จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    จำได้ว่าตอนสุนามิปี 2547 เกิดในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ รู้สึกจะเป็นวันพระด้วย พระจันทร์เต็มดวง คลื่นมากันสามระลอกแต่ที่ทันเห็นเป็นระลอกที่สาม ซึ่งเบาะๆ บ้านเราอยู่หน้าหาดแต่อยู่ชั้นสามบนเนิน(ควน)เลยรอดไม่โดนน้ำแถบที่ลดหลั่นลงมาก้อระเนระนาดใช้ได้ ก่อนที่จะมีคลื่นยักษ์น้ำลดลงไปอย่างผิดหูผิดตา หมอนวดหน้าหาดที่เป็นคนพื้นที่วิ่งกันบ้าระห่ำในขณะที่อีกหลายท่านวิ่งไปเก็บปลากัน ปลาเล็กใหญ่ดิ้นกระแด่วขาดน้ำกัน เพียงแค่ไม่กี่นาทีคลื่นแรกก้อกระโจนมา ตามด้วยคลื่นลูกที่สอง(ลูกนี้สงสัยท่านพญายมบาลขึ้นมาเองกวาดไปได้เยอะ)ลูกสุดท้ายก้อแค่ลูบหลังเบาๆ เหตุการณ์ที่เกิดได้ฝังจิตฝังใจกับผู้คนมากมาย กลิ่นเน่าศพคละคลุ้งไปแทบทั้งเมืองก้อว่าได้ โรงพยาบาลเต็มไปด้วยคนนอนตามพื้นทั้งไทยเทศ น่าอเนจอนาจใจยิ่งนัก ยิ่งกว่าฝันร้าย เมื่อมานั่งพิจารณาดู ไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่ไม่ทุกข์ ณ ขณะนั้นแม้ไม่เจอด้วยตนเองแต่ด้วย ภาพและเสียงแห่งความจริงมันกระทบกระแทกจิตใจผู้พบเห็น เศร้าอย่างเหลือหลาย .....จากเหตุการณ์ในวันนั้นมาถึงวันนี้ ก้อถือว่าเป็นการสั่งสอนของธรรมชาติที่มนุษย์ใด้ทำการใดๆไว้กับเขาบ้าง และก้ออีกนั่นแหละมันจะต้องมีอีกอย่างแน่นอน และคราวนี้ความปราณีคงจะหายากจากธรรมชาติ เราหยุดไม่ได้ หยุดภัยพิบัติไม่ได้ ....แต่เราหยุดที่ใจเราได้ หยุดการกระทำอันทำให้จิตใจเราเจ็บปวดร้อนรนจากข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ แทนที่จะมานั่งทุกข์ระทม แต่เรามาเตรียมรับมือกับมัน เตรียมจิตเตรียมใจให้เข้มแข็ง วางกับสิ่งที่จะเกิด เมื่อถึงเวลาจริงๆหากรอด ก้อไม่เป็นบ้า หากไม่รอดก้อไม่ต้องเป็นผีไม่มีที่ไป....
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เริ่มทยอยกันมาแล้ว แนวร่วมสายบุญบ้านรากแก่นฯ
    (ไม่ต้องมาช่วยผมขยายเรื่องบ้านกันนะ""ล้อเล่นๆ)

    ยินดีต้อนรับทุกท่าน ทุกกรรมฐาน
    ได้โปรดแสดงวิสัยทัศน์ธรรมะกันได้ที่นี่นะครับ(ขอเป็นแนวปฎิบัติเปลี่ยนจิต) แชร์ประการณ์ หรือมีอุบายเด็ดๆ ที่ทำให้จิตสงบนิ่ง ขอเชิญนะครับ
    (อย่าอ่านกันเฉยๆ ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ ตามลำพังผมคนเดียวรับมือไม่ไหว)

    กระทู้นี้เปิดเพื่อวัตถุประสงค์เดียวก็คือ ยกจิตให้สูงกว่าภัยพิบัติ
    ดูๆไปแบบผิวเผิน กระทู้นี้ธรรมดาๆ ไม่น่าสนใจ หรือไม่น่ามีอะไรตื่นเต้น
    อย่า อย่าเพิ่งเชื่อตนเอง
    เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อวินาทีวิกฤตินั้นมาถึง(นาทีแห่งชีวิต) แล้วท่านจะรู้ว่าอะไร คือสำคัญที่สุดในชีวิต
    บ้างก็กำลังจะหนีตามข่าว บ้างก็อยากจะหนีแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะติดขัดทางด้านการเงิน ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ
    เช่น เงินไม่เพียงพอ ติดที่ทำงาน ลูกเรียนหนังสือ และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย
    แต่ถ้าปัญหาตกที่อยู่ที่ใจของท่านตอนนี้ แล้วท่านจะทำอย่างไร???
    (ลองไปคิดดูกันต่อ)

    และสุดท้ายท่านจะทราบว่าอะไร หรือสิ่งใดสำคัญกว่าในชีวิตของตนเอง


    ปล.มีคนมาแย่งซีนสีชมพูของเราซะแร๊ววว! ...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 เมษายน 2012
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงตรัสสอนเทพพรหม ณ เทวสภา​


    “ดู ก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมด จะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่านจงอย่าลืม ความตาย นั่นหมายถึงว่าการจุติ ลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าได้เพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์ว่ามนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง ทุกอย่างต้องใช้แรงงาน


    แต่ว่ามาเป็น เทวดา มาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความว่าไม่ต้องทำอะไรเลย ร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้า และมีความปรารถนาสมหวัง ก็หมายความว่า ถ้าจะไปทางไหนก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใด ความป่วยไม่มี ความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงอย่ามัวเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่าเราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาลตลอดสมัย

    ทั้ง นี้เพราะ อะไร เพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญวาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องจุติ คือตาย แต่ว่าท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้า ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่านยังมีบาปติดตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติๆยังมีมากมาย”


    (พอ พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจดูร่างกายของเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ภายใน หนามาก เป็นอันว่าทุกองค์ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แต่ก็ดูตัวเองเวลานั้น ร่างกายของตัวเองก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกัน ต่อไปองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า)


    “ภิกขเว …ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์) และท่านทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด จงอย่าลืมว่าทุกท่านมีบาปติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อยก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิดบนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น…นรก! (ท่านชี้มือลงเห็นนรกไฟสว่างจ้าแดงฉานไปหมด) ท่านทั้งหลายจะต้องพุ่งหลาวลงนรก เพราะใช้กฎของกรรมคือบาป ชำระหนี้บาป กว่าจะมาเกิดเป็นคนก็นานหนักหนา และมาก็เป็นคนแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหมใหม่

    ทั้ง นี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่ อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมโลกก็ดี เป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพานระหว่างมนุษย์กับนิพพาน เป็นอันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่านทั้งหลาย จงดูนั่น…นิพพาน!”


    (ท่านก็ยกมือชี้ขึ้น ให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดา นางฟ้า กับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือ สีแก้วแพรวพรายเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลายที่อยู่ที่นั่นมีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมด แล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดา กับนางฟ้าใหม่ว่า)


    “ท่าน ทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียว และการไปนิพพานนี่ ท่านทั้งหลายต้องยึด อารมณ์พระนิพพาน เป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดาก็ดี นางฟ้าเก่าๆก็ดี ตถาคตไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมีความเข้าใจแล้ว (ก็แสดงว่าพรหม เทวดา นางฟ้า เป็นพระอริยเจ้ามาก)


    ที่มีความเป็นห่วง ก็เป็นห่วงเทวดา นางฟ้าใหม่ๆ ที่มาเกิดใหม่ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความว่าจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อน อันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้เพื่อพระนิพพาน นั่นคือ จงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไรก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่เป็นของไม่เที่ยง

    เมื่อ คิดอย่างนี้ แล้ว ทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลายควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่านมีศรัทธา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการขั้นที่สองที่ท่านจะไปนิพพานได้

    หลัง จากนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็นศีล ๕ ก็ตาม ศีล ๘ ก็ตาม กรรมบถ ๑๐ ก็ตาม ศีล ๒๒๗ ก็ตาม” (พอท่านพูดถึงศีล ๒๒๗ ก็คิดในใจว่า เทวดาจะไปบวชที่ไหน องค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า)
    “ฤาษี…เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นยามาก็ดี ชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง ๒๒๗ เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็ตาม เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ ทุกท่านอยู่ด้วยความสุข เขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี”



    (แล้วท่านก็หันหน้าไปหาเทวดา นางฟ้า กับพรหมว่า)

    “ขอ ทุกท่านจงอย่าลืมว่า เราจะเป็นผู้มีศีล ให้ตั้งเฉพาะศีล ๕ ก็ดี ศีล ๘ ก็ได้ ศีล ๑๐ ก็ได้ กรรมบถ ๑๐ ก็ได้ ศีล ๒๒๗ ก็ได้ ตั้งใจไว้ว่า เราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญา คิดว่าการเกิดเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี เป็นพรหมก็ดี มีสภาพไม่เที่ยง จะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้าย ในเมื่อการจุติจะเกิดขึ้น อารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่า เราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติ เราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราจะไม่เกิดเป็นมนุษย์

    ท่าน ทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์ มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่างๆ มนุษย์มีความหิว มีความกระหาย มีความอยาก มีความต้องการไม่มีสิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้ว จะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์ เราก็หมดสิทธิ์ อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดีๆสร้างไว้เป็นที่หวงแหน คนภายนอกเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่คนภายใน



    แต่ ว่าท่านทั้งหลายเมื่อตาย มาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิม ท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิ์เข้าเขตนั้นเลย ทั้งๆที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธิ์ นี่คือความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์ มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุด ต้องเดินไปเดินมาทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียว คือเงิน ถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน (ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า)


    จง อย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไป ตัดความเป็นมนุษย์เสีย เลิกความหมายความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์เป็นทุกข์ มีความเกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลง มีความแก่ มีความป่วย การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความตายเป็นที่สุด และจงอย่าอยากเป็นเทวดา อยากเป็นนางฟ้า เป็นพรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้า กับพรหมก็มีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกัน


    เมื่อ มีความคิดในเบื้องต้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดา ก็มีความจุติไปในที่สุด ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้เสมอว่าเราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วก็เราจะต้องจุติในวันหน้า ตถาคตมีความรู้สึกว่า ท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดา นางฟ้า พรหมเก่าๆ มีความเข้าใจดีแล้ว (คำว่า “เข้าใจ” บรรดาท่านพุทธบริษัทหมายถึงว่า เขาปฏิบัติได้ นี่คืออารมณ์พระโสดาบันกับอารมณ์พระอรหันต์)

    สำหรับ เทวดา นางฟ้า และพรหมใหม่ จงตั้งใจไว้เสมอว่า จงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มานี่ เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้น และบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวของเรายังมีอยู่ ถ้าเราเผลอไม่สร้างความดี ในเมื่อจุติจากความเป็นเทวดาหรือพรหมในภพนี้แล้ว ทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ


    จง ดูภาพนรกว่า มีขุมไหนที่น่าอยู่น่ารัก มันไม่น่าอยู่ไม่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ และก็ดูเทวดา นางฟ้า กับพรหม มนุษย์ที่เดินเกลื่อนถนน ทุกคนที่อยู่ในเมืองมนุษย์ เคยเป็นเทวดา เคยเป็นนางฟ้า เคยเป็นพรหมแล้ว ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพาน จงดูภาพพระนิพพานให้ชัดเจนแจ่มใสว่า ดินแดนพระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด…” (เมื่อพระองค์ตรัสเพียงนี้ พระองค์ก็จบ)


    (หลวงพ่อได้สรุปใจความสั้นๆตามที่ท่านเทศน์ไว้ดังนี้)

    “ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น เป็นของไม่ยาก

    ๑. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตายอาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ ไว้เสมอๆ

    ๒. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)

    ๓. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ

    ๔. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพานแล้ว ตั้งใจไปพระนิพพานโดยเฉพาะ เท่านี้ทุกท่านจะหนีอบายภูมิพ้น และไปพระนิพพานได้ในที่สุด)”



    หมาย เหตุ : เทศน์ที่ “เทวสภา” วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๐๘.๐๐ น. พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟัง เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๒๑.๐๐ น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2012
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    สวัสดีครับน้องเก้า
    พี่ภูลืมจัดให้เลย เห็นพูดบ่อยเหลือเกิน เตรียมตัวให้ดีนะ ทุกวันพระ
    แล้วทำจิตให้นิ่งสงบมากที่สุด ว่างที่สุด และกำหนดจิตตามขึ้นไปเลย
    ฝึกบ่อยๆนะ ดูสิจะไปถึงหรือเปล่า???
    เดี๋ยวส่งพลังพุทธะไปช่วยนะ

    ปล.อย่าลืมหาภาพพระสวยๆ มุมดีๆ มาให้จิตของเพื่อนๆ กัลยาณธรรมมาเกาะพระกันด้วยนะครับ
     
  5. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    เข้ามาทักทาย ช่วงเช้า สายๆ หากำลังใจในการทำจิตนิ่ง อิอิอิอิอิอิอิ
     
  6. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195
    ไหนท่านเจ้าของกระทู้ว่าจัดไม่หนักไง ไหงจัดหนัก จัดเต็มซะ โดนๆ เต็มๆ :cool:

    เรื่องจิตเกาะพระ ไม่เคยเข้าใจว่าดียังไง แต่พอมาอ่านๆ เริ่มระลึกชาติได้ว่า (ปันประสบการณ์) ^^


    เคยระหว่างเดินตามถนน ตลาดนัด หรือไปวัด แล้วเจอภาพพระพุทธโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่เป็นเหมือนภาพถ่ายพระฉายาลักษณ์ท่านใต้ต้นโพธิ์ (ไม่รู้ใช่ภาพจริงๆ หรือไม่ แต่ความรู้สึกเวลาเห็นภาพนี้ทีไร มันดึงดูดตัวเองเข้าไป รู้สึกเลื่อมใส ศรัทธามากๆ)

    เคยฟังมาแบบนี้คนที่มีบุญและได้ไปสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่ตรัสรู้ของพระองค์ จะถ่ายติดรูปแบบนี้ด้วยตนเอง (อันนี้ได้ยินมา ยังไม่เคยพิสูจน์) จริงเท็จประการใด ก็ไม่คิดจะพิสูจน์แล้วในตอนนี้

    เพราะหลังจากนั้นก็ได้ลองจับภาพพระอย่างที่เจ้าของกระทู้ได้แนะนำ โดยใช้รูปพระพุทธองค์เป็นกรรมฐาน ก็จับภาพได้ชัดเจน และนิ่งดี แต่ก็ไม่เคยเข้าใจว่าภาพที่ใช้จะเป็นหนทางช่วยในการปฏิบัติอย่างไร

    จนเมื่อสักสามปีที่ผ่านมา จากที่ไม่เคยมีนิมิตใดๆ ปรากฏกับตัวเองเลยก็มาปรากฎ เป็นรูปพระแก้วมรกต ขณะไปปฏิบัติธรรมและได้ร่วมอัญเชิญพระธาตุ และพระไตรปิฎก ที่ จ.สุรินทร์ ลอยมาเหนือหัวจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลย (เคยอยาก พอไม่อยากก็มา คือแบบว่าถ้ามาก็มา)

    ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติยิ่งขึ้น แต่จากจิตเกาะพระไปสักระยะ จิตก็ไม่เอา แต่ไม่ใช่ผลักไส เป็นประมาณว่าได้ที่พึ่งคือจิตของตนแล้ว

    ขอเสริมการปฏิบัติ เมื่อได้ฐานการปฏิบัติแล้วลองไปหาครูบาอาจารย์ ไม่ใช่ปฏิบัติเอาเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์เลย อาทิ หลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านอาจารย์โกเอนก้า หลวงพ่อคำเขียน หลวงปู่พุทธอิสระ ก็จะช่วยเสริมฐานการปฏิบัติมหาสติปัฏฐาน ๔ ให้เจริญยิ่งๆ หรืออย่างน้อยก็ให้มีกัลยาณมิตรที่ช่วยแนะแนวการปฏิบัติได้ ...

    มีโอกาสได้เจอผู้รู้ ผู้บอกทางแล้ว ทุกอย่างสำเร็จทุกประการ

    อนุโมทนาสาธุ กับทุกๆ ท่านที่ช่วยบอกทาง

    สาธุธรรม ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นเทอญ _/|\_
     
  7. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195
    ขอแชร์เรื่องหลานบ้าง

    หลานจากลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่เจอกันทีไรก็จะเข้ามาเล่นด้วยตลอด

    แล้วเวลาเค้าได้แผลจากการเล่นซน ก็จะเข้ามาบอกเล่าเรื่อยๆ

    มีครั้งหนึ่งก็มาเล่าว่านี้วโดนประตูหนีบ เราก็่ "โอ๋" จับนิ้วแล้วเป๋าไปที่นิ้ว "เพี้ยง หาย ๆๆ"

    ปรากฎว่าหลานสวนกลับมาว่า "เพี้ยงแล้วจะหายได้ยังไง ต้องใส่ยาสิถึงจะหาย"

    เอ่อ บางอ้อเลยวันนั้น ธรรมะใครบอกต้องมาจากวัด จากผู้ใหญ่ จากหนังสือ ...

    ธรรมะมีทุกแห่ง ทุกที่ ทุกเวลา

    สาธุธรรม ขอให้เจริญในธรรมยิ่งขึ้นเทอญ _/|\_
     
  8. กรรมบท 10

    กรรมบท 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +237
    กำลังพยายามอยู่ค่ะ ปรกติจะชอบภาวนาระหว่างวันว่า สมเด็จพ่อองค์ปฐม แต่ไม่เคยเอาจิตระลึกถึงรูปพระค่ะ แต่ก็ยังปฏิบัติไม่ถึงไหนเลย เวลามีเรื่องกระทบจิตใจ ยังรู้สึกอยู่เยอะเลยค่ะ แย่จัง
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีจ้าฯ
    ระดับ ดชน.นี่ต้องหากำลังใจอีกหรอ?
    และครูใหญ่ของเธอหายไปไหน?

    ขอโมนากับธรรมาทานครูเพ็ญกับลูกศิษย์ของท่านด้วยนะครับ

    จัดทั้งหนัก จัดทั้งเบาก็ได้ตามใจ เพราะภูมิธรรม ภูมิปัญญา ท่านมาอ่านนั้นต่างกันไป

    ศีลครบหรือไม่ครบไม่ว่ากันนะ ค่อยๆประคองกันไป เพราะตัวผู้เขียนเกิดมาก็หลงทางมาก่อน แต่ตอนนี้เดินเข้าสายตรงได้ก็ครึ่งค่อนชีวิตเข้าไปแล้ว
    สายตรงคือ มรรค์มีองค์8 หรือย่อได้เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา

    เตรียมรีบยกจิตไวๆกันนะ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือนกัน
    แต่ถ้าผู้ใดอยากทราบว่ายกจิตคืออะไร เป็นเช่นไร แล้วมีประโยชน์อะไร
    สอบถามกันได้นะ เดี๋ยวจะมีคนมาช่วยตอบ ถ้าผมไม่ว่าง
    นี่ขนาดไม่ว่างนะ ยังแอบเวลามานั่งตอบได้นิดนึง
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    นาทีนี้ไม่ทันแล้วครับ
    ต้องนำจิตเกาะพระอย่างเดียวแล้วครับ
    เพราะเวลามีสิ่งมากระทบจิตของตน หลุดทุกราย เอาไม่อยู่หรอกนะครับ
    ขอโทษทีนะ ขนาดผู้นุ่งขาวห่มขาวกัน ขาวแต่กาย แต่ใจมิได้ขาวตามเครื่องนุ่งห่ม แล้วไงครับ

    สู้เราบวชใจไปเลยครับ อย่าเสียเวลา จะเอาบุญใหญ่ทั้งที ต้องกล้าทำ ทุ่มทั้งกายและใจทีเดียวเลย ได้ผล
    มีหลายท่านในนี้นะ ทำได้หลายคนแล้ว เดี๋ยวตามอ่านไปเรื่อยๆนะ เดี๋ยวนานๆพวกเขาจะออกมาแฉ เอ๊ย มาแชร์ประสบการณ์

    ขอพูดเรื่องอารมณ์ที่ตามไม่ค่อยจะทันกันน่ะ เป็นเรื่องปกตินะ เพราะจิตนั้นฝึกยาก แต่เราก็ต้องฝึกกันนะ เพราะตราบใดยังวนเวียนมาที่ใจตนเอง หนีไม่พ้นความทุกข์ไปได้เลย มีทางเดียวนำจิตไปเรียนรู้ทุกข์ให้ได้

    แต่เหตุสมาคมชาวจิตเกาะพระ สังเกตดูนะ พวกเขาจะไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์กัน เพราะว่า จิตเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว (อันนี้พูดถึงสำหรับผู้ทำได้นะ)
    ที่บอกว่าพวกเขาไม่รู้สึกเป็นทุกข์กันนั้นก็หมายความว่า จิตพวกท่านเหล่านั้น คือจิตทรงสมาธิ หรือทรงฌานกันครับ
    แต่ถ้าคนเราจิตนิ่งสงบได้ จะไม่มีความทุกข์กันนะครับ จะต้องอาศัยจิตเป็นสมาธิ หรือทรงฌานเท่านั้น

    แต่ชาวจิตเกาะพระนี้ จิตทรงฌานได้ขณะที่ยังลืมตากันอยู่ คุณเชื่อไหม๊
    อย่าเชื่อในสิ่งที่ผมพูดไปนะ ขอให้มาลองพิสูจน์กันดูเองนะครับ

    ขอกล่าวไว้เพียงเท่านี้ก่อน
     
  11. catniss

    catniss Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2012
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +96
    เตรียมของแล้ว เตรียมใจไปด้วยสำคัญที่สุด เวลาเตรียมของนี่จะรู้สึกจิตตกเลย กังวล หลังจากวันนี้รื้อเป้ เตรียมอีกรอบจะปล่อยวางแล้ว อะไรจะเกิดก็เกิด เตรียมใจตายง่ายกว่าเยอะอ่ะ
     
  12. ไดมอนด์

    ไดมอนด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +150
    ตอนนี้เพิ่งเริ่มฝึกมโนมยิทธิ แต่ไปฝึกที่บ้านสายลมแค่ครั้งเดียวเลยยังไม่ค่อยคล่องเรื่องไปโน่นนี่นะค่ะ แต่ตอนปฏิบัติที่บ้านก็ภาวนานะมะพะธะ นะค่ะแต่เอาจิตไปจับภาพพระแทนใช้ได้มั้ยค่ะ แล้วอย่างนี้การฝึกสายนี้จะก้าวหน้ามั้ยค่ะ ก่อนหน้านี้ยุบหนอ พองหนอค่ะ
     
  13. กรรมบท 10

    กรรมบท 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +237
    ขอบคุณค่ะจะพยายามค่ะ
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผมจะขอกล่าวเพียงสั้นๆ และได้ใจความกันตรงนี้ให้ทราบโดยทั่วกันนะครับ
    เพราะธรรมะเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งมากนัก แต่ถ้าจิตผู้ใดไม่ละเอียดตาม หรือจิตไม่นิ่ง
    และไม่มีทางจะเข้าใจธรรมะอย่างแน่นอน ต่อให้ท่านไปท่องจำได้ทั้งหมด ก็ไม่มีประโยชน์ในเชิงปฎิบัติ แต่มิได้หมายความว่า อ่านแล้วไม่ได้อะไรนะ

    เพราะวัตถุประสงค์สูงสุดของพระพุทธศาสนาก็คือ ความหลุดพ้น
    หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งหลาย ทั้งปวง
    หรือหลุดพ้นวัฎฎสางสารตามที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว
    แต่ผมไม่ได้ไปสอนธรรมะกับผู้ใดนะ อย่าเข้าใจผิด เพราะว่าธรรมะไม่มีวันจะไปสอนกันได้ ได้เหมือนกันแต่น้อยมาก คือต้องเดินตามหลังครูบาอาจารย์กันดีๆโน้น

    ผมกำลังจะกล่าวธรรมะกันตรงๆที่ว่า กิเลสหยาบของตนเองที่ทุกคนมองข้ามกัน
    เช่นความโกรธ ขนาดผู้ปฎิบัติธรรมหลายท่านนะครับ ผมเข้าใจว่ายังมีอีกมากนะ ที่กำลังวิ่งตามจับความโกรธกันอยู่

    สรุปแล้วจับกันได้บ้าง จับกันไม่ได้บ้าง หรือตามทันบ้าง ไม่ทันบ้าง และก็จะอยู่แบบนี้แหล่ะ และจะไม่ค่อยจะพัฒนาขึ้นให้เร็ววันกันได้ หรือบางท่านถึงกับบอกในใจของตนว่า เมื่อไหร่ความโกรธมันจะออกไปจากจิตของเราสักที
    ขอตอบชัดๆตรงๆ ตรงนี้กันเลยนะครับว่า ไม่มีใครกำจัดไเ้หรอก และอย่าไปเข้าใจผิดๆกันว่า สักวันนึงเราจะต้องกำจัดให้สิ้นชากให้ได้ เลิกคิดไปได้เลย
    คิดใหม่ ทำใหม่ (ขอยืมสโลแกนของคุณทักษิณหน่อยนะ)
    แม้นกระทั่งพระอรหันต์ท่านก็ยังมีความโกรธกันอยู่เลย มันมิได้หนีจากเรา ขันธ์5 ไปที่ไหนกัน แต่ความโกรธนั้น นานๆทีถึงจะมาเยี่ยมกันสักทีนึง แต่ถ้าคนปกติ วันนึงคุณก็นับเอากันเอง นับไม่ถ้วนใช่ไหม๊?
    นับตั้งแต่ตื่นนอนเลยเอ๊า ก่อนไปทำงาน ขณะทำงาน เลิกงาน กลับเข้าไปถึงบ้าน และก่อนจะเข้านอนมีใครบ้างไหม๊? มานั่งนับความโกรธของตนเอง ไม่มีหรอก จริงไหม๊?
    แถมบอกว่าจะบ้าหรอ ใครจะไปนับ เพราะคนปกตินี่อะไรไม่ได้มักจะไม่ค่อยสนใจกันนะ เช่น ความทุกข์ มันก็เลยไม่หายไปจากเราสักทีนึง เพราะเราไม่ได้เรียนรู้มันนั่นเอง
    แต่ถ้าใครเรียนมันนะ ป่านนี้ฉลาดไปตั้งนานแล้ว ไปพระนิพพานกันตั้งนานแล้ว

    ข้ามไปนิดนึงว่า ความโกรธยังอยู่กันไปจนตายไปข้างนึง ตายไปก็นึกว่าหายไปแล้วที่ไหนได้ ตัวจดบันทึกมันหยุดทำงาน มันก็เลยบันทึกเรื่องราวทุกอย่างที่ไปทำกรรม(ดี-ชั่ว)นั้นไว้ทั้งหมด เคยได้ยินกันไหม๊ว่า คนเรามีกรรมนำมาเกิด นั่นแหล่ะ!

    ข้ามไปอีกไม่มีคนช่วยฉุด พิมพ์ไม่ทัน ธรรมะมันผุดตอนตีสาม(ตอนนี้บ้านผมกำลังตีสาม) บางท่านถามในใจว่า แล้วทำไมไม่นอน นั่นดิ นึกว่าผมไม่อยากไปนอนหรอ?
    ผมก็คิดเหมือนคุณนั่นแหล่ะ! แต่ทำยังไงกันได้เล่า ก็อยากใฝ่ธรรมกันนี่ ระวังนะใครนินทาผม จะเป็นแแบบผมที่กำลังสื่อธรรมะให้ท่านอยู่ขณะนี้ฯ

    ตอบสักทีนึงจะได้จบๆ เรื่องกิเลสหยาบ ได้แก่ ความโกรธ (คืนนี้จะไม่พูดกิเลสตัวอื่น)
    เอ๊าถามหน่อยว่า มีใครบ้างเคยฟังธรรมของพระอริยเจ้าท่านนึง คือหลวงปู่ดูลย์ฯ
    ท่านว่ายังไง คือ
    มีญาติโยมถามหลวงปู่ว่า... “หลวงปู่โกรธเป็นไหม”
    หลวงปู่ดูลย์ตอบว่า... “โกรธเป็น แต่ไม่เอา”

    จบไหม๊? ผู้ใดได้คำตอบยกมือขึ้นจะให้รางวัลอย่างงาม (เดี๋ยวจะพาไปทั่วร์พระนิพพาน แต่ห้ามขโมยเพชรนะ เพราะข้างบนมีเยอะ เพราะมีแทบทุกวิมาน)
    อ๊าวเผลอนิดเดียวโม้ซะยาวเลย....นึกว่าเล่านิทานก็แล้วกัน

    อย่าลืมนะ ใครตอบได้ ให้มาตอบในกระทู้นี้ ห้ามไปตอบที่กระทู้อื่น เดี๋ยวจะโดนด่า เพราะผมโดนด่ามาแล้ว ผมขอโทษเขาแทบไม่ทัน เพราะใครด่าผม ผมจะจะมาด่าตนเองอีกทีนึงว่า นั่นเองไปล่วงเกินจิตของผู้อื่นแล้ว ไป๊รีบไปขอโทษขอพายเขาซะ
    เห็นไหม๊ ผมก็มีความโกรธ มีกันทุกบ้าน ทุกร่างกาย ทุกขันธ์เลยแหล่ะ แต่ผมก็ตอบแบบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    อันนี้ถ้าความโกรธเข้ามานะ ให้พวกเรานึกถึงหลวงปู่ดูลย์ฯกันนะ

    เพราะความโกรธก็คล้ายกับอะไรนะ เมื่อกระทู้ก่อนหน้านี้ที่ผมทายไว้น่ะ อ่อ!
    ผีเสื้อดูดน้ำหวานน่ะ
    เฉลยให้ตรงนี้เลยนะว่า ความโกรธเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป
    นั่นมีคนในกระทู้นี้เก่งกันทุกคนเลย คือตอบได้แทบทุกคนเลย แต่เหตุฉไฉนเมื่อรู้แล้ว
    (สำหรับ)ยังเอาตัวกันไม่รอด งั้นก็เข้าตำราน่ะว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด...อิอิ
    ธรรมะง่านิดเดียว แต่ทำตามยาก ก็ด้วยเหตุนี้เองเน๊อะ....พุทธบริษัททั้งหลาย
    แหม๊ผมชอบคำพูดนี้จัง อดคิดถึง ระลึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้เลย
    แต่ผมว่าท่านยังไม่ตายนะ เพราะรู้สึกว่าท่านยังอยู่กับผมทุกๆวันเลยนะครับ
    เหมือนกับสมเด็จองค์ปฐมเลย ถึงท่านจะดับขันธ์ปรินิพพานไปตั้งนานแล้วก็ตาม
    แต่ทำไมเหมือนท่านยังมีชีวิตอยู่นะ แถมยิ้มเก่งด้วย ใจดีมาก มีพระเมตตาสูง
    ตอนใหม่ๆนะ ผมนั่งมองท่าน(ภาพสมเด็จองค์ปฐม) มองไป มองมา ดันไปร้องไห้ซะงั้น
    ก็เลยหยุดมอง และเป็นอย่างนี้บ่อยมาก ตอนหลังจะให้ร้องก็ได้ ไม่ให้ร้องก็ได้ แล้วจะทำอย่างไรเล่า สติไง๊เล่า สติมา น้ำตามันอายสติน่ะ เข้าใจไหม๊?
    เอ๊ะวันนี้ผมจัดหนักไปไหม๊? บอกด้วยนะ จัดเบา จัดหนักก็ได้ทั้งนั้น

    เพราะฉะนั้นผู้เจริญทั้งหลาย ผู้ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรมกันทั้งหลาย แต่ถ้าผู้ใดยังไปยึดเอาความโกรธของตนเอง ก็เท่ากับเราไปแช่งตนเองให้ตกหลุมรัก เอ๊ยตกหลุมนรกกันไวเท่านั้น
    เลิกกันได้แล้วนะ พูดง่าน แต่ทำยาก แต่เราก็ต้องขยันระลับให้ได้ ถามว่าอยู่ดีๆนี่เราระงับเองได้ไหม๊ ขอตอบตามตรงนะว่า ไม่ได้ ไม่มีทาง
    แล้วจะมีวิธีไหนหล่ะ! ก็ตอบต่อไปอีกว่า ภาวนานั่นไง
    บางท่านบอกว่าก็ทำอยู่นะ แต่เมื่อไหร่ความโกรธจะหายไปจากโลกนี้เสียที อันนี้พวกเราตอบกันได้รึยัง???
    แต่ถ้ายังให้นึกถึงหลวงปู่ดูลย์กันเข้าไว้....
    ผู้เจริญ ผู้มีปัญญาเท่านั้น ถึงจะรู้ทัน ที่บอกว่าณุ้ทันนี่หมายถึงว่า จิตไปรู้ความจริงของกิเลสหยาบ หรือความโกรธหมดแล้ว ที่แท้ความโกรธก็คือ บ่อนทำลายจิตใจของตนดีๆนี่แหล่ะ มันเกิดทีนึงเหมือนมีคนเอาไฟมารนที่ในกายเราทีนึง สังเกตดูนะว่าคนที่เกิดมาไม่สะสวยเพราะข้างในมีแต่ไฟ ไฟราคะบ้าง ไฟจากการเกิดของความโกรธเป็นหลัก
    และพวกนี้มักอายุสั้น คนขี้เหร่ถ้าอยากสวยนะ โดยไม่ต้องไปพึ่งตกแต่งศัลยกรรมให้เปลื้องเงิน มาในกระทู้ มาปฎิบัติธรรม มาทำจิตเกาะพระปั๊บเดียวเอง แต่ถ้าทำาำเร็จแล้วค่อยไปดูหน้าตนเองนะ ว่าเป็นอย่างที่ผมบอกมาหรือเปล่า


    ว่าจะพูดนิดเดียว ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ อ่านเล่นๆไปเห่อ ไหนๆก็หลงมาแล้ว
    ทีหลงกันมานับชาติไม่ถ้วน ยังไม่เห็นบ่นกันเลย
    แต่ถ้าใครทำภาวนามามากแล้ว แต่ยังกำจัดกิเลสหยาบ เช่นความโกรธกันไม่ไดนะ ผมขอแนะนำ นี่เลย(ขายยาอีกแล้วเรา) จิตเกาะพระ นี่ไงรักษาหายขาดไว ได้ผวเร็ว(แต่ต้องจิตจับพระได้เองนะ ไม่ใช่จับแค่วันสองวัน)
    จะไปพระนิพพานกันทั้งที ไม่มีความเพียร ไม่มีความอดน ไม่ขยันกันก็ไม่มีทางไปถึงกันได้ อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องพระนิพพานกันเลย เรื่อแค่ง่ายๆก็ยังทำกันไม่ได้ ให้ผ่านอบายภูมิให้ได้กันก่อนเถอะ....
    จิตเกาะพระ นอกจากพ้นอบายภูมิไปแบบง่ายดายแล้วยังไปพระนิพพานกันง่ายดายอีก.....บอกแล้วอย่าเชื่อ ให้มาพิสูจน์จึงจะรู้ เพราะเป็นเรื่องปัจจัตตัง....

    จิตอรหันต์ จิตปุถุชน
    �Ե���ѹ�� - �Ե��ت�
     
  15. namjaii

    namjaii เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +276
    อนุโมทนานะคะ ตอนที่อ่าน กระทู้หรือการตอบกระทู้ของคุณภู ก็รู้สึกถึงความเมตตา ของคุณ เลยศรัทธาและอยากปฏิบัติตาม แต่ติดตรงที่ว่า ไม่ทราบจะเกาะพระองค์ไหน ขอความกรุณากับคนที่อยากปฏิบัติด้วยค่ะ
     
  16. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745

    แหม..กำลังใจรับได้ตลอดเวลาเจ้าค่ะ ถ้าล้นออกมาจะได้แบ่งคนอื่นได้ไง
    ครูใหญ่ง่วนอยู่กับโรงทาน เดี๋ยวคงเข้ามาค่ะ จัดหนัก จัดเบา จัดไปเหอะค่ะ
    คนมีบุญทั้งนั้นที่เข้ามาโพสต์ เดี๋ยวบารมีเค้าถีงพร้อมก้อคงได้ pm ไปหาท่านพี่แหละ...แล้วอย่ามาบอกว่า งานเข้าแล้วกัลลลลลลลลลลลลลลลลล
     
  17. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    55555 น่ารักซ๊าาาา นี่แหละเด็กยุคกึ่งพุทธกาล
     
  18. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745

    เมื่อเช้ามาหากำลังใจ เย็นนี้ขอให้กำลังใจนะคะ
     
  19. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุค่ะ โห..นี่ได้อีกสองข้อ ใน 3 ข้อแรกของสังโยชน์ 10 เผลอ ๆยกโสดาไม่รู้ตัวนะนี่
     
  20. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    น้องขออนุญาตพี่ภู (จขกท.) และพี่ๆ ท่านอื่นๆ ตอบคุณไดมอนด์ ก่อนละกันนะคะ.. ฮ่าๆ


    ๑."เอาจิตไปจับภาพพระแทนใช้ได้มั้ยค่ะ "
    ตอบ. ได้ค่ะ ทำได้เลย ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา (แม้กระทั่งในฝัน ฮ่าๆ) จขกท. บอกแล้วว่าเป็นทางที่ไวที่สุด ไม่ต้องลังเลนะคะ ลองทำดู ลองกันสักตั้ง (ไหนๆ ก็หลงเข้ามาในกระทู้นี้แล้ว.. ฮ่าๆ.. )



    ๒."แล้วอย่างนี้การฝึกสายนี้จะก้าวหน้ามั้ยค่ะ "
    ตอบ. ทุกอย่างอยู่ที่ใจอย่างเดียวเลยค่ะ ถ้ามัวลังเลสงสัย จะใช่-ไม่ใช่ มันก็ไม่ไปไหนหรอกค่ะ ไม่ว่าึคุณจะปฏิบัติกรรมฐานกองไหนๆ ก็ตาม
    กำลังใจสำคัญที่สุด ถ้าตั้งใจจะทำ และตั้งใจว่าจะทำให้สำเร็จให้ได้.. มันก็จะก้าวหน้า ก็จะสำเร็จ ถ้าคุณลังเล ทำครึ่งๆ กลางๆ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง อย่างนี้ไม่สม่ำเสมอ ความต่อเนื่องมันก็ไม่มี คุณก็ไม่ก้าวหน้านะคะ



    ๓."ก่อนหน้านี้ยุบหนอ พองหนอค่ะ"
    ตอบ. อดีตไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะฝึกสมาธิมากี่ภพกี่ชาติ มีของเก่าของดีหรือไม่ก็ตาม ถ้าชาตินี้ไม่ตั้งใจปฏิบัติก็ไม่อาจสำเร็จได้ ยังต้องเกิด-ดับเพื่อเรียนรู้ต่อไป
    สำหรับดิฉันที่ไม่มีฤทธิ์อะไรเลย ทั้งที่เคยฝึกมโนฯ มาครั้งนึงแต่ก็เหมือนจะไปต่อไม่ได้ เพราะอะไร??
    ก่อนหน้านี้ดิฉันทั้งภาวนา "พุทโธ" บ้าง จนมา "นะมะพะธะ" แถมสวดมนต์ นั่งสมาธิก่อนนอนทุกวัน เท่านั้นยังไม่พอก่อนจะหลับมาดูลมหายใจอีก... ดิฉันเยอะไหมคะ? แล้วจิตของฉันเป็นไง? มันยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย.. ฮ่าๆ
    แต่ตอนนี้ฝึกจิตเกาะพระแล้วอารมณ์ดีขึ้น ปล่อยวางง่ายขึ้น แถมจิตมีสมาธิมากขึ้น (ถึงแม้สติจะตามทันบ้าง ไม่ทันบ้างก็เถอะ)

    ฝากไปถึงทุกท่านนะคะ ถ้าตั้งใจปฏิบัติ อยากกลับบ้านพระนิพพานกันชาตินี้ก็ขอให้ตั้งจิต และลองประคับประคอง "สติและจิต" ไปทีละนิด ทีละหน่อย ที่เหลือจิตจะเดินทางไปของมันเอง
    เริ่มได้วันนี้ ตอนนี้เลยนะคะ มองภาพพระบ่อยๆ เดี๋ยวจิตจะจำได้เอง เหมือนเราเห็นหน้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก สมมุติตอนนี้เราอยู่ต่างที่กับคุณพ่อ เราหลับตานึกถึงหน้าพ่อ เราก็เห็นหน้าพ่อแล้ว.. นี่ไง.. จิตมันจำภาพเองค่ะ..



    นอกเหนือจากนี้รอท่านอื่นๆ มาช่วยตอบอีกแรงละกันนะคะ.. ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...