ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การกำจัดโรคระบาดที่มากับน้ำท่วม ด้วยจุลินทรีย์ EM
    [​IMG]
    การทำ EM จากเศษผักผลไม้
    เกร็ดความรู้จากการศึกษาดูงานตลาดศูนย์การค้ากำแพงเพชร

    EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง Dr.Teruo Higa ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวนมหาวิทยาลัยริวคิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2526

    อีเอ็ม หรือน้ำจุลินทรีย์ มีลักษณะเป็นของเหลว สีน้ำตาลดำ มีกลิ่นอมเปรี้ยวอมหวาน ค่า พีเอช อยู่ที่ประมาณ 3.5 ประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่มีชีวิตจำนวนมากกว่า 80 ชนิด จึงไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมี หรือยาปฏิชีวนะและยาฆ่าเชื้อต่างๆ ได้ อีเอ็ม ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ พืช และแมลงที่เป็นประโยชน์ แต่ช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ถ้านำไปใช้ในการล้างตลาด จะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น ลดจำนวนสัตว์และแมลงพาหะนำโรค ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก อีเอ็ม จะทำงานในที่มืดได้ดี ดังนั้น การล้างตลาด ควรกระทำในช่วงเวลาเย็น เพื่อให้การกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหลายเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ลักษณะเฉพาะของ อีเอ็ม คือ เป็นจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ ดังนั้น เวลาจะใช้ อีเอ็ม ต้องคิดอยู่เสมอว่า อีเอ็ม เป็นสิ่งมีชีวิต ต้องการที่อยู่ที่เหมาะสมในอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป ต้องการอาหารจากธรรมชาติ เช่น น้ำตาล รำข้าว โปรตีน และสารประกอบอื่น ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เราจึงสามารถขยายหรือผลิต อีเอ็ม ได้เองจากพืชผักผลไม้และผลผลิตจากธรรมชาติ โดยนำไปหมักตามกรรมวิธีที่ถูกต้อง

    การผลิต อีเอ็ม เพื่อใช้ในกิจกรรมตลาดสด หรือกิจกรรมอื่นใดก็ตาม ก่อนอื่นต้องผลิต หัวเชื้อจุลินทรีย์ ในปริมาณตามที่ต้องการ แล้วจึงนำหัวเชื้อที่ได้ไปขยายเป็น อีเอ็ม อีกทีหนึ่ง ​

    ขั้นตอนการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์

    เริ่มจากการนำผักผลไม้มาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปใส่ภาชนะปิดฝาให้มิดชิด ขั้นตอนต่อมาให้นำผักผลไม้ไปผสมกับกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว ในอัตราส่วน 3 กิโลกรัม ต่อน้ำตาล 1 กิโลกรัม จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อดูว่าส่วนผสมต่างๆ เข้ากันดีแล้ว ให้ปิดฝาทิ้งไว้ แล้วควรหมั่นกวนทุก ๆ 5-7 วัน เพื่อให้เศษผักสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการย่อยสลายได้ดีขึ้น โดยหมักทิ้งไว้ 1-2 เดือน เมื่อครบกำหนดจะสังเกตเห็นมีน้ำออกมาผสมอยู่ ซึ่งน้ำที่ได้จากการหมักนี้ก็คือน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์นั่นเอง ส่วนการเก็บรักษานั้นให้นำน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ได้ รินเก็บใส่ไว้ในขวดปิดฝาให้สนิท พร้อมที่จะเอาไปใช้ประโยชน์หรือนำไปใช้หมักทำน้ำจุลินทรีย์ (EM) ต่อไป

    ขั้นตอนการทำน้ำจุลินทรีย์ (EM)

    วิธีการจะคล้าย ๆ กับการทำน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์ ต่างกันตรงที่ ระยะเวลาในการหมักจะสั้นกว่าเท่านั้นเอง ก่อนอื่นเราต้องเตรียมอุปกรณ์การทำ ดังนี้

    1. ถังพลาสติกมีฝาปิด
    2. ถุงปุ๋ย
    3. กากน้ำตาล (โมลาท) หรือน้ำตาลทรายแดง
    4. หัวเชื้อจุลินทรีย์
    5. เศษผักผลไม้ เศษอาหาร

    [​IMG] [​IMG]
    1. ถังพลาสติกมีฝาปิด 2. ถุงปุ๋ย

    [​IMG] [​IMG]
    3. กากน้ำตาล (โมลาท) 4. หัวเชื้อจุลินทรีย์

    [​IMG] [​IMG]
    5. เศษผักผลไม้ เศษอาหาร

    เมื่อเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการหมัก

    ขั้นตอนแรก ใส่น้ำลงไปในถัง จำนวน 8 ลิตร ถ้าหากใช้น้ำประปา ควรใส่ถังเปิดฝาทิ้งไว้ 2 วัน เพื่อให้คลอรีนระเหยไปเสียก่อน

    ขั้นตอนที่ 2 นำกากน้ำตาล 250 ซีซี. หรือน้ำตาลทรายแดง 300 กรัม (ประมาณ 3 ขีด) เทใส่ลงไป คนให้ละลาย

    ขั้นตอนที่ 3 นำน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์ 250 ซีซี. ผสมลงไป คนให้เข้ากัน

    ขั้นตอนที่ 4 เมื่อคนส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากันดีแล้ว ให้นำเศษอาหาร เศษผัก ผลไม้ สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปในถุงปุ๋ย แล้วนำถุงปุ๋ยนั้นใส่ลงในถังหมักดังกล่าว กดให้น้ำท่วมถุง หรือหาวัตถุที่มีน้ำหนักวางทับลงไปอีกทีหนึ่ง จากนั้นก็ปิดฝาให้สนิท

    ในกรณีที่เราจะหมักเศษอาหารหรือเศษผักผลไม้เพิ่มเติมลงไปในนั้น ก็สามารถนำไปใส่ลงในถุงปุ๋ยได้เช่นกัน แต่ถ้าหากน้ำจุลินทรีย์มีปริมาณไม่พอที่จะท่วมเศษอาหารในถุงปุ๋ยได้ ก็ให้เติมน้ำเปล่าและกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดงลงไป ในอัตราส่วน น้ำเปล่า 8 ลิตร ต่อกากน้ำตาล 250 ซีซี. หรือน้ำตาลทรายแดง 300 กรัม ผสมลงไป เมื่อผสมส่วนต่าง ๆ จนครบแล้ว ให้หมักทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน เราก็สามารถนำน้ำจุลินทรีย์ธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ได้

    ประโยชน์ของน้ำจุลินทรีย์

    น้ำจุลินทรีย์ที่ได้นั้นจะมีกลิ่นหอมปราศจากกลิ่นเหม็น น้ำจุลินทรีย์หรือขยะหอมที่ได้นั้นออกจะดูสีสรรไม่สวย แต่เมื่อพูดถึงประโยชน์ในการใช้งานแล้ว มีมากมายหลายประการด้วยกัน เช่น ถ้าที่ไหนส้วมเต็ม หรือท่อระบายน้ำอุดตัน เพียงแค่เทน้ำจุลินทรีย์ธรรมชาติลงไป จุลินทรีย์นั้นจะไปช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ตกค้าง และจะทำให้ส้วมไม่เต็มเร็ว ท่อระบายน้ำก็ไม่อุดตัน

    ประโยชน์ข้อต่อมา สามารถใช้ดับกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ได้อย่างดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเหม็นของห้องส้วม กองขยะ หรือท่อระบายน้ำ โดยนำน้ำจุลินทรีย์ 1 ส่วน ผสมน้ำ 10 ส่วน ราดลงไปบริเวณที่มีกลิ่น หรือผสมจุลินทรีย์ลงไปในถังบรรจุน้ำ ใช้ฉีดล้างตลาด ช่วยดับกลิ่นและกำจัดแมลงวัน แมลงสาบได้ผลดี นอกจากนี้ ถ้านำน้ำจุลินทรีย์ 1 ส่วน ผสมน้ำ 500 ส่วน นำไปฉีดหรือรดที่ใบหรือโคนต้นไม้ สัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้ง

    จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช และยังช่วยลดการก่อกวนของแมลงได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับเศษขยะที่เหลือจากการหมัก สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยที่มีคุณภาพดี เพราะเมื่อนำมาผสมกับดินในอัตราส่วน 1:1 จุลินทรีย์ที่แทรกตัวอยู่ในเศษขยะ จะช่วยเร่งการย่อยสลายสารอินทรีย์ ให้กลายเป็นปุ๋ยได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชดูดซับธาตุอาหารต่างๆ ทำให้พืชมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ที่มา http://school.obec.go.th/sawa/sawang7.htm
    http://www.fancycarp.com/koitip/em/index.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]
    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD>
    </TD></TR><TR><TD class=cat_title>สินค้า

    </TD><TD class=text1_b align=left>Inverter 500 W เครื่องแปลงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ 12V

    </TD></TR><TR><TD class=cat_title></TD><TD class=text1_b align=left></TD></TR><TR><TD class=cat_title vAlign=bottom></TD><TD class=text1_b align=left> </TD></TR><TR><TD class=cat_title noWrap>คำอธิบาย</TD><TD class=text1_b>Inverter 500 W เครื่องแปลงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ 12VDC เป็นไฟบ้าน 220VAC</TD></TR><TR><TD class=cat_title noWrap></TD><TD class=text1_b></TD></TR><TR><TD class=cat_title vAlign=top noWrap>รายละเอียด</TD><TD class=text1_b>Inverter 500 W เครื่องแปลงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ 12VDC เป็นไฟบ้าน 220VAC


    รายละเอียด:
    Inverter เครื่องแปลงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์ 12VDC ให้เป็นไฟบ้าน 220VAC ขนาด 500 วัตต์ ซึ่งมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวก ปลอดภัย ใช้ในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เช่น ในรถ เรือ ขณะเดินทาง พักแรม หรือท่องเที่ยวในป่า สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบโซลาร์เซลล์

    • วงจรเป็นแบบ Switching ขนาดเล็ก น้ำหนักเบาประสิทธิ์ภาพสูงกว่าแบบหม้อแปลง เมื่อใช้โหลดเต็มที่แรงดันไฟด้านเอาท์พุทตกน้อย
    • แรงดันเอาท์พุทเป็นแบบ Modify Sine Wave
    • สามารถให้กำลังไฟต่อเนื่อง 500 Watts
    • มีวงจรป้องกันการโอเวอร์โหลดเมื่อใช้โหลดเกินกำลังเครื่องเครื่องจะ Shut Down เอง
    • มีวงจรป้องกันแรงดันแบตเตอรี่ต่ำ ถ้าแรงดันอินพุทต่ำกว่า 10.5 V เครื่องจะShut Down เอง
    Inverter 500 Watts ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าดังต่อไปนี้
    - ใช้ชาร์ทไฟ โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล กล้องถ่ายวีดีโอ ทุกรุ่น
    - โทรทัศน์ขนาดเล็ก
    - เครื่องเล่น VDO, VCD และ DVD
    - ใช้ชาร์ทไฟ หรือ ต่อใช้งานโน๊ตบุคโดยตรง
    - โคมไฟส่องสว่าง ชนิดหลอดไส้ และหลอดฟูเรสเซนส์ ที่ใช้กำลังไฟรวมไม่เกิน 500 Watts
    • ขนาด W(95mm) x L(168mm) x H(55mm) น้ำหนัก 1200 กรัม

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
    เช่นกันครับ ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ เพียงแต่เราควรจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ที่มาอ่านเท่านั้นเอง เพราะข่าวลือ ข่าวมั่ว มันเยอะครับ
     
  4. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    โมทนาบุญด้วยกันครับ ...วันนี้โอนเงินไปทำบุญเข้า(กองทุนช่วยเหลือวัดและผู้ประสบภัยน้ำท่วมกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดสระเกศ) เลขที่บัญชี 387-0-06066-2 กรุงไทย 1,000 บาท และวัดท่าซุง (กรุงไทย เลขที่ 619-0-18966-0 ) บุญทอดกฐิน,ซ่อมแซมวัดหลังน้ำท่วม,ชำระหนี้สงฆ์ และบุญอื่นๆ = 1,000 บาท ....โมทนาบุญด้วยกันครับ:cool:
     
  5. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    ขอโมทนาบุญกับจิตอาสาทุกดวงจิตอันบริสุทธ์..บุญทั้งหมดขอถวายบูชาพ่อของแผ่นดิน,เทวดาผู้มีชีวิต.....ขอพระทรงทรงพระเจิญ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โรคที่มากับน้ำท่วม

    [​IMG]

    ช่วงนี้หลายจังหวัดของประเทศไทยจมอยู่ใต้บาดาล เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องกันมาหลายวัน ไม่เพียงแต่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยจะต้องทนทุกข์จากการต้องหาที่อยู่ ที่กินในช่วงน้ำท่วมเท่านั้น หากแต่ยังต้องดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรคที่มาจากน้ำท่วมด้วย

    โรคที่มักจะพบได้เมื่อเกิดภาวะน้ำท่วม คือ โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา เป็นโรคที่มาจากการย่ำอยู่ในน้ำหรือแช่น้ำที่มีเชื้อโรค หรือความอับชื้นจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ไม่สะอาดไม่แห้งเป็นเวลานาน ซึ่งอาการในระยะแรกนั้นจะเริ่มต้นที่อาการคันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังจะลอกออกเป็นขุย มีผื่น ระยะหลังๆ ผิวหนังที่เท้าเกิดพุพอง เท้าเปื่อย และเป็นหนอง ที่สำคัญอาจเกิดโรคผิวหนังอักเสบแทรกซ้อนได้ง่าย

    ดังนั้น จึงต้องหลีกเลี่ยงการย่ำอยู่ในน้ำ แต่ในภาวะที่น้ำท่วมขังถ้าจำเป็นต้องแช่อยู่ในน้ำแล้วละก็ ควรใส่รองเท้าบูทกันน้ำ และควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ พยายามเช็ดเท้าให้แห้ง สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดไม่เปียกชื้น หากมีบาดแผลควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผล แล้วทาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น ทิงเจอร์ หรือเบตาดีน

    โรคฉี่หนู หรือ “เลปโตสไปโรสิส” โรคที่ติดต่อได้จากสัตว์สู่คน มีหนูเป็นตัวแพร่โรค โดยเชื้อจะออกมากับปัสสาวะสัตว์แล้วปนเปื้อนอยู่ในน้ำท่วมขัง พื้นดินที่ชื้นแฉะ หากผู้ที่มีบาดแผล มีรอยขีดข่วน รอยถลอก ย่ำไปโดนก็สามารถติดเชื้อได้ แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นเชื้อที่ว่านี้สามารถไชเข้าเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    การรับประทานอาหารที่มีหนูมาฉี่รดก็สามารถทำให้ติดโรคนี้ได้เช่นกัน เมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วประมาณ 4-10 วัน จะมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะน่องและโคนขา หรือปวดหลัง บางคนมีอาการตาแดง อาจมีอาการเจ็บคอ เบื่ออาหาร หรือท้องเดิน

    หากมีอาการดังกล่าวหลังจากที่สัมผัสสัตว์ หรือลุยน้ำ ย่ำโคลน ต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือหน่วยแพทย์ในพื้นที่ทันที ถ้าไม่รีบรักษา บางรายอาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ไอมีเลือดปน หรือตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะน้อย ซึม สับสน เนื่องจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเสียชีวิตได้

    ดังนั้น ควรสวมรองเท้าบูทยางกันน้ำ หากต้องลุยน้ำ ย่ำโคลน โดยเฉพาะถ้ามีบาดแผลหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ย่ำโคลนนานๆ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้วต้องรีบอาบชำระร่างกายให้สะอาดโดยเร็วที่สุด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกทันที และเก็บอาหารในภาชนะที่มิดชิดดูแลที่พักให้สะอาด ไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนูเก็บกวาด ทิ้งขยะให้มิดชิดไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู....

    โรคอุจจาระร่วงอย่างแรง เกิดจากแบคทีเรีย ติดต่อโดยอยู่ในอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ป่วย แพร่กระจายอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม โดยมีแมลงวันเป็นพาหะนำโรค อาการทั่วไปจะปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำวันละหลายครั้ง อาการคล้ายท้องร่วง จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 วัน ถ้าอาการรุนแรง จะปวดท้องรุนแรง ถ่ายอุจจาระเหลวคล้ายน้ำซาวข้าว มีกลิ่นคาว อาเจียน การถ่ายบ่อยทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ชีพจรเต้นเบาลง และเสียชีวิตได้

    การป้องกัน ควรจัดให้มีส้วมใช้ตามหลักสุขาภิบาล ดื่มและใช้น้ำที่สะอาด ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหารและหลังจากเข้าส้วม ทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ห้ามรับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม หลีกเลี่ยงการกินอาหารสดระหว่างที่มีโรคระบาด เก็บภาชนะที่ใส่อาหารให้มิดชิด ไม่ให้แมลงวันไปตอมได้ ทำลายขยะมูลฝอย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และไม่ให้แมลงวันใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์

    โรคตาแดง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส มักจะติดต่อทางมือ ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัว โดยมากมักมีอาการราว 2 สัปดาห์ก็จะหาย อาการที่สำคัญคือคันตา เป็นอาการที่สำคัญของผู้ป่วยตาแดงที่เกิดจากภูมิแพ้ อาการคันอาจจะเป็นมากหรือน้อย นอกจากนั้นอาจจะมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เช่น หอบหืด ผื่นแพ้ ขี้ตา ลักษณะของขี้ตาก็ช่วยบอกสาเหตุของโรคตาแดง ขี้ตาใสเหมือนน้ำตา มักจะเกิดจากไวรัส หรือ โรคภูมิแพ้ ขี้ตาเป็นเมือกขาว มักจะเกิดจากภูมิแพ้หรือตาแห้ง ขี้ตาเป็นหนองมักจะร่วมกับมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้า ทำให้เปิดตาลำบากสาเหตุมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

    สำหรับการดูแลเรื่อง “น้ำดื่ม” เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพ จึงต้องทำน้ำให้สะอาดก่อนดื่ม วิธีที่สามารถทำได้ง่ายก็คือ การต้มให้เดือดเพื่อทำลายเชื้อโรคในน้ำนั่นเอง ส่วนในกรณีใช้น้ำดื่มบรรจุขวด จะต้องดูตราเครื่องหมาย อย. ก่อนดื่มทุกครั้ง หากเป็นน้ำดื่มในภาชนะควรบรรจุปิดสนิท น้ำต้องใส สะอาด ไม่มีตะกอน และไม่มีสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อน

    หลังดื่มน้ำหมดแล้วควรทำลายขวด/ภาชนะบรรจุ โดยทุบหรือบีบให้เล็กลงก่อนนำไปทิ้งถุงดำ เพื่อสะดวกต่อการนำไปกำจัด ส่วนน้ำใช้ ต้องสะอาด หากไม่แน่ใจให้ใช้คลอรีนทำลายเชื้อโรคในน้ำก่อนโดยใช้คลอรีน 100 มิลลิกรัมต่อน้ำ <METRICCONVERTER w:st="on" productid="1 ลิตร">1 ลิตร</METRICCONVERTER> ทิ้งไว้ 10 นาที ก็จะสามารถนำน้ำไปใช้ได้อย่างสบายใจ

    เรื่อง “การขับถ่าย” ในภาวะน้ำท่วมหากไม่สามารถถ่ายในส้วมได้ ห้ามถ่ายลงในน้ำโดยตรงเด็ดขาด... ให้ถ่ายใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ปูนขาวพอสมควร ปิดปากถุงให้แน่น ใส่ลงถุงขยะอีกครั้ง แล้วนำไปทิ้งบริเวณที่จัดไว้หรือรวบรวมไว้เพื่อรอการนำไปจัดการอย่างถูกวิธี

    การระวังสัตว์มีพิษอย่าง งู แมงป่อง ตะขาบ ที่หนีน้ำท่วมขึ้นมาอยู่บนบ้านเรือน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบูททุกครั้ง นอกจากจะช่วยป้องกันสัตว์มีพิษเหล่านี้แล้ว ยังช่วยป้องกันการเหยียบวัสดุอันตราย เช่น เศษแก้ว เศษกระเบื้อง ตะปู ที่อยู่ใต้น้ำจนได้รับบาดเจ็บ ที่สำคัญควรถือไม้นำทางตลอดเวลา เพราะอาจพลัดตกหลุมบ่อที่น้ำท่วมจนมองไม่เห็นได้

    หลังเกิดน้ำท่วม เมื่อระดับน้ำลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ให้เก็บกวาด ทำความสะอาด อีกทั้งจัดเก็บซากสัตว์ที่ตายแล้วด้วยการฝังเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

    Posted by ขนมเข่ง , วันศุกร์ ที่ 7 ตุลาคม 2554 17:11:14 น.

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/chantaburi/2011/10/07/entry-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • boot5.jpg
      boot5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.9 KB
      เปิดดู:
      839
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จีนฉุนสหรัฐผ่านร่างกฎหมายที่จะเกิดสงครามการค้า

    [​IMG]

    เมื่อวันนี้ ( 12 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนมีปฏิกิริยาที่ไม่พอใจ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายที่จะเป็นการลงโทษรัฐบาลปักกิ่งกรณีค่าเงินหยวน โดยจีนระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎองค์การการค้าโลก และอาจนำไปสู่สงครามการค้า ขณะที่ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ของสหรัฐ เหมือนระเบิดเวลา ที่จะนำไปสู่สงครามการค้า

    ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐท้าทายคำเตือนจากรัฐบาลจีนและทำเนียบขาวสหรัฐที่ระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก

    ด้าน นายหม่า จ้าวซู โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่า ร่างกฎหมายของสหรัฐไม่อาจแก้ปัญหาเศรษฐกิจและประเด็นการจ้างงานได้ แต่จะยังเป็นการแทรกแซงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ-การค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างรุนแรง

    ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ปฏิเสธสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ แต่ก็เคยกล่าวหาจีนมีส่วนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้นายจอห์น โบเนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เคยส่งสัญญาณว่า จะไม่ลงคะแนนให้ร่างกฎหมายที่จะเป็นการลงโทษจีน พร้อมกับระบุว่าจะเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก

    วันพุธ ที่ 12 ตุลาคม 2554 เวลา 9:56 น

    ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=5&contentID=169128
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • senate.jpg
      senate.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.1 KB
      เปิดดู:
      752
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    2 โหรชื่อดังเตือนนายกยิ่งลักษณ์ ให้ระวังจะมีอันตรายในเดือน พ.ย.54

    [​IMG]

    คำทำนายของ โสรัจจะ นวลอยู่

    พฤศจิกายน 2554 ไข้หวัดนก 2011 กลืนเมือง ขัดแย้งกับเขมร พม่ารุนแรง

    "ไข้ หวัดนก" เริ่มระบาดร้ายแรงและกลายพันธุ์เป็นโรคติดต่อไปทั่วโลก ทางภาคใต้เกิดมิคสัญญี เพื่อที่จะแบ่งแยกดินแดนตั้งแต่ต้นเดือนไทยจะคับขันและเผชิญหน้าต่อ วิกฤตการณ์ของโลกอย่างหนักหน่วงที่สุด จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ในกรุงเทพฯ ตึกสูงจะพังทลายฝังชีวิตนับพันคนถนนหนทางเสียหาย

    เกิดไฟไหม้ทั้งเมือง ผู้คนระส่ำระสาย มีแต่เสียงร้องโหยหวนเป็นโศกนาฏกรรมรุนแรงมากรัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา สำคัญกับหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ก่อหวอดขึ้น

    เกิดความวุ่นวายโกลาหล เป็นระยะที่นายกรัฐมนตรีจักเป็นอันตราย ควรจะเพิ่มการคุ้มครองให้มากเป็นพิเศษ รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีทุกประเภท ส่วนด้านชายแดนไทยเรา จะมีการขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเขมร และพม่ารุนแรงดินแดนตะวันออกกลางจะลุกเป็นไฟอีกครั้ง เปอร์เซียกับซีเรียจะเป็นผู้จุดชนวนสงครามเข่นพิฆาตยิว ดินแดนเอเซียอาคเนย์และประเทศตามเกาะชายเมืองมหาสมุทรแปซิฟิกด้านทิศตะวันตก คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จะถูกภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง สำแดงความหฤโหดกลืนชีวิตผู้คนจำนวนมหาศาล

    อัฟกานิสถาน ปากีสถาน เป็นเดือนอันน่าเศร้า เป็นเดือนแห่งความขัดแย้ง มีการปะทะกันจนนองเลือด ทำให้ทั่วโลกวิกฤตเกิดเป็นสงครามย่อย ๆ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่จะนำไปสู่มหาสงคราม ในปี 2554 ทำให้มีผู้ล้มตายจำนวนมากเป็นสงครามล้างโลก สหรัฐจะพบกับสภาพอันวุ่นวายภายในประเทศ

    และในช่วงปลายเดือน ประเทศไทยจะเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินทรุด แผ่นดินแยก แผ่นดินถล่มไปทั่วทุกจังหวัด บ้านเรือน ตึกรามบ้านช่องเสียหาย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ตึกทรุด ตึกสูงระฟ้า ถล่มลงมาจำนวนมาก มีผู้คนและสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตจำนวนมาก ดูน่าอเนจอนาถเป็นที่สุด เกิดพายุครั้งรุนแรงเป็นภัยธรรมชาติสุดหฤโหด แหล่งน้ำทั้งเล็กทั้งใหญ่พังทลาย ทำให้ “เขื่อนยักษ์” ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศรับน้ำไม่ไหว แตกและพังลงมาท่วมผู้คน สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ไหลลงมาถึงกรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ จมใต้น้ำเป็นเวลานาน

    ที่มา โสรัจจะ นวลอยู่...คำทำนายปี 2554 กระต่ายไฟ - Dek-D.com > Board

    คำทำนายของหมอนิด

    ถึงคุณยิ่งลักษณ์ ผมขอแสดงความยินดีกับคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย........

    ผมเห็นด้วยกับค่าแรงขั้นต่ำสามร้อยบาทต่อวัน แต่ถ้าคนงานคนนั้นไม่มีฝีมือทำได้เพียงแค่หิ้วถังปูนกับขนอิฐขนทรายอย่างเดียวใครจะจ้าง แล้วช่างที่มีฝีมือล่ะต้องขยับขึ้นเท่าไหร่ ผมเห็นด้วยกับผู้ที่จบปริญญาตรีต้องได้เงินเดือนหมื่นห้า แต่ถ้าทำงานไม่เป็นหรือไม่ตรงกับสายที่เรียนมามีบริษัทไหนจะจ้าง ผมว่าต่อไปคนที่จบปริญญาตรีในประเทศไทย คงจะตกงานหรือหางานทำยากขึ้น บริษัทต่างๆ คงหันไปรับสมัครผู้ที่จบ ปวส. หรือ ปวช. กันมากขึ้น ​

    นี่คือปัญหาที่พรรคเพื่อไทยต้องคิดหนัก รายการรับจำนำข้าวเป็นช่องทางสำหรับการคอร์รัปชั่นมากที่สุด บรรดาโรงสีและผู้เกี่ยวข้องรวยกันเป็นทิวแถวเพราะจะมีข้าวจากเขมรและเวียดนามทะลักเข้ามาสวมสิทธิ์จำนวนมาก ผมเชื่อว่า (ถ้า)รัฐบาลนี้อยู่ครบเทอมจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเร็วขึ้น แต่จะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือไม่ คงต้องไปถามรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมคนเก่าดูเอง เพราะว่าเขาเคยทำมาแล้ว ถึงแม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงไหนก็ตามที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเขาคนนั้น ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่างานเสร็จเร็วและถึงลูกถึงคนดีกว่ารัฐบาลก่อน ......​

    ข้อสำคัญต้องจับตามองให้ดีคือรัฐบาลนี้กล้าที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกลุ่มบุคคลหรือบุคคลใดคนหนึ่งหรือไม่ รัฐบาลนี้จะคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 หรือไม่ ถ้าทำจริงคงจะเกิดการต่อต้านจากประชาชน.....ขอเรียนท่านผู้นำด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ท่านอาจจะมีอุปสรรค์ปัญหา ซึ่งสามารถสะเทือนถึงตำแหน่งของท่านได้ หากคิดจะทำอะไรก็ตรองให้ดีก่อน “โปรดอย่าแตะต้องเงินสำรองในกองคลังเด็ดขาด” ผมขอเตือน และพยายามเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด.......​

    “ผมคิดว่าท่านอยู่ได้ไม่นานก็จะเกิดปัญหาขึ้น ไม่คิดว่าท่านจะอยู่ครบเทอมได้” ถ้าคณะรัฐบาลของท่านทำไม่ถูกหรือทำไม่ดีผมเห็น “หายนะ” รออยู่ข้างหน้า คงไม่นานเกินรอก็จะรู้จะเห็น หากผมไม่เบื่อไม่เอียนนักการเมืองเสียก่อน คิดว่าไม่นานเราจะได้เจอกัน.....

    ด้วยความเคารพ
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
    18 ส.ค. 54​

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=740982
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การป้องกันไฟฟ้าดูดในช่วงน้ำท่วม !!!
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bbb.jpg
      bbb.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346.6 KB
      เปิดดู:
      9,603
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อย่า! ลดคุณค่าและหมดศรัทธา กับความสามารถในตัวของคุณเอง...

    [​IMG]

    หลายครั้งที่ผมเคยรอคอยความหวัง รอคอยความหวังนั้นซึ่งก็ยังไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ บางครั้ง เรื่องบางอย่าง ตัวของผมเองสามารถช่วยตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังรอคอยความหวังนั้น มีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่ง สมัผมอายุ 7 ขวบ ผมไปอยู่ที่ทุ่งนากับครอบครัว ผมอยากกลับบ้านเพื่อไปดูการ์ตูนโดราเอม่อน ผมไม่กล้าเดินกลับบ้านคนเดียว (เพราะผมกลัวผีมาก คุณตาของผมชอบเล่าให้ผมฟังตอนเป็นเด็กบ่อยครั้ง)

    แต่วันนั้นพ่อ แม่ พี่สาว และญาติพี่น้อง ทุกคนต้องลงนา เพื่อทำนาช่วยกันในช่วงเช้าหลังทานข้าวเสร็จ ผมจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านคนเดียว โดยที่ไม่รอใครเพื่อที่จะให้ไปส่งผม และผมก็ผ่านมันมาได้ เป็นเหตุการณ์ที่ผมมีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก ที่ผมสามารถเผชิญเดินผ่านถนนสายนั้น ที่ผมไม่กล้าที่จะย่างก้าวเดินผ่านมาก่อนหน้านั้นเลย แล้วผมเดินผ่านมันได้ด้วยตัวของผมเอง โดยไม่ต้องรอใครมาช่วยผม

    ครั้งนั้น..ก็เป็นบทเรียนชีวิตหนึ่งของผม ที่ผมไม่เคยลืมเลือนมาจนถึงทุกวันนี้..ผมเคยนำเหตการณ์ครั้งหนึ่ง มาเล่าให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2553 โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ฟังก่อนกลับบ้านในช่วงเย็นของวันนั้น เรื่องมีอยู่ว่า..

    ชายชราคนหนึ่งนับถือพระเจ้ามากๆ อยู่มาวันหนึ่งเกิดน้ำท่วมในหมู่บ้านฉับพลัน ชาวบ้านต่างพากันอพยพออกจากหมู่บ้านกันอย่างโกลาหล เพื่อนบ้านตะโกนให้ชายชราผู้นี้หนีน้ำท่วมไปด้วยกัน

    ชายชราตะโกนแล้วก็ตอบไปว่า 'ไม่ไปหรอก! เดี๋ยวพระเจ้าก็มาช่วยข้า'

    น้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงคอชายชรา มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพายเรือมาดูว่ายังมีใครติดอยู่ในหมู่บ้านหรือไม่ ก็มาเจอชายชราจึงชวนขึ้นเรือไปด้วยกัน

    ชายชราก็เลยตะโกนตอบไปอีกว่า 'ข้าไม่เป็นไรหรอก! เดี๋ยวพระเจ้าก็มาช่วย'

    น้ำเริ่มท่วมสูงขึ้นๆ จนมิดตัว บ้านเหลือเพียงหลังคาบ้าน ชายชราก็ต้องขึ้นมาอยู่บนหลังคาบ้าน มีเฮลิคอปเตอร์ผ่านมาสำรวจดูว่ายังมีใครหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านบ้าง ก็มาเจอชายชราติดน้ำท่วมอยู่บนหลังคาบ้าน เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์ปล่อยบันไดลงมาให้ชายชรา และพูดผ่านโทรโข่งให้รีบเกาะบันไดขึ้นมาโดยเร็ว ชาวบ้านหนีออกจากหมูบ้านกันไปหมดแล้ว เหลือท่านคนเดียว

    ชายชราตะโกนตอบไปว่า 'ข้าไม่เป็นไรหรอก! เดี๋ยวพระเจ้าก็มาช่วยข้า' ทันทีที่ตอบเสร็จ น้ำที่เชี่ยวกราดก็พัดพาร่างของชายชราจมน้ำหายไป

    เมื่อชายชราเสียชีวิต ได้ขึ้นสวรรค์ และได้พบกับพระเจ้า ชายชราก็ตัดพ้อต่อว่าพระเจ้าเป็นการใหญ่ว่า 'ข้าอุตส่าห์ยึดมั่นถือในคุณงามความดี และเชื่อถือท่านอย่างเคร่งครัดตลอดมา เวลาข้าเดือดร้อนรอความช่วยเหลือช่วยเหลือจากท่าน ทำไมท่านไม่มาช่วยเหลือข้าเลย ปล่อยให้ข้าตายได้ เสียแรงที่นับถือท่านมาตลอดชีวิต'

    พระเจ้าได้ฟังดังนั้น จึงตอบกลับไปว่า 'ทำไมเราจะไม่ช่วยล่ะ เราส่งคนไปช่วย ท่านก็ไม่ไป ส่งเรือไปรับ ท่านก็ไม่ไป สุดท้ายส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วย ท่านก็ไม่ไปอีก แล้วท่านจะให้เราช่วยท่านอย่างไรอีก'

    เรื่องบางอย่างเราอาจจะเคยลดคุณค่าในตัวเราเองลง โดยที่เราไม่รู้ความสามารถในตัวเรามีอยู่มากมาย แต่บางทีเราอาจจะรอคอยเพียงความหวังบางอย่าง ที่เราคิดว่ามันจะเข้ามาช่วยเราได้ บางทีก็ได้แต่เพียงรอๆ ไปจนตาย เช่นดังชายชราผู้นี้นะครับ..

    เขียนโดย ครูป้อม คนล่าฝัน

    ที่มา http://krunongkala.blogspot.com/2011/10/blog-post.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 228075.jpg
      228075.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.7 KB
      เปิดดู:
      741
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  11. PaPaMade

    PaPaMade สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +11
    เมื่อชายชราเสียชีวิต ได้ขึ้นสวรรค์ และได้พบกับพระเจ้า ชายชราก็ตัดพ้อต่อว่าพระเจ้าเป็นการใหญ่ว่า 'ข้าอุตส่าห์ยึดมั่นถือในคุณงามความดี และเชื่อถือท่านอย่างเคร่งครัดตลอดมา เวลาข้าเดือดร้อนรอความช่วยเหลือช่วยเหลือจากท่าน ทำไมท่านไม่มาช่วยเหลือข้าเลย ปล่อยให้ข้าตายได้ เสียแรงที่นับถือท่านมาตลอดชีวิต'

    พระเจ้าได้ฟังดังนั้น จึงตอบกลับไปว่า 'ทำไมเราจะไม่ช่วยล่ะ เราส่งคนไปช่วย ท่านก็ไม่ไป ส่งเรือไปรับ ท่านก็ไม่ไป สุดท้ายส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วย ท่านก็ไม่ไปอีก แล้วท่านจะให้เราช่วยท่านอย่างไรอีก'

    ตายแล้วยังได้ขึ้นสวรรค์ ไปหาพระเจ้าได้ ทำไมยังไม่ดีใจอีก
     
  12. runo

    runo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +1
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  13. Rasbora

    Rasbora เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +779
    คำทำนายของ โสรัจจะ นวลอยู่

    พฤศจิกายน 2554 ไข้หวัดนก 2011 กลืนเมือง ขัดแย้งกับเขมร พม่ารุนแรง

    "ไข้ หวัดนก" เริ่มระบาดร้ายแรงและกลายพันธุ์เป็นโรคติดต่อไปทั่วโลก ทางภาคใต้เกิดมิคสัญญี เพื่อที่จะแบ่งแยกดินแดนตั้งแต่ต้นเดือนไทยจะคับขันและเผชิญหน้าต่อ วิกฤตการณ์ของโลกอย่างหนักหน่วงที่สุด จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ของไทย ในกรุงเทพฯ ตึกสูงจะพังทลายฝังชีวิตนับพันคนถนนหนทางเสียหาย

    เกิดไฟไหม้ทั้งเมือง ผู้คนระส่ำระสาย มีแต่เสียงร้องโหยหวนเป็นโศกนาฏกรรมรุนแรงมากรัฐบาลจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหา สำคัญกับหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ก่อหวอดขึ้น

    โหร หรือ โหน กันแน่...คนนี้ทายบ้าๆบอๆแบบนี้ทุกปี ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว แล้วก็จะออกมาตอนบ้านเมืองมีปัญหาทุกที
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โปรดใช้วิจารณญานในการรับรู้ข้อมูล

    คำทำนายของโหรท่านนี้ แม้จะดูรุนแรงเกินความเป็นจริงไปมาก แต่ก็เป็นข้อมูลที่มีแนวโน้มที่จะอาจเกิดขึ้นจริงได้ ผู้มีปัญญาทั้งหลายจึงไม่ควรมองข้ามความเป็นจริงข้อนี้ไป ถ้าคำทำนายของโหรท่านนี้ไม่มีความน่าเชื่อถืออยู่เลย เหตุไฉนจึงยังมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก อีกทั้งข้อมุลจากสถานการณ์รอบโลกก็มีแนวโน้มสูง ที่จะเกิดเหตุการณ์เป็นไปตามคำทำนายอีกด้วย

    เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ สามารถประเมินผลและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ถูกต้องแม่นยำมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่คนเราป้อนเข้าไปในเครื่องว่า ครบถ้วนรอบด้านหรือไม่ เช่นเดียวกับข้อมูลที่ท่านทั้งหลายได้รับรู้ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการนี้ หากท่านเลือกที่จะรับรู้อยู่เพียงด้านเดียวกระทู้เดียว ไม่ยอมรับรู้ข้อมูลจากด้านอื่นๆอีกเลย ก็จะได้รับข้อมูลที่ไม่ครบทุกด้าน การตัดสินใจเตรียมการณ์ที่จะรับมือกับภัยพิบัติ ก็จะผิดพลาดไปด้วย ซึ่งมันอาจจะหมายถึง ความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินอย่างที่ท่านคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

    ผมจึงอยากให้ทุกๆ ท่านที่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ กรุณาเปิดใจให้กว้าง ยอมรับฟังข้อมูลจากทุกๆด้าน ให้ครบถ้วน ข้อมูลใดที่ท่านเห็นว่าดีมีประโยชน์ ก็จงเก็บไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวท่านและครอบครัวของท่าน ข้อมูลใดที่ท่านเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ก็จงลบมันออกไปจากหัวสมองของท่าน อย่าได้เก็บเอาไว้ให้รกสมองอีกต่อไป และกรุณาอย่าเข้ามาต่อว่าด่าทอต่างๆนาๆ อีกเลยครับ เพราะมันจะทำให้คนที่เขาต้องการเข้ามาเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ต้องมาเสียเวลาอ่านข้อความที่ไม่มีประโยชน์ของท่าน และอาจทำให้เขาต้องอารมณ์เสีย ไปกับความคิดเห็นด้านลบต่างๆของท่านอีกด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  15. apichart ww2

    apichart ww2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +439
    อย่าลืม! เรื่องของอาหารอย่ามุ่งแต่กักตุนอย่างเดียวครับ ปลูกกินเองด้วยครับ
    ลองหาข้อมูลแล้วลองพริกแพงทำดูให้เหมาะสมกับสถานที่ครับ

    ปล.... พริกแพงไม่ต้องไปซื้อครับปลูกกินเองเลย...<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    คนนี้ เขาไม่ได้เพิ่งมาสวมรอยทำนาย ตอนเหตุการณ์มันแล้ว แต่เขาทำนายมาก่อน ล่วงหน้านาน ก็ทายแม่นบางส่วน แต่มันมีบางจุดที่หนักเกินจริง

    ที่บอกทำนายแม่น ยกมาซักเรื่อง ที่เกิดขึ้นตั้งกะเดือนกันยา ก็เรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แล้วยังมีเรื่องอื่นๆ อีก จะทำตัวหนังสือเป็นสีเอาไว้ตรงเรื่องที่แม่นๆ แล้วกัน


    [​IMG]

    โสรัจจะ นวลอยู่...คำทำนายปี 2554 กระต่ายไฟ

    กันยายน

    ทางใต้ขอแบ่งแยกเพื่อปกครองตนเอง ดีเปรสชั่น ผ่านตอนเหนือของประเทศอย่างรุนแรง น้ำป่าเริ่มไหลบ่า จากทางภาคเหนือและอีสาน ลงมาทางใต้ ต่อเลยมาถึงกรุงเทพฯ เขื่อนทั้งเล็กและใหญ่พังทลาย (ยังไม่ใช่เขื่อน แต่เป็นพวกประตูระบายน้ำบ้าง พนังกั้นน้ำบาง คันดินกั้นน้ำบ้าง)

    เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด พืชพันธุ์ธัญญาหาร เสียหายหนักยิ่งกว่าครั้งใด มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน กรุงเทพฯ ต้องจมอยู่ใต้บาดาลเป็นเวลายาวนาน (ยังไม่ใช่ใจกลางกรุงเทพฯ โดยตรง แต่เป็นชานเมืองรอบๆ อย่างมีนบุรีบ้าง เมืองนนท์บ้าง ฝั่งธนบ้าง)

    ภัยธรรมชาติยังคุกคามต่อไปอีก ทั้งภาคเหนือ อีสาน และทางภาคใต้ โดยเฉพาะทางภาคใต้จะโดนอย่างหนัก

    ถือได้ว่าเป็นวาตภัยครั้งร้ายแรงที่สุด ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย บ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง และผู้คนที่อาศัยอยู่ติดทะเล จะถูกพายุร้ายหอบตกทะเล แทบไม่เหลือหลอแม้แต่รายเดียว เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ (ต้นปีมีพายุทางใต้ หอบขนำหมู่บ้านประมง ตกทะเลไปจำนวนหนึ่ง แล้วก็มีคลื่นแรง กัดเซาะหาดทรายชายฝั่ง มีพายุแถวแสมสารชลบุรีด้วย ซัดบ้านประชาชนพังไปอีกหน่อย)

    ปัญหาของประเทศมีมาก ผู้เป็นใหญ่ บุคคลสำคัญ จักล้มเจ็บอย่างกระทันหัน (มีหลวงปู่ หลวงพ่อ อาพาธหนัก มีเชื้อพระวงศ์สิ้นพระชนม์)

    ตุลาคม

    เกิดปัญหาทางภาคใต้ ทำให้ทั่วโลกตกตะลึง เกิดการจลาจลนองเลือด บุคคลในเครื่องแบบจะมีบาทบาททันที (ภาคใต้มันมีผู้ก่อการเลว คอยป่วน คอยสร้างปัญหา กันอยู่ทั้งปีทั้งชาติอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ทำนายแบบนี้ มันก็หนีความวุ่นวายรายวันไม่พ้น)

    เกิดการจลาจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือ

    เติมอีกนิด ตามความเห็นของตัวเอง ว่า พอน้ำเริ่มลด จะมีแผ่นดินยุบ แผ่นดินถล่มไปทั่ว เพราะดินที่แช่น้ำนานๆ มันจะทั้งยุ่ยทั้งซุย ไม่เกาะตัวกัน

    ยิ่งแถวไหน ที่ชอบโหมปลูกยางพรารา ปลูกปาลม์ ปลูกกะหล่ำปลี ปลูกยูคา อาจจะยิ่งเสี่ยงหนัก เพราะพืชเศรษฐกิจพวกนี้ ไม่มีรากแก้วไว้เกาะยึดดิน อย่างพืชท้องถิ่น ที่ชอบพากันโค่นทิ้ง

    พฤศจิกายน


    เป็นเดือนสุดโหดสุดวิปริตที่แท้จริง สำหรับคนไทย เพราะจะเกิดภัยธรรมชาติครั้งรุนแรง แหล่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่พังทลาย น้ำจะไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน ตำบลและอำเภอ

    เกิดไต้ฝุ่นเข้าถล่มภาคใต้ ที่ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี หนักกว่าพายุเกย์ คนตายนับพัน (ข้อนี้ อุตุฯ บ้าง นักวิชาการสิ่งแวดล้อมบ้าง เตือนกันตั้งแต่ต้นเดือนตุลา ว่าล็อตต่อไป ทางใต้จะอ่วมบวมน้ำ หลังจากภาคกลางค่อยยังชั่วแล้ว)

    หุ้นตกอย่างรุนแรง การเมืองของไทยเต็มไปด้วยความผันผวน เผชิญกับวิกฤตการณ์อย่างหนัก ข้าวยากหมากแพง (ของแพงนี่ มันแพงมาตั้งแต่กันยาแล้ว ยิ่งน้ำท่วมวิกฤติ ยิ่งฉวยโอกาสแพงหนัก)

    มีการประท้วง ลุกลามกลายเป็นการชุมนุมใหญ่ จากบุคคลทุกสาขา เกิดการจลาจล มีการเผาผลาญทำลายสถานที่สำคัญ รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้ดูจะรุนแรงกว่าเมื่อครั้ง 14 ตุลาคม 2516

    วิกฤตทางภาคใต้ ได้ลุกลามเข้ามาถึงกรุงเทพฯ มีผู้คนเสียชีวิต

    ธันวาคม


    "เขื่อนยักษ์แตก" น้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน อำเภอ หลายจังหวัด พื้นที่ไร่นา สัตว์เลี้ยง สิ่งก่อสร้าง ผู้คนที่อพยพหนีไม่ทัน ล้มตายมหาศาลอย่างอเน็จอนาถ สร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ น้ำอาจลงมาถึงกรุงเทพฯ เราต้องขอความช่วยเหลือจากองค์การต่าง ๆ จากต่างประเทศโดยด่วน (อันนี้ไม่รู้ว่าเขื่อนจีนหรือเขื่อนไทย เพราะถ้ามันจะแตกก็หลักๆ 2 สาเหตุ คือ 1. แผ่นดินไหวแรงจัด 2. ฝนตกหนักมาก น้ำในเขื่อนล้นหลาม ทำเอาเขื่อนรับน้ำไม่ไหว แตกกระจาย)

    เกิด "หิมะตกในกรุงเทพฯ" และปริมณฑล เป็นอาเพศ ที่ทำให้คนตกตะลึงไปทั่วโลก
    (นี่ก็ต้องรอดู เพราะเมื่อหน้าร้อน ปี 53 ยังหนาวจัด ยังกะอยู่ดอยอ่างขาง ตั้งหลายวัน ประหลาดดีแท้)

    มีการลอบวางเพลิง วางระเบิด การเมืองระส่ำระสาย และภัยรอบข้าง ทำให้ดูเหมือนเกิดความคับขัน

    ทางใต้วิกฤตสุด หาทางแก้ไขไม่ได้

    เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ อย่างหนัก สงครามอาจยืดเยื้อต่อไป จนกลายเป็นสงครามโลกครั้งใหญ่ที่สุด ที่เคยมีมา

    ปลายเดือน เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เข้าถล่มชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย กวาดผู้คนและทรัพย์สิน สิ่งก่อสร้าง ลงสู่ทะเลจนเกือบหมดสิ้น โดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าจะเกิดขึ้น
    (อันนี้ ดร. สมิธ ท่านเตือนล่วงหน้ามาเป็นปีๆ ว่า อ่าวไทยมีสิทธิ์เกิดสึนามิ)

    [​IMG]

    ต่ออีกหน่อย ก็คือ ตัวเองได้ฝันล่วงหน้ามาเป็นปี เห็นคนเยอะแยะเดินเท้าอพยพไปทางทิศตะวันตก สภาพตะละคนกระเซอะกระเซิงอิดโรย แทบไม่มีข้าวของอะไรติดตัวกันไป ไม่ได้ฝันครั้งเดียว แต่หลาย
    ครั้ง

    บางครั้งก็ฝันเห็นคนอพยพทางเรือ บางครั้งในฝันที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติ เกี่ยวกับคนอพยพ ก็มีเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวด้วย

    ส่วนตัวเชื่อว่า พออะไรๆ มันหนักจัดๆ ปิดความจริงไม่ไหว สร้างภาพไม่อยู่ ทางเขาก็จำเป็นต้องปูดออกมาเอง ว่าประชาชนทั้งหลาย ใครมีที่ไปทางไหนก็ตัวใครตัวมันได้แล้ว สละเมืองได้แล้ว

    แต่กว่าจะถึงขนาดนี้ ก็ยังไม่ใช่คราวน้ำท่วมเมืองตอนนี้หรอก ยังอีกหลายปี แต่คิดว่าไม่น่าจะเกิน 10 ปี<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  17. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทำลายวิถีน้ำ เหมือนดังทำลายตน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>[​IMG]</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>



    </TD><TD vAlign=middle align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT>




    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : ปิ่น บุตรี pinn109@hotmail.com

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วิกฤติน้ำท่วมเมืองไทยปีนี้ หนักหนาสาหัสนัก เป็นวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ที่กินพื้นที่ครอบคลุมไปทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ใน กทม.เมืองหลวง

    สำหรับการเกิดน้ำท่วมครั้งมโหฬารถล่มทลาย จนประชาชนเดือดร้อนไปแทบทุกหย่อมหญ้าในปีนี้ ปัจจัยหลักมาจากฝนฟ้า พายุ มรสุม ที่โหมกระหน่ำเข้ามา ในเขตภูมิภาคอินโดจีน มากเป็นพิเศษ ผิดแปลกไปจากวิถีธรรมชาติปกติ

    ซึ่งเมื่อย้อนไปดูถึงต้นตอ มันก็มาจากการกระทำของมนุษย์นั่นเอง โดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่า ที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ของทั้งปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง

    ส่วนปัจจัยเสริม มาจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ และล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เรายังทำลาย “วิถีแห่งเมืองน้ำ” ที่บรรพบุรุษของเรา ได้สั่งสมภูมิปัญญาการกินอยู่ อาศัย ใช้ชีวิต กับสภาพธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยน้ำ ในที่ราบลุ่มสุวรรณภูมิ มานับร้อยนับพันปี

    วิถีน้ำ วิถีไทย

    “น้ำ” นอกจากจะเป็นดังชีวิตของคนทั่วโลกแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสยามประเทศ รวมไปถึงผู้คนในภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย

    น้ำ นอกจากจะไหลรี่จากที่สูงสู่ที่ต่ำเข้าสู่แม่น้ำ ลำธาร ห้วยหนอง คลองบึง แอ่งหนองต่างๆแล้ว วิถีแห่งน้ำ ยังแทรกซึมซอกซอนเข้าไปอยู่ในวิถีไทยเต็มไปหมด

    ไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม เกษตรกรรม งานศิลปะ บทเพลง งานสถาปัตยกรรม คติความเชื่อ และอื่นๆอีกมากมาย

    ยกตัวอย่างล่าสุด สดๆ ร้อนๆ กับเทศกาลงานออกพรรษา ที่หลายพื้นที่ ล้วนต่างมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น บั้งไฟพญานาค ไหลเรือไฟ ลอยผาสาด ลากพระ หรืองานประเพณีแข่งเรือที่นิยมทำกันในช่วงน้ำหลากเช่นนี้

    ขณะที่ 2 งานประเพณีชื่อดัง ระดับเวิลด์อีเวนต์ของไทย อย่าง สงกรานต์ และลอยกระทงนั้น ต่างก็มีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยทั้งสิ้น

    สุโขทัย - อยุธยา เมืองอิงน้ำ

    มีคำกล่าวกันมาช้านานแล้วว่า วิถีของคนไทยนั้นเป็นดังสายน้ำ คือสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และสภาพแวดล้อม ได้เป็นอย่างดี

    ในอดีต การสร้างบ้านสร้างเมืองของผู้คน ในสยามประเทศ และในสุวรรณภูมิ ล้วนต่างอิงลำน้ำเป็นหลัก

    ไล่ไปตั้งแต่ชุมชนเล็กๆ ไปจนถึงเมืองขนาดใหญ่ ที่ต้องอิงแม่น้ำลำธาร เป็นเส้นเลือดหลัก เพื่อเอาไว้สำหรับ กินดื่ม ประกอบอาหาร ทำความสะอาด อาบน้ำ ซักล้าง ทำการเกษตร และการสัญจรคมนาคม

    ผังเมืองสุโขทัยโบราณ ราชธานีแห่งแรกของไทยนั้น นอกจากจะอ้างอิงกับลำน้ำยมแล้ว ยังมีการประยุกต์ผังเมืองพระนครของขอม มาปรับใช้ มีการขุดบารายหรือสระขนาดใหญ่ตามคติจักรวาล

    และเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สอย ทำการเกษตร เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใกล้ๆ กับเขตวัดพระพายหลวง ยาวไปตามแกนตะวันออก - ตะวันตก

    นอกจากนี้ ยังมีการทำ ทำนบ ทำคันกันดิน กั้นน้ำ เป็นเขื่อนโบราณ สำหรับกักเก็บน้ำ และผันน้ำตามธรรมชาติ จากลำคลองใหญ่น้อย เข้าเมืองอีกทางหนึ่ง

    นับเป็นภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ที่สามารถนำวิถีของสายน้ำตามธรรมชาติ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างแยบยล

    มาถึงในสมัยอาณาจักรอยุธยา วิถีความเป็นเมืองน้ำ แห่งสยามประเทศ ปรากฏชัดเจนมาก เนื่องจาก ตำแหน่งของกรุงศรีอยุธยาเมืองหลวง ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก ประมาณ 2 เมตร มีแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเส้นเลือดหลัก กับคูคลองใหญ่น้อย อีกมากมาย

    ที่ราบลุ่มภาคกลาง เป็นพื้นที่รับน้ำสำคัญ ทุกๆ ปี ในช่วงหน้าฝน น้ำเหนือจะไหลบ่าลงมาพร้อมกับตะกอนธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ท่วมพื้นที่ราบลุ่มแห่งนี้ อยู่เป็นเวลาหลายเดือน

    ประชาชน ต้องปรับตัว เปลี่ยนมาใช้วิถีชีวิตที่ผูกสัมพันธ์กับสายน้ำ การสัญจร หันมาใช้เรือเป็นหลัก

    ขณะที่ บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเป็นบ้านเรือนไทยใต้ถุนสูง

    ยามปกติ ใต้ถุนจะใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เก็บเกวียน พักผ่อน และประกอบกิจกรรมสารพัดสารพัน

    แต่พอฤดูน้ำหลากท่วม พวกเขาจะปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอย มาไว้สำหรับจอดเรือแทน

    ครั้นพอน้ำลด ชาวบ้านก็กลับมาใช้วิถีชีวิตบนบก ที่ยังอ้างอิงกับสายน้ำอีกครั้ง นับเป็นวิถีปกติของคนไทยโบราณ ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ที่ดำรงคงอยู่ผูกพันกับสายน้ำ

    สามารถปรับตัวตามธรรมชาติ ใช้ชีวิตยามน้ำท่วมน้ำหลาก ได้อย่างเป็นปกติสุข และน่ายกย่องในภูมิปัญญา

    กรุงศรีอยุธยา ภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ

    ประสบการณ์และภูมิปัญญาแห่งน้ำ ที่คนไทยสั่งสมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี ทั้งการเลือกวางผังเมือง ในพื้นที่ราบลุ่มน้ำ ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำแห่งภูมิภาค

    ทั้งการดำรงวิถีชีวิต ปรับตัวให้กลมกลืนกับวิถีแห่งสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสัญจร การสร้างบ้านเรือน ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

    นอกจากนี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ยังมีการขุดคูคลองลัดเชื่อมลำน้ำ จากลำน้ำสายเล็ก ไปสู่ลำน้ำสายใหญ่ เพื่อนำไปสู่ทางออกทะเล

    ทำให้กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นชุมทาง การคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ สามารถเดินเรือไปยังปากอ่าวไทย แล้วแผ่ขยายอำนาจ ลงไปจนถึงแหลมมลายูได้

    ขณะเดียวกัน ก็สร้างท่าเรือเศรษฐกิจไว้ที่ป้อมเพชร ให้เรือเดินทะเลของชาวต่างชาติ แล่นเข้ามาเทียบท่า นำสินค้ามาค้าขาย แลกเปลี่ยน โดยนำลงใส่เรือเล็ก ลำเลียงผ่านประตูน้ำ เข้าไปขายในเมืองอีกที

    นั่นจึงทำให้ มีเรือสินสินค้า เรือเดินทะเลของชาวต่างชาติ แล่นเข้า - ออกมา ค้าขายสินค้ากันอย่างคึกคัก

    ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยา มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขาย อย่างมาก จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชีย ในสมัยนั้นเลยทีเดียว

    สำหรับภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็คือ การรู้จักใช้คุณประโยชน์จากน้ำ ตามสภาพธรรมชาติ ในการป้องกันข้าศึกศัตรู

    โดยมีการสร้างตัวเมือง สร้างกำแพงเมืองล้อมรอบไว้ นอกเขตพื้นที่น้ำหลาก เมื่อพม่ายกทัพมาล้อมเมือง ไม่สามารถตีบุกฝ่ากำแพงเมือง เข้าไปในเมืองได้ ก็ต้องล้อมอยู่ด้านนอก

    พอน้ำหลากมา ก็ท่วมข้าศึก ศัตรู ล้มตาย ทำให้ต้องยกทัพกลับไป ซึ่งมีบันทึกว่า พม่าได้ยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ ถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตาม แม้กรุงศรีอยุธยา จะรู้จักใช้ประโยชน์จากสภาพน้ำหลาก ให้เป็นประโยชน์ แต่เมื่อผู้ปกครองอ่อนแอ และมีคนไทยด้วยกันเอง ทรยศขายชาติ ไปเปิดประตูเมืองให้พม่า สุดท้าย ก็ทำให้ตัวเมืองกรุงศรีอยุธยา ถูกเจาะ ถูกตีแตก นำไปสู่การเสียกรุงในที่สุด

    วิถีเมืองน้ำพ่ายเมืองบก

    จากกรุงศรีอยุธยา ผ่านมาสู่ยุคกรุงธนบุรี และยุคกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทย ยังยึดความเป็นเมืองแห่งน้ำ มาสร้างบ้านแปงเมือง เหมือนเดิม

    สมัยกรุงธนบุรี มีการเลือกทำเลเมือง “บางกอก” ตำบลเก่าแก่ ที่เจริญเติบโตมาในสมัยสุโขทัย ที่อยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา คลองลัดที่ขุดขึ้นมาใหม่ เป็นเมืองหลวง

    ต่อมา ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ย้ายเมืองหลวง มาอยู่ทางฝั่งซ้าย ของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กรุงเทพมหานคร”

    บางกอกใหม่ หรือกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแม่น้ำลำคลอง ทั้งลำคลองธรรมชาติ และคลองขุดอีกมากมาย รวมแล้ว มีนับร้อยนับพันสาย ไหลเชื่อมโยงถึงกัน จนต่างชาติขนามนามให้เป็น “เวนิสตะวันออก” ที่โด่งดังไปทั่วโลก

    แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน วิถีเปลี่ยน

    สยามประเทศ ค่อยๆ เปลี่ยนจากเมืองน้ำ มาเป็นเมืองบก ตามแบบตะวันตก วิถีชีวิตเมืองน้ำในอดีต ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวิถีเมืองบก

    ถนน มาแทนที่แม่น้ำลำคลอง ทำให้แม่น้ำลำคลอง ถูกทอดทิ้งเน่าเสีย ลำคลองจำนวนมาก ถูกถมสร้างเป็นถนน รองรับจำนวนรถยนต์ ที่นับวัน มีแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น

    สังคมเกษตรกรรม ที่คนไทยเป็นหนึ่ง มีการสั่งสมภูมิปัญญามายาวนาน เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม แบบก้าวกระโดด

    ทั้งๆ ที่รากฐานเรายังไม่แน่น ภูมิปัญญายังไม่แกร่ง เป็นได้แค่เมืองผู้ผลิต ป้อนให้ต่างชาติเจ้าของภูมิปัญญา

    แต่ดูเหมือนว่า ภาครัฐกลับกระเหี้ยนกระหือรือ ต่อการเป็นนิคของไทย ภายใต้เงาที่ทาบทับ ของการคอรัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อน

    พื้นที่รับน้ำทำการเกษตรกรรม ในที่ราบลุ่มภาคกลาง โดยเฉพาะที่อยุธยา ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม

    ถนนคอนกรีต บ้านจัดสรร สิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก ถูกสร้างขึ้นมาขวางทางน้ำ บล็อกทางน้ำ แม่น้ำลำคลองหลายสายถูกถม ถูกรุกล้ำ ป่าไม้ถูกโค่นทำลาย

    ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ โดยเฉพาะ ภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ ที่เคยเป็นเอกอุ แห่งสยามประเทศ ถูกละเลย ถูกหลงลืม และถูกทอดทิ้ง

    จากน้ำท่วม ที่เคยเป็นมิตรในอดีต ได้กลายเป็นวิกฤตแห่งยุคสมัย ซึ่งหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่เป็นดังฝันร้ายผ่านพ้น รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องมีวาระแห่งชาติในการรับมือกับน้ำ ในปีต่อๆ ไป

    โดยอย่ามุ่งมองไปที่เมกะโปรเจกต์ โครงการหมื่นล้าน แสนล้าน เพื่อที่จะหวังเงินใต้โต๊ะแต่อย่างเดียว

    แต่หากควรมองไปถึง ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ว่า ที่ผ่านมาคนไทยเรา มีวิถีผูกพันกับสายน้ำ ใช้ชีวิตร่วมกับสายน้ำอย่างกลมกลืน และมีความสุขอย่างพอเพียง มาได้อย่างไร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. chan2

    chan2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +23

    ยังมีอีกนะครับ

    คำทำนายปี2554 จากโหรใหญ่
    โหร ภิญโญ เตือนจับตาต้นปี 4 ม.ค.54 เป็นต้นไป

    อาถรรพ์หมายเลข 8
    ที่สำคัญการเกิด อุปราคาในครั้งนี้เกิดขึ้นในภพที่ 8 ของดวงเมือง หมายถึง การตาย ดังนั้น เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 8 จะบังเกิดความอับโชคแก่ผู้นำ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และรัฐบาล ถ้าเป็นสุริยุปราคาจะส่งผลให้บุคคลสำคัญบางคนจะถึงแก่กรรมหรือไม่ก็เป็นผู้ อยู่ในราชตระกูล ชนชั้นสูง ถ้าเป็นจันทรุปราคาจะเกิดการตายในหมู่ชนสามัญหรือสตรีผู้มีชื่อเสียง สุขภาพของประชาชนของประเทศเสื่อมโทรม เกิดโรคระบาด ประชาชนเจ็บไข้ เกิดอาชญากรรมร้ายแรง เกิดความปั่นป่วนในวงการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดก กฎหมายมรดก ความสัมพันธ์ทางการเงินกับต่างประเทศ ความลับของรัฐบาลจะถูกเปิดเผย

    (นายกคนนี้มีอะไรเกี่ยวกับเลข 8 เยอะมาก)
     
  19. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Cd5_aOjT3Wg&feature=player_embedded]น้ำท่วม- ศรคีรี ศรีประจวบ - YouTube[/ame]

    [​IMG]
     
  20. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=IrDBlKr3JKE&feature=player_embedded]น้ำท่วม อ๊อด โอภาส ทศพร - YouTube[/ame]

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...