เทวดาเดินดิน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 15 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ลูกรัก...
    การเรียนรู้พุทธศาสนา ผู้ที่จะเข้าถึงความจริงของศาสนานี้
    มิใช่เข้าได้ด้วยการเรียนรู้ตำรา คัมภีร์ อักษร ภาษา หนังสือ
    แต่มันเริ่มต้นการเรียนรู้ ด้วยความเข้าใจความหมายของสรรพชีวิต
    สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ และสรรพวัตถุ แค่นี้พ่อคิดว่าเข้าถึงตัวศาสนาแล้วล่ะ


    หลวงปู่พุทธะอิสระ
     
  2. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BHPj5OMg44A&feature=youtube_gdata_player]พุทธแท้ไม่พึ่งวัตถุอัปมงคล พระที่สอนให้พึ่ง คือพระโง่ๆปัญญาอ่อน - YouTube[/ame]
     
  3. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ส่วนตัวเเล้ว


    ส่วนตัวเเล้ว ก็ ก็ ก็ ก็ส่วนตัวก็เเล้วกัน หาอะไรลงมาตอบไม่ได้ ในหัวมันดูโล่ง โล่ง ยังไงก็บอกมะถูกกกกกกก
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ในข่าวของ thaipbs มีวีดีโอให้ดูอีกเกือบชั่วโมง มันตอบทุกอย่างแล้วครับ ผมหามาให้อ่านแล้วผมต้องเคี้ยวให้กลืนกินให้ท่านด้วยหรือครับ
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต หน้าที่ ๑๕๓/๓๗๙
    ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในธรรมวินัยนี้ มีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาสักเท่าไร
    ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่ ฯ
    พ. มี ๘ ประการ ปหาราทะ ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรปหาราทะมหาสมุทรลาด ลุ่ม
    ลึกลงไปโดยลำดับ ไม่โกรก(เร่งรีบ รีบด่วน)ชันเหมือนเหว ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีการศึกษา
    ไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับมีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผล
    โดยตรง ดูกรปหาราทะข้อที่ในธรรมวินัยนี้มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ
    มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยทรง นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคย
    มีมาประการที่ ๑ ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่ ฯ

    ----
    การศึกษาพุทธศาสนา จำเป็นต้องศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ จะหวังเรียนลัดก็จะตกเหวกันเปล่าๆ
     
  6. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต หน้าที่ ๒๗๒/๓๗๙
    ปุณณิยสูตร
    [๑๘๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระปุณณิยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายบังคม
    แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย ที่บางครั้งพระธรรมเทศนาแจ่มแจ้ง กะพระตถาคต บางครั้งไม่
    แจ่มแจ้ง ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา แต่ไม่เข้าไปหาเพียงใด
    ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธาและเข้าไปหา
    เมื่อนั้นธรรมเทศนาของตถาคตย่อมแจ่มแจ้งดูกรปุณณิยะ ภิกษุผู้มีศรัทธาและเข้าไปหา แต่ไม่
    เข้าไปนั่งใกล้เพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มี
    ศรัทธา ...และเข้าไปนั่งใกล้ เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมแจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะภิกษุเป็น
    ผู้มีศรัทธา ... และเข้าไปนั่งใกล้ แต่ไม่สอบถามเพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้ง
    เพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และสอบถาม เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อม
    แจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และสอบถาม แต่ไม่เงี่ยโสตลงสดับธรรมเพียงใด
    ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และเงี่ยโสตลง
    สดับธรรม แต่ฟังธรรมแล้วไม่ทรงจำไว้เพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น
    แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และฟังแล้วทรงจำไว้ เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อม
    แจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และฟังแล้วทรงจำไว้ แต่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่ง
    ธรรมที่ทรงจำไว้เพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้งเพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็น
    ผู้มีศรัทธา ... และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อม
    แจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ แต่
    ไม่รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเพียงใด ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมไม่แจ่มแจ้ง
    เพียงนั้น แต่เมื่อใด ภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ... และรู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    เมื่อนั้น ธรรมเทศนาของตถาคตย่อมแจ่มแจ้ง ดูกรปุณณิยะ ธรรมเทศนาของตถาคตผู้มีปฏิญาณ
    โดยส่วนเดียว อันประกอบด้วยธรรมเหล่านี้แล ย่อมแจ่มแจ้ง ฯ

    ----
    มีศรัทธา แต่ไม่เข้าไปหา เพื่อขอฟังพระธรรมเทศนาก็ย่อมไม่รู้ธรรม
    เมื่อเข้าไปหา แต่ไม่เข้าไปนั่งใก้ล ก็ไม่รู้ธรรม
    เมื่อเข้าไปนั่งใก้ล แต่ไม่สอบถามธรรม ก็ไม่รู้ธรรม
    เมื่อฟังธรรมแล้วแต่ไม่ทรงจำธรรมนั้นไว้ ก็ไม่รู้ธรรม
    เมื่อทรงจำธรรมไว้ แต่ไม่พิจารณาธรรม ก็ไม่รู้ธรรม
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม

    “ท่านทั้งหลายไม่เข้าถึงพุทธธรรม ก็เพราะว่า พระพุทธเจ้าตามทัศนะของท่าน ขวางหน้าท่านอยู่”

    พุทธทาสภิกขุ

    อินทปัญโญได้ บันลือสีหนาท อีกครั้ง เมื่อเขาแสดงปาฐกถาเรื่อง “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” ณ พุทธสมาคม กรุงเทพฯ ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) ซึ่งมีเนื้อหาที่ “แรง” ที่สุดกว่าครั้งใดๆ เพราะครั้งนี้เขาได้นำเสนอถึง สิ่งซึ่งกีดขวาง หรือเป็นกำแพงมหึมาอยู่ข้างหน้าซึ่งทำให้คนเราเข้าถึงไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผู้นั้นก็มีความภักดีต่อพุทธธรรมอย่างเต็มที่อยู่เสมอ อินทปัญโญสามารถนำเสนอเรื่องนี้ได้อย่างเข้าถึง และอย่างมีพลังมาก เพราะตัวเขาเองก็เพิ่ง ก้าวข้าม ภูเขามหึมาที่เคยขวางตัวเขามาได้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เขาจึงอยากถ่ายทอดสิ่งที่เป็น ประสบการณ์ทางวิญญาณ และ บทเรียนทางวิญญาณ ในการแสวงธรรมของตัวเขาให้แก่คนอื่นโดยเฉพาะคนรุ่นหลัง เพื่อที่พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามสิ่งซึ่งกีดขวางไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรมได้เหมือนอย่างเขา

    อินทปัญโญบอกว่า ถ้าหากมีการตั้งปัญหาถามขึ้นมาว่า อะไรเป็นเครื่องปิดบังพระนิพพานอันเป็นตัวพุทธธรรมที่ผู้แสวงธรรมประสงค์จะเข้าถึง? เขาจะตอบอย่างฟันธงอย่างไม่ลังเลใจเลยว่า “พระพุทธเจ้า” นั่นเองที่กลับกลายมาเป็นภูเขามหึมาบังพระนิพพาน โดยเฉพาะ พระพุทธเจ้าตามทัศนะของแต่ละคน นี่แหละที่ขวางหน้าคนผู้นั้นไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรม

    เพราะคนเราเข้าใจเข้าถึง ความจริง ได้แค่ไหน ก็มีความเข้าใจเข้าถึง “พระพุทธเจ้าของเขา” ได้แค่นั้น ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ถูกขนานนามว่า พระพุทธเจ้า รวมทั้งการนิยามว่าอะไรเป็นพระพุทธเจ้า จึงมีอยู่ในลักษณะและขนาดมาตรฐานต่างๆ กัน แล้วแต่ ความยึดถือ ของแต่ละคนเป็นชั้นๆ ไป

    คนที่เข้าถึงพระพุทธเจ้า แต่ในทางวัตถุโดยไม่สูงถึงทางจิตย่อมเข้าใจได้แต่เพียงว่า พระพุทธเจ้าคือเลือดเนื้อกลุ่มหนึ่งที่เดินท่องเที่ยวสั่งสอนประชาชนในประเทศอินเดีย เมื่อสองพันกว่าปีก่อน ทั้งๆ ที่พระพุทธองค์ทรงเคยปฏิเสธว่า เลือดเนื้อกลุ่มนั้น ยังไม่ใช่ตถาคต คนที่ไม่เห็นธรรมะของตถาคต คือคนที่ไม่เห็นตถาคต แม้ผู้นั้นจะคอยจับจีวรของพระองค์ดึงเอาไว้ ไปทางไหนไปด้วยกันทั้งกลางวันกลางคืน แต่ถ้าไม่เห็นธรรมะแล้ว ไม่ชื่อว่าเห็นตถาคตเลย

    แม้คนที่มุ่งเข้าถึงพระพุทธเจ้าในทางจิต หากหลงไปยึดว่า พระพุทธเจ้าเป็น อัตตาที่บริสุทธิ์ ไม่เกิดไม่ตาย มีอยู่ในทุกแห่ง พร้อมที่จะปรากฏทุกเมื่อในสมาธิ อินทปัญโญก็ยังบอกว่า วิถีแห่งพุทธธรรมของผู้นั้นจะถึงทางตันและสิ้นสุดลงเพียงนั้น เพราะเป็นการหลงไปยึดถือเอาตามความรู้ ตามการศึกษาและศรัทธาของตนเองอันคับแคบอยู่

    แม้แต่ความรักในองค์พระพุทธเจ้าของบุคคลบางคนที่เป็นอริยบุคคลขั้นต่ำยังไม่ถึงพระอรหันต์ เช่น พระอานนท์ ในสมัยที่พระศาสดายังทรงพระชนม์อยู่ ทั้งๆที่พระอานนท์รู้จัก ลู่ทางแห่งพุทธธรรมอย่างถูกต้อง วิถีแห่งพุทธธรรมของท่านก็ยังไม่วายถูกสกัดได้ด้วยภูเขาหรือองค์พระพุทธเจ้าที่ท่านยึดถือไว้ด้วยความรักของท่านเอง

    อินทปัญโญจึงบอกว่า ไม่มีภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมอะไรอื่น นอกไปจาก ความยึดถือเกี่ยวกับตัวตน และ ไม่มีความยึดถือเกี่ยวกับตัวตนอะไรอื่น ยิ่งไปกว่า ความยึดถือในสิ่งที่ตนถือเอาเป็นที่พึ่งของตน เพราะฉะนั้น นอกไปจาก “พระพุทธเจ้า” ตามทัศนะของเขาแล้ว แม้ “พระธรรม” ของเขา ก็ยังอาจเป็นภูเขาขวางวิถีแห่งพุทธธรรมของผู้นั้นได้ เพราะอาศัยความยึดถือทำนองเดียวกัน ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง “พระสงฆ์ที่เป็นอาจารย์หรือคุรุ” ของเขา ซึ่งกลับเป็นภูเขาขวางวิถีแห่งพุทธธรรมของเขาได้ เพราะอาศัยความยึดถือเช่นเดียวกัน

    บางคนได้ยึดถือเอาเครื่องมือหรือหนทางที่จะปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพุทธธรรมมาเป็นตัวพุทธธรรมเสียเอง

    บางคนก็ถือเอาเล่มหนังสือหรือพระคัมภีร์เป็นตัวพระธรรมเสียเลยก็มี

    บางคนกลับต้องการให้พระนิพพานหรือพุทธธรรมเป็นบ้านเมือง เป็นโลกอันแสนสุข สำหรับตนจะไปจุติไปเกิดที่นั่น แล้วก็ตั้งบำเพ็ญสมาธิเพื่อความเป็นอย่างนั้น ด้วยอำนาจความยึดถือในด้านวัตถุอันแรงกล้า

    บางคนยึดถือในศีลของตนจนดูหมิ่นผู้อื่น ก่อการแตกร้าวทะเลาะวิวาทกันด้วยเรื่องศีล เพราะความยึดมั่นถือมั่นในศีลด้วยความสำคัญผิด ยึดมั่นทุกตัวอักษรอย่างงมงาย

    ศีล จึงอาจกลายเป็นภูเขาขึ้นมาขวางวิถีแห่งพุทธธรรมก็ได้ เมื่อมีผู้ยึดถือว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันก็เป็นแค่ความจริงของบุคคลผู้นั้น ซึ่งไม่สามารถจะเห็นเป็นอื่นไปได้ ผลก็คือ ความเนิ่นช้ากว่าจะปีนป่ายภูเขาลูกนี้ข้ามพ้นไปได้

    สมาธิ ก็อาจกลายเป็นภูเขาสกัดทางตัวเองในการเข้าถึงพุทธธรรมของผู้ปฏิบัติ หากเป็นที่ตั้งของความยึดถือโอ่อวด พอใจ หลงใหลในสมาธิของตนตามที่ตนปฏิบัติได้ เพราะความจริงของใคร ก็เป็นความจริงของคนนั้น เท่าที่เขารู้และพอใจยึดถือ จึงยากที่จะยอมเชื่อกันด้วยใจจริง เมื่อยังหลงผิดอยู่ด้วยความยึดถือเช่นนี้ ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมก็ยังตั้งสูงตระหง่านขวางหน้าอยู่เพียงนั้น

    แม้แต่ ปัญญา เอง หากเป็นปัญญาที่ไม่รู้จักตัวเอง ยังมีมูลฐานตั้งอยู่บนความจริงของความเชื่อ ความคาดคะเน ก็ย่อมเกิดเป็นภูเขาขวางวิถีทางแห่งพุทธธรรมขึ้นเหมือนกัน ปัญญาของผู้ใดสิ้นสุดหยุดลงตรงไหน ก็บัญญัติเอาเพียงแต่ตรงนั้นว่าเป็นความจริงด้วยบริสุทธิ์ใจของตนและยึดมั่น จนเกิดเป็นลัทธินิกาย ปรัชญาต่างๆ ต่อให้เฉียบแหลมแค่ไหน ก็ไม่วายที่จะเป็นภูเขากั้นขวางทางอยู่ระหว่างตัวเขากับนิพพานจนได้ ด้วยความยึดถืออีกเช่นกัน

    ปัญญาคือแสงสว่างก็จริง แต่คนเราจะรับรู้ได้เท่าที่ปัญญาหรือแสงสว่างของเขาจะอำนวยให้ว่านั่นคือ ความจริง แต่หากผู้นั้นมีปัญญามากขึ้น เขาจะมองต่างไปจากเดิม สิ่งที่เรียกว่าความจริงของเขา ย่อมเปลี่ยนไปตามแสงสว่างหรือปัญญาที่เพิ่มขึ้นของเขา ความแตกต่างจึงขึ้นอยู่กับแสงสว่างหรือปัญญาที่ส่องไปยังวัตถุเรื่องราวนั้น จึงเห็นได้ว่า แสงสว่างนั้นเองที่เป็นผู้บังความจริง ทั้งในด้านจิตและด้านวัตถุ เพราะแสงสว่างชนิดหนึ่งๆ ย่อมให้ความจริงแก่เขาในการเห็นเป็นอย่างหนึ่ง นอกนั้นคือส่วนที่แสงสว่างนั้นบังเอาไว้

    อินทปัญโญได้พูดออกมาจาก ประสบการณ์โดยตรง ของเขาเองที่เพิ่งผ่านมาไม่นานว่า ความจริงที่จริงไปกว่านั้น หรือนอกเหนือไปจากนั้น ซึ่งเขายังไม่เห็นในตอนนั้น คือส่วนที่ปัญญาเพียงขนาดนั้นของเขา แม้จะล้ำเลิศเพียงใดได้ “บัง” เอาไว้ ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นตัวเขารู้สึกว่า ตัวเขาได้มองดูอย่างทั่วถึงอย่างหมดความสามารถของเขาแล้วอย่างคิดว่า ไม่มีอะไรเหลือซ่อนเร้นอีกแล้ว เพราะเขาเคยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขาจึงยึดถือเอาสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นความจริงอันเด็ดขาด ด้วยความสำคัญผิด ซึ่งมันก็ยังเป็นภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมของเขาอยู่

    ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ และตัวอินทปัญโญเองก็ถึงกับตะลึง เมื่อตระหนักได้ว่า มันเป็นการ “บัง” ของแสงสว่างเสียเอง เพราะแม้ตัวเขาจะได้พยายามตีความพระพุทธวจนะ หรือขบคิดข้อความที่ยากๆ เรื่องอนัตตาอย่างสุดความสามารถเท่าที่ปัญญาของเขามี ซึ่งอาจแตกต่างไปจากคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย ขณะที่ยังไม่ถึงที่สุด เขาก็ย่อมต้องยึดถือเอาส่วนที่ตัวเขาคิดได้จนแจ่มแจ้งด้วยตนเองว่า นี่เป็นความจริงอันเด็ดขาดของตัวเขา ซึ่งตัวเขาเองเพิ่งมาตระหนักได้ทีหลังว่า

    “นี่ก็ยังเป็นความยึดมั่นในความคิด และความเห็นแจ้งของตัวเราเอง และความยึดมั่นอันนี้ คือภูเขาที่ขวางอยู่ในวิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรมของตัวเรา ซึ่งเราเพิ่งทลายมันลงไปได้ด้วย เซน”

    จากประสบการณ์แห่ง ซาโตริ ของตัวเขา อินทปัญโญจึงมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่า อัตตวา ทุปาทาน หรือ ความยึดมั่นว่ามีตัวตน นี่แหละที่เป็นมูลฐานของภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม ทำให้ ความว่างจากตัวตน ถูกปิดบังอย่างมิดชิด เพราะ ตัวเองที่บังตัวเองที่เป็นความว่าง เป็นสิ่งกีดขวางอันเร้นลับที่สุด

    เพราะไม่มีการรู้จักตัวเองอย่างถูกต้อง จึงเกิดความต้องการพระพุทธเจ้า และสร้างพระพุทธเจ้าขึ้นมาด้วยตัณหาของตัวเอง ตามทัศนะของตัวเอง หุ้มห่อตนเอง จนเหลียวไปทางไหนก็พบแต่สิ่งนี้ จนกระทั่งเป็นสัญญาความทรงจำอันเหนียวแน่น เหลือที่จะปัดเป่าออกไปได้

    เมื่อใดที่สามารถรู้จักตัวเองอย่างถูกต้อง คือรู้จักความว่างจากตัวตน เมื่อนั้นก็ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีผู้บังและไม่มีผู้ที่ถูกบัง ไม่มีการแสวงหาเพราะไม่มีผู้ที่มีความอยาก ไม่มีผู้แสวงที่พึ่งและไม่มีผู้ที่จะเป็นที่พึ่ง

    เพราะ ผู้นั้นมีความว่างจากตัวตนแล้ว “พระพุทธเจ้า” ของเขา ก็เป็นความว่างจากตัวตนด้วยเช่นกัน ตราบใดที่คนเรายังคลำตัวเองไม่พบว่าเป็นอะไรกันแน่ ตราบนั้นก็ต้องมีการยึดถือ เที่ยววิ่งตะครุบนั่นนี่ไปตามความยึดถือเป็นธรรมดา จึงไม่อาจพบและเข้าถึงพุทธธรรมได้

    อินทปัญโญได้ทำลายภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรมของเขาลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
     
  8. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    อุรุเวลาครับ คุณนราสภาเขาไม่ได้ว่าคุณเลยนะครับเนี่ย เขาแค่สบายใจครับ คงไม่ได้ไปว่าคุณหลอกครับสงสัยจะเข้าใจผิด
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ถ้าเข้าใจผิดผมก็ขอโทษครับ
     
  10. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    เสีย ชื่อก็คราวนี้ละKูยมยักษ์

    เสียงลือเสียงเล่าอ้าง นิสัยปุถุชนคนธรรมดาเรา
    ย่อมเชื่อว่าพระอรหัตน์มีอิทธิฤ­ทธิ์ต่างๆนานา
    ยิ่งมีเทวดาเหาะมาด้วยแล้ว.....­โอ้พระคุรเจ้าช่างไม่ธรรมดา
    ดูท่านโปรโมทเก่งมากช่างน่าศรัท­ธายิ่งนัก
    ท่านลอกซีนตอนพระพุทธเจ้าลอยถาด­ด้วยแต่ของท่านลอยเส้นผมน่าอัศจ­รรย์
    นาธานยังยอมแพ้ท่านสุดยอดผมนับถ­ือจริงๆ
    สญชัยเคยถามพระสารีบุตรกับพระโม­คคัลลานะว่า
    คนโง่กับคนฉลาดในโลกนี้คนแบบไหน­เยอะกว่ากัน...ให้ท่านทั้งหลายค­ิดเอาเอง
    คนโง่จงเชื่อนาย.....ล คนฉลาดแบบพุทธะจงเชื่อเหตุและผล­ที่พุทธองค์ทรงสอน
     
  11. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    คนโง่คือคนไม่รู้จักคิด  รู้ว่ายังผิดแล้วยังคิดให้โง่ คนฉลาดคือคนที่หัดใช้สมองคิดด้ว­ยตัวเองตรึกตรองเหตุผล
    ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูก
     
  12. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ถูกต้อง ผมเป็นอย่างที่ผมเป็นนี่ละ อะไรที่ช่วยดูแลศาสนาได้ ผมมีโอกาศเมื่อไหร่ผมก็จะ ช่วย หรือคุณจะปล่อยไปเฉย ๆ อย่างน้อยคนจะได้ตาสว่างสักคนสองคนก็ยังดี มีอะไรก็พูดมาตรง ๆก็ได้นะ ผมชอบคนตรง ๆ
    ตอนบวชให้ในหลวง 25 วัน อยู่ป่าช่้าฉันมือเดียว ไม่ยุ่งทางโลกทุกเรื่อง
    ทุกขณะอยู่ปลายจมูก นั่งหน้าเมรุเผาศพตลอด ศึกออกมาเงินถวายวัดหมดไม่เหลือสักบาท และเงินทั้งหมด ก็เป็นของผมเอง ไม่ได้เงินพ่อแม่สักบาท ตอนนี้ผมเป็นฆราวาสทำไมหรือ ผมนั่งหน้าคอมเผยแพร่ธรรมมะ นี้ห้องผม คุยกับผมตรง ๆนะไม่ต้องอ้อม หากจิตคุณเป็นเทพผมคุยแบบให้เกียรติ แต่มาอย่างมารผมก็ไม่เอาไว้ จบ

    ช่องของ TheChanana2010 - YouTube
     
  13. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    เมื่อวัยรุ่น ผมสุด จบไหม แล้วผมก็โดนสั่งเก็บ เขาเอาวัยรุ่นออกจากคุกมาได้ 7 วัน ยิงเข้ากลางหลังรุมฟันผม 3 คนเอาปืนยิง ไป3นัดเข้า 1 นัดผมหนีไปได้ แขนซ้ายเลือดออกเป็นก๊อกน้ำ ผมหมดแรงเพราะเลือดออกมากคนกำลังจะตายเลยขอชีวิตจากหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ท่องคาถาเสร็จก็บอกกับท่านว่าขออยู่ต่อ แล้วจะไม่ฆ่าสัตว์ทุกชนิดอีกเลย ไม่ว่าสัตว์อะไรผมไม่ฆ่า ก็เท่านั้นเนื้อสัตว์ใหญ่ผมไม่กินผมถือเพราะเราสัญญาท่านไปแล้ว จบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2012
  14. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    อย่าเลยต่างคนต่างอยู่ เป็นตัวของตัวเองนะดีแล้ว เวลาคุณทำอะไรผิด ผมก็จะได้ไม่ต้องไว้หน้าไงละ ถ้าคุณเป็นคนดีผมว่า ไม่มีใครคนไหนไปทำอะไรคุณหลอก ผมว่าคนเราไม่มีใครใจดำไม่ช่วยคนดีหลอก ผมเชื่ออย่างนั้น อย่าแนวเล่นพักเล่นพวกเลย มันไม่ค่อยถูกจริตผมนะ อยู่คนเดียวทำคนเดียว เดี๋ยวใครเห็นเราเชื่อเราเขาก็มาช่วยเราเองละ
     
  15. ศิษย์อิสระ

    ศิษย์อิสระ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +0
    คนจริง โคตรโดนเลย ...................
     
  16. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    หมั่นไส้ ความเห็นใครบางคนซะจริงๆ



    m45.gif
     
  17. ยมยักษ์

    ยมยักษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +35
    ผมเรืิ่มหมั่นใส้ตัวผมเองแล้วเหมือนกัน ดันเป็นคนตรงเกินไป มองผมเป็นคนเลว ๆๆแล้วกันถือว่าขอละ อย่าคาดหวังมาก
     
  18. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    --------------------------

    คิดว่าเจ้าตัวเค้าน่าจะรู้นะครับ คุณ TVJ
    แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้หมายถึงคุณนะครับ


    m34.gif
     
  19. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    นั่นไง... และแล้วเค้าก็ยอมรับ


    m43.gif
     
  20. sutanon

    sutanon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +170
    จริงๆ แล้วไม่อยากจะมีเรื่องกับใคร
    แต่ดันมีคนอยากจะมีเรื่องกับผม

    อย่างกะทู้นี้ผมคุยกับคุณอุรุเวลา แต่แล้วคนที่มันอยู่ดีไม่ว่าดี
    ก็มากล่าวหาผมซะงั้น ผมเลยหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเอาคืนบ้าง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • m95.gif
      m95.gif
      ขนาดไฟล์:
      14.6 KB
      เปิดดู:
      167

แชร์หน้านี้

Loading...