ทำไมยิ่งปฏิบัติ ยิ่งรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tunwarat_s, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ปกติผมไม้ได้วุ่นวายกับปุถุชนทั่วไป
    อนุโมทนาสาธุกับพระอริยะเจ้าครับ..........
     
  2. sunisa005

    sunisa005 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +298
    ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูง ใช้หลักให้อภัยนะคะ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]


    มารเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

    ถาม : อยากถามเรื่องเกี่ยวกับมาร มีตัวตนจริง ๆ หรือคะ ?

    ตอบ : มีจริง ๆ จ้ะ เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักเขาไหม เราจะเห็นเขาได้ไหม คนรอบข้างของเรา เขาสามารถอาศัยเป็นเครื่องมือได้หมด ตอนแรก ๆ อาตมายังเข้าใจว่า มารนี่เป็นกำลังที่ไม่ดีของเรา แต่ไม่ใช่ มันมีตัวตนจริง ๆ มันพยายามจะชักนำให้เราคิดผิด ทำผิด พูดผิด อยู่เสมอ ขณะเดียวกัน คนรอบข้างเรานี่ เขาสามารถที่จะดลใจให้คน ๆ นั้น ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไรก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราเกิดโทสะ ให้เราเกิดราคะ ให้เราเกิดโลภะได้อยู่ตลอดเวลา

    เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปเขาทำหน้าที่ของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่หนี เราก็หนีของเราไป เขามีหน้าที่ขวาง เขาก็ขวางของเขาไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัว ไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร

    ฟังให้ดี ๆ นะ ตรงจุดนี้ เมื่อถึงวาระ เมื่อถึงเวลาโอกาสเปิดให้เขาขวางเรา ก็เป็นเรื่องของเขา จริง ๆ แล้วเขาเป็นครูที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าเราสามารถก้าวข้ามที่เขาทดสอบเราได้ ตรงจุดนั้นเราจะไม่แพ้เขาอีก หากว่าเราก้าวข้ามไม่ได้ เราไปติดไปสะดุดหรือไปหยุดอยู่ เขาถึงได้เรียกว่า มารเป็นผู้ขวาง หรือผู้ฆ่า เพียงแต่ว่าเขาเป็นครูที่ขยันไปหน่อย ข้อสอบมันมาทุกวินาทีเลย เผลอเมื่อไรก็โดน

    ถาม : แล้วอยากถามว่า มารนี่อยู่ภพภูมิไหน ?

    ตอบ : มารนี่อยู่ภพภูมิที่สูงกว่าเทวดาอีก พระพุทธเจ้าท่านจะจัดเอาไว้ว่า เทเวนะวา มาเรนะวา พรัหมมุนาวา เพราะฉะนั้น เทวดาก็ดี มารก็ดี พรหมก็ดี ท่านจะเอ่ยชื่อมารในลักษณะสูงกว่าเทวดาอยู่ตลอด เพราะว่ามารจะอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๖ เรียกว่า ปรนิมมิตวสวัสตี จะแบ่งเป็นสองเขต เขตหนึ่งเป็นเขตของเทวดา อีกเขตหนึ่งเป็นเขตของมารเขา

    ถาม : มีหน้าที่คอยขวาง ?

    ตอบ : นั่นเป็นงานเขา เหมือนอย่างกับงานของนักการเมือง แต่ไม่ใช่งานที่สร้างความเจริญ เป็นงานที่สร้างความล่มจม

    ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างว่า อันไหนคือมาร ?

    ตอบ : สร้างสติ สมาธิ ให้มาก ๆ ถ้าสติ สมาธิ ทรงตัว ปฏิบัติอยู่ในกรอบของศีล ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากกรอบของศีล ตราบนั้นเขาจะชักจูงเราได้ยาก ศีล ๕ ก็พอ ถ้าหากว่าเรามีศีล ๕ อยู่ ถึงเวลาเขาทำให้เราบันดาลโทสะ เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีล เราก็ไม่ทำร้ายใคร ไม่ฆ่าใคร ถ้าหากว่าเขาทำให้เราเกิดความโลภ เราอยากได้ของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็หามาถูกต้องตามทำนองคลองธรรมโดยไม่ผิดศีล ถึงเวลาเขาตั้งใจให้เราไปแย่งคนรักคนอื่นเขา เราก็มีสติสัมปชัญญะอยู่ รู้อยู่ว่าสิ่งนั้นผิด ไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ทำ

    ถ้าเรามีศีลเป็นเกราะ มารจะชักนำเราได้น้อยมาก อย่างดีเขาก็ให้เราคิดได้ บังคับให้เราพูดได้ แต่บังคับให้เราทำไม่ได้แล้ว ถ้าหากว่าคำพูดที่เป็นตัวมุสาวาท คือ โกหก เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีลอยู่ เราจะไม่พูดโกหก เขาก็จะบังคับเราไม่ได้ด้วย ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง

    พอไปถึงจุดหนึ่ง เราจะเห็นคุณค่าของเขาเองว่า เขามีคุณูปการอย่างมหาศาลเอง คุณูปการนั้น คือว่าถ้าไม่มีการทดสอบจากเขา กำลังใจของเราก็จะไม่มั่นคงเร็ว จะไม่แข็งแกร่งเร็ว ดังนั้น ถึงได้บอกว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่เขาเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

    เพียงแต่ว่าเราจะสามารถ ทำข้อสอบของครูคนนี้ไหวไหม พอก้าวข้ามตรงจุดนี้ไป ก็เหมือนกับว่าโลกมันตีลังกากลับ ก็คือว่าสิ่งที่เราไม่เคยเห็นความดี ก็จะเห็นความดีของเขา ทุกอย่างรอบข้างของเราเป็นครูเราหมด คนทำให้เราโกรธก็เป็นครูที่ดีของเรา เพราะทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วอารมณ์ใจของเรา มันยังห่วยแตกใช้ไม่ได้ คนที่ทำให้เราเกิดโลภ ก็ทำให้เรารู้ว่าเรายังใช้ไม่ได้ ยังต้องระมัดระวังมากกว่านี้

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนตุลาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    เวบบอร์ดวัดป่าโนนวิเวก - แสดงกระทู้ - ธรรมะพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ (หลวงพี่เล็ก)
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ก็ดีแล้วนี่ขอรับ ที่ความคิดส่วนลึกของคุณไหลออกมา คุณก็แก้ไขซิขอรับ หนามยอกเอาหนามบ่งซิขอรับ ในเมื่อมัน คิดอย่างนั้น อิจฉา อย่างนั้น โกรธอย่างนั้น เป็นเพราะ ความคิดของคุณเอง คุณก็แก้ไขด้วยการคิดสิขอรับ เพราะการคิดนั้น มันก็มีเพียง สามรูปแบบ คือ คิดดี คิดกลางๆ คิดร้ายหรือคิดไม่ดี คุณก็เลือกเอาว่าจะคิดแบบไหน ปัจจุบัน คุณกำลังเลือกคิดแบบเลวๆ คือ คิดร้ายคิดไม่ดีอยู่ ขอรับ คิดพิจารณาดูให้ถี่ถ้วนนะขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  5. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    ขอบพระคุณในคำแนะนำของผู้รู้ทุกท่านด้วยค่ะ ทางชีวิตจะพยายามเข้มแข็งและสู้ต่อค่ะ :mad::mad::mad:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  6. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ผมก็เป็นครับช่วงแรกๆแทบอยากจะเลิกปฏิบัติเพราะรู้สึกไม่ดีคิดว่าเอะทำไมเรายิ่งทำดีพยามคิดแต่สิ่งดีๆทำไมเรากลับเห็นแต่สิ่งแย่ๆของตัวเองรู้สึกหงุดหงิดตัวเองเป็นบ่อยพอเลิกบัติอ่าวหายไม่คิดฟุ้งซ่านพอมานึกๆดูอ่อเราทำความดีเราก็ย่อมมองเห็นสิ่งที่ไม่ดีในตัวเราในเมื่อเรารู้แล้วว่ามันไม่ดีก็อย่าไปสนใจมันครับมันโมโหก็รู้ทันมันแล้วก็บอกตัวว่าเออตอนนี้โมโหนะแล้วก้ปล่อยไปครับไม่ต้องไปสนใจมันรำคาญนะเอ่อปล่อยมัน รู้แล้วปล่อยครับของพวกนี้มันอยู่กับเรามาไม่รู้ว่ากี่กัปกี่กัลจะเลิกง่ายๆคงไม่ได้ค่อยๆละค่อยๆเลิกอย่าท้อเพราะทำดีครับเราทำดีแล้วจะคิดชั่วได้อย่างไรมันก็แค่ความคิดเก่าๆที่เราเคยมีแต่เป็นความคิดที่เราไม่ต้องการตอนเราทำดีมันเลยทำให้เรารู้สึกแย่เหมือนหายใจเข้าออกนั่นละครับถ้าเราไปจับดูมันเราก็รู้แต่ถ้าเราไม่ไปจับมองมันทั้งวันยังลืมว่าเราหายใจอยู่เลยมันอยู่ใต้ความไม่เที่ยงครับมีโมโหก็มีหายโมโหมีโกรธก็มีหายโกรธ อย่าเข้มงวดกับอารมณ์มากเกินไปครับปล่อยสบายๆโกรธมารู้เกลียดมารู้เมื่อรู้ทันแล้วเราจะไปโกรธเกลียดตามมันทำไมให้รอ้นรุุมที่ใจของเราจริงใหมครับ
    ปล.ดีแล้วครับที่รู้อารมณ์ของตัวเอง เมื่อรู้แล้วจะทำยังไงกับมันละครับขึ้นอยู่กับคุณแล้วละ
    เพราะตอนนี้ผมก็อยู่ในสถานะเดียวกันกับคุณเลยให้คำแนะนำมากไม่ได้มันจะเกินตัวสู้ๆนะครับ
     
  7. ได้คับ

    ได้คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +106
    สวัสดีครับคุณทางชีวิต มาละความเห็นผิดว่า กายนี้ใจนี้เป็นเรากันนะครับ สิ่งที่คุณทางชีวิตกล่าวมาล้วนแต่เป็นอาการของจิตทั้งนั้น ถ้าเราเห็นว่ามันไม่ใช่ เห็นถูก เป็นสัมมาทิฐิ แต่ถ้าภาวนาแล้วเห็นว่าความรู้สึกต่างๆความคิดต่างๆเป็นเราของเรา ยังไม่ถูกนะครับ ผมตั้งใจจะเขียนวิธีการปฏิบัติธรรมง่ายๆ อยากจะบอกว่าธรรมะนั้นง่ายนะแต่ยากเกินกว่าใจจะรับได้ มาลองกันนะครับผมกำลังเขียนอยู่และเป็นกำลังใจให้กันและกัน สู้ๆนะครับ
     
  8. ได้คับ

    ได้คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +106
    ผู้แพ้ทางธรรม

    อะไรเรียกว่าผู้แพ้ทางธรรม ขาดสติสัมปชัญญะ
    มักหลงลืมตัวอยู่บ่อยๆ(มีกายก็เ<WBR>หมือนไม่มี)
    เพราะอะไรเล่า หลงสิ่งยั่วยวน ทำให้หลงมัวเมากับสิ่งนั้น
    เมื่อปรารถนาสิ่งใดมากก็ทุกข์มา<WBR>ก
    เมื่อปรารถนาสิ่งใดน้อยก็ทุกข์
    เมื่อได้มาก็เพลิดเพลินพัวพันหล<WBR>งไหนกับสิ่งนั้นอีก
    แล้วก็หลงลืมตัวอีก

    ไม่ระวังใจ

    ไม่ระวังกำหนัดยินดีในอารมณ์อัน<WBR>เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
    ไม่ระวังความขัดเคือนในอารมณ์อั<WBR>นเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
    ไม่ระวังความหลงในอารมณ์อันเป็น<WBR>ที่ตั้งแห่งความหลง
    และไม่ระวังความมัวเมาในอารมณ์อั<WBR>นเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา

    โทษของการแสวงหาสิ่งอื่น

    ผู้แสวงหาสิ่งภายนอกย่อมต้องวุ่<WBR>นวายกับการแสวงหาสิ่งอื่นเป็นกา<WBR>รเพิ่มทุกข์
    และในที่สุดทุกข์ก็เพิ่มมากขึ้น<WBR>จน บางคนก็แพ้ใจตนเองจนต้อง...

    ลองอ่านกลับกันจากผู้แพ้ทางธรรมเป็นผู้ชนะทางธรรม ถ้าจะเป็นผู้ชนะทางธรรมโดยไม่กลั<WBR>บมาแพ้อีก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ชนะที่ไม่กลับมาแพ้คือยอดนัก<WBR>รบในสงคราม
    คัดลอกมาจากพุทธวัจนะแบบกลับด้านครับ ไว้ตรวจดูว่าเราหลงลืมตัวกันบ่อยมั้ย<!-- google_ad_section_end --> แค่มีสติรู้สึกตัว ไม่หลงไปในอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ไม่ยากใช่มั้ยครับ
    เมื่อหลงเข้าไปในความคิด เราก็ลืมตัว
    เมื่อหลงไปในอารมณ์ เราก็ลืมตัว
    วิธีคือกลับมารู้สึกตัวนะครับ
    ละความเพลินในอารมณ์ต่างๆ ด้วยการกลับมามีสติรู้สึกตัว สู้ๆนะครับ^^
     
  9. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    " คำแนะนำของพี่ๆแต่ละท่าน ดีมากๆคะ
    แต่ที่คุณเป็น มณีน้อยก็เคยเป็นคะ
    ช่วงแรก ตำหนิคนอื่นอะคะ
    พอหลังๆมันไม่ตำหนิคนอื่น
    มันดัน เห็นตนเอง ชั่วช้ามากมาย
    ยิ่งเห็น ยิ่งละอายใจ ยิ่งแย่อะคะ
    บางครั้ง ท้อเลยว่า "เฮ้ย ทำไมเรามัน เชี๊ยะอย่างนี้วะ "
    คิดในใจคนเดียวคะ
    พอหลังๆทนไม่ไหว นำสิ่งที่ตนเองเห็นว่า ไม่ดี
    มาปรับ อย่างเรา ขี้โมโห บ่นไม่มีเหตุผล
    เราก็เลิกสะ เบาลงสะ มันก็ได้ผลคะ
    จนทุกวันนี้สังเกตเอา เห็น ข้อเสีย ตนเองตรงไหนเอามาแก้ไข
    ดีสะอีกคะ ที่เรา เห็น ไม่เห็น จะแย่เอา
     
  10. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    สุขรึทุกข์ อยากรึไม่อยาก น้อมนำ พิจารณา ยอมรับ
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรก้ตาม น้อมยอมรับในสภาวะที่เกิดขึ้นมา แต่สงสัยว่า การปฏิบัตินั้น ใช่ทางที่ควรดำเนินแน่หรือ เห็นแล้ว ดุจดัง ดำเนินสุขกุศลเพื่อเริ่มทุกข์รอบใหม่ เป็นวังวนทุกข์ไปเรื่อยๆ อนึ่ง การเกิดดับของคลื่นกรแสจิตนั้นเล่า ทำไมเบรคไม่ได้หยุดไม่ได้ จนกว่าจะดับไปเองครับ :'(
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    หวัดดี...คุณขมิ้น หายไปใหนมาครับ...!!++........:cool:
     
  12. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    อุปมาเหมือเราเผาขยะ มันร้อนใช่มั้ยละ ยิ่งขยะกองโตๆ ไฟก็ยิ่งลุกไหม้ร้อนแรง หลายเท่า...
    แต่พอขยะมันเริ่มลดปริมาณลง ความร้อนก็ค่อยๆ ลดน้อยลงๆตามปริมาณของขยะนั้น...
    สุดท้ายพอหมดเชื้อขยะ ไฟก็ดับสนิท...ผลจึงเกิดเป็นความสงบร่มเย็น...

    กิเลสในจิตใจของเรานี้ก็เช่นเดียวกัน เราเผามันด้วยความเพียร ขยะในจิตเรายิ่งมีปริมาณมากเท่าไหร่ ความร้อนก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น...
    เมื่อขยะเริ่มลดปริมาณลง ความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ก็ลดลงเช่นกัน...สุดท้ายพอหมดเชื้อ
    ไม่เหลือโดยสิ้นเชิงแล้ว ความร้อนนั้นก็อันตรธานหายไป กลายเป็นความสงบร่มเย็นในจิตใจ ไม่มีความทุกข์หลงเหลืออีกเลย.

    จึงเป็นชื่อเรียกความดับโดยไม่เหลือเชื้อ และเป็นชื่อของความ สงบเย็น ชนิดนี้ รวมเรียกว่า "นิพพาน" แล.

    "ขันตี ประมัง ตะโปตีติกขา" ขันติคือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
    "วิริเยนะ ทุกขมะ เจติ" บุคคลย่อมล่วงพ้นจากความทุกข์ได้เพราะความเพียร

    เจริญในรสธรรม
     
  13. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ท่องเที่ยวในป่า ยาร่วง (มะม่วงหิมพานต์)
    หาประสพการณ์ภาคปฏิบัติ ครับ พี่ :':)p^-^:love:
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .........................อนุโมทนาด้วยครับ...................
     
  15. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ทวนความคิดที่เป็น อกุศล โดยการมีพรหมวิหารธรรม
     
  16. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    ขอบพระคุณท่านผู้รู้ทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำและกำลังใจแก่ทางชีวิต ทางชีวิตจะนำคำชี้แนะและกำลังใจที่ได้รับนี้ไปเป็นกำลังในการสู้ต่อไปค่ะ

    บางทีทางชีวิตก้อขำกับตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่า พอมีความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้น ใจเรารู้ทัน ก้อบอกกับตัวเองว่า ไม่พอใจแล้วนะ แต่ก็มีความคิดอีกความคิดหนึ่งแย้งขึ้นมาว่า ก้อคนอื่นเค้าทำไม่ถูกอย่างนั้นอย่างนี้จริงๆ นี่นา พอเห็นอย่างนี้ก้อเลยนึกขำตัวเองว่า ตัวเองเหมือนคนบ้าเลยเนอะ ความคิดมันเถียงกันให้วุ่นไปหมด แต่ทั้งหมดนี้ก้อคือตัวเรานี่เอง
    สงสัยคงใกล้บ้าแล้วนะเนี่ย
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่บ้าหรอก ภาวนาเข้าเป้าต่างหาก แต่ ขาดปริยัติธรรม

    เราไม่เอา พระธรรมเป็นที่พึ่งเอง ช่วยไม่ได้

    ตรงนี้ เรียกว่า เกิด กามวิตก

    ตรงนี้เรียกว่า เกิดพยาบาทวิตก ขัดเคือง ขุ่นใจ

    ตรงนี้เรียกว่า เกิด อวิหิงสาวิตก อ้างการเบียดเบียนกัน

    ตรงนี้เรียกว่า พ้นอยู่ด้วยดี จิตมีปัญญา ความร่าเริงใจจึงเกิด เรียกว่า หาสะปัญญา

    ตรงนี้เรียกว่า โหลยโถ่ย กุศลเกิดกับตัว ไม่รู้

    *****************

    ก็นะ ไปศึกษาเรื่อง วิตก3 เพิ่ม ดูว่า พระพุทธองค์ให้ เห็นสิ่งเหล่านี้อย่างไร
    คนที่เห็นได้ถ้วนเนี่ยะ จะเกิดอะไรขึ้นเป็นผลงาน เป็นอานิสงค์

    อย่ามัวแต่คว้า ผ้าหนาๆมาคลุมตาสิ เห็นของดี แต่ไปเอา ผ้ามาคลุมตา ใครก็
    ช่วยไม่ได้นะ
     
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..คิดให้เป็น..
    สิ่งที่คุณเห็น ทำไมคนโน้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เป็นอย่างนั้น..ทำไมไม่ทำอย่างนี้..ฯลฯ
    แสดงว่า.. ในใจของคุณต้องมีมาตราฐานดีกว่าที่จะทำกับ สิ่งที่คุณกำลังเห็นจากภายนอกใช่ไหม..
    ..คุณจะเป็นหงส์ในหมู่กาต่อไปในภาคหน้าครับ..แต่ต้องคิดและทำให้เป็นนะครับ..พุทธจริตครับ
     
  19. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ไม่ใช่ใกล้บ้าหรอกครับ ยังปรับสมดุลอยู่ครับ อีกสักพักหนึ่ง จิตจะทรงพรหมวิหารสี่ แล้วอาการคิดขัดกันแบบนี้จะหายไปครับ
     
  20. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -หากไม่ปรุงแต่งความคิด จะไม่มีอารมณ์

    -หากไม่ยึดมั้นในตัวเรา เขา ทางนั้นไกลจากพญามัจจุราช
     

แชร์หน้านี้

Loading...