ่นดินไหวจะโจมตีในช่วงสาย ๆ ใกล้ ๆ เที่ยง ข้าพเจ้าแน่ใจว่ามันจะเกิดในเดือนของฤดูร้อน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าจำไม่ลืมคือเราควรจะสังเกตุดูพวกนก เมื่อเราเห็นมันอพยพไปนั้นแผ่นดินไหวก็ใกล้จะเกิดแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหายนะนี้จะโจมตีในช่วงปลายสัปดาห์แต่ก็ยังไม่แน่ใจใน เรื่องนี้ พระเจ้าไม่ได้บอกวันเวลาที่แน่นอนตายตัวแก่ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ารู้ว่ามันใกล้แล้วแต่ก็ยังไม่ถึงเวลา ข้าพเจ้าสังเกตุได้ว่าหลังจากน้ำท่วมและพื้นแผ่นดินแห้งแล้ว พื้นที่ทั้งหมดจะปกคลุมไปด้วยความตายอันเยือกเย็น ไม่มีลมพัด ความร้อนและกลิ่นเหม็นคลุ้งทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปเป็นความเศร้าสลด มีผู้รอดชีวิตเล็กน้อยที่ซ่อนตัวในห้องเพื่อหนีจากกลิ่นเหม็นคลุ้ง ความเงียบจะน่ากลัวอย่างยิ่ง ดูเหมือนราวกับว่าทั้งโลกนี้หยุดหายใจทีเดียว

    ใน วันที่ 5 กรกฎาคม 1973 ข้าพเจ้าไม่สามารถทนรับนิมิตได้อีกและร้องต่อพระเจ้าว่าเอามันไปจากข้าพเจ้า และพระเจ้าก็ได้นำมันไปจากข้าพเจ้า ต่อมาข้าพเจ้าก็กลับมาหาพระเจ้าอีกและถามว่าเมื่อไรสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ข้าพเจ้าได้รับนิมิตของเลข 17 โดยตัวเลขเกิดมาจากสิ่งที่ดูเหมือนปุยเมฆสีขาว ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันจะหมายถึง 17 วัน หรือสัปดาห์ หรือปี หรือศตวรรษ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ นับแต่ปี 1973 ผ่านมาพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ให้เรามีความเข้าใจที่ลึกขึ้นเกี่ยว กับหายนะโดยตลอด วัน นี้เรารู้ว่าชิคาโกจะเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินไหวและมีรัศมีทำลายล้าง ประมาณ 300 ไมล์ เราเชื่อว่ามันจะเป็นแผ่นดินไหวที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ มนุษยชาติ เมืองต่าง ๆ จะพินาศราบเรียบโดยแผ่นดินไหวนี้ ทั้งชิคาโก อิลลินอยส์ เซนต์เปาโล มินนิโซต้า มิลวากี้ วิสคอนซิน เซนต์หลุย มิสซูรี่ หลุยวัลลี่ เคนตั๊กกี้ อินเดียนาโปลิส อินเดียน่า ดีทรอยส์ มิชิแกน โทเลโด เคลบแลนด์ โคลัมบัส และซินซิเนติ โอไฮโอ และเมืองแคนซัส มิสซูรี่ ออนตาริโอตอนเหนือ แคนาดาและบางส่วนของคิวเบกตอนใต้ แคนาดาจะถูกทำลายโดยน้ำจากทะเลสาปใหญ่ในขณะที่มันไหลย้อนกลับเหมือนที่มัน เป็นกำแพงน้ำกวาดชิคาโกและพื้นที่ต่าง ๆ พระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สำแดงว่าเสียงของการแตกร้าวของพื้นดินหรือ รอยเลื่อนจะรุนแรงจนทำให้กระจกหน้าต่างที่อยู่ใน เดส มอยเนส ไอโอวา ที่ห่างจากชิคาโก 316 ไมล์แตกละเอียด เมื่อแผ่นดินไหวโจมตีชิคาโกประชาชนจะถูกน๊อคล้มลงกับพื้น ในดีทรอยส์ต้นไม้จะถูกขุดออกมาจากพื้นดินใน เซนต์หลุย มิสซูรี่ ที่ห่างจากชิคาโก 269 ไมล์ เสียงแผ่นดินแตกนี้จะได้ยินไปไกลถึง เดนเวอร์ โคโลราโด จะว่าไปแล้วทั้งทวีปจะถูกเขย่าทั้งหมดก็ได้


    ข้อ สังเกตุ : ขอเน้นย้ำนะครับว่าทั้งหมดคือคำพยากรณ์เท่านั้น และผมไม่มีความประสงค์หรือสร้างความตื่นตระหนกด้วยเหตุผลใดๆ ทั้งหมดทั้งสิ้นขอให้เวลาและตัวของท่านผู้อ่านเองเป็นผู้ตัดสินครับ***
    โพสต์โดย What's going on in Americ
     
  12. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    ขอบคุณครับ เป็นความรู้ที่เหนือคำบรรยายจริงๆ
     
  13. f-35

    f-35 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +160
    ไร้สาระมากๆๆๆ
     
  14. closeupz

    closeupz สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมอยากลองอ่านที่คุณว่ามีสาระมากๆเลยครับ :cool:
    ช่วยเอามาลงทีน่ะ ^^
     
  15. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ดีออก..ถือซะว่าอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ ที่มีเหตุผลอ้างอิงแบบพลิกฝ่ามือ
     
  16. ธรรมเกิน

    ธรรมเกิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +140
    กำลังรอวันนั้นมาถึงน่ะครับ...รอมานานแระ..
     
  17. กัลกยาวตาร

    กัลกยาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +64
    2012 คำบอกเล่าจากญาติมนุษย์ต่างดาว

    มนุษย์ต่างดาวโบราณและเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเพื่อพิสูจน์และสอนให้ผู้คนทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม - บรรยายด้วยภาพตามที่แนบไว้ด้วยนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. mew22

    mew22 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณครับ โดยส่วนตัวเชื่อการที่โลกหรือพระแม่ธรณียกระดับขึ้น ทำให้ต้องมีการชำระล้างสิ่งตกค้างเก่าๆนั่น คือบรรดาสิ่งมีชีวิตในยุคนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะในอดีตนานแสนนานมาแล้ว ไดโนเสาร์และเหล่าสัตว์ในยุคโบราณก็ได้สูญพันธ์ไปในการเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งใหญ่ จนเกิดเป็นมนุษย์และเหล่าสัตว์ในยุคนี้ขึ้น ส่วนปี2012 เองนั้นอย่างที่ท่านว่าก็คงเป็นการยกระดับของโลกอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นยุคใหม่ ซึ่งก็ต้องมีการชำระล้างเหล่าสิ่งมีชีวิตในยุคเก่านี้ มันเป็นเรื่องของวัฏจักรธรรมชาติ
     
  19. หมูน้ำยืน

    หมูน้ำยืน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +38
    อ่านไปอ่านมาก็สนุกดีนะครับ
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310

แชร์หน้านี้

Loading...