WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ขออนุญาตเพื่อนๆสมาชิกใน War room นะครับ
ผมอนุญาตนำข้อมูลข่าวสารไปลงเพื่อเผยแพร่ในเวบไซต์ส่วนตัว เพื่อเป็นการกระจายข่าวต่อแก่สมาชิกในเวบไซต์ของผมเอง และบุคคลทั่วไปอีกทางหนึ่งครับ

 

สถานการณ์โดยทั่วไปจากพื้นที่พิษณุโลก
เส้นทางอีกเส้น พิษณุโลก-นครสวรรค์ ถูกปิดแย้ว น้ำท่วมขยายวงกว้าง ล่าสุดน้ำปิงได้ไหลเข้าท่วม ถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลกทั้ง 4 เลน สูงกว่า 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องปิดการจราจร ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทาง นครสวรรค์-บ้านแก่งแทน

ที่จังหวัดนครสวรรค์ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำท่วมแผ่ขยายวงกว้าง ล่าสุด ถนนสาย 117 นครสวรรค์-พิษณุโลกทั้งขาขึ้นและขาล่องช่วงตำบลบางม่วงถูกน้ำปิงเอ่อท่วมมาถึงถนนระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ยาวกว่า 5 กิโลเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ประกอบกับฝนได้กัดเซาะจนถนนเป็นหลุมเป็นบ่อหลายแห่ง ทำให้การจราจรสายนครสวรรค์-พิษณุโลกถูกตัดขาด เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางม่วงต้องปิดการจราจรทันที โดยให้ใช้ถนนเส้นทางสายรอง 1182 นครสวรรค์-บ้านแก่งแทน หรือสามารถสอบถามเส้นทางได้ที่สถานีตำรวจภูธรบางม่วง จังหวัดนครสวรรค์ โทร.056-276-200

 

สถานการณ์โดยทั่วไปจากพื้นที่พิษณุโลก
เส้นทางอีกเส้น พิษณุโลก-นครสวรรค์ ถูกปิดแย้ว น้ำท่วมขยายวงกว้าง ล่าสุดน้ำปิงได้ไหลเข้าท่วม ถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลกทั้ง 4 เลน สูงกว่า 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องปิดการจราจร ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทาง นครสวรรค์-บ้านแก่งแทน

ที่จังหวัดนครสวรรค์ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำท่วมแผ่ขยายวงกว้าง ล่าสุด ถนนสาย 117 นครสวรรค์-พิษณุโลกทั้งขาขึ้นและขาล่องช่วงตำบลบางม่วงถูกน้ำปิงเอ่อท่วมมาถึงถนนระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ยาวกว่า 5 กิโลเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ประกอบกับฝนได้กัดเซาะจนถนนเป็นหลุมเป็นบ่อหลายแห่ง ทำให้การจราจรสายนครสวรรค์-พิษณุโลกถูกตัดขาด เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางม่วงต้องปิดการจราจรทันที โดยให้ใช้ถนนเส้นทางสายรอง 1182 นครสวรรค์-บ้านแก่งแทน หรือสามารถสอบถามเส้นทางได้ที่สถานีตำรวจภูธรบางม่วง จังหวัดนครสวรรค์ โทร.056-276-200

 

น้ำปิงท่วมเขตศก.เชียงใหม่เร่งอพยพผู้ป่วย-เด็ก


29 กย. 2554 08:10 น.

หลังจากแม่น้ำปิงเกินจุดวิกฤตล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและเขตเศรษฐกิจ สำคัญย่านไนท์บาร์ซ่าตั้งแต่ช่วงเย็น ล่าสุดในเวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยเทศบาลนครเชียงใหม่ ยังคงนำเรือท้องแบนเข้าอพยพเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่ยังติดอยูภายในบ้าน ซึ่งมีการร้องขอผ่าน 191 และ 199 อย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะถนนเจริญประเทศ ถนนช้างคลาน รวมถึงหมู่บ้านเวียงทอง ขณะที่เรือท้องแบนที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับการร้องขอและรถทุกชนิดไม่สามารถใช้ถนนได้เนื่องจากมี ระดับน้ำสูงกว่า 1.50 เมตร ทำให้หน่วยกู้ภัยต้องใช้เรือไฟเบอร์ของอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย เข้า สนับสนุน ทั้งนี้คาดว่าการขนย้ายประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านจะมีตลอดทั้งคืน

ส่วนระดับน้ำล่าสุดเวลา 00.00 น. วันที่ 28 ก.ย. อยู่ที่ 4.91 เมตร โดยอัตราการเพิ่ม ปริมาณเริ่มสูงขึ้นช้าลงจากชั่วโมงละ 5เซ็นติเมตร เหลือชั่วโมงละ 3 เซ็นติเมตร โดยคาดว่าในเวลา ประมาณ 01.00 น. วันที่ 28 ก.ย. ระดับน้ำจะเริ่มทรงตัว ก่อนจะลดลง อย่างไรก็ตามยังคงมีการเฝ้า ระวังเนื่องจากมีกลุ่มฝนขนาดปานกลางปกคลุมเป็นบริเวณกว้างในอำเภอเชียงดาวซึ่งอยู่ตอนเหนือ ของอำเภอเมืองเชียงใหม่ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นอีก

 

ขอบคุณมากครับ (smile)

 

4 จังหวัดอีสานตอนล่าง อ่วมหนัก-ดับแล้ว6

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 29 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 10:02 น.

4 จังหวัดอีสาน ตอนล่าง นครชัยบุรินทร์ ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากอุทกภัยแล้ว 20 อำเภอ ใน 2 จังหวัด ชัยภูมิ - สุรินทร์ ชาวบ้านดับ 6 ราย


นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา เปิดเผยถึง สถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งประกอบด้วย นครราชสีมา , ชัยภูมิ , สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา ว่า ขณะนี้มี 2 จังหวัด คือ จังหวัดชัยภูมิและสุรินทร์ ที่ต้องประสบเหตุอุทกภัย และต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ รวม 2 จังหวัด จำนวน 20 อำเภอ 114 ตำบล 1,076 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 68,792 ครัวเรือน รวม 137,584 คน ในจำนวนนี้ เสียชีวิตแล้ว 6 ราย แยกเป็น จังหวัดชัยภูมิ
ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากเหตุอุทกภัย รวม 15 อำเภอ 98 ตำบล 987 หมู่บ้าน ประชาชน เดือดร้อน 63,487 ครัวเรือน รวม 126,974 คน เสียชีวิต 6 คน ขณะที่ จังหวัดสุรินทร์ ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ จากเหตุอุทกภัย รวม 5 อำเภอ 16 ตำบล89 หมู่บ้าน ประชาชน ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 5,305 ครัวเรือน รวมผู้เดือดร้อน 10,610 คน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

ส่วนพื้นที่การเกษตรที่เสียหายของทั้ง 2 จังหวัดยังอยู่ในระหว่างการประเมินความเสียหาย โดยขณะนี้ ทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา ได้จัดส่งอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบเหตุอุทกภัยที่จำเป็น อาทิ เรือท้องแบน เต็นท์ที่พักชั่วคราว และรถผลิตน้ำดื่ม ออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย เป็นการเร่งด่วนแล้ว

 

เชียงราย-น้ำป่าพัดสะพานข้ามหมู่บ้านขาด

วันพฤหัสบดี ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำป่าพัดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ใช้ข้ามลำห้วยม่วงพังเสียหาย รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ส่งผลให้ชาวบ้านใน 2 หมู่บ้าน กว่า 1,200 ครอบครัว ถูกตัดขาด ต้องใช้เส้นทางอ้อมไปไกลกว่า 20 กม.

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้น้ำป่าจากดอยหลวงไหลทะลักลงลำห้วยม่วงซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำลาว กระแสน้ำที่ไหลแรงและเชี่ยวกรากพัดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 18 เมตร ที่ใช้ข้ามลำห้วยม่วงพังเสียหาย รถทุกชนิดและผู้คนไม่สามารถสัญจรไปมาอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ประชาชนกว่า 1,200 ครอบครัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสะพานข้ามลำห้วยม่วง คือ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สรวย และ หมู่ที่ 4 , 5, 6, 9 ตำบลแม่พริก ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และหากจะนำพืชผลทางการเกษตรมาขาย หรือเดินทางออกจากบ้านไปทำธุระในตัวเมืองแม่สรวย ต้องอ้อมไปใช้เส้นทางผ่านตำบลห้วยพริก ซึ่งอ้อมไกลออกไปกว่า 20 กิโลเมตร

นายบุญธรรม จันต๊ะมา กำนันตำบลแม่สรวย กล่าวว่า สะพานข้ามลำห้วยม่วง เป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้เพื่อการสัญจรไปมาตลอด โดยเฉพาะการขนพืชผลทางการเกษตรออกไปจำหน่ายในตลาด นักเรียนใช้เดินทางไปเรียนหนังสือในตัวเมืองแม่สรวยและตัวจังหวัดเชียงราย แต่เมื่อสะพานพังชาวบ้านและเด็กนักเรียนจึงเดือดร้อนอย่างมาก ขณะนี้ได้ประสานไปยังทางหลวงชนบทเพื่อขอสะพานแบริ่งก่อนจะสร้างสะพานใหม่ ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจะเร่งระดมกำลังชาวบ้าน ร่วมกันนำไม้ไผ่มาทำเป็นสะพานชั่วคราวเพื่อใช้ข้ามลำห้วยโดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่อยู่ในระหว่างสอบใช้ข้ามไปโรงเรียน

 

'สมิทธ' เตือนคนกรุงรับมือ'สตรอม เสิร์ช' เชื่อน้ำท่วมกว่า 2 - 3 สัปดาห์ - ขาดน้ำกินน้ำใช้! <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="40"> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">29 กันยายน 2554 08:19 น.</td> <td align="left" valign="middle">

Share

</td><td>
</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="380"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="380"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> 2 กูรูแนะวิธีรับมือภัยพิบัติทุกรูปแบบพร้อม ระบุคนกรุงเสี่ยงเจอ “สตรอม เสิร์ช” ชี้ต้องนำเรื่องนี้เป็น “วาระแห่งชาติ” ระบุ กทม. สมุทรปราการ ยังไม้พ้นวิกฤตเหตุเพราะพายุ 2 ลูกกำลังจ่อคิวเข้ามาถล่มซ้ำ ชี้ปัญหาน้ำท่วมภาคกลางเหตุเพราะการจัดการเรื่องน้ำล้มเหลว ฟันธงวิธีแก้ปัญหาระยะยาวต้องทำ “แก้มลิง”ทั่วทุกภาคของประเทศเท่านั้น

เหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่มที่ทำเอาคนไทยค่อนประเทศได้รับความลำบากในการดำรงชีพอยู่ในขณะนี้ เป็นปัญหาที่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้พยายามเข้ามาแก้ไขแต่ปัญหานี้ก็ยังจะ เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกในปีต่อๆไป

เตือน กทม.จะจมบาดาล

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ บอกกับ “ผู้จัดการรายสัปดาห์”ว่ามาจนถึงวันนี้ปัญหาภัยพิบัติโดยเฉพาะวิกฤตการณ์น้ำ ท่วมจะยังคงมีต่อไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากในระยะนี้ไปจนถึงปลายเดือน พฤศจิกายนจะยังคงมีพายุที่คาดว่าจะมีความรุนแรงพัดเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้อย่างต่อเนื่องซึ่งคาดว่าพายุทั้งสองลูกนี้ จะมีโอกาสเข้าถล่มกรุงเทพฯมากที่สุด

“เดือน ต.ค.- พ.ย.นี้เราจะต้องระวังพื้นที่กรุงเทพฯให้มากเพราะปริมาณน้ำที่จะทะลักเข้ามา จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจุบันเขื่อนที่ใช้กักเก็บน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำ เกินอัตรากักเก็บแล้ว ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการปล่อยปริมาณน้ำที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณ น้ำฝนที่ตกลงมาหนำซ้ำการกักเก็บน้ำในเขื่อนก็กักเก็บมากเกินไป พอปริมาณน้ำในเขื่อนเกินการกักเก็บก็ปล่อยน้ำออกมาพร้อมกันอย่างนี้ร้อยทั้ง ร้อยน้ำก็ต้องท่วมแน่นอน”

ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติมาโดยตลอด พบว่า ภัยพิบัติที่จะกระทบ กทม.และปริมณฑล มีอยู่ 2 ประเภท คือ ภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ซึ่งเกิดจากสภาวะโลกร้อน โดยภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวเป็นภัยที่รุนแรงและมีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมาก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และจากการศึกษาพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ รอยเลื่อนทั้งหมดเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน ซึ่งการเกิดรอยร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีโอกาสถล่มลงมาได้

อย่างไรก็ตามในขณะที่พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในพื้นที่ กทม.อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2 รอย คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผลให้เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์แตก และทำให้น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม และ กทม.

สำหรับภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง เนื่องจากสภาวะโลกร้อนขึ้นนั้น จากสถิติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าพายุที่เกิดในมหาสมุทรอินเดียจะมีแรงลมสูงมาก ถึงขนาดเป็นไซโคลน แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว คือ พายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขึ้นฝั่งในลุ่มน้ำอิระวดีในพม่า แรงลมสูงสุดถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความรุนแรงถึงระดับ 4 ซึ่งในอนาคตโอกาสที่เราอาจจะประสบกับพายุที่รุนแรงอย่างนี้ได้อีก

“ขอทำนายว่าในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทย ทางด้านอ่าวไทย ไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูฝน อยู่ระหว่างช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงดังกล่าวมีพายุพัดถล่มประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง อย่างเช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุไต้ฝุ่นลินดา ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็เกิดขึ้นในช่วงนี้ซึ่ง อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ สตรอม เสิร์ช (Storm Search) หรือน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา และเข้าท่วมพื้นที่ กทม. โดยกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ และหากท่วมเหนือคลองประปา จะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำในการอุปโภคบริโภค”

ทุกภาคทำ “แก้มลิง”
ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว

สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในระยะยาว อย่างเช่นน้ำท่วมขังบริเวณภาคเหนือตอนบนและตอนล่างทุกจังหวัดควรจะลงมือทำ แก้มลิงตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้พร้อมๆกันทุกๆพื้นที่เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมแล้วยังสามารถ แก้ปัญหาภัยแล้งได้ซึ่งหากทุกจังหวัดนำเอาพื้นที่ที่ว่างเปล่า ห้วย คลอง บึง จัดการขุดลอกให้ลึกลงไป 3 เมตรจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน

“ตัวอย่างบึงบรเพ็ดน่าจะมีการขุดลอกในหน้าแล้งเพื่อในหน้าฝนจะสามารถ รองรับปริมาณน้ำได้มากช่วยให้น้ำท่วมขังน้อยหรือบางพื้นที่จะแก้ไขปัญหาน้ำ ท่วมได้ แต่ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ริเริ่มโครงการและดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะจะมาหวังว่าจะสร้างเขื่อนเพิ่มเติมคงจะทำไม่ได้และไม่ทันกับการแก้ไข ปัญหาที่สำคัญการทำโครงการแก้มลิงใช้งบประมาณน้อยกว่าการสร้างเขื่อนและไม่ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนด้วย”

แนะรัฐต้องบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ

“ปัญหาภัยพิบัติซึ่งมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกๆปีนี้เป็นปัญหาสำคัญ มากและต้องแก้ไขกันแบบจริงจังเพราะเมื่อถึงเวลาหน้าฝนน้ำจะท่วมขังในหลาย พื้นที่อย่างที่เราเห็นกันอยู่ และรัฐบาลรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดการกับปัยหาน้ำมากมายมหาศาลโดย ไม่มีการวางแผนล่วงหน้าไม่ได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เราต้องยอมรับว่า มีการบริหารจัดการน้ำอย่างไม่ถูกต้องและไม่มีการวางแผนกันไว้ล่วงหน้า พอเกิดเหตุการณ์แล้วมาบอกว่าจะไม่ให้น้ำท่วมที่นั่นที่นี่บอกตรงๆว่ามันเป็น ไปไม่ได้” ปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทานบอกและว่า เราต้องทำการศึกษาสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ให้เป็นระบบแล้วนำมากางช่วย กันแก้ปัญหาในระยะยาวเพราะที่ผ่านมาพอน้ำท่วมทีก็หารือกันทีพอน้ำลดทุกคนก็ ลืมแล้วแผนการที่วางไว้ในปีก่อนก็ถูกเก็บในลิ้นชักเช่นเดิม

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยาวนั้นได้เคยเสนอไปแล้ว 2 รูปแบบ แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนนำไปทำ คือ การต่อสู้กับน้ำ ซึ่งเราจะต้องดูพื้นที่ที่สามารถแก้ไขได้ อย่างเช่นพื้นที่ กทม.แก้มาจนสามารถพูดได้ว่าแก้ได้ดี แต่ในพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มเป็นจุดรองรับน้ำจากภาคเหนือ เป็นแอ่งกระทะขนาดใหฯเมื่อเราสู้ไม่ได้เราก็ต้องถอย เช่นอพยพชาวบ้านที่ไปตั้งถิ่นฐานขวางทางน้ำออกไปอยู่ในพื้นที่ไม่เสี่ยง เพราะแม้จะมีการเตรียมการอย่างดี แต่เวลาน้ำหลากก็ต้องอพยพหนีบางคนสูญเสียทรัพย์สินถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว ฉะนั้นแล้วหากต้องการจะแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จรัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจกับชาว บ้านแล้วหาพื้นที่ที่ปลอดภัยทดแทน

ในระดับที่สอง เราต้องสอนให้ประชาชนรู้จักปรับตัวให้เข้ากับภัยพิบัติ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางในทุกจังหวัดเมื่อหน้าฝนจะประสบปัญหาน้ำท่วมแต่ถ้า เรารู้จักปรับสภาพ เช่น การทำนา หน้าแล้งก็ควรปรับพื้นที่ใพาะปลูกให้สูงขึ้นในขระเดียวกันก็ทำคู คลองที่สามารถระบายน้ำออกไปสู่พื้นที่ลุ่มอื่นๆ ซึ่งลักษณะนี้จะเหมือนการทำแก้มลิงแต่เป็นแก้มลิงที่สามารถเพาะปลูกได้ด้วย

“หากรัฐบาลไม่จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ เชื่อว่าเมืองไทยเราจะประสบปัญหาน้ำท่วม แผ่นดินทรุดอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆและคาดว่าในปีต่อๆไปจังหวัดในแถบภาคกลาง ทั้งหมด จังหวัดในภาคอีส่าน เช่น อุบลราชธานี ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ก็ยังคงประสบปัญหานี้ไม่รู้จักจบสิ้นและอาจจะรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” อดีตอธิบดีกรมชลประทานกล่าวสรุป

 

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/WneEVZfUo94?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/WneEVZfUo94?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

 

ฺB1

อพยพชาวบ้านกาฬสินธุ์หลังน้ำทะลักท่วมบ้านกว่า80หลัง

29 กย. 2554 10:40 น.

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 54 น้ำจากลำน้ำพานและปาวหลงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรกว่า 80 หลังคาเรือน นายอำเภอเมืองเร่งอพยพชาวบ้านมาอาศัยในที่สูง ขณะที่ปศุสัตว์จังหวัดกาฬสินธุ์ นำเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครปศุสัตว์ ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง พร้อมฉีดวัคซีน แจกยาถ่ายพยาธิและยาบำรุง ให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพสัตว์ในช่วงวิกฤติน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างล่าสุดน้ำจากลำน้ำพาน ปาวหลง ที่ได้รับอิทธิพลจากการเร่งระบายน้ำของเขื่อนลำปาววันละกว่า 30 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อรักษาสภาพตัวอ่างเก็บน้ำซึงเป็นเขื่อนดินทำให้น้ำทะลักเข้าท่วม 2 หมู่บ้านใน ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีบ้านเรือนของราษฎรกว่า 80 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วมระดับน้ำสูงกว่า 30 ซม. และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นายนิคม ปัญจวัฒน์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ด.ต.สมคิด นันทสมบูรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลลำพาน ได้อพยพชาวบ้านทั้งหมดมาอาศัยยังบริเวณที่พักที่ปลอดภัยแล้ว

 

B1

ปทุมธานี - คลองรังสิตเอ่อล้นฝั่งท่วมถนนซ่อมสร้างจราจรติดขัด

29 กย. 2554 11:23 น.

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 ก.ย.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ได้เอ่อล้นฝั่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งถนนสายซ่อมสร้าง ม.5 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นถนนเชื่อมต่อระหว่างถนนรังสิต-ปทุมธานี และถนนติวานนท์ เป็นระยะทางยาวกว่า 2 กม.ทำ ให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการปิดถนนขาออกจากรังสิตให้รถวิ่งสวนทางในฝั่งขา เข้ารังสิต ทำให้เกิดการติดขัดยาวหลายกิโลเมตร

นางรุ่งฤดี นวลจันทร์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/7 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ระดับน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ได้เอ่อท่วมขึ้นมามากตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.ซึ่งระดับน้ำได้เอ่อขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน และเก็บข้าวของหนีน้ำไม่ทัน น้ำได้ท่วมเข้าในบ้านอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำก็เคยเอ่อท่วมขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งและเพิ่งลดลงไปจนปกติ เมื่อประมาณ10 วัน ที่ผ่านมา ที่สำคัญตอนนี้นอกจากถูกน้ำท่วมเข้าบ้านแล้ว ยังต้องมาเดือดร้อนเพราะรถที่วิ่งลุยน้ำผ่านไปมาทำให้คลื่นซัดเข้าบ้านสร้าง ความเสียหายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย


<< back next >>

 

B1

ปภ.เชียงใหม่ เผยสถานการณ์น้ำปิงยังวิกฤต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กันยายน 2554 11:08 น.


นายประจญ ปรัชญ์สกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำปิงเอ่อท่วมพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ล่าสุดระดับน้ำยังทรงตัว ซึ่งเกินระดับปกติอยู่ประมาณ 1.50 เมตร และน้ำได้ท่วมขยายเป็นวงกว้าง รวมถึงเขตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ชั้นในยังคงไม่ได้รับผลกระทบ โดยพบหลายตำบลที่อยู่บริเวณที่แม่น้ำปิงไหลผ่าน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนถึงขณะนี้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 20,000 ราย


เชียงใหม่ วิกฤติ แม่น้ำปิง เอ่อล้น สูง 1-2 ม.มีผู้เสียชีวิตจากไฟซ็อต 1 ราย

ระดับน้ำที่จุด พี 1 เชิงสะพานแก้วนวรัตน์ อ.เมืองเชียงใหม่ เช้านี้ เริ่มลดลง แต่ยังสูงอยู่ที่ 4 ม. 93 ซ.ม. เกินจุดวิกฤติที่ 3.70 ม. โดยได้ขึ้นสูงสุด เวลา 04.00 น. ที่ 4.94 ซ.ม. ก่อนจะทรงตัว และลดลงมาชั่วโมงละ 1 ซ.ม. โดยศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำ ภาคเหนือตอนบน ระบุว่า ปริมาณน้ำเหนือเริ่มลดลง แต่ยังมีฝนตกอยู่ ทำให้น้ำยังคงท่วมเป็นบริเวณกว้าง ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดย เฉพาะเขตเศรษฐกิจ ย่านไนท์ บราซาร์ ระดับน้ำสูง 80 ซ.ม. - 2 ม. และหลายชุมชนต้องตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราว โดยที่ ชุมชนท่าสะต๋อย มีรายงานว่า ประชาชนถูกไฟฟ้าชอร์ต เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ก็ยังระดมให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะ อาหารและน้ำดื่ม ขณะที่ โรงเรียนกว่า 10 แห่ง ประกาศปิดการเรียนการสอน และเลื่อนสอบไปสัปดาห์หน้า

http://www.paipibut.org/view.php?dataid=10188

 

B1

เหยื่อเนสาดถล่มฟิลิปปินส์พุ่งเป็น 35 คน สูญหายอีก 45 คน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กันยายน 2554 10:58 น.


นายเบนิโต รามอส ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการพัดถล่มของพายุไต้ฝุ่นเนสาด ล่าสุดปรับเพิ่มเป็น 35 คนแล้ว และคาดว่า ยอดน่าจะขยับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากขณะนี้ยังมีผู้สูญหายมากถึง 45 คน ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังคงน่าเป็นห่วง หลังระดับน้ำลดลงอย่างเชื่องช้า ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่กู้ภัยต่างเดินหน้าทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

 

ฺB1


เชียงใหม่ - เหตุน้ำป่าถล่มบ้านก๋ายน้อย พบผู้เสียชีวิต 3 สูญหาย 2

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กันยายน 2554 10:59 น.

Share



น้ำป่าที่พัดถล่มบ้านเรือนราษฎรที่บ้านก๋ายน้อย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ล่าสุดพบศพแล้ว 3 คน โดยหลังเกิดเหตุนายอำเภอได้ประสานขอกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือ และค้นหาผู้สูญหาย
นอกจากนี้ ยังมีดินถล่มทับเส้นทาง บริเวณบ้านเหล่าหมู่ 4 ก่อนถึงโครงการหลวงม่อนเงาะ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างนำเครื่องจักรกลเข้าไปเคลียร์เส้นทาง สำหรับผู้สูญหาย 5 คนคือ นายสุนทร อินทรัตน์ และนางแสงจันทร์ ภรรยา นายจรัส อินทรัตน์ และนางพัด ภรรยา และ ด.ญ.มัลลิกา วัย 9 ขวบ ล่าสุดเจ้าหน้าพบศพนายจรัสและนางพัดถูกกระแสน้ำพัดไปไกลเกือบ 2 กิโลเมตร ส่วนนางแสงจันทร์พบศพติดอยู่ใต้ซากบ้าน บริเวณตอม่อสะพานภายในหมู่บ้าน ห่างจากจุดที่บ้านพังเพียง 100 เมตร ส่วนนายสุนทรหรือ ด.ญ.มัลลิกา เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการค้นหา

 

ฺB1

ตาก - ผวา!เขื่อนภูมิพลน้ำใกล้ล้นจ่อซ้อมแผนอพยพ

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 29 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 11:29 น.




เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก น้ำใกล้ล้น ชาวบ้านผวา ผู้ว่าราชการจังหวัด เตรียมซ้อมแผนอพยพประชาชน


สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำ เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก วานนี้ มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากถึง 117 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ เพราะภาคเหนือตอนบน เกิดภาวะน้ำท่วมจากพายุไห่ถาง ซึ่งน้ำส่วนใหญ่จะไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ทำให้ขณะนี้ เขื่อนภูมิพล มีน้ำกักเก็บทั้งสิ้น 12,418 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็น 92.24 เปอร์เซ็นต์ ของความจุอ่าง ซึ่งจะเหลืออีก 7.76 เปอร์เซ็นต์ น้ำจะล้นอ่าง วันนี้ เขื่อนภูมิพล จะระบายน้ำตลอด 24 ชั่วโมง วันละ 28.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และแม่น้ำวัง มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น เพราะเขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง เร่งระบายน้ำเช่นกัน ทำให้มีน้ำลงสูแม่น้ำปิง สมทบอีก วันละ 33.6 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมแล้วมีน้ำไหลลงสูงลุ่มเจ้าพระยา รวม 62.1 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากยังมีน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพล มากเกินกำหนด ทางเขื่อนจะต้องระบายน้ำเพิ่มอีก
และจากที่น้ำใกล้ล้นอ่างเก็บน้ำ ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้เขื่อน เริ่มกังวลในความมั่นคงของเขื่อนภูมิพล

ด้าน นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก จึงเตรียมประสานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อำเภอสามเงา จัดซ้อมแผนอพยพและเตือนภัยประชาชนที่อาศัยบริเวณใต้เขื่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
Link : http://www.innnews.co.th/ผวา-เขื่อนภูมิพลน้ำใกล้ล้นจ่อซ้อมแผนอพยพ--311156_06.html