WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

6 เรื่องไม่ควรทำ เมื่อขับลุยน้ำท่วม

อ่วมไปตามกันเลยทีเดียวสำหรับ วิกฤตการณ์น้ำท่วมระดับชาติครั้งใหญ่ในรอบหลายปี จนบางคนนั้นบอกว่า นี่เป็น "มหาภัยสึนามิน้ำจืด" ที่ทำให้หลายคนนั้นต้องตกอยู่ภายใต้ภัยพิบัติอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่หวั่นอันตรายในการเข้าไปช่วยพื้นที่ประสบภัย

เมื่อก่อนหน้านี้ เราเคยพูดถึงการขับรถลุยน้ำท่วมไปแล้วกับข้อปฏิบัติที่ควรจะทำเมื่อคุณต้องลุยเส้นทางน้ำท่วม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังมีหลายคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจในการขับรถลุยน้ำ แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณกำลังต้องผ่านทางลุยน้ำท่วมระดับสูง สิ่งเหล่านี้คือข้อห้ามระหว่างขับขี่ในน้ำท่วม



1.ห้ามขับรถเร็ว เส้นทางน้ำท่วมนั้นนับเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่ท้าทายอย่างมากสำหรับนักขับ และสิ่งที่สำคัญเมื่อคุณใช้เส้นทางที่เต้มไปด้วยน้ำนั้นคือห้ามขับรถเร็ว เหตุผลที่เราไม่แนะนำให่คุณขับรถเร็วนั้น ก็เพราะ 1.น้ำอาจจะกระเด็นใส่คนอื่นๆ หรือ เพื่อนร่วมทาง ซึ่งคุณอาจจะโดนสาบแช่งตามหลังได้ และ 2.เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เนื่องจากน้ำท่วมนั้น อาจทำให้การเบรกให้หยุดนั้นมีประสิทธิภาพลดลง เช่นเดียวกับระยะเบรค ที่เกิดจากการสัมผัสผิวถนนนั้นทำได้ยากขึ้น ทำให้ลื่นยิ่งขึ้น



2.อย่าเร่งเครื่องแรง ในการลุยพื้นทีน้ำท่วมนั้น ตามปกติของการลุยอุปสรรคทั้งหลายนั้น เรามักจะใช้กำลังเครื่องเดินเบามากกว่าใช้การเร่งเครื่องเพื่อผ่านอุปสรรค ซึ่งการเดินเบานี้เราเรียกว่า Walking Speed ซึ่งตามหลักการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว ยิ่งเราเร่งเครื่องมาก เครื่องยนต์ก็จะยิ่งต้องการอากาศมากเพื่อไปใช้ผสมกับอัตราการจ่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และถ้าคุณลุยน้ำในระดับสูง แล้วเร่งเครื่องรอบสูงผลก็คือ เครื่องยนต์อาจจะดูดน้ำเข้าไป และท้ายที่สุดเครื่องยนต์อาจจะดับได้



3.พยายามอย่าใช้เบรก เบรกรถนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญในการเดินทางและในพื้นที่น้ำท่วมนั้นพยายามลดการใช้เบรค แต่ให้ใช้แรงเฉื่อยของเครื่องยนต์ในการหยุดรถหรือชะลอความเร็ว ยิ่งเมื่อรวมกับมวลของน้ำแล้วนั้น เราก็จะพบว่า การลดความเร็วในพื้นที่น้ำท่วมนั้นสามารถทำได้ง่าย แม้ไม่ใช้เบรค ที่สำคัญอย่าวิ่งติดกับคันหน้า ควรเว้นระยะห่างสัก2 ช่วงคัน รถ เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะ ในกรณีที่คันหน้าอาจจะเสีย เราจะได้ไม่ติดท่ามกลางสายน้ำ



4.พยายามอย่าใช้คลัทช์ คลัทช์นั้นเป้นตัวตัดต่อกำลังเคร่องยนต์ และ แม้คลัทช์จะเป็นอุปกรณ์ภายในที่อยู่ระหว่างท้ายเครื่องยนต์และชุดเกียร์ แต่ก ใครที่ขับรถเกียร์ธรรมดาในน้ำท่วมแล้วคิดจะต้องย้ำคลัทช์เพื่อให้ให้รถดับนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เนื่องจากทุกครั้งที่ย้ำคลัทช์ เครื่องจะเร่งแรงเพิ่มขึ้นทำให้ เครื่องอาจจะดูดน้ำเข้าไปได้ และอีกประการคือ น้ำมีแรงดันซึ่งอยู่ที่ล้อ ยิ่งน้ำลึก ยิ่งทำให้ยากต่อการหมุน ซึ่งหมายถึงคลัทช์จะต้องรับแรงในการเชื่อมต่อมากขึ้นจากเดิม ซึ่งผลคือสามารถทำให้คลัทช์รถนั้นไหม้ได้ ดังนั้นทางที่ดีเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมก่อนลงน้ำ ครับ



5.อย่าสร้างคลื่นน้ำ คลื่นน้ำคือตัวอันตรายที่สำคัญที่สุดในการทำให้รถนั้นสามารถดับกลางอากาศได้ระหว่างลุยน้ำท่วม และนับเป็นเรื่องสำคัญมากๆ การที่เราวิ่งรถในพื้นที่น้ำท่วมนั้น เราไม่ปฏิเสธว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำให้ไม่เกิดคลื่นไม่ได้ แต่เราสามารถรถผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่ากับรถตัวเอง หรือรถคันอื่นๆก็ตาม และทางที่ดี เมื่อพบว่ามีรถสวน ก็ให้ลดความเร็วลง ถ้าเห็นว่ารถคันที่สวนมามาเร็ว ลิฟไฟส่งสัญญาณสักนิด ก็ดีใช่น้อย แต่หาก รถอีกคันมาแรงคืล่นมาสูงมาก ให้เราเร่งความเร็วเพิ่ม เพื่อทำให้เกิดคลื่นปะทะ ก่อนที่หน้ารถเราจะผ่านคลื่นน้ำนั้น อย่าเหวี่ยงรถหนี เพราะ คลื่นสามารถดันรถ อาจทำให้คว่ำได้โดยเฉพาะรถยกสูง



6.อย่าเหวี่ยงรถกะทันหัน หลายครั้งที่เราขับรถในพื้นที่น้ำท่วมนั้น เราไม่ปฏิเสธว่า อาจจะมีเซอร์ไพร์ส กับหลุมที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำ แต่ถ้าคุณเห็นในระยะกระชั้นชิดแล้วเตรียมที่จะหักหลบหนี อย่าทำโดยเด็ดขาด เพราะพื้นถนนมีแรงยึดเกาะต่ำ ยิ่งถ้าคุณมาเร็วมาก อาจจะเป็นต้นเหตุทำให้รถคว่ำเอาได้ง่ายๆ



ทั้ง 6 ข้อนี้เป็นคำแนะนำจากเราที่อยากให้ปฏิบัติ เมื่อขับรถลุยพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการขับรถลุยน้ำท่วมนั้น คือการเชื่อมั่นในรถ และเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าหวั่นวิตกกับอุปสรรคบนเส้นทางข้างหน้าครับ

http://auto.sanook.com/2996/6-เรื่องไม่ควรทำ-เมื่อขับลุยน้ำท่วม/

 

กรมอุทกศาสตร์ คาดเวลา 19.59 น. น้ำเจ้าพระยากทม.สูง1.95เมตร

วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15:15:44 น
กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งสภาวะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2554 น้ำขึ้น 2 ครั้ง ในเวลา 10.40 น. คาดว่าจะสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 2.12 เมตร และในเวลา 20.06 น. คาดว่าจะสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1.94 เมตร

2. ในวันที่ 18 ตุลาคม 2554 น้ำขึ้น 2 ครั้ง ในเวลา 11.35 น. คาดว่าจะสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 2.06 เมตร และในเวลา 19.59 น. คาดว่าจะสูงกว่าระดับทะเลปานกลาง 1.95 เมตร

3. จากปริมาณการระบายน้ำ ในปัจจุบันคาดว่าในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 27-31ตุลาคม 2554 จะสูงกว่าระดับทะเลปานกลางประมาณ 2.30-2.35 เมตร

4. ระดับน้ำที่ให้ไว้เป็นระดับน้ำซึ่งรวมระดับน้ำทะเลหนุนและอิทธิพลอื่นๆ ไว้แล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงการระบายน้ำ หรือปริมาณน้ำฝนที่ผิดปกติ ระดับน้ำอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากนี้ได้

5. สรุป ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าสันเขื่อนกันน้ำกรุงเทพมหานคร

หมายเหตุ สันเขื่อนกันน้ำ กรุงเทพมหานคร สูงกว่าระดับทะเลปานกลางโดยเฉลี่ย
กรมอุทกศาสตร์ คาดเวลา 19.59 น. น้ำเจ้าพระยากทม.สูง1.95เมตร : มติชนออนไลน์

 

กาฬสินธุ์อ่วมน้ำท่วมไม่หยุด น้ำชีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนาวซ้ำอีก

วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13:09:21 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318918182&grpid=03&catid=03




สถานการณ์น้ำที่จังหวัดกาฬสินธุ์ยังอยู่ในภาวะวิกฤติหนัก เนื่องจากระดับน้ำชีมีระดับที่สูงมากที่สุดในประวัติการณ์ และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากอิทธิพลของฝนที่ตกหนักและการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ขณะนี้ระดับแม่น้ำชีสูงถึง 140.875 ม. รทก. ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีระดับน้ำสูงสุดถึง 27 ซม.

ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายปรัชญา จินต์จันทรวงศ์ รองผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายณัฐวัฒน์ อ่อนสุวรรณ ป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย และคณะ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่หลังพนังดินกั้นแม่น้ำชีชั้น 1 ที่เสริมด้วยกระสอบทรายสูง กว่า 2 เมตรถูกกระแสน้ำเซาะจนพังทลายน้ำได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรบ้านท่าเยี่ยมหมู่ที่ 7 จำนวน 38 หลังคาเรือนจมน้ำทันที เพราะระดับน้ำสูงถึง 1.50 เมตร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการอพยพประชาชนมาอาศัยบนที่สูงแล้ว

นอกจากนี้นางวะณี จิวะรังสรรค์ นายกเหล่ากาชาดจ.กาฬสินธุ์ ได้นำคณะไปสำรวจสถานการณ์ถึงพื้นที่ เพื่อเตรียมสร้างโรงครัวชั่วคราวและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อบรรเทาทุกข์ประชาชนที่เดือดร้อนจากภาวะน้ำล้นตลิ่งขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ที่จังหวัดกาฬสินธุ์นอกเหนือจากภาวะน้ำท่วมแล้วยังต้องเสี่ยงเผชิญกับภัยหนาวที่กำลังครอบคลุมในพื้นที่หุบเขาของจังหวัด ที่อุณหภูมิบริเวณยอดเขาต่ำสุดเพียง 15 องศาเซลเซียสแล้ว


อย่างไรก็ตาม นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้ให้ทางอำเภอฆ้องชัยนำเต็นท์มากางบริเวณที่สูงในที่ปลอดภัยเพื่อให้ประชาชน 91 ครัวเรือนได้อาศัยพักพิงเป็นการเบื้องต้น ทั้งยังได้สั่งการให้นายกเหล่ากาชาดฯจัดเตรียมเครื่องครัว เพื่อจัดตั้งโรงครัวชั่วคราวบรรเทาทุกข์ประชาชนที่เดือดร้อน พร้อมกับหน่วยแพทย์พยาบาลเคลื่อนที่เร็ว ที่จะเข้าไปดูแลสุขภาพของประชาชน เนื่องจากขณะนี้สภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นแล้ว

สำหรับสภาพอากาศในตอนนี้ อุณหภูมิบริเวณพื้นราบต่ำสุดวัดได้ที่ 21 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดภูเขาและบริเวณเทือกเขาอุณหภูมิลดเหลือเพียง 12-13 องศาเซลเซียสเท่านั้น

 

กทพ.ประกาศลานจอดรถใต้ทางด่วน 9 แห่ง ยังว่างเพียบ เตือนห้ามจอดบนทางพิเศษเด็ดขาด

วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15:07:49 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ระบุว่า ยังมีที่จอดรถใต้ทางพิเศษจำนวน 9 แห่ง ที่ กทพ. จัดไว้รองรับผู้ประสบอุทกภัยยังสามารถรองรับปริมาณรถได้อีก โดยสามารถจอดได้ทั้งหมดรวม 2,900 คัน จึงขอเชิญชวนผู้ประสบอุทกภัยนำรถมาจอดในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้บนทางพิเศษทุกสายทางห้ามจอดรถเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการเครื่องย้ายลงจากทางพิเศษทันที

ตามที่ กทพ. ได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยจัดพื้นที่ใต้ทางพิเศษชั่วคราวจำรวน 9 แห่ง คือ
1. ใต้ทางด่วนด่านฯ งามวงศ์วาน จำนวน 200 คัน
2. ใต้ทางด่วนด่านฯ รัชดาภิเษก จำนวน 100 คัน
3. ลานกีฬาใต้ทางด่วนหลังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวน 200 คัน
4. ที่จอดรถใต้ทางด่วนด่านฯ อโศก 1 จำนวน 300 คัน
5. ใต้ต่างระดับวัชรพล ถนนรามอินทรา (ฝั่งเหนือ) จำนวน 200 คัน
6. ใต้ทางด่วนรามอินทรา ตั้งแต่จุดกลับรถ จำนวน 1,000 คัน ติดถนนรามอินทราถึงแนวคลอง
7. ใต้ทางด่วนด่านฯ พระราม 9-1 จำนวน 500 คัน (ศูนย์ฝึกกู้ภัย ศูนย์ควบคุมทางพิเศษฉลองรัช)
8. ใต้ทางด่วนสาธุประดิษฐ์ จำนวน 100 คัน
9. ใต้สะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี จำนวน 300 คัน


โดยสามารถรองรับรถยนต์ได้จำนวน 2,900 คัน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน พื้นที่จอดรถดังกล่าวยังสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ได้อีกจำนวนมาก ดังนั้น กทพ. จึงขอเชิญชวนผู้ประสบอุทกภัยนำรถมาจอดในบริเวณดังกล่าว โดย กทพ. ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลรถยนต์ที่จอด ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ผู้นำรถยนต์มาจอดจะต้องเขียนชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อติดไว้ที่กระจกรถ เพื่อสามารถติดต่อเจ้าของรถได้ ในกรณีฉุนเฉิน โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประสานงานการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบ อุทกภัยของ กทพ. โทร 1543 ( EXAT Call Center) ตลอด 24 ชั่วโมง
กทพ.ประกาศลานจอดรถใต้ทางด่วน 9 แห่ง ยังว่างเพียบ เตือนห้ามจอดบนทางพิเศษเด็ดขาด : มติชนออน

 

ยะลา เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม

ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 18 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 14:39 น.
INN

จังหวัดยะลา เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม ขณะที่ ผู้ว่าฯยะลา สั่งทุกหน่วยงานให้พร้อมอพยพประชาชน หากเกิดอุทกภัย

ที่ห้องประชุมหลักเมือง ศาลากลางจังหวัดยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เป็นประธานในการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดยะลา ทั้งการดูแลป้องกัน ซักซ้อมแผนการช่วยเหลือ และการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกหน่วยงานในการป้องกัน และบรรเทาเหตุอุทกภัยช่วงฤดูฝนของภาคใต้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยมี นายอำเภอเมืองยะลา หัวหน้าโครงการชลประทานยะลา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดยะลา โคย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมในขั้นที่สามารถปฎิบัติงานได้ทันที่ เมื่อมีเหตุอุทกภัยเกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้ง แผนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ดินถล่ม แผนการอพยพหากเกิดปัญหาอุทกภัยขั้นวิกฤต

Link : ยะลา เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม

 

พายุฝุ่นถล่มเท็กซัส พัดเครื่องบินเล็กพลิกคว่ำในสนามบิน


18 ตค. 2554 14:33 น.

พายุฝุ่นที่มีความเร็วลมราว 113 กม./ชม.ได้พัดปกคลุมพื้นที่ราบในภาคใต้ของรัฐเท็กซัสของสหรัฐเมื่อก่อน 6 โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่นวานนี้ทำให้ท้องฟ้ามืดมิดเหมือนกลางคืนภายในเวลาไม่กี่วินาที ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติ รายงานว่า กำแพงฝุ่นที่สูงถึง 2,438 เมตรได้แผ่เข้าปกคลุมเมืองลับบ็อค ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและส้มอมแดง บดบังแสงอาทิตย์จนหมด ทำให้ทัศนวิสัยลดเหลือเพียงเกือบศูนย์ ถึง 400 เมตร นอกจากนี้กระแสลมแรงยังทำให้เกิดไฟฟ้าดับ ต้นไม้หักโค่น กระเบื้องมุงหลังคาปลิวว่อน และกระจกอาคารบ้านเรือนแตกเสียหาย เครื่องบินบรรทุกสินค้าขนาดเล็กลำหนึ่งถึงกับพลิกคว่ำที่สนามบิน แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
พายุฝุ่นนี้มักเกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้งในพื้นที่ภาคตะวันตกของรัฐเท็กซัส และมีความเป็นไปได้ว่า ในปีนี้บริเวณพื้นที่ราบภาคใต้ของเท็กซัสจะเผชิญกับความแห้งแล้งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

 

น้ำเทือกเขาพนมดงรักไหลท่วมถนน


18 ตค. 2554 14:31 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน้ำป่าจากแนวเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ไหลลงน้ำในล้ำห้วยขยุง เกิดกระแสน้ำเชียวกราก และมีปริมาณน้ำมาก ไหลเออล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ต้องทำการปิดเส้นทางบ้านกุดปลาขาว-บ้านขยุง ตำบลน้ำอ้อม ช่วงหมู่ที่ 12 ถนนขาดเสียหายไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ เจ้าหน้าที่ต้องนำรถแบ็คโฮดันวัชพืชออกจากเส้นทางน้ำ เพื่อช่วยในการระบายน้ำให้ไหลลงสู่ลำห้วยฝั่งตรงข้ามได้รวดเร็วขึ้น ขณะที่ถนนสายระหว่างบ้านขนาน เชื่อมต่อไปยังบ้านขยุง ก็ประสบกับปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมเป็นระยะทางยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร บางช่วงมีระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร และไหลเชี่ยว รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจรไปมา
ส่วนทางด้านถนนสายกันทรลักษ์-ศรีสะเกษ ช่วงบริเวณกิโลเมตรที่ 58-59 ตำบลหนองหญ้าลาด ล่าสุด ระดับน้ำได้ลดปริมาณลงบ้างแล้ว เหลืออยู่ที่
20 เซนติเมตร รถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้แล้ว
ทั้งนี้ปริมาณน้ำในลำห้วยขยุง ยังคงมีปริมาณมากและไหลเชี่ยว ซึ่งยังไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่ต่างๆ เช่นภายในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษ์ในบางส่วน เขตตำบลหนองหญ้าลาด รวมทั้งในพื้นที่เขตตำบลน้ำอ้อมด้วย
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า การช่วยเหลือในเบื้องต้นทางอำเภอกันทรลักษ์และทางเทศบาลเมืองกันทรลักษ์ได้ช่วยกันตั้งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่หอประชุมหลังเก่าอำเภอกันทรลักษ์ โดยการจัดระบบคอยดูแลความสะดวกไว้เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวบ้านที่ยังติดอยู่ในบ้าน ทางอำเภอกันทรลักษ์ได้มีการเตรียมเรือและถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือบรรเทาแล้ว
ทั้งนี้ทางหน่วยงานต่างๆ ยังได้เร่งออกสำรวจพื้นที่ความเสียหายและความเดือดร้อนของชาวบ้านเพื่อรวบรวมข้อมูลและทำการช่วยเหลือต่อไปแล้ว

 

น้ำเทือกเขาพนมดงรักไหลท่วมถนน


18 ตค. 2554 14:31 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน้ำป่าจากแนวเทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ไหลลงน้ำในล้ำห้วยขยุง เกิดกระแสน้ำเชียวกราก และมีปริมาณน้ำมาก ไหลเออล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ต้องทำการปิดเส้นทางบ้านกุดปลาขาว-บ้านขยุง ตำบลน้ำอ้อม ช่วงหมู่ที่ 12 ถนนขาดเสียหายไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ เจ้าหน้าที่ต้องนำรถแบ็คโฮดันวัชพืชออกจากเส้นทางน้ำ เพื่อช่วยในการระบายน้ำให้ไหลลงสู่ลำห้วยฝั่งตรงข้ามได้รวดเร็วขึ้น ขณะที่ถนนสายระหว่างบ้านขนาน เชื่อมต่อไปยังบ้านขยุง ก็ประสบกับปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน กระแสน้ำได้ไหลเข้าท่วมเป็นระยะทางยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร บางช่วงมีระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร และไหลเชี่ยว รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจรไปมา
ส่วนทางด้านถนนสายกันทรลักษ์-ศรีสะเกษ ช่วงบริเวณกิโลเมตรที่ 58-59 ตำบลหนองหญ้าลาด ล่าสุด ระดับน้ำได้ลดปริมาณลงบ้างแล้ว เหลืออยู่ที่
20 เซนติเมตร รถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้แล้ว
ทั้งนี้ปริมาณน้ำในลำห้วยขยุง ยังคงมีปริมาณมากและไหลเชี่ยว ซึ่งยังไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตพื้นที่ต่างๆ เช่นภายในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษ์ในบางส่วน เขตตำบลหนองหญ้าลาด รวมทั้งในพื้นที่เขตตำบลน้ำอ้อมด้วย
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า การช่วยเหลือในเบื้องต้นทางอำเภอกันทรลักษ์และทางเทศบาลเมืองกันทรลักษ์ได้ช่วยกันตั้งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่หอประชุมหลังเก่าอำเภอกันทรลักษ์ โดยการจัดระบบคอยดูแลความสะดวกไว้เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวบ้านที่ยังติดอยู่ในบ้าน ทางอำเภอกันทรลักษ์ได้มีการเตรียมเรือและถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือบรรเทาแล้ว
ทั้งนี้ทางหน่วยงานต่างๆ ยังได้เร่งออกสำรวจพื้นที่ความเสียหายและความเดือดร้อนของชาวบ้านเพื่อรวบรวมข้อมูลและทำการช่วยเหลือต่อไปแล้ว

 

ด่วน! กนอ.สั่ง231โรงงานนิคมฯลาดกระบังหยุดผลิต

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 18 ตุลาคม 2554 15:21
ด่วน!กนอ.สั่ง231โรงงานนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังหยุดผลิตพร้อมขนย้านอุปกรณ์ขึ้นที่สูง
(เบื้องต้น) ผู้สื่อขาวรายวานว่าขณะนี้ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)ได้ ออกประกาศแจ้งให้โรงงานที่อยู่ในเขตอุตสาหกรรมลาดกระบัง 231 แห่ง หยุดการผลิตและให้ทยอยขนอุปกรณ์ออกจากพื้นที่หรือขึ้นไว้ที่สูงด่วน
เนื่องจากระดับน้ำบริเวณนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังขณะนี้ระดับต่ำกว่าคันกั้นประมาณ 1 เมตร จากระดับคันกั้นดินที่ทำวห้ 2.60 เมตร
อย่างไรก็ตาม ทางกนอ.ได้ ประสานเพื่อขอกำลังทหาร เข้าไปช่วยวางแนวคันกั้นน้ำและวางกระสอบทรายแล้ว แม้ระดับน้ำจะยังไม่เข้าไปในพื้นที่นิคม แต่ด้วยสถานการณ์น้ำที่สูงขึ้น ทำให้ไม่น่าไว้วางใจ

 

เตือนบางบัวทอง บางใหญ่ บางกรวย ให้ยกของขึ้น1.50-2เมตร


18 ตค. 2554 13:09 น.

11.20น.กรมชลประทาน ส่งข้อความสั้น เตือน พื้นที่ฝั่งตะวันตก ของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอ.บางบัวทอง บางใหญ่ และบางกรวย จ.นนทบุรี เป็นพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประชาชนบริเวณดังกล่าว เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงประมาณ 1.50-2.00เมตร และให้ติดตามการแจ้งเตือนจากส่วนราชการใกล้ชิด

 

น้ำเหนือไหลท่วมบุรีรัมย์-ปชช.เดือดร้อน

ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 18 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 15:12 น.


น้ำเหนือไหลสมทบลำน้ำจังหวัดบุรีรัมย์ ส่งผลให้ ลำน้ำสายต่างๆ เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตร เสียหายยับ จนท.เร่งช่วยเหลือ



ลำน้ำเหนือ จ.นครราชสีมา ไหลมาสมทบกับน้ำที่ตกหนักในหลายพื้นที่ของ จ.บุรีรัมย์ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในลำน้ำทุกสายของจังหวัดมีปริมาณเพิ่มสูงของอย่างต่อเนื่องและล้นตลิ่งเข้าท่วมไร่นาและพื้นที่การเกษตรรวมทั้งบ้านเรือนราษฎรเป็นบริเวณกว้าง ขณะที่ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการ จ.บุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ทุกอำเภอเร่งติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำอย่างใกล้ชิดพร้อมอพยพประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยออกจากพื้นที่ทันทีหากจำเป็นพร้อมประกาศเขตภัยพิบัติอุทกภัยแล้วในพื้นที่ 17 อำเภอ ถนนชำรุด 65 สาย สะพาน 2 แห่ง โรงเรียน 2 แห่ง นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 45,000 ไร่ บ่อปลา 7 บ่อ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 30,000 ครัวเรือนในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ขณะที่หลายหน่วยงานกำลังเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
Link : http://www.innnews.co.th/น้ำเหนือไหลท่วมบุรีรัมย์-ปชช-เดือดร้อน--315338_06.html

 

คันกั้นระพีพัฒน์แตกน้ำทะลักรังสิต

18 ตุลาคม 2554 เวลา 14:11 น.
คันกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์แตกยาว 7 เมตร น้ำไหลท่วมพื้นที่ใกล้เคียง ขณะที่ ถนนรังสิต-ปทุมธานี ตลาดรังสิตเจอน้ำล้นท่อเอ่อท่วม ระดับน้ำสูง 30-50ซม.
คันกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์แตกยาวกว่า 7 เมตร น้ำทะลักเข้าคลองรังสิต
เมื่อเวลา 14.00 น. แนวคันดินกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ไม่สามารถต้านน้ำได้และพังเสียหายยาวประมาณ 7 เมตร บริเวณด้านหน้าการเคหะชุมชนระพีพัฒน์ ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยปริมาณน้ำได้ทะลักเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวก ใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างคลองสามและคลองสี่ ห่างจากประตูระบายน้ำคลองสี่ ประมาณ 300 เมตร
นอกจากนี้ปริมาณน้ำบางส่วนได้ไหลเข้าท่วมทุ่งในบริเวณดังกล่าว บางส่วนไหลลงคลองสี่ โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามตอกเสาเหล็กชิปพายเพื่อชะลอความแรงของน้ำ
นอกจากนี้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำกระสอบทรายมากั้นริมตันกั้นที่ พังเสียหาย เพื่อไม่ให้น้ำกัดเซาะขยายช่องทางเพิ่มขึ้นโดยชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ยังไม่ สามารถปิดช่องทางน้ำที่พังลงได้ อีกทั้งน้ำเริ่มกัดเซาะขยายความกว้างเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องอพยพชาวบ้านในพื้นที่ใกล้บริเวณดังกล่าว

จากการตรวจสอบ พบว่าแนวคันดินกั้นน้ำดังกล่าว สูงจากพื้นถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ 1.2 เมตร ตลอดแนวคันกั้นเลียบคลองมีการเสริมกระสอบทรายโดยมีฐานเป็นถนนเลียบคลองทั้ง 1 เลน ในการตั้งแนวคันกั้น อีกทั้งได้มีการเฝ้าระวังดูแนวคันกั้นน้ำอย่างใกล้ชิดเนื่องจากปริมาณน้ำที่ มีมากและแนวคันบางจุดเริ่มมีน้ำซึม
<ins>น้ำล้นท่อท่วมตลาดรังสิตสูง30-50ซม.</ins>
สถานการณ์น้ำเหนือที่ไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ ล่าสุด ได้มีน้ำเอ่อล้นจากท่อระบายน้ำเข้าท่วมถนนสายรังสิต-ปทุมธานีแล้ว รวมทั้งได้ไหลเข้าท่วมบริเวณตลาดรังสิต (ตลาดนอก) ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมีระดับน้ำสูงประมาณ 30-50 ซม.
ทั้งนี้ชาวบ้านได้เร่งช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นน้ำ ก่อนจะนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกอย่างเร่งด่วน ขณะที่ตลอดเส้นทางสายรังสิต-ปทุมฯทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่ตลาดรังสิตไปจนถึงสะพานข้ามทางรถไฟ น้ำได้เอ่อเข้าท่วมบริเวณด้านหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปีและถนนเป็นทางยาว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารยังคงเพิ่มแนวคันกั้นน้ำกระสอบทรายเป็นชั้นที่ 3 เลียบคลองรังสิต บริเวณถนนรังสิต-นครนายก หลังจากทางด้านคลองระพีพัฒน์ได้เปิดประตูระบายน้ำตั้งแต่คลอง 1 ไปจนถึงคลอง 7 เพื่อระบายน้ำที่รับมาจาก อ.วังน้อย ให้ผ่านมายังรังสิตส่งผลให้ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูงขึ้น
http://goo.gl/jRTyt

 

กรมชลเตือนคิวต่อไปนิคมบางกระดี

18 ตุลาคม 2554 เวลา 14:57 น.
กรมชลประทาน เตือน นิคมบางกระดี เตรียมพร้อมรับมือน้ำ คาดอาจท่วมสูง 70 ซม.
นายวีระ วงศ์แสงนาค ที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลประทาน อดีตรองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ในส่วนนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ถือว่าค่อนข้างวิกฤต โดยในส่วนพื้นที่ที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษอีกแห่งหนึ่งที่ยังเหลือคือ พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ในพื้นที่ ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวบางส่วนยังไม่ได้มีการเตรียมป้องกันน้ำท่วมอย่าง เต็มที่ ถึงแม้ว่าขณะนี้ทางหน่วยงานราชการจะมีการป้องกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่นวนคร ไหลผ่านเข้ามาตรงคันกั้นน้ำต่างๆ รวมทั้งคันกั้นน้ำพระราชดำริด้านหมู่บ้านเมืองเอก ที่ทำคันค่อนข้างสูง แต่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ขณะนี้ยังถือเป็นพื้นที่เสี่ยง และอาจเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบยังพบว่า พื้นที่ดังกล่าวถึงแม้จะมีการเสริมแนวคันกั้นน้ำไว้หลายชั้น แต่อาจเปิดปัญหากรณีนี้ผุดตามท่อระบายน้ำ โดยการคาดการเบื้องต้นว่า น้ำอาจท่วมสูงในส่วนนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี กว่า 60 - 70 เซนติเมตร โดยขณะนี้ ผู้ประกอบการควรจะมีการเตรียมพร้อมในการปิดท่อระบายน้ำทั้งหมด รวมทั้งเคลื่อนย้ายเครื่องจักรกลที่จำเป็น ขึ้นสูงกว่า 70 เซนติเมตร นอกจากนั้น ควรจะมีการทำคันกั้นน้ำ ไม่ให้เข้าเฉพาะตัวโรงงานหรืออาคาร เพื่อปล่อยให้น้ำไหลผ่านหากเกิดน้ำท่วม ซึ่งจะทำมีการระบายน้ำได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดการเสียหายน้อยลงหากเกิดภาวะน้ำท่วมขึ้น
นอกจากนี้ นายวีระ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำขณะนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้น เนื่องจากน้ำทะเลหนุนเริ่มลดลงมาก ซึ่งจะทำการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้เร็วยิ่งขึ้น โดยขณะนี้กรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด
http://goo.gl/QyC3i

 

กรมชลเตือนคิวต่อไปนิคมบางกระดี

18 ตุลาคม 2554 เวลา 14:57 น.
กรมชลประทาน เตือน นิคมบางกระดี เตรียมพร้อมรับมือน้ำ คาดอาจท่วมสูง 70 ซม.
นายวีระ วงศ์แสงนาค ที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลประทาน อดีตรองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ในส่วนนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ถือว่าค่อนข้างวิกฤต โดยในส่วนพื้นที่ที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษอีกแห่งหนึ่งที่ยังเหลือคือ พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ในพื้นที่ ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยพื้นที่บริเวณดังกล่าวบางส่วนยังไม่ได้มีการเตรียมป้องกันน้ำท่วมอย่าง เต็มที่ ถึงแม้ว่าขณะนี้ทางหน่วยงานราชการจะมีการป้องกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่นวนคร ไหลผ่านเข้ามาตรงคันกั้นน้ำต่างๆ รวมทั้งคันกั้นน้ำพระราชดำริด้านหมู่บ้านเมืองเอก ที่ทำคันค่อนข้างสูง แต่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ขณะนี้ยังถือเป็นพื้นที่เสี่ยง และอาจเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบยังพบว่า พื้นที่ดังกล่าวถึงแม้จะมีการเสริมแนวคันกั้นน้ำไว้หลายชั้น แต่อาจเปิดปัญหากรณีนี้ผุดตามท่อระบายน้ำ โดยการคาดการเบื้องต้นว่า น้ำอาจท่วมสูงในส่วนนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี กว่า 60 - 70 เซนติเมตร โดยขณะนี้ ผู้ประกอบการควรจะมีการเตรียมพร้อมในการปิดท่อระบายน้ำทั้งหมด รวมทั้งเคลื่อนย้ายเครื่องจักรกลที่จำเป็น ขึ้นสูงกว่า 70 เซนติเมตร นอกจากนั้น ควรจะมีการทำคันกั้นน้ำ ไม่ให้เข้าเฉพาะตัวโรงงานหรืออาคาร เพื่อปล่อยให้น้ำไหลผ่านหากเกิดน้ำท่วม ซึ่งจะทำมีการระบายน้ำได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดการเสียหายน้อยลงหากเกิดภาวะน้ำท่วมขึ้น
นอกจากนี้ นายวีระ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำขณะนี้เริ่มเข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้น เนื่องจากน้ำทะเลหนุนเริ่มลดลงมาก ซึ่งจะทำการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้เร็วยิ่งขึ้น โดยขณะนี้กรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด
กรมชลเตือนคิวต่อไปนิคมบางกระดี - โพสต์ทูเดย์ ข่าวกทม.-ภูมิภาค

 

ประตูระบายน้ำพระยาบรรลือพัง!! น้ำทะลักท่วมบางบัวทอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ตุลาคม 2554 15:40 น.
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.เกิดเหตุประตูระบายน้ำพระยาบรรลือ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีพังทลาย ทำให้น้ำเข้าท่วมชุมชนและตลาดบัวทองทั้งหมด
Manager Online -

 

ประตูระบายน้ำพระยาบรรลือพัง!! น้ำทะลักท่วมบางบัวทอง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ตุลาคม 2554 15:40 น.

Share
19



เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.เกิดเหตุประตูระบายน้ำพระยาบรรลือ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีพังทลาย ทำให้น้ำเข้าท่วมชุมชนและตลาดบัวทองทั้งหมด

 

ถ.วิภาวดีรังสิตขาออกรถหนึบ-น้ำท่วมสูง

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 18 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 16:02 น.



การจรจรวิภาวดีรังสิต ขาออก หนึบ น้ำท่วมสูง ประมาณ 40 ซม. หลายจุด ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล



สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ในขณะนี้บนถนนวิภาวดีรังสิต ขาออกมุ่งหน้า จ.ปทุมธานี มีปริมาณรถหนาแน่นและการจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากบนพื้นผิวถนน มีน้ำท่วมในช่องเลนซ้ายและเลนกลลาง ซึ่งมีระดับความสูง 40 เซนติเมตร หลายจุดส่งผลให้รถเคลื่อนตัวได้ช้าสลับกับหยุดนิ่ง

ทั้งนี้ในที่บริเวณนี้ ยังไม่มีตำรวจจราจรมายืนคอยอำนวยความสะดวก และเร่งระบายรถ ให้กับผู้ที่ใช้เส้นทางบริเวณนี้แต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ทีมข่าวได้มุ่งหน้าไปยังคลองระพีพัฒน์เพื่อสำรวจคันกั้นน้ำหลังที่ได้รับรายงานว่าหลายจุดนั้นพังลง

Link : http://www.innnews.co.th/ถ-วิภาวดีรังสิตขาออกรถหนึบ-น้ำท่วมสูง--315350_03.html

 

ระทึก!พนังดินกั้นน้ำคลองสี่แตกหนีวุ่น

ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 18 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 15:54 น.




พนังดินกั้นน้ำคลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แตก น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชน ระพีพัฒน์ เจ้าหน้าที่ระดมเร่งช่วยเหลือ



นายกฤษณะ พยัคใหม่ หัวหน้างานเทศกิจ อบต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์คลองระพีพัฒน์ ว่า ขณะนี้ ระดับน้ำที่คลองรพีพัฒน์บริเวณคลองสาม ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่เร่งอุดรอยรั่ว และ เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์จนถึงขณะนี้ยังสามารถรับมือได้ ล่าสุดได้ รับรายงาน จากพื้นที่บริเวณคลองสี่ ว่าเกิดเหตุพนังดินกั้นน้ำแตก ยาวกว่า 20 เมตร ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนระพีพัฒน์ อย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ต่างผสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขออุปกรณ์เครื่องจักรกลหนัก เข้าทำการซ่อมแซมระดมกำลังอุดรอยรั่วอย่างเร่งด่วน เนื่องจากต้องทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากหากน้ำทะลักท่วมมากกว่านี้ ถนนอาจจะถูกตัดขาดและให้การช่วยเหลืออาจจะยากลำบากยิ่งขึ้น

Link : ระทึก พนังดินกั้นน้ำคลองสี่แตกหนีวุ่น

 

แผนที่ลม