ทำไมมีแต่คนอ้างคำสอนของครูบาต่างๆมากกว่าพระไตรปิฏก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย I2D2, 4 กันยายน 2011.

  1. banana603

    banana603 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +17
    ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีปัจจัยของมันอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นของธรรมดาของมันเองอยู่แล้ว
    บุคคลผู้อ่านตำรา แล้วปฏิบัติ ก็มี บุคคลผู้ไม่อ่านตำราแต่ปฏิบัติ ก็มี
    บุคคลผู้อ่านตำรา แต่ปฏิบัติไม่ถึง ก็มี บุคคลผู้ไม่อ่านตำราและไม่ปฏิบัติ ก็มี
    ก็ตามปัจจัยของเขา หากเขาสั่งสมมาพอควรแล้ว หรือดำเนินถูกทาง จะทำยังไง มันก็ไปถูกทางอยู่ดี โดยธรรมดาของมันเอง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หากแต่เคยได้ยินคำใดๆ หรือสิ่งใดเนื่องด้วย พระธรรมแห่งพระพุทธเจ้า ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่าอ่านตำราแล้วแล..

    1 วรรค 1 ประโยค 1 บท บุคคลแต่ละคนก็ยังเข้าใจกันได้ต่างกัน ก็ตามแต่ผู้นั้นจะเข้าใจ โดยปัญญา และ ประสบมา ซึ่งก็คงจะบอกได้เลยใช่ไหมว่า ไม่มีใครเห็นตรงกันทั้งหมด โดยความรู้สึกแห่งตน เปรียบบุคคล มองวัตถุ สิ่งเดียวกัน แต่คนละมุมมอง แล้วมาโต้เถียงกัน น่าขันดีนัก มันถูกของมัน ก็จะเถียงเอาชนะกันไปทำไม เดิมทีเส้นทางแห่งพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธองค์นั้น เริ่มมาถูก และ ดี โดยนัยของตัวมันเองอยู่แล้ว พระสาวกต่างๆ ก็ต่างอาจจะคิดกันว่า ตนเองนั้น ได้ตีความเพื่อสอนผู้อื่นได้ดี โดยภาษาชาวบ้านแบบเราๆ เพื่อสอนอีกผู้นึงให้เข้าใจตามอย่างที่ตนคิดไว้ (ภาษา บาลี เป็นภาษาที่ต้องใช้การตีความโดยนัย และ ความรู้สึก หากแต่แปลมาเป็นไทยใช้คำกันสั้นๆ ก็ทำให้ผู้ที่มาอ่านมารับรู้นั้น เข้าใจผิดกันไปตามๆกัน ฉะนั้น คงไว้ซึ่ง บาลี ดังเดิม จะดีนักแล)
    ที่พระสาวกได้กระทำการสอนผู้อื่น มิใช่ว่าไม่ดี ก็ยังเป็นการสั่งสอนโดย ภาษาไทย เช่นกัน แต่ผู้รับรู้เข้าใจคลาดเคลื่อน โดยความรู้สึกแท้จริง เหตุเพราะหลายอย่าง ทางที่ดีสอนสิ่งใดแล้ว ควรยก พุทธวจนะ บาลี มาเป็นเสาหลักค้ำไว้ประกันคลาดเคลื่อนก็จะดี(อ้างอิง พระพุทธเจ้าเป็นประธาน) จะทำให้ผู้คนยังศรัทธาในผู้ที่เห็นในอริยสัจ แล้วนำมาเผยแผ่เป็นบุคคลแรก จนเราได้รับรู้เพราะมีผู้เห็นก่อนนั่นเอง

    กล่าวต่อว่า บุคคลผู้เริ่มกล่าว จนถึงผู้รับรู้แล้วบอกต่อมันเพี้ยนไปได้ไกลมา
    อุปมาดั่ง บุคคลผู้เตะบอลไปในระยะทางซัก 50เมตร โดยฝ่าลมและฝนที่ซัดเข้ามา โดยที่บุคคลผู้เตะนั้นเตะตรงเป้า(พระพุทธเจ้ากล่าวพระธรรมที่ตรงทาง) แต่จากระยะทางที่ไกล(เวลา) รวมทั้ง พื้นที่ และ ลมที่พัด(ผู้ที่รับสาร และ ส่งสารต่อ) แล้วจะไปได้ตรงจุดถึงสุดทาง จะเป็นไปได้หรือ เหตุนี้แหละ พุทธศาสนา จึงมีวันที่จะเสื่อมได้เป็นธรรมดา..

    จริงๆ ก็อยากจะขออะไรบางอย่าง แต่คงไม่ดีกว่า...

    แต่มีคำถามนิดหน่อย..
    อย่างเช่น คำนี้ผมเคยได้ยินมาว่า " ผู้ใดเห็นทุข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระตถาคต"
    ใคร่ครวญทราบจริงๆ ว่า แต่ละคนนั้นเห็นกันเป็นอย่างไร
    ทุกข์ เข้าใจว่าอะไร ธรรม เข้าใจว่าอะไร เห็นพระตถาคต เข้าใจว่าอย่างไร ?
    100คน จะเห็นตรงกันซักกี่คนกัน นี่แค่ประโยคสั้นๆ ถ้าเป็นธรรมที่ละเอียด จะผิดไปขนาดไหน
    ฉะนั้น เชิดชู สืบทอด ภาษาบาลีต้นแบบแห่งพระธรรม ให้คงอยู่ดีกว่าจะลืมเลือนกันไปเสียหมด...<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ใน อรรถกถา โคตมีสูตร ที่๑

    เนื้อความในเรื่องนี้ ทรงตรัสถึงเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของภิกษุณี
    พระอรรถกถา จึงแปลออกมา ดังที่ จขกท. ยกมาเป็นประเด็น

    ลองไปอ่านในเนื้อความพระไตรปิฏกดูสิ "โคตมีสูตร ที่๑"

    แล้วจะหาย กระต๊าก..!
     
  3. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ได้ความรู้ดีออกครับ อีกอย่างเขาใช้ภาษาสุภาพ ใช้หลักของความจริงสู้กัน
    ไม่ได้เอาหลักกู หลักเกิน เหมือนการเมืองซะหน่อย

    เปิดใจให้กว้างแล้วรับฟังกันครับ
    ถ้าใส่ผงชูรสเข้าไปในอาหารถามว่าจะอร่อยไหม ?
    คำตอบคือ..จะไปเหลือเร๊อะๆๆๆ...

    พระธรรมนี่ต่างกันเหมือนกัน ไม่ต้องปรุงรส ก็มีรสพระธรรมอยู่แล้ว
     
  4. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    กรุณายกมาด้วยครับว่าท่อนไหนที่ผมบอกว่าผมแม่น เป็นงง อ่านของคนอื่นแล้วมาโมเมรึเปล่าเนี่ย
     
  5. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    เนื้อความในพุทธพจน์เป็นอย่างนั้นครับ แต่เนื้อความในอถรรกถาท่านไม่ได้กล่าวเอาไว้ว่าจำกัดที่ภิกษุณีนี่นา
     
  6. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ต้องไปทำความเข้าใจเสียใหม่แล้วล่ะ

    ศึกษาให้รอบครอบกว่านี้ ไม่เช่นนั้น นอนไม่หลับแน่ เชื่อเหอะ
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ใช้ภาษาสุภาพกับคนอื่น คนอื่นก็ใช้ภาษาสุภาพกับเรา
    ใครที่ทำอะไรล้นๆ พวกนี้น่ะ หนีเจ้าหนี้มาเยอะแล้ว

     
  8. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    กรุณายกมาอธิบายให้ฟังได้มั้ยครับ ผมอาจจะอ่านข้ามไปเพราะฉะนั้นขอความกรุณายกมาอธิบายให้ฟังเป็นธรรมทานได้มั้ยครับ รบกวนยกบทความของอถรรกถามาด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  9. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676

    เข้าใจตรงประเด็นหัวข้อแล้วหรือยังครับ :cool:

    ผมว่าคุณ I2D2 นั่นแหละไม่เข้าใจเสียเอง ..
    นี่แหละครับ เราจึงจำเป็นต้องมีคนแปลพระไตรปิฏกกันอีกที
    เพราะคนเข้าใจ กับ คนเข้าถึง มันต่างกันมาก
    เราต้องมีแนวทางคือพระสงฆ์ผู้เป็นสาวก
    แต่พอแปลก็แปลกันแบบผิดๆ ใส่เสริมเติมแต่งตามรสที่ตนชอบนี่แหละ
    ถึงได้เสื่อมไปตามกาล

    :cool::cool:
     
  10. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    ประเด็นที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะว่า เห็นส่วนใหญ่คนเราเดี๋ยวนี้มักจะอ้างว่าท่านนั้นท่านนี้เป็นพระอรหันต์ บ้างก็อ้างว่าเป็นธรรมมะจากท่านต่างๆ (ทั้งๆที่น่าจะเรียกว่าเป็นธรรมมะของพระพุทธเจ้า แต่แสดงโดยใครก็ว่าไป)



    แต่แตกประเด็นแบบนี้ก็ดีนะครับ เป็นการแลกเปรี่ยนไปในตัว
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมว่าคราวนี้คงได้คำตอบสำหรับ จขกท นะครับ

    เมื่อคุณท้วงผู้อื่นด้วยพระไตรปิฎก
    ผู้อื่นก็ท้วงคุณด้วยพระไตรปิฎกเช่นกัน

    แล้วคุณจะมากล้วว่าคนอื่นทำให้ศาสนาเน่า
    นี่ดูจะกล่าวเกินจริงไปหน่อย

    ทุกคนมุ่งหวังศึกษาพระธรรมกันทั้งนั้น
    ไม่ว่าจากพระำไตรปิฎกหรือจากอาจารย์ต่าง ๆ
    ศึกษามาแล้วรู้ผิดบ้างถูกบ้างเป็นธรรมดา
    ก็ผู้กำลังปฏิบัิติ

    แต่การกล่าวหาทำนองว่าผู้อื่นทำให้ศาสนาเน่า
    ผู้กล่าวนั้นควรจะพิจารณาตนเองเช่นกัน
    ว่าได้ทำในสิ่งที่ตนกล่าวหาผู้อื่่นหรือไม่

    ถือว่าเป็นข้อคิดเห็นแลกเปลี่ยนแล้วกันนะครับ
     
  12. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    อันนั้นผมเข้าใจครับ แต่ประเด็นก็เป็นอย่างนั้น อย่างเช่นนั่งสมาธิ แล้วภาวนาว่าพุทโธๆ (อันนี้เป็นคือสอนของท่านไหนไม่รู้) ในวิสุทธิมรรคไม่ได้บอกว่าทำอย่างนั้นซะหน่อย การภาวนาว่าพุทโธๆ เป็นพุทธานุสติกรรมฐาน แต่บางท่านเอาไปปนกับการทำสมาธิเป็นต้น (ที่จริงท่านให้ท่องนับลมเป็นคู่ๆ) มันเลยเป็นเหตุให้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ
     
  13. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ไม่ต้องยกมาหรอก เพียงแต่ ในเนื้อเรื่องดำเนินมาว่า

    พระนางมหาปชาบดีโคตมียอมรับครุธรรม 8 ประการ
    จึงทรงอนุญาต ให้ตั้งอยู่ในเพศบรรชิต คือ ภิกษุณี
    โดยพระอานนท์เป็นผู้ขอประทานอนุญาต

    ลำดับต่อมาจึงทรงตรัสกับพระอานนท์ ในการตั้งอยู่ของพระสัทธรรม

    มาถึงตรงนี้ อะไรคือเหตุ ในเนื้อความ

    นั่นคือทรงกล่าวถึง ภิกษุณี ในเพศบรรพชิต

    อรรกถาจึงแปลออกมา ดังนั้นล่ะ

    แต่หากจะทำความเข้าใจอีกรอบ ก็เสริชเอา
     
  14. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ก่อนอื่น ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้นะคะ
    ที่อยากปกป้องพระศาสนา
    แต่อีกอย่างหนึ่ง แม้แต่พระสาวก ก็ต้องอยู่รวมกันจึงเป็นพลังขับเคลื่อนของศาสนา
    ดังนั้น หากเราไม่เข้าใจ คำบาลี เราต้องอาศัยผู้ที่ผ่านคอยชี้แจงและสั่งสอน
    หากเป็นพระอรหันต์จริง จะไม่มีใบประกาศ หรือประกาศตนเด็ดขาด
    สิ่งที่ท่านสอน คือ การเข้าถึงและการย่อปบบพิศดาร แต่ไม่ขัดต่อหลักธรรม
    หากเราไม่รู้เผลอไปปรามาส อาจจะเป็นกรรมหนักได้
    เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะคนที่ใช่เขาจะไม่แสดงตัวยกตัว แต่จะเป็น
    กระทำที่สอนเรา อย่างจริยวัตร ค่ะ
    รักษาความดีไว้นะคะ
     
  15. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่ายินดีครับ ถือเป็นโชคดีของผมที่มีผู้ชี้โทษให้
    แต่ประเด็นก็ยังอยู่ โดยเฉพาะการนั่งดูลมแล้วท่องพุทโธๆ หรือการยกตนเองให้เป็นพระอริยะ ทุกวันนี้มากเหลือเกิน (ยังสงสัยว่าพระอริยะท่านจะแสวงหากฐินปีละหลายสิบล้านไปทำไม ขัดกับข้อปฏิบัติ)
     
  16. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ด้วยเพราะสำนักอาจารย์ ของ จขกท. เป็นแม่ชี ดังกล่าวมา

    เหตุนี้ จึงยก โคตมีสูตรที่๑ เป็นสิ่งเทิดทูล ให้ศึกษากระมัง

    แต่เข้าใจกันผิด..! ว่ากาลเวลาล่วงเลยมา โลกนี้จึงว่างจากพระอรหันต์ ดังอรรกถาที่ยกมานั่นแหละ
     
  17. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ครับ..ดีแล้ว ไม่เข้าใจก็ลดตนลงมาถามสหายธรรม ผู้ที่เขามีประสบการณ์กว่าเราก็มีเยอะ บางท่านเหมือนจะไม่ค่อยพูด แต่พอพูดบางทีขาอ่อนเหมือนเรี่ยวหมดแรงก็เพราะสัจจของเขามันเป็นจริง

    ส่วนเรื่องบริกรรม เรียกว่าเป็นอุบายในการปฏิบัติธรรมดีกว่าครับ จิตใจคนเรามันต้องมีที่เกาะที่พึ่ง แต่ว่าไปนะถ้าได้ลองสักครั้งแบบจริงๆจังๆ เรื่องจิ๊บๆเหล่านี้จะหายไปเอง ความสงสัยใดๆในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็จะหายไปจากการปฏิเวทธรรมของเรา จะบริกรรม พุท โธ หรือจะ พอง ยุบ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรมากนักเมื่อเราถึงขั้นนั้นแล้ว

    ขอให้ลองปฏิบัติดูเอาเองครับ
    เจริญธรรมกันนะครับ
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    นั่นมันแค่ สิ่งที่คุณ เอามาลวงตา

    กระทู้นี้ มันเป็นเรื่อง ประเด็น ของ คนตั้งกระทู้

    แล้ว ไอ้คนตั้งกระทู้ ตอนนี้ กำลังเสนอประเด็นอะไร

    คนเขาก็รู้กันว่า คุณเสนอประเด็น ไม่มี อรหันต์

    อ้างเสร็จ แทนที่จะพูดเน้นไปเรื่อง โสดาบัน หรือ สกิทาคา หรือ อนาคามี

    กลับ ทะลึ่ง พูดเน้นเหลือลง ทำสะสม เหตุได้เท่านั้น คือ ไม่พูดส่วน
    วิมุตติเลย

    ก็เท่ากับว่า ประเด็น หลักที่ต้องการเสนอ คือ อย่าไป ศึกษาธรรมะเลย
    เพราะไม่มีผู้รู้จริง

    พอได้ประเด็นครบ ก็ทำให้ ตัวเองมีฐานเป็น คนศึกษาธรรมะ ขึ้นมาได้

    เพราะว่า ทุกคนจะได้เท่าเทียมกับตนเองที่ อ่านเอา ก็พอแล้ว

    การมาถาม มาอ้างว่า ทำไมไม่อ้างพระไตรปิฏก คุณเองก็คว่ำตัวเองด้วย
    การอ้างแต่ อรรถกถา

    ดังนั้น ใครจะอ้าง นั้นเรื่องของเขา

    แต่ คุณเอาอะไรมาอ้างหละ แล้ว แค่นั้น มันพอ จริงหรือ

    ถึงเวลา เจ็บไข้ ได้ป่วย พลัดพราก ตาย เกิดขึ้น มันจะดิ้นรนเหมือนหมู
    โดนน้ำร้อนเอาหน่า น่าสังเวช ที่ สมาธิจิตไม่มี
     
  19. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    กฐินนั้นมาจากศรัทธา
    ท่านก็ฉลองศรัทธา เพื่อบุญกุศลของผู้ถวาย
    ส่วนจะนำไปใช้จ่ายอย่างไรท่านก็พิจารณาไปตามสมควรของสงฆ์

    ส่วนเรื่องดูลมแล้วพุทโธ ผมไม่เข้าใจ
    ต้องขยายความครับ
     
  20. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    กฐิน กับ ผ้าป่า ไม่เหมือนกันนะครับ มีจุดมุ่งหมายในตัวครับ

    เอาเป็นหากจะทำบุญก็ทำด้วยการละบาป เปิดกว้างของจิตใจ ไม่คับแคบ
    ทำบุญก็อย่าทำเยอะหากทำด้วยปัจจัย เหลือกินแล้วค่อยใช้ เหลือใช้แล้วค่อยขาย เหลือขายแล้วค่อยแจก นี่ถือว่าได้เจียดทำบุญแล้วครับ
    และหรือ จะทำหรือไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ อยู่ที่ใจ และการทำบุญทำทานมีด้วยกัน ๓ ประการอันได้มีการบัญญัติไว้แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...