ลักษณะของผู้บรรลุอรหันต์แล้วกลับมาเกิดใหม่ สามารถสังเกตุได้อย่างนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 17 กรกฎาคม 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ผู้บรรลุธรรมแล้วบนสวรรค์มีมากมาย หลังจากพระพุทธองค์ทรงเสด็จไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และยังทรงเสด็จไปโปรดสัตว์ในพรหมโลกอีก ทำให้มีเทพ, พรหม บรรลุอรหันต์มากมาย บ้างเรียกท่านเหล่านี้ว่า "วิสุทธิเทพ" หรือ เทพที่บรรลุอรหันต์แล้ว ซึ่งท่านเหล่านี้ มีอายุขัยยาวนาน เช่น ๑ พันปีทิพย์บ้าง, ๒ พันปีทิพย์บ้าง ฯลฯ ในขณะที่เวลาบนโลก พระพุทธศาสนามีอายุเพียง ๕,๐๐๐ ปีมนุษย์ (ไม่ถึง ๑ พันปีทิพย์) ดังนั้น วิสุทธิเทพจำนวนมาก สามารถตั้งจิตลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ได้ก่อนที่จะหมดอายุขัยในโลกทิพย์นั้น ท่านที่บรรลุอรหันต์แล้วจุติลงมาเกิดใหม่บนโลกนี้มีมากมาย ในบางท่านบรรลุอรหันตผลบนโลกแล้ว แต่ชำระกรรมยังไม่หมด เช่น ท้าวมหาพรหมชินปัญจระ ก็บรรลุอรหันต์แล้ว แต่ยังชำระกรรมไม่หมด ก็ยังต้องลงมาเกิดใหม่ (ทั้งที่เคยได้อรหันตผลแล้ว) ท่านที่เคยได้อรหันตผลแล้วลงมาเกิดใหม่นี้ ภาษาจีนเรียกว่า "หัวฝัว" เช่น พระจี้กงหัวฝัว เป็นต้น ส่วนภาษาทิเบตใช้เฉพาะเจาะจงลงไปอีกว่าเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่ได้บรรลุธรรมแล้วกลับมาเกิดใหม่ เรียกว่า "ตุลกู" ซึ่งสามารถสังเกตุลักษณะของท่านเหล่านี้ได้ว่าเป็นใครกลับชาติมาเกิด ดังจะอธิบายต่อไป
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เมื่อพบทุกข์หนัก จิตจะตรงสู่ความตาย และไม่มีเยื่อใยต่อใดๆ ในโลก


    ท่านที่มีบารมีเก่า "สำเร็จอรหันต์" มาแล้วเป็นฐานเมื่อมาเกิดใหม่ยังไม่ทราบ
    ตัวเอง ยังคงใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแต่เมื่อ "พบทุกข์หนัก" ก็จะสิ้นเยื่อขาดใย
    ใดๆ ในโลก ได้ทันที (ด้วยบารมีเก่า ที่เคยบรรลุธรรมแล้วนั่นเอง) แต่มักต้อง
    กรรมทำให้ "พร้อมละสังขารทันที" ด้วย จิตจึงตรงสู่ "ความตาย" เช่น อยาก
    ตาย, คิดฆ่าตัวตาย, หมดอาลัยตายอยากในชีวิต, พร้อมตาย ฯลฯ ซึ่งจุดนี้จะ
    แตกต่างจากคนทั่วไป คนทั่วไปแม้มีทุกข์มาก ก็ยังหวังว่าจะ "ไขว่คว้าสุขอื่น"
    ต่อไป แต่เหล่าหัวฝัว จะไม่มีอาการอย่างนี้ จะตรงต่อความหลุดพ้น ไม่คิดเอา
    สิ่งใดๆ ในโลกอีก สิ้นเยื่อขาดใยต่อใดๆ ในโลก เพียงแต่ยังไม่บรรลุธรรม ยัง
    มีวิบากกรรมรุมกระหน่ำอยู่ ทำให้คิดอยากฆ่าตัวตายบ้าง, คิดอยากตายบ้าง,
    คิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปบ้าง ฯลฯ นี่คือ ลักษณะเฉพาะหนึ่งของเหล่าหัวฝัว
    (อนึ่ง บางคนพบทุกข์มากแต่ไม่ถึงขั้นคิดอยากตาย ได้แต่ตรงสู่การบวช ก็มี)
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    วิบากกรรมจำนวนมากหลายระลอกรุมเข้ามา แต่เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น


    อุปมาเหมือนคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามาหลายระลอก แต่เป็นเพียงคลื่นที่เบาบาง ต่าง
    จากคนทั่วไป ที่กรรมหนึ่งกรรมจะดำรงคงอยู่นานกว่าจะหมดสิ้น เช่น กรรมที่ต้อง
    เป็นบริวารในบริษัทแห่งหนึ่ง สำหรับคนทั่วไปอาจใช้เวลาเป็น ๕ ปี, ๑๐ ปี แต่ใน
    หัวฝัว อาจเหลือเพียง ๑ ปี แล้วหักเหไปรับกรรมอื่นแทน ดังนั้น ชีวิตของหัวฝัวจึง
    พลิกผันมาก จากกรรมหนึ่งสั้นๆ หมดไป เดี๋ยวไปรับกรรมใหม่แต่สั้นๆ แล้วหมดไป
    อย่างนี้เรื่อยๆ จนอาจทำให้ชีวิตแปรปรวนและสับสนได้ว่าทำไม ตนนี้จึงไม่มีความ
    มั่นคงในชีวิตทางโลกเลย ทว่า เมื่อได้เข้ามาสู่ทางธรรม กลับแน่วแน่มั่นคงได้มาก
    กว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะ "กรรมนี้เป็นเพียงเศษกรรมเบาบางที่ใช้หมดในชาติเดียว"
    และ "ต้องชำระกรรมทุกๆ ชาติให้หมดในชาตินี้" ดังนั้น กรรมนี้จึงมาหลายระลอก
    แต่เบาบาง สั้นๆ แล้วหมดไปอย่างนั้น บางคนก็มองว่าคนเหล่านี้ "ไม่เอาไหน" ใน
    ทางโลกหรือ "หลักลอยหลักเลื่อน" เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ อยู่ได้ไม่นานไม่ทน
    แปรปรวน, เปลี่ยนแปลงง่าย, ชีวิตสับสน, อลหม่าน ฯลฯ แต่เมื่อได้มาอยู่ ในทาง
    ธรรม กลับแตกต่างไป คือ "มั่นคงอยู่ได้ตามผลบุญ" เช่น บ้างได้บุญผ้าเหลืองแต่
    บ้างอาจได้บุญผ้าขาว (เช่น บวชเป็นชี หรือฤษี แล้วอยู่ได้ จิตสงบดี) อย่างนี้ ก็มี
     
  4. cpari

    cpari เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +184
    ความตายอันนี้น่าจะมีความหมายว่าตายจากกิเลสหรือเปล่า และรู้จักปล่อยวางโดยรู้เห็นสัจจะธรรม
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เหมือนคนบ้า, เพี้ยน, วิปริต, วิตถาร, เอ๋อ ฯลฯ ไปช่วงหนึ่งแล้วหายได้เอง


    ในช่วงที่ "จิตวิญญาณใสบริสุทธิ์" มากโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสิ่งนี้เป็นไปเองตามธรรมชาติ
    ของหัวฝัว ทำให้เขาพร้อมจะละสังขารตายใน ๗ วันโดยไม่รู้ตัว ช่วงเวลานี้เอง ที่จะ
    มี "จิตวิญญาณคุ้มครอง" ร่างสังขารนั้นๆ เป็นจิตวิญญาณจรชั้นล่างๆ เข้ามาอยู่ร่วม
    ด้วย (เริ่มจากต่ำสุด หรือดำสุดก่อน แล้วจึงเป็นจิตวิญญาณชั้นดีในภายหลัง) ทำให้
    หัวฝัวทั้งหลาย "มีอาการเปลือกนอกที่ผิดปกติจากคนทั่วไป" เช่น เหมือนคนบ้า, มี
    จิตวิปริต, เป็นเอ๋อ, มีกามวิตถาร ฯลฯ ได้ เพื่อดำรงทรงขันธ์ให้อยู่ต่อไปได้ จนกว่า
    จะได้ผ้าเหลืองห่อหุ้ม ซึ่งช่วงเวลานี้อาจยาวนานมากก็ได้เช่น หัวฝัวบางคนเป็นเอ๋อ
    นานเป็น ๑๐ ปี ก็มี หัวฝัวบางคนไม่มีความรู้สึกกามต่อเพศตรงข้ามแล้วแต่กลับมีจิต
    วิญญาณประสานร่วมให้เกิดกามกับอย่างอื่นอีก เช่น มีกามต่อเพศเดียวกัน, กามต่อ
    สัตว์ ฯลฯ อย่างนี้ ก็มีได้, เป็นได้ ดังนั้น ท่านที่รู้ตัวว่ามีอาการอย่างนี้ ท่านสามารถที่
    จะ "หายเองได้" ไม่ต้องกลัว (บางคนเป็นโรคประสาท, โรคเครียด, โรคจิตซึมเศร้า
    โรคจิตอื่นๆ ก็มีได้) แต่ถ้าท่านไม่ใช่หัวฝัวก็อาจจะต้องอาศัยการรักษาโดยจิตแพทย์
    (อนึ่ง หัวฝัวบางคนมีกรรมหนักต้านไม่ไหวอาจกลายเป็นโรคจิตตลอดชีพ ก็มีได้อยู่)
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    วิบากกรรมจะเข้ามาก่อน มัจจุราชมารจะเข้ามา
    ทำให้หลงทางไปก่อน คิดอยากฆ่าตัวตายจริงๆ
    (หัวฝัวหลายคนเป็นแบบนี้) จนกว่ากรรมบังตา
    จะหมดลงไป จึงคิดได้เช่นนั้นว่า ตายจากกิเลส
     
  7. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,254
    พระพุทธสุภาษิต
    พระอรหันต์เปรียบได้กับแผ่นดิน
    ไม่เคยโกรธขึ้งใคร มีจิตคงที่เหมือนหลักเมือง
    มีจรรยาสะอาด เหมือนสระน้ำที่ใสไร้เปลือกตม
    ผู้มีคุณสมบัติเห็นปานนี้
    ย่อมไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก

    พระอรหันต์เป็นผู้หมดกิเลสเเล้วละ สังโยชน์10เเล้ว เป็นผู้ไม่มีเชื้อไฟที่จะมาเกิดเเล้ว สาธุ สาธุ
    เถรวาทกับมหายานรู้สึกว่าคำสอนจะค่อนข้างผิดกันเยอะนะครับ
    เถรวาท ปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าครั้งทรงพุทธกาลทุกอย่าง
    มหายาน เชื่อตามอาจารย์ที่ตนเองนับถือมาเป็นรุ่นๆ
     
  8. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ดิฉันคิดว่า ดิฉันมีคำตอบแล้วล่ะ ขอบคุณจขกท.มากนะคะ ดิฉันมีเพื่อนคนนึงเป็นแบบที่ท่านว่ามาเลย ดิฉันคิดว่าเค้าเพี้ยน จิตวิปริต หมกมุ่นในกามจนผิดปกติ คล้ายพวกโรคจิตวิตถาร ไร้จิตสำนึก
    ดิฉันต้องบาปแน่ๆเลยงานนี้ ทำไงดี?
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    อดีตนั้นคือการชำระกรรมระหว่างเขากับคุณ
    จบแล้วผ่านไปแล้ว ไม่มีผิดถูกอะไร เป็นแค่
    การทำหน้าที่ชำระกรรมระหว่างกันเท่านั้น


    ต่อไป ก็แค่ "หยุดกรรม" ของเราเอง เท่านั้น
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เหมือนจอมยุทธที่ไม่ต้องฝึกอะไรเลย ได้วิชาทางจิตแล้วสำเร็จได้ทันที


    อันนี้ เป็นผลจากบารมีเก่าสร้างไว้ สำหรับท่านอื่นที่ไม่ใช่หัวฝัว จำเป็นต้องฝึก
    ใหม่จากศูนย์ หรือเริ่มต้นจากศูนย์ในชาตินี้ แต่สำหรับหัวฝัวแล้ว ไม่จำเป็นเลย
    เขาสามารถปฏิบัติจิต หรือฝึกวิชาทางธรรมได้สำเร็จโดยง่ายและรวดเร็ว ไม่มี
    การร่ำเรียนเป็นปีๆ เหมือนผู้อื่น เขาจึงเหมือนจอมยุทธในนวนิยาย เมื่อพบเจอ
    อาจารย์แล้ว ก็สำเร็จชั้นสูงสุดได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกทีละน้อยเลย ซึ่งลักษณะ
    นี้ จะมาหลังจากเขาได้รับวิบากกรรมมากมายจนเริ่มจางเบาบางลงแล้ว หากมี
    วิบากกรรมบังตาเหลืออยู่ก็ยากที่จะเข้าสู่การสำเร็จวิชาใดๆ ได้ และหลายท่าน
    มักประสบปัญหา "เรียนทางโลกแล้วไม่จบ" เนื่องจากวิบากกรรมโหมกระหน่ำ
    เข้ามาอย่างหนักพอดี เมื่อรับวิบากกรรมเหล่านี้ จนจางเบาบางแล้วได้รับวิชชา
    ทางธรรม กลับสำเร็จได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว อันนี้ ก็คือลักษณะของหัวฝัว
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เราไม่ใช่พระปัจเจกฯ การบรรลุธรรมฯ
    จำต้องอาศัยผู้ที่บรรลุธรรมอยู่แล้วก่อน
    แล้วต่อสายธรรมจากท่าน จึงสำเร็จได้
    จะอาศัยความศรัทธาต่อพระพุทธองค์
    เท่านั้น แล้วสำเร็จเองนั้น เป็นไปไม่ได้


    ....ครับ
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การค้นหา "หัวฝัวหรือตุลกู" เพื่อต่อสายธรรม ทำให้การสืบสายธรรมง่ายและรวดเร็วขึ้น แต่การจะทราบได้ว่าใครเป็นหัวฝัวนั้นยากมาก ทั้งยังจะต้องทราบอีกว่า "เป็นหัวฝัวของท่านใด" เช่น เป็นหัวฝัวของท่านตั๊กม้อ, หัวฝัวของท่านจี้กง, หัวฝัวของท่านหุยเคอ, หัวฝัวของท่านเว่ยหลาง ฯลฯ หรือแม้แต่หัวฝัวฝ่ายเถรวาท เช่น หัวฝัวของหลวงพ่อโต, หัวฝัวของหลวงพ่อฤษีลิงดำ, หัวฝัวของครูบาศรีวิชัย, หัวฝัวของครูบาขาวปี, หัวฝัวของครูบาไชยวงศา ฯลฯ เหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับผู้มีธรรมระดับ "ดาไลลามะ" แล้ว สิ่งเหล่านี้ "ไม่ยากเกินไปเลย" เพราะท่านเป็นผู้ที่มีญาณหยั่งรู้เพื่อสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วโดยเฉพาะ ทว่า แม้จะมีญาณหยั่งรู้ระดับนี้แล้ว ก็ยังรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ในบางท่านบางคน ไม่ใช่รู้หมดทุกคน ซึ่งขึ้นอยู่กับกำลังญาณนั้นๆ ด้วย ดังนั้น ในทิเบตจึงต้องหาวิธีทดสอบและกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ "ทดสอบตุลกู" โดยเฉพาะว่าเด็กคนนั้นคนนี้ เป็นตุลกูของท่านใด, คุรุคนใดมาเกิดจริงหรือไม่ ซึ่งทิเบตมักทดสอบตั้งแต่ยังเด็กเพราะจิตของเด็กที่เกิดใหม่ๆ มักใสซื่อและแสดงออก อย่างตรงไปตรงมาไม่มีเสแสร้ง จึงง่ายกว่าการทดสอบผู้ใหญ่ อนึ่ง ในทิเบตนั้น เมื่อค้นหาตุลกูได้แล้ว ก็จะนำไปพัฒนาจนกว่าจะได้เป็น "รินโปเช่" (อาจารย์ผู้มีธรรม) และผู้ที่เป็นที่สุดของตุลกูทั้งหลายที่ได้รับคัดเลือกมานั้น ก็จะได้เป็น "ดาไลลามะ" องค์ต่อไป นั่นเอง
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ในประเทศไทยตอนนี้
    ก็มีหัวฝัวมาเกิดเยอะ...
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความคิดเห็นบางส่วนจากเว็บพันทิพย์
    ....................................................

    ผมขออนุญาตเล่านิทานเรื่องพระอรหันต์ท่านหนึ่ง เมื่อประมาณ

    90 ปีที่ผ่านมานะครับ ท่านไม่ใช่พระสงฆ์ในประเทศเรา พระอรหันต์ท่านนี้มี

    จริยางดงาม เป็นที่เคารพแก่ผู้คนจำนวนมาก แต่ท่านมีพฤติกรรมอย่าง

    หนึ่งคือ ชอบดูการทำอาหารมาก แม้กระทั่งระหว่างการเทศน์ ถ้ามีการทำ

    อาหาร ท่านก็จะลุกขึ้นไปดู

    ภรรยา และ ลูกศิษย์ เป็นห่วงท่านว่า จริยาท่านงดงามทุกอย่าง

    แต่มีเรื่องนี้ที่จะทำให้ผู้คนตำหนิท่านได้ จึงขอร้องท่านให้งดเว้นพฤติกรรมนี้

    เสีย ท่านก็ได้แต่ปฏิเสธมาหลายครั้ง จนวันหนึ่ง อดีตภรรยาขอร้องอย่าง

    จริงจัง ให้หยุดพฤติกรรม เรื่องความชอบอาหารนี้เสีย

    คราวนี้ท่านบอกว่าได้ แต่ท่านก็จะต้องไปบอกอาจารย์ของท่าน

    ว่าท่านจะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว และบอกภรรยาว่า 3 วันก่อนจะท่านจะละ

    สังขาร เมื่อภรรยาท่านยก อาหารมาให้ ท่านจะหันหน้าหนีไปเสีย เมื่อนั้นให้

    รู้ไว้ว่า อีก 3 วัน ท่านจะไม่อยู่แล้ว... เมื่อเวลาผ่านไปจนภรรยาท่านลืมเรื่อง

    นี้ วันหนึ่งก็ยกอาหารเข้ามาให้พระอรหันต์ท่านนี้ตามปกติ และเห็นท่าน

    เบือนหน้าไปทางอื่น ก็ระลึกได้ตกใจจนถาดอาหารตกลงพื้น ร้องไห้คร่ำ

    ครวญ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พระอรหันต์ท่านนี้ก็ละสังขาร

    ในอีก 3 วันถัดมา <!--MsgFile=7-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=7-->thai-shy-lock [​IMG][​IMG] - [ <!--MsgTime=7-->25 มิ.ย. 51 00:19:30 <!--MsgIP=7-->]

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/06/Y6735045/Y6735045.html]PANTIP.COM : Y6735045
     
  15. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ขอบคุณท่านมากๆ กระทู้ของท่านทำให้ดิฉันตาสว่าง เขาเป็นคนน่าสงสารที่สุด ดิฉันไม่เข้าใจจริงๆ(ตอนนั้น) เขาเคยเล่าให้ฟังอยู่นะ ดูเหมือนไม่มีใครเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้มากนัก ดิฉันรู้สึกผิด(อีกแล้วงานนี้)
    "หัวฝัว" ครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้ ไม่เคยรู้จักมาก่อน โง่จริงๆเลยเรา
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความคิดเห็นบางส่วนจากเว็บพันทิพย์ ๒
    .......................................................

    [​IMG] <!--WapAllow8=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 8 [​IMG]

    <!--MsgIDBody=8-->ผมเพียงอยากจะเสนอความเห็นว่า เมื่อเรายังไม่พ้นทุกข์ ก็ย่อมเป็นไปได้ที่จะไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่างในโลกนี้ ชีวิตของพวกเราก่อนพ้นทุกข์ ก็ยังคงเต็มไปด้วยมุมมองทางฟากนี้ แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นความจริง อะไรเป็นความเชื่อ

    แต่ชีวิตหลังพ้นทุกข์ อาจเป็นมุมมองที่กลับข้างกันไปเลยก็ได้
    ชีวิตหลังพ้นทุกข์ของพระอรหันต์บางท่าน อาจต้องใช้ความพยายามระดับหนึ่งทีเดียว เพียงเพื่อจะมีลมหายใจ อยู่คอยช่วยเหลือผู้ที่สนใจจะข้ามฟาก ก็เป็นได้


    พระอริยะในไทยที่เป็นที่ยอมรับ ที่เคยว่าปรากฏสะสมสิ่งของ ก็มี , บางท่านก็สูบบุหรี่และยาสูบ ก็มี , บางท่านเคยมีอารมณ์เกรี้ยวกราด ก็มี, บางท่านที่ยังไม่บวช ยอมรับว่าเคยโกหก จะว่ายังไงก็ช่าง ก็มี....


    เราอาจไม่รู้เหตุผลในพฤติกรรมเหล่านั้นของท่าน แต่ผมก็เห็นว่าเร็วเกินไปที่จะไปตัดสินว่าท่านเหล่านั้น ไม่ดี ไม่ใช่พระอรหันต์

    การตำหนินั้นไม่เพียงเป็นผลเสียแก่ตัวเอง ให้ต้องร้อนจิต ร้อนใจ ในภายหลัง เมื่อรู้ความจริง

    ยังเป็นการ ปิดโอกาสผู้อื่น ไม่ให้ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะแท้ๆของพระพุทธองค์ อย่างน้อยก็ได้เห็นในอีกมุมมองหนึ่ง



    ลองนึกกันเล่นๆดูกันสักหน่อย ว่าถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งในห้องศาสนานี้ เกิดพ้นทุกข์หมดจด ขึ้นมา

    แล้วพบว่า จริงๆแล้ว ความสนใจในกามทั้งหลาย หรือ เรื่องความรู้สึกทางเพศทั้งหลายนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคจริงๆจังๆ กับการบรรลุมรรคผลแต่อย่างใด

    หรือถ้าพบว่า ตัวเองบรรลุมรรคผลแล้ว ยังเกลียดพรรคการเมืองบางพรรคได้อยู่เลย :)

    พวกเราจะออกมาเปิดเผยความจริงเรื่องนี้อย่างไร ให้เหมาะสม

    หรือจะปิดบัง? จะหาวิธีอย่างไรให้เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหมดความงมงายในบางเรื่องไปเสียบ้าง?


    ผมมีความคิดเห็นเป็นส่วนตัวว่า ในประเทศของเรา อาจจะมีพระอริยะบุคคล ที่เป็นของแท้ ที่เป็นพระ และ ฆารวาสจำนวนหนึ่ง ที่ยังออกมามีบทบาทในวงการธรรมะได้ไม่มาก

    ก็เพราะไม่สามารถ สู้กระแสความเชื่อฝังลึก เกี่ยวกับพระอริยะเจ้า ของพวกเราชาว"ไทย-พุทธ" ที่คอยตั้งกฏเกณฑ์ให้อริยะบุคคลเหล่านั้นอย่างไม่เปิดใจ

    ผมขอความกรุณาทุกท่าน ฝากเรื่องนี้ไว้เป็นที่พิจารณาอย่างจริงจัง อย่าได้มองข้ามอีกเลย นะครับ <!--MsgFile=8-->

    จากคุณ : <!--MsgFrom=8-->thai-shy-lock
    [​IMG] [​IMG] - [ <!--MsgTime=8-->25 มิ.ย. 51 00:56:31 <!--MsgIP=8-->]

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/06/Y6735045/Y6735045.html]PANTIP.COM : Y6735045
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ปัญหาสำคัญของชาวไทยในการรักษาพุทธ


    ชาวไทยพุทธนั้น มักมี "สเปคของพระอรหันต์"
    เหมือนผู้หญิงที่จะรักผู้ชายสักคนหนึ่งก็กำหนด
    สเปกเอาไว้ว่าจะต้องมีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้
    เช่น ต้องดูน่าเลื่อมใส, ต้องดูสงบ, สมถะ ฯลฯ


    และนี่คือ "ปัญหาอย่างยิ่ง" ในการเข้าถึงอรหันต์
    แท้ของชาวไทยพุทธ และนำไปสู่การเข้าใจผิด
    ในพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวดในท้ายที่สุด


    จนบางท่านที่ได้บรรลุธรรมจริงๆ ก็ไม่ออกมาต้าน
    กระแสความเชื่อเหล่านี้ ต่างอยู่เงียบๆ เป็นผู้น้อย
    ไป การเผยแพร่ธรรมแท้ ก็จบลงแคบๆ แค่นั้นเอง
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ยิ่งอ่านยิ่งเข้าใจ บุคคลที่อยู่ในสภาวะแบบนี้ ไม่น่าจะมีความสุขนัก แต่เพื่อนคนนี้เขาหมกมุ่นในกามแบบผิดปกติจริงๆนะคะ ดิฉันไม่เคยเจอ เพราะมีคนเล่าให้ฟังแบบโอเว่อร์น่ะค่ะ อิอิ.. เขาบอกว่าจิตของเขาคือเด็ก อายุ5ขวบที่ชอบเซ็กส์ค่ะ ดิฉันฟังแล้วมึน(ในตอนนั้น) ตอนนี้รู้แร่ะ หายงงเลยทีนี้ ไปดีเถิดเพื่อนรัก สาธุ
     
  19. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เรื่องพวกนี้ไม่มีใครรู้จริงหรอก และ เถรวาทถือ ว่า จิตพระอรหันต์ หลุดพ้นแล้ว ไม่มีตัณหา อุปาทาน อวิชชาแล้ว เหมือนเมล็ดพืชหมดยางแล้ว ก็ลองพิจารณากันหน่อยครับ
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    หัวฝัวบางคนอายุยังน้อย เป็นวัยรุ่นอยู่
    จู่ๆ อกหัก แล้วทำท่ายังกับจะตาย พอ
    เวลาผ่านไปไม่นาน กลายเป็นคนใหม่
    อยู่ๆ คิดไปบวชเสียเฉยเลยก็มีทั้งๆ ที่
    ตนยังหนุ่ม ยังสามารถเริ่มต้นความรัก
    ใหม่ได้อีกมากมายแท้ๆ อย่างนี้ก็มี...
     

แชร์หน้านี้

Loading...