ปลดปล่อยตัวเองจากพลังงานเก่า เปิดรับพลังงานใหม่ ง่ายๆ ดังนี้

ศาสนา, ลัทธิ, นิกาย, หลวงพ่อหลวงปู่ ฯลฯ มากมายล้วนอาจนำคุณไปสู่ภาวะ "ใส" บริสุทธิ์ได้ ทว่า เมื่อคุณใสที่สุดแล้ว คุณเหมือนน้ำบริสุทธิ์ จำต้องมี "ภาชนะใส่" หรือ "สมมุติห่อหุ้ม" เช่น ถ้าคุณบรรลุธรรมในเถรวาท คุณก็ต้องบวชเป็นพระในเถรวาท แต่ถ้าบรรลุธรรมในสายมหายาน ก็กลายเป็นพระมหายาน ปัญหาคือ จุดนี้ "สิ่งห่อหุ้ม" ที่แตกต่างกัน เกิดจากพลังงานเก่า ทำให้เรา "แตกแยก" เป็นลัทธิ, นิกาย, ศาสนา ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรนัก เพราะพลังงานเก่านี้ใช้ได้ดีมานานแล้ว แต่มันกำลังจะไม่เวิร์กในโลกยุคใหม่ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ท่าน "สวมเกราะ" ห่อหุ้มความใสบริสุทธิ์ไว้ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ แบบ "สากลจักรวาล" ซึ่งไม่อยู่ภายใต้กรอบของลัทธิ, นิกาย, ศาสนา ฯลฯ หรืออะไรที่จะจับคนออกเป็นกลุ่มให้แตกต่างกัน เพราะเราจะเป็น "หนึ่งเดียวกันดุจสรรพสิ่งในจักรวาล" ที่ทำหน้าที่, ทำกิจ ต่างกันไปเท่านั้นเอง การบรรลุธรรม เป็นไปได้หลายสาย, หลายนิกาย แต่เมื่อบรรลุภายใต้พลังงานเก่า ก็ต้องรับแนวทางของเขามา ทำให้ท่านต้องทำหน้าที่, รับภารกิจสืบทอดต่อแบบนั้นต่อไป การรับเกราะจากจักรวาล ก็คือ การได้รับสมมุติห่อหุ้มแบบ "ไม่ยึดติดในลัทธินิกายหรือองค์กรศาสนาใดๆ" นั่นเอง อันจะทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น เช่น ถ้าคุณเป็นพระอรหันต์ในเถรวาท จะไปสอนธรรมะชาวคริสต์ คงประหลาดน่าดู และอาจ "กลายเป็นปัญหาขัดแย้งกันได้" ใช่ไหม? เราจึงแนะนำทางออกจาก "พลังงานเก่า" เพื่อเปิดรับพลังงานใหม่จากจักรวาลโดยตรง นั่นเอง

 

สาธุ กล่าวชอบแล้วขอรับ สร้างความกระจ่างได้อย่างดียิ่ง
ผมเองก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการแบ่งสาย แบ่งกลุ่ม แบ่งเป็นลัทธิต่างๆ มานานแล้วไม่ว่าจะเป็นพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอื่นๆ ของโลก ถึงแม้จะผมปฏิับัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ก็ตาม แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจเสมอมา ว่าทำไมจึงต้องแบ่งแยกเป็นสายเป็นกลุ่มเป็นลัทธิต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ทำไมจึงไม่รวมกันเป็นหนึ่งและมีจุดหมายร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ เืพื่อบรรลุและเข้าถึงซึ่งความเป็นจิตแห่งพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แห่งสากลจักรวาล
เช่นนี้แล้วขอคำชี้แนะเืพื่อไปให้ถึงการ "สวมเกราะ" ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ แบบ "สากลจักรวาล" ขอรับ

 

เป้าหมายสูงสุดของทุกศาสนา อยู่ที่จุดเดียวกัน และสอนให้ทุกคนเป็นคนดี อย่าไปสนใจรายละเอียด เพราะกฏระเบียบต่างๆขึ้นอยู่กับประเพนีและวัฒนะธรรม ของแต่ละภูมิภาค ถ้าอ้างกฏระเบียบหรือวิธีการที่ต่างกัน ไม่มีทางยกระดับจิตได้ เพราะดวงจิตทุกดวงเป็นพลังงานชนิดเดียวกัน แต่มาแบ่งแยกเพราะ สมมุติบัญญัติ ที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดขึ้นเอง<!-- google_ad_section_end -->

 

เมื่อคุณยกระดับจิตให้ถึงจักรวาลแล้ว นั่นคือ "ปลดปล่อย" จากพลังงานเก่าได้สำเร็จแล้ว ต่อไป คุณยังมีสังขารอยู่บนโลกนี้ โลกที่ยังมี "พลังงานเก่า" อยู่ หนีไม่ได้ ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือ "การชำระล้างพลังงานเก่า" ที่จะจรเข้ามาในร่างสังขารของคุณเอง เป็นระลอกๆ ไป ซึ่งคุณจะสังเกตุได้ชัดว่าเป็นระลอกๆ เมื่อคุณสามารถชำระล้างพลังงานเก่าให้ใสปิ๊งได้แล้ว พลังงานเก่าระลอกใหม่จะมาอีก เมื่อหมดเกลี้ยงทุกๆ ระลอกแล้ว ไม่เหลืออะไรอีก จุดนี้ คุณจะเข้าสู่กระบวนการ "ถูกสร้างใหม่" จึงจะได้รับการสวมเกราะชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณจะรู้ได้และสัมผัสได้ในโลกแห่งสังขารนี้ คือ คุณจะได้รับการสนับสนุนให้ทำกิจบางประการอันสอดคล้องกับกิจของจักรวาลครับ เช่น ผม ก็ได้รับการสนับสนุนให้ใช้อินเตอร์เน็ตได้ฟรี ใกล้บ้านมาก (เมื่อก่อนจ่ายเงินเองตลอดและต้องเดินทางไกล) นี่คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงและสามารถพิสูจน์ได้ครับ

 

อนุโมทนาสาธุกับท่าน อพอลโล่ ครับ ทำให้สิ่งที่ผมสงสัยเกิดความกระจ่างขึ้นมากมายครับต่อไปก็แค่รอบางอย่างเท่านั้นครับ

 

ขอบคุณ มาก ๆ ครับผม ... สุดยอดมาก เลย ... อิอิ

 

อีกทางเลือกหนึ่งในการชำระล้าง คือการบำเพ็ญบารมีจนมีกายหนึ่งสำเร็จยูไล ใช่ป่ะคับ ได้กายที่ต่ำกว่านี้จะชำระล้างไหวป่ะคับ เช่้นกายกษิติครรภ์ กายอวโลกิเตศวร ท่านช่วยบอกความแตกต่างของกายยูไลที่มีของทิพย์แต่ละอย่างแตกต่างกัน และวิธีการได้มาอ่ะคับ ผมก็อยากจะช่วยชำระล้างอ่ะคับ ไม่อยากติดอยู่กับชีวิตที่วันๆทำงาน แล้วเสพไปวันๆแบบเดิมๆอ่ะคับ ผมก็อยากจะไปออกไปทำงานเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากจะมีชีวิตแบบที่โดนครอบงำโดยพลังงานเก่าอ่ะคับ

 

พอเก็ทครับ แต่ยังไม่อิน อยากทราบขั้นตอนของการฟอร์แม็ทพลังงานล้าหลังให้พ้นๆไปจากฮาร์ดแวร์ตัวเดิม ทำแบบไหนดีขอรับท่าน(one-eye)

 

-+ แหกคอกดี ชอบ +-
..........................

 

กระผมสนใจขอลงทุนซื้อวิธีการสร้างพลังใหม่ ใช้ทุนเท่าไรขอรับ แพงมากก็ไม่ไหวอยู่กับพลังงานเก่าๆน่าเบื่อแต่ถ้าทุน(บุญ)น้อยยังไงก็ต้องทนไปขอรับ

 

ผมดื่มน้ำในโอ้งที่ค้างปี มาพันปี โอ..... ทำให้อยู่รอด
แต่วันนี้ ผมได้ดื่มน้ำฝนที่รองมาใหม่ เย็นสดชื่น.......
สาธุ สาธุ สาธุ

 

ชาวพุทธ ท่านจะให้ทิ้ง พุทธ
ชาวคริส ท่านจะให้ทิ้ง คริส

ท่านอ้างว่า ศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่นั้น เก่า เป็นพลังงานเก่า
ต้องทิ้ง ประมาณว่า ถูกครอบงำ จากศาสนาเก่า

แล้วมาอยู่กับท่าน ซึ่งเป็นพลังงานใหม่ ที่มีอิสระ แต่ไหง ต้องมาใส่เกราะอะไรน่ะ
มาโดนเกราะของท่าน ครอบเอาอีก ไม่พ้นโดนท่านครอบงำอยู่ดี



ท่านให้พระสงฆ์ สละผ้าเหลือง เพื่อเป็นอิสระ จากพลังงานเก่า
แล้วมาใส่เกราะ ของพลังงานใหม่ อันนี้ โดนเกราะท่ารครอบเต็มๆ แต่อ้างว่าใหม่นะเนี่ย



แนวคิดแบบท่านนี่ สุดกู่จริงๆ ตามไม่ทั่นนี่เคลิ้ม เลยนะนี่
เมื่อไรจะ ระดมทุนครับ อยากจะบริจากแล้ว ล่ะ



แล้วที่ถามเรื่อง กิเสล 5 ข้อ เมื่อไรจะตอบครับ หรือตอบไม่ได้ เพราะ หาทางไปต่อไม่เจอครับ

 

บอกชัดเจนว่า "ใช้ชีวิตตามปกติ" แล้วกระบวนการชำระล้างมันเดินเครื่องเอง
ไม่ได้บอกให้ไปทำอะไร หรือไม่ทำอะไรเลย ถึงบอกชัดว่า "ไม่ได้สื่อ วิธีการ"
ไม่มีบอกเลยเรื่องให้เลิกออกจากศาสนาอะไร ศาสนาอะไรมันก็เรื่องของคุณ
ไม่เกี่ยวว่า "สัจธรรม" จะเข้าไปไม่ถึงเสียหน่อย คนที่หลุดพ้นแล้วจะมีสมมุติ
แบบไหนมันก็ได้ทั้งนั้นแล้วแต่วิบากกรรมของเขาไป เป็นพระที่ไม่ยึดความเป็น
พระ ความเป็นนิกาย เป็นศาสนา ก็มีได้ เป็นได้ ไม่เห็นจะแดดิ้นตายเสียหน่อย

 

ต้องขอขอบคุณ คุณ อพอลโล สำหรับข้อความที่ดีๆและลึกซึ้งมาก อ่านแล้วได้ตัวปัญญาที่แท้จริง จะนำไปปฏิบัติเพื่อให้หลุดพ้นจากพลังงานเก่า

 

อันนี้มีครูบาอาจารย์ท่านสอน...ไม่ต้อง ไม่ตั้ง มันก็นิพพานอยู่แล้ว หมายถึงว่า ไม่ต้องไปกำหนดอะไร ทำจิตแบบไหน จิตมันก็เข้าถึงนิพพานได้อยู่แล้ว เพียงแค่ไม่เข้าไปยึด ไปเกาะอะไร ไม่ว่าดี ว่าชั่ว ปล่อยให้มันผ่านไปทั้งหมด แต่คนเรามันทำได้ยาก เพราะจิตเราสั่งสมกิเลส อารมณ์ต่างๆ มากมาย อยู่ดีๆ จะวาง จะปล่อยแบบตรงๆ มันทำไม่เป็นซะแล้ว ต้องหาอุบายกำหนดภาวนา ให้จิตมีที่เกาะอยู่ภายในตัว ไม่แส่ส่ายไปเก็บเกี่ยวกิเลสอารมณ์อะไรเข้ามาในจิตอีก

เพราะฉะนั้น ถ้าปล่อยผ่าน ปล่อยว่างเป็น มันก็ไม่ต้องหาอุบายอะไรมาฝึกจิตอีก จบในตัวอยู่แล้ว แต่คนเราทำสิ่งง่ายๆ ไม่เป็นซะแล้ว ทำเป็นแต่สิ่งซับซ้อน เหมือนคนอ้วนอยากผอม (เอาแบบคนปกตินะ ไม่ใช่ผิดปกติ) จริงๆ แค่กินให้น้อย มันก็ผอมแล้ว แต่เราทำไม่เป็นกัน เลยต้องไปกินยาลดความอ้วน ไปออกกำลังกายกันมากมายเพื่อจะให้ผอม ประมาณนี้ล่ะ

 

ท่านครับ นอกจากท่านจะ " ดริฟ " แล้ว ท่านยังหลงลืมสิ่งที่ท่าน พิมพ์ ไว้อีก
........เป็นไรมากเปล่าครับ.......


ขอความนี้
ลูกเอ๋ย... เมื่อลูกมีจิตใสถึงที่สุดแล้ว ลูกยังไม่ถึงวาระที่จะได้นิพพานภาระกิจของลูกจึงไม่ใช่การเป็นพระสงฆ์ ลูกจำสละผ้าเหลืองออกมาเพื่อทำกิจปกป้องจักรวาล, โลก, ประเทศ และศาสนาของลูกๆ ลูกจะได้ชื่อว่า "อัศวินแห่งจักรวาล" อันมีเกราะอัศวินทั้ง ๕ เกราะให้ลูกได้ใช้ห่อหุ้มความเป็นฆราวาสผู้ทรงธรรมของลูก ให้ลูกสามารถทรงขันธ์ต่อไปได้โดยไม่ละสังขารตายใน ๗ วัน นี่คือ "สิ่งที่พิเศษ" มากนะลูกไม่มีในยุคแรกของพระสมณโคดม


ท่านมีแนวคิด สุดขอบจักรวาลจริงๆ
ที่เน้นตัวดำใหญ่ขีดเส้นใต้ หมายถึงอะไรครับ

ไม่ได้บอกให้ออกจากศาสนาเหรอ ให้พระสงฆ์สละผ้าเหลือง จะให้แปรความว่าอย่างไร ครับ .........


ก็บอกแล้วว่า ผมจะตามอ่านท่านไปเรื่อย และตามจริง
และจะให้ กรมการศาสนา ช่วยตามด้วย
รวมถึง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ช่วยตามดูท่าน อีกแรง

แหม คำสอนของท่านเด็จขาดขนาดนี้ จะปล่อยไปได้ไงครับท่าน

link นี้ อ่านอีกที นะท่าน
http://palungjit.org/threads/อัศวิน...ง-คือ-สมมุติห่อหุ้มฆราวาสผู้บรรลุธรรม.293467/

 

น่ากัวจิง ๆ เดี๋ยวคุณ Numtrn ก็ให้ไปถาม ม.4 ตามสเต็ป

 

ม.5 ต่างหาก
ม.4 เด็กไป ง่ะครับ
ม.6 กะลังจะสอบเข้ามหาลัย อย่าไปกวนเขา

 

I'm so bored of annoying people!!!

 

พระท่านไหนเป็นเถรตรงจริง ก็อยู่แบบเถรวาทไป ไม่ต้องสึก
ท่านไหน ไม่ใช่เถรตรงแล้ว "กลายๆ" ออกเป็นมหายานแล้ว
ก็สึกออกมา ถ้าสมัครใจทำในส่วนมหายาน ก็บวชเข้าใหม่ให้
มันถูกต้อง ถูกแนวทาง ถูกนิกาย ปฏิบัติยังไง ก็อยู่ในแบบนั้น



แต่ตอนนี้ "มันมั่วกันไปหมดแล้ว"